BR7879CBS2 - สภาวะจิตซึ่งปราศจากความเป็นตัวตนมีหรือ
สนทนากับปราชญ์ชาวพุทธครั้งที่ 2
ที่บร็อควู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
0:22  | K:เอาละครับ |
คุณคงต้องการเริ่มการสนทนา... | |
0:26  | R:ในตอนเช้าและบ่ายนี้... |
0:30  | ...ผมขอให้คุณช่วยให้ความกระจ่าง |
แก่ผม 3 หรือ 4 เรื่อง | |
0:38  | ซึ่งเป็นเวลานานมากแล้ว |
ที่ปัญหาเหล่านี้... | |
0:41  | K:กรุณาพูดดังอีกนิดครับ |
0:44  | R:ค้างคาอยู่ในใจของผม |
ทำให้ผมนึกถึงคุณบ่อยมาก... | |
0:48  | ...อยากจะพบกับคุณ |
เพื่อถกกันในเรื่องเหล่านี้... | |
0:51  | ...ซึ่งไม่ใช่ในสถานที่เช่นนั้น... |
0:53  | ...แต่ถกกันเป็นการส่วนตัว |
ระหว่างคุณกับผม... | |
0:55  | ...แต่ก็เป็นไปไม่ได้ |
ที่จะมีโอกาสเช่นนี้... | |
0:58  | ...และในขณะนี้ผมขอขอบคุณ |
คุณ นารายัน เป็นอย่างยิ่ง... | |
1:02  | ...สำหรับการจัดเตรียมการสนทนานี้ |
1:05  | เมื่อวานนี้เราได้สนทนา |
ถึงบางสิ่งบางอย่าง... | |
1:08  | ...ผมคิดว่าในตอนสุดท้าย |
คุณกำลังพูดถึง... | |
1:13  | ...ซึ่งผมคิดว่าเรื่องของความโลภ |
และว่ามันเป็นสิ่งเลวทราม... | |
1:22  | ...แนวความคิดถูกแสดงออกมาโดยคำพูด... |
1:25  | ...แต่ถ้าคุณเห็นมันโดยปราศจากคำพูด |
มันอาจไม่ใช่สิ่งเดียวกัน | |
1:30  | และแน่นอนว่าคงเป็นเช่นนั้น... |
1:35  | ...เพราะว่าตัวสิ่งนั้น ไม่มีคำพูด |
ในเวลาที่คุณเห็นสิ่งนั้น | |
1:47  | ในทางพุทธศาสนา |
มีคำที่ใช้เกี่ยวกับความรู้อยู่ 3 ระดับ... | |
1:55  | ...ระดับแรกคือ สุตัมยปัญญา... |
2:04  | ...เป็นปัญญาหรือเป็นความรู้ |
ที่ได้มาจากการเล่าเรียน จากหนังสือ จากครู | |
2:12  | ...จากนั้นก็มีพัฒนาการอีกระดับ |
คือจินตมยปัญญา | |
2:16  | ...ซึ่งเป็นปัญญา |
ซึ่งคุณได้มาด้วยการคิด... | |
2:18  | ...การพิจารณาไตร่ตรองไปตามนั้น... |
2:24  | ...ซึ่งความรู้นั้นของคุณ |
ยังอยู่ในขอบเขตของถ้อยคำ... | |
2:30  | ...ยังคงเป็นเรื่องของภาษาอยู่... |
2:37  | ...ส่วนปัญญาในระดับสูงสุดก็คือ |
ภาวนามยปัญญา ซึ่งอยู่เหนือคำพูด... | |
2:39  | ...มันไม่มีคำพูด ไม่มีชื่อ |
ไม่มีศัพท์บัญญัติเรียกใดๆ | |
2:44  | ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณเห็นสิ่งนั้น |
โดยปราศจากคำพูดใดๆ | |
2:49  | ผมคิดว่านั้นคือ |
สิ่งที่คุณหมายถึงในเวลาที่คุณพูด... | |
2:55  | ...หรือในเวลาที่คุณเห็นสิ่งนั้น... |
2:57  | ...บรรดาความคิดและความหมายต่างๆ |
ที่เราสะสมไว้นั้นหายสาบสูญไป... | |
3:07  | นั่นคือความเข้าใจของผม |
3:09  | ผมไม่ทราบว่า |
นั่นคือสิ่งที่คุณหมายถึงหรือไม่ | |
3:17  | K:บางทีเราอาจจะสืบค้น |
เข้าไปในเรื่องนั้น... | |
3:20  | ...แต่คุณพูดว่า คุณอยากถาม |
คำถามอื่นๆ เช่นเดียวกัน... | |
3:23  | R:ใช่ครับ |
3:24  | นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก |
3:27  | ผมขอขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่ง |
สำหรับเรื่องนั้น | |
3:30  | K:ไม่เป็นไรครับ |
3:33  | R:เรื่องเหล่านี้ค้างคาอยู่ในใจของผม |
มาเป็นเวลานานแล้ว | |
3:41  | คุณครับคุณคงรู้จักคำว่าพระอรหันต์ |
ในพุทธศาสนานะครับ | |
3:45  | พระอรหันต์คือ |
ผู้ที่ประจักษ์แจ้งในสัจธรรม... | |
3:48  | ...เป็นผู้ที่ได้รับการปลดปล่อย |
เป็นผู้มีอิสระ... | |
3:50  | ...ซึ่งเป็นคำที่รู้จักกันเป็นอย่างดี |
3:58  | และพระพุทธเจ้าก็ถูกถามบ่อยๆ |
โดยผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาและบุคคลต่างๆ ว่า.. | |
4:02  | |
4:05  | ...หลังจากพระอรหันต์ตายแล้ว |
เกิดอะไรกับท่านหลังจากนั้น | |
4:10  | และบุคคลนั้นก็ถามว่า... |
4:13  | ท่านยังคงมีอยู่ |
หลังจากที่ตายแล้วหรือไม่ | |
4:14  | พระพุทธเจ้าตอบว่า "ไม่" |
4:19  | "ถ้าอย่างนั้นท่านไม่มีอยู่ |
ภายหลังจากที่ตายแล้ว" | |
4:22  | พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า "ไม่" |
4:25  | "ถ้าเช่นนั้น ท่าน ทั้งมีอยู่ |
และไม่มีอยู่หรือ" | |
4:28  | พระพุทธเจ้าตอบว่า "ไม่" |
4:32  | ถ้าเช่นนั้นท่านไม่ใช่ทั้งมีอยู่ |
หรือไม่มีอยู่หรือ | |
4:38  | คำถามเหล่านี้เรียกว่า จตุ... |
ซึ่งครอบคลุมทั้งสี่มุม | |
4:41  | ท่านตอบว่า "ไม่" |
4:44  | "คำเหล่านั้นว่ามีอยู่หรือไม่มีอยู่ |
เป็นหรือไม่เป็น... | |
4:49  | ...ไม่สามารถใช้กับสภาวะนั้นได้" |
4:53  | คำเหล่านั้นทั้งหมด เป็นคำที่มี |
ความหมายเปรียบเทียบและเป็นคู่... | |
4:56  | ...ซึ่งถูกนำมาใช้ในขอบเขต |
ของความรู้ของเราเท่านั้น... | |
5:00  | ...ในขอบเขตของประสบการณ์ของเรา... |
5:05  | ...หรือในโลกของการรับรู้ |
โดยทางประสาทสัมผัสเท่านั้น | |
5:10  | แต่สภาวะนี้อยู่เหนือกว่านั้น... |
5:14  | ...เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงไม่สามารถ |
เอาคำเหล่านั้นมาใช้ได้ | |
5:18  | คำตอบเช่นนี้มีอยู่ทุกๆ ที่... |
5:20  | ...พระองค์ถูกถามด้วยคำถาม |
ทำนองนี้ในที่ต่างๆ... | |
5:23  | ...คุณจะตอบอย่างไรถ้าถูกถามเช่นนี้ |
5:30  | พระพุทธเจ้าท่านตอบว่า |
คุณไม่สามารถพูดว่ามีอยู่หรือไม่มีอยู่ | |
5:35  | K:ขอให้เรามาถกกันว่า |
การมีชีวิตอยู่คืออะไรและการตายคืออะไร... | |
5:45  | |
5:49  | ...และสภาวะของจิตใจที่เรียกว่าตาย... |
5:57  | ...หรืออยู่ในกระบวนการ |
ของการตายเป็นอย่างไร | |
6:08  | การตั้งคำถามแบบนี้ |
จะช่วยตอบคำถามนั้นได้ไหม | |
6:15  | R:ผมไม่ทราบ |
6:17  | K:อย่างไรก็ดีผมเข้าใจว่า |
คำว่าพระอรหันต์ก็เป็นที่รู้จัก... | |
6:29  | ...เช่นเดียวกันในระบบความคิด |
ของอินเดีย แนวความแบบฮินดู... | |
6:31  | ...ไม่ใช่เพราะว่าผมรู้จากหนังสือ |
หากแต่ผมเคยถกเรื่องนี้มาก่อน | |
6:40  | มนุษย์ทั่วทั้งโลกเท่าที่เรารู้... |
6:45  | ...มักจะเชื่อหรือสืบค้นว่า |
ความตายคืออะไร | |
6:58  | ...ชีวิตหลังความตายมีไหม |
การสืบต่อของชีวิตมีไหม... | |
7:04  | ...ถ้าหากชีวิตไม่มีการสืบต่อแล้ว |
จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกัน | |
7:12  | เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น |
เต็มไปด้วยปัญหาวุ่นวาย... | |
7:17  | ...ความวิตกกังวล ความกลัว |
และอื่นๆ อีก... | |
7:22  | ...ถ้าหากไม่มีรางวัลสำหรับ |
การดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมและถูกต้องแล้ว... | |
7:32  | ...การเป็นคนดี ใจดี ใจประเสริฐ |
และอื่นๆ จะมีไปเพื่ออะไร | |
7:42  | เราจะเข้าหาคำถามของคุณ |
จากมุมมองเช่นว่านั้นได้ไหม | |
7:48  | หรือว่าคุณต้องการถามว่า... |
7:54  | ...สภาวะจิตใจที่ปราศจากอัตตา |
โดยสิ้นเชิงเป็นอย่างไร | |
8:04  | R:ใช่แล้วครับ |
นั่นคือจิตใจของพระอรหันต์ | |
8:07  | K:นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการสืบค้น |
8:09  | R:ใช่แล้ว ถูกต้องครับ |
8:14  | K:ถ้าเช่นนั้นเราจะสืบค้นเข้าไป |
ในเรื่องนั้น ในหนทางนั้นได้ไหม | |
8:17  | R:ผมคิดว่านั่น |
เป็นการเข้าไปค้นหาที่ดี... | |
8:21  | ...เนื่องจากพระอรหันต์ |
คือผู้ที่ไร้อัตตาอย่างสิ้นเชิง | |
8:27  | K:ถ้าเช่นนั้นเป็นไปได้ไหม |
ที่จะไร้อัตตาโดยสิ้นเชิง | |
8:30  | เรากำลังสืบค้นอยู่ |
R:ใช่แล้ว | |
8:31  | K:ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นไปได้ |
หรือเป็นไปไม่ได้... | |
8:34  | ...แต่เรากำลังสืบค้นกันอยู่ |
กำลังดำเนินต่อไปโดยการสำรวจ... | |
8:38  | ...และค้นหาออกมา |
ไม่ใช่โดยการเชื่อหรือไม่เชื่อ | |
8:48  | ถ้าเช่นนั้นตัวตนคืออะไร |
8:55  | คือชื่อ คือรูปภายนอกไหม |
8:59  | เดี๋ยวก่อนครับ ขอให้ผมสืบค้นก่อน |
เรากำลังสืบค้นอยู่ | |
9:04  | ใช่รูปภายนอกร่างกาย |
อวัยวะ ชื่อ หรือไม่... | |
9:12  | |
9:15  | ...ชื่อนั้นเข้าไปยึดถือร่างกาย... |
9:21  | ...หรือลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง |
หรือเข้าไปยึดถือ "ฉัน"... | |
9:27  | ...เช่นฉันแข็งแรง ฉันอ่อนแอ |
ฉันมีลักษณะดี ฉันไม่ใช่คนเลว | |
9:33  | ดังนันความคิดจึงเข้าไปยึดถือ |
ลักษณะว่าเป็น "ฉัน" | |
9:41  | ความคิดเข้าไปยึดถือแนวโน้ม |
พฤติกรรมของบุคคลว่าเป็น "ฉัน" | |
9:45  | ความคิดเข้าไปยึดถือประสบการณ์ |
ความรู้ที่สั่งสมมาว่าป็น "ฉัน" | |
9:52  | ...และ "ฉัน" ก็คือ |
สิ่งที่ฉันเป็นเจ้าของ ครอบครองมัน... | |
9:56  | ...เช่นทรัพย์สินของฉัน บ้านของฉัน |
เครื่องเรือนของฉัน... | |
10:02  | ...ภรรยาของฉัน หนังสือของฉัน |
ทั้งหมดนั้น | |
10:09  | ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง ความพึงพอใจ |
ความกลัว ความทุกข์ทรมาน... | |
10:16  | ...ทั้งหมดนั้นพร้อมทั้งชื่อ |
หรือรูปภายนอก... | |
10:19  | ...และการเข้าไปยึดถือ |
ก่อให้เกิดตัวตนขึ้นมา | |
10:26  | เมื่อเป็นเช่นนั้น |
อะไรคือรากเหง้าของตัวตน | |
10:38  | ประสบการณ์ที่ได้มา |
ที่ยึดถือครอบครองเอาไ้ว้... | |
10:43  | ...เป็นรากเหง้าของตัวตนหรือไม่ |
10:52  | ผมกำลังสืบค้นอยู่นะครับ |
10:57  | ...ประสบการณ์ที่ได้มา |
เรากำลังสืบค้นเข้าไปยังรากเหง้าของมัน... | |
11:01  | ...ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกของมัน |
ถูกต้องไหมครับ | |
11:09  | ผมพูดถูกต้องไหม |
11:14  | ขอผมหัวเราะหน่อย |
11:18  | R:ใช่แล้ว มันสำคัญมาก |
11:31  | ดังนั้นกระบวนการทั้งหมด |
ของการเข้าไปยึดถือ... | |
11:39  | ...เช่นยึดถือว่าบ้านของฉัน |
ชื่อของฉัน สมบัติของฉัน... | |
11:45  | ...สิ่งที่ฉันจะเป็น ความสำเร็จ |
อำนาจ ตำแหน่ง ชื่อเสียงของฉัน | |
11:49  | |
11:52  | กระบวนการเข้าไปยึดถือ |
คือหัวใจสำคัญของตัวตน | |
11:59  | ถ้าหากไม่มีการเข้าไปยึดถือ |
ตัวตนจะมีไหม | |
12:11  | คุณเข้าใจไหมครับ |
12:13  | R:ครับผมฟังอยู่ |
12:16  | K:ถ้าเช่นนั้นการเข้าไปยึดถือนี้ |
ยุติลงได้ไหม | |
12:22  | นั่นคือการเคลื่อนออกไปยึดถือ |
คือการเคลื่อนไหวของความคิด | |
12:35  | ถ้าหากความคิดไม่พูดว่า |
นั่นคือเครื่องเรือนของฉัน... | |
12:41  | ...เข้าไปยึดถือสิ่งนั้น |
เนื่องจากมันให้ความพึงพอใจ... | |
12:44  | ...ให้ตำแหน่งแห่งที่มันยึดติด |
ให้ความมั่นคงปลอดภัย... | |
12:47  | ...หรือทั้งหมดในทำนองนั้น... |
12:50  | ...ดังนั้นรากเหง้าของตัวตนก็คือ |
การเคลื่อนไหวของความคิด | |
12:58  | คุณจะ... |
13:02  | R:ใช่แล้ว |
13:11  | K:ดังนั้นความตายก็คือ |
การสิ้นสุดลงของการเคลื่อนไหวนั้น | |
13:18  | หรือว่าความตายคือการสืบต่อ |
ของการเคลื่อนไหวนั้นไปยังชีวิตหน้า | |
13:26  | คุณเข้าใจไหมครับ |
13:28  | R:ทั้งหมดเลย |
13:31  | K:สำหรับพระอรหันต์ |
หรือผู้ที่ปลดเปลื้องตนเองเป็นอิสระแล้ว... | |
13:36  | ...ทำไมเขาจะต้องรอ |
จนกระทั่งวาระสุดท้าย | |
13:45  | ...จนถึงภาวะที่เรียกว่าความตาย |
13:50  | ดังนั้นเมื่อเราตระหนักรู้ว่า |
รากเหง้าของตัวตนก็คือ... | |
13:56  | ...การเคลื่อนไหวของความคิด |
ภายในกาลเวลา ในระยะทางจากนี่ไปนั่น... | |
14:03  | ...รวมทั้งบรรดาความขัดแย้ง |
ความทุกข์ทรมาน... | |
14:12  | ...ความสับสนต่างๆ |
ที่ถูกสร้างขึ้นโดยความคิด... | |
14:22  | ...ก็คือตัวตนใช่ไหมครับ |
14:31  | ดังนั้นเมื่อความคิดจบสิ้นลง |
14:36  | นั่นก็คือลักษณะหนึ่งของความตาย |
ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ | |
14:43  | R:ใช่แล้ว |
14:44  | K:ถูกต้องไหม |
14:47  | K:เอาล่ะแล้วความคิดจะยุติลงได้ไหม |
14:56  | เพื่อที่จะให้ความคิดยุติลง |
เราจึงไปฝึกสมาธิ ไปฝึกฝน เราตื่นรู้... | |
15:02  | |
15:05  | ...เราเข้าไปหาการทรมานทั้งหมด |
ที่เราเรียกว่าการทำสมาธิ | |
15:12  | ถูกต้องไหมครับ |
15:15  | คุณเห็นด้วยกับที่พูดนั้นไหม |
15:18  | R:นั่นคือศาสนาที่ผู้คนทั่วไปนับถือ |
15:21  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
15:23  | คุณเห็นไหมว่า |
ขอความกรุณานะครับ ถ้าผมจะชี้ให้เห็นว่า... | |
15:31  | ...คนโดยทั่วไปไม่ได้สนใจ |
เรื่องเหล่านี้เลยใช่ไหม | |
15:37  | เขาอยากดื่มเบียร์ |
หรืออะไรก็ได้ที่เขาต้องการ... | |
15:40  | ...เขาไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้... |
15:43  | ...บางทีอาจจะเป็นเพราะ |
การศึกษาที่ผิดพลาด... | |
15:47  | ...เงื่อนไขของสังคม... |
15:50  | ...สถานะทางเศรษฐกิจ |
อิทธิพลแวดล้อมต่างๆ... | |
15:54  | ...และบางทีศาสนาก็ทำให้มนุษย์ |
ยังคงตกต่ำอยู่เช่นนั้น... | |
16:03  | ...ส่วนคนทั่วไปหรือชนชั้นนำ |
ไม่ว่าพระสันตปาปา หรือพระชั้นผู้ใหญ่... | |
16:09  | ...ก็พูด ก็ทำกันไปคนละเรื่อง |
คุณตามทันไหม | |
16:14  | ดังนั้นผมจึงไม่พูดว่าคนทั่วไป... |
16:18  | ...เพราะมันเป็นแนวโน้มของมนุษย์... |
16:24  | ...นั่นคือทั้งหมดที่เราพูดถึง |
16:29  | ...มนุษย์ทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม |
จะเข้าไปยึดถือ... | |
16:35  | ...ฉะนั้นจึงเป็นการครอบงำตัวเอง |
ด้วยอะไรบางอย่าง หรือหลายอย่าง... | |
16:39  | ...เช่น ยึดกับพระเจ้า นิพพาน... |
16:43  | ...โมกษะ สวรรค์ |
ดินแดนรื่นรมย์และอื่นๆ | |
16:50  | ที่นี้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้... |
16:54  | ...ความตายซึ่งก็คือการจบสิ้นลง |
ของความคิดเกิดขึ้นได้ไหม | |
17:02  | ไม่ใช่เป็นความตายในวาระสุดท้าย |
ของชีวิตของเราที่หลุมฝังศพ | |
17:04  | |
17:13  | ซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย |
17:14  | R:ผมเห็นด้วยกับคุณ... |
17:17  | ...เมื่อคุณบอกว่า |
เราไม่จำเป็นต้องรอ... | |
17:22  | ...จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต |
หรือตอนตาย... | |
17:23  | ...และพระพุทธเจ้า |
ก็ได้เน้นเช่นเดียวกัน | |
17:31  | เมื่อมีผู้ถามพระองค์ว่า... |
17:35  | ...จะเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ |
หลังจากพระองค์ตายแล้ว | |
17:37  | พระองค์ได้ถามผู้ติดตามว่า... |
17:40  | "พระพุทธเจ้าคืออะไร |
ใช่ร่างกายนี่หรือไม่"... | |
17:47  | ...เช่นเดียวกับที่คุณพูดว่า... |
17:50  | ...ใช่ชื่อหรือรูปภายนอก |
หรือทั้งหมดนี้หรือไม่ | |
17:54  | สิ่งที่คุณพูดไปนั้น ทางพุทธศาสนา |
เรียกรูปภายนอกและชื่อว่านามรูป... | |
17:56  | K:นามรูป ในภาษาสันสกฤติ ก็มีเช่นกัน |
17:57  | R:และผู้ติดตามก็ตอบว่า "ไม่ใช่" |
18:05  | ถ้าอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถ |
ระบุได้แม้ในขณะเดี๋ยวนี้ว่า... | |
18:08  | ...พระพุทธเจ้าอยู่ตรงไหน |
ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่... | |
18:15  | ...แล้วเธอจะพูดถึงพระพุทธเจ้า |
ภายหลังจากตายแล้วได้อย่างไร | |
18:18  | K:คุณครับ ผมขออนุญาตถาม |
ผมหวังว่าคุณคงไม่คิดว่าผมเสียมารยาท... | |
18:23  | ...เราเอาพระพุทธเจ้า |
เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม | |
18:28  | เรากำลังพูดคุยกัน |
ในฐานะมนุษย์ธรรมดาๆ | |
18:31  | R:นั่นเพราะว่าผมตั้งคำถาม |
จากแง่มุมของพระพุทธเจ้า | |
18:33  | K:ไม่ใช่เช่นนั้น ผมในฐานะ |
มนุษย์คนหนึ่งต้องการรู้ว่า... | |
18:35  | ...หลังจากตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง |
18:41  | หรือว่าความตายมีความสำคัญอย่างไร |
18:45  | หรือว่าเราสามารถดำรงชีวิตประจำวัน... |
18:57  | ...โดยไม่ได้เป็นพระสงฆ์ |
หรือนักบุญ หรือบุคคลเช่นนั้น... | |
18:59  | ...สามารถดำรงชีวิตประจำวัน |
โดยปราศจากตัวตนได้ไหม | |
19:04  | R:คำถามของผมไม่ใช่แบบนั้น |
19:08  | แต่เป็นว่า สำหรับบุคคล |
ที่ประจักษ์แจ้งสัจธรรมแล้วหรือเป็นอิสระแล้ว | |
19:12  | |
19:16  | ...เกิดอะไรขึ้นกับเขา |
นั่นคือคำถาม | |
19:19  | K:ผมจะไม่ถามคำถาม |
แบบนั้นเป็นอันขาด... | |
19:20  | ...เพราะเหตุว่าเขาอาจจะบอกว่า |
สิ่งนี้เกิดขึ้น... | |
19:25  | ...หรือบอกว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้น |
หรือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย | |
19:33  | แล้วมันก็กลายเป็นแค่ |
ทฤษฎีหนึ่งสำหรับผม... | |
19:36  | ...ซึ่งก็เป็นแค่แนวความคิดอย่างหนึ่ง |
19:44  | R:ผมต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม |
จากคุณอีกนิดหนึ่ง | |
19:48  | K:คุณต้องการคำอธิบาย |
เพิ่มเติมจากผมหรือครับ | |
19:51  | R:ไม่ใช่ในแง่ของทฤษฎีนะครับ |
19:54  | K:ถ้าหากคุณต้องการมัน |
จากบุคคลที่กำลังพูดอยู่นี้... | |
19:58  | ...คุณจะต้องสืบค้นเอา |
เช่นเดียวกับที่เขากำลังสืบค้นอยู่ | |
20:05  | เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงถามว่า... |
20:07  | ...เป็นไปได้หรือไม่ |
ที่เราจะดำรงชีวิตประจำวัน... | |
20:12  | ...ซึ่งไม่ใช่ในตอน |
วาระสุดท้ายของชีวิต... | |
20:16  | ...เป็นการดำรงชีวิตประจำวัน |
โดยปราศจากกระบวนการเข้าไปยึดเกาะ... | |
20:23  | ...ที่นำมาซึ่งโครงสร้าง |
และความเป็นตัวตน... | |
20:32  | ...ซึ่งเป็นผลพวงของความคิด |
20:39  | การเคลื่อนไหวของความคิด |
ยุติลงในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่ได้ไหม | |
20:48  | นั่นน่าจะเป็นคำถามมากกว่าจะถามว่า |
เกิดอะไรขึ้นเมื่อผมตาย | |
20:50  | |
20:58  | "ฉัน" เป็นเพียง |
การเคลื่อนไหวของความคิด | |
21:04  | ตัวความคิดนั้นมีข้อจำกัดมาก |
ถูกต้องไหม | |
21:10  | มันเป็นเพียงส่วนหนึ่ง |
ของการเคลื่อนไหวมากมาย... | |
21:15  | ...เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่แยกออกมา |
21:19  | ดังนั้นตราบใดที่ความคิด |
เป็นสิ่งที่จำกัด... | |
21:32  | ...และแยกออกมาเป็นแค่ชิ้นส่วน... |
21:35  | ...อะไรก็ตามที่มันสร้างขึ้น |
ก็ย่อมจำกัด แตกแยกและเป็นส่วนๆ | |
21:40  | ถูกต้องไหม |
21:42  | ดังนั้นมนุษย์ไม่ว่าคุณหรือผม |
หรือเราคนใดคนหนึ่ง... | |
21:49  | เราสามารถมีชีวิตโดยปราศจาก |
การเคลื่อนไหวของความคิด... | |
21:54  | ...ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของอัตตาได้ไหม |
22:04  | สมมติว่าผมพูดว่า |
ใช่เราสามารถทำได้ | |
22:10  | มันจะมีคุณค่าอะไรกับคุณบ้าง |
22:18  | S:เมื่อใดที่การเข้าไปยึดถือนั้น |
แตกแยกออกจากกันจริงๆ... | |
22:23  | ...เมื่อใดที่การเข้าไปยึดถือ |
ของความคิดและ "ฉัน"... | |
22:28  | ...ถูกหยุดแยกออกจากกันจริงๆ... |
22:33  | K:ไม่ ไม่ใช่ถูกแยกออกจากกันครับ |
แต่เป็นการจบลง | |
22:35  | S:นั่นคือสิ่งที่ดิฉันหมายถึง |
คือจบลง | |
22:37  | K:เมื่อใดที่คุณแยกอะไรบางอย่าง... |
22:40  | ...มันก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ |
แต่นี่เป็นการจบสิ้นลง | |
22:43  | S:มันไม่มีทางที่จะกลับเหมือนเดิมอีก |
มันเป็นการจบอย่างสิ้นเชิง | |
22:46  | K:ทั้งหมดที่ผมกำลังพูดก็คือ |
สมมุติว่าผู้พูดหรือบุคคลนี้พูดว่า... | |
22:49  | ...ใช่ มันเป็นไปได้ |
ผมรู้ว่ามันเป็นไปได้... | |
22:55  | ...หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร |
23:03  | มันมีคุณค่าอะไรกับคุณบ้าง |
23:07  | S:โดยส่วนตัวแล้วนั่นคือสิ่งที่ดิฉัน |
หวังว่าเราจะได้ถกกัน | |
23:10  | K:ผมกำลังมาถึงตรงนั้น |
ที่ว่ามันมีคุณค่าอะไรกับคุณบ้าง | |
23:15  | คุณก็ยอมรับมัน หรือไม่ก็พูดว่า |
อย่ามัวโง่เขลาอยู่เลย... | |
23:17  | |
23:23  | ...แล้วเดินหนีไป เพราะเห็นว่า |
มันเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณก็ไม่สนใจ | |
23:27  | แต่ถ้าคุณต้องการสืบค้นและพูดว่า |
ดูซิว่ามันเป็นไปได้ไหม... | |
23:35  | ...ก็ขอให้เรามาค้นหาดู |
โดยที่ไม่ใช่เป็นแนวความคิดอย่างหนึ่ง... | |
23:43  | ...หากแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ |
ในชีวิตประจำวัน | |
23:51  | ถูกต้องไหมครับ |
23:57  | มีใครบางคนมาร่วมสนทนากับเรา! |
24:01  | N:ดร. ราหุล เราได้พูดคุยถึง |
คุณค่าของสมาธิในทางพุทธศาสนา... | |
24:05  | |
24:10  | ...หรือการทำสมาธิ การเตรียมตัว |
การฝึกฝนและสติ | |
24:17  | สิ่งที่พูดถึงทั้งหมดนั้น |
มีคุณค่าอะไร... | |
24:22  | |
24:24  | ...ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่ถือว่า... |
24:29  | ...การฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับการยุติลง |
ของความคิดมีความสำคัญอย่างมาก | |
24:38  | R:การจบลงของความคิดหรือตัวตน |
24:42  | N:สติปัฏฐานหรือสติใช่ไหม |
24:45  | R:สติปัฏฐาน สติ... |
24:47  | ...หรือที่จริงก็คือ |
การตื่นรู้ตัวอยู่ซึ่งเป็นสติ | |
24:55  | |
25:01  | ใช่แล้ว สติปัฏฐานนั้นประกอบด้วย |
หลายส่วน ไม่ใช่มีเพียงส่วนเดียว... | |
25:04  | ...แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ |
สติเป็นการตื่นรู้ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง | |
25:07  | แม้แต่ที่เรากำลังทำอยู่ที่นี่ |
ก็เป็นการทำสมาธิ... | |
25:11  | ...มันไม่ใช่การนั่งขัดสมาธิ |
เหมือนกับรูปปั้นอยู่ใต้ต้นไม้หรือในถ้ำ... | |
25:14  | |
25:17  | ...นั่นไม่ใช่การทำสมาธิ |
แต่เป็นเพียงแค่การกระทำภายนอกเท่านั้น | |
25:21  | ผู้คนมากมายถือว่านั่นคือการทำสมาธิ |
25:25  | สิ่งที่เราทำอยู่ที่นี่ |
ไม่มีใครคิดว่าเรากำลังทำสมาธิอยู่ | |
25:28  | สำหรับผมแล้ว นี่คือการทำสมาธิ |
ชนิดที่ลึกซึ้งที่สุด... | |
25:32  | ...ซึ่งมีระบุไว้ในสติปัฏฐาน |
เรียกว่าธรรมวิปัสสนา... | |
25:39  | ...เป็นการเห็นหรือการติดตาม... |
25:43  | ...หรือการเฝ้าสังเกต |
หรือตื่นรู้ ต่อสิ่งต่างๆ... | |
25:50  | ...ต่อหัวข้อ สิ่งของ ทฤษฎีความเชื่อ |
หรือสิ่งทำนองนั้น ต่างๆ นานา... | |
25:52  | ...นั่นคือด้านปัญญานึกคิดของมัน |
25:55  | แล้วก็ยังมีการทำสมาธิ |
ที่เป็นการมีสติในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ... | |
25:58  | |
26:02  | ...ไม่ว่าคุณจะทำอะไร |
กิน ดื่ม หรือไปโน่นมานี่ พูดคุย... | |
26:04  | ...ทุกสิ่งทุกอย่างคือสติทั้งนั้น |
และทั้งหมดนั้นนำไปสู่สิ่งที่เขาพูด | |
26:07  | N:มันนำไปสู่... |
26:12  | R:มันนำไปสู่สิ่งที่เขาพูด |
26:15  | N:นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการสืบค้นจริงๆ |
26:18  | R:มันนำคุณไปสู่การจบสิ้นลง |
ของกระบวนความคิดของตัวตน | |
26:27  | N:ใช่ |
26:30  | K:คุณครับ ผมหวังว่า |
คุณคงไม่คิดว่าผมดูหมิ่น... | |
26:32  | ...หรือไม่เคารพ |
ฃสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้พูดไว้ | |
26:36  | ตัวผมเองไม่เคยอ่านสิ่งเหล่านี้เลย |
26:39  | ผมไม่ต้องการอ่าน |
แม้สักอย่างเดียวเกี่ยวกับทั้งหมดนี้ | |
26:46  | มันอาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง... |
26:49  | ...มันอาจจะอยู่ภายใต้ |
มายาลวงหรือไม่อยู่... | |
26:53  | ...มันอาจถูกลูกศิษย์ลูกหา |
รวบรวมขึ้นมา... | |
26:57  | ...และสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา |
ทำต่อครูบาอาจารย์ของพวกเขานั้น... | |
27:04  | ...เลวร้ายที่สุด พวกเขาพากัน |
บิดเบือนทุกสิ่งทุกอย่าง | |
27:06  | ดังนั้นผมจึงพูดว่าระวัง... |
27:10  | ...ผมไม่ต้องการเริ่มต้น |
โดยที่มีใครบอกว่าให้ทำอะไร... | |
27:16  | ...หรือให้คิดอะไร |
ผมไม่มีมีอำนาจใดเหนือผม | |
27:18  | เมื่อเป็นเช่นนั้น |
ผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง... | |
27:20  | ...ที่เป็นทุกข์ ที่ผ่านมา |
ทั้งความทุกข์ทรมาน... | |
27:26  | ...เรื่องทางเพศ ความผิดพลาด |
ความน่าหวาดกลัว... | |
27:29  | ...และเรื่องทำนองเดียวกันอื่นๆ... |
27:32  | ...และในการสืบค้นเข้าไป |
ในสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนั้น... | |
27:34  | ...ผมจึงได้มาถึงจุดเงื่อนปม |
นั่นก็คือความคิด | |
27:40  | ก็แค่นั้นเอง |
27:42  | ผมไม่จำเป็นต้องไปรู้ |
คัมภีร์ทั้งหมดในโลกนี้... | |
27:48  | ...ซึ่งมีแต่จะครอบงำ |
การคิดต่อๆ ไปเท่านั้น | |
27:53  | ดังนั้นขอให้ยกโทษ |
ให้ผมด้วยที่พูดเช่นนั้น... | |
27:57  | ...ผมขอกวาดทั้งหมดนั้นทิ้งไป |
28:02  | เราได้ทำเช่นนี้มา ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์ |
ซึ่งผมได้พบกับชาวคริสต์หลายคน.. | |
28:03  | ...เช่น พระนิกายเบเนดิกติน |
นิกายเยซูอิท นักวิชาการที่มีชื่อเสียง... | |
28:10  | ...คนเหล่านั้นมีแต่อ้างอิง |
เรื่องนั้นเรื่องนี้... | |
28:17  | ...ถ้าว่าเชื่อสิ่งนี้เป็นอย่างนี้ |
เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่เป็นอย่างนี้ | |
28:22  | คุณเข้าใจไหมครับ |
28:23  | ผมหวังว่าคุณคงไม่คิดว่า |
ผมไม่ให้ความเคารพ | |
28:26  | R:ไม่เลย |
28:28  | ผมเห็นด้วยกับคุณอย่างยิ่ง |
และนั่นก็เป็นทัศนคติของผมเช่นเดียวกัน | |
28:32  | ที่ผมอ้างอิงและพูดคุย |
ก็เพื่อตรวจสอบมันเท่านั้น | |
28:39  | K:คุณคงเห็นว่า |
ผมเริ่มต้นด้วยความจริงเท่านั้น | |
28:47  | สิ่งที่เป็นความจริง |
ไม่ใช่เป็นไปตามนักปรัชญา... | |
28:49  | ...ครูบาอาจารย์และพระสงฆ์ |
28:54  | ความจริงก็คือผมเป็นทุกข์ ผมกลัว |
ผมมีความต้องการทางเพศ | |
28:58  | แล้วผมจะเกี่ยวข้องอย่างไรดี... |
29:06  | ...กับสิ่งที่สลับซับซ้อน |
อย่างยิ่งทั้งหมดนี้... | |
29:14  | ...ซึ่งทำให้ชีวิตของผม |
และตัวผมทุกข์ตรม... | |
29:16  | ...และไม่มีความสุขอย่างยิ่ง |
29:21  | ผมจึงเริ่มต้นจากตรงนั้น |
ไม่ใช่เริ่มต้นจากสิ่งที่ใครบางคนพูด... | |
29:22  | ...ซึ่งนั่นไม่มีความหมายใดๆ เลย |
29:28  | คุณตามทันไหมครับ |
29:29  | ขอประทานโทษ ผมไม่ได้ดูแคลน |
พระพุทธเจ้า ซึ่งผมจะไม่ทำเช่นนั้น | |
29:35  | R:ผมทราบ ผมทราบว่า |
คุณมีความเคารพอย่างสูงต่อพระพุทธเจ้า | |
29:40  | ซึ่งผมทราบดี |
29:41  | เรามีทัศนคติอย่างเดียวกัน |
และผมอยากจะตรวจสอบมันร่วมกับคุณ | |
29:47  | นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผม |
จึงตั้งคำถามนั้นขึ้นมาไม่ใช่ในแง่ของทฤษฎี | |
29:48  | K:ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่เช่นนั้นครับ |
29:50  | ยกโทษให้ผมด้วย |
ที่พูดว่าไม่ใช่เช่นนั้น | |
29:56  | ผมเริ่มต้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง |
ที่เราทั้งหมดมีร่วมกันถูกต้องไหม | |
30:02  | |
30:05  | ไม่ใช่ตามพระพุทธเจ้า... |
30:07  | ...ตามพระเจ้าของชาวคริสต์ |
หรือชาวฮินดู หรือคนบางกลุ่ม... | |
30:14  | ...สำหรับผมแล้วทั้งหมดนั้น |
ไม่สำคัญใดๆ เลย มันไม่มีบทบาทเลย... | |
30:18  | |
30:23  | ...เนื่องจากผมเป็นทุกข์ |
ผมจึงต้องการหาทางว่าจะยุติมันได้อย่างไร... | |
30:26  | ...ไม่เช่นนั้นผมจะต้องทนทุกข์ |
ไปจนตลอดชีวิต... | |
30:29  | |
30:31  | ...ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทรมาน |
ความโหดร้าย ความวิปริตทางเพศ... | |
30:36  | ...หรือความต้องการทางเพศ |
และเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด | |
30:39  | ถูกต้องไหมครับ |
30:42  | ดังนั้นผมจึงเห็นรากเหง้า |
ของบรรดาความสับสน... | |
30:48  | ...ความไม่แน่นอน |
ความไม่มั่นคงปลอดภัย... | |
30:53  | ...ความมุ่งมั่น ความพยายาม... |
30:57  | |
31:02  | รากเหง้าของสิ่งนี้ก็คือตัวตน |
หรือ "ฉัน" ถูกต้องไหมครับ | |
31:03  | ทีนี้เป็นไปได้หรือไม่ |
ที่เราจะเป็นอิสระจาก"ฉัน"... | |
31:10  | ...ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น... |
31:13  | ...ทั้งภายนอกเช่น |
ทางการเมือง ศาสนา... | |
31:16  | ...เศรษฐกิจ และอื่นๆ ทั้งหมด |
รวมทั้งในจิตใจด้วย... | |
31:18  | |
31:20  | ...ที่มีการดิ้นรน ต่อสู้ พยายาม |
อย่างไม่เคยหยุดหย่อน ถูกต้องไหม | |
31:28  | |
31:30  | ดังนั้นผมจึงขอถามว่า |
ความคิดจบสิ้นลงได้ไหม | |
31:38  | เมื่อเป็นเช่นนั้น |
ความคิดจึงไม่มีอนาคต... | |
31:42  | ...เพราะสิ่งที่จบสิ้นลงแล้ว... |
31:45  | ...ย่อมมีการเริ่มต้น |
แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง... | |
31:51  | ...ไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นของ "ฉัน" |
ที่จบลงแล้วกลับขึ้นมาอีกภายหลัง | |
31:55  | |
32:01  | ถูกต้องไหมครับ |
32:06  | ความคิดจะจบสิ้นลงในลักษณะใด |
นั่นคือปัญหา | |
32:13  | พระพุทธเจ้าต้องเคยพูดถึง |
เรื่องนี้ใช่ไหมครับ | |
32:17  | |
32:21  | เท่าที่ผมรู้มา ผมไม่คิดว่า |
ศาสนาคริสต์สัมผัสถึงจุดนี้ | |
32:26  | |
32:28  | พวกเขาเพียงแต่บอกว่า |
จงมอบตัวเธอให้แก่พระเจ้า หรือพระคริสต์... | |
32:31  | ...จงปล่อยตัวเธอให้แก่พระองค์ |
32:33  | แต่ว่าตัวตนยังคงดำเนินต่อไป |
32:36  | พวกเขาไม่ได้พูดถึง |
เรื่องนี้แต่อย่างใด... | |
32:38  | ...มีแต่เพียงชาวฮินดู |
และชาวพุทธเท่านั้นที่พูดถึงเรื่องนี้... | |
32:41  | ...และบางทีอาจจะมีกลุ่มอื่นๆ ด้วย |
32:48  | ดังนั้นความคิดนี้สามารถยุติลงได้ไหม |
32:55  | จากนั้นนักบวชก็ปรากฏตัวขึ้น |
และพูดว่า ได้สิ... | |
33:00  | ...ขอเพียงแต่เธอ |
เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์... | |
33:04  | ...หรือกับพระพุทธเจ้า |
คุณฟังทันใช่ไหม | |
33:07  | ให้เข้าเป็นหนึ่งเดียว |
และลืมตัวของเธอเสีย | |
33:11  | R:นั่นคือทัศนคติของชาวคริสต์ |
33:13  | K:ชาวคริสต์และชาวฮินดู |
ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน | |
33:17  | R:แต่ไม่ใช่ชาวพุทธ |
ผมขอเถียงในเรื่อง | |
33:21  | K:ผมทราบครับ |
33:23  | N:ผมเชื่อว่าคำสอนของชาวพุทธ |
เป็นจำนวนมากได้เสื่อมลง... | |
33:24  | ...จนเป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน |
33:28  | R:ใช่ ใช่แล้วแน่นอนว่ามีการเสื่อมลง |
มีคำสอนของหลายสำนักที่เสื่อมลง... | |
33:31  | |
33:34  | ...แต่ผมหมายถึง |
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า | |
33:38  | K:อา...ไม่ใช่... |
33:40  | S:เราจะพูดได้ไหมว่า |
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์... | |
33:44  | ...ที่จะพึ่งพิงอะไรบางอย่าง... |
33:48  | ...และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น |
อย่างอัตโนมัติ... | |
33:51  | ...และนี่คือสิ่งที่เรากำลัง |
พยายามออกไปจากมัน | |
33:56  | K:ผมนี่ไง ซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา |
คนหนึ่งที่ได้รับการศึกษามาพอสมควร... | |
34:02  | ...แต่ไม่ใช่การศึกษา |
ตามในโรงเรียนหรือวิทยาลัย... | |
34:06  | ...หากแต่เป็นการศึกษา |
จากการเฝ้าสังเกตว่า... | |
34:11  | ...โลกกำลังเป็นไปอย่างไร... |
34:13  | ...และเขาก็บอกว่า "ฉันคือโลก |
ฉันไม่ได้แตกต่างไปจากโลก... | |
34:17  | ...เพราะเหตุว่าฉันก็เป็นทุกข์... |
34:22  | ...ฉันได้สร้างโลก |
ที่น่าเกลียดน่ากลัวนี้ขึ้นมา... | |
34:24  | ...พ่อแม่ปู่ย่าตายายของฉัน |
พ่อแม่ของทุกๆ คน... | |
34:27  | ...ได้สร้างโลกนี้ขึ้นมา" |
ถูกต้องไหมครับ | |
34:29  | ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร |
ที่ความคิดจบสิ้นลง | |
34:39  | คนบางคนบอกว่า ได้สิ |
โดยการทำสมาธิ ควบคุม กดข่มเอาไว้ | |
34:41  | S:ไม่ ไม่ใช่ |
K:เดี๋ยวก่อนครับคุณผู้หญิง | |
34:46  | ผมพูดว่าคนบางคน |
34:47  | S:ดิฉันขอโทษค่ะ |
34:52  | K:บางคนบอกว่ากดข่มมันไว้... |
34:55  | ...ให้จำแนกตน |
เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งสูงสุด... | |
35:00  | ...ซึ่งทั้งหมดก็ยังคงเป็น |
การเคลื่อนไหวของความคิดอยู่ดี | |
35:03  | บางคนบอกว่า ให้หยุดการทำงาน |
ของประสาทสัมผัสทั้งหมด | |
35:12  | |
35:16  | ถูกต้องไหมครับ |
35:18  | พวกเขาพากันปฏิบัติเช่นนั้น |
อดอาหาร ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ | |
35:20  | |
35:26  | ดังนั้นจึงมีใครบางคนมาบอกว่า |
ความพยายามคือหัวใจสำคัญของตัวตน | |
35:29  | |
35:36  | ถูกต้องไหม |
35:40  | พวกเราเข้าใจคำพูดนั้นไหม |
35:43  | หรือมันกลายเป็นแนวความคิด |
แล้วเราก็ยึดถือเอาแนวความคิดนั้นไป | |
35:50  | คุณเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังพูดไหมครับ |
35:52  | ผมไม่ทราบว่าผมพูดชัดเจนพอหรือไม่ |
35:55  | |
36:00  | N:ถ้าหากคุณพูดว่า |
ความพยายามคือแก่นแท้ของอัตตา... | |
36:10  | ...ถ้าเช่นนั้นจะต้องมีการเตรียมตัว |
หรือการฝึกฝนในตอนเริ่มต้น... | |
36:19  | K:ไม่ ไม่ |
36:22  | N:เพื่อที่จะบรรลุถึง |
สภาวะเช่นนั้นอีกหรือไม่ | |
36:26  | หรือว่าเราบรรลุถึงสภาวะเช่นนั้น |
โดยปราศจากความพยายาม | |
36:32  | S:ถ้าหากเป็นอย่างที่ดิฉันเข้าใจ |
แต่ถ้าไม่ใช่กรุณาแก้ไขด้วย... | |
36:37  | ...คุณหมายความว่าความพยายาม |
ที่ดิฉันทำเพื่อบรรลุถึงสภาวะนั้น... | |
36:42  | ...ในความพยายามนั้น |
ได้นำไปสู่ความหลงผิดแล้ว | |
36:47  | |
36:53  | K:ผู้ที่ทำความพยายาม |
ผู้ซึ่งได้เข้าไปยึดถือ... | |
36:56  | ...อะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า |
และกำลังใช้ความพยายามเพื่อจะไปให้ถึงมัน | |
37:00  | มันก็ยังเป็นการเคลื่อนไหว |
ของความคิดอยู่นั่นเอง | |
37:02  | S:และมันยังเป็นการต่อรอง... |
37:06  | ...ถ้าฉันทำสิ่งนี้หรือเลิกสิ่งนี้ |
จากนั้นฉันจะได้สิ่งนั้น | |
37:11  | K:ดังนั้นผมจึงขออนุญาตถามว่า |
คุณฟังอย่างไร | |
37:18  | คุณฟังอย่างไร |
37:21  | S:ฟังหรือ |
37:27  | K:เมื่อมีบุคคลเช่นผมพูดว่า |
ความพยายามไม่ว่าชนิดไหนก็ตาม... | |
37:29  | ...เป็นเพียงการทำให้ |
ตัวตนเข้มแข็งขึ้น | |
37:38  | คุณรับเอาคำพูดนั้นอย่างไร |
37:43  | S:ดิฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง |
37:45  | K:ไม่ ไม่ใช่เห็นด้วย |
หรือไม่เห็นด้วยครับ | |
37:49  | แต่ว่าคุณฟังมันอย่างไร |
37:56  | S:ปล่อยให้มันส่งผลกระทบ |
37:59  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
38:03  | B:เราฟังทำนองเดียวกับที่ |
เราเข้าไปยึดถือ... | |
38:08  | ...คือโดยทั่วไปแล้ว |
เราฟังโดยผ่านอดีต... | |
38:13  | ...ผ่านแนวความคิดต่างๆ ที่มีมาก่อน |
หรือผ่านสิ่งที่เรารู้จักรู้แล้ว | |
38:23  | S:มันต้องเป็นเช่นนั้น |
B:แต่ฟังอย่างนั้นถูกต้องไหม | |
38:29  | S:ถ้าหากเราสามารถเปิดใจ |
และเพียงแค่ฟังเท่านั้น | |
38:34  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
38:40  | เวลาที่คุณกินอาหาร |
คุณกินเพราะคุณหิว | |
38:44  | |
38:49  | ท้องรับเอาอาหารเข้ามา... |
38:54  | ...โดยไม่มีความคิดของการรับ |
เอาอาหารเข้ามาแต่อย่างใด | |
39:00  | ดังนั้นคุณสามารถฟัง |
โดยไม่มีความคิดที่จะรับเข้ามา... | |
39:05  | |
39:14  | ...หรือยอมรับ หรือปฏิเสธ |
หรือโต้แย้งได้ไหม... | |
39:19  | ...เพียงแค่ฟังคำกล่าวเฉยๆ |
39:21  | ถ้อยคำที่กล่าวอาจจะผิด หรืออาจจะ |
ถูกก็ได้ แต่เราแค่ฟังมันเท่านั้น | |
39:25  | คุณทำได้ไหม |
39:28  | S:ดิฉันว่าได้ |
39:34  | K:ถ้าหากคุณฟังเช่นนั้นจริง |
อะไรเกิดขึ้น | |
39:43  | S:ไม่มีอะไร |
K:ไม่ใช่ คุณผู้หญิง | |
39:46  | ...อย่าพูดทันทีทันใดว่า |
"ไม่มีอะไร" เกิดอะไรขึ้น | |
39:51  | เมื่อผมฟังคำพูดที่ว่า |
ความคิดคือรากเหง้าของตัวตน | |
39:54  | |
39:59  | หลังจากที่ผมได้อธิบาย |
อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ... | |
40:04  | ...ถึงสภาวะของความคิด |
ที่เข้าไปยึดเกาะ... | |
40:08  | ...กับรูปภายนอก |
กับชื่อ กับสิ่งนี้สิ่งนั้น | |
40:10  | |
40:12  | ดังนั้นหลังจากที่ผม |
ได้อธิบายอย่างระมัดระวัง... | |
40:18  | ...ว่าความคิดคือรากเหง้าของตัวตน |
40:25  | ทีนี้เรารองรับ เราฟังสัจจะ |
ของความจริงอย่างไร... | |
40:34  | ...ที่ว่าความคิดคือรากเหง้าของตัวตน |
40:39  | มันเป็นแนวความคิด |
เป็นข้อสรุปหนึ่ง... | |
40:44  | ...หรือว่ามันเป็นความจริงที่สมบูรณ์ |
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ | |
40:55  | R:ถ้าคุณถามผม มันคือความจริง |
40:59  | ผมฟังมัน รับมันเข้ามา ผมเห็นมัน |
41:05  | K:คุณฟังในฐานะชาวพุทธหรือเปล่า |
ยกโทษให้ผมด้วยที่ถามอย่างนี้ | |
41:08  | |
41:10  | R:ผมไม่ทราบ |
K:ไม่ คุณต้องรู้ | |
41:12  | R:ผมไม่ได้เข้าไปยึดถือสิ่งใดเลย |
41:14  | |
41:17  | ผมไม่ได้ฟังคุณในฐานะชาวพุทธ |
หรือไม่ใช่ชาวพุทธ | |
41:18  | K:ผมกำลังถามคุณนะครับ... |
41:21  | ...ว่าคุณกำลังฟัง |
ในฐานะชาวพุทธหรือไม่... | |
41:25  | ...คุณกำลังฟังในฐานะ |
ผู้ที่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า... | |
41:28  | ...และสิ่งที่พระพุทธเจ้า |
ได้พูดอย่างมากมาย... | |
41:35  | ...และกำลังเปรียบเทียบ |
กับสิ่งที่ฟังหรือไม่... | |
41:37  | ...เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน |
ดังนั้นคุณจึงออกพ้นไปจากการฟัง | |
41:44  | ใช่ไหมครับ |
41:45  | ถ้าเป็นเช่นนั้น |
คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า | |
41:48  | ผมไม่ได้ระบุใครโดยเฉพาะนะครับ |
ยกโทษให้ผมด้วย | |
41:50  | R:ครับ |
K:คุณกำลังฟังอยู่ไหม | |
41:52  | R:โอ คุณสามารถพูดกับผมได้เต็มที่ |
ผมจะได้ไม่เข้าใจคุณผิด... | |
41:53  | |
41:57  | ...และคุณก็จะไม่เข้าใจผมผิด |
ผมไม่กลัวเรื่องนี้ | |
42:00  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
42:01  | คุณจะเข้าใจผมผิดก็ไม่เป็นไร |
42:03  | เพราะผมสามารถแก้ไขมันได้ |
42:07  | R:ใช่ |
42:10  | K:คุณกำลังฟังแนวความคิด ฟังถ้อยคำ... |
42:15  | ...และความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น... |
42:21  | ...หรือว่าคุณกำลังฟังโดยปราศจาก |
การทำความเข้าใจความหมายผ่านถ้อยคำ... | |
42:30  | ...ซึ่งคุณฟังผ่านถ้อยคำไปอย่างรวดเร็ว... |
42:33  | ...แล้วคุณก็พูดว่าใช่ผมเห็น |
ความจริงอันสมบูรณ์ของข้อความนั้น | |
42:45  | R:นั่นคือสิ่งที่ผมพูดไปแล้ว |
42:47  | K:ใช่หรือ |
R:ใช่ครับ | |
42:48  | K:ไม่ใช่ครับ |
ถ้าอย่างนั้นมันจบไปแล้ว | |
42:55  | มันเหมือนกับการเห็นอะไรบางอย่าง |
ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง... | |
42:57  | |
42:59  | ...มันจบ คุณไม่ไปแตะต้องมัน |
43:07  | ผมสงสัยว่าคุณเห็นมันหรือเปล่า |
43:09  | S:ทำไมจึงไม่ได้แตะต้องมัน |
43:11  | |
43:14  | B:สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่า |
เรามีแนวโน้มที่จะฟังโดยผ่านถ้อยคำ... | |
43:17  | ...เหมือนที่คุณพูด |
และถ้อยคำนั้นมีการบ่งระบุ รู้จักรู้จำ... | |
43:20  | ...และการเข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือ |
ยังคงดำเนินต่อไป... | |
43:22  | ...ในขณะที่เราคิดว่าเรากำลังฟังอยู่ |
43:25  | นั่นคือปัญหา |
มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก | |
43:32  | R:ใช่แล้ว หรือพูดอีกอย่าง |
คุณใช้คำว่า การเห็น สำหรับการฟังใช่ไหม... | |
43:34  | |
43:37  | K:ไม่ใช่ครับ |
43:39  | คุณครับ ผมฟัง |
43:41  | เมื่อคุณพูดอะไรบางอย่างกับผม... |
43:44  | ...เช่น สิ่งที่พระพุทธเจ้า |
เคยพูดไว้ ผมแค่ฟัง | |
43:47  | ผมขอพูดว่าเขาเพียงแต่อ้างถึง |
สิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยพูดไว้... | |
43:52  | ...แต่เขาไม่ได้พูด |
บางสิ่งบางอย่างที่ผมต้องการรู้ | |
43:57  | เขากำลังเล่าถึงพระพุทธเจ้าให้ผมฟัง |
แต่ผมต้องการรู้ว่าคุณคิดอะไร... | |
44:00  | ...ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าคิด... |
44:05  | ...เพราะเหตุว่าเรากำลังวางพื้นฐาน |
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผม... | |
44:09  | ...ไม่ใช่ระหว่างคุณ พระพุทธเจ้าและผม |
44:12  | ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจที่พูดนี้ไหม |
44:18  | R:นั่นหมายความเช่นเดียวกันว่า |
ที่ผ่านมาคุณได้ฟังความคิดเห็นทั่วไป | |
44:24  | K:ที่ผ่านมาผมฟังคุณพูด |
เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า | |
44:26  | ผมก็แค่ฟัง |
44:28  | ผมไม่รู้อะไร |
44:29  | คุณกำลังอ้างถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ |
44:32  | บางทีสิงที่คุณอ้างถึง |
อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ... | |
44:35  | ...คุณอาจจะอ้างอิง |
ได้อย่างถูกต้อง และอื่นๆ อีก... | |
44:38  | ...แต่คุณไม่ได้เปิดเผย |
ตัวคุณเองต่อผม... | |
44:42  | ...สำหรับผมนั้นเปิดเผยตัวเองแก่คุณ |
44:46  | ดังนั้นเราจึงสัมพันธกัน |
โดยผ่านพระพุทธเจ้า | |
44:52  | ไม่ใช่สัมพันธ์กันโดยตรง |
44:54  | ผมสงสัยว่า... |
45:06  | อย่างเช่นผมรักสุนัขของผม |
และคุณก็ชอบสุนัขตัวนั้นเช่นกัน... | |
45:11  | ...การที่คุณชอบสุนัขตัวนั้น... |
45:13  | ...ความสัมพันธ์ของเรา |
จึงอยู่บนพื้นฐานของสุนัขตัวนั้น | |
45:19  | ผมไม่ทราบว่าผมพูดชัดเจนพอไหม |
45:21  | แต่ผมไม่ได้เปรียบเทียบ |
พระพุทธเจ้ากับสุนัขนะครับ | |
45:29  | S:ขออนุญาต ดิฉันพยายามพูด |
ในสิ่งที่คุณกำลังมองหา... | |
45:32  | |
45:38  | ...ก็คือปฏิกิริยาตอบสนอง |
จากประสบการณ์ส่วนต้วของเราแต่ละคน... | |
45:40  | ...ต่อคำพูดของคุณ |
45:47  | K:ไม่ใช่ ประสบการณ์ส่วนตัวของคุณ... |
45:50  | ...ก็คือประสบการณ์ |
ของคนอื่นๆ ทุกคนเช่นกัน | |
45:55  | มันไม่ใช่เป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคล |
45:57  | S:ถึงแม้ว่ามันจะออกมาจาก |
แต่ละบุคคลเช่นนั้นหรือค่ะ... | |
46:00  | |
46:04  | K:มันไม่ใช่แม้กระทั่งว่า... |
คุณและผมเป็นทุกข์ มันก็คือทุกข์... | |
46:06  | ...ไม่ใช่ความทุกข์ของผม |
หรือความทุกข์ของคุณ | |
46:13  | แต่เมื่อใดที่มีการเข้าไป |
ยึดเกาะความทุกข์... | |
46:15  | ...เมื่อนั้นมันก็เป็น |
ความทุกข์ของผมขึ้นมา | |
46:21  | แล้วผมก็บอกว่าผมต้องเป็นอิสระจากมัน |
46:23  | แต่ในฐานะที่เป็นมนุษย์ในโลกนี้ |
เราย่อมเป็นทุกข์ | |
46:31  | เรากำลังออกนอกประเด็น |
46:34  | B:สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่า... |
46:36  | ...ปัญหาเกี่ยวกับการเข้าไปยึดเกาะ |
เป็นปัญหาหลัก... | |
46:38  | ...มันแยบยลมากถึงแม้ว่า |
คุณจะพูดถึงเรื่อง ทั้งหมดนั้นแล้ว... | |
46:39  | ...การยึดตนเข้ากับสังคมต่างๆ |
ก็ยังคงเกิดขึ้น | |
46:43  | K:แน่นอน |
46:46  | B:ดูราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมา |
เป็นส่วนหนึ่งของเรา | |
46:52  | S:และจึงเกิดคำถามขึ้นว่า... |
46:54  | ...การเข้าไปยึดตนเข้ากับสิ่งใดๆ |
ก็ตามจะยุติลงได้ไหม... | |
46:58  | ...ถ้าหากว่าดิฉันเข้าใจถูกต้อง |
47:03  | B:การเข้าไปยึดถือเป็นอุปสรรค |
ขัดขวางการฟังอย่างอิสระและเปิดกว้าง... | |
47:09  | ...เพราะเหตุว่า |
เราฟังโดยผ่านการยึดถือ | |
47:12  | K:การจำแนกตนเข้าไปยึดถือหมายถึงอะไร |
47:15  | ทำไมมนุษย์จึงเอาตัวเอง |
เข้าไปยึดติดกับบางสิ่งบางอย่าง... | |
47:21  | ...เป็นรถของฉัน บ้านของฉัน |
ภรรยาของฉัน... | |
47:24  | ...ลูกของฉัน ประเทศของฉัน |
พระเจ้าของฉัน... | |
47:27  | คุณตามทันไหม เพราะเหตุใด |
47:31  | S:อาจจะเพื่อเป็นอะไรบางอย่าง |
47:35  | K:ขอให้เรามาสืบค้นว่าทำไม |
47:38  | ไม่ใช่เพียงแค่การยึด |
กับสิ่งภายนอกต่างๆ เท่านั้น | |
47:41  | แต่รวมถึงการยึดกับสิ่งภายในด้วย... |
47:44  | ...เช่นประสบการณ์ของฉัน |
เป็นการเข้าไปเกาะยึดประสบการณ์... | |
47:48  | ...และพูดว่านี่คือประสบการณ์ของฉัน |
47:54  | ทำไมมนุษย์จึงเป็นแบบนี้ตลอดเวลา |
48:02  | B:คุณเคยบอกว่า |
ในระดับหนึ่งเราเข้าไปยึด... | |
48:04  | ...การรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
ต่างๆ ของเรา | |
48:08  | K:ใช่แล้ว |
48:11  | B:ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสของเรา |
และดูเหมือนว่าสิ่งนี้มีพลังมาก | |
48:15  | ถ้าเราไม่เข้าไปยึดกับการรับรู้ |
ทางประสาทสัมผัสของเรา... | |
48:19  | ...มันจะเกิดอะไรขึ้นครับ |
48:23  | K:เมื่อเราฟัง |
ขณะที่ผมกำลังฟังนั้น... | |
48:27  | ...ผมเข้าไปยึดข้อเท็จจริง |
ที่เขากำลังพูดถึงหรือเปล่า... | |
48:30  | |
48:36  | ...หรือว่าไม่มีการเข้าไปยึดเลย... |
48:39  | ...ดังนั้นผมจึงสามารถฟังด้วยหู |
ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง | |
48:42  | |
48:55  | ผมได้ยินด้วยหูทั้งสองของผม |
หรือว่าผมได้ยินด้วยความใส่ใจทั้งหมด | |
49:02  | |
49:09  | |
49:16  | คุณเข้าใจไหมครับ |
ผมกำลังฟังด้วยความใส่ใจทั้งหมดหรือไม่ | |
49:21  | หรือว่า ใจผมลอยอกไป |
และผมก็พูดว่า โอ! น่าเบื่อ... | |
49:24  | |
49:28  | ...เธอหรือเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่นะ |
และผมก็เลิกสนใจ | |
49:30  | แต่ว่าผมสามารถใส่ใจอย่างสมบูรณ์ |
จนกระทั่งว่ามีแต่การฟังเท่านั้น... | |
49:33  | ...ไม่มีอะไรอย่างอื่น ไม่มีการ |
เข้าไปยึด ไม่มีการพูดว่า ใช่แล้ว... | |
49:38  | ...นั่นเป็นความคิดที่ดี |
นั่นเป็นความคิดไม่ดี... | |
49:42  | ...นั่นจริง นั่นผิด... |
49:48  | ...ซึ่งทั้งหมดนั้นก็คือกระบวนการ |
ของการจำแนกแยกตนเข้าไปเกาะยึด... | |
49:51  | ...ผมจะฟังโดยปราศจาก |
การเคลื่อนไหวใดๆ เลยได้ไหม | |
50:06  | เมื่อใดที่ผมฟังจริงๆ นั้น |
จากนั้นเกิดอะไรขึ้น | |
50:14  | ฟังสัจจะที่ว่า |
ความคิดคือเนื้อแท้ของตัวตน... | |
50:19  | ...และตัวตนก่อให้เกิด |
ความทุกข์ยากทั้งหมดนี้ มันก็จบ | |
50:24  | |
50:27  | โดยที่ผมไม่ต้องไปทำสามาธิ |
ไม่ต้องไปฝึกฝน... | |
50:31  | ...มันจบสิ้นลงเมื่อผมเห็นถึงอันตราย |
ของสิ่งเหล่านี้ | |
50:42  | ดังนั้นเราสามารถฟังอย่างสมบูรณ์ |
จนกระทั่งว่าตัวตนหายไปเลยได้ไหม | |
50:49  | และเขายังพูดอีกว่า |
ฉันสามารถดูหรือเฝ้าสังเกต... | |
51:06  | ...อะไรบางอย่าง |
โดยปราศจากตัวตนได้ไหม... | |
51:13  | ...ซึ่งคือประเทศของฉัน |
ฉันรักท้องฟ้าแบบนี้ มันสวยดี... | |
51:17  | ...และอื่นๆ ทำนองนั้น |
51:24  | ขอความกรุณาด้วยครับ |
51:25  | ดังนั้นการจบสิ้นลง |
ของความคิดซึ่งก็คือการยุติ... | |
51:29  | ...หรือการตัดทำลาย |
ที่รากเหง้าของตัวตน... | |
51:37  | ...เป็นการเปรียบเทียบ |
ที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็เอาล่ะ... | |
51:44  | ...จะเกิดขึ้น |
เมื่อมีความใส่ใจที่ตื่นตัว... | |
51:48  | ...และไม่จำแนกแยกตน |
เคลื่อนเข้าไปยึดใดๆ เลย... | |
51:55  | ...แล้วตัวตนจะยังมีอยู่ไหม |
52:11  | เมื่อผมต้องการชุดสูท... |
52:15  | ...ทำไมจะต้องมีการเข้าไปยึด |
เพื่อการได้ชุดสูทมา | |
52:26  | เมื่อผมได้มันมา |
ก็มีแค่การได้มันมา | |
52:32  | ดังนั้นการตื่นฟังอย่างใส่ใจ |
ย่อมหมายถึงการฟังประสาทรับรู้สัมผัสต่างๆ | |
52:44  | ถูกต้องไหมครับ |
52:46  | ...ฟังการลิ้มรส การเคลื่อนไหว |
ของการรับรู้สัมผัสทั้งหมด | |
52:55  | ผมหมายความว่า คุณไม่สามารถหยุด |
ประสาทรับรู้สัมผัสได้ | |
53:01  | มิฉะนั้นคุณก็เป็นอัมพาต |
53:04  | แต่ในทันทีที่ผมพูดว่า |
"อร่อยจัง ฉันจะต้องกินอีก" | |
53:06  | ...นั่นคือการเริ่มต้นการจำแนกตน |
เข้าไปเกาะยึดทั้งหมด | |
53:09  | B:สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่า |
นั่นคือสภาวะโดยทั่วไปของมนุษย์... | |
53:11  | ...ที่จะจำแนกตนเข้าไปยึด |
กับประสาทรับรู้สัมผัสต่างๆ | |
53:13  | K:แน่นอน |
53:16  | B:แล้วเราจะเปลี่ยนแปลง |
สภาวะนั้นได้อย่างไร | |
53:18  | K:นั่นคือปัญหาทั้งหมดครับ |
53:20  | มนุษย์ถูกสั่งสอน ถูกกำหนดครอบงำ |
มาเป็นเวลานับล้านปี... | |
53:26  | ...ให้จำแนกแยกตน |
เข้าไปยึดทุกสิ่งทุกอย่าง... | |
53:30  | ...เป็นคุรุของฉัน บ้านของฉัน |
พระเจ้าของฉัน... | |
53:34  | ...ประเทศของฉัน กษัตริย์ของฉัน |
พระราชินีของฉัน... | |
53:38  | ...ความสยดสยองทั้งหมดที่ดำเนินอยู่ |
53:47  | B:เพราะว่าในการยึดตน |
เข้ากับแต่ละอย่างเหล่านั้น... | |
53:49  | ...มีความรู้สึกทางประสาทสัมผัสอยู่ |
53:51  | K:มีความรู้สึกทางประสาทสัมผัสอยู่ |
54:01  | ขอโทษ เรา... |
54:08  | R:ขอให้เรามาที่ประเด็นของเรา |
54:11  | K:ครับ นั่นคือ... |
54:13  | R:คำถามที่เริ่มไว้แต่ตอนแรกน่ะครับ |
54:23  | K:เมื่อตัวตนจบสิ้นลง... |
54:28  | ...ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน |
ว่ามันสามารถจบสิ้นลงได้... | |
54:32  | ...มีแต่คนโง่เขลาที่สุด... |
54:34  | ...และคนที่แบกความรู้เอาไว้ |
หนักหน่วงอย่างที่สุดเท่านั้น... | |
54:39  | ...และยึดตนกับความรู้นั้น |
แล้วบอกว่า... | |
54:42  | "อย่างนั้น อย่างนี้" |
หรืออะไรทำนองนั้นทั้งหมด | |
54:47  | เมื่อตัวตนจบสิ้นลง อะไรเกิดขึ้น |
54:54  | ไม่ใช่เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิต |
54:58  | ไม่ใช่เมื่อที่สมอง |
เริ่มเสื่อมหรือกำลังเสื่อมลง... | |
55:06  | ...แต่ในยามที่สมองยังคงตื่นตัว |
เงียบและมีชีวิตชีวาอย่างมาก... | |
55:16  | ...เกิดอะไรขึ้นเมื่อตัวตนจบสิ้นลง |
55:32  | ทีนี้เราจะค้นหาได้อย่างไรครับ |
55:37  | ยกตัวอย่างเช่น นาย ก |
ได้จบสิ้นตัวตนลงแล้วอย่างสมบูรณ์... | |
55:44  | ...ไม่มีอีกต่อไปในอนาคต |
หรือในวันต่อมา... | |
55:50  | ...แต่ยุติมันอย่างสิ้นเชิง |
55:54  | ...เขาพูดว่า ใช่แล้ว |
กิจกรรมที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง... | |
55:58  | |
56:01  | ...ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้น |
จากตัวตนนั้นมีอยู่ | |
56:06  | แล้วมันมีอะไรดีบ้างต่อผม |
หรือพวกเราใครก็ตาม | |
56:11  | เขาพูดว่า ใช่มันสามารถยุติลงได้ |
56:15  | มันเป็นโลกที่แตกต่าง |
ไปอย่างสิ้นเชิง... | |
56:19  | ...เป็นมิติที่แตกต่างออกไป... |
56:21  | ...ไม่ใช่ในมิติของความรู้สึก |
ทางประสาทสัมผัส... | |
56:25  | ...ไม่ใช่ในมิติที่สร้างขึ้น |
โดยปัญญานึกคิด... | |
56:30  | ...แต่เป็นอะไรบางอย่าง |
ที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง | |
56:36  | ผมขอพูดว่าเขาไม่เป็น |
นกกาเหว่าหรือcharlatan... | |
56:40  | ...ก็ต้องคนเสแสร้ง |
ไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง... | |
56:44  | ...แต่ผมต้องการค้นหา... |
56:47  | ...ไม่ใช่เพราะว่าเขาพูดเช่นนั้น |
แต่ผมต้องการค้นหา... | |
56:52  | ...ว่าผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง... |
56:56  | ...ที่มีชีวิตอยู่ในโลก |
ที่น่าเกลียด โหดร้าย... | |
57:00  | ...และรุนแรงฉกาจฉกรรจ์ |
ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม... | |
57:03  | ...จริยธรรม และด้านอื่นๆ |
ทั้งหมดนี้... | |
57:07  | ...ผมต้องการค้นหาว่า |
ผมจะมีชีวิตโดยปราศจากตัีวตนได้ไหม | |
57:11  | แต่ผมไม่ต้องการนึกคิดเอา |
ผมต้องการหาโดยลงมือจริงๆ | |
57:14  | ผมรู้สึกมุ่งมั่นแรงกล้า |
ที่จะค้นหาจริงๆ | |
57:21  | จากนั้นผมจึงเริ่มสืบค้นดูว่า... |
57:25  | ...ทำไมจึงมีการจำแนกตน |
เข้ายึดกับรูปภายนอกยึดกับชื่อ... | |
57:30  | ...มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นนาย ก. |
นาย ข. หรือ นาย ค. | |
57:34  | |
57:40  | ดังนั้นคุณจึงตรวจสอบมัน |
อย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก... | |
57:45  | ...โดยไม่เอาตัวเองเข้าไปยึด |
กับอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น... | |
57:51  | ...ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส |
แนวความคิด ประเทศหรือประสบการณ์ | |
57:59  | คุณเข้าใจไหมครับ |
คุณทำได้ไหม | |
58:03  | ไม่ใช่ทำแบบไม่ตั้งใจ |
และทำเป็นครั้งคราว | |
58:06  | แต่เป็นอะไรบางอย่าง |
ที่คุณต้องทำด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า... | |
58:15  | ...ด้วยความตั้งใจอย่างมาก |
เพื่อค้นให้พบ | |
58:28  | นั่นหมายความว่า ผมต้องจัด |
ทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในที่ในทางของมัน | |
58:38  | ถูกต้องไหมครับ |
58:40  | เพราะว่าผมต้องมีชีวิต |
ผมต้องกินอาหาร... | |
58:43  | ...ผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปยึดติด |
กับอาหารชนิดนี้หรือชนิดนั้น... | |
58:47  | ...แต่ผมกินอาหารที่ถูกต้อง |
และมันก็จบ | |
58:49  | ดังนั้นอาหารจึงมีที่ทาง |
ที่ถูกต้องของมันในชีวิต | |
58:51  | และก็ต้องมีการจัดในเรื่องของ |
ความต้องการทางร่างกายทั้งหมด | |
58:57  | เรื่องเพศให้ถูกต้องเหมาะสม |
59:03  | ใครจะเป็นคนมาบอกผม |
ให้จัดวางให้ถูกต้องเหมาะสม | |
59:07  | คุณเข้าใจไหมครับ |
59:10  | คุรุของผม หรือ พระสันตปาปา |
หรือคัมภีร์ใดๆ หรือที่จะบอก | |
59:16  | |
59:19  | ถ้าเป็นคนเหล่านั้นบอกมา |
และผมเข้าไปยึดติดกับคนเหล่านั้น... | |
59:22  | ...เพราะว่าเขาช่วยเหลือผม |
ในการจัดสิ่งต่างๆ... | |
59:27  | ...ไว้ในที่ทางอันถูกต้องในชีวิต... |
59:30  | ...นั่นย่อมเป็นเรื่อง |
ไร้สาระอย่างแท้จริง | |
59:35  | ถูกต้องไหมครับ |
59:39  | พระสันตปาปาไม่สามารถบอกผม... |
59:43  | ...ว่าเรื่องเพศมีความถูกต้อง |
เหมาะสมของมันในชีวิต... | |
59:45  | ...บอกว่าห้ามหย่าร้างกัน... |
59:48  | ...เมื่อแต่งงานกัน การแต่งงานของคุณ |
คือการแต่งงานกับพระเจ้า | |
59:53  | และผมก็ติดชะงักอยู่กับคำพูดนั้น |
59:57  | ทำไมผมต้องเชื่อฟัง |
พระสันตปาปา หรือ คุรุ... | |
1:00:00  | ...หรือคัมภีร์ตำรา |
หรือนักการเมืองด้วย | |
1:00:07  | ดังนั้นผมจึงต้องค้นหาว่า... |
1:00:10  | ...อะไรคือความถูกต้องเหมาะสม |
ในเรื่องเพศหรือเงินทอง | |
1:00:19  | ถูกต้องไหมครับ |
อะไรคือความถูกต้องเหมาะสม | |
1:00:29  | ผมจะค้นหาได้อย่างไร |
ว่าอะไรคือความถูกต้องเหมาะสมในเรื่องเพศ... | |
1:00:34  | ...ซึ่งเป็นแรงเรียกร้องต้องการ |
ทางร่างกายที่เร่งด่วน... | |
1:00:38  | ...และทรงพลังมากที่สุดอย่างหนึ่ง... |
1:00:42  | ...ซึ่งเหล่าศาสนิกพากันพูดว่า |
ให้ตัดหรือทำลายมันทิ้งไปใช่ไหมครับ | |
1:00:47  | ให้กดข่มมันไว้หรือให้คำมั่นสัญญา |
ว่าจะต่อต้านมันหรืออะไรทำนองนั้น | |
1:00:52  | ผมขอพูดว่า ขอโทษ การทำอย่างนั้น |
ไม่มีความหมายอะไรกับผมเลย | |
1:00:55  | ดังนั้นผมจึงต้องการค้นหาว่า |
ความถูกต้องเหมาะสมของมันคืออะไร | |
1:00:58  | แล้วเราจะค้นหาได้อย่างไร |
1:01:08  | ผมมีกุญแจไขประเด็นนี้ |
1:01:12  | นั่นคือการไม่เข้าไปยึดติด |
กับความรู้สึกทางประสาทสัมผัส | |
1:01:17  | นั่นคือกุญแจสำคัญ |
1:01:25  | ถูกต้องไหมครับ |
1:01:32  | ดังนั้นการไม่เข้าไปยึด |
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส... | |
1:01:38  | ...ซึ่งแปลความตาม |
ประสบการณ์สมัยใหม่ก็เช่น... | |
1:01:44  | ...ฉันต้องมีประสบการณ์ทางเพศ |
1:01:50  | ถูกต้องไหม |
1:01:52  | ดังนั้นการเข้าไปยึดความรู้สึก |
ทางประสาทสัมผัสจึงสร้างตัวตนขึ้นมา | |
1:01:57  | เมื่อเป็นเช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ |
1:02:05  | ที่จะไม่เข้าไปยึด |
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส | |
1:02:12  | ความรู้สึกอย่างเช่นผมหิว... |
1:02:19  | ...แต่ความรู้สึกทางเพศ |
จะมีพลังมากกว่าเล็กน้อย | |
1:02:21  | ดังนั้นเมื่อผมมีกุญแจ |
ไขความเข้าใจในเรื่องนี้ | |
1:02:28  | คุณเข้าใจไหมครับ |
ความจริงในเรื่องนี้ | |
1:02:33  | ถูกต้องไหมครับ |
1:02:37  | ดังนั้น ใช่ผมมีความรู้สึกทางเพศ |
ซึ่งก็ไม่เป็นไร | |
1:02:44  | แต่ไม่มีการไม่เข้าไปเกาะยึด |
นั่นคือสัจจะของมัน | |
1:02:50  | เมื่อผมเห็นสัจจะของมันจริงๆ |
ดังนั้นเรื่องเพศ เงินทอง... | |
1:02:54  | ...หรือทุกสิ่งทุกอย่าง |
ย่อมมีที่ทางที่ถูกต้องของมันในชีวิต | |
1:03:08  | R:พูดในอีกนัยหนึ่ง |
ผมขออนุญาตพูดว่า... | |
1:03:12  | ...คุณสามารถเห็น คุณต้องเห็น... |
1:03:15  | ...หรือว่าคุณเห็นโดยปราศจากอัตตา |
1:03:19  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ครับ |
1:03:22  | R:การเข้าไปยึดนั่นแหละคือตัวตน |
1:03:25  | K:ไม่ใช่ ผมพูดว่ามีความจริงที่ว่า... |
1:03:31  | ...การเข้าไปยึด |
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส... | |
1:03:33  | |
1:03:38  | ...หรือกับสิ่งนี้ หรือกับสิ่งนั้น... |
1:03:43  | ...ได้สร้างรูปโครงของตัวตนขึ้นมา |
ใช่ไหม | |
1:03:45  | นั่นคือความจริงอันเป็นที่สุด |
ที่สมบูรณ์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้... | |
1:03:57  | ...แรงกล้าและคงอยู่ตลอดไปหรือไม่ |
1:04:00  | หรือว่ามันเป็นเพียงแค่แนวความคิด |
ที่ผมยอมรับว่าใช่แล้วมันเป็นจริง... | |
1:04:03  | ...และผมก็สามารถจะเปลี่ยน |
ความคิดนั้นในวันพรุ่งนี้ใช่ไหม | |
1:04:05  | แต่ว่าความจริงนี้ |
สัจจะนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ | |
1:04:22  | นั่นคือเราต้องมีเงิน |
เพราะเงินให้เสรีภาพแก่ผม... | |
1:04:27  | |
1:04:31  | ...เงินให้เสรีภาพแก่คุณ |
ที่จะทำอะไรตามที่คุณชอบ... | |
1:04:36  | ...ไม่ว่าจะเป็นหรือเรื่องทางเพศ |
ถ้าหากคุณต้องการ... | |
1:04:38  | ...เงินทำให้คุณรู้สึกถึง |
การเดินทาง... | |
1:04:41  | ...อำนาจ ตำแหน่งและเรื่องอื่นๆ |
ที่คุณก็รู้ดี | |
1:04:44  | ดังนั้นไม่เข้าไปยึดเงินทอง |
คุณตามทันไหม | |
1:04:52  | B:และนั่นย่อมหมายถึง |
การสิ้นสุดลงของความอยากในสิ่งใดๆ ก็ตาม | |
1:04:57  | K:ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ในที่สุดแล้ว |
ความอยากมีความหมายเพียงน้อยนิด | |
1:05:08  | แต่ไม่ได้หมายความว่า |
ผมเป็นซากผักไร้การตอบสนองใดๆ | |
1:05:14  | B:คุณหมายความว่าการเข้าไปยึด... |
1:05:16  | ...ทำให้ความอยาก |
มีความหมายเกินจริงใช่ไหม | |
1:05:18  | K:แน่นอน |
1:05:22  | ดังนั้นเมื่อได้จัดทุกสิ่งทุกอย่าง... |
1:05:26  | ...ให้มีบทบาทที่ทาง |
อันถูกต้องเหมาะสมในชีวิต... | |
1:05:29  | ...ไม่ใช่จัดการนะ |
ผมไม่ได้จัดการมัน... | |
1:05:31  | ...แต่มันเกิดขึ้นเพราะว่า |
ผมได้เห็นสัจจะของเรื่อง... | |
1:05:37  | ...ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง |
จึงเป็นไปอย่างถูกที่ถูกทางของมันเอง | |
1:05:43  | |
1:05:44  | แต่ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่า |
ใช่ ถูกหรือผิด | |
1:05:48  | R:ไม่ใช่อย่างนั้น ผมเข้าใจที่คุณพูด |
1:05:53  | K:แล้วความคิดมีบทบาทอะไร |
คุณเข้าใจไหมครับ | |
1:06:02  | R:ครับ |
1:06:04  | K:ความคิดมีที่ทางอยู่ตรงไหน |
1:06:10  | มันมีทางของมันหรือไม่มีเลย |
1:06:15  | เห็นได้ชัดว่า ในเวลาที่ |
ผมกำลังพูดคุยนั้น ผมต้องใช้ถ้อยคำ... | |
1:06:21  | ...ถ้อยคำเหล่านั้น |
เชื่อมโยงกับความทรงจำเป็นทอดๆ... | |
1:06:24  | ...ดังนั้นจึงมีการคิดเกิดขึ้น |
ในกระบวนการนั้น... | |
1:06:27  | ...แต่สำหรับผมไม่ใช่เช่นนั้น... |
1:06:29  | ...ในขณะที่ผมพูดนั้น |
มีการคิดเกิดขึ้นน้อยมาก | |
1:06:33  | แต่เราอย่าเพิ่งพิจารณา |
เรื่องนั้นกันเลย | |
1:06:39  | ดังนั้นความคิดจึงมีที่ทางมีบทบาทอยู่ |
ถูกต้องไหมครับ | |
1:06:42  | เช่นเมื่อผมจะต้องไปขึ้นรถไฟ |
หรือไปหาหมอฟัน... | |
1:06:47  | ...หรือไปทำบางสิ่งบางอย่าง |
ความคิดก็จะทำงานของมัน | |
1:06:53  | แต่ว่ามันไม่มีบทบาทอะไรเลย |
ในด้านจิตใจ... | |
1:06:59  | ...เช่นเมื่อเกิดกระบวนการ |
จำแนกแยกตนเข้าไปยึด... | |
1:07:05  | ...เข้าไปเกาะเกี่ยวผูกพันมั่นหมาย |
1:07:07  | ถูกต้องไหมครับ ผมไม่ทราบว่าคุณ... |
1:07:10  | N:คุณหมายถึงว่า |
เพราะไม่มีความคิดเกิดขึ้น | |
1:07:16  | ย่อมทำให้กระบวนการเข้าไปยึด |
ผูกพันมั่นหมายอ่อนกำลังของมันลงไปใช่ไหม... | |
1:07:19  | K:ไม่ใช่ มันไม่ได้สูญเสียกำลังไป |
1:07:22  | N:หรือว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเลย |
1:07:24  | K:ไม่ใช่ เราเพิ่งพูดเมื่อกี้นี้... |
1:07:31  | ...ว่าเมื่อมีกุญแจสำคัญ |
หมายถึงการมีชีวิตอยู่กับความจริง... | |
1:07:43  | ...อยู่กับสัจจะที่ว่าการจำแนกตน |
เข้าไปยึดทำให้เกิดโครงร่าง... | |
1:07:45  | |
1:07:50  | ...และความเป็นตัวตนขึ้น... |
1:07:52  | ...ซึ่งก่อให้เกิดปัญหานานัประการ... |
1:07:57  | ...เมื่อเห็นสัจจะ มีชีวิตอยู่กับ |
สัจจะนั้น มันอยู่ในชีวิต... | |
1:08:01  | ...นั่นคือมันอยู่ในสมองของผม... |
1:08:03  | ...ในคอหอย ในตับไตไส้พุง |
มันเป็นส่วนหนึ่งของเลือดของผม... | |
1:08:08  | ...การเห็นสัจจะของสิ่งนั้น |
สัจจะนั้นก็อยู่ที่นั่น | |
1:08:22  | เมื่อเป็นดังนั้นความคิดย่อมทำบทบาท |
หน้าที่ของมันอย่างถูกต้องเหมาะสม | |
1:08:27  | เรื่องเงิน เรื่องทางเพศ |
อยู่ในที่อันเหมาะสม | |
1:08:31  | N:คุณกำลังหมายความว่า… |
1:08:36  | S:มันทำตามหน้าที่ของมันเอง |
R:ใช่แล้ว | |
1:08:42  | K:ไม่ใช่ครับ ผมต้องการพิจารณา |
เรื่องนี้ลงไปอีก | |
1:08:46  | N:ถ้าหากการเห็นแจ้ง ความแีรงกล้า |
และสัจจะมีพลัง... | |
1:08:50  | K:ไม่ใช่ คุณเห็นไหมว่า |
คุณกำลังใช้คำพูดว่า "มีพลัง" | |
1:08:54  | N:ใช่ ผมใช้คำพูดนั้น |
1:08:56  | K:ไม่ใช่ ผมพูดว่ามันไม่มีพลัง |
1:08:58  | N:มันมีกำลังของมันเอง |
1:09:01  | K:ไม่ใช่คุณใช้คำเหล่านั้นไม่ได้ |
1:09:02  | N:เอาละถ้ามันไม่มีกำลัง |
ความคิดแสดงตัวของมันออกมา | |
1:09:08  | K:ไม่ ไม่ใช่ มันไม่ใช่กำลัง |
1:09:11  | B:คุณกำลังพูดว่า |
การเคลื่อนเข้าไปยึด... | |
1:09:12  | ...ทำให้ความคิด |
ทำสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมด | |
1:09:16  | K:ถูกต้อง การเข้าไปยึด |
ทำให้ความคิดทำสิ่งต่างๆ ที่ผิด | |
1:09:19  | B:ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น |
มันย่อมถูกต้องเช่นนั้นหรือ | |
1:09:22  | K:ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น |
ความคิดก็จะทำหน้าที่ของมัน | |
1:09:25  | B:มันจะเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล |
1:09:27  | แต่เวลาที่คุณพูดว่าไม่มีการเข้าไปยึด |
1:09:29  | คุณหมายความว่าตัวตนนั้นว่างเปล่า... |
1:09:31  | ...มันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นใช่ไหม |
1:09:33  | K:มีแต่การรับรู้ |
ทางประสาทสัมผัสต่างๆ เท่านั้น | |
1:09:36  | B:มีการรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
แต่มันไม่ถูกยึด | |
1:09:38  | K:ไม่มีการเข้าไปยึด |
1:09:39  | N:โดยผ่านความคิด |
1:09:41  | K:ไม่มีการเคลื่อนไหว |
ของความคิดเข้าไปยึด | |
1:09:42  | B:การรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างนั้นใช่ไหม | |
1:09:44  | K:ใช่มันยังคงดำเนินต่อไป |
1:09:45  | B:ภายนอกหรือภายใน |
K:ภายใน | |
1:09:52  | N:และคุณยังหมายความเช่นกันว่า |
ไม่มีการหวนกลับคืน | |
1:09:57  | K:ไม่มีอย่างแน่นอน |
1:10:00  | เวลาที่คุณเห็นอะไรบางอย่าง |
ที่เป็นอันตรายอย่างที่สุด... | |
1:10:03  | ...คุณจะไม่หวนกลับคืนหรือไปข้างหน้า |
เพราะมันอันตราย | |
1:10:13  | คุณครับแล้วนั่นคือความตายหรือไม่ |
1:10:20  | นั่นคือคำถามที่เราเีริ่มต้น |
1:10:22  | R:ใช่แล้ว ถูกต้อง |
1:10:25  | K:นั่นคือความตายไหม |
1:10:31  | ความตายอย่างที่เรารู้จักนั้น |
1:10:35  | |
1:10:44  | ก็คือการที่เซลล์สมอง |
และอื่นๆ ตาย ถูกต้องไหม | |
1:10:45  | ร่างกายเสื่อมสลาย |
ไม่มีออกซิเจนและอื่นๆ | |
1:10:48  | |
1:10:51  | ดังนั้นมันจึงตาย |
1:10:56  | การรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
ก็ตายไปกับมัน | |
1:11:01  | ถูกต้องไหม |
1:11:14  | ถึงตรงไหนแล้วล่ะ |
1:11:15  | B:คุณบอกว่าการรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
ตายไปกับร่างกาย | |
1:11:18  | K:ไปกับร่างกาย |
1:11:19  | B:การรับรู้ทางประสาทสัมผัส |
จึงไม่มีอีก | |
1:11:20  | K:ไม่มี |
1:11:23  | R:ใช่ |
1:11:25  | K:เอาละแล้วการมีชีวิตอยู่โดยที่ |
การรับความรู้สึกทางประสาทสัมผัส... | |
1:11:29  | ...ตื่นตัวอย่างเต็มที่ |
มีสภาวะเช่นนี้ไหม | |
1:11:35  | ...มันตื่นตัว มีชีวิตชีวา... |
1:11:39  | ...แต่การไม่เข้าไปยึด |
จะชำระล้างตัวตนออกไป | |
1:11:46  | |
1:11:55  | เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว |
1:12:00  | ความตายคืออะไรล่ะครับ |
1:12:02  | เป็นไปได้หรือไม่ที่จะดำรงชีวิต |
ประจำวันอยู่กับความตาย | |
1:12:07  | ซึ่งก็คือการจบสิ้นลงของตัวตน |
1:12:14  | อย่างนั้นไม่ใช่หรือครับ |
1:12:16  | R:ใช่ครับ |
1:12:18  | K:ผมก็ไม่ได้สืบค้นน่ะสิ |
1:12:20  | เชิญครับใครช่วยพูดก่อนสักครู่ |
1:12:25  | R:ผมฟังตามอยู่ |
1:12:27  | N:คุณพูดได้ไหมว่า มีการพูดถึง |
อย่างมากเกี่ยวกับการเห็นแจ้ง... | |
1:12:32  | ...การทำสมาธิเพื่อการเห็นแจ้ง |
หรือวิปัสสนา... | |
1:12:36  | ...การเห็นแจ้งเป็นสิ่งที่คงอยู่ตลอดไป |
และไม่หวนกลับคืนใช่ไหม | |
1:12:43  | การเห็นแจ้งมีคุณสมบัติเช่นนั้นใช่ไหม |
1:12:46  | R:แน่นอนว่า |
สิ่งที่เขากำลังบอกอยู่เดี๋ยวนี้ | |
1:12:50  | ก็คือวิปัสสนาภาวนา |
1:12:54  | สิ่งที่เขากำลังบอกเดี๋ยวนี้ |
ก็คือวิปัสสนาภาวนา | |
1:12:59  | N:ไม่ใช่ ผมกำลังถามว่า... |
1:13:02  | ...การเห็นแจ้งคงอยู่ตลอดไป |
โดยไม่ขึ้นกับกาลเวลาใช่ไหม | |
1:13:05  | K:อย่าใช้คำว่า "คงอยู่ตลอดไป" |
หรือ "ไม่สิ้นสุด" | |
1:13:10  | N:หรือการเห็นแจ้งทั้งหมด |
คือกระบวนการในแต่ละขณะ | |
1:13:12  | K:ในทันทีที่คุณมีการเห็นแจ้งมันก็จบ |
1:13:14  | N:จบลง ใช่แล้ว |
1:13:15  | R:เมื่อใดที่คุณเห็นมัน |
มันก็จบลง | |
1:13:17  | K:เมื่อผมเกิดเห็นแจ้ง |
ถึงธรรมชาติทั้งหมดของตัวตนมันก็จบ | |
1:13:22  | ผมมีการเห็นแจ้งสักครั้ง |
1:13:24  | R:ตรงกันกับสิ่งที่เขาพูด |
1:13:25  | N:มันสมบูรณ์ |
1:13:26  | R:มันสมบูรณ์ในตัวของมันเอง |
และไม่มีการกลับคืนมาอีก | |
1:13:28  | N:ไม่มีการกลับคืนมาอีก |
ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่การเห็นแจ้ง | |
1:13:33  | R:เมื่อคุณเห็นมันแล้วคุณรู้จักมัน |
และไม่มีการหวนคืนอีก... | |
1:13:35  | ...ไม่กลับคืนมา |
1:13:40  | S:ใครเห็นมัน |
1:13:41  | เรามักมีปัญหากับคำเหล่านั้นเสมอ |
1:13:44  | R:ไม่ใช่ มันเป็นเพียงแค่ภาษาเท่านั้น |
1:13:47  | ไม่มีผู้เห็นที่แยกจากการเห็น |
1:13:50  | N:ผู้เห็นไม่ได้แยกจากการเห็น |
1:13:52  | B:คุณพูดได้ไหมว่าการเห็นแจ้ง |
เปลี่ยนบุคคลนั้นไปสู่อีกสภาวะใหม่ | |
1:13:56  | K:นั่นเป็นเรื่อง |
ที่เราได้พูดคุยกันวันก่อน... | |
1:13:58  | ...ว่าการเห็นแจ้งไม่เพียงแต่ |
เปลี่ยนสภาวะของจิตใจใหม่เท่านั้น... | |
1:14:03  | ...แม้แต่ตัวเซลล์สมองเอง |
ก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย | |
1:14:05  | R:ถูกต้องที่สุด |
1:14:07  | B:เมื่อเป็นเช่นนั้น เซลล์สมอง |
ที่อยู่ในสภาวะที่แตกต่างออกไป... | |
1:14:07  | ...ย่อมทำงานแตกต่างไปด้วย |
1:14:10  | ...จึงไม่จำเป็นต้อง |
มีการเห็นแจ้งซ้ำอีก | |
1:14:12  | R:ระบบทั้งหมดเปลี่ยนแปลง |
ด้วยการเห็นแจ้งนั้น | |
1:14:15  | K:ขอให้ระมัดระวังด้วยครับ |
1:14:22  | อย่าพูดไม่ว่ามันเป็นเช่นนั้น |
หรือไม่เป็นเช่นนั้น | |
1:14:27  | ถึงตรงนี้ผมยังคงมีคำถามอยู่อีกว่า |
ความตายคืออะไร | |
1:14:31  | การจบสิ้นลงของตัวตนคือความตายหรือ |
1:14:37  | ความตายในความหมายปรกติ |
ที่ยอมรับกันโดยทั่วไปนั้น | |
1:14:44  | แน่นอนว่ามันไม่ใช่ |
เพราะว่าเลือดก็ยังไหวเวียนอยู่... | |
1:14:48  | |
1:14:51  | R:มันไม่ใช่ในความหมายในทางการแพทย์ |
1:14:54  | K:สมองก็ยังคงทำงานอยู่ |
หัวใจยังคงสูบฉีดโลหิตและอื่นๆ | |
1:14:57  | B:มันยังคงมีชีวิตอยู่ |
1:14:59  | K:มันยังมีชีวิตอยู่... |
1:15:01  | ...แต่ตัวตนไม่มีอยู่อีกแล้ว... |
1:15:07  | ...เพราะว่าไม่มีการเข้าไปยึด |
ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม | |
1:15:11  | นี่คือสิ่งที่ใหญ่หลวงเป็นที่สุด |
1:15:16  | ไม่มีการเข้าไปยึดกับสิ่งใดๆ เลย... |
1:15:20  | ...ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ |
ความเชื่อ ประเทศชาติ... | |
1:15:23  | ...กับแนวความคิด อุดมคติ |
ภรรยา สามี ความรัก... | |
1:15:25  | ...ไม่มีการเข้าไปยึดอย่างสิ้นเชิง |
1:15:38  | นั่นคือความตายไหม |
1:15:48  | ผู้คนที่เรียกสภาวะนั้นว่าความตาย |
ก็จะพูดว่า ตายแล้ว!... | |
1:15:51  | ...ถ้าฉันไม่มีอะไรยึดถือเลย |
ฉันก็ไม่เป็นอะไรเลยนะสิ | |
1:15:55  | |
1:16:00  | ดังนั้นพวกเขาจึงกลัว |
ที่จะไม่เป็นอะไรเลย | |
1:16:05  | ก็เลยต้องยึดอะไรบางอย่างเอาไว้ |
1:16:11  | แต่ว่าความไม่เป็นอะไรเลย |
คือไม่เป็นอะไรเลยแม้สักอย่างเดียว | |
1:16:15  | คุณเข้าใจไหมครับ |
1:16:18  | เมื่อไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง... |
1:16:22  | ...ดังนั้นมันจึงเป็นสภาวะจิตใจ |
ที่จะแตกต่างออกไปเลยทีเดียว | |
1:16:29  | นั่นละคือความตาย |
1:16:33  | ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ |
มีการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส... | |
1:16:37  | ...หัวใจยังคงเต้นอยู่ |
เลือดไหลเวียน มีการหายใจ... | |
1:16:45  | ...สมองยังทำงาน |
ไม่ถูกทำลายเสียหาย... | |
1:16:52  | ...สภาวะนี้สมองไม่ถูกทำลาย |
แต่สมองของเราถูกทำลาย | |
1:16:58  | B:สมองที่ถูกทำลายนี้เยียวยาได้ไหม |
1:17:00  | เป็นไปได้หรือไม่ |
ที่จะเยียวยาความเสียหายนี้ | |
1:17:02  | K:ผมต้องการสืบค้นเรื่องการเห็นแจ้ง |
1:17:09  | สมองของเราถูกทำลายเสียหาย |
1:17:14  | เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว |
ที่จิตใจของเราถูกทำร้ายให้ต้องเจ็บป่วย... | |
1:17:20  | |
1:17:22  | ...และบาดแผลนั้นคือส่วนหนึ่งของ |
เซลล์สมองของเราที่จดจำบาดแผลต่างๆ... | |
1:17:30  | ...เช่นการโฆษณาชวนเชื่อ |
มาเป็นเวลา 2000 ปี ว่าฉันคือชาวคริสต์... | |
1:17:33  | ...ว่าฉันเชื่อในพระเยซูคริสต์ |
ซึ่งเป็นบาดแผลอันหนึ่ง... | |
1:17:40  | ...หรือว่าฉันเป็นชาวพุทธ |
คุณตามทันไหมครับ | |
1:17:47  | มันคือบาดแผลหนึ่ง |
1:17:55  | ดังนั้นสมองของเราจึงถูกทำลายเสียหาย |
1:18:07  | การเยียวยาความเสียหาย |
ก็คือการฟังเอาใจใส่ ฟังจริงๆ... | |
1:18:09  | ...และในการฟังนั้น |
คือการเกิดการเห็นแจ้งในสิ่งที่พูดถึงนั้น... | |
1:18:13  | ...ดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง |
อย่างฉับพลันทันทีขึ้นในเซลล์สมอง | |
1:18:25  | เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่มี |
การเข้าไปยึดอย่างสิ้นเชิงและทั้งหมด | |
1:18:29  | |
1:18:31  | แล้วนั่นคือความรักไหม |
1:18:39  | คุณรู้ไหมครับว่า |
ผมตั้งคำถามกับเรื่องนี้ | |
1:18:53  | มีการพูดถึงความเมตตากรุณาอยู่มากมาย |
ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาใช่ไหม | |
1:18:56  | |
1:18:58  | ขอให้มีความเมตตากรุณาต่อกัน |
อย่าฆ่า อย่าทำร้ายกัน | |
1:19:04  | แล้วความรักมีบทบาทอยู่ตรงไหน |
ในความเมตตากรุณา | |
1:19:14  | การที่จะรักผู้ชายหรือ |
ผู้หญิงคนหนึ่ง หรือสุนัขตัวหนึ่ง... | |
1:19:24  | ...ก้อนหินก้อนหนึ่ง |
แมวเร่ร่อนตัวหนึ่ง | |
1:19:29  | ...หรือรักอะไรบางอย่าง |
เช่น ก้อนเมฆ ต้นไม้... | |
1:19:30  | ...ธรรมชาติหรืออะไรก็ตาม |
รักบ้านที่สร้างโดยสถาปนิก... | |
1:19:34  | |
1:19:37  | ...รักสิ่งของสวยงาม |
ก้อนอิฐ รักมัน... | |
1:19:43  | ...ซึ่งไม่ใช่การเข้าไปยึดตน |
เข้ากับก้อนอิฐหรือบ้าน | |
1:19:57  | การตายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือ |
1:20:05  | ความรักที่ไม่มีการเข้าไปเกาะยึด |
ผูกพันมั่นหมายอยู่ในนั้นเลย | |
1:20:11  | R:มันเป็นเช่นนั้น |
มันเป็นเช่นนั้นแหละ | |
1:20:15  | K:เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว |
ความรักมีที่ทาง มีบทบาทอยู่ตรงไหน | |
1:20:19  | เช่นการรักผู้หญิง หรือผู้ชายคนหนึ่ง |
คุณเข้าใจไหม | |
1:20:25  | ...โดยไม่เข้าไปยึดติด... |
1:20:28  | ...เช่นไม่เข้าไปยึดติดกับความรู้สึก |
ทางประสาทสัมผัสทางเพศ... | |
1:20:39  | ...ยึดติดผูกพันกับผู้หญิงหรือผู้ชาย |
แต่ยังคงรักบุคคลผู้นั้นอยู่ | |
1:20:47  | คุณเข้าใจไหม |
1:20:49  | เมื่อมีความรักแบบนั้นเกิดขึ้น |
ความรักนั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมรัก... | |
1:20:54  | ...แต่มันเป็นความรักทั้งพิภพ |
ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจไหม | |
1:21:00  | K:อย่าเพิ่งเห็นด้วยครับ |
1:21:03  | R:ไม่ ไม่ใช่เห็นด้วย |
ผมเข้าใจมัน | |
1:21:05  | K:คุณภาวะแห่งรักนั้นมีบทบาทอะไรบ้าง |
กับความเมตตากรุณา | |
1:21:13  | หรือว่าความเมตตากรุณา |
เป็นอย่างเดียวกันกับความรัก | |
1:21:19  | R:ไม่ใช่ |
1:21:28  | N:ทำไมคุณพูดว่าไม่ใช่ |
1:21:29  | R:ความเมตตากรุณานั้น |
เพื่อผู้ที่เป็นทุกข์เท่านั้น | |
1:21:43  | ส่วนความรักนั้นไม่มีการแบ่งแยก... |
1:21:51  | ...แต่ความเมตตากรุณานั้น |
มุ่งไปยังผู้ที่กำลังเป็นทุกข์ | |
1:21:59  | N:คุณแยกความแตกต่าง |
ระหว่างความเมตตากรุณากับความรัก | |
1:22:02  | R:ใช่แล้ว |
1:22:03  | N:มันมีอยู่ในภาษาของชาวพุทธไหม |
1:22:06  | R:ใช่เป็นภาษาชาวพุทธ |
1:22:08  | นั่นคือเมตตากับกรุณา |
1:22:13  | K:เมตตาและกรุณา |
1:22:16  | R:คำว่ากรุณาก็คือ compassion |
1:22:18  | ส่วนความรักก็คือเมตตา |
ซึ่งกว้างกว่ากรุณา | |
1:22:26  | K:ผมแค่ |
1:22:40  | คุณครับ เรารักโดยปราศจาก |
การเข้าไปยึดไหม | |
1:22:46  | ซึ่งหมายถึงว่าไม่มีตัวตน |
ไม่มีการยึดติด | |
1:22:51  | R:นั่นคือความรักที่แท้จริง |
1:22:55  | K:ไม่ใช่ผมกำลังถามคุณ |
ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง... | |
1:22:58  | ...ไม่ใช่ในฐานะชาวพุทธ... |
1:23:02  | ...แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง |
ที่ปราศจากการเข้าไปยึดติด... | |
1:23:08  | ...กับประสาทสัมผัสของคุณ |
ความรู้สึกของคุณและอื่นๆ... | |
1:23:12  | ...คุณรักผู้หญิงหรือผู้ชายคนหนึ่ง... |
1:23:17  | ...หรือเด็กคนหนึ่ง |
หรือท้องฟ้าหรือก้อนหิน... | |
1:23:22  | ...หรือสุนัขเร่ร่อนโดยปราศจาก |
การเข้าไปยึดติดใช่ไหม | |
1:23:33  | ซึ่งพวกนั้นต่างก็เป็นทุกข์ |
ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย... | |
1:23:38  | |
1:23:45  | ...หรือสุนัขเร่ร่อน |
ที่มีชีวิตที่เลวร้าย... | |
1:23:50  | ...ถูกใครๆ พากันขับไล่หรือเตะเอา |
1:23:57  | เมื่อไม่มีการเข้าไปยึดกับสิ่งเหล่านั้น |
คุณรักสุนัขตัวนั้นไหม... | |
1:24:04  | ...หรือว่าคุณมีความเมตตากรุณา |
ต่อสุนัขตัวนั้นไหม | |
1:24:12  | หรือความเมตตากรุณา |
เป็นแค่แนวความคิดอย่างหนึ่ง... | |
1:24:17  | ...ว่าฉันต้องมีความเมตตา |
กรุณาต่อผู้มีทุกข์... | |
1:24:22  | ...ต่อคนยากจน ต่อคนโง่หรือคนบ้า |
1:24:27  | B:ผมยังคิดว่า คำถามก็คือ |
ความรักต่อผู้ที่ไม่เป็นทุกข์มีไหม | |
1:24:29  | |
1:24:34  | สมมุติว่ามีใครบางคนที่ไม่ทุกข์ |
1:24:38  | K:สมมุติว่ามีใครบางคน |
ที่มีความสุขอย่างเหลือล้น... | |
1:24:40  | ...เพราะว่าเขาเขียนหนังสือดีๆ |
หรือหนังสือแนวอาชญากรรม... | |
1:24:43  | ...และได้เงินทองมากมาย |
หรือว่ามีโชคดี | |
1:24:45  | B:ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นทีเดียว |
1:24:47  | คุณอาจพูดได้ว่า |
เขายังเป็นทุกข์อยู่ลึกๆ | |
1:24:49  | K:นั่นแหละที่ผมกำลังตั้งคำถาม |
1:24:52  | B:แต่ว่าความรักเกิดขึ้นได้ไหม |
ถ้าหากไม่มีความทุกข์ | |
1:24:58  | หากว่ามนุษย์จะต้องเป็นอิสระ |
จากความทุกข์หรือเปล่า | |
1:25:01  | K:ความรักจะเกิดขึ้นมา |
โดยปราศจากความทุกข์ได้ไหม | |
1:25:04  | หรือคุณกำลังพูดว่า... |
1:25:06  | ...มนุษย์จะต้องผ่านความทุกข์ก่อน |
จึงจะเกิดความรักใช่ไหม | |
1:25:10  | B:ก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น |
1:25:12  | K:คุณเห็นไหมว่า |
เมื่อคุณพูดทำนองนั้น... | |
1:25:14  | ...มันก็ย่อมหมายความเช่นนั้นใช่ไหม |
1:25:16  | B:เอาละ คุณอาจพูดในแง่หนึ่งได้ว่า... |
1:25:20  | ...ความรักเกิดขึ้นได้ |
ไม่ว่าจะมีความทุกข์หรือไม่ก็ตาม | |
1:25:24  | ส่วนอีกจุดก็คือ |
ความกรุณาที่ชาวพุทธใช้กันอยู่นั้น... | |
1:25:27  | ...เป็นไปเฉพาะแต่กับคนที่เป็นทุกข์ |
เท่านั้นหรือ | |
1:25:30  | K:ผมสงสัยในเรื่องนั้น |
1:25:34  | N:ผมไม่รู้สึกทีเดียวนักว่า... |
1:25:37  | ...ความกรุณานั้นมีให้เฉพาะ |
สำหรับผู้ที่กำลังเป็นทุกข์เท่านั้น | |
1:25:39  | ผมคิดว่ามันมีคุณสมบัติกว้างกว่านั้น |
1:25:42  | R:ไม่ใช่ ในเรื่องนี้มีคุณสมบัติ |
สี่ประการที่เรียกว่า พรหมวิหาร... | |
1:25:47  | ...คุณสมบัติที่ประเสริฐเหล่านี้คือ |
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา | |
1:25:50  | |
1:25:54  | เมตตานั้นมีต่อทั้งผู้ที่เป็นทุกข์ |
และไม่ทุกข์อย่างที่คุณพูดมาแล้ว... | |
1:25:59  | ...กรุณามีเฉพาะต่อผู้ที่เป็นทุกข์... |
1:26:02  | ...มุทิตามุ่งไปยังผู้ที่มีความสุข... |
1:26:07  | ...เป็นการที่คุณเข้าไปร่วม |
กับความสุขของผู้คน... | |
1:26:10  | ...เพราะในโลกนี้ไม่มีความสุข |
ในความเอื้ออาทรเช่นนั้น | |
1:26:17  | อุเบกขาคือการวางเฉย |
1:26:22  | คุณสมบัติ 4 ประการนี้ |
เรียกว่าพรหมวิหาร | |
1:26:26  | เป็นคุณสมบัติที่ประเสริฐและสูงสุด |
1:26:32  | ส่วนคำว่าความรักที่คุณใช้นั้น |
กว้างใหญ่กว่ามาก | |
1:26:35  | |
1:26:41  | K:เปล่า ผมยังไม่ได้มาถึง |
เรื่องความกรุณาเลยนะครับ | |
1:26:43  | |
1:26:46  | ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าในฐานะ |
ที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ผมรักใครบ้างไหม... | |
1:26:50  | ...รักสุนัข ปล่องไฟก้อนเมฆ |
หรือท้องฟ้าที่สวยงามนั้น... | |
1:26:54  | ...รักโดยปราศจากการเข้าไปยึด |
ผูกพันมั่นหมายได้ไหม | |
1:26:59  | ไม่ใช่เป็นทฤษฏีแต่เป็นจริง |
1:27:03  | ผมไม่ต้องการหลอกตัวเอง |
อยู่ในทฤษฏีหรือแนวความคิดต่างๆ... | |
1:27:07  | ...ผมต้องการรู้ว่า |
ผมรักผู้ชายหรือผู้หญิงคนนั้น... | |
1:27:08  | ...หรือเด็กคนนั้น สุนัขตัวนั้น... |
1:27:13  | ...โดยไม่มีการพูดว่า |
"มันเป็นสุนัขของฉัน... | |
1:27:14  | ...ภรรยาของฉัน บ้านของฉัน |
ก้อนอิฐของฉัน" ได้ไหม... | |
1:27:27  | ...โดยเป็นจริงๆ ไม่ใช่นึกคิดเอา |
1:27:32  | S:ถ้าหากการเข้าไปยึดติดกับ "ฉัน" |
หมดไปแล้ว ตราบเท่าที่ดิฉันรู้สึกว่า.. | |
1:27:37  | "ฉัน" กระทำตัวเป็นตัวตนอยู่ |
ดิฉันก็ยังไม่สามารถทำได้ | |
1:27:41  | K:ไม่ใช่ครับคุณผู้หญิง |
1:27:43  | เราได้พูดไปแล้วว่าสัจจะก็คือ... |
1:27:47  | ...การที่ความคิดเคลื่อนเข้าไปยึด |
สิ่งต่างๆ ทำให้เกิดตัวตนขึ้นมา... | |
1:27:49  | ...ซึ่งเป็นสาเหตุของความวุ่นวาย |
และความทุกข์ทั้งหมด | |
1:27:52  | S:และถ้าการเคลื่อนไหวนั้น |
ถูกรู้เห็นล่ะ... | |
1:27:54  | K:ผมได้พูดว่า |
มันคือความเป็นจริงที่สมบูรณ์... | |
1:27:59  | ...ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ |
มันอยู่ในเลือดของผม... | |
1:28:01  | ...ผมไม่สามารถกำจัดเลือดของผมได้ |
มันอยู่ที่นั่น | |
1:28:04  | S:ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้ |
นอกจากต้องรัก | |
1:28:07  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
1:28:08  | คุณตอบเร็วเกินไป |
1:28:11  | S:ดิฉันขอโทษ |
1:28:14  | K:ไม่ใช่ว่า "ฉันช่วยอะไรไม่ได้ |
นอกจากต้องรัก" | |
1:28:17  | แต่ว่าืคุณรักไหม |
1:28:22  | R:ถ้าคุณเห็นมัน |
1:28:25  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่ |
1:28:30  | คุณเห็นสัจจะนั่นไหม |
สัจจะของเรื่องนั้น | |
1:28:37  | ทีว่าการที่ความคิดเคลื่อนเข้าไปยึด |
คือรากเหง้าของตัวตน... | |
1:28:44  | ...พร้อมทั้งความคิด |
และสิ่งอื่นทั้งหมด | |
1:28:46  | นั่นคือความจริงแท้ |
จริงเหมือนเห็นอันตรายของงูเห่า | |
1:28:49  | เหมือนกับสัตว์ที่อันตราย... |
1:28:54  | ...เหมือนหุบเหวสูงชัน |
เหมือนการกินยาพิษถึงตาย | |
1:29:03  | เมื่อเห็นดังนั้น |
เมื่อคุณมองเห็นอันตราย... | |
1:29:08  | ...ย่อมไม่มีการเข้าไปยึดโดยสิ้นเชิง |
1:29:11  | จากนั้นความสัมพันธ์ของผมกับโลก... |
1:29:19  | ...กับธรรมชาติ กับผู้หญิง |
ผู้ชาย เด็กจะเป็นอย่างไร | |
1:29:30  | เมื่อไม่มีการเข้าไปยึด |
แล้วยังมีความไม่ยินดียินร้าย... | |
1:29:32  | ...ความเฉยชา ความไร้เมตตา |
ความรุนแรงโหดร้ายอยู่หรือไม่... | |
1:29:40  | ...อย่างเช่นพูดว่า "ฉันไม่เข้าไปยึด" |
แล้วก็เชิดหน้าไม่สนใจใยดี | |
1:29:47  | R:อย่างนั้นย่อมเป็นการเห็นแก่ตัวมาก |
1:29:50  | K:ไม่ใช่ ไม่ใช่เห็นแก่ตัว |
1:29:52  | นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใช่ไหม |
1:29:55  | R:ไม่ใช่ |
1:30:01  | K:ไม่ครับ คุณไม่สามารถพูดแค่ว่า |
ไม่ใช่ ทำไมถึงไม่ | |
1:30:04  | เพราะว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ |
ถ้าหากมันเป็นการรู้ในระดับปัญญานึกคิด | |
1:30:10  | S:มันไม่ใช่สัจจะ |
K:เมื่อผมมีอุดมคติอย่างหนึ่ง | |
1:30:15  | R:นั่นคือสิ่งที่ผมได้พูดไปแล้ว |
ว่าคุณยังไม่เห็น | |
1:30:17  | |
1:30:20  | K:ไม่ใช่ครับ ผมกำลังจะถามว่า... |
1:30:25  | ...การไม่เข้าไปยึดนั้น |
เป็นเพียงอุดมคติ เป็นเพียงความเชื่อ... | |
1:30:31  | ...หรือแนวความคิดอย่างหนึ่ง |
ที่ผมใช้ในการดำเนินชีวิตหรือไม่... | |
1:30:35  | ...และด้วยเหตุผลนั้น |
ความสัมพันธ์ของผมกับสุนัข... | |
1:30:37  | ...กับภรรยา สามี เด็กผู้หญิง |
หรืออะไรก็ตาม... | |
1:30:41  | ...ย่อมกลายเป็นเรื่องผิวเผิน ตื้นๆ |
และผ่านๆ ไม่ีมีอะไรจริงจัง | |
1:30:47  | ...ต่อเมื่อสัจจะของการเข้าไปยึด... |
1:30:50  | |
1:30:58  | ...ได้ขาดจากชีวิตของเรา |
อย่างสิ้นเชิงเท่านั้น... | |
1:31:02  | ...ที่ความไร้เมตตาจะไม่เกิดขึ้นอีก |
เพราะว่านั่นคือความจริงแท้ | |
1:31:10  | เรายังไม่ได้เข้าไปสู่คำถาม |
เกี่ยวกับความตายเลย | |
1:31:13  | ตอนนี้เวลาบ่ายโมงห้านาที |
เราต้องหยุดรับประทานอาหารกลางวันก่อน | |
1:31:18  | R:ในตอนบ่าย ผมยังมีคำถามอีก |
1:31:20  | |
1:31:22  | |
1:31:26  | K:ดีครับ ขอให้เราพิจารณามันดู |
1:31:29  | R:ปัญหาเหล่านี้ทำงานอยู่ในใจผม |
มาเป็นเวลานานแล้ว | |
1:31:32  | K:ขอให้เรามาค้นหากัน |
1:31:35  | R:ผมอยากถกเรื่องเหล่านี้กับคุณ... |
1:31:41  | ...และวันนี้เรามีช่วงเวลา |
อีกเพียงหนึ่งครั้งในตอนบ่ายนี้ | |
1:31:43  | N:เวลา 4 โมงเย็น |
1:31:46  | |
1:31:51  | |