BR7879CBS1 - คุณพูดในสิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดไว้แล้วมิใช่หรือ
สนทนากับปราชญ์ชาวพุทธครั้งที่ 1
ที่บร็อควู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
0:15 | N:ผมจะขอเริ่มแนะนำ |
ผู้เข้าร่วมสนทนาก่อนนะครับ | |
0:17 | นั่นคือ ดร.ชโลเกล |
0:20 | เธอเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียง |
ในเรื่องพุทธศาสนานิกายเซน | |
0:28 | เธอเคยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น |
เป็นเวลา 12 ปี | |
0:33 | ปัจจุบันนี้สอนพุทธศาสนา |
นิกายเซนอยู่ในกรุงลอนดอน | |
0:39 | เธอเคยเป็นบรรณารักษ์ของ |
พุทธสมาคมมาจนถึงเมื่อเร็วๆ นี้... | |
0:45 | |
0:46 | ...มีผู้คนมากมายรู้จักเธอ |
เพราะว่าเคยเป็นนักเรียนของเธอ... | |
0:57 | เราได้เตรียมการสนทนาแลกเปลี่ยนนี้ |
1:01 | กับกฤษณะจีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว... |
1:02 | ...แต่ก็ทำไม่ได้ |
1:05 | นั่นคือ ดร.ราหุล |
จากประเทศศรีลังกา... | |
1:08 | ...ท่านเป็นนักวิชาการ |
ผู้เชี่ยวชาญในพุทธศาสนา | |
1:10 | ที่มีชื่อเสียงทั้งในทางเถรวาทและมหายาน |
1:14 | ท่านบรรยายที่ศรีลังกา |
ที่ออกฟอร์ด | |
1:19 | และไปบรรยายที่สหรัฐ |
ที่ญี่ปุ่น และ... | |
1:26 | ...ท่านค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักันดี |
1:29 | และท่านได้เขียนหนังสือไว้ 2-3 เล่ม |
1:33 | และผมรู้สึกดีใจ... |
1:35 | ...ที่เราจะมีการสนทนากับกฤษณจีในวันนี้ |
1:45 | K:พวกคุณทั้งหมดคงรู้จัก |
ดร.โบห์มและตัวผมแล้ว | |
1:48 | คงไม่จำเป็นต้องแนะนำตัว |
1:56 | R:ใช่แล้วครับ |
เรารู้จักคุณเป็นอย่างดี | |
2:00 | และผมได้ติดตามคำสอนของคุณมานานแล้ว |
2:05 | ...ถ้าคุณจะอนุญาตให้ผมใช้คำว่าคำสอน |
2:07 | ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบคำนั้น |
2:08 | K:ไม่เป็นไรครับ |
2:12 | R:ตั้งแต่วัยหนุ่ม ผมได้อ่านหนังสือ |
เกือบทั้งหมดของคุณ | |
2:14 | ด้วยความสนใจอย่างยิ่ง |
เป็นความสนใจที่ลึกล้ำ... | |
2:22 | ...และผมต้องการจะพูดคุยกับคุณมานานแล้ว... |
2:28 | ...ซึ่งผมก็รู้สึกดีใจและยินดี |
เป็นอย่างยิ่งที่เราได้มีโอกาสในวันนี้.. | |
2:30 | |
2:34 | ...ขอขอบคุณคุณนารายัน |
สำหรับการจัดเตรียมทั้งหมดนี้ | |
2:39 | ผมคงต้องขอบอกว่า |
จากการที่ผมได้ติดตามคำสอน | |
2:42 | และหนังสือของคุณมาเป็นเวลาหลายปี... |
2:48 | ...และสำหรับคนที่รู้จักคำสอน |
ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี... | |
2:50 | |
2:57 | ...ผมขอบอกว่าคำสอนของคุณ |
เป็นสิ่งที่คุ้นเคยทีเดียว... | |
3:01 | ...และสำหรับบุคคลเช่นนั้น |
3:06 | มันไม่ใช่เป็นสิ่งใหม่ |
มันคล้ายคลึงกันมาก | |
3:09 | สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเมื่อ 2500 ปีก่อน |
3:14 | คุณนำเอามาสอนในวันนี้ด้วยสำนวนใหม่... |
3:15 | ...ในท่วงทำนองใหม่ |
3:22 | คุณนำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า |
มาพูดด้วยภาษาแบบใหม่ | |
3:26 | นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่เสมอ |
ในเวลาที่อ่านหนังสือของคุณ | |
3:31 | และผมได้บันทึกไว้บ่อยมาก |
แต่ผมไม่ได้เอาหนังสือมาด้วย... | |
3:35 | ...ผมจะมีหนังสือของคุณแทบทุกเล่ม |
3:37 | และในเวลาที่ผมอ่านหนังสือของคุณ... |
3:38 | ...ผมมักจะบันทึกลงในช่องว่าง |
ตามหน้าหนังสืออยู่บ่อยๆ... | |
3:44 | ...เพื่อเปรียบเทียบคำสอนตอนนั้นตอนนี้ |
กับคำสอนของพระพุทธเจ้า... | |
3:48 | ...บางครั้งผมก็อ้างอิงบทกวี |
หรือรายละเอียดหรือคัมภีร์... | |
3:50 | ...ไม่ใช่เฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้า |
3:55 | ที่เป็นคำสอนที่มีมาแต่โบราณ |
ที่ดั้งเดิมเท่านั้น... | |
4:00 | ...แม้แต่แนวความคิดของนักปรัชญา |
ทางพุทธศาสนารุ่นหลังๆ ด้วย | |
4:03 | ซึ่งผมจะขอถกกับคุณอีกภายหลัง... |
4:06 | ...แม้แต่แนวความคิดเหล่านั้น |
คุณก็พูดเหมือนกันเลยทีเดียวก็ว่าได้ | |
4:13 | ผมรู้สึกทึ่งที่คุณสื่อสิ่งเหล่านี้ |
ได้ดีจริงๆ และงดงามมากด้วย | |
4:20 | และผมขอเริ่มต้น โดยอ้างถึง |
2-3 ประเด็นอย่างรวบรัด... | |
4:27 | ...ซึ่งเป็นส่วนที่มีอยู่ร่วมกัน |
4:30 | ระหว่างคำสอนของพระพุทธเจ้า |
และของคุณ | |
4:32 | ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้า |
ไม่ยอมรับว่ามีพระเจ้าผู้สร้างโลก... | |
4:38 | ...และปกครองโลกนี้อยู่ |
4:42 | ทั้งเป็นผู้ให้รางวัลและลงโทษ |
ในการกระทำของพวกเขา | |
4:46 | คุณก็ไม่ยอมรับแนวความคิดนั้นเช่นเดียวกัน |
4:48 | ผมเชื่ออย่างนั้น |
4:50 | พระพุทธเจ้าไม่ยอมรับคัมภีร์พระเวท |
4:55 | ซึ่งเป็นแนวความคิดของพราหมณ์ |
เกี่ยวกับความเป็นนิรันดร์... | |
5:00 | ...การคงอยู่อย่างถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง |
5:03 | และเป็นอมตะของจิตวิญญาณหรืออาตมัน |
พระพุทธปฏิเสธเรื่องนี้ | |
5:05 | ผมคิดว่าคุณก็ไม่ยอมรับ |
จิตวิญญาณแบบนั้นเช่นเดียวกัน | |
5:12 | จากนั้นพระพุทธเจ้าจึงเริ่มคำสอน |
จากพื้นฐานที่ว่า | |
5:17 | ชีวิตมนุษย์อยู่ในสภาพที่สับสน ที่ยากลำบาก |
5:22 | ...เป็นทุกข์ ขัดแย้งและทุกข์โศก |
5:25 | และผมก็เห็นว่า ในหนังสือของคุณ |
จะเน้นเรื่องนี้อยู่เสมอ | |
5:29 | จากนั้นพระพุทธเจ้าก็บอกว่า |
5:32 | สาเหตุของความขัดแย้งหรือความทุกข์... |
5:34 | ...ทั้งหมดนั้นมาจากความเห็นแก่ตัว... |
5:39 | ...ที่เกิดขึ้นจากแนวความคิด |
ที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตน | |
5:43 | เช่นตัวตนของฉัน |
อาตมันของฉัน | |
5:46 | ผมคิดว่าคุณก็พูดเรื่องเดียวกัน |
5:51 | และจากนั้นพระพุทธเจ้าก็บอกว่า |
5:52 | เมื่อใครก็ตามเป็นอิสระ |
จากความอยาก(ตัณหา).. | |
5:55 | ...จาการยึดติด การผูกพัน |
(อุปทาน) หรือตัวตน(อัตตา) | |
5:58 | เขาย่อมเป็นอิสระจากความทุกข์ |
เป็นอิสระจากความขัดแย้ง | |
6:04 | ผมจำได้ว่าคุณเคยพูดที่ไหนสักแห่งว่า |
6:07 | ...อิสรภาพหมายถึงอิสรภาพ |
จากการยึดติด(อุปาทาน) | |
6:14 | การผูกพันมั่นหมายทั้งหมด |
6:16 | นั่นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างแน่นอน |
6:18 | ที่ว่าในบรรดาการยึดติดทั้งหมด... |
6:19 | ...ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นการยึดติดที่ดี... |
6:24 | ...และการยึดติดที่ไม่ดี |
6:27 | แน่นอนว่าในโลกสมมุติ ในชีวิตประจำวัน |
มีเรื่องการแบ่งแยกดี-ชั่ว... | |
6:31 | ...แต่ในโลกปรมัตถ์ |
ไม่มีการแบ่งแยกเช่นนั้น | |
6:35 | จากนั้นการเห็นสัจจะ |
การประจักษ์แจ้งสัจจะ | |
6:44 | ซึ่งเป็นการเห็นสิ่งต่างๆ |
ตามที่มันเป็นอยู่จริง... | |
6:48 | ...อย่างที่พระพุทธเจ้าพูด |
เป็นคำทางพุทธศาสนาว่า ยถาภูตัง.. | |
6:52 | ..อย่างที่สรรพสิ่งเป็นอยู่.. |
K:ภูตังใช่ครับ | |
6:56 | R:...เมื่อคุณเห็นเช่นนั้น |
คุณก็เห็นความจริง คุณเห็นสัจจะ... | |
7:01 | ..และคุณก็เป็นอิสระจากความขัดแย้งนั้น |
7:04 | ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่คุณพูดบ่อยๆ |
ในการถกกัน... | |
7:09 | ...ระหว่างคุณกับดร.โบห์ม |
7:16 | ในหนังสือชื่อ |
" สัจจะและความเป็นจริง " | |
7:22 | ...ในการถกกันครั้งนั้น |
คุณได้ถกกันถึงปัญหานี้ | |
7:28 | เมื่อผมอ่านเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ |
7:31 | ผมคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้าง |
รู้กันดีในหมู่ชาวพุทธ.. | |
7:37 | ...คือเรื่องสมมติสัจจะ |
และปรมัตถสัจจะ | |
7:41 | สมมติสัจจะคือ |
ความจริงที่สมมติขึ้นมา... | |
7:44 | ...ส่วนปรมัตถสัจจะก็คือ |
ความจริงที่สมบูรณ์หรือเป็นที่สุด | |
7:48 | ดังนั้น คุณจึงไม่สามารถ |
เห็นความจริงขั้นปรมัตถ์.. | |
7:55 | ...หรือความจริงที่สมบูรณ์ |
โดยปราศจากการเห็นความจริงสัมพัทธ์ | |
7:56 | หรือสมมติสัจจะ |
8:01 | นั่นคือทัศนคติของชาวพุทธเช่นเดียวกัน |
8:03 | ผมคิดว่าคุณก็พูดอย่างเดียวกัน |
8:04 | K:ใช่ครับ |
R:แล้วในหัวข้อหนึ่ง… | |
8:08 | ...ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง |
ในระดับที่คนทั่วไปยอมรับมากว่า | |
8:12 | แต่มันมีความสำคัญมาก... |
8:14 | ..คุณพูดเสมอว่า... |
8:17 | ...คุณจะต้องไม่พึ่งพิงอำนาจที่เหนือกว่า |
(ในด้านจิตใจ)... | |
8:19 | ...ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของใคร |
หรือคำสอนของใครก็ตาม | |
8:22 | คุณจะต้องตระหนักรู้ด้วยตัวคุณเอง |
คุณต้องเห็นมันด้วยตัวเอง | |
8:26 | นี่เป็นคำสอนที่รู้จักกันดีในพุทธศาสนา |
8:30 | และพระพุทธเจ้าได้บอกกับชาวกาลามะว่า... |
8:34 | ...อย่ายอมรับอะไรก็ตาม |
เพียงเพราะว่ามันมาจากศาสนา... | |
8:38 | ...หรือคัมภีร์ ครู หรือคุรุ... |
8:41 | ...จนกว่าเธอจะเห็นด้วยตัวเองว่า |
มันถูกต้องเท่านั้น... | |
8:46 | ...จึงค่อยยอมรับมัน ถ้าเธอเห็นว่า |
มันผิดหรือเลวจึงค่อยปฏิเสธมัน | |
8:51 | ผมจำได้ถึงการถกกันอย่างน่าสนใจ |
8:54 | ระหว่างคุณกับ |
Swami Venkatesananda | |
8:58 | K:ใช่ครับ |
R:ซึ่งความเห็นของท่านสวามี.. | |
9:02 | ...ก็คือแนวความคิดเรื่องคุรุ |
และความสำคัญของคุรุ... | |
9:06 | ...แต่คุณมักจะพูดเสมอว่า |
คุรุจะทำอะไรได้ มันเป็นงานของคุณ.. | |
9:11 | ...เป็นธุระของคุณ |
ซึ่งคุรุไม่สามารถช่วยคุณได้ | |
9:15 | นั่นตรงกับทัศนคติของชาวพุทธเลยทีเดียว |
9:20 | ที่ว่าคุณไม่ควรยอมรับอำนาจที่เหนือกว่า... |
9:24 | ..และหลังจากที่ได้อ่านแล้ว |
ผมก็ได้ฟังการเสวนานั้นเช่นเดียวกัน | |
9:28 | เพื่อนผมคนหนึ่งเปิดเทปนั้นให้ฟัง... |
9:31 | ...ต่อมาภายหลัง |
ผมจึงได้อ่านการเสวนาทั้งหมด | |
9:35 | ในหนังสือของคุณชื่อ |
"การตื่นขึ้นแห่งปัญญา" | |
9:39 | หลังจากอ่านแล้ว |
ในตอนจบผมได้บันทึกไว้ว่า | |
9:44 | ...พระพุทธเจ้าเคยพูด |
สิ่งเหล่านี้เช่นเดียวกัน | |
9:47 | การเสวนาทั้งหมดนั้นสรุป |
โดยพระพุทธเจ้า... | |
9:49 | ...ในสองบรรทัดของหนังสือธรรมบทว่า... |
9:56 | ...เธอต้องทำความเพียรเอง |
พระพุทธเจ้าได้แต่สอนเท่านั้น | |
10:02 | K:ใกล้เคียงทีเดียว |
R:ข้อความนี้อยู่ในหนังสือธรรมบท.. | |
10:05 | ...ซึ่งคุณเคยอ่านนานมาแล้ว |
สมัยที่คุณยังหนุ่ม... | |
10:09 | ...ผมอ่านพบในหนังสือของ Mary Lutyen |
10:12 | คุณอ้างถึงข้อความในหนังสือนี้ |
แต่ไม่ใช่บรรทัดนี้ | |
10:16 | มีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก |
10:19 | ซึ่งผู้คนมากมายไม่เข้าใจในเวลาที่คุณพูด... |
10:24 | ...ผมคงต้องพูดอย่างเปิดเผยให้พวกเขาได้รู้ |
10:26 | ถ้าหากพวกเขายังไม่เข้าใจ... |
10:30 | ...คือการที่คุณเน้นย้ำ |
ในเรื่องของการรู้ตัวหรือสติ | |
10:36 | นี่เป็นสิ่งหนึ่งในคำสอนของ |
พระพุทธเจ้าที่มีความสำคัญมาก | |
10:38 | มีความสำคัญอย่างที่สุด... |
10:41 | ...ซึ่งมีอยู่ในสติปัฏฐานสูตร |
หมายถึง การรู้ตัวหรือสติ | |
10:48 | ตัวผมเองรู้สึกประหลาดใจมาก |
เมื่อผมได้อ่านมหาปรินิพพานสูตร.. | |
10:54 | ..ซึ่งเป็นการสอน เป็นพระสูตร |
10:57 | ในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายในชีวิตของพระองค์ |
11:01 | ในทุกๆ แห่งที่พระองค์หยุดพัก |
และพูดกับบรรดาสาวก... | |
11:05 | ...พระองค์พูดว่าจงรู้ตัวถึงสิ่งต่างๆ |
อยู่เสมอ ให้รู้ตัว ให้เจริญสติ | |
11:13 | นี่เรียกว่า สติปัฏฐาน... |
11:14 | ...ซึ่งหมายความว่า |
ให้รู้ตัวอยู่เสมอหรือให้มีสติ | |
11:17 | |
11:18 | เรื่องนี้เป็นจุดแข็งมากจุดหนึ่ง |
ในคำสอนของคุณเช่นเดียวกัน... | |
11:22 | ...ซึ่งผมซาบซึ้งเป็นอย่างมาก |
และทำตาม | |
11:25 | อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ... |
11:28 | ...การที่คุณเน้นอยู่เสมอ |
ถึงความไม่เที่ยง ความทุกข์ | |
11:32 | |
11:35 | นี่คือเรื่องพื้นฐานประการหนึ่ง |
ในคำสอนของพระพุทธเจ้า... | |
11:38 | ...ที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน |
ไม่มีอะไรคงทนถาวร | |
11:42 | และคุณได้พูดอย่างเดียวกันนี้ |
ในที่แห่งหนึ่ง... | |
11:45 | ผมคิดว่าอยู่ในหนังสือเรื่อง |
"อิสรภาพเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่รู้" | |
11:48 | ...ว่าการค้นพบว่า |
ไม่มีอะไรคงอยู่อย่างถาวร | |
11:51 | มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด... |
11:53 | ...เพราะจากการค้นพบนั้นเท่านั้น |
จิตใจจึงจะเป็นอิสระ | |
11:57 | เรื่องนั้นมีอยู่ในอริยสัจ 4 |
ของพระพุทธเจ้า | |
12:01 | ที่บอกว่าเมื่อเธอเห็นเช่นนั้น |
12:05 | ยังมีประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจมาก |
ที่ผมอยากพูดถึง นั่นคือ | |
12:16 | ..คำสอนของคุณและของพระพุทธเจ้า |
12:19 | เป็นไปอย่างสอดคล้อง |
ปราศจากข้อขัดแย้งใดๆได้อย่างไร | |
12:21 | |
12:25 | ผมคิดว่าจากหนังสือ "อิสรภาพ |
เกิดขึ้นเมื่อคุณไม่รู้" คุณพูดว่า | |
12:27 | ...การควบคุมและระเบียบวินัย |
จากด้านนอกไม่ใช่หนทาง... | |
12:32 | ...แต่ชีวิตที่ไร้ระเบียบวินัย |
ก็ไม่มีคุณค่าใดๆ เช่นกัน | |
12:37 | เมื่อผมอ่านข้อความนี้ ผมก็บันทึก |
ในที่ว่างบนหน้ากระดาษ | |
12:41 | ถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้า |
บอกกับพราหมณ์คนหนึ่ง | |
12:43 | ...พราหมณ์ถามพระพุทธเจ้าว่า |
12:45 | |
12:48 | "ท่านบรรลุถึงจุดสูงสุดทางจิตวิญญาณ... |
12:53 | ...และปรีชาญาณเหล่านี้ได้อย่างไร |
ด้วยศีลอะไร... | |
12:55 | ...ด้วยระเบียบวินัยอะไร |
ด้วยความรู้อะไร ที่ทำให้ท่านบรรลุ" | |
12:57 | |
13:03 | พระพุทธเจ้าตอบว่า |
"ไม่ใช่ด้วยความรู้... | |
13:09 | ...ไม่ใช่ด้วยระเบียบวินัย |
ไม่ใช่ด้วยศีล ไม่ใช่ด้วยคำพูด... | |
13:15 | ...ทั้งไม่ใช่ปราศจากสิ่งเหล่านั้น |
นั่นคือสิ่งสำคัญที่พระองค์พูด... | |
13:17 | ...ไม่ใช่ด้วยสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ |
โดยปราศจากสิ่งเหล่านี้เช่นกัน | |
13:21 | ซึ่งก็ตรงกับที่คุณพูดเลยทีเดียว |
13:24 | คุณตำหนิการเป็นทาสของระเบียบวินัย... |
13:27 | ...แต่ถ้าปราศจากระเบียบวินัย |
ชีวิตก็ไม่มีคุณค่าอะไร | |
13:30 | ในเซนก็เหมือนกัน ซึ่งก็คือ |
พระพุทธศาสนานั่นแหละ | |
13:33 | ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระพุทธศาสนา |
แบบเซน แต่เซนคือพระพุทธศาสนา | |
13:36 | |
13:38 | ในคำสอนของเซนนั้น |
ระเบียบวินัยคือการยึดติด (อุปทาน) | |
13:43 | และการเป็นทาสต่อสิ่งนั้น |
ถูกประนามอย่างรุนแรง... | |
13:46 | ...แต่ผมคิดว่าไม่มีนิกายใด |
ในพุทธศาสนาในโลกนี้... | |
13:50 | ...ที่เน้นย้ำระเบียบวินัยอย่างมากมาย |
13:53 | ผมคิดว่า ดร.ชโลเกล |
จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลัง | |
14:00 | ฉะนั้นมีเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด |
14:03 | และเรามีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย |
ที่จะพูดคุยถึง... | |
14:05 | ...แต่ผมขอเริ่มต้นโดยบอกว่าสิ่งต่างๆ |
เหล่านี้... | |
14:11 | ...หรือสิ่งพื้นฐานเหล่านี้ |
สอดคล้องกันทีเดียว | |
14:14 | ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ระหว่างคุณ |
กับพระพุทธเจ้า | |
14:19 | ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่ใช่ |
ชาวพุทธอย่างที่คุณพูดไว้ | |
14:21 | K:ไม่ใช่ครับ |
14:22 | R:ไม่ใช่ และตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร |
ซึ่งมันก็ไม่สำคัญอะไร | |
14:26 | แต่ในคำสอนของคุณและของพระพุทธเจ้า |
14:31 | แทบจะไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ เลย |
14:33 | ...มีแต่เพียงว่า คุณพูดสิ่งเดียวกัน |
ในลักษณะที่กระตุ้นความสนใจ... | |
14:37 | ...สำหรับคนในสมัยนี้ |
หรือในอนาคต | |
14:41 | และในขณะนี้ผมอยากทราบว่า |
14:44 | คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ |
14:50 | K:ครับ ผมขออนุญาตพูดด้วยความเคารพว่า |
14:54 | ทำไมคุณจึงเปรียบเทียบ |
14:59 | R:เปล่าครับ |
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า | |
15:02 | เมื่อผมอ่านหนังสือของคุณ |
ในฐานะนักวิชาการทางพุทธศาสนา. | |
15:09 | ..ในฐานะ |
ผู้ที่เคยศึกษาคัมภีร์ทางพุทธศาสนา | |
15:12 | ผมจึงมักเห็นว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน |
15:15 | K:ครับ |
แต่ผมขออนุญาตถามว่า... | |
15:21 | ...การเปรียบเทียบมีความจำเป็นอย่างไร |
15:25 | R:ไม่มีความจำเป็นเลย |
15:28 | K:ถ้าหากคุณไม่ใช่นักวิชาการทางพุทธศาสนา |
และพระสูตรทั้งหมด.. | |
15:31 | |
15:37 | ...รวมทั้งคำพูดของพระพุทธเจ้า |
15:40 | ถ้าหากคุณไม่ได้ศึกษาในแง่วิชาการ... |
15:47 | ...และไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึก... |
15:50 | ...ถ้าหากคุณไม่มีภูมิหลัง |
ในเรื่องทั้งหมดนี้ | |
15:53 | เมื่อคุณอ่านหนังสือนี้ (งานของ |
กฤษณมูรติ) มันจะกระทบใจคุณไหม | |
15:56 | R:ผมคงไม่สามารถบอกได้ เพราะว่า |
ผมไม่เคยปราศจากภูมิหลังนั้น | |
15:57 | มันเป็นสภาพที่ถูกครอบงำอยู่ |
มันเป็นการครอบงำอย่างหนึ่ง | |
16:02 | เราทั้งหมดถูกครอบงำ |
16:06 | K:ถูกต้องครับ |
16:09 | R:ดังนั้นผมตอบคำถามนั้นไม่ได้.. |
16:12 | ...เพราะว่าผมไม่รู้ว่าสภาพที่ |
ไม่ถูกครอบงำเป็นอย่างไร | |
16:17 | K:ดังนั้น ถ้าหากผม |
จะขออนุญาตชี้ให้เห็น... | |
16:22 | ...ผมหวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร |
16:32 | R:ไม่เลยครับ |
16:38 | K:ความรู้ครอบงำมนุษย์หรือไม่ |
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในคัมภีร์.. | |
16:40 | ...ความรู้ที่นักบุญเคยพูดไว้ |
และความรู้อื่นๆ อีก... | |
16:45 | |
16:51 | ...บรรดาสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ |
ทั้งหมดช่วยมนุษย์ได้ไหม | |
16:58 | R:แน่นอนว่าคัมภีร์และความรู้ |
ทั้งหมดนั้นครอบงำมนุษย์... | |
17:05 | ...ไม่มีข้อสงสัยใดๆในเรื่องนั้น |
17:11 | มันครอบงำและ |
มันกำลังครอบงำอยู่ | |
17:27 | แต่ผมพูดได้ว่า |
ไม่ใช่ว่าความรู้มันไม่จำเป็น | |
17:29 | มันเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าได้ชี้ |
ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า | |
17:35 | ...เมื่อเธอต้องการข้ามแม่น้ำ |
แต่ไม่มีสะพาน... | |
17:39 | ...เธอจึงสร้างเรือสำหรับตัวเธอเอง |
17:43 | และเธอก็ข้ามแม่น้ำโดยอาศัยเรือนั้น |
17:47 | เมื่อข้ามไปถึงฝั่งแล้ว |
ถ้าเธอมัวแต่คิดว่า... | |
17:51 | |
17:55 | ...เรือลำนี้มีประโยชน์ต่อฉันมาก |
และช่วยให้ฉันข้ามมาได้... | |
17:57 | ...ฉันไม่อาจทิ้งมันไว้ตรงนี้ได้ |
17:59 | ฉันจะต้องเอามันไปด้วย |
แล้วเธอก็แบกมันไป | |
18:03 | พระองค์จึงถามบรรดาภิกษุว่า |
"ชายคนนั้น ทำถูกไหม" | |
18:08 | ภิกษุตอบว่า "ไม่" ถ้าอย่างนั้น |
สิ่งที่เธอควรทำก็คือการพูดว่า... | |
18:09 | |
18:13 | ...แน่นอนว่าเรือลำนี้ได้ช่วยเหลือฉัน |
แต่ฉันข้ามแม่น้ำได้แล้ว... | |
18:15 | |
18:19 | ...เดี๋ยวนี้มันไม่มีประโยชน์ใดๆ |
กับฉันอีกต่อไป... | |
18:21 | ...ฉันจะทิ้งมันไว้ที่นี่ให้คนอื่นได้ใช้ |
18:24 | นั่นคือ ทัศนคติเกี่ยวกับความรู้ |
และการเรียนรู้ | |
18:27 | พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ไม่เพียงแต่ |
คำสอนเท่านั้น แม้แต่คุณธรรม... | |
18:33 | ...หรือศีลธรรมก็เหมือนกับเรือนั่น |
เช่นเดียวกัน... | |
18:39 | ...สิ่งเหล่านั้นมีคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงได้ |
18:42 | และเป็นคุณค่าที่มีเงื่อนไข |
18:44 | K:ผมอยากจะขอถามคำถาม |
18:47 | ผมไม่ได้สงสัยสิ่งที่คุณกำลังพูดนะครับ |
18:49 | แต่ผมขอถามว่า |
ความรู้ที่เรารับรู้จริงๆ นั้น... | |
18:51 | |
19:02 | ...มีคุณสมบัติในการปลดปล่อย |
จิตใจให้เป็นอิสระหรือไม่ | |
19:10 | R:ผมไม่คิดว่าความรู้สามารถ |
ปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระได้ | |
19:13 | K:มีคุณสมบัติหรือไม่ครับ |
19:15 | ความรู้ไม่สามารถทำได้ |
แต่คุณสมบัติที่คุณได้จากความรู้ | |
19:22 | ...เช่นพลัง การรับรู้ถึงความสามารถ |
การรับรู้ถึงคุณค่า... | |
19:33 | ...ความรู้สึกว่าคุณรู้น้ำหนักของความรู้... |
19:43 | ...คุณสมบัตินั้น |
ทำให้อัตตาเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ | |
19:49 | R:แน่นอนครับ |
20:02 | K:ดังนั้นจริงๆ แล้ว |
ความรู้ครอบงำมนุษย์หรือไม่ | |
20:04 | ขอให้เราตั้งคำถามอย่างนี้ |
20:06 | R:ความรู้หรือ |
ใช่แน่นอนเลย มันเป็นเช่นนั้น | |
20:11 | K:และ คำว่า "ความรู้" นั้น |
เราทั้งสองคนและทั้งหมดแน่ใจว่า... | |
20:14 | ...มันหมายถึงการสะสมข้อมูล... |
20:20 | ...การสะสมประสบการณ์ |
สะสมข้อเท็จจริงและทฤษฎีต่างๆ... | |
20:27 | ...และหลักการต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน |
20:32 | กลุ่มก้อนที่สั่งสมไว้ทั้งหมดนี้ |
เราเรียกว่าความรู้ | |
20:41 | แล้วอดีตช่วยให้เป็นอิสระได้ไหม |
เพราะว่าความรู้ก็คืออดีต | |
20:49 | R:อดีตทั้งหมดนั้น ความรู้ทั้งหมดนั้น |
หายไปในขณะที่คุณเห็นสัจจะ | |
20:54 | |
21:03 | K:จิตใจที่ถ่วงหนักไปด้วยความรู้ |
สามารถเห็นสัจจะได้ไหม | |
21:11 | R:ไม่อย่างแน่นอน ถ้าจิตใจถ่วงหนัก... |
21:16 | ...รกเรื้อและห่อหุ้มด้วยความรู้... |
21:19 | K:แต่จิตใจเป็นเช่นนั้น โดยทั่วไป |
แล้วมันถ่วงหนักด้วยความรู้ | |
21:22 | จิตใจของผู้คนส่วนใหญ่อัดแน่น |
และพิกลพิการลงด้วยความรู้ | |
21:29 | ผมใช้คำว่า "พิกลพิการ" |
ในความหมายว่ามีน้ำหนักถ่วงทับลงมา | |
21:36 | จิตใจเช่นนั้นสามารถหยั่งรู้ว่า |
สัจจะคืออะไรได้ไหม | |
21:43 | หรือมันจะต้องเป็นอิสระจากความรู้ |
21:50 | R:การจะเห็นสัจจะได้ จิตใจจะ |
ต้องเป็นอิสระจากความรู้ทั้งปวง | |
21:57 | K:ใช่แล้ว แล้วทำไมเราต้อง |
สะสมความรู้แล้วก็ทิ้งมันไป... | |
22:03 | ...แล้วจึงมาแสวงหาสัจจะ |
22:05 | คุณเข้าใจที่ผมกำลังพูดไหม |
22:08 | R:เข้าใจครับ |
22:17 | ผมคิดว่าในชีวิตของเรานั้น |
แม้แต่ในชีวิตปรกติธรรมดา... | |
22:26 | ...สิ่งต่างๆ ส่วนมากที่เราหลีกเลี่ยงนั้น |
จะมีประโยชน์ในตอนเริ่มต้น... | |
22:27 | ...ยกตัวอย่างเช่นในการเล่าเรียน |
สมัยเป็นเด็กเล็กๆ ที่โรงเรียน... | |
22:31 | ...เราไม่สามารถเขียนโดยไม่มีเส้นบรรทัด... |
22:33 | K:แน่นอน |
22:35 | R:แต่ทุกวันนี้ผมไม่สามารถเขียน |
บนกระดาษที่มีเส้นบรรทัด | |
22:38 | K:ไม่ใช่ |
22:39 | R:แต่ถ้าผมอยู่ในขั้นนั้น |
22:42 | K:เดี๋ยวก่อนครับ ผมเห็นด้วย |
22:46 | เมื่อคุณเรียนที่โรงเรียน |
วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย | |
22:49 | เราต้องมีเส้นบรรทัด... |
22:52 | เส้นบรรทัดเพื่อเขียนและอื่นๆ |
22:57 | ...แต่ตอนเริ่มต้น มีผลกระทบ |
อย่างใหญ่หลวงไม่ใช่หรือ... | |
23:18 | ...โดยที่มันอาจจะไปครอบงำอนาคต |
เมื่อเขาโตขึ้น | |
23:23 | คุณเข้าใจไหม ผมไม่ทราบว่า |
ผมอธิบายได้ชัดเจนพอไหม | |
23:25 | |
23:30 | อิสรภาพอยู่ที่จุดสุดท้ายหรือจุดเริ่มต้น |
23:36 | R:มันไม่มีจุดเริ่มต้น |
มันไม่มีจุดสุดท้าย | |
23:44 | อิสรภาพไม่มีจุดเริ่มต้น จุดสุดท้าย และ... |
23:49 | K:ไม่ใช่ ดังนั้น คุณพูดได้ไหมว่า |
อิสรภาพถูกจำกัดด้วยความรู้ | |
23:58 | R:อิสรภาพไม่ได้ถูกจำกัดด้วยความรู้... |
24:02 | บางทีความรู้ที่ถูกนำมาใช้ |
หรือได้มาอย่างผิดๆ | |
24:08 | อาจจะเป็นอุปสรรคต่ออิสรภาพ |
24:10 | K:ไม่ใช่ ไม่มีการสะสมความรู้ที่ถูกหรือผิด |
24:15 | |
24:16 | ผมอาจจะทำสิ่งที่น่าเกลียด |
แล้วสำนึกผิด... | |
24:23 | ...หรือยังทำสิ่งที่น่าเกลียดเหล่านั้นต่อไป |
24:26 | ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ของผมอีก |
24:31 | ดังนั้นผมกำลังถามว่า |
ความรู้นำไปสู่อิสรภาพหรือไม่ | |
24:41 | อย่างที่คุณพูดว่า ระเบียบวินัย |
จำเป็นในตอนเริ่มต้น | |
24:51 | และเมื่อคุณโตขึ้น มีวุฒิภาวะ |
มีความสามารถและอื่นๆ เป็นต้น | |
24:55 | |
25:02 | ...ระเบียบวินัยนั้นจะไม่ครอบงำจิตใจหรือ... |
25:06 | ...ซึ่งจะทำให้มันไม่อาจเลิกระเบียบวินัยได้ |
25:10 | ระเบียบวินัยในความหมายธรรมดาทั่วๆไป |
25:16 | R:ครับ ผมเข้าใจดีทีเดียว |
25:19 | คุณเห็นด้วยที่ว่าระเบียบวินัย |
25:23 | มีความจำเป็นในตอนเริ่มต้นหรือในระดับหนึ่ง |
25:25 | K:แต่ผมตั้งคำถามต่อเรื่องนั้นครับ |
25:27 | เมื่อผมพูดว่าผมตั้งคำถามมัน |
ผมไม่ได้หมายความว่า | |
25:28 | ผมสงสัยมันหรือมันไม่จำเป็น... |
25:32 | ...แต่ผมตั้งคำถามเพื่อการสืบค้น |
25:37 | R:ใช่ ผมน่าจะพูดว่า |
ในระดับหนึ่งนั้นมันจำเป็น... | |
25:43 | ...และถ้าคุณไม่เคยละทิ้งมันได้เลย |
เอาละ ยกตัวอย่างเช่น... | |
25:47 | ผมกำลังพูดจากทัศนะของชาวพุทธ |
25:53 | ในทางพุทธศาสนา |
มีคำเกี่ยวกับมรรคอยู่ 2-3 คำ นั่นคือ | |
26:01 | ...สิกขา หมายถึง ผู้คนทั้งหมดที่ |
กำลังอยู่บนหนทาง ยังไปไม่ถึง... | |
26:04 | |
26:07 | |
26:12 | ...ซึ่งหมายถึง ระเบียบวินัย ศีลทั้งหมด... |
26:16 | ...รวมทั้งสิ่งทั้งหมดทั้งที่ดีและเลว |
ถูกและผิด | |
26:18 | สำหรับพระอรหันต์ที่ประจักษ์แจ้ง |
สัจธรรมแล้ว เรียกว่า อสิกขา... | |
26:22 | K:อสิกขา |
26:23 | R:พระอรหันต์ไม่มีระเบียบวินัย |
26:24 | K:ไม่มี แต่ท่านอยู่เหนือสิ่งนั้น |
26:25 | R:เพราะว่าท่านอยู่เหนือสิ่งนั้น |
26:25 | K:ครับ ผมเข้าใจเรื่องนี้ |
26:28 | R:แต่นั่นคือความเป็นจริงในชีวิต |
26:33 | K:ผมขอตั้งคำถามในเรื่องนั้นครับ |
26:36 | R:ผมไม่มีความสงสัยใดๆ เกี่ยวกับ |
เรื่องนั้นในจิตใจของผม | |
26:40 | K:ถ้าเช่นนั้นเราก็หยุดการสืบค้นละซิ |
26:43 | R:ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้น |
26:45 | K:ไม่ ผมหมายถึงว่าเรากำลังพูดถึง... |
26:52 | ...ความรู้ ความรู้มีประโยชน์หรือจำเป็น |
26:56 | เหมือนกับเรือที่ใช้ข้ามแม่น้ำไหม |
27:04 | ผมต้องการสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนั้น |
หรือการอุปมานั้น | |
27:09 | ว่ามันเป็นสัจจะไหม... |
27:20 | หรือมันมีคุณสมบัติของสัจจะอยู่หรือไม่ |
27:27 | ขอให้เราสืบค้นในแนวทางนั้น |
27:28 | สำหรับตอนนี้ผมกำลังสืบค้น |
ตามแนวทางนั้นอยู่ | |
27:31 | R:คุณหมายถึงข้ออุปทานนั้น |
หรือว่าคำสอนนั้น | |
27:36 | K:ทั้งหมดเลย |
27:39 | ซึ่งหมายความถึง |
(เดี๋ยวก่อนครับ) | |
27:41 | หมายถึงการยอมรับวิวัฒนาการ |
27:49 | R:ใช่ ยอมรับวิวัฒนาการ |
27:56 | K:วิวัฒนาการก็คือ การค่อยเป็น |
ค่อยไปทีละขั้น ทีละตอน | |
28:03 | คืบหน้าไปและในที่สุด |
ก็ถึงที่หมาย ถูกต้องไหม | |
28:09 | เริ่มแรกผมทำตามวินัย ควบคุม |
ใช้ความพยายาม | |
28:11 | เมื่อผมมีความสามารถมากขึ้น... |
28:19 | ...มีพลังงานมากขึ้น |
มีพละกำลังมากขึ้น | |
28:26 | ผมก็เลิกละสิ่งนั้น แล้วก้าวต่อไปอีก |
28:30 | R:ไม่มีแบบแผนอย่างนั้น |
28:32 | ไม่มีแบบแผน |
ไม่มีการวางโปรแกรมแบบนั้น | |
28:36 | K:เปล่า ผมไม่ได้พูดว่ามีแบบแผนอยู่ |
28:41 | ผมกำลังถามเพื่อสืบค้นว่า |
28:48 | มีความเคลื่อนไหวเช่นนั้น |
หรือความก้าวหน้าเช่นนั้นอยู่ไหม | |
29:00 | R:คุณคิดอย่างไร |
29:03 | K:ผมคิดว่าอย่างไรหรือ ไม่มีหรอก |
29:05 | S:ดิฉันเห็นด้วยกับคุณอย่างมาก |
ไม่น่าเชื่อเลย | |
29:11 | R:ใช่ ไม่มีความก้าวหน้า |
29:14 | K:ไม่ล่ะ เราต้องสืบค้นเข้าไป |
อย่างระมัดระวังนะครับ... | |
29:21 | ...เพราะจารีตทั้งหมดทั้งของชาวพุทธ |
ชาวฮินดู และชาวคริสต์... | |
29:25 | ...ทั้งทัศนคติทางศาสนา |
และไม่ใช่ศาสนา... | |
29:28 | ...ทั้งหมดถูกติดพันอยู่ในกาลเวลา... |
29:36 | ...หรือวิวัฒนาการอย่างดิ้นไม่หลุด |
เช่นทัศนคติที่ว่า... | |
29:40 | ..ฉันจะดีขึ้นกว่าเดิม ฉันจะเป็นคนดี.. |
29:44 | ...ในที่สุดฉันจะผลิบานในความดี |
ถูกต้องไหม | |
29:52 | ผมกำลังพูดว่าในนั้นมีรากเหง้า |
ของสิ่งที่ไม่ใช่สัจจะอยู่ | |
30:01 | ขอโทษที่พูดเช่นนั้น |
30:05 | S:ขอให้ดิฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม |
30:08 | ดิฉันเห็นด้วยในเรื่องนั้นอย่างยิ่ง |
30:10 | K:คุณไม่เห็นด้วยหรือ |
30:12 | S:เห็นด้วยอย่างยิ่ง |
K:เห็นด้วย | |
30:14 | S:เพราะมีเหตุผลที่ดีมากว่า |
ตั้งแต่มีมนุษย์อุบัติขึ้น... | |
30:16 | ...นานเท่าที่เรารู้มา... |
30:20 | ...แม้ว่าเราจะอยู่ในสภาพแวดล้อม |
ที่แตกต่างไป แต่เรารู้อยู่เสมอ... | |
30:25 | ...ว่าเราควรจะเป็นคนดี |
30:27 | ถ้าหากมันเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้า |
ไปด้วยความคิดเช่นนี้... | |
30:31 | ...เราคงจะไม่เป็นมนุษย์ |
ดังเช่นที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ | |
30:35 | เราทั้งหมดคงจะก้าวหน้า |
ไปพอสมควร | |
30:38 | K:เราก้าวหน้าไปบ้างไหม |
30:40 | S:เห็นได้ชัดเจนว่า เรายังไม่ |
ก้าวหน้าเลย ถ้าจะมีก็น้อยมากๆ | |
30:46 | K:เราอาจจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี... |
30:49 | ...ทางวิทยาศาสตร์ สุขอนามัย... |
30:52 | ...และอื่นๆ แต่ในทางจิตใจ |
ในด้านในแล้วเรายังไม่... | |
30:56 | ...เรายังเป็นอย่างที่เราเคยเป็น |
เมื่อหมื่นปีก่อน หรือนานกว่านั้น | |
31:01 | S:ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่า |
เรารู้ว่าเราควรทำความดี | |
31:03 | และเราได้พัฒนาระบบต่างๆ ขึ้นมามากมาย... |
31:05 | ...เพื่อว่าเราจะทำดีได้อย่างไร |
31:06 | แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เรา |
เป็นเช่นนั้นได้จริงๆ | |
31:12 | และตามที่ดิฉันเข้าใจ มันมีอุปสรรค |
อย่างหนึ่งภายในตัวเราทุกคน... | |
31:19 | ...และเราต้องเอาชนะอุปสรรคนั้น |
31:21 | เพราะจากส่วนลึกในใจของเรา |
แท้จริงแล้ว... | |
31:23 | ...พวกเราส่วนใหญ่ต้องการเป็นคนดี... |
31:26 | ...แต่เราไม่อาจฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ |
31:31 | สำหรับคิดค้นแล้วเอาชนะอุปสรรคนี้ |
คือจุดแปรเปลี่ยนที่สำคัญ | |
31:36 | K:คุณเห็นไหมว่า |
เรายอมรับเรื่องของวิวัฒนาการ | |
31:41 | ในทางชีวภาพมีวิวัฒนาการอยู่ |
31:44 | และเราก็นำเอาข้อเท็จจริง |
ทางชีวภาพนั้นมาใช้กับเรื่องจิตใจ.. | |
31:50 | ...เราคิดว่าเรามีวิวัฒนาการทางจิตใจเช่นกัน |
31:52 | |
31:59 | R:ผมไม่คิดว่านั่นคือทัศนคติ ไม่ใช่ |
32:03 | K:แต่มันหมายความอย่างนั้นใน |
เวลาที่คุณพูดว่า "ค่อยเป็นค่อยไป" | |
32:07 | R:ไม่ใช่ ผมไม่ได้พูดว่า ค่อยเป็นค่อยไป |
32:09 | ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น |
32:11 | การประจักษ์แจ้งสัจธรรม |
หรือการบรรลุถึงสัจธรรม... | |
32:17 | ...หรือการเห็นสัจธรรม |
เป็นเรื่องที่ไม่มีแผนการ | |
32:20 | ไม่มีการจัดเตรียมล่วงหน้า |
32:25 | K:อยู่นอกเหนือกาลเวลา |
32:26 | R:อยู่นอกเหนือกาลเวลา ถูกต้องทีเดียว |
32:31 | K:เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมหมายความว่า |
32:34 | จิตใจของผมซึ่งได้วิวัฒน์ |
มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ หลายพันปี... | |
32:39 | ...ซึ่งถูกกำหนดโดยกาลเวลา |
มีวิวัฒนาการ... | |
32:44 | มีการสะสมความรู้มากขึ้นๆ เรื่อยๆ |
32:50 | ...แล้วจิตใจนี้ก็จะเปิดเผยให้เห็น |
สัจธรรมที่พิเศษเหนือธรรมดา | |
32:57 | R:ความรู้ไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยสัจธรรม |
33:00 | K:ถ้าเช่นนั้น ทำไมผมต้องสะสมความรู้เล่า |
33:02 | R:แล้วคุณจะหลีกเลี่ยงมันได้อย่างไร |
33:05 | K:หลีกเลี่ยงในทางจิตใจ |
แต่ไม่ใช่ในทางเทคโนโลยี | |
33:09 | R:ใช่ แล้วในทางจิตใจ... |
33:11 | ...คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไร |
33:13 | K:นั่นเป็นคนละเรื่องกัน |
33:14 | R:ใช่ คุณทำได้อย่างไร |
เพราะว่าคุณถูกครอบงำอยู่ | |
33:17 | เราทั้งหมดถูกครอบงำอยู่ |
33:18 | K:เดี๋ยวก่อนครับ |
ขอให้เรามาสืบค้นในเรื่องนี้อีกหน่อย | |
33:23 | ผมพูดเป็นที่เข้าใจไหมครับ |
33:33 | B:ดีครับ |
33:35 | K:ในทางชีวภาพหรือทางกายภาพ |
จากวัยเด็กจนกระทั่งวัยรุ่น... | |
33:39 | ...และต่อๆ ไป นั่นคือข้อเท็จจริง |
33:44 | |
33:48 | ต้นโอ้คเล็กๆ โตขึ้นเป็นต้นโอ้คยักษ์ |
นั่นคือข้อเท็จจริง | |
33:53 | มันเป็นข้อเท็จจริงใช่ไหม... |
33:56 | ...หรือว่าเราสร้างมันขึ้น |
34:01 | หรือสมมติว่าเป็นเช่นนั้น |
ที่ว่าเราจะต้องเติบโตทางจิตใจ | |
34:08 | นั่นคือในที่สุด |
ผมก็จะเข้าถึงสัจธรรม... | |
34:16 | หรือสัจธรรมจะบังเกิดขึ้น |
ถ้าหากผมตระเตรียมพื้นฐานไว้ | |
34:22 | R:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
34:26 | |
34:30 | คุณไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาด |
นั่นเป็นข้อสรุปที่ผิด | |
34:32 | การประจักษ์แจ้งสัจธรรม |
คือการปฏิวัติไม่ใช่วิวัฒนาการ | |
34:39 | K:ถ้าไม่ใช่ ทำไม |
คุณเข้าใจไหมครับ | |
34:42 | ...ถ้าอย่างนั้นจิตใจสามารถเป็นอิสระ |
34:49 | จากแนวความคิดเกี่ยวกับความก้าวหน้าได้ไหม |
35:02 | R:มันสามารถเป็นได้ |
K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ "สามารถเป็นได้" | |
35:04 | มันต้องเป็น มิฉะนั้นแล้ว |
มันก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้ | |
35:08 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมได้บอกคุณว่า |
การปฏิวัติไม่ใช่วิวัฒนาการ | |
35:10 | ซึ่งเป็นเรื่องของความก้าวหน้า |
อย่างค่อยเป็นค่อยไป | |
35:20 | K:ถ้าเช่นนั้น |
การปฏิวัติในจิตใจเกิดขึ้นได้หรือไม่ | |
35:24 | R:ได้อย่างแน่นอน |
35:27 | K:นั่นหมายความว่าอะไร |
ไม่มีกาลเวลาใช่ไหม | |
35:30 | R:ไม่มีกาลเวลา |
35:33 | K:แต่ว่าบรรดาศาสนาทั้งหมด |
และคัมภีร์ต่างๆ ทั้งหมด | |
35:37 | ไม่ว่าจะเป็นอิสลาม |
หรืออะไรก็ตาม... | |
35:41 | ..ต่างยืนยันว่าคุณจะต้องผ่าน |
ระบบอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน | |
35:48 | R:แต่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ |
35:49 | K:ไม่ครับ เดี๋ยวก่อน |
35:51 | ผมไม่ได้ระบุชื่อว่าพุทธศาสนา |
ผมไม่รู้ เพราะว่าผมไม่เคยอ่านมาก่อน... | |
35:54 | ...ยกเว้นตอนที่ผมเป็นเด็ก |
แต่ผมก็ลืมหมดแล้ว | |
36:00 | เมื่อคุณบอกว่า ก่อนอื่น |
คุณต้องประพฤติตามระเบียบวินัย | |
36:03 | แล้วจึงค่อยทิ้งมันไป |
36:09 | R:ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น |
ผมไม่ได้ยืนยันเช่นนั้น | |
36:12 | และพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน |
36:16 | K:ถ้าเช่นนั้น ผมอาจจะผิดพลาด |
คุณคิดว่าอย่างไร... | |
36:21 | R:ผมถามคุณว่า |
คุณก้าวหน้าได้อย่างไร | |
36:25 | K:ก้าวหน้าในเรื่องอะไรหรือ |
36:27 | R:ก็การประจักษ์แจ้งสัจธรรมนั่นไง |
36:29 | คุณทำได้อย่างไร ช่วยบอกผมด้วย |
36:30 | K:อา! นั่นเป็นคนละเรื่องกัน |
36:31 | R:ช่วยบอกผมว่า |
คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไร | |
36:32 | K:นั่นเป็นคนละเรื่องกันเลย |
(เสียงหัวเราะ) | |
36:35 | R:ครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น |
36:38 | สิ่งที่ผมพูดก็คือ เราถูกครอบงำ |
36:44 | ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงมันได้ |
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม | |
36:48 | และการปฏิวัติก็คือ |
การเห็นว่าคุณถูกครอบงำ | |
36:55 | K:เอาละครับ |
ขอให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ | |
36:57 | R:ในขณะที่คุณเห็นว่าไม่มีกาลเวลา... |
37:01 | ...มันคือการปฏิวัติอย่างแท้จริง |
และนั่นคือสัจจะ | |
37:04 | K:สมมติว่าเราถูกครอบงำให้เป็น |
ไปตามแบบแผนของวิวัฒนาการ... | |
37:14 | ...ที่ฉันเคยเป็น ฉันเป็น ฉันจะเป็น |
นั่นคือวิวัฒนาการ | |
37:24 | หรือว่าไม่ใช่ |
37:25 | R:ใช่ครับ |
37:26 | K:คุณเข้าใจไหมครับ |
37:27 | เมื่อวานนี้ผมเป็นคนน่าเกลียด... |
37:33 | ...แต่วันนี้ผมกำลังเรียนรู้ |
เกี่ยวกับความน่าเกลียดนั้น... | |
37:37 | ...และปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากมัน... |
37:41 | ...และพรุ่งนี้ผมจะเป็นอิสระจากมัน |
ถูกต้องไหม | |
37:42 | นั่นคือ ทัศนคติทั้งหมดของเรา |
เป็นโครงสร้างทางจิตใจของชีวิตเรา | |
37:46 | |
37:52 | นี่คือความเป็นจริงในชีวิตทุกวี่วัน |
37:59 | R:เราเห็นอย่างนั้นไหม |
38:01 | K:เดี๋ยวก่อน เราเห็นอย่างนั้น |
ถูกต้องไหม | |
38:05 | R:ไม่ครับ คุณเห็นหรือเปล่าว่า |
38:09 | ความเข้าใจโดยการนึกคิด |
หรือคำพูดเป็นสิ่งหนึ่ง | |
38:12 | K:ไม่ใช่ ผมไม่ได้พูดถึงความเข้าใจ |
โดยการนึกคิดหรือคำพูด | |
38:15 | แต่นี่คือข้อเท็จจริง เช่น... |
38:17 | ..."ฉันจะพยายามเป็นคนดี" |
38:21 | R:มันไม่มีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับ |
การพยายามเป็นคนดี | |
38:23 | |
38:27 | K:ไม่ใช่ครับ |
ไม่ใช่ตามพระพุทธเจ้าหรือตามคัมภีร์... | |
38:29 | ...แต่ในฐานะมนุษย์ธรรมดาทั่วๆ |
ไปที่พูดว่า... | |
38:34 | .. "ฉันไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น |
แต่ถ้าให้เวลาฉัน 2-3 อาทิตย์... | |
38:38 | |
38:43 | ..หรือ 2-3 ปี ฉันจะเป็นคนดีเลิศไปเลย |
38:46 | R:แน่นอนว่านั่นคือทัศนคติของผู้คนทั่วไป |
38:49 | K:ทุกคนเลยที่คิดเช่นนั้น |
38:50 | R:ทุกคนเลย ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง |
38:52 | K:เอาละ เดี๋ยวก่อน |
นั่นคือการที่เราถูกครอบงำ... | |
38:54 | |
38:58 | |
39:00 | ...ชาวคริสต์ ชาวพุทธหรือคนทั้งโลก |
ต่างก็ถูกแนวคิดนี้ครอบงำอยู่... | |
39:05 | ... ซึ่งอาจจะมาจากความก้าวหน้าทางชีวภาพ |
39:11 | ที่เคลื่อนข้ามเข้ามาสู่เรื่องของจิตใจ |
39:16 | R:ใช่ ผมเห็นด้วยกับคุณ |
39:19 | K:ทีนี้ ผู้ชายหรือผู้หญิง... |
39:27 | ...หรือมนุษย์จะแหวกทะลุกรอบนี้ออกมา |
โดยปราศจากาลเวลาได้อย่างไร | |
39:39 | คุณเข้าใจคำถามของผมไหม |
39:43 | R:ครับ โดยการเห็นเท่านั้น |
39:45 | K:ไม่ ผมไม่สามารถเห็นได้ |
39:50 | ถ้าหากผมยังติดอยู่ในความก้าวหน้า |
ที่น่าเกลียดและร้ายกาจนี้ | |
39:54 | คุณพูดว่าโดยการเห็นเท่านั้น |
39:55 | และผมบอกว่าผมไม่สามารถเห็น |
39:57 | R:ถ้าเช่นนั้นคุณก็ไม่สามารถเห็น |
39:58 | K:ไม่เห็น แต่ผมต้องการสืบค้น |
40:04 | ว่าทำไมเราจึงให้ความสำคัญ |
ต่อการก้าวหน้าทางจิตใจ | |
40:13 | |
40:16 | S:ดิฉันไม่ใช่นักวิชาการ |
แต่เป็นนักปฏิบัติ | |
40:21 | กรุณาให้ดิฉันแสดงความเห็นสักครู่ |
40:25 | ดิฉันเป็นนักปฏิบัติ |
ได้ฝึกฝนมาในทางพุทธศาสนา... | |
40:27 | |
40:31 | ..และสำหรับดิฉันซึ่งเป็นชาวตะวันตก |
และเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์... | |
40:36 | ...ดิฉันได้พบคำตอบที่พอใจที่สุด |
จากคำสอนทางพุทธศาสนา... | |
40:41 | ...ว่าดิฉันทำให้ตัวเองมืดบอด |
ดิฉันเป็นอุปสรรคต่อตัวเอง... | |
40:46 | ...ตราบใดที่ดิฉันยังเต็มไปด้วย |
สิ่งที่มาครอบงำเป็นฟ่อนๆ | |
40:51 | ดิฉันย่อมไม่สามารถเห็น |
และกระทำได้แม้จะนั่งอยู่ตรงนี้ | |
40:52 | การที่มาอยู่ที่นี่ |
ดูเหมือนว่ามันน่าจะเห็นได้ | |
40:58 | K:นั่นไม่น่าจะช่วยอะไรได้ |
41:00 | คุณบอกว่าคุณได้เรียนรู้เรื่องนั้นมา |
41:05 | S:ดิฉันเคยเรียนรู้มันมา... |
41:06 | ...แต่ดิฉันได้เรียนรู้มัน |
แบบเดียวกับที่เราเรียนเปียโน... | |
41:13 | ...มากว่าแบบที่ศึกษาวิชาทั่วไป |
41:18 | นั่นเป็นจุดที่ดิฉันอยากเสริม |
41:24 | K:ไม่ คุณกำลังกลับมาเรื่องเล่นเปียโนอีก |
ซึ่งก็หมายถึงการฝึกฝน.. | |
41:28 | ...ไม่ใช่ฝึกฝน ขอโทษ |
41:30 | เคยมีคนบอกผมว่า |
นักเปียโนที่ดีจะไม่ฝึกฝน | |
41:35 | S:ดิฉันคงต้องเคยฝึกฝนมา |
เพื่อที่จะเป็นนักเปียโน | |
41:41 | K:ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึง |
ในตอนจบของเรื่องนี้คืออะไร | |
41:46 | N:ดูเหมือนว่า |
จะมีความยุ่งยากอย่างหนึ่ง ในเรื่องนี้ | |
41:49 | นั่นคือความรู้มีแรงดึงดูดใจ |
41:52 | หรือพลังอำนาจในระดับหนึ่ง |
41:54 | เมื่อเราสะสมความรู้ |
41:56 | ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางพุทธศาสนา |
หรือทางวิทยาศาสตร์... | |
41:58 | ...มันจะให้ความรู้สึกถึง |
อิสรภาพอย่างหนึ่งแก่คุณ... | |
42:02 | ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อิสรภาพจริงๆ |
42:04 | แต่เป็นเรื่องของอิสรภาพตามธรรมเนียมนิยม |
เป็นสิ่งที่สมมติขึ้น | |
42:08 | และหลังจากใช้เวลาศึกษามาหลายปี |
42:11 | เราก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก |
ที่จะออกจากความรู้เหล่านี้... | |
42:14 | ...เพราะเหตุว่าคุณใช้เวลาหลายปี |
42:15 | อาจจะ 20 ปี หรือ 25 ปี |
คุณจึงมาถึงจุดนี้... | |
42:18 | ...และคุณก็ให้คุณค่ากับมัน |
42:20 | แต่มันไม่มีคุณสมบัติ |
ของสิ่งที่คุณจะเรียกได้ว่าสัจจะ | |
42:27 | ดูเหมือนว่าความยุ่งยาก |
ในการฝึกฝนทั้งหมดก็คือ... | |
42:31 | ...เมื่อคุณฝึกฝนจนคุณบรรลุถึงอะไรบางอย่าง |
42:34 | และการบรรลุนั้นคือ |
ความจริงที่สมมติขึ้นมาอย่างหนึ่ง... | |
42:40 | ...ซึ่งมันก็มีอำนาจ มีแรงดึงดูดใจ |
มีความสามารถ... | |
42:43 | ..หรืออาจมีความแจ่มชัดในระดับหนึ่ง |
42:47 | R:เพราะเหตุนั้นคุณจึงยึดติดกับมัน |
42:50 | N:ใช่แล้ว และการที่จะออกจากมัน |
จะยากยิ่งกว่าผู้ที่เริ่มต้น... | |
42:57 | ...ผู้เริ่มต้น |
ที่ยังไม่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ | |
42:59 | อาจจะเห็นบางสิ่งบางอย่าง |
ตรงไปตรงมายิ่งกว่า... | |
43:03 | ...ผู้ที่สั่งสมความฉลาดรอบรู้มามากมาย |
43:09 | S:อาจจะเป็นเช่นนั้น |
43:12 | N:มันจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ |
43:14 | R:มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล |
43:18 | คุณไม่สามารถตีคลุมไปหมดได้ |
43:21 | N:ไม่ใช่ เราไม่สามารถตีคลุมได้ |
43:23 | K:เราสามารถทำได้ครับ |
43:25 | ถ้าผมจะขอชี้ว่า เราสามารถ |
ทำให้เป็นหลักการทั่วไปได้ | |
43:28 | R:ตั้งเป็นหลักการทั่วไปหรือโดยวิธีไหน |
43:33 | K:ผมหมายความว่า |
ขอให้เรากลับมาเรื่องนี้ | |
43:41 | เราติดอยู่กับแนวความคิด |
เรื่องการก้าวหน้า ถูกต้องหรือไม่ | |
43:48 | เรื่องการบรรลุ |
43:49 | R:ขอให้เรามีความเห็นร่วมกันในจุดนั้น... |
43:52 | ...ที่ว่ามนุษย์ชาติยอมรับ |
ข้อเท็จจริงที่ว่า | |
43:56 | ...การก้าวหน้าเป็นเรื่องของ |
วิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป | |
44:01 | อย่างที่คุณได้พูดไปแล้ว |
44:02 | พวกเขายอมรับและพิสูจน์ได้ว่า |
มีวิวัฒนาการทางชีวภาพ... | |
44:05 | ...ดังนั้น พวกเขาจึงนำเอาทฤษฎีเดียวกันนี้ |
44:07 | มาประยุกต์ใช้กับเรื่องจิตใจ |
44:09 | เราเห็นพ้องกันว่ามันเป็น |
จุดยืนของมนุษยชาติ | |
44:13 | K:ผมขอถามว่านั่นเป็นความจริงไหม |
44:20 | ผมอาจยอมรับ |
ความก้าวหน้าทางชีวภาพ | |
44:23 | หรือวิวัฒนาการทางชีวภาพ... |
44:26 | ..แล้วผมก็ค่อยๆ นำทฤษฎีนี้ |
มาสู่เรื่องของจิตใจ | |
44:34 | ที่นี้ผมขอถามว่า |
นั่นคือความจริงหรือไม่ | |
44:37 | R:ผมเข้าใจคำถามของคุณแล้ว |
44:39 | ผมไม่คิดว่ามันเป็นความจริง |
44:41 | K:ดังนั้น (เดี๋ยวก่อน) |
44:43 | ผมจึงละทิ้งแนวความคิดทั้งหมด |
เกี่ยวกับระเบียบวินัย | |
44:49 | R:เมื่อคุณเห็นสิ่งนั้น |
44:51 | K:ไม่ใช่ |
44:53 | R:ผมควรจะพูดว่า |
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการละทิ้ง | |
44:57 | ถ้าหากคุณทิ้งมันอย่างตั้งใจ |
45:00 | K:ไม่ใช่ครับ เดี๋ยวก่อน |
45:02 | ผมเห็นสิ่งที่มนุษย์ได้ทำมา... |
45:07 | ...นั่นคือการย้ายจากเรื่องของชีวภาพ |
มาสู่เรื่องของจิตใจ... | |
45:13 | ...และในเรื่องจิตใจนี้ พวกเขา |
ได้สร้างแนวความคิดขึ้นมาว่า... | |
45:20 | ...ในที่สุดแล้วคุณจะมาสู่พระเจ้า |
หรือเรื่องวิวัฒนาการ... | |
45:24 | ...การตรัสรู้ การบรรลุถึงพรหม... |
45:27 | ...หรือบรรลุถึงอะไรก็ตาม... |
45:32 | ...ไม่ว่าจะเป็นนิพพาน สวรรค์ |
หรือนรกด้วยก็ได้ | |
45:39 | ถ้าหากเมื่อใดที่มนุษย์คนหนึ่งได้เห็น... |
45:47 | ...ความผิดพลาดของแนวความคิดนี้.. |
45:50 | ..เห็นตามที่เป็นจริงไม่ใช่ในทางทฤษฎี |
จากนั้นมันก็จบ | |
45:52 | R:ถูกต้องที่สุด |
45:54 | นั่นคือสิ่งที่ผมบอกคุณตลอดเวลา |
45:55 | K:เมื่อเป็นดังนั้น ทำไมผมจึงต้อง |
ขวนขวายหาความรู้ในคัมภีร์... | |
46:01 | ...หรือเรื่องนี้หรือเรื่องนั้น |
ในเรื่องที่เกี่ยวกับจิตใจ | |
46:04 | R:มันไม่จำเป็นเลย |
46:05 | K:แล้วทำไมผมอ่านเรื่องของพระพุทธเจ้า |
46:08 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมเคยบอกคุณว่า.. |
46:10 | ...เราทั้งหมดถูกครอบงำ |
46:12 | B:ผมขออนุญาตพูดกับคุณ.. |
46:14 | ...ผมขอถามคำถามได้ไหมว่า |
46:18 | คุณยอมรับว่าเราทั้งหมด |
ถูกครอบงำใช่ไหม | |
46:21 | K:ดร. โบห์ม ถามว่า เราทั้งหมด |
ยอมรับไหมว่าเราถูกครอบงำ | |
46:25 | R:ผมไม่ทราบว่าคุณยอมรับหรือไม่ |
แต่ผมยอมรับ | |
46:28 | K:ไม่ใช่ |
46:30 | R:ไม่มีใครที่ไม่อยู่ในห้วงแห่งกาลเวลา |
46:36 | การอยู่ในกาลเวลาคือการถูกครอบงำ |
46:42 | K:ดร.โบห์มกำลังถาม |
46:44 | ...ความหมายของคำถามของเขาก็คือ |
46:50 | คุณต้องการให้ผมแปลความ |
สิ่งที่คุณถามไหม | |
46:54 | เชิญเลยครับ ตอนนี้เป็นเรื่องของคุณ |
46:59 | B:เอาละจริงๆ แล้ว ผมกำลังพูดว่า |
(ผมจะพูดอย่างไรดี) | |
47:05 | ผมคิดว่าท่านกฤษณมูรติเคยพูดไว้ |
47:08 | อย่างน้อยก็ในการสนทนาหลายๆ ครั้งของเรา... |
47:10 | ...ว่าท่านไม่ได้ถูกครอบงำ |
อย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่เริ่มต้น... | |
47:17 | ...ด้วยเหตุนั้น |
ท่านจึงมีการเห็นแจ้งในระดับหนึ่ง | |
47:19 | ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป |
47:21 | มีเหตุผลพอไหม |
47:23 | R:ผมไม่พบว่ามัน... |
47:24 | K:เขาอ้างถึงผมครับ |
อย่าอ้างผมเลย | |
47:26 | ผมอาจจะเป็นสิ่งแปลกปลอมทางชีวภาพ |
47:32 | ดังนั้นอย่าเอาผมเข้าไปรวมด้วย |
47:34 | เรื่องนั้นไม่มีความสำคัญเลย |
47:38 | เรื่องที่เราพยายามถกกันคือเรื่องนี้ครับ |
47:48 | ...ที่ว่าในเรื่องจิตใจแล้ว |
เรายอมรับความเป็นจริงได้ไหมล่ะ.. | |
47:55 | ...ว่าไม่มีการเคลื่อน |
ไปข้างหน้าเกิดขึ้นเลย | |
48:03 | ความเป็นจริงของมันนะ |
ไม่ใช่แนวความคิดเกี่ยวกับมัน | |
48:12 | คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหมครับ |
48:14 | R:ครับ ผมเข้าใจ |
48:15 | K:ความเป็นจริงของมัน ไม่ใช่ |
ผมยอมรับแนวความคิดเกี่ยวกับมัน | |
48:20 | เพราะแนวความคิด ไม่ใช่ความเป็นจริง |
48:24 | ดังนั้นเราในฐานะมนุษย์ |
48:28 | ได้เห็นความเป็นจริงหรือ |
ความผิดพลาดของสิ่งที่เราได้ทำมาไหม | |
48:36 | R:คุณหมายถึง |
มนุษย์โดยทั่วๆ ไปหรือ | |
48:40 | K:มนุษย์ทั้งโลกเลย |
48:41 | R:ไม่ พวกเขามองไม่เห็น |
พวกเขาไม่เห็นอย่างแน่นอน | |
48:46 | K:ดังนั้น คุณจึงบอกพวกเขาว่า |
48:52 | จงหาความรู้เพิ่มเติมอีก... |
48:54 | ...อ่านคัมภีร์เล่มนี้เล่มนั้น |
อ่านสิ่งที่พระพุทธเจ้าพูด... | |
48:55 | ...ที่พระเยซูคริสต์พูด... |
48:58 | ...ถ้าหากท่านเคยมีอยู่ และอื่นๆ อีก... |
49:00 | ...พวกเขาจึงเต็มไปด้วย |
สัญชาตญาณของการสะสมนี้ | |
49:03 | ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาก้าวกระโดด... |
49:04 | ...หรือหนุนส่งพวกเขาไปสู่สวรรค์ |
49:15 | R:ครับ คุณต้องการพูดอะไรหรือ |
49:21 | B:เมื่อเราพูดว่าเราทั้งหมดถูกครอบงำ... |
49:26 | ...เราสรุปเช่นนั้นได้อย่างไร... |
49:27 | ...เรารู้ได้อย่างไรว่าเราทั้งหมดถูกครอบงำ |
49:29 | จริงๆ แล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการพูด |
49:30 | K:ครับ คำถามของเขาก็คือ |
49:35 | มนุษย์ทั้งหมดถูกครอบงำหรือไม่ |
49:42 | R:นั่นเป็นคำถามที่ซับซ้อนมาก |
49:47 | ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคม |
49:52 | เราทั้งหมดย่อมถูกครอบงำ |
49:57 | ไม่มีใครไม่ถูกครอบงำ |
50:00 | เพราะเหตุว่าเขาเป็นคนอยู่ในประเภทนั้น |
50:03 | แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงก็คือ |
50:06 | การประจักษ์แจ้งสัจธรรม |
ซึ่งไร้กาลเวลา... | |
50:09 | ...และไม่ถูกครอบงำ |
50:13 | แต่คุณไม่อาจพูดได้ว่า มนุษย์คนหนึ่ง |
50:19 | เพราะคุณพูดคลุมถึงมนุษย์ชาติ |
50:21 | B:แต่จริงๆ แล้ว ผมต้องการเน้นว่า.. |
50:24 | ...ถ้าหากเราพูดว่าเราทั้งหมดถูกครอบงำ |
มันก็จะมีหนทางอยู่ 2 ทาง | |
50:25 | หนทางแรกก็คือ การดู การสะสมความรู้ |
เกี่ยวกับการถูกครอบงำของเรา | |
50:28 | |
50:31 | ...หรือพูดได้ว่า เราเฝ้าสังเกต |
ประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์... | |
50:35 | ...เราสามารถดูผู้คนและ |
เห็นว่าโดยทั่วไปแล้ว | |
50:37 | พวกเขาถูกครอบงำอยู่ |
ถูกต้องไหม | |
50:39 | อีกหนทางหนึ่ง |
อาจจะพูดอย่างนี้ได้ไหมว่า... | |
50:40 | ...เราเห็นตรงๆ ว่าเราทั้งหมดถูกครอบงำไหม |
50:46 | นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามบอก |
50:48 | R:แน่นอน ผมอาจจะพูดได้ว่า |
มีผู้คนจำนวนหนึ่งเห็นอย่างนั้น | |
51:00 | K:แต่สิ่งนั้นช่วยในเรื่องนี้หรือเปล่า |
51:06 | ผมหมายถึงว่า |
อาจจะช่วยได้หรือไม่ได้ | |
51:16 | B:ประเด็นที่ผมพยายามชี้ให้เห็นก็คือ... |
51:18 | ...ถ้าหากเราพูดว่า |
เราทั้งหมดถูกครอบงำ... | |
51:20 | ...ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก... |
51:22 | ...นอกจากการใช้ระเบียบวินัย |
51:24 | หรือการเข้าหาจุดหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป |
51:25 | นั่นคือคุณเริ่มต้น |
ด้วยสิ่งที่ครอบงำคุณอยู่ | |
51:29 | K:ไม่จำเป็น ผมไม่เห็นเช่นนั้น |
51:31 | B:ถ้าอย่างนั้น |
ขอให้เรามาติดตามประเด็นนี้ดู | |
51:34 | นั่นคือวิถีทางที่ผมรับเอาคำถาม |
ของคุณ นัยของคำถามของเขา.. | |
51:38 | ...คือคำถามของ ดร.ราหุลที่ว่า |
51:40 | ถ้าหากเราทั้งหมดเริ่มถูกครอบงำ.. |
51:42 | K:ซึ่งเราทั้งหมดถูกครอบงำอยู่แล้ว |
51:43 | B:ใช่ เราถูกครอบงำอยู่แล้ว... |
51:44 | ...แล้วเราสามารถทำอะไร |
ในขั้นต่อไปได้บ้าง | |
51:47 | R:ไม่มีอะไรที่เรียกว่า "ขั้นต่อไป" |
51:54 | B:เราจะมั่นใจได้อย่างไร |
อย่างที่เราทำอะไรก็ตามที่เราทำอยู่นี้.. | |
51:55 | |
51:57 | ...เราสามารถเป็นอิสระ |
จากการครอบงำได้อย่างไร | |
52:02 | R:การเห็นคืออิสรภาพจากการครอบงำ |
52:09 | B:ถ้าเช่นนั้น ผมขอถาม |
แบบเดียวกันว่า เราเห็นได้อย่างไร | |
52:11 | R:แน่นอนว่าในเรื่องนั้น |
52:12 | มีผู้คนมากมายได้พยายามมาแล้วหลายวิธี |
52:19 | K:ไม่ใช่ ไม่มีหลายวิธี |
52:24 | ในทันทีที่คุณพูดถึงวิธีหนึ่ง |
คุณก็ได้ครอบงำเขาแล้ว | |
52:28 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมพูด |
ว่าทั้งหมดมันก็จบ | |
52:30 | นั่นคือสิ่งที่ผมพูด |
52:36 | และคุณก็กำลังครอบงำ |
ผู้อื่นอยู่เช่นเดียวกัน | |
52:39 | โดยการพูด คำสอน |
และการบรรยายของคุณ | |
52:42 | K:อะไรนะครับ ผมไม่ได้... |
52:45 | R:ที่ผมพูดก็คือ การพูดของคุณ |
ก็กำลังครอบงำเช่นเดียวกัน | |
52:52 | การพยายามปลดปล่อยจิตใจ |
จากการครอบงำ | |
52:55 | ก็เป็นการครอบงำจิตใจเช่นเดียวกัน |
52:57 | K:ไม่ใช่ ผมขอตั้งคำถาม |
กับคำพูดนั้นว่า... | |
52:59 | ...สิ่งที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ |
ครอบงำจิตใจหรือไม่... | |
53:11 | ...จิตใจก็คือสมอง ความคิด ความรู้สึก... |
53:15 | ...สิ่งทั้งหมดที่กำหนดสภาพจิตของมนุษย์... |
53:22 | ...สิ่งที่ K กำลังพูดถึง |
เป็นการครอบงำจิตใจหรือไม่ | |
53:30 | ผมสงสัย ผมขอตั้งคำถามในเรื่องนี้ |
53:34 | R:ผมคิดว่า... |
53:37 | K:ผมขอพูดว่า เรากำลังเฉออกไป |
จากประเด็นหลัก | |
53:40 | R:ใช่ คำถามก็คือ |
เราจะเห็นอย่างไร | |
53:48 | ใช่ประเด็นนี้ไหม |
53:53 | K:ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ "อย่างไร" |
53:56 | ไม่มีว่าทำอย่างไร |
เห็นได้อย่างไร | |
54:00 | ก่อนอื่นขอให้เราเห็นข้อเท็จจริง |
ง่ายๆ นี้ก่อนนะครับว่า | |
54:04 | ผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง... |
54:10 | ...ดังนั้น |
จึงเป็นตัวแทนของมนุษย์ชาติทั้งปวง | |
54:19 | ...ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง |
54:21 | ...ดังนั้นผมจึงเป็นตัวแทน |
มนุษย์ชาติทั้งมวล ถูกต้องไหม | |
54:26 | S:ในแบบของบุคคลคนๆ หนึ่ง |
54:30 | K:ไม่ใช่ ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง... |
54:32 | ...ผมเป็นตัวแทนของคุณหมดทั้งโลก |
54:41 | เพราะว่าผมเป็นทุกข์ |
ผมผ่านความปวดร้าว... | |
54:43 | หรือเรื่องทางจิตใจและอื่นๆ |
54:45 | ซึ่งมนุษย์ทุกคน |
ก็ประสบเช่นเดียวกัน | |
54:51 | ดังนั้น ผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง... |
54:53 | ...เห็นความผิดพลาดหรือไม่... |
55:00 | ...ในการที่มนุษย์ก้าวไป... |
55:04 | ...โดยการเคลื่อนจากเรื่องชีวภาพ |
ไปสู่เรื่องจิตใจ... | |
55:11 | ...ด้วยทัศนคติแบบเดียวกัน |
55:18 | ในทัศนะนั้น ความก้าวหน้าคือ |
จากเล็กน้อยไปสู่ใหญ่โต และอื่นๆ อีก... | |
55:23 | ...จากกงล้อเกวียน |
ไปสู่เครื่องบินไอพ่น | |
55:29 | ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง |
55:30 | ผมเห็นความหายนะ |
ที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือไม่... | |
55:36 | ...โดยการเคลื่อนจากที่นั่นมาสู่ที่นี่ |
55:42 | คุณเข้าใจไหม |
55:44 | R:ครับ ผมติดตามอยู่ |
55:45 | K:ผมเห็นมัน |
เหมือนกับที่ผมเห็นโต๊ะตัวนี้ไหม | |
55:51 | หรือผมพูดว่า "ใช่แล้ว |
ฉันยอมรับทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้... | |
55:53 | ...หรือแนวความคิดนี้"... |
55:56 | ...จากนั้นเราก็พากันหลงทาง |
56:03 | ดังนั้น แนวความคิดหรือทฤษฎี |
ก็คือความรู้ | |
56:14 | S:ถ้าดิฉันเห็นมันเหมือนกับที่เห็นโต๊ะนี้ |
56:17 | มันย่อมไม่ใช่ทฤษฎีอีกต่อไป |
56:19 | K:มันคือความเป็นจริง |
56:22 | ในทันใดที่คุณเคลื่อนไปจากความเป็นจริง... |
56:24 | ...มันก็จะกลายเป็นแนวความคิด |
หรือความรู้ และการไขว่คว้าหามัน | |
56:27 | S:และมันจะสร้างภาพต่อไปเรื่อยๆ |
56:29 | K:ยิ่งห่างไกลจากความเป็นจริง |
56:33 | ผมไม่ทราบว่า |
ผมพูดได้ชัดเจนพอไหม | |
56:35 | R:ครับ ชัดเจนทีเดียว |
ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้น | |
56:40 | K:มันคืออะไรนะ |
ที่มนุษย์เคลื่อนห่างออกไป | |
56:46 | |
56:51 | R:มนุษย์ถูกต้อน |
ให้จนตรอกอยู่ในนั้น | |
56:54 | K:ไม่ใช่ครับ |
มันคือข้อเท็จจริงต่างหากใช่ไหม | |
56:57 | ...ข้อเท็จจริงที่ว่า |
มีความก้าวหน้าทางชีวภาพ | |
57:01 | จากต้นไม้เล็กๆ ไปเป็นต้นไม้ยักษ์... |
57:04 | ...จากเด็กทารกเป็นเด็กชาย เป็นวัยรุ่น |
57:16 | ทีนี้เราก็เคลื่อนย้ายเอาทัศนะนั้น |
หรือแนวความคิดนั้น... | |
57:21 | ...หรือข้อเท็จจริงนั้น |
มาสู่เรื่องของจิตใจ... | |
57:29 | ...และสร้างเป็นข้อเท็จจริงว่า |
เราก้าวหน้าในทางจิตใจ | |
57:33 | ซึ่งมันเป็นการเคลื่อนย้ายที่ผิดพลาดใช่ไหม |
57:38 | ผมสงสัยว่าผมพูดชัดเจนพอหรือเปล่า |
57:39 | B:คุณกำลังบอกว่า นั่นคือส่วนหนึ่ง |
ของการครอบงำใช่ไหม | |
57:42 | K:เดี่ยวก่อน ขอให้วาง |
เรื่องการครอบงำไว้ก่อน | |
57:45 | ผมยังไม่อยากเข้าไปในเรื่องนั้น |
57:49 | คุณครับ ทำไมเราถึงได้ |
นำเอาเรื่องการเติบโตทางชีวภาพ... | |
57:51 | ...มาใช้กับเรื่องการเติบโตทางจิตใจ ทำไม |
57:58 | ซึ่งมันเป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง |
58:02 | ทำไมเราจึงทำอย่างนี้ |
58:08 | S:เพราะว่าดิฉันต้องการเป็นอะไรบางอย่าง |
58:11 | K:นั่นคือ คุณต้องการความพึงพอใจ |
คุณต้องการความปลอดภัย... | |
58:16 | ...ความมั่นคง ความรู้สึกถึงความสำเร็จ |
58:20 | S:ความต้องการนั่นแหละที่เป็นตัวผลักดัน... |
58:23 | K:ถ้าเช่นนั้น ทำไมมนุษย์ |
ถึงไม่เห็นสิ่งที่เขาได้ทำไป | |
58:26 | เห็นจริงๆ ไม่ใช่เห็นในเชิงทฤษฎี |
58:32 | S:ในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง |
58:34 | K: คุณ ผม นาย ก. นาย ข. |
58:36 | S:ดิฉันไม่ชอบเห็นมัน ดิฉันกลัว |
58:40 | ดิฉันจึงพยายามเอามันไปไว้ไกลๆ |
58:43 | K:ถ้าเช่นนั้น |
คุณก็กำลังมีชีวิตอยู่ในมายาภาพ | |
58:46 | S:เป็นอย่างนั้นจริงๆ |
58:48 | K:ทำไมล่ะ |
58:51 | S:เพราะดิฉันต้องการเป็นอะไรบางอย่าง... |
58:52 | K:ไม่ใช่ |
58:54 | S:ดิฉันรู้สึกกลัวในขณะเดียวกับที่ |
ไม่อยากเห็น... | |
58:56 | ...นี่คือจุดที่เกิดการแบ่งแยก |
58:57 | K:คุณมีความกลัวแบบผิดๆ |
59:01 | ไม่มีความกลัวหรอกไม่มี คุณผู้หญิง |
59:07 | เมื่อคุณเห็นสิ่งที่คุณเคยทำมา |
ความกลัวย่อมไม่มี | |
59:13 | S:แต่ข้อเท็จจริงก็คือ |
ดิฉันมักจะไม่เห็นมัน | |
59:16 | K:ทำไมคุณถึงไม่เห็นมัน |
59:20 | S:ดิฉันสงสัยว่า |
คงเป็นเพราะความกลัว | |
59:24 | ดิฉันไม่รู้ว่าทำไมดิฉันไม่ต้องการเห็น |
59:29 | K:คุณกำลังเข้าไปในเรื่องของ |
ความกลัวที่แตกต่างออกไป | |
59:34 | แต่ผมอยากจะรู้โดยการสืบค้นดูว่า |
59:39 | ทำไมมนุษย์ถึงทำอย่างนี้... |
59:41 | ...ทำไมจึงเล่นเกมนี้มานับพันปี |
59:47 | คุณเข้าใจไหมครับ |
59:48 | ทำไมมนุษย์ถึงได้มีชีวิตอยู่ใน |
โครงสร้างที่ผิดพลาดนี้ | |
59:56 | และก็มีผู้คนปรากฏขึ้นและบอกว่า |
59:58 | "อย่าเห็นแก่ตัว ให้เป็นอย่างนี้" |
และอื่นๆ ทำนองเดียวกัน | |
1:00:05 | R:ทำไม |
1:00:09 | S:มนุษย์เราทั้งหมด |
มีด้านที่ไร้เหตุผลอยู่ในตัวเรา... | |
1:00:15 | ...ด้านที่ไร้เหตุผลนี้ ดิฉันคิดว่า |
เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ | |
1:00:19 | K:ผมขอตั้งคำถามต่อเรื่องนี้ทั้งหมด |
1:00:20 | S:คุณตั้งคำถามในเรื่องนี้หรือ |
1:00:22 | K:เพราะเหตุว่า เราไม่ได้ |
ดำรงชีวิตอยู่กับความเป็นจริง | |
1:00:27 | แต่ไปอยู่กับแนวความคิดและความรู้ |
1:00:33 | R:ถูกต้อง |
1:00:36 | K:ไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง |
1:00:37 | ความเป็นจริงก็คือในทางชีวภาพ |
แล้วมีอยู่ แต่ในทางจิตใจไม่มี | |
1:00:48 | ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับความรู้... |
1:00:51 | ...แนวความคิด ทฤษฎี ปรัชญา |
และเรื่องทำนองเดียวกันนั้น | |
1:00:58 | R:คุณไม่เห็นด้วยเลยหรือ |
1:01:01 | คุณไม่เห็นเลยว่ามีพัฒนาการระดับหนึ่ง |
1:01:07 | ...เป็นวิวัฒนาการ แม้กระทั่ง |
ในเรื่องจิตใจอย่างนั้นหรือ | |
1:01:11 | K:ไม่เลย |
1:01:15 | R:คนๆ หนึ่งที่ไม่มีใครต้องการ |
1:01:19 | เป็นอาชญากร พูดเท็จ.. |
1:01:23 | ...ลักขโมยและทำเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ |
1:01:26 | เมื่อคุณอธิบายถึงสิ่งพื้นๆ |
ง่ายๆ แก่เขา... | |
1:01:29 | ...แล้วเขาก็เปลี่ยนมาเป็นคนดี |
1:01:31 | ในความหมายที่เรายอมรับกัน |
จนเป็นธรรมเนียม | |
1:01:37 | ...เดียวนี้เขาไม่ลักขโมย ไม่พูดเท็จ... |
1:01:41 | ...เขาไม่พยายามฆ่าใคร |
1:01:44 | K:เขาเป็นผู้ก่อการร้าย |
1:01:47 | R:ชายคนที่เปลี่ยนไป |
เป็นเช่นนั้นหรือ | |
1:01:49 | K:ใช่ |
1:01:52 | คุณกำลังถามใช่ไหมครับว่า |
ผู้ชายที่ "ชั่วร้าย" นี้... | |
1:02:00 | ...พวกผู้ก่อการร้าย |
ที่กำลังเดินทางไปรอบโลก | |
1:02:07 | อนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร |
1:02:12 | คุณกำลังถามอย่างนั้นใช่ไหม |
1:02:14 | R:ไม่ใช่ คุณเห็นด้วยกับคำว่าอาชญากร... |
1:02:19 | ...อย่างที่ยอมรับกันไหม |
1:02:27 | K:ยอมรับกันคำว่า "อาชญากร" หรือ ใช่ |
1:02:31 | R:คุณพบกับอาชญากรแบบนั้น |
1:02:34 | คุณอธิบายให้เขาฟัง |
ถึงวิถีชีวิตที่ผิดพลาดของเขา... | |
1:02:40 | ...แล้วเขาก็ตระหนักรู้ |
ถึงสิ่งที่คุณพูด... | |
1:02:43 | ...ไม่ว่าจะเพราะเข้าใจแนวความคิดนั้น... |
1:02:46 | ...หรือเป็นเพราะอิทธิพล |
ของบุคลิกภาพส่วนตัวของคุณ... | |
1:02:50 | ...หรือเพราะอะไรก็ตาม... |
1:02:51 | เขาจึงเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองจากเดิม |
1:02:53 | K:ผมไม่แน่ใจครับ ไม่แน่ใจว่า |
1:02:58 | อาชญากรในความหมายดั้งเดิมนั้น |
1:03:03 | คุณจะสามารถพูดกับเขารู้เรื่อง |
1:03:08 | R:เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ |
1:03:09 | K:ผมหมายความว่า |
คุณสามารถทำให้เขาสงบได้... | |
1:03:13 | ...เช่นให้รางวัลเขา |
หรือทำอย่างนี้อย่างนั้น | |
1:03:16 | แต่คนที่มีจิตใจเป็นอาชญากรจริงๆ นั้น... |
1:03:20 | ...เขาจะรับฟังสิ่งที่เป็นปกติวิสัยใดๆไหม |
1:03:24 | สำหรับผู้ก่อการร้ายนั้น... |
1:03:27 | ...เขาจะรับฟังคุณ |
หรือความมีเหตุมีผลของคุณไหม | |
1:03:29 | ไม่อย่างแน่นอน |
1:03:32 | R:คุณพูดอย่างนั้นไม่ได้ |
ผมก็ไม่รู้นะ ผมไม่มั่นใจเรื่องนี้ | |
1:03:36 | K:นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นครับ |
1:03:40 | R:แต่ผมไม่มีข้อพิสูจน์ |
ผมพูดอย่างนั้นไม่ได้ | |
1:03:43 | K:ผมก็ไม่มีข้อพิสูจน์เหมือนกัน |
แต่คุณสามารถเห็นได้ว่ากำลังเกิดขึ้น | |
1:03:48 | R:สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ |
มีผู้ก่อการร้ายอยู่... | |
1:03:51 | และเราไม่รู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้าย |
คนไหนบ้างไหมที่เปลี่ยนแปลง... | |
1:03:55 | ...และกลับตัวมาเป็นคนดี |
เราไม่มีข้อพิสูจน์ | |
1:04:00 | K:นั่นคือ ประเด็นทั้งหมดของผม |
1:04:05 | เรื่องของคนเลวพัฒนามาเป็นคนดี |
1:04:12 | R:ซึ่งในความหมายที่ยอมรับ |
ของคนทั่วไปหรือในโลกสมมติแล้ว... | |
1:04:18 | ...มีอยู่อย่างแน่นอน |
ผมไม่ปฏิเสธในเรื่องนั้น | |
1:04:22 | K:ผมไม่ค่อยเข้าใจ |
1:04:24 | R:คนเลวคนหนึ่ง... |
1:04:26 | K:ใส่เครื่องหมายคำพูด "คนเลว" |
1:04:27 | R:ใช่ ถูกต้อง |
อยู่ในเครื่องหมายคำพูด | |
1:04:31 | คนเลวหรืออาชญากรคนหนึ่ง |
เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเขา... | |
1:04:38 | กลายมาเป็น "คนดี" |
ใส่เครื่องหมายคำพูดที่ "ดี" | |
1:04:43 | K:ใช่ เรารู้เรื่องนั้น |
เรามีตัวอย่างเป็นสิบๆ | |
1:04:49 | R:เรายอมรับเรื่องนั้นไหม |
1:04:51 | K:ไม่ เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน |
1:04:57 | คนเลวที่พูดโกหกที่ทำสิ่งเลวร้ายต่างๆ |
และอื่นๆ อีก... | |
1:05:02 | |
1:05:08 | ...บางทีวันหนึ่งเขาเกิดสำนึกขึ้นมาว่า |
นั่นเป็นเรื่องเลวทราม และพูดว่า... | |
1:05:14 | |
1:05:17 | ..."ฉันจะเปลี่ยนมาเป็นคนดี" |
แต่นั่นไม่ใช่ความดี | |
1:05:22 | ความดีไม่ได้เกิดขึ้นจากความเลว |
1:05:26 | R:ไม่ใช่จากความเลวอย่างแน่นอน |
1:05:29 | K:ดังนั้น "คนเลว" ไม่มีทาง |
กลายเป็น คนดี ได้ | |
1:05:33 | |
1:05:39 | R:ผมขอใส่เครื่องหมายที่ "ความดี" |
1:05:43 | K:อา! ความดี |
ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความเลว | |
1:05:48 | R:ในระดับนั้น มันใช่ |
1:05:50 | K:ไม่ว่าในระดับไหนก็ตาม |
1:05:52 | R:ผมไม่เห็นด้วย |
1:05:59 | N:เราอาจจะพูดในแง่นี้ว่า |
1:06:03 | ในความเป็นจริงหรือในระดับสมมติ |
คนเลวกลายเป็นคนดี | |
1:06:08 | |
1:06:10 | ผมคิดว่าเราเอาวลีนั้นหรือทัศนะนั้น |
1:06:14 | มาใช้กับเรื่องความก้าวหน้าทางจิตใจ |
1:06:21 | นั่นคือเรื่องหนึ่งที่เราทำ |
ที่จิตใจมนุษย์ทำ | |
1:06:24 | R:นั่นคือ เรื่องที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ |
1:06:26 | นั่นคือเป็นการเอาแนวความคิดนี้ |
มาใช้กับเรื่องของจิตใจ | |
1:06:31 | K:ไม่ครับ ผมขอถามคุณว่า |
คุณกำลังจะพูดอะไรหรือ | |
1:06:33 | |
1:06:37 | N:อีกเรื่องหนึ่งก็คือ |
ดูเหมือนเราจะรู้สึกว่า.. | |
1:06:39 | ...ความก้าวหน้าทางจิตใจ |
เป็นเพียงหนทางเดียว... | |
1:06:44 | ...ที่คนเลวกลายเป็นคนดีในโลกสมมติ |
1:06:50 | K:ผมไม่ต้องการที่จะ... |
1:06:52 | คุณนารายัน คุณกำลังทำให้มัน |
เป็นเรื่องสมมติอีกแล้ว | |
1:07:01 | คุณครับ ผมขอพูดอย่างนี้ว่า |
ความตรงข้ามกันมีอยู่ไหม | |
1:07:09 | N:ในระดับสมมติหรือ |
1:07:12 | K:ไม่ใช่ ในระดับไหนก็ตาม... |
1:07:14 | ...ในเรื่องจิตใจ แน่นอนว่า |
คุณกำลังสวมเสื้อผ้าสีเหลือง... | |
1:07:15 | ส่วนผมสวมสีน้ำตาล |
มีสิ่งที่ตรงข้ามกัน | |
1:07:22 | เช่น กลางคืนและกลางวัน |
ผู้ชายกับผู้หญิง และอื่นๆ อีก | |
1:07:29 | แต่มีอะไรที่ตรงข้ามกับความกลัวไหม |
1:07:40 | มีอะไรที่อยู่ตรงกันข้ามกับความดีไหม |
1:07:50 | ความรักตรงกันข้ามกับความเกลียดไหม |
1:07:53 | R:มี ถ้าคุณถามผม... |
1:07:54 | K:สิ่งตรงกันข้าม |
ย่อมหมายถึงความเป็นคู่ | |
1:07:57 | R:ใช่อย่างแน่นอน |
ผมขอพูดอย่างนี้ว่า | |
1:08:02 | ...เรากำลังใช้คำพูด |
ที่มีลักษณะของความเป็นคู่ | |
1:08:07 | K:ภาษาทั้งหมดมีความเป็นคู่อยู่ |
1:08:11 | R:คุณและผมไม่อาจพูดคุย |
โดยปราศจาการอ้างถึงความเป็นคู่ | |
1:08:14 | K:ใช่ครับ การเปรียบเทียบ การตัดสิน |
1:08:16 | แต่ผมไม่ได้พูดเรื่องนั้น |
1:08:17 | R:ในขณะที่คุณพูด |
เกี่ยวกับสิ่งสมบูรณ์หรือสิ่งสูงสุด... | |
1:08:26 | ...ในเวลาที่เราพูดถึงเรื่องดีและเลว |
1:08:29 | เรากำลังพูดในระดับความเป็นคู่ |
1:08:32 | K:ไม่ใช่ นั่นคือเหตุผลที่ทำไม |
ผมจึงต้องการออกไปจากจุดนี้ | |
1:08:34 | R:คุณไม่สามารถพูดเกี่ยวกับสิ่งสมบูรณ์ |
1:08:36 | โดยใช้คำพูดเรื่องดีหรือเลว... |
1:08:37 | ...ไม่มีอะไรที่เรียกว่า |
ดีสมบูรณ์หรือเลวที่สุด | |
1:08:39 | K:ไม่ใช่ครับ |
1:08:44 | ความกล้าหาญตรงกันข้ามกับความกลัวไหม |
1:08:58 | ซึ่งนั่นหมายความว่า |
ถ้าหากไม่มีความกลัวแล้ว | |
1:09:01 | ก็จะต้องมีความกล้าหาญอยู่ใช่ไหม |
1:09:06 | หรือว่ามันเป็นอะไรบางอย่าง |
ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง | |
1:09:11 | S:มันเป็นอะไรที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง |
1:09:13 | K:ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่สิ่งตรงข้ามกัน |
1:09:18 | ความดีไม่มีทางเป็นสิ่งตรงข้ามกับความเลว |
1:09:26 | ดังนั้นเรากำลังพูดถึงอะไร เมื่อเรา |
พูดว่า "ฉันจะเคลื่อน จะเปลี่ยน"... | |
1:09:32 | ...จากการถูกครอบงำซึ่งเลว |
ไปสู่อิสรภาพจากการครอบงำซึ่งดี | |
1:09:37 | |
1:09:47 | ดังนั้นอิสรภาพจึงเป็น |
สิ่งตรงข้ามกับการถูกครอบงำ | |
1:09:55 | เมื่อเป็นเช่นนั้น |
มันย่อมไม่ใช่อิสรภาพเลย | |
1:10:00 | เพราะอิสรภาพเช่นนั้นเกิดขึ้น |
มาจากการถูกครอบงำ... | |
1:10:07 | ...ตัวอย่างเช่น |
เพราะเหตุที่ผมถูกขังอยู่ในคุก | |
1:10:10 | ผมจึงต้องการเป็นอิสระ |
1:10:13 | มันคือปฏิกิริยาที่มีต่อคุก |
ซึ่งนั่นไม่ใช่อิสรภาพ | |
1:10:23 | R:ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ |
1:10:33 | K:คุณครับ เราลองมาพิจารณาดูหน่อยว่า |
1:10:42 | ความรักตรงข้ามกับความเกลียดไหม |
1:10:51 | R:อย่างเดียวที่คุณพูดได้ก็คือ |
1:10:54 | ที่ไหนมีความรัก |
ที่นั่นไม่มีความเกลียด | |
1:10:57 | K:อา! ไม่ใช่ ผมกำลังถาม |
อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันทีเดียว | |
1:11:01 | ผมกำลังถามว่า ความเกลียดเป็นสิ่ง |
ที่ตรงกันข้ามกับความเอื้ออาทร | |
1:11:05 | ความรักหรือไม่ |
1:11:09 | ถ้าใช่ ย่อมแสดงว่าในความรัก |
ความเอื้ออาทรนั้น มีความเกลียดอยู่... | |
1:11:17 | ...เพราะเหตุว่ามันเกิดขึ้น |
มาจากความเกลียด | |
1:11:21 | หรือสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน |
1:11:24 | คู่ที่ตรงกันข้ามกันทั้งหมดเกิดขึ้น |
มาจากสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับมัน | |
1:11:27 | หรือไม่ใช่ |
1:11:30 | R:ผมไม่รู้ นั่นเป็นสิ่งที่คุณพูด |
1:11:35 | K:แต่มันคือข้อเท็จจริงนะครับ |
1:11:38 | ยกตัวอย่างเช่น ผมรู้สึกกลัว... |
1:11:41 | ...ผมก็เลยบ่มเพาะความกล้าหาญ |
ขึ้นมาเพื่อขจัดความกลัวออกไป | |
1:11:49 | หรือผมดื่มสุรา หรืออะไรในทำนองเดียวกัน |
1:11:52 | เพื่อขจัดความกลัวทิ้งไป |
1:11:55 | และในที่สุดผมก็พูดว่า |
1:11:58 | ผมกล้าหาญมาก |
1:12:00 | บรรดาวีรบุรุษสงคราม |
และคนอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน | |
1:12:03 | ได้รับเหรียญกล้าหาญ |
สำหรับการกระทำนี้... | |
1:12:05 | เพราะเหตุว่าพวกเขาขลาดกลัว |
1:12:07 | เขาจึงพูดว่า "เราต้องบุกและฆ่า"... |
1:12:11 | ...หรือทำอะไรบางอย่าง |
และพวกเขาก็กล้าหาญมาก | |
1:12:13 | จึงกลายเป็นวีรบุรุษ |
1:12:15 | R:นั่นไม่ใช่ความกล้าหาญ |
1:12:18 | K:ดังนั้น ผมกำลังบอกว่า... |
1:12:21 | ...อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น |
จากสิ่งที่ตรงกันข้ามกับมัน | |
1:12:24 | ย่อมมีสิ่งที่ตรงข้ามนั้นอยู่ภายในนั้นด้วย |
1:12:29 | R:เป็นได้อย่างไร |
1:12:33 | K:คุณครับ ถ้าใครบางคนรู้สึกเกลียดอยู่... |
1:12:38 | ...แล้วบอกว่าฉันต้องรัก |
1:12:42 | ความรักนั้นเกิดขึ้นมาจากความเกลียด |
เพราะเหตุว่า... | |
1:12:44 | ...เขารู้ว่าความเกลียดคืออะไร |
และเขาพูดว่า... | |
1:12:49 | "ฉันต้องไม่เป็นอย่างนั้น |
ฉันต้องเป็นอย่างนั้น" | |
1:12:55 | ดังนั้นสิ่งนั้นย่อมเป็น |
สิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งนี้ | |
1:13:00 | เมื่อเป็นเช่นนั้น |
สิ่งที่ตรงกันข้ามนั้นย่อมมีสิ่งนี้อยู่ด้วย | |
1:13:05 | R:ผมไม่ทราบว่า มันเป็นสิ่งที่ |
ตรงข้ามกันหรือไม่ | |
1:13:08 | K:นั่นคือวิธีการดำรงชีวิตของเรานะครับ |
1:13:10 | นั่นคือสิ่งที่เราทำอยู่! |
1:13:13 | เช่น ผมมีความต้องการทางเพศ |
แต่ผมจะต้องไม่มีความรู้สึกนั้น | |
1:13:18 | ผมจึงตั้งสัตย์ปฏิญาณที่จะอยู่เป็นโสด |
- แต่ไม่ใช่ผมนะ -... | |
1:13:20 | ...ผู้คนที่ตั้งสัตย์ปฏิญาณที่จะอยู่เป็นโสด |
1:13:23 | ก็คือสิ่งที่ตรงกันข้าม |
1:13:25 | ดังนั้นเราจึงมักติดอยู่ในวิถีทาง |
ของคู่ตรงกันข้ามอยู่เสมอ | |
1:13:34 | และผมขอตั้งคำถาม |
เกี่ยวกับวิถีทางนั้นทั้งหมด | |
1:13:42 | ผมไม่คิดว่ามันมีอยู่จริง |
1:13:46 | เราสร้างมันขึ้นมา |
แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีอยู่ | |
1:13:49 | ได้โปรดเถิดครับ |
1:13:56 | นี่คือการอธิบาย |
อย่าเพิ่งยอมรับอะไรทั้งนั้น | |
1:14:05 | S:โดยส่วนตัวจากจุดยืน ในขณะนี้ |
ที่ดิฉันมองเห็นนั้น... | |
1:14:07 | |
1:14:13 | ...มันไม่มีความเป็นไปได้ |
ไม่ว่าความจริงของมัน | |
1:14:16 | หรืออะไรบางอย่างก็ตาม... |
1:14:19 | ...มันเป็นข้อสมมติฐานในการทำงาน |
1:14:21 | K:ไม่ใช่ คุณผู้หญิง คุณสามารถ... |
1:14:22 | S:ดิฉันมองเห็นช่องทางนี้ |
1:14:26 | ว่าเป็นปัจจัยเพื่อพัฒนามนุษย์อย่างหนึ่ง |
1:14:28 | K:ช่องทางไหน |
1:14:31 | S:ช่องทางของคู่ตรงกันข้ามนี้ |
ที่เราติดอยู่ในนั้น | |
1:14:36 | K:โอ! ไม่ใช่ |
นั่นไม่ใช่ปัจจัยพัฒนามนุษย์!... | |
1:14:37 | ...มันเหมือนกับการพูดว่า |
"ฉันเป็นคนของเผ่ามาก่อน... | |
1:14:42 | ...เดี๋ยวนี้ฉันกลายเป็นคนของประเทศ... |
1:14:46 | ...แล้วในที่สุดก็เป็นคนสากลระหว่างประเทศ |
1:14:48 | มันก็ยังเป็นเรื่องของลัทธิเผ่านิยมอยู่ |
1:14:50 | S:ที่พูดนั้นดิฉันค่อนข้างเห็นด้วย |
1:14:52 | ดิฉันเห็นระดับของความป่าเถื่อน |
อยู่ในนั้น... | |
1:14:58 | ...ซึ่งในระดับนั้น ดิฉันคงหัวเราะ |
เมื่อเห็นคุณขาหัก... | |
1:15:03 | ...แต่ปัจจุบันนี้ ดิฉันไม่หัวเราะอีกแล้ว |
1:15:07 | ดิฉันหมายความอย่างนั้น |
1:15:09 | B:ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว |
1:15:10 | ผมคิดว่าคุณทั้งคู่กำลังพูด |
ในความหมายบางอย่าง... | |
1:15:13 | ...เราก้าวหน้าในความหมายที่ว่า |
1:15:15 | เราไม่ได้ป่าเถื่อนเหมือนก่อนหน้านั้น |
ถูกต้องไหม | |
1:15:22 | S:นั่นคือสิ่งที่ดิฉันหมายถึง |
ในแง่ที่เป็นปัจจัยที่พัฒนามนุษย์ | |
1:15:24 | B:นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่า |
คุณทั้งสองกำลังพูดอยู่ | |
1:15:26 | K:ผมขอตั้งคำถามว่า |
มันเป็นการพัฒนามนุษย์หรือไม่ | |
1:15:29 | R:ผมไม่อยากพูด |
ถึงความสุดโต่งของความเป็นจริง | |
1:15:34 | K:ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง |
มันเป็นแค่ข้อเท็จจริง | |
1:15:37 | ข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง! |
1:15:39 | B:คุณกำลังพูดใช่ไหมว่า |
นี่ไม่ใช่ความก้าวหน้าที่แท้จริง | |
1:15:43 | ในอดีตผู้คนทั่วไป |
มีความป่าเถื่อนกว่าทุกวันนี้... | |
1:15:46 | ...ดังนั้นคุณจะพูดได้หรือไม่ว่า... |
1:15:48 | เรื่องนั้นจริงๆ แล้ว |
ไม่มีความหมายมากนัก | |
1:15:53 | K:ผมไม่ค่อยเข้าใจ |
1:15:55 | B:เอาละ คนบางคนอาจชี้ไปถึง |
อดีตของเขาและบอกว่า... | |
1:15:57 | ...ตอนนั้นมีความป่าเถื่อนอย่างมาก |
1:16:00 | K:เรายังคงป่าเถื่อนอยู่ |
1:16:02 | B:ใช่ เรายังป่าเถื่อน |
1:16:03 | แต่คนบางคนบอกว่า |
เราไม่ได้ป่าเถื่อนเหมือนกับ... | |
1:16:04 | K:ไม่ใช่ "เหมือนกับ" |
1:16:05 | B:ขอให้เรามาดูว่าเราสามารถ |
1:16:08 | เอาละคุณจะพูดได้ไหมว่า |
เรื่องนั้นไม่สำคัญ | |
1:16:12 | K:ไม่ เมื่อผมบอกว่าผมดีกว่าเมื่อก่อน |
1:16:16 | มันไม่มีความหมายอะไรเลย |
1:16:18 | B:คุณพูดว่าการพูดอย่างนั้น |
ไม่มีความหมายอะไร | |
1:16:20 | K:ถูกต้อง มันไม่มีความหมายอะไร |
1:16:22 | B:ผมคิดว่าเราควรจะ |
ทำเรื่องนั้นให้กระจ่าง | |
1:16:28 | R:ในโลกสมมติหรือ |
โลกของความเป็นคู่ | |
1:16:36 | ผมไม่ยอมรับเรื่องนั้น |
ผมไม่เห็นอย่างนั้น | |
1:16:37 | แต่ในโลกปรมัตถ์ |
มันไม่มีอะไรทำนองนั้น | |
1:16:44 | K:ไม่ ไม่ใช่ปรมัตถ์ |
1:16:46 | แม้แต่คำว่า "ปรมัตถ์" |
ผมก็ไม่ยอมรับ | |
1:16:48 | ผมเห็นว่าสิ่งตรงกันข้าม |
เกิดขึ้นมาได้อย่างไรในชีวิตประจำวัน | |
1:16:56 | ไม่ใช่ในโลกของปรมัตถ์ |
1:17:04 | เช่น ผมเป็นคนละโมบ |
นั่นคือความจริงอย่างหนึ่ง | |
1:17:10 | ผมจึงพยายามเป็นคนไม่ละโมบ |
ซึ่งไม่ใช่ความเป็นจริง | |
1:17:16 | แต่ถ้าผมยังอยู่กับความจริงนั้น |
ที่ว่าผมละโมบ... | |
1:17:18 | ...จากนั้นผมสามารถทำอะไร |
บางอย่างเกี่ยวกับมันได้จริงๆ... | |
1:17:25 | ...เดี๋ยวนี้เลย |
1:17:32 | ดังนั้นสิ่งตรงข้ามจึงไม่มี |
1:17:37 | คุณครับ คุณคงรู้จักความรุนแรง |
และความไม่รุนแรง | |
1:17:42 | ความไม่รุนแรง |
คือสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม กับความรุนแรง | |
1:17:50 | นั่นคืออุดมคติ |
1:17:55 | ดังนั้น ความไม่รุนแรง |
จึงไม่ใช่ความเป็นจริง | |
1:18:02 | ความรุนแรงเท่านั้นที่เป็นอยู่จริง |
ถูกต้องไหม | |
1:18:07 | ดังนั้นผมจึงสามารถจัดการกับความจริงได้ |
1:18:09 | ไม่ใช่กับสิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง |
1:18:17 | R:ถ้าเช่นนั้น อะไรคือประเด็นของคุณ |
1:18:18 | K:ประเด็นของผมก็คือ... |
1:18:20 | ...ไม่มีความเป็นคู่ |
แม้แต่ในชีวิตประจำวัน... | |
1:18:24 | ...มันเป็นเพียงการสร้างขึ้นมา |
ของบรรดานักปรัชญา... | |
1:18:25 | ...เหล่าปัญญาชนที่บอกว่า |
1:18:29 | มีสิ่งตรงกันข้ามอยู่ จงทำงานเพื่อสิ่งนั้น |
1:18:34 | เช่น พวกนิยมสังคมในฝัน |
ที่อุดมพร้อม หรือบรรดานักอุดมคติ | |
1:18:36 | แต่ความเป็นจริงก็คือ |
ผมเป็นคนรุนแรงก็แค่นั้น... | |
1:18:40 | ...ขอให้ผมจัดการกับสิ่งนั้น |
1:18:43 | และในการจัดการกับมัน |
อย่าสร้างความไม่รุนแรงขึ้นมา | |
1:18:47 | S:ถ้าเช่นนั้นคำถามก็คือ |
ดิฉันจะจัดการกับมันอย่างไร... | |
1:18:51 | ...เมื่อยอมรับความจริงว่า |
ดิฉันเป็นคนรุนแรง... | |
1:18:53 | K:ไม่ ไม่ใช่ยอมรับ |
มันคือความเป็นจริง | |
1:18:56 | S:เมื่อเห็นมันแล้ว |
1:18:57 | K:จากนั้นเราก็สามารถก้าวต่อไปได้ |
ผมจะแสดงให้คุณดู | |
1:18:59 | S:คำถามก็คือ ไปต่ออย่างไร |
1:19:02 | K:เราจะไปต่อในเรื่องนั้น |
แต่ผมต้องเห็นสิ่งที่ผมได้ทำมา | |
1:19:03 | |
1:19:10 | ว่าผมหลีกเลี่ยงจากความเป็นจริง |
และหนีไปหาสิ่งที่ไม่จริง | |
1:19:19 | นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลก |
ทั่วทั้งโลก | |
1:19:25 | ดังนั้นอย่าวิ่งหนี |
แต่ขอให้อยู่กับความเป็นจริง | |
1:19:35 | คุณทำได้ไหม |
1:19:39 | มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนของเรา |
1:19:41 | นั่นคือส่วนหนึ่งของการฝึกฝน |
ที่ดิฉันได้เรียนมา ซึ่งตรงเผงเลย | |
1:19:44 | |
1:19:46 | K:ผมขอโทษ ผมไม่ยอมรับคำว่า |
"การฝึกฝน" | |
1:19:48 | S:เอาละ มันใช่อย่างนี้ที่ว่า |
"คุณทำได้ไหม" | |
1:19:52 | K:ผมเคยพูดว่าคุณทำได้แน่นอน |
1:19:54 | S:และเราก็ทำมัน ถึงแม้ว่าบ่อยครั้ง |
เราไม่ชอบทำอย่างนั้นก็ตาม | |
1:19:59 | K:มันเหมือนกับการเห็นอะไรอันตราย |
และคุณก็พูดว่า... | |
1:20:01 | "มันอันตราย ฉันจะไม่เข้าใกล้มัน" |
1:20:08 | การวิ่งหนีจากความเป็นจริงคืออันตราย |
1:20:13 | มันก็จบเมื่อคุณไม่วิ่งหนี |
1:20:19 | แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า |
คุณฝึกฝนเพื่อจะไม่วิ่งหนี | |
1:20:24 | แค่คุณไม่วิ่งหนี |
1:20:28 | ผมคิดว่าบรรดาคุรุได้สร้างการวิ่งหนีขึ้นมา |
1:20:35 | รวมทั้งนักปรัชญาด้วย ขอโทษ |
1:20:36 | R:ไม่มีการวิ่งหนี |
1:20:38 | นั่นเป็นเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง |
1:20:40 | คุณพูดผิดใช่ไหม |
1:20:43 | K:ไม่ใช่ครับ |
1:20:46 | R:คุณไม่สามารถวิ่งหนีได้ |
1:20:48 | K:ไม่ ผมกำลังบอกว่า ดูสิ |
1:20:51 | R:ถ้าหากคุณเห็นในนั้น |
ก็ไม่มีการวิ่งหนี | |
1:20:55 | K:ผมกำลังบอกว่าอย่าวิ่ง |
1:20:57 | แล้วคุณก็เห็น อา! ไม่ใช่ |
อย่าวิ่งแล้วคุณก็เห็น | |
1:21:02 | |
1:21:10 | แต่เราบอกว่า "ฉันไม่สามารถเห็น |
เพราะว่าฉันติดอยู่ในนั้น" | |
1:21:22 | R:ขณะนี้ผมค่อนข้างเข้าใจแล้ว |
ถึงสิ่งที่คุณพูด | |
1:21:25 | ประเด็นของคุณผมเข้าใจดี |
1:21:31 | K:ดังนั้นจึงไม่มีความเป็นคู่ |
1:21:36 | R:ที่ไหน |
1:21:37 | K:เดี๋ยวนี้ ในชีวิตประจำวัน |
1:21:43 | ไม่ใช่ในโลกปรมัตถ์ |
1:21:44 | R:ความเป็นคู่คืออะไร |
1:21:47 | K:สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน เช่น |
ความรุนแรงและความไม่รุนแรง | |
1:21:51 | คุณก็รู้ว่าคนในประเทศอินเดีย |
ทั้งหมดฝึกฝนความไม่รุนแรง... | |
1:21:56 | ...ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ |
เพราะมีแต่ความรุนแรงเท่านั้น | |
1:22:02 | ขอให้ผมเกี่ยวข้องกับความรุนแรงกว่านั้น |
1:22:05 | ขอให้มนุษย์จัดการกับความรุนแรง |
1:22:09 | ไม่ใช่กับอุดมคติของความไม่รุนแรง |
1:22:13 | R:ใช่ แน่นอนว่านั่นคือ |
คำถามที่แตกต่างทีเดียว | |
1:22:16 | สิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่นั้น |
1:22:17 | K:เปล่า |
1:22:21 | R:ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
ถ้าคุณเห็นความเป็นจริง | |
1:22:22 | นี่ก็คือความเป็นจริง |
เราต้องจัดการตรงนี้ | |
1:22:27 | ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องของความก้าวหน้า |
1:22:33 | R:นั่นคือคำพูดที่คุณสามารถใช้อย่างไรก็ได้ |
1:22:35 | K:ไม่ ไม่ใช่อย่างไรก็ได้ |
1:22:37 | R:มันก็แค่คำพูด |
1:22:38 | K:ไม่ครับ ไม่ใช่ |
1:22:44 | เมื่อเรามีอุดมการณ์ |
1:22:49 | |
1:22:56 | เพื่อบรรลุถึงอุดมการณ์นั้น |
ต้องใช้เวลา ถูกต้องไหม | |
1:22:57 | ดังนั้นผมจะต้องวิวัฒนาการไปสู่สิ่งนั้น |
1:23:10 | R:ดังนั้นอะไร |
1:23:17 | K:ดังนั้นไม่มีอุดมการณ์ใดๆ |
มีแต่ความเป็นจริงเท่านั้น | |
1:23:22 | R:ถูกต้องที่สุด |
1:23:27 | แล้วอะไรคือข้อแตกต่างหรือข้อถกเถียง |
1:23:30 | เราเห็นพ้องกันว่า |
มีแต่เพียงความเป็นจริงอยู่เท่านั้น | |
1:23:32 | K:ซึ่งหมายความว่า การดูที่ความจริง |
เวลาก็ไม่มีความจำเป็น | |
1:23:37 | R:ไม่จำเป็นแน่นอน |
1:23:40 | K:ดังนั้นถ้าหากเวลาไม่มีความจำเป็น |
1:23:44 | ผมย่อมสามารถเห็นมันเดี๋ยวนี้ |
1:23:46 | K:ใช่แน่นอน |
1:23:48 | K:คุณสามารถเห็นมันเดี๋ยวนี้ |
1:23:49 | แล้วทำไมคุณจึงไม่เห็น |
1:23:52 | R:ทำไมคุณไม่เห็น |
นั่นเป็นอีกคำถามหนึ่ง | |
1:23:54 | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
1:23:55 | R:ใช่สิ |
1:23:56 | K:ไม่ ไม่ใช่อีกคำถามหนึ่ง |
1:24:01 | B:มันเหมือนกัน ถ้าหากคุณเห็นจริงๆ ว่า |
เวลาไม่มีความจำเป็น... | |
1:24:05 | ...ถ้าเช่นนั้นบางที... |
1:24:08 | ...เราอาจจะสามารถกวาดเอาสิ่ง |
ทั้งหมดนั้นทิ้งไปเลยเดี๋ยวนี้ | |
1:24:10 | R:ใช่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า |
1:24:13 | มนุษย์ทั้งหมดสามารถทำอย่างนั้นได้... |
1:24:15 | ...มีเพียงบางคนที่สามารถทำได้ |
1:24:16 | K:ไม่ใช่ ถ้าผมสามารถเห็นมันได้ |
คุณก็สามารถเห็นมันได้ | |
1:24:22 | R:ผมไม่คิดอย่างนั้น พูดตามตรง |
ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ | |
1:24:28 | K:มันไม่ใช่เรื่องของ |
การเห็นด้วยหรือไม่นะครับ | |
1:24:30 | ผมไม่ได้พยายามโต้เถียง |
เกี่ยวกับเรื่องนี้... | |
1:24:33 | ...ดังนั้นย่อมไม่มีการเห็นด้วย |
หรือไม่เห็นด้วย | |
1:24:38 | แต่เมื่อใดที่เรามีอุดมคติ |
แยกจากความเป็นจริง | |
1:24:45 | เวลาย่อมจำเป็นเพื่อไปถึงที่นั่น... |
1:24:49 | ...ความก้าวหน้าก็มีความจำเป็น |
1:24:52 | ซึ่งผมจะต้องมีความรู้เพื่อก้าวหน้าไป |
1:24:55 | ทั้งหมดนั้นย่อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย |
ถูกต้องไหม | |
1:24:59 | ถ้าเช่นนั้นคุณสามารถละทิ้งอุดมคติได้ไหม |
1:25:05 | R:เป็นไปได้ |
1:25:17 | K:อา! ไม่ใช่ "เป็นไปได้"... |
1:25:21 | ...ในขณะที่คุณใช้คำว่า "เป็นไปได้" |
1:25:25 | คุณก็บอกว่าเวลาเป็นสิ่งจำเป็น |
1:25:26 | R:ผมหมายถึง |
การเห็นความเป็นจริง... | |
1:25:29 | K:ทำมันเดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่ใช่ - |
1:25:31 | ยกโทษให้ผมด้วย |
ผมไม่ใช่เผด็จการ... | |
1:25:36 | ..เมื่อคุณพูดว่ามันเป็นไปได้ |
คุณได้เคลื่อนออกไปแล้ว | |
1:25:41 | R:ผมหมายถึง ผมจะต้องพูดว่า |
ทุกคนไม่สามารถทำได้ | |
1:25:48 | K:คุณรู้ได้อย่างไร? |
1:25:50 | R:นั่นคือความเป็นจริง นั่นคือข้อเท็จจริง |
1:25:53 | K:ไม่ ผมจะไม่ยอมรับอย่างนั้น |
S:ขอให้ดิฉัน... | |
1:25:55 | ...ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม |
1:25:58 | ซึ่งดิฉันคิดว่าบางทีเราอาจ |
เห็นร่วมกันในเรื่องนั้นได้ | |
1:26:02 | ถ้าหากดิฉันยืนอยู่แผ่นกระดาน |
กระโดดน้ำที่สูงเหนือสระว่ายน้ำ... | |
1:26:07 | ...(เป็นความจริงทางรูปธรรม) |
และดิฉันว่ายน้ำไม่เป็น... | |
1:26:16 | ...แล้วมีคนบอกให้ดิฉันกระโดด... |
1:26:19 | ...และทำตัวให้ผ่อนคลาย |
แล้วน้ำจะพยุงตัวดิฉันเอง | |
1:26:20 | นี่เป็นความจริงที่สุด ดิฉันสามารถทำได้ |
1:26:26 | ไม่มีอะไรมาขวางกั้นดิฉัน |
1:26:28 | ยกเว้นแต่ว่าดิฉันขลาดกลัวที่จะกระโดดลงไป |
1:26:31 | ดิฉันคิดว่า นั่นคือประเด็นของคำถาม |
1:26:33 | และคิดว่านี่คือคำถาม |
1:26:37 | แน่นอนว่าเราทั้งหมดสามารถเห็นได้ |
1:26:40 | ไม่มีความยุ่งยากอะไร |
แต่มันมีความกลัวพื้นฐานอยู่... | |
1:26:42 | ...ซึ่งไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลได้ |
1:26:45 | ทำให้เราหลบออกไป |
1:26:47 | K:ขออภัยด้วยครับ ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น |
1:26:49 | เราไม่ได้พูดเรื่องนั้น |
1:27:00 | ถ้าเราสำนึกตัวว่าเราละโมบ |
1:27:01 | แล้วทำไมเราจะต้องสร้างความไม่ละโมบขึ้นมา |
1:27:13 | S:ดิฉันไม่รู้ เพราะสำหรับดิฉัน |
ดูเหมือนว่ามันชัดเจนว่า... | |
1:27:16 | ...ถ้าดิฉันเป็นคนละโมบ ดิฉันก็ละโมบ |
1:27:18 | K:เอาล่ะ แล้วทำไม |
เราจึงมีสิ่งที่ตรงกันข้าม ทำไม | |
1:27:25 | บรรดาศาสนาทั้งหมดบอกว่า |
เราจะต้องไม่เป็นคนละโมบ | |
1:27:27 | รวมถึงบรรดานักปรัชญาทั้งหลาย... |
1:27:29 | ...ถ้าหากพวกเขามีคุณค่า |
ควรแก่การเคารพอยู่บ้าง | |
1:27:31 | พวกเขาบอกว่าอย่าละโมบ |
หรืออะไรอย่างอื่นอีก | |
1:27:34 | หรือบอกว่า ถ้าหากคุณเป็นคนละโมบ |
คุณจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ | |
1:27:41 | ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะบ่มเพาะ |
แนวความคิดทั้งหมดที่เป็นไปได้ | |
1:27:45 | เรื่องสิ่งที่ตรงกันข้ามกันสุดโดยอาศัย... |
1:27:50 | ...จารีตประเพณี นักบุญ และอะไรทำนองนั้น |
ถูกต้องไหม | |
1:27:55 | |
1:27:58 | ผมจึงไม่ยอมรับเรื่องนั้น |
1:28:02 | ผมบอกว่า |
นั่นคือการหนีไปจากความละโมบ และอื่นๆ | |
1:28:06 | S:มันเป็นอย่างนั้น |
อย่างดีที่สุดก็ยังอยู่แค่ครึ่งทาง | |
1:28:11 | K:มันคือการหนีจากความละโมบและอื่นๆ |
ถูกต้องไหม | |
1:28:14 | และย่อมไม่ใช่การแก้ปัญหาอันนี้ |
1:28:16 | S:มันยังไม่ได้แก้ปัญหา |
K:ยังไม่ได้แก้ | |
1:28:19 | ดังนั้นในการจัดการกับปัญหา |
ขจัดคู่ตรงข้ามทิ้งไป | |
1:28:26 | ผมไม่อาจเอาเท้าข้างหนึ่งไว้ที่นั่น |
อีกข้างหนึ่งไว้ที่นี่ | |
1:28:30 | แต่ผมจะต้องยืนด้วยทั้งสองเท้าที่นี่ |
1:28:34 | S:และถ้าเท้าทั้งสองยืนอยู่ที่นี่แล้ว |
เป็นอย่างไร | |
1:28:37 | K:เดี๋ยวก่อน มันเป็นอุปมาอุปมัย |
1:28:39 | ดังนั้นผมก็ไม่มีสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน |
1:28:44 | ซึ่งหมายถึงเรื่องของเวลา ความก้าวหน้า... |
1:28:45 | ...การฝึกฝน ความพยายาม |
การเปลี่ยนให้เป็นอื่น | |
1:28:50 | ไม่มีทั้งหมด |
ของสิ่งสุดโต่งทั้งสองขั้ว นั้นแหละ | |
1:28:52 | S:ถ้าเช่นนั้นดิฉันก็เห็นตัวเองเป็นคนละโมบ |
หรือเป็นคนรุนแรง | |
1:28:59 | K:ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจึงต้อง |
เข้าไปสู่อะไรบางอย่าง | |
1:29:01 | ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเดี๋ยวนี้ |
1:29:03 | S:และหลังจากนั้นเป็นอย่างไร |
1:29:08 | K:ทำอย่างไรมนุษย์ |
- ไม่ใช่ทำอย่างไร - | |
1:29:13 | มนุษย์สามารถเป็นอิสระ |
จากความละโมบเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม | |
1:29:19 | นั่นคือคำถาม ไม่ใช่เป็นอิสระในตอนสุดท้าย |
1:29:24 | คุณเห็นไหมว่าผมไม่ได้สนใจ |
ว่าจะเป็นคนละโมบในชีวิตหน้า... | |
1:29:27 | ...หรือในวันมะรืนนี้ ใครจะมาสนใจ! |
1:29:29 | ผมไม่สนใจเรื่องนั้น... |
1:29:32 | ...ผมต้องการเป็นอิสระจากความเศร้าโศก |
หรือความทุกข์เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ | |
1:29:37 | ดังนั้นผมจึงไม่มีอุดมคติ |
หรือสิ่งที่ไม่เป็นความจริงอะไรเลย | |
1:29:40 | ถูกต้องไหมครับ |
1:29:43 | ผมมีแต่ความเป็นจริงนี้ |
ที่ว่าผมเป็นคนละโมบ | |
1:29:49 | เอาล่ะ เราเข้าสู่เรื่องนั้นดีไหม |
1:29:53 | ความละโมบคืออะไร |
1:29:57 | คำนี้มีความหมายของการติเตียนอยู่ |
1:30:01 | ถูกต้องไหมครับ |
1:30:06 | คำๆ |
นี้อยู่ในใจของผมมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ... | |
1:30:10 | ...และคำว่า "ละโมบ" นี้ |
ย่อมติเตียนความเป็นจริง | |
1:30:15 | ที่รู้สึกอยู่จริงๆ โดยทันที |
1:30:21 | การพูดว่า " ฉันเป็นคนละโมบ " |
1:30:26 | ผมได้ติเตียนมันไปแล้ว ถูกต้องไหม |
1:30:28 | ทีนี้ผมสามารถที่จะดูข้อเท็จจริงนั้น |
1:30:31 | โดยปราศจากถ้อยคำ |
และความคิดที่อยู่ข้างในทั้งหมด... | |
1:30:34 | ...หรือเนื้อหาของมัน รวมทั้งจารีต |
ที่เกี่ยวข้องกับมันได้ไหม | |
1:30:45 | เพียงแค่ดูมันเท่านั้น |
1:30:47 | คุณไม่สามารถเข้าใจความลุ่มลึก |
1:30:52 | และความรู้สึกของความละโมบ |
หรือเป็นอิสระจากมัน... | |
1:30:53 | ...ถ้าคุณยังติดอยู่ในถ้อยคำ |
1:30:57 | ดังนั้นเมื่อทั้งหมดของตัวผม |
เข้าไปเกี่ยวข้องกับความละโมบ... | |
1:31:03 | ...มันก็พูดว่า "ฉันจะไม่ติดอยู่กับมัน |
ฉันจะไม่ใช้คำว่า "ละโมบ " | |
1:31:11 | ทีนี้ความรู้สึกนั้นจะแยกออกจากคำๆ นั้น... |
1:31:16 | |
1:31:22 | ...หรือหย่าขาดจากคำว่า "ละโมบ" หรือไม่ |
1:31:30 | S:ไม่ มันไม่แยก |
1:31:35 | R:มันไม่มีถ้อยคำ |
K:ไม่ใช่ | |
1:31:45 | S:กรุณาพูดต่อไป |
1:31:51 | K:ดังนั้นถ้าจิตใจของผม |
ยังเต็มไปด้วยถ้อยคำ... | |
1:31:57 | ...และติดอยู่กับถ้อยคำเหล่านั้น |
มันจะสามารถดูอะไรอย่าง | |
1:32:01 | เช่นความละโมบโดยปราศจากถ้อยคำได้ไหม |
1:32:11 | R:นั่นจริงๆ แล้วคือการเห็นความเป็นจริง |
1:32:15 | K:จากนั้นเท่านั้นที่ผมจะเห็นความเป็นจริง |
1:32:17 | R:ใช่แล้ว เห็นโดยปราศจากถ้อยคำ |
1:32:21 | K:เมื่อเป็นเช่นนั้น |
มันก็ไม่มีคุณค่าอะไรอีกจบ! | |
1:32:33 | ความยุ่งยากอยู่ตรงนี้ครับ |
1:32:38 | ตรงที่ผมต้องการเป็นอิสระจากความละโมบ |
1:32:41 | เพราะว่ามันอยู่ในเลือดเนื้อ ในจารีต |
ในการเลี้ยงดู การศึกษา... | |
1:32:44 | ... ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นบอกว่า |
ให้เป็นอิสระจากสิ่งที่น่าเกลียดนั้น | |
1:32:47 | ดังนั้น ผมจึงพยายามอยู่ตลอดเวลา |
เพื่อเป็นอิสระจากสิ่งนั้น | |
1:32:51 | ถูกต้องไหม |
1:33:00 | ขอบคุณพระเจ้า ที่ผมไม่ได้รับ |
การศึกษาตามแนวทางนั้น | |
1:33:04 | ดังนั้นผมจึงพูดว่า "เอาละ |
ฉันมีความเป็นจริง อยู่เพียงอย่างเดียว | |
1:33:05 | |
1:33:09 | |
1:33:14 | คือความเป็นจริงที่ว่าฉันเป็นคนละโมบ |
ถูกต้องไหม | |
1:33:16 | ผมต้องการเข้าใจธรรมชาติ |
และโครงสร้างของคำๆ นั้น | |
1:33:22 | ของความรู้สึกนั้น |
1:33:26 | ว่ามันคืออะไร |
ธรรมชาติของความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร | |
1:33:31 | มันใช่ความทรงจำหรือไม่ |
คุณเข้าใจไหมครับ | |
1:33:35 | |
1:33:38 | ถ้าหากมันเป็นความทรงจำ ผมก็กำลังดูมัน |
1:33:40 | ดูความละโมบที่มีอยู่นี้... |
1:33:44 | ...ด้วยความทรงจำในอดีต |
1:33:50 | ความทรงจำในอดีตบอกให้ติเตียนมัน |
1:33:58 | ผมสามารถดูมัน |
โดยปราศจากความทรงจำในอดีตได้ไหม | |
1:34:05 | R:ใช่ครับ ถูกต้อง |
1:34:14 | K:ผมจะแสดงให้คุณดูนะครับ |
1:34:15 | R:ครับ ถ้าคุณสามารถเห็นโดยปราศจาก- ครับ |
1:34:18 | K:ผมจะแสดงให้คุณดู |
ขอให้สืบค้นเข้าไปอีกเล็กน้อย | |
1:34:21 | เพราะว่าความทรงจำในอดีต... |
1:34:28 | ...ติเตียนความละโมบ |
และนั่นจึงทำให้มันเข้มแข็งขึ้น | |
1:34:37 | ถูกต้องไหม |
1:34:43 | ถ้าหากมันเป็นอะไรที่ใหม่ |
ผมจะไม่ติเตียนมัน | |
1:34:48 | แต่เพราะเหตุที่มันเป็นสิ่งใหม่ |
แต่ถูกทำให้เก่าโดยความทรงจำ... | |
1:34:52 | |
1:35:02 | โดยความจำหรือโดยประสบการณ์ |
ผมจึงติเตียนมัน | |
1:35:05 | ดังนั้นผมสามารถดูความละโมบ |
โดยปราศจากถ้อยคำ | |
1:35:10 | หรือปราศจาการเชื่อมโยงกับถ้อยคำได้ไหม |
1:35:15 | ซึ่งการดูนั้นไม่ต้องใช้ระเบียบวินัย |
ไม่ต้องใช้การฝึกฝน... | |
1:35:17 | ...ไม่ต้องอาศัยการชี้แนะ |
เพียงแค่ว่า ดู... | |
1:35:20 | ...ผมสามารถดูมันโดยปราศจากถ้อยคำได้ไหม |
1:35:23 | ผมสามารถดูต้นไม้ต้นนั้น... |
1:35:25 | ...ดูผู้หญิง ผู้ชาย ดูท้องฟ้า สวรรค์ นก |
1:35:28 | โดยปราศจากถ้อยคำและค้นหาออกมาได้ไหม |
1:35:36 | แต่มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นและบอกผมว่า |
1:35:38 | |
1:35:43 | "ฉันจะแสดงให้เธอดูว่าทำมันได้อย่างไร" |
แล้วผมก็หลงทาง | |
1:35:47 | ผมไม่ทราบว่า... |
1:35:50 | และ "ทำมันได้อย่างไร" |
1:35:56 | ก็คือ บรรดาคัมภีร์ศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย |
นั่นเอง ขอโทษด้วย | |
1:35:59 | รวมทั้งบรรดาคุรุ บาทหลวง สันตปาปา |
1:36:03 | และกลุ่มบุคคลทั้งหมดเหล่านั้น |
1:36:08 | เราหยุดตอนนี้ดีไหม |
1:36:14 | N:ครับ ผมคิดว่าเราหยุดตอนนี้ก็ดี |
1:36:19 | K:เราพูดคุยกันเป็นเวลาถึงชั่วโมงครึ่ง |
1:36:21 | R:แล้วแต่คุณ ผมมีความสนใจมาก |
ผมยังไม่เหนื่อยเลย | |
1:36:25 | |
1:36:27 | K:เราค่อยคุยกันต่อ |
พรุ่งนี้ตอนเช้าและตอนกลางวัน | |
1:36:30 | อย่ากินอิ่มเกินไปนะ! |
1:36:34 | R:มีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากถามคุณ... |
1:36:37 | ในตอนเช้ากับตอนกลางวันพรุ่งนี้ |