BR7879CBS5 - มีชีวิตหลังความตายไหม
สนทนากับปราชญ์ชาวพุทธครั้งที่ 5
ที่บร็อควู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
0:15 | |
0:19 | K:คุณครับ คำถามของคุณก็คือ |
มีชีวิตหลังความตายหรือไม่ | |
0:21 | |
0:26 | R:ขอผมพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ |
สักสองสามคำได้ไหมครับ | |
0:27 | K:ได้ครับ |
0:31 | R:คำถามนี้ที่ผมต้องการจะถามท่าน |
ก็เพราะเท่าที่ผมทราบ... | |
0:36 | ...ศาสนาทุกศาสนาเห็นพ้อง |
และยอมรับกันว่ามีชีวิตหลังความตาย | |
0:40 | ในศาสนาพุทธและฮินดูยอมรับว่า |
ไม่ได้มีแค่ชีวิตนี้ชีวิตเดียว... | |
0:46 | ...แต่มีอีกหลายชาติ |
ทั้งก่อนการเกิด... | |
0:49 | ...และอีกหลายชาติ |
หลังจากตายแล้วในชาตินี้ | |
0:51 | นั่นคือคำสอนของชาวฮินดูและชาวพุทธ |
0:55 | แต่เท่าที่ผมทราบ... |
0:58 | ....ศาสนาคริสต์ก็ยอมรับว่า |
อย่างน้อยที่สุด... | |
1:01 | ...ก็มีชีวิตหลังความตาย อีกหนึ่งชีวิต |
ถ้าไม่อยู่ในนรกก็อยู่บนสวรรค์ | |
1:03 | K:ใช่ครับ ชาวมุสลิมด้วย |
1:07 | R:ชาวมุสลิมก็ยอมรับอย่างนั้นด้วย |
1:09 | ผมไม่ทราบเกี่ยวกับ |
ศาสนาอื่นๆ มากนัก... | |
1:12 | ...แต่สองสามศาสนานี้ยอมรับว่า |
ชีวิตหลังความตายมีอยู่ | |
1:16 | ผมไม่ทราบครับ แต่คิดว่า |
ศาสนาโซโรแอสเตอร์ก็ยอมรับด้วย | |
1:20 | ยกเว้นพุทธศาสนาแล้ว |
ศาสนาอื่นทั้งหมดนั้นต่างเชื่อว่า... | |
1:26 | ...มีดวงวิญญาณ มีตัวตน |
หรืออาตมัน อันเป็นสิ่งที่ถาวร... | |
1:31 | ...ไม่เปลี่ยนแปลง |
หรือเป็นนิรันดร์อยู่ในตัวมนุษย์... | |
1:36 | ...ที่จะย้ายออกจากร่างกาย |
ไปสู่ที่อื่นหรือไปเกิดในร่างใหม่ | |
1:42 | พุทธศาสนาไม่ยอมรับว่ามีตัวตน... |
1:46 | ...ที่คงทนถาวร หรือมีอาตมัน |
ดวงวิญญาณ หรืออัตตา... | |
1:48 | ...ที่คงทนถาวร อยู่ชั่วกัลปาวสาน |
เป็นนิรันดร์... | |
1:52 | ...หรือไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนั้น |
1:54 | แต่พุทธศาสนายอมรับว่า |
มนุษย์ประกอบด้วยขันธ์ห้า มีรูป... | |
2:03 | |
2:05 | ...หากกล่าวย่อๆ โดยศัพท์ทางพุทธ |
ก็คือ นามและรูป | |
2:08 | |
2:11 | K:นามและรูป |
R:ท่านใช้คำนี้บ่อยครั้งมาก | |
2:12 | K:ใช่ |
R:นามและรูป | |
2:15 | ซึ่งนาม หมายถึงลักษณะทางจิตใจ |
และรูป หมายถึงร่างกาย | |
2:17 | แต่ตามที่กล่าวไว้ในพุทธศาสนา... |
2:23 | ...สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพลังงาน |
เป็นพลานุภาพ | |
2:25 | และในพุทธศาสนา ที่เรียกกันว่า |
ความตาย คือการที่ร่างกายหยุดทำงาน | |
2:28 | |
2:29 | K:ใช่ |
2:33 | R:แต่การที่ร่างกายไม่ทำงาน |
มิได้หมายถึง... | |
2:35 | ...ลักษณะและพลังงานอื่นๆ |
หยุดทำงานไปด้วย อย่างเช่น... | |
2:38 | ...แรงอยากเจตนามุ่งมั่นเพื่อจะมี |
จะเป็น และความอยากมีอยากเป็น... | |
2:41 | |
2:44 | ...ให้มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ |
และแรงอื่นๆ ทั้งหมด | |
2:47 | ดังนั้นตราบใดที่มนุษย์ |
ยังไม่สมบูรณ์... | |
2:51 | ...กล่าวคือหากมนุษย์ |
ยังไม่เห็นสัจธรรม | |
2:53 | เมื่อใดที่เขาเห็นสัจธรรม |
เขาก็จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์... | |
2:57 | ...จะไม่มีความอยากมีอยากเป็น |
อะไรทั้งสิ้น... | |
2:59 | ... เพราะสำหรับเขาแล้ว |
ไม่มีอะไรที่ต้องไปเป็นไปมีอีกแล้ว | |
3:00 | แต่ในเมื่อมนุษย์ยังไม่สมบูรณ์... |
3:05 | ...เขาจะมีความอยาก |
มีแรงมุ่งมาดปรารถนาอยู่เสมอ... | |
3:07 | ...อย่างที่ท่าน |
กล่าวไว้เมื่อเช้านี้... | |
3:12 | ...ว่าต้องมีกาลเวลา |
เพื่อจะให้มีให้เป็นอะไรมากไปกว่านี้... | |
3:13 | ...สมบูรณ์ยิ่งกว่านี้ ฯลฯ |
3:18 | ดังนั้นเขาจึงต้องเกิดใหม่อีกต่อไป |
เพราะเขายังไม่สมบูรณ์ | |
3:21 | แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม |
ในทางพุทธศาสนาแล้ว... | |
3:23 | ...มันมิใช่สสารวัตถุธาตุหนึ่ง... |
3:25 | ...ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง |
ที่จะดำเนินสืบต่อไป... | |
3:27 | ...แต่เป็นกระบวนการของเหตุ |
ที่ยังให้เกิดผลและผลก็กลายเป็นเหตุ... | |
3:30 | ...อย่างที่เรา |
ใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้... | |
3:35 | ...พระพุทธเจ้าตรัสว่า |
เราตายและเกิดใหม่อยู่ทุกๆ ขณะ | |
3:38 | ฉะนั้นในทางพุทธศาสนาแล้ว... |
3:41 | ...หากพูดว่าเป็นการกลับชาติมาเกิด |
คงจะไม่ถูกต้อง... | |
3:42 | ...เพราะมันไม่มีอะไรเลย |
ที่จะกลับมาเกิด | |
3:47 | ดังนั้นคำว่าการออกจากร่าง |
ไปสู่ที่อื่น... | |
3:51 | ...ก็คงไม่ใช่คำศัพท์ที่เหมาะสมด้วย |
3:52 | และการที่เราใช้คำว่า "เกิดใหม่" |
ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก... | |
3:55 | ...เพราะศัพท์ทางพุทธศาสนา |
'ปุนภว' หรือในภาษาบาลีว่า 'ปุนภว'... | |
4:00 | ...ซึ่งหมายถึงการจะมี |
จะเป็นอะไรบางอย่างอีก... | |
4:04 | ...กลับมาจะมีจะเป็น |
อะไรบางอย่างอยู่อย่างนั้น... | |
4:07 | ...ที่เรียกว่า การกลับมาจะมีจะเป็น |
อะไรบางอย่างอีก... | |
4:11 | ...คือการสืบต่อ |
ของการจะมีนั่นจะเป็นนี่... | |
4:13 | ...สืบต่อเนื่องกันไปไม่มีการหยุด |
นี่คือคติทางพุทธศาสนา | |
4:16 | ในพุทธศาสนามีคำถาม |
ที่ถามกันบ่อยมาก... | |
4:19 | ...ทั้งใน 'มิลินทปัญหา' |
และในคัมภีร์อื่นๆ... | |
4:22 | ...คำถามนั้นก็คือ มันเป็นคนเดียวกัน |
หรือคนละคนกันเล่า | |
4:23 | คำตอบตามอรรถดั้งเดิมก็คือ... |
4:29 | ...'นาจ โส นาจ อญฺญ'... |
4:33 | ..."จะว่าคนเดิมก็ไม่ใช่ |
จะว่าคนละคนก็ไม่เชิง" | |
4:34 | นั่นคือคำตอบ "จะว่าคนเดิมก็ไม่ใช่ |
จะว่าคนละคนก็ไม่ใช่"... | |
4:37 | ...นั่นเป็นกระบวนการที่สืบต่อ... |
4:40 | ...เช่น เมื่อเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้น |
เป็นผู้ใหญ่อายุห้าสิบ... | |
4:45 | ...เขาเป็นเด็กคนเดียวกัน |
หรือคนละคนล่ะ | |
4:49 | มันมิใช่ทั้งเด็กคนเดียวกัน |
หรือคนละคน | |
4:53 | ในทำนองเดียวกัน |
"นาจ โส นาจ อญฺญ"... | |
4:56 | ..."จะว่าคนเดิมก็ไม่ใช่ |
จะว่าคนละคนก็ไม่ใช่" | |
5:01 | นั่นคือทัศนคติของชาวพุทธ |
ที่เกี่ยวกับการเกิดใหม่ | |
5:04 | และทีนี้ผมอยากทราบทัศนคติของคุณ... |
5:18 | ...เกี่ยวกับเรื่องนี้ |
และคุณจะตีความเรื่องนี้อย่างไร | |
5:23 | K:คุณครับ เราจะสืบค้น |
ไปด้วยกันสักเล็กน้อยได้ไหม | |
5:24 | R:ได้ครับ |
5:26 | คุณหมายถึง |
คุณต้องการให้ผมตอบ หรือว่า... | |
5:28 | K:ไม่ใช่ มิได้ครับ |
แต่สืบค้นไปด้วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยกัน | |
5:30 | R:ได้ครับ |
5:38 | K:คุณเห็นด้วยไหมครับว่า... |
5:42 | ...มนุษยชาติทั้งปวง |
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์... | |
5:44 | ...ที่อาศัยอยู่ในอเมริกา |
รัสเซีย อินเดีย หรือยุโรป... | |
5:49 | ...ล้วนตกอยู่ในความทุกข์โศก |
ความขัดแย้ง... | |
5:56 | ...การดิ้นรนต่อสู้ ความรู้สึกผิด |
ความยากลำบากแสนสาหัส... | |
6:07 | ...ความเปลี่ยวเหงาเดียวดาย |
ไร้ความสุขและสับสนอย่างยิ่ง... | |
6:14 | ...นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ |
ทุกคนทั่วทั้งโลกใช่ไหมครับ | |
6:16 | |
6:24 | นั่นคือจิตสำนึกของมนุษยชาติ... |
6:29 | ...มิใช่จิตเหนือสำนึก |
หรือจิตสำนึกแบบอะไรอื่น... | |
6:34 | ...จิตสำนึกตามธรรมดา |
สามัญของมนุษย์ก็คือ... | |
6:39 | ...เนื้อหาสาระของสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด |
6:43 | คุณจะเห็นด้วยไหมครับ |
6:46 | R:เห็นด้วยครับ |
6:47 | K:ผมใช้คำว่ามนุษย์ |
ผมจะไม่ใช้คำว่า man (ผู้ชาย)... | |
6:51 | ...เพราะว่ามีผู้หญิง |
อยู่ที่นี่ด้วยเยอะแยะ | |
6:53 | R:ครับ (หัวเราะ) |
6:55 | |
7:01 | K:แต่มนุษย์ทั่วทั้งโลก... |
7:02 | ...ต่างประสบกับปรากฏการณ์ |
ทางจิตใจเหมือนๆ กัน | |
7:06 | จากภายนอกพวกเขาอาจจะดูแตกต่างกัน |
อาจจะสูง เตี้ย ผิวคล้ำ ฯลฯ... | |
7:12 | ...แต่โดยสภาพจิตใจแล้ว |
พวกเขาเหมือนกันอย่างยิ่ง | |
7:23 | จนเราสามารถกล่าวได้ว่า |
คุณคือโลก | |
7:34 | F:เห็นด้วยทั้งหมดเลยครับ |
7:38 | K:คุณเห็นด้วยไหมครับ |
7:41 | ว่าคุณคือโลกและโลกก็คือคุณ |
7:48 | ถูกต้องไหมครับ |
7:53 | ขอให้เราคุยเรื่องนี้กันเถิดครับ |
7:54 | R:ครับ ในแง่หนึ่งครับ |
8:00 | K:ไม่ใช่ในแง่หนึ่ง |
ผมต้องการสืบค้นมาจุดนี้ | |
8:02 | มันไม่ใช่เพียงบางส่วนนะครับ |
แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ | |
8:07 | คุณเกิดในศรีลังกา |
เขาเกิดในอินเดีย... | |
8:13 | ...อีกคนเกิดในอเมริกา ในยุโรป |
หรือรวมทั้งเกาะอังกฤษนี้ด้วย | |
8:16 | |
8:21 | ...โดยภายนอกแล้ว วัฒนธรรมของคนเรา |
จารีตประเพณี ภูมิอากาศ... | |
8:27 | ... และอาหารของคนเราทั้งหมดนี้ |
อาจมีความแตกต่างหลากหลาย | |
8:33 | แต่ภายในจิตใจแล้ว |
เราล้วนมีความรู้สึกว่าตัวเองผิดเหมือนๆ กัน... | |
8:40 | ...ไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่เกี่ยวกับ |
บางสิ่งบางอย่าง... | |
8:43 | ...แต่เป็นตัวความรู้สึกผิดนั้น |
ความรู้สึกที่เป็นความกังวลกระวนกระวาย | |
8:49 | ถูกต้องไหมครับ |
8:50 | R:ถูกต้องครับ แต่ค่อนไปทาง |
ความกระวนกระวายใจ... | |
8:53 | ...มากกว่าจะเป็นความรู้สึกผิด |
8:56 | ผมเห็นด้วยว่าเป็นความวิตกกังวล |
ไม่ใช่เป็นความรู้สึกผิด... | |
9:00 | ...หรือความรู้สึกว่าผิดในสังคม |
ที่มีแบบแผนเฉพาะที่แน่นอน | |
9:02 | K:ผมหมายถึงตัวความรู้สึกผิดน่ะครับ |
นอกจากคุณจะเป็นคนกระด้าง... | |
9:06 | ...และรับรู้ได้ช้าหรือโหดร้าย |
คุณจะต้องมีความรู้สึกผิดบาป | |
9:09 | แต่ช่างมันเถิดครับ... |
นั่นเป็นแค่ประเด็นรอง | |
9:11 | R:ใช่ครับ |
9:14 | X:บางที ในจารีตของทางตะวันตก |
อาจจะรู้สึกว่าผิดบาปมากกว่า | |
9:16 | |
9:17 | R:ครับ |
9:19 | X:และเป็นสิ่งที่คล้ายกับความอดสูใจ |
ในจารีตของตะวันออกก็เป็นได้ | |
9:23 | K:ทางตะวันออกเขาจะแปลความต่างออกไป |
9:24 | X:แต่ตัวความรู้สึกนั้นเหมือนกัน |
9:28 | K:ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะกรรม |
หรือโชคชะตาของเรา หรืออื่นๆ ก็ตาม | |
9:29 | เอาล่ะผมจะไม่ยกความรู้สึกผิด |
ขึ้นมาเป็นประเด็น | |
9:31 | |
9:34 | ความวิตกกังวลล่ะ |
R:เรื่องความวิตกกังวลก็ดีครับ | |
9:41 | K:ความเหงาโดดเดี่ยว |
ความสิ้นหวัง ความหดหู่ในลักษณะต่างๆ... | |
9:46 | ...ความทุกข์โทมนัส และความกลัว |
เหล่านี้คือสิ่งที่มนุษย์มีร่วมกัน | |
9:50 | |
9:52 | ผมหมายถึงเป็นสภาพที่ปรากฎชัดนะครับ |
9:58 | ฉะนั้นจิตสำนึกของมนุษยชาติก็คือ... |
10:01 | ...ตัวเนื้อหาสาระของจิตสำนึกนั้นเอง |
10:08 | ถูกต้องไหมครับ |
10:13 | เนื้อหาสาระคือสิ่งทั้งหมดนี้ |
10:14 | ดังนั้นมนุษย์ทั่วทั้งโลก |
ล้วนคล้ายคลึงกัน... | |
10:19 | ...นอกเหนือจากชื่อกับรูปลักษณ์ |
ทางกายภาพ คุณจะเห็นด้วยไหมครับ | |
10:24 | |
10:26 | R:เห็นด้วยครับ |
10:28 | K:ฉะนั้นเราอาจกล่าวได้... |
10:31 | ...มิใช่โดยพูดเป็นวาทะ |
แต่เป็นความจริง... | |
10:35 | ...ว่ามวลมนุษย์เราล้วนเหมือนกัน |
10:42 | ดังนั้น โดยลึกๆ แล้ว คุณก็คือผม |
10:51 | R:และในความเหมือนกันนั้น |
10:54 | K:นั่นคือสิ่งที่ผมพูดถึงครับ |
10:57 | และผมก็คือคุณ |
R:ครับในความเหมือนกันนั้น ใช่ครับ | |
11:02 | K:เพราะมนุษย์แต่ละคนต่างได้ผ่านพบ |
นรกผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ... | |
11:08 | ...เผชิญหายนะในลักษณะต่างๆ |
กันมามากมาย | |
11:15 | ดังนั้น โลกทั้งปวง |
มนุษยชาติทั้งหมดย่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน | |
11:18 | ถูกต้องไหมครับ |
คุณเห็นด้วยไหมครับ | |
11:20 | F:เห็นด้วยทุกอย่าง |
11:22 | มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน |
K:เป็นหนึ่งเดียว | |
11:27 | หากคุณประจักษ์เช่นนั้น |
และยอมรับมัน... | |
11:34 | ...ถ้าเช่นนั้น |
แล้วความตายคืออะไรกันแน่ | |
11:39 | ใครหรือที่ตาย |
11:47 | นามหรือ รูปหรือที่ตาย |
11:50 | แล้วความกลุ้มกังวล ความเจ็บปวด |
ความทุกข์โศก... | |
11:59 | ...และความยากเข็ญทั้งปวง |
เหล่านี้ตายไปด้วยไหม | |
12:02 | คุณเข้าใจประเด็นของผมไหมครับ |
12:08 | เราสนทนาเรื่องนี้กันอีกหน่อย |
ได้ไหมครับ | |
12:11 | |
12:17 | กล่าวคือสำหรับผม |
โลกจริงๆ แล้วก็คือ "ตัวฉัน"... | |
12:23 | ...นี่ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูด |
เท่านั้นนะครับ | |
12:27 | ผมคือโลกในความหมายที่ว่า... |
12:33 | ...ผมอาจจะมีรูปร่างทางกายภาพ |
แตกต่างออกไป... | |
12:40 | ...มีหน้าตา ความสูง สีผิว |
และอื่นๆ ที่แตกต่างออกไป... | |
12:42 | ...แต่เรามิได้กำลังพิจารณา |
เรื่องนั้นกันอยู่ | |
12:46 | ในทางจิตใจ เราพบผ่านความทุกข์โศก |
อันแสนสาหัสต่างๆ นานา... | |
12:54 | ...ประสบเหตุการณ์อันเลวร้าย |
ความน่าเกลียดน่ากลัว ความเจ็บช้ำน้ำใจ | |
13:00 | ฉะนั้นนั่นคือจิตสำนึกร่วม |
ของมวลมนุษยชาติ | |
13:02 | ถูกต้องไหมครับ |
13:03 | ในทางจิตใจนั่นคือ |
กระแสธารที่มนุษย์มีชีวิตอยู่ | |
13:09 | ใช่ไหม |
13:12 | แล้วอย่างนั้น |
การตายคืออะไรเล่า | |
13:16 | |
13:23 | หากคุณยอมรับเช่นนั้นจริงๆ |
หรือประจักษ์ชัดว่ามันคือความจริง... | |
13:31 | ...ไม่ได้จินตนาการขึ้นมา |
หรือเป็นอุดมคติใดๆ แต่มันเป็นความจริง | |
13:35 | หากคุณยอมรับความจริงนั้น |
แล้วความตายคืออะไร อะไรกันเล่าที่ตาย | |
13:43 | ร่างกายหรือ |
13:50 | รูปหรือ นามหรือ |
13:55 | รูปและชื่อคนอื่นๆ |
อาจจะแตกต่างไปจากคุณ... | |
14:02 | ...คุณเป็นผู้ชาย |
เธอเป็นผู้หญิง และอื่นๆ | |
14:06 | ทว่าทั้งหมดนั้นคือกระแสธาร |
ที่มนุษยชาติใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน... | |
14:14 | |
14:19 | ...โดยมีระลอกแห่งความสุข |
ซัดสาดเข้ามาเป็นครั้งคราว... | |
14:20 | ...มีชั่วขณะแห่งปีติ |
อันใหญ่หลวงที่หาได้ยากยิ่ง... | |
14:23 | ...และชั่วขณะของความงามอันล้นพ้น |
ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง | |
14:29 | แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิต |
ที่เรามีร่วมกัน... | |
14:33 | ...ในสายธารอันไพศาลนี้ |
ที่เลื่อนไหลอยู่ตลอดเวลา | |
14:41 | ถูกต้องไหม |
14:43 | มันเป็นแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ไพศาล |
14:47 | ใช่ไหม |
14:50 | ขอให้เราถกกันเถิดครับ |
คุณอาจจะไม่เห็นด้วยทั้งหมดเลยก็ได้ | |
14:53 | |
14:55 | M:คุณค่ะ คุณกำลังจะบอกว่า |
ในกระแสธารนั้น... | |
14:57 | ...ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามีจิตสำนึก |
เฉพาะของปัจเจกบุคคลนั้น... | |
15:01 | ...เป็นมายาอย่างสิ้นเชิง |
อย่างนั้นหรือค่ะ | |
15:05 | K:ผมว่าอย่างนั้นนะครับ |
15:08 | M:แล้วเหตุใดมนุษยชาติ... |
15:11 | ...จึงต้องตกอยู่ในมายาเช่นนั้นมา |
โดยตลอดไม่มียกเว้นนั้นล่ะค่ะ | |
15:12 | K:เพราะมันเป็นส่วนหนึ่ง |
ของการศึกษาของเรา | |
15:16 | ...ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเรา... |
15:17 | ...ทั้งในทางศาสนาและในทางโลก... |
15:18 | ...ว่ามีตัวคุณอยู่ |
คุณเป็นปัจเจกบุคคล... | |
15:24 | ...มีคุณ... คุณก็รู้เกี่ยวกับ |
แนวความคิดทั้งหมดนั้น | |
15:28 | และ คำว่า "ปัจเจกบุคคล" |
ยังถูกนำไปใช้ผิดๆ อีกด้วย... | |
15:34 | ...เพราะปัจเจกบุคคลนั้น... |
15:40 | ...เป็นอันชัดเจนว่า |
หมายถึงผู้ที่แบ่งแยกไม่ได้ | |
15:42 | แต่เราล้วนแตกแยก |
ออกเป็นส่วนเป็นเสี้ยว | |
15:46 | ฉะนั้นเราจึงไม่อาจเรียกตัวเอง |
ว่าปัจเจกบุคคลได้เลย | |
15:48 | F:เราเป็นเพียงส่วนเสี้ยว |
ที่ไม่สมบูรณ์ | |
15:54 | K:เราไม่สมบูรณ์ |
แตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ | |
15:57 | ฉะนั้นหากเราประจักษ์ชัดว่า... |
16:04 | ...จิตสำนึกของมนุษย์ |
คือจิตสำนึกของโลก... | |
16:06 | F:โลกของมนุษยชาติทั้งปวง |
16:08 | K:ของมวลมนุษย์ทั้งหมด... |
16:15 | ...ในแม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาล |
อันปราศจากจุดเริ่มต้น... | |
16:16 | ...ซึ่งยังไหลเลื่อน |
เคลื่อนอยู่ตลอดเวลา... | |
16:18 | ...คุณและคนอื่นเป็นส่วนหนึ่ง |
ของกระแสธารนั้น | |
16:27 | เมื่อผมและคนอื่นตายลง |
16:31 | แล้วเกิดอะไรขึ้น |
กับความอยากทั้งปวงของผม... | |
16:36 | ...เกิดอะไรขึ้นกับความวิตกกังวลใจ |
ต่างๆ ของผม... | |
16:40 | ...ความกลัว ความปรารถนา |
ความทะเยอทะยาน... | |
16:48 | ...ความทุกข์โศกอันหนักหน่วง |
ที่ผมแบกเอาไว้ตลอดหลายปี... | |
16:52 | ...เกิดอะไรขึ้น |
กับสิ่งทั้งหมดนั้นหรือ | |
16:56 | F:เมื่อร่างกายตายไปแล้วหรือครับ |
16:59 | K:ครับ เมื่อร่างกายตายไปแล้ว |
17:01 | F:มันก็เข้าไปรวมกับกระแสธารของโลก |
17:02 | K: มันเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น |
F: ถูกต้องครับ | |
17:03 | M:มันไม่เคยเป็นของคุณเลย |
17:05 | |
17:08 | K:มันไม่ใช่ของผม |
มันเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น... | |
17:09 | ...ที่สำแดงให้ปรากฏเป็น K |
พร้อมกับรูปลักษณ์ของเขา | |
17:15 | คุณครับ เมื่อเปรียบเทียบกับ |
สิ่งที่ทุกๆ ศาสนาพูด... | |
17:19 | ...สิ่งที่ผมพูดอยู่นี้ |
อันตรายมากทีเดียว | |
17:23 | R:ตอนนี้ผมตามประเด็นทันแล้วครับ |
17:28 | ในกระแสธารนั้น มี K อยู่ |
17:30 | K:เดี๋ยวก่อนครับ |
มันไม่มี K อยู่เลยต่างหาก | |
17:34 | นั่นคือประเด็นทั้งหมด |
17:37 | มีอยู่แต่กระแสธารนั้น... |
17:41 | ...กระแสที่ประกอบขึ้นด้วยความอยาก... |
17:45 | ...ความวิตกกังวล ความสิ้นหวัง |
ความอ้างว้างเดียวดาย... | |
17:48 | ...และความทุกข์ทั้งมวลของมนุษยชาติ |
17:53 | นั่นคือแม่น้ำสายนั้น |
17:55 | F:รวมทั้งคู่ตรงข้ามของมันด้วย... |
17:59 | ...คู่ตรงข้ามของความเจ็บปวด |
และความทุกข์โศก | |
18:00 | K:นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง |
ของแม่น้ำนั้นด้วย | |
18:03 | F:ครับส่วนหนึ่งของแม่น้ำนั้น |
18:05 | K:ความสุขเพลิดเพลินของผม... |
18:06 | ...ซึ่งอาจจะคงอยู่ได้สัก2-3 วัน |
แล้วจากนั้นผมก็จะไล่ตามหามันอีก... | |
18:08 | ...ถ้าผมไม่ได้มันมา |
ผมก็จะร้องไห้... | |
18:10 | ...และเมื่อผมได้รับผลตอบแทน |
อะไรสักอย่าง ผมก็จะภูมิอกภูมิใจ... | |
18:13 | ...มันก็คือส่วนหนึ่งของแม่น้ำ |
อันไพศาลนั้นด้วย | |
18:19 | F:คุณจะเห็นด้วยไหมครับว่า... |
18:20 | ...สิ่งที่เราเรียกว่า ปัจเจกบุคคล |
นั่นเป็นการใช้คำผิดๆ | |
18:25 | K:ไม่ใช่เพียงการใช้คำผิดเท่านั้น... |
18:28 | F:เนื่องจากความโง่เขลา |
ความไม่รู้ของเรา | |
18:33 | K:ไม่ใช่เพียงการใช้คำผิดเท่านั้น |
ผมไม่คิดว่ามันมีอยู่ด้วยซ้ำไป... | |
18:34 | ...เพราะคุณมีชื่อที่แตกต่างกัน |
มีบัญชีในธนาคารของตัวเอง... | |
18:37 | ...แต่จิตสำนึกของคุณนั้น |
ก็เหมือนกับของคนอื่นๆ เหมือนกับทุกคน | |
18:41 | |
18:47 | F:แต่คุณครับ หากเราพูดว่า |
มันไม่มีอยู่เลยนั้น... | |
18:48 | ...ถ้าอย่างนั้นเราก็พูดได้ด้วยว่า |
มนุษยชาติก็ไม่ได้มีอยู่ด้วย | |
18:51 | K:ไม่ใช่ |
ผมกำลังจะสืบค้นในเรื่องนั้น | |
18:56 | คือถ้าหากเราเห็นอย่างนั้นจริงๆ... |
19:00 | ...มิใช่เพียงเห็นด้วยการขบคิดเอา |
หรือด้วยเหตุด้วยผลเท่านั้น... | |
19:06 | ...แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ |
คุณเกิดในอินเดีย | |
19:08 | ...และผมเกิดในยุโรปหรืออเมริกา |
19:14 | แต่เราก็ต้องผ่านประสบการณ์อันเลวร้าย |
ดั่งตกในขุมนรกเดียวกัน... | |
19:19 | ...ผ่านการแข่งขัน |
อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนๆ กัน | |
19:23 | M:คุณค่ะ ขออนุญาตค่ะ... |
19:27 | ...เพื่อความแน่ใจ เท่าที่พูด |
กันมานั้น มันชัดเจนแล้วว่า... | |
19:33 | ...นอกเหนือจากสิ่งนั้นแล้ว |
ในตัวมนุษย์ไม่มีอะไร... | |
19:35 | K:เดี๋ยวก่อนครับ ผมกำลังจะบอกว่า |
ผมกำลังจะพูดถึงตรงนั้นอยู่พอดี | |
19:36 | ในกระแสธารนั้น |
มนุษย์ได้สร้างพระเจ้า... | |
19:40 | ...พิธีกรรม พระผู้ไถ่... |
19:44 | ...พระแม่มารีผู้บริสุทธิ์ พระกฤษณะ |
และอื่นๆ ทำนองนั้น... | |
19:47 | ...ทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่ง |
ของกระแสธารนั้นด้วย | |
19:49 | พวกเขาได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา |
19:53 | M:แต่นอกเหนือ |
จากสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น... | |
19:57 | ...หรือมายาต่าง ๆ แล้ว |
ยังมีสิ่งใดอื่นอีกไหมค่ะ | |
19:59 | K:ครับ มีอะไรที่เป็นมิติ |
ทางจิตวิญญาณบ้างไหม | |
20:04 | M:นอกเหนือจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น |
พ้นไปจากจำพวกนั้น | |
20:05 | |
20:07 | K:ครับ ผมเข้าใจ |
20:11 | มีอะไรบ้างไหม |
ที่ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา | |
20:12 | M:ไม่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น |
20:14 | K:มีอะไรในกระแสธารนั้นบ้างไหม |
คุณกำลังจะถามอย่างนี้ใช่ไหม... | |
20:16 | ...มีอะไรที่ไม่ได้สร้างขึ้น |
จากน้ำมือมนุษย์... | |
20:25 | ...ขณะนี้ขอเรียกอย่างนี้ไปก่อน |
20:27 | นั่นคือสิ่งที่คุณถามใช่ไหม |
20:30 | M:ดิฉันไม่แน่ใจนักว่าท่านหมายถึง... |
20:34 | ...มีอะไรบางอย่าง |
ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสธาร... | |
20:37 | ...แห่งจิตสำนึกของมนุษย์ใช่ไหม |
หรือคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ตามแต่ | |
20:41 | K:มนุษย์สร้างความคิดขึ้นมาว่า |
มีอะไรบางอย่าง... | |
20:43 | M:ไม่ใช่ค่ะ มิใช่การสร้าง |
แต่เป็นอะไรที่เป็นจริง | |
20:47 | K:ไม่ได้อยู่ในกระแสธารนั้น |
20:52 | มิได้อยู่ในแม่น้ำนั้น (เสียงหัวเราะ) |
20:55 | M:ไม่ค่ะ ดิฉันมิได้ถามว่า |
ยังมีอะไรอื่นอีกไหมในแม่น้ำนั้น... | |
20:58 | ...แต่ดิฉันกำลังถามว่า... |
21:01 | ...นอกไปจากแม่น้ำนั้น |
ยังมีอะไรอื่นอีกบ้างไหมในมนุษย์ | |
21:02 | K:ไม่มีอะไรเลย |
21:05 | M:เพราะว่ามี... |
21:06 | K:ไม่มีอาตมัน ไม่มีวิญญาณ |
ไม่มีพระเจ้า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น | |
21:13 | |
21:15 | อย่ายอมรับที่ผมพูดนะครับ ขอร้อง |
(เสียงหัวเราะ) | |
21:16 | M:คำพูดนั้นมีนัยสำคัญใหญ่ยิ่งนะค่ะ |
21:17 | |
21:20 | K:มีนัยสำคัญมหาศาลทีเดียว |
21:24 | M:เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง |
กระแสธารนั้นก็จะไม่มีการสิ้นสุด | |
21:27 | K:แต่ ไม่ใช่นะครับ |
สำหรับมนุษย์ผู้ที่ก้าวออกจาก... | |
21:30 | ...ตรงนี้ผมยัง |
ไม่อยากจะลงลึกไปกว่านี้... | |
21:34 | ...ผมต้องการที่จะค่อยๆ ก้าวเคลื่อน |
ไปช้าๆ ทีละก้าว | |
21:38 | หากมันเป็นเช่นนั้นจริง |
นั่นคือเราทุกคน มนุษย์ทุกคน... | |
21:45 | ...เรามีจิตสำนึกร่วมกัน... |
21:46 | ...จิตสำนึกนี้ประกอบกันขึ้น |
เป็นสายน้ำอันไพศาล | |
21:54 | ถูกต้องไหมครับ |
21:57 | คุณอาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ |
22:01 | R:เปล่าครับ ผมมิได้ยอมรับ |
หรือปฏิเสธนะครับ... | |
22:04 | ...ผมกำลังใคร่ครวญ |
กำลังพินิจพิจารณาครับ | |
22:06 | สิ่งที่คุณแมรี่พูด |
เป็นประเด็นที่สำคัญมากทีเดียว | |
22:08 | K:ใช่ครับ |
R:แล้วเช่นนั้น... | |
22:09 | K:เราจะตอบคำถามนั้นเดี๋ยวนี้ล่ะ |
22:12 | R:ครับ |
22:14 | มันไม่มีทางหลีกหนีจาก... |
22:17 | K:ผมกำลังจะตอบประเด็นนั้น |
เดี๋ยวนี้ล่ะครับ แต่ไม่ใช่การหลีกหนี | |
22:19 | R:หรือจะเป็นอะไรก็ได้ |
22:26 | K:แต่เรากำลังพิจารณา |
เรื่องความตายกันอยู่นะครับ | |
22:35 | สายธารนั้นจึงเป็นสามัญลักษณะ |
ของเราทุกคน... | |
22:41 | ...จิตสำนึกของเรา |
เป็นของกระแสธารนั้น | |
22:42 | Y:คุณหมายความว่า |
ความคิดเป็นสิ่งร่วมของเราทุกคน... | |
22:44 | ...เพราะสิ่งทั้งหมดนี้คือ |
การสร้างสรรค์... | |
22:48 | ...และการสำแดงออก |
ของความคิดใช่ไหม | |
22:49 | K:ใช่ครับ ความคิดมิใช่เฉพาะ |
สิ่งที่ความคิดสร้างสรรค์ขึ้นเท่านั้น... | |
22:53 | ...แต่ความคิดก็สร้าง |
มายาต่างๆ ขึ้นด้วย | |
23:02 | X:และการทำงานของมายาเหล่านั้น |
23:04 | K:และการทำงานของมายาเหล่านั้น... |
23:07 | ...เช่นความเป็นคริสต์ |
เป็นพุทธ ฮินดู มุสลิม... | |
23:13 | ...หรือเป็นชาวอังกฤษ รัสเซีย |
หรืออุดมการณ์มากมายต่างๆ... | |
23:23 | ...สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็น |
องค์ประกอบกระแสธาร | |
23:26 | F:คุณครับ ผมขอถามว่า... |
23:31 | ...เรื่องของความคิดอย่างที่เกิดขึ้น |
กับเราอยู่ ณ ขณะนี้... | |
23:33 | ...และทำหน้าที่ต่างๆ |
อย่างที่มันทำอยู่ด้วย... | |
23:36 | ...ซึ่งได้ก่อให้เกิด |
มายาเหล่านี้ขึ้นมาใช่ไหม... | |
23:38 | ...หรือว่า จิตใจ |
ซึ่งเป็นองค์ประกอบ... | |
23:43 | ...ที่ทุกคนมีเหมือนกัน |
เป็นปัจจัยสากล... | |
23:45 | ...จิตใจนั้นกำลังคิดอยู่... |
23:49 | ...เป็นผู้ถ่ายทอด |
ความคิดเหล่านี้ออกมา... | |
23:52 | ...โดยอาศัยสิ่งที่เราเรียกกันว่า |
บุคคลใช่ไหม | |
23:58 | K:ผมคิดว่า เราควรไปกัน |
ให้ช้าๆ หน่อยครับ | |
24:01 | ผมต้องการให้เข้าใจกันชัดเจนว่า |
เราเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น | |
24:06 | F:ใช่ครับ มันเป็นอย่างนั้น |
24:10 | K:และเมื่อร่างกายตายลง... |
24:13 | ...ความอยากความกังวล โศกนาฏกรรม... |
24:19 | ...และความทุกข์โทมนัสต่างๆ |
ยังคงดำเนินต่อไป | |
24:25 | F:ส่วนหนึ่งของ... |
24:26 | K:ผมตายไป |
F:ครับ | |
24:27 | K:แต่กระแสธารนั้น |
แม่น้ำนั้นยังไหลเลื่อนต่อไป | |
24:29 | F:ใช่ครับ |
24:31 | K:ถูกต้องไหมครับ |
หรือคุณจะปฏิเสธสิ่งที่พูดมานี้ | |
24:36 | ผมมองไม่เห็นว่า |
คุณจะปฏิเสธมันได้อย่างไร | |
24:38 | R:ทั้งไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ |
24:39 | K:รอเฉยๆ ใช่ไหมครับ |
24:42 | R:จะรอฟังข้อสรุปเท่านั้นครับ |
24:46 | K:ใช่ทีเดียว |
24:49 | ฉะนั้น แม่น้ำนั้น |
สำแดงตัวมันให้ปรากฏ เป็น K | |
24:56 | R:ไม่ใช่แม่น้ำทั้งสายนะครับ |
24:58 | |
25:06 | K:แม่น้ำซึ่งก็คือความอยาก |
(หัวเราะ)... แม่น้ำคือสิ่งนั้น | |
25:09 | F:การสำแดงตัวของมัน |
ปรากฏหนึ่ง คือ เป็น K | |
25:14 | K:แม่น้ำสำแดงตัวเอง |
มิใช่การสำแดงตัวปรากฎหนึ่งของมัน | |
25:15 | F:ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม... |
K:ไม่ใช่ครับ ขอโทษ | |
25:17 | ผมจะพูดให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อยนะครับ |
25:18 | แม่น้ำแสดงตัวมันออกมาเป็น K |
25:21 | F:ใช่ครับ |
25:22 | K:เราเห็นพ้องกันนะครับ |
25:26 | R:แล้วแม่น้ำนั้น |
ก็แสดงตัวมันเองเป็น R ด้วย | |
25:33 | K:แม่น้ำแสดงตัวปรากฎเป็น K |
25:39 | K มีความสามารถบางอย่าง |
โดยจารีตที่สืบทอดกันมา... | |
25:46 | ...โดยการศึกษาและอื่นๆ... |
25:49 | ...จึงวาดรูปหรือสร้างโบสถ์ |
อันยิ่งใหญ่ตระการตาได้ | |
25:52 | แต่เรากำลังพูดถึงเรื่องภายในจิตใจ |
25:56 | คุณครับ เรากลับไป |
เรื่องเดิมกันเถิดครับ | |
26:00 | เราเห็นพ้องกันแล้วว่า |
สายน้ำคือสิ่งนั้น | |
26:07 | R:ผมไม่ทราบนะครับ |
26:12 | K:คุณหมายความว่าอย่างไรครับ |
ที่ว่าคุณไม่ทราบ | |
26:15 | R:ผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่ว่า... |
26:19 | ...มนุษยชาติทั้งปวงนั้น |
โดยไม่มีข้อยกเว้น... | |
26:21 | K:เป็นหนึ่งเดียวกัน |
26:23 | R:สิ่งทั้งหมดที่ท่านพรรณนา |
ว่าเป็นความทุกข์... | |
26:26 | ...และอื่นๆ ทั้งหมดนั้น |
เป็นสิ่งที่เรามีร่วมกัน | |
26:27 | K:ครับ |
26:30 | R:สามัญลักษณะ |
ของปวงมนุษยชาติ | |
26:31 | R:ในความหมายนั้นแล้ว |
ทุกคนจึงเท่าเทียมกัน... | |
26:34 | ...มิใช่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด |
26:36 | K:มิใช่ความเท่าเทียมกัน |
หรืออะไรเลยครับ | |
26:38 | จิตใจเราเป็นของสายธารนั้น |
26:40 | R:ครับ นั่นถูกต้องทีเดียว |
26:42 | K:ผมเป็นตัวแทนของมนุษยชาติทั้งมวล |
26:49 | ผมนี่แหละ |
26:55 | เพราะผมเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น |
26:56 | R:เรื่องนั้นผมไม่ทราบนะครับ |
26:59 | N:มันเป็นเรื่องเชิงคุณภาพนะครับ |
เกี่ยวกับคุณสมบัติ | |
27:00 | K:คุณหมายความว่าอย่างไรครับ |
เชิงคุณภาพที่ว่า | |
27:04 | N:เมื่อคุณกล่าวว่า |
"ผมเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น"... | |
27:06 | ...ลักษณะทุกๆ อย่างของกระแสธารนั้น |
ก็อยู่ในตัวผมด้วย | |
27:08 | K:ใช่ครับ |
27:09 | N:นั่นคือสิ่งที่เป็นคุณสมบัติ |
27:10 | K:ครับ ถูกต้องแล้วครับ |
27:11 | ลักษณะทั้งหมดของกระแสธารนั้น |
27:12 | N:มิใช่ว่าผมเป็นแม่น้ำทั้งสาย |
27:13 | R:ถูกต้อง |
27:14 | N:แต่น้ำหนึ่งหยดนั้น |
มีลักษณะทุกอย่างของแม่น้ำอยู่ | |
27:15 | K:แต่แม่น้ำก็คือลักษณะนั้นด้วย |
27:19 | N:ใช่ครับ |
27:22 | K:แม่น้ำคือสิ่งนั้น |
27:26 | M:หากเราใช้คลื่นเป็นตัวอย่าง |
จะช่วยได้ไหมค่ะ | |
27:29 | ...คลื่นมิได้แตกต่าง |
จากมหาสมุทรส่วนอื่น | |
27:30 | K:ครับ |
27:32 | M:แต่มันแสดงตัวปรากฎเป็นคลื่น |
ซึ่งก็สลายตัวไป | |
27:33 | K:หากคุณต้องการ |
จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ครับ | |
27:37 | แต่ต้องชัดเจนนะครับว่า... |
27:40 | ...เราแต่ละคนเป็นตัวแทน |
ของมนุษยชาติทั้งปวง... | |
27:47 | ...เพราะตัวแทนมาจากกระแสธารนั้น... |
27:51 | ...และมนุษยชาติ |
ก็เป็นของกระแสธารนั้น... | |
27:53 | |
27:55 | ...ฉะนั้น เราแต่ละคนจึงเป็นตัวแทน |
ของกระแสธารทั้งหมดนั้น | |
27:59 | R:อธิบายแบบนั้นดีกว่าเดิมครับ |
28:03 | K:ครับ |
28:08 | กระแสธารนั้นแสดงตัวมันปรากฎเป็น "K" |
28:12 | |
28:22 | หรือเป็น X แสดงตัวมันปรากฎเป็น X |
ทิ้ง K ไปเลยนะครับ | |
28:26 | ที่มีรูปลักษณ์ มีชื่อ |
แต่ในกระแสธารนั้นก็มีลักษณะนี้ที่... | |
28:30 | |
28:33 | ...มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในนั้น |
มีศิลปะในกระแสธารนั้น | |
28:36 | R:มิใช่แค่ X แต่มี Y ด้วย |
28:41 | K:มีเป็นโหลเลยครับ เอ็กซ์ วาย แซด |
28:43 | R:ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ผม |
ต้องการให้กระจ่างครับ | |
28:46 | K:อ๋อครับ A B C...X Y |
(เสียงหัวเราะ) | |
28:48 | R:ใช่ครับ เริ่มต้นด้วยพยัญชนะ |
ถูกต้องแล้วครับ | |
28:54 | K:ฉะนั้น ตราบใดที่มนุษยชาติ |
ยังอยู่ในกระแสธารนั้น... | |
28:57 | ...และเมื่อบุคคลคนหนึ่งของกระแสธาร |
ได้ละทิ้งกระแสธารนั้นไป... | |
29:05 | ...สำหรับบุคคลผู้นั้น... |
29:16 | ...เขาเป็นอิสระจากกระแสธารนั้น |
อย่างสิ้นเชิง | |
29:24 | R:อย่างนั้น คุณก็มิได้เป็น |
มนุษยชาติทั้งหมด... | |
29:28 | ...เพราะหากคุณละออกจาก |
แม่น้ำนั้นไปแล้ว คุณก็ทิ้งมันไป... | |
29:32 | ...แล้วมนุษยชาติทั้งปวง |
ก็จะได้รับการปลดปล่อย | |
29:34 | K:ช้าก่อนครับ เดี๋ยวก่อนนะครับคุณ |
29:38 | กระแสธารนั้นได้สำแดงออกมาใน X... |
29:41 | ...และในการปรากฎออกมานั้น... |
29:47 | ...หากX ไม่ได้ปลดปล่อยตัวเอง |
จากกระแสธารนั้นโดยสมบูรณ์... | |
29:50 | |
29:55 | ...เขาก็จะกลับเข้าไปอยู่ |
ในกระแสนั้นอีก | |
29:57 | M:แต่คุณค่ะ นี่คือภาวะขณะที่... |
คำถามก่อนหน้านี้กล่าวถึงน่ะค่ะ | |
30:03 | M:มีอะไรตรงนั้นหรือค่ะ |
30:05 | K:ผมกำลังจะพูดถึงตรงนั้นครับ |
30:06 | M:คุณกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใด |
ที่แยกต่างหากจากกระแสธารนั้น | |
30:07 | K:เดี๋ยวก่อนนะครับ |
ผมยังไม่ได้อธิบายเลย | |
30:10 | มันไม่มีอะไรอื่นเลย |
30:12 | มีอยู่แต่สายธารนั้น ใช่ไหมครับ |
30:15 | สายธารที่แสดงตัวของมันออกมาเป็น A |
30:20 | ในการแสดงออกนั้น... |
30:22 | ...พร้อมกับอิทธิพลจากการศึกษา... |
30:24 | ...และจากสิ่งแวดล้อม |
และอื่นๆ ทั้งหมด... | |
30:27 | ...หากA ไม่ได้ก้าวออกจาก |
กระแสธารนั้น... | |
30:33 | ...มันก็จะไม่มีการช่วยมนุษยชาติ |
ให้รอดพ้นภัยใดๆ ได้เลย | |
30:36 | |
30:39 | M:คุณค่ะ เขาจะก้าวออกจากอะไรหรือค่ะ |
30:42 | K:ละทิ้ง ยุติความวิตกกังวล |
ความทุกข์โศกและสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด | |
30:44 | M:แต่คุณกล่าวว่า |
มันไม่มีอะไรอย่างอื่น... | |
30:48 | ...นอกจากเนื้อหา |
ของกระแสธารนั้นนี่คะ | |
30:49 | K:ตราบใดที่ฉันยังคงอยู่ในสายธารนั้น |
30:51 | M:"ตัวฉัน" นั้นคืออะไรค่ะ |
30:53 | K:"ตัวฉัน" คือสิ่งที่แสดงตัว |
มันออกมา... | |
30:58 | ...ว่าเป็น A และตอนนี้ A |
ก็เรียกตัวเขาเอง... | |
31:02 | ...ว่า ปัจเจกบุคคล |
ซึ่งไม่ใช่ความเป็นจริง... | |
31:07 | ...หรือเป็นมายานั่นเอง |
31:12 | แต่เมื่อ A ตายลง |
เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น | |
31:13 | นั่นชัดเจนนะครับ |
31:17 | M:ค่ะ แต่หากA ประกอบกันขึ้น |
ด้วยน้ำแห่งกระแสธารนั้น... | |
31:18 | K:ครับ |
31:19 | M:แล้วน้ำจากกระแสธารจะก้าวออกจาก |
กระแสธารได้อย่างไรค่ะ (หัวเราะ) | |
31:23 | K:โอ ใช่ครับ |
31:25 | P:คุณครับ มันมีความผิดพลาด |
เชิงเหตุผลอยู่ใน... | |
31:29 | K:อยู่ในคำอธิบายของผม |
P:ครับ | |
31:32 | เมื่อคุณกล่าวว่า |
คุณเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ... | |
31:39 | ...ของมวลมนุษย์... |
31:41 | K:แล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ |
31:45 | P:ใช่ครับ |
31:47 | K:อย่าตอบว่า ใช่ นะครับ |
31:49 | ในทางจิตใจ คุณมิได้เป็นตัวแทน |
ของมนุษยชาติทั้งปวงหรอกหรือ | |
31:55 | R:ครับ ผมคิดว่านั่นเป็นการกล่าว... |
32:01 | ...ที่ออกจะเหมารวม |
และคลุมเครือเกินไปนะครับ | |
32:04 | K:มันไม่คลุมเครือนะครับ |
32:07 | ผมได้พูดอธิบายชัดเจนแล้ว |
32:09 | ว่ากระแสธารนั้น |
คือเนื้อหาของจิตสำนึกของเรา... | |
32:12 | ...ซึ่งก็คือความทุกข์ทรมาน |
ความเจ็บปวดรวดร้าว... | |
32:17 | ...ความทะยานอยาก |
การดิ้นรนต่อสู้ ทั้งหมดนั้น | |
32:19 | R:นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนมีร่วมกัน |
32:22 | K:แน่นอนที่สุด |
32:25 | R:ในความหมายนั้น |
มนุษยชาติทั้งมวลจึงเท่าเทียมกัน... | |
32:27 | K:ผมไม่ต้องการจะ... |
32:29 | R:ถ้าพูดอีกแง่หนึ่งมนุษยชาติ |
ทั้งหมดจึงเป็นหนึ่งเดียวกันครับ | |
32:30 | K:ผมไม่อยากจะ... |
32:32 | คุณกำลังยืนยันว่า... |
32:33 | R:ครับ คุณจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ |
32:37 | แต่ผมไม่อาจยอมรับทัศนคติ |
หรือจุดยืนของคุณที่ว่า... | |
32:40 | ผมคือมนุษยชาติ รับไม่ได้เลยครับ |
32:41 | K:แน่นอนครับ |
หากผมยอมรับกระแสธารนั้น... | |
32:48 | ...ผมเป็นส่วนหนึ่ง |
ของกระแสธารนั้น... | |
32:53 | ...ดังนั้น ผมจึงเหมือนกับ |
มนุษยชาติคนอื่นๆ ทั้งหมด | |
32:55 | R:เหมือนกับคนอื่นๆ |
32:56 | K:ดังนั้น จึงเป็นตัวแทนของสายธาร |
ทั้งหมดนั้น ซึ่งผมได้พูดไปแล้ว | |
33:00 | R:ผมยอมรับข้อนั้นด้วย |
33:02 | K:นั่นคือสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด |
33:06 | R:แต่คุณไม่อาจกล่าวว่า |
"ผมเป็นสายธารนั้น เป็นสายธารทั้งสายนั้น" | |
33:09 | K:แต่ผมคือสายธารนั้น |
33:11 | M:แต่ท่านค่ะ บางทีเราอาจจะยึด |
ตามตัวอักษรมากเกินไป... | |
33:12 | ...แต่มันมีแนวคิดอยู่ในเรื่องนี้... |
33:15 | ...ในทำนองว่ามีภาชนะ |
ซึ่งสายน้ำบรรจุอยู่ในภาชนะนั้น | |
33:17 | K:ไม่ครับ ไม่ใช่ภาชนะสำหรับบรรจุ... |
33:21 | ...และมิใช่เรือที่บรรทุกของ |
หรืออะไรอย่างนั้น | |
33:22 | ไม่นะครับ อย่านำเรื่องภาชนะ |
บรรจุเข้ามาเลยครับ | |
33:24 | M:แล้วอะไรกันค่ะที่สามารถแยก |
ตัวมันเองออกจากสายธารนั้นได้... | |
33:26 | ...ในเมื่อตัวมันเองก็ประกอบด้วย |
น้ำแห่งสายธารนั้นเท่านั้น | |
33:31 | K:ส่วนหนึ่งของสายธารนั้นคือ... |
33:38 | ...แนวความคิดเกี่ยวกับตัวตน |
การนึกถึงแต่ตนนี้เอง | |
33:39 | มีอยู่เท่านั้นแหละครับ |
33:46 | M:ไม่ใช่ค่ะ แล้วอะไรที่สามารถ |
แยกออกไปได้ล่ะค่ะ | |
33:50 | น้ำจะแยกตัวมันเอง |
ออกจากมหาสมุทรได้อย่างไรค่ะ | |
33:52 | K:คุณกำลังเข้าใจประเด็น |
ที่ผมพูดผิดหมดเลยครับ | |
33:57 | R:ประเด็นของเธอก็คือว่า |
อะไรที่ก้าวออกจากสายน้ำนั้น | |
33:58 | M:ใช่ค่ะ |
34:01 | R:นั่นคือคำถามครับ |
K:เดี๋ยวนะครับ | |
34:04 | หากนั่นคือคำถาม |
ผมจะตอบคำถามนั้นเดี๋ยวนี้ล่ะครับ | |
34:12 | เรื่องนี้ผมเก่งทีเดียว (หัวเราะ) |
ล้อเล่นเฉยๆ นะครับ (เสียงหัวเราะ) | |
34:13 | R:ครับ เราเข้าใจครับ |
34:17 | ว่าเป็นการล้อเล่น |
34:19 | แต่ผมหวังว่า |
มันจะไม่ใช่การพูดเล่นนะครับ | |
34:23 | K:ไม่ใช่ครับ เพราะมันเป็น |
เรื่องที่จริงจังอย่างยิ่ง | |
34:25 | R:ครับ |
34:32 | K:คุณเห็นไหมครับว่า |
เมื่อคุณถามคำถามว่า... | |
34:37 | ...อะไรกันที่ก้าวออกไป... |
34:41 | |
34:44 | ...มันบ่งบอกนัยว่า |
คุณกำลังสันนิษฐานว่ามีสภาวะอื่น... | |
34:50 | ...หรือมีอะไรบางอย่าง |
ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสธารนั้น | |
34:52 | ใช่ไหมครับ |
34:58 | R:น่าจะเป็นคุณมากกว่า |
ที่สันนิษฐานเช่นนั้น | |
35:02 | K:ผมเปล่านะครับ |
ผมไม่ได้สันนิษฐานอะไรทั้งสิ้นเลย... | |
35:05 | ...ผมเพียงแต่กล่าวถึง |
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ เท่านั้น | |
35:08 | ผมจะไม่สันนิษฐานอะไร |
ทั้งนั้นล่ะครับ... | |
35:11 | ...ผมได้กล่าวไว้แล้วว่า... |
35:15 | ...ตราบใดที่มนุษย์ |
ไม่ก้าวออกจากกระแสธารนั้น... | |
35:20 | ..มันก็จะไม่มีการช่วยเหลือมวลมนุษย์ |
ให้พ้นภัยใดๆ ได้เลย | |
35:24 | เท่านั้นเองครับ |
35:26 | F:คุณครับ ขอผมเสริม |
สักเล็กน้อยได้ไหมครับ | |
35:28 | |
35:32 | ผมคิดว่าคำถามที่คุณสุภาพสตรีถาม... |
35:33 | ...หมายถึงสิ่งที่เราสามารถ |
บ่งชี้ได้ว่าดำรงอยู่อย่างถาวร | |
35:40 | K:ไม่ใช่ครับ |
มันไม่มีสิ่งที่ดำรงอยู่ถาวร | |
35:42 | |
35:44 | F:เปล่าครับ สิ่งที่ผมหมายถึงคือ... |
35:47 | M:อะไรบางอย่าง ดิฉันไม่ระบุ |
ให้มันชัดเจนแน่นอนไปกว่านั้นนะค่ะ | |
35:50 | K:ผมรู้ว่าคุณกำลังพยายามจะพูดอะไร |
35:52 | M:มันต้องมี X มิฉะนั้น |
ดิฉันก็ไม่ทราบจะเรียกว่าอะไร | |
35:53 | N:นั่นเป็นลักษณะบางประการ |
ของสติปัญญาหรือเปล่าครับ | |
35:54 | M:อะไรบางอย่าง |
35:57 | N:ลักษณะบางประการของปัญญา |
35:58 | K:เขาพูดอย่างนั้นครับ |
36:00 | เขาก็กำลังพูดถึงสิ่งเดียวกันครับ |
36:01 | N:มีคุณสมบัติบางประการของปัญญา |
36:05 | K:ครับ มันมีคุณสมบัติบางประการ |
ของปัญญาอยู่ในกระแสธารนั้นหรือครับ | |
36:06 | M:จะเรียกมันว่าอย่างไรก็ได้ค่ะ |
36:08 | N:ครับ ที่ประจักษ์ใน... |
K:ที่ประจักษ์... | |
36:10 | ...เพราะฉะนั้นจึงก้าวพ้นออกมา |
36:11 | N:ที่ประจักษ์ถึงความไร้แก่นสาร |
แห่งสายธารนั้น | |
36:12 | K:ใช่ครับ |
36:14 | M:อย่างที่เราพูดกัน... |
36:18 | ...หรืออย่างที่คุณกล่าวว่า |
มันเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธาร | |
36:25 | ...คุณลักษณะอันนั้นดำรงอยู่ |
กับสิ่งอื่นๆ ของมนุษย์... | |
36:27 | K:เดี๋ยวก่อนนะครับ ช้าก่อน |
36:32 | M:เป็นสิ่งที่สามารถแยกตัวมันเอง |
ออกมาจากกระแสธารทั้งหมด | |
36:33 | K:A เป็นส่วนหนึ่งของสายธารนั้น |
36:34 | หากคุณไม่ถือสา |
ขอให้เราไปกันทีละขั้นทีละตอนนะครับ... | |
36:37 | ...แล้วเราจะได้ไม่ทำให้ |
อีกฝ่ายเข้าใจผิด | |
36:41 | A เป็นส่วนหนึ่งของสายธารนั้น |
36:47 | สายธารนั้นได้สำแดงตัวมันออกมาเป็น A |
36:51 | แล้ว A ก็รับรู้ว่า |
ตัวเขากำลังทุกข์ทรมาน | |
36:56 | |
36:59 | ชัดเจนใช่ไหมครับ |
37:00 | ไม่ใช่หรือครับ |
N:ใช่ครับ | |
37:02 | K:เขาใช้ชีวิต เขารู้สึก |
กลุ้มกังวลแล้วก็รำพึงว่า | |
37:05 | |
37:09 | "ทำไมฉันจึงทุกข์ทรมานอย่างนี้ |
นี่มันอะไรกัน" | |
37:11 | จากนั้นเขาจึงเริ่มหาเหตุผล |
เริ่มจะประจักษ์ | |
37:12 | |
37:16 | แล้วทำไมพวกคุณ |
จึงนำเอาปัจจัยอื่นเข้ามาล่ะครับ | |
37:19 | M:ถ้าอย่างนั้น |
คุณจะพูดได้ไหมค่ะ.. | |
37:24 | ...ว่ามันเป็นการรับรู้ที่ยังคง |
เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น... | |
37:25 | K:ไม่ใช่ครับ |
37:26 | M:หรือว่าเป็นโมเลกุลสักอย่าง |
หรืออะไรบางอย่าง | |
37:28 | K:ไม่ครับ ไม่ |
37:29 | หากคุณไม่ถือผมจะบอกให้รู้ว่า |
คุณไม่ได้ฟังผมเลย | |
37:32 | R:ขอผมพูดอะไร |
สักเล็กน้อยได้ไหมครับ | |
37:34 | K:เชิญครับ |
37:37 | R:ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว... |
37:42 | ...ในสายธารนั้น มีปัญญา |
ที่สามารถประจักษ์แจ้งอยู่ด้วย | |
37:46 | K:ขออภัยด้วยครับ |
ผมไม่ทราบว่าคืออะไร | |
37:47 | R:ผมทราบครับ |
เพราะในกระแสธารนั้น... | |
37:54 | ซึ่งก็เรียกอีกอย่างว่า... |
37:57 | ...ในพุทธปรัชญา |
อธิบายไว้อย่างดีทีเดียวครับ... | |
37:59 | ...อย่างที่คุณแมรี่ |
ถามนั่นแหละครับว่า... | |
38:03 | ...มันมีปัญญาที่สามารถ |
ประจักษ์แจ้งทั้งหมดได้ | |
38:05 | มันคือสิ่งนั้นครับ |
38:06 | N:ประจักษ์แจ้งอะไรนะครับ |
38:07 | R:ทั้งหมดล่ะครับ |
38:09 | มุมมองทั้งหมด หมดทุกอย่าง |
38:10 | ความเป็นจริง... |
การประจักษ์แจ้งถึงความเป็นจริง... | |
38:12 | ...มองเห็นตามสภาพ |
ที่มันเป็นอยู่จริง... | |
38:17 | ...ดังที่เราสนทนา |
กันไปแล้วเมื่อเช้านี้ | |
38:23 | การประจักษ์แจ้งนั้นเอง |
เป็นการก้าวออกไป | |
38:25 | M:คุณหมายถึงว่า |
มีการก้าวพ้นออกไป... | |
38:29 | ...โดยปราศจากผู้กระทำอย่างนั้นหรือคะ |
38:32 | K:ใช่ครับ ผมจะอธิบาย |
ขอให้เราพิจารณาไปด้วยกันนะครับ | |
38:37 | ผมจะอธิบาย แต่คุณ |
ไม่จำเป็นต้องยอมรับมันนะครับ | |
38:41 | ผมคิดว่ามันเป็นเรื่อง |
ที่มีเหตุมีผล... | |
38:45 | ...เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ |
และก็ไม่ได้เพ้อเจ้อ... | |
38:48 | ...หากเราไม่งมงายจริงๆ... |
38:53 | ...เราก็จะสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ |
38:57 | A ที่มีทั้งชื่อและรูป |
เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนั้น | |
39:07 | และในขณะที่เขาดำเนินชีวิตอยู่... |
39:12 | ...เขาตระหนักได้ถึงสภาพ |
ที่เขาต้องเผชิญ | |
39:15 | ใช่ไหมครับ |
39:18 | ในการตระหนักรู้นั้น เขารำพันว่า |
'ฉันกำลังทุกข์ทรมาน' | |
39:23 | จากนั้น เขาก็เริ่มไต่สวน... |
39:31 | ...ถึงธรรมชาติทั้งปวงของความทุกข์... |
39:32 | ...แล้วก็ยุติความทุกข์นั้นลง |
39:34 | ผมกำลังยกตัวอย่าง |
ลักษณะหนึ่งของกระแสธารนี้ | |
39:37 | เมื่อความทุกข์นั้นยุติลง |
39:40 | แล้วเขาก็ก้าวล่วงออกจากกระแสธารนั้น |
39:45 | เมื่อออกจากสายธารนั้นแล้ว... |
39:50 | สภาวะนั้นเป็นสภาวะพิเศษ |
ที่ไม่เหมือนใคร | |
39:52 | S:ถ้าอย่างนั้น มันก็มี |
บางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นั่น... | |
39:56 | ...ซึ่งเดิมไม่เคยมีอยู่มาก่อน |
ใช่ไหมครับ | |
39:58 | K:ชั่วขณะที่ A ตระหนักรู้ว่า |
เขากำลังเป็นทุกข์... | |
40:05 | ...และไม่หนีจากความทุกข์นั้น... |
40:11 | ...แต่สืบค้น ตรวจสอบ |
โดยปราศจากแรงจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น... | |
40:15 | ...เขาตรวจสอบธรรมชาติของความทุกข์... |
40:17 | ...และประจักษ์ถึงกระบวนการทั้งหมด |
ของความทุกข์... | |
40:22 | ...การหยั่งเห็นนั้นเอง |
ที่ยุติความทุกข์ | |
40:29 | R:การหยั่งเห็นนั้น |
ก็อยู่ในกระแสธารด้วย | |
40:32 | K:มิได้ครับ |
40:33 | คุณเห็นไหมครับว่า... |
40:36 | ...ในขณะที่คุณสันนิษฐาน |
อะไรบางอย่าง ผมมิได้ทำเช่นนั้น | |
40:37 | R:แล้วคุณนำเอาการหยั่งเห็น |
เข้ามาตอนไหนหรือครับ | |
40:39 | K:ผมนำเอาการหยั่งเห็น |
เข้ามาอย่างระมัดระวังที่สุด | |
40:43 | A ตระหนักรู้ว่าเขากำลังเป็นทุกข์ |
40:48 | ความทุกข์นั้น |
เป็นส่วนหนึ่งของสายธารนั้น... | |
40:51 | R: "A" ก็เป็นส่วนหนึ่งของสายธารด้วย |
40:53 | K:ครับ กระแสธารนั้น |
ได้สำแดงตัวมันเองออกมาเป็น "A" | |
40:57 | ในขณะที่ "A" ใช้ชีวิตอยู่ |
เขาตระหนักรู้ว่า... | |
41:04 | ...เขากำลังทุกข์ทรมาน |
แล้วก็เขาไม่ได้หนีไปจากมัน... | |
41:07 | ...เพราะเขาต้องการล่วงรู้ |
ธรรมชาติทั้งหมดของความทุกข์... | |
41:11 | ...ต้องการรู้ถึงธรรมชาติ... |
41:17 | ...และถึงกระบวนการ |
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความทุกข์ | |
41:21 | ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบมัน |
อย่างเป็นเหตุเป็นผล... | |
41:29 | ...อย่างมีสติสัมปชัญญะ |
รวมทั้งในระดับที่ไม่ใช่ถ้อยคำใดๆ ด้วย | |
41:30 | โดยดูเข้าไปในความทุกข์ |
41:34 | แล้วการดูเข้าไปนั้นเอง |
คือการหยั่งเห็น | |
41:35 | การดูเข้าไปในความทุกข์นั้น |
ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารนะครับ | |
41:39 | R:แล้วการมองดูนั้น |
มาจากไหนหรือครับ | |
41:42 | |
41:46 | K:เขาให้ความสนใจ... |
ผมพูดแล้วนะครับว่า... เขาเรียนรู้ เขาสืบค้น... | |
41:50 | ...เขาตั้งคำถามต่อสิ่งทั้งหมดนั้น |
อย่างยิ่ง เขาต้องการจะรู้ | |
41:54 | R:นั่นหมายความว่า |
มันมิได้เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ | |
41:56 | K:มิได้ครับ คุณกำลัง... |
41:58 | S:กฤษณจีครับ |
เพราะเราพูดกันมาโดยตลอด... | |
42:01 | ...ว่าอะไรบางอย่าง |
ก้าวออกจากสายน้ำนั้น | |
42:04 | K:เดี๋ยวนะครับ ผมจะไม่ใช้คำนั้น |
คำว่า ก้าวออกไปน่ะครับ | |
42:06 | S:ตอนนี้ดูเหมือนว่า |
สิ่งที่เรากำลังกล่าวถึงก็คือ... | |
42:09 | ...มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น... |
42:10 | ...เป็นสิ่งที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่ง |
ของสายน้ำนั้นเลย | |
42:12 | M:คือการหยั่งเห็นนั้นเอง |
42:14 | K:ครับ และผมก็พูดแล้วว่า ไม่ใช่ |
42:15 | เรากำลังตีความกันอยู่นะครับ |
กรุณาให้ผม… | |
42:18 | ขอให้ตามฟังผมดูก่อนนะครับ |
หากเห็นว่าผมผิด ก็ช่วยบอกผมด้วย | |
42:24 | "A" เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำนั้น |
"A" กำลังทุกข์ทรมาน... | |
42:30 | ...และ "A" ก็ถามว่า |
"เพราะเหตุใดหรือ" | |
42:36 | เขาไม่สนใจสิ่งที่ |
ครูบาอาจารย์เคยกล่าวเอาไว้ | |
42:39 | เขาบอกว่า |
'ฉันรู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้ว'... | |
42:43 | ...และเขาก็ทิ้งมันไป |
42:44 | เขาสืบค้นว่าเหตุใดความทุกข์จึงมีอยู่ |
42:46 | ในการตั้งคำถามเกี่ยวกับความทุกข์… |
42:50 | ...การสืบค้นขึ้นอยู่กับ |
ความสามารถของคุณ... | |
42:54 | ...ที่จะละวางการตีความ |
แต่มิใช่การหลบหนีหรืออะไรทำนองนั้น… | |
42:58 | ...ในการสืบค้นเข้าไป... |
43:02 | ...ในธรรมชาติของความทุกข์ |
และสาเหตุของมัน... | |
43:04 | ...ตลอดจนผลของมัน... |
43:06 | ...ในการสืบสอบนั้นเอง |
ที่การหยั่งเห็นเกิดขึ้น | |
43:13 | การหยั่งเห็นมิได้อยู่ในสายน้ำ |
43:17 | X:ถูกต้องครับ |
43:19 | R:ผมว่ามันอยู่ในสายน้ำนะครับ |
43:22 | K:เพราะอะไรหรือครับ |
43:26 | R:คือในตัวของมันเอง... |
43:31 | ...มันมีความสามารถในการสร้างและยุติ |
43:37 | |
43:40 | K:สายน้ำนั้นเองที่มีความสามารถ… |
43:42 | R:ในการสืบต่อ การสร้าง |
และการยุติตัวมันเอง หยุดตัวมันเอง | |
43:46 | การหยั่งเห็นนั้น |
จึงเป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำด้วย | |
43:50 | เช่นเดียวกับ |
ความทุกข์ทรมานทั้งหลาย... | |
43:52 | K:ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ครับ... |
43:55 | R:ถ้าอย่างนั้นแล้วการหยั่งเห็น |
มาจากไหนล่ะครับ | |
43:59 | K: ผมกำลังจะบอกเดี๋ยวนี้ครับ |
44:01 | R:คุณบอกว่า "A" เป็นส่วนหนึ่ง |
ของสายน้ำนั้นใช่ไหมครับ | |
44:04 | K:ใช่ครับ |
44:06 | R:แล้ว "A" ก็… |
44:08 | K:"A" กำลังทุกข์ทรมาน |
44:09 | R:ทุกข์ทรมาน |
44:10 | K:"A" จึงเริ่มที่จะตั้งคำถามค้นหา… |
44:11 | ...ในการสืบถามของเขา |
เขาตระหนักดีว่า... | |
44:12 | ...การสืบถามนั้นจะดำรงอยู่ได้ |
ก็ต่อเมื่อเป็นอิสระจากการหลบหนี... | |
44:16 | ...การข่มบังคับและสิ่งอื่นๆ |
อย่างสิ้นเชิง... | |
44:21 | R:ครับ |
44:23 | K:ฉะนั้น ในขณะแห่งการสืบถาม |
การหยั่งเห็นเกิดขึ้น... | |
44:27 | ...เมื่อเขามิได้หลบหนี... |
44:29 | ...เมื่อเขามิได้ข่มบังคับ |
เมื่อเขามิได้พยายามหาเหตุผล... | |
44:34 | ...หรือค้นหาสาเหตุของความทุกข์... |
44:36 | ...ในชั่วขณะแห่งการสืบค้นนั้นเอง |
ที่เป็นการหยั่งเห็น | |
44:41 | N:คุณหมายความว่า |
การหยั่งเห็นเกิดขึ้น... | |
44:44 | ...แต่มิได้เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ... |
44:46 | K:อย่านำประเด็น"เกิด"เข้ามาเลยครับ |
มันมิได้เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ | |
44:49 | N:ถ้าอย่างนั้น… |
44:50 | K:คุณเห็นไหมครับว่า |
คุณกำลังทำให้เขว... | |
44:57 | ...คุณต้องการให้มันเป็นส่วนหนึ่ง |
ของสายน้ำนั้น | |
44:58 | N:แล้วถ้าอย่างนั้นการหยั่งเห็นนั้น |
มันมาจากไหนเล่าครับ | |
45:00 | K:ผมกำลังจะบอกอยู่เดี๋ยวนี้ |
45:03 | N:จากการสืบถาม |
45:04 | K:มาจากอิสรภาพในการสืบถาม |
45:05 | N:แล้วอิสรภาพในการสืบถามนั้น |
มาจากไหนหรือครับ | |
45:08 | K:จากการตรวจสอบของเขาเอง |
45:11 | R:แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ |
45:15 | K:มิใช่ครับ คุณไม่เข้าใจ |
ประเด็นล่ะครับ | |
45:18 | S:กฤษณจีที่เรากำลังพูดกันอยู่ |
คืออย่างนี้หรือเปล่าครับ... | |
45:21 | |
45:24 | ...คือโดยปกติแล้ว "A" |
ก็มิใช่อะไรอื่นนอกจากชื่อกับรูป... | |
45:26 | ...ผนวกกับทุกๆ สิ่ง |
ที่ดำรงอยู่ในแม่น้ำสายนั้น | |
45:28 | และด้วยการสืบถามอย่างเป็นอิสระ… |
K:"A" เริ่มจะตั้งคำถามค้นหา | |
45:30 | S:ใช่ครับ "A" เริ่มสืบค้น |
จากนั้น หาก"A" มีการหยั่งเห็นนี้… | |
45:34 | K:ไม่ใช่ครับ |
45:37 | เขามิได้มีการหยั่งเห็น |
45:39 | S:เขาก็มิได้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง |
ของสายน้ำนั้นอีกต่อไป | |
45:41 | K:สก็อต คุณค่อยๆ คิดตามฟัง |
ไปทีละขั้นทีละตอนดีไหมครับ | |
45:44 | "A" เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำนั้น... |
45:49 | ..."A" เป็นการสำแดงออก |
ของสายน้ำนั้น... | |
45:53 | ...หรือเป็นคลื่นของสายน้ำนั้น |
หรือคุณจะเรียกว่าอะไรก็ได้ | |
45:57 | ทีนี้ "A" กำลังทุกข์ทรมาน |
46:02 | |
46:03 | "A" ตรวจสอบความทุกข์เหล่านั้น |
46:05 | และการตรวจสอบนั้น |
มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด... | |
46:08 | ...เพราะหากเขาหลบหนี |
มันก็มิใช่การตรวจสอบหรือการสำรวจ | |
46:15 | หากเขากดข่มบังคับเอาไว้ |
มันก็มิใช่อีกเช่นกัน | |
46:18 | กรุณาตามไปทีละขั้นทีละตอนนะครับ… |
46:22 | ...เขาตระหนักดีว่า |
ตราบใดที่เขายังไม่เป็นอิสระ... | |
46:25 | ...จากสิ่งกีดขวางทั้งหลาย |
การสำรวจก็จะถูกปิดกั้น... | |
46:34 | ...ฉะนั้นเขาจึงปล่อยวาง |
สิ่งเหล่านั้น... | |
46:37 | ...เขาก็เป็นอิสระที่จะสืบถาม |
46:40 | และในอิสรภาพนั้นเอง |
มีการหยั่งเห็น | |
46:45 | |
46:46 | P:คุณครับ การเชื่อมโยง |
ขาดหายไปตรงนี้ส่วนหนึ่ง | |
46:47 | K:อาจจะขาดหายไป |
เป็นสิบอย่างก็ได้ครับ | |
46:49 | P:ดูเหมือนว่าสิ่งที่ |
คุณนารายันพูดก็คือว่า... | |
46:53 | ...หากบุคคลนั้น |
เป็นส่วนหนึ่งของกระแส... | |
47:00 | ...หรือเป็นตัวแทนของกระแสนั้น... |
47:02 | ...เมื่อเริ่มมีการสืบถาม |
มีการตรวจสอบ... | |
47:07 | ...อิสรภาพก็บังเกิดขึ้นเพื่อจะสืบสอบ |
47:11 | K:ระมัดระวังหน่อยนะครับ |
47:13 | คุณเห็นไหมครับว่า |
คุณกำลังสมมุติทึกทักเอามากเกินไป | |
47:15 | P:มิได้ครับ ผมเพียงแต่พูดซ้ำ |
ในสิ่งที่คุณกล่าวไว้เท่านั้นเอง... | |
47:17 | ...ผมต้องการจะทราบ |
ส่วนที่ขาดหายไปน่ะครับ | |
47:20 | K:ใช่ครับ คุณกำลังพูดซ้ำ |
ถึงสิ่งที่ผมพูด | |
47:21 | P:และจุดเริ่มต้นของสิ่งนี้ |
จุดเริ่มต้นของการสืบถาม... | |
47:25 | ...จุดเริ่มต้นของความสามารถ |
ในการสำรวจตรวจสอบ... | |
47:28 | ...โดยปราศจากสิ่งใดๆ |
ที่เป็นของกระแส... | |
47:32 | ...ความสามารถนั้น |
อยู่ในกระแสนั้นหรือครับ | |
47:34 | K:ไม่ใช่ครับ |
47:36 | P:แล้วความสามารถมาจากไหนล่ะครับ |
47:37 | K:นั่นเป็นเรื่องง่ายๆ มากเลยนะครับ |
47:41 | ก็ไม่ทราบว่าพวกคุณ |
จะทำให้มันเป็นเรื่องซับซ้อนไปทำไมกัน | |
47:42 | P:จุดเริ่มต้นของการสืบถามคือ |
47:44 | K:ไม่ใช่ ฟังนะครับ |
47:46 | |
47:47 | ขออภัยนะครับ คุณหมอ… |
คุณมิได้ฟังผมเลย | |
47:51 | ผมพูดว่า "A" |
เป็นการสำแดงออกของกระแสนั้น | |
47:56 | ขอให้เราค่อยๆ ติดตาม |
ไปทีละขั้นทีละตอนนะครับ | |
48:01 | ส่วนหนึ่งของสายน้ำนั้นคือความทุกข์ |
48:09 | "A" กำลังทุกข์ทรมาน |
และ "A" ก็ถามว่า... | |
48:13 | ...'ทำไมเล่า ทำไมฉันจึง |
ต้องเป็นทุกข์ด้วย' | |
48:18 | P:ตรงจุดนี้ ผมต้องขอแทรกนะครับ |
48:21 | K:ตรงไหนก็ได้ครับ |
48:24 | P:ไม่ว่ามวลมนุษย์ในกระแสนั้น |
จะมากน้อยเพียงไร... | |
48:28 | |
48:32 | ...คำถามว่า |
'ทำไมฉันจึงต้องเป็นทุกข์ด้วย'... | |
48:36 | ...คือจุดเริ่มต้น |
ของการสืบค้นทั้งหมดนั้น | |
48:37 | K:ไม่ใช่ครับ |
มนุษย์ได้ถามตลอดมาว่า... | |
48:39 | ...'ทำไมฉันจึงต้องเป็นทุกข์ด้วย' |
และก็มีคำอธิบายมากมาย... | |
48:43 | ...ทั้งของพุทธ ฮินดู คริสต์ ฯลฯ |
48:48 | มนุษย์ผู้ทุกข์ทรมานนั้นบอกว่า... |
48:54 | 'ฉันเห็นทุกอย่างแล้ว |
ทั้งแบบพุทธ ฮินดู คริสต์ มุสลิม... | |
48:57 | |
48:59 | ...และฉันก็ปฏิเสธมันทั้งหมด... |
49:02 | ...เพราะมันมิได้ให้อิสรภาพ |
ในการสืบค้นแก่ฉัน | |
49:05 | ฉันจะไม่ยอมรับจารีต |
และอำนาจที่เหนือกว่า | |
49:08 | P:ทีนี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว… |
49:11 | F:คุณครับ บางทีเราอาจจะอธิบายได้ว่า |
49:16 | นั่นเป็นการสืบถาม |
ที่มีอิทธิพลกำหนดอยู่... | |
49:20 | K:เป็นส่วนหนึ่งของกระแส |
F:เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนั้น | |
49:23 | K:นั่นแหละคือประเด็นทั้งหมดครับ |
49:25 | F:แต่การสืบถามอย่างเป็นอิสระ… |
K:เป็นจุดเริ่มต้นของ… | |
49:28 | N:การออกพ้นไปจากกระแสนั้น |
49:30 | F:ไม่ใช่ |
K:ไม่ใช่ครับ | |
49:32 | นารายัน คุณทิ้งประเด็น |
เรื่องกระแสนั้นไว้ก่อนเถิดครับ | |
49:36 | ได้โปรดเถอะนะครับ |
(เสียงหัวเราะ) | |
49:39 | "A" เป็นสิ่งสำแดงออกของกระแส |
49:44 | "A" กำลังทุกข์ทรมาน |
49:47 | "A" พูดว่า |
'ทำไมฉันจึงทุกข์ทรมานด้วยเล่า' | |
49:51 | เขาศึกษาพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู |
ศาสนาคริสต์ แล้วก็กล่าวว่า... | |
49:56 | "โธ่ นั่นเป็นแค่ถ้อยคำล้วนๆ นี่น่า" |
ทิ้งมันไป | |
50:00 | "ฉันจะค้นหาคำตอบด้วยตัวฉันเอง" |
50:04 | แล้วเขาก็เริ่มสืบค้น |
50:08 | และเขาก็ตระหนักว่า... |
50:18 | ...เขาจะสามารถสำรวจตรวจสอบได้ |
ก็ต่อเมื่อเขามีอิสระที่จะมองดูเท่านั้น | |
50:20 | ถูกต้องไหมครับ |
50:24 | เมื่อเป็นอิสระจากความกลัว |
เป็นอิสระจากรางวัลและการลงโทษ... | |
50:28 | ...อิสระจากแรงจูงใจทั้งปวง |
มิฉะนั้นแล้วเขาก็ไม่สามารถสืบค้นได้ | |
50:33 | |
50:40 | ในขณะที่เขาอยู่ในสภาวะของ |
การตรวจสอบนั่นเอง การหยั่งเห็นก็เกิดขึ้น | |
50:44 | เรื่องนี้ชัดเจนมากทีเดียว |
50:46 | F:แต่แน่นอนว่า กระทำได้ยากอย่างยิ่ง |
50:48 | K:อา! ไม่นะครับ ผมจะไม่แม้… |
50:51 | ไม่ครับ ผมจะไม่ยอมรับคำว่า "ยาก" |
50:54 | F:ในตอนแรกครับ เพราะมิฉะนั้นแล้ว |
เราก็จะไม่สืบสวนเลยด้วยซ้ำ | |
50:55 | K:ไม่ใช่ครับ |
50:57 | เพราะเราไม่ได้ใช้พลังงานของเรา |
เพื่อการนี้ต่างหาก | |
51:01 | เราไม่สนใจ เรายอมทน |
ต่อสิ่งต่างๆ มากมาย | |
51:13 | ฉะนั้นตอนนี้วางเรื่องของ "A" |
ไว้ก่อนนะครับ | |
51:22 | "B" ก็เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำนั้น |
และเขาก็เป็นทุกข์ และกล่าวว่า... | |
51:29 | |
51:31 | ..."ใช่ นั่นเป็นธรรมชาติของฉัน |
นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์... | |
51:36 | ...มันไม่มีทางออกไม่มีพระเยซูคริสต์ |
หรือใครจะสามารถช่วยฉันได้" | |
51:41 | เขากล่าวว่า |
"ก็ได้ ฉันจะยอมทนมันต่อไป" | |
51:50 | ดังนั้น เขาก็ยิ่งมีส่วนเสริม |
เพิ่มสายธารนั้น | |
51:59 | |
52:02 | X:ดังนั้นสายน้ำ |
จึงเชี่ยวกรากแรงมากขึ้น | |
52:07 | K:ใช่ มีปริมาตรมากขึ้น |
52:08 | F:มีแรงผลักดันมากขึ้นด้วย |
52:09 | K:แน่นอนครับ ปริมาตรที่มากขึ้น |
ย่อมหมายถึงแรงดันของน้ำอันมหาศาล | |
52:15 | เราจึงมาถึงประเด็นที่ว่า |
ความตายคืออะไร | |
52:20 | |
52:22 | R:ตอนนี้ผมอยากถามอีกคำถามหนึ่งครับ |
52:25 | ตอนนี้ "A" ออกจากกระแสนั้นแล้ว |
52:27 | K:อา! มิได้ครับ |
52:28 | R:แล้วการหยั่งเห็นนั้นล่ะครับ |
52:29 | K:"A" มิได้ออกจากกระแสนั้น |
52:30 | R:แต่เขาได้ประจักษ์แล้ว |
เขาเกิดการหยั่งเห็นแล้ว | |
52:33 | K:เขาหยั่งเห็น |
52:35 | R:มีญาณทัศนะ |
52:41 | ดังนั้นหากทุกคนคือมนุษยชาติ |
ที่เป็นหนึ่งเดียว... | |
52:43 | ...หาก"A" คือมนุษยชาติแล้วละก็ |
มวลมนุษยก็ต้องประจักษ์แจ้งกันหมด | |
52:44 | K:มิได้ครับ คุณ |
52:47 | M:ถ้าอย่างนั้น เขาได้ละทิ้ง |
มนุษยชาติไปแล้วหรือค่ะ | |
52:49 | F:คุณอาจจะกำลังมอง |
ในเชิงเหตุผลล้วนๆ กระมังครับ | |
52:50 | K:แม้แต่ในเชิงเหตุผลก็ไม่ใช่ครับ |
52:54 | F:ที่ผมหมายถึงคือ |
(ตรวจสอบ) ในเชิงเหตุผล... | |
52:56 | ...แต่ก็ยอมรับสภาวะ |
ที่ถูกอิทธิพลครอบงำนั้น | |
53:00 | K:ในทันทีที่ "A" ตระหนักรู้ถึง |
สภาวะที่ถูกอิทธิพลครอบงำของเขา... | |
53:05 | ...และเริ่มสืบค้นเข้าสู่สภาวะนั้น... |
53:09 | ...พลังงานเพื่อการปลดปล่อย |
เป็นอิสระก็เกิดขึ้น | |
53:18 | F:ขอให้ผม… |
53:19 | |
53:25 | ตรงนี้พระพุทธเจ้าเองก็ทรงตรัสว่า |
"พึงปล่อยวางด้วยสัมมาทิฏฐิ"... | |
53:27 | ...คุณจำคำตรัสนี้ |
ของพระพุทธองค์ได้ไหมครับ | |
53:28 | R:ตรัสว่าอะไรครับ |
53:36 | F:"พึงละทิ้งรูป เวทนา |
สัญญา ทั้งหมด... | |
53:38 | ...วางจิตสำนึก |
ที่แบ่งแยกทั้งปวงลงเสีย" | |
53:39 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมพูดล่ะครับ |
53:42 | F:พึงละทิ้งด้วยสัมมาทิฏฐิ |
53:44 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมบอกคุณนี่ครับ |
53:45 | นั่นแหละที่ผมพูด |
เขาทำให้เรื่องซับซ้อนมากเกินไป | |
53:48 | K:ใครหรือครับ |
53:51 | F:มิได้ครับ |
53:52 | K:พวกคุณต่างหาก |
ที่ทำให้เรื่องซับซ้อน... | |
53:57 | ...ประเด็นของผมง่ายๆ |
ตรงไปตรงมา ผมจะไม่... | |
54:01 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมบอกคุณนะครับ |
นั่นคือคำกล่าว นั่นคือแนวคิด แต่ผมก็… | |
54:06 | K:ขอผมแทรกตรงนี้ได้ไหมครับ |
54:12 | สมมติว่าบุคคลคนหนึ่ง |
มิได้สังกัดศาสนาอะไรเลย | |
54:16 | |
54:21 | บุคคลนั้นมิได้ยอมรับอำนาจใดๆ เลย |
นั่นแหละคือการสืบค้นครับ | |
54:22 | ถ้าหากผมยอมรับสิ่งที่พระเยซูคริสต์ |
หรือ "เอกซ์ วาย หรือ แซด" พูดไว้... | |
54:29 | ...นั่นก็มิใช่การสืบค้น |
54:30 | ดังนั้นในการสืบค้นตรวจสอบ |
ความทุกข์โศกของ "A"... | |
54:35 | ...เขาจึงปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง |
ที่คนอื่นๆ ได้เคยกล่าวไว้ | |
54:42 | คุณจะทำเช่นนั้นไหมครับ |
54:50 | เพราะมิฉะนั้นแล้ว |
เขาก็จะเป็นเพียงมนุษย์มือสอง... | |
54:52 | ...ที่สำรวจตรวจสอบ |
โดยมองผ่านแว่นตามือสอง | |
55:07 | R:หรือคุณอาจจะได้ยินได้ฟัง |
จากบุคคลผู้ประจักษ์แจ้ง… | |
55:15 | K:อาทิ ผมได้ยินสิ่งที่ |
พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ | |
55:17 | R:ครับ คุณสามารถได้ยิน |
55:20 | K:หรือสิ่งที่ใครก็ตามเคยกล่าวไว้ |
55:26 | R:และคุณก็สามารถประจักษ์ |
ด้วยตัวของคุณเองอย่างที่บุคคลนั้นได้ประจักษ์ | |
55:28 | K:ครับ แต่...ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า |
ความทุกข์เป็นจุดเริ่มต้นของ... | |
55:32 | ...จะอะไรก็ตามที่ท่านตรัสไว้ |
55:33 | R:ครับ |
55:34 | K:ก็ได้ไม่เป็นไรครับ... |
55:36 | ...แต่สิ่งที่ท่านตรัส |
ไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้เห็นด้วยตัวผมเอง | |
55:37 | R:แน่นอนครับ มันเป็นอย่างนั้น |
55:41 | K:ไม่ใช่ครับ |
55:42 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังบอกคุณ... |
55:47 | ...แต่คุณก็สามารถประจักษ์ |
ถึงสิ่งเดียวกันกับที่พระพุทธองค์ได้ประจักษ์ | |
55:48 | K:ใช่ครับ |
55:50 | R:และคุณก็ยังสามารถเข้าใจ |
สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วย | |
55:51 | K:อะไรนะครับ |
55:56 | คุณครับ ตัวหนังสือ |
หรือคำบอกเล่ากล่าวขาน... | |
56:01 | ...ไม่มีความหมายอันใดเลย |
ต่อบุคคลผู้หิวโหยนะครับ | |
56:02 | R:จริงครับ |
56:08 | K:การอ่านเมนูอาหาร |
ไม่ได้ทำให้ท้องผมอิ่มนะครับ | |
56:12 | R:นั่นคือสิ่งที่ผมบอกคุณอยู่ |
มันมิใช่เมนูอาหารแต่เป็นอาหาร | |
56:13 | K:ตัวอาหาร |
56:14 | ...ไม่ใช่คนอื่นจะมาปรุงให้ได้... |
56:18 | ...ผมต้องปรุงเองและรับประทานเอง |
56:20 | R:ปกติแล้วมันไม่ได้เป็น |
อย่างนั้นนี่ครับ (เสียงหัวเราะ) | |
56:26 | K:เดี๋ยวก่อนครับ ผมพูดว่า... |
56:28 | ...บุคคลผู้สำรวจตรวจตรา |
โครงสร้างทั้งหมดของความทุกข์โศก | |
56:35 | R:แต่ผมขอพูดอีกแบบหนึ่งว่า |
คุณต้องรับประทานเพื่อขจัดความหิว | |
56:36 | |
56:40 | |
56:44 | ความหิวโหยของผมจะไม่หายไป |
เพียงเพราะคุณได้รับประทาน | |
56:45 | K:ไม่หายครับ |
56:46 | R:คุณได้เตรียมอาหาร |
คุณได้รับประทาน และอาหารก็มีอยู่ | |
56:50 | ผมสามารถรับประทานมันได้ |
และมันก็เป็นอาหารของผมด้วย | |
56:53 | คุณจะปฏิเสธหรือเปล่าครับ |
56:57 | K:ไม่ครับ ไม่แน่นอนครับ |
56:59 | บ่ายวันนี้คุณได้รับประทานอาหาร |
กลางวันที่ใครบางคนปรุงขึ้น... | |
57:02 | ...และผมก็รับประทาน |
เรารับประทานกัน | |
57:03 | R:ครับ |
57:07 | K:แต่เรามิได้พูดกัน |
แค่ในระดับอาหารนะครับ | |
57:13 | เรากำลังพูดกันว่า |
ตราบใดที่ฉันยอมรับอำนาจใดๆ... | |
57:15 | ...ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของใครก็ตาม |
การหยั่งเห็นไม่อาจเกิดขึ้นได้ | |
57:19 | R:มันมิใช่การยอมรับ |
อำนาจที่เหนือกว่านะครับ | |
57:22 | K:ช้าก่อนครับ |
57:23 | อำนาจรวมถึงการยอมรับคำอธิบาย... |
57:28 | ...การยอมรับข้อสรุป |
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ | |
57:31 | สิ่งที่พระกฤษณะตรัส สิ่งที่ "A" พูด |
ทั้งหมดนั้น | |
57:34 | สำหรับผม อิสรภาพคือ |
อิสระจากสิ่งที่รู้อยู่แล้ว | |
57:48 | มิฉะนั้นแล้วผมก็จะต้องใช้ชีวิต |
ในกระแสนั้นตลอดไป | |
57:58 | เห็นไหมครับ นั่นคือเหตุผล |
ที่เราสนทนาเรื่องนี้กันตามความเป็นจริง... | |
58:02 | |
58:11 | ...และพูดว่า "ดูก่อน ฉันจะทิ้งอำนาจ |
เหนือกว่าที่ฉันมีทั้งหมด" | |
58:18 | ...ซึ่งหมายถึง ทิ้งความรู้ จารีต |
ท่านทำได้หรือไม่ | |
58:26 | เพราะนั่นคือการสืบค้นนั่นเอง... |
58:27 | ...แต่หากคุณหรือผมผูกติดอยู่กับจารีต |
ก็จะไม่สามารถสืบค้นเช่นนั้นได้... | |
58:33 | ...ผมก็จะวนเวียนไปมา |
อยู่ภายในวงล้อม... | |
58:35 | ...ผมต้องเป็นอิสระจากทั้งเสา |
และเชือกที่ล่ามผมไว้กับเสานั้น | |
58:48 | ฉะนั้นเมื่อ "B" |
ยอมรับความทุกข์ทรมาน | |
58:56 | "B" ยอมรับสภาพที่เขาเป็นอยู่ |
ที่ถูกครอบงำ ที่หดหู่เป็นทุกข์และความสุข | |
59:05 | ท่านก็ทราบว่ามนุษย์อยู่ในสภาพใด |
59:07 | ฉะนั้นเขาจึงมีส่วนเติมเสริม |
ให้แก่กระแสธารนั้นตลอดเวลา | |
59:19 | ฉะนั้นจึงไม่มีดวงวิญญาณ |
ไม่มีอาตมัน... | |
59:24 | |
59:36 | ...ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวฉันอันถาวร |
ที่จะวิวัฒน์ไป | |
59:40 | จากนั้นสิ่งที่ควรจะสืบค้นคืออะไร |
59:45 | สภาวะจิตใจของบุคคลหรือของมนุษย์ |
ผู้มีการหยั่งเห็นเป็นอย่างไร... | |
59:52 | ...ผู้ที่ประจักษ์ถึงธรรมชาติทั้งปวง |
ของความทุกข์... | |
1:00:00 | ...หรือกระแสธารทั้งหมดนั้น |
เป็นอย่างไร | |
1:00:01 | ถูกต้องไหมครับ |
1:00:06 | ธรรมชาติของจิตใจเช่นนั้นเป็นอย่างไร |
มีคุณลักษณะอย่างไร | |
1:00:10 | |
1:00:13 | นั่นคือประเด็นใช่ไหมครับ |
1:00:17 | ใช่ครับ สืบค้นกันนะครับ |
1:00:20 | นั่นจะเป็นการคาดเดาเอาหรือเปล่า |
มันจะเป็นครับ | |
1:00:29 | X:คุณครับ แล้วบุคคล |
ผู้มีการหยั่งเห็นอยู่บ้าง... | |
1:00:31 | ...หรือมีแต่เพียงบางส่วน |
เขาอยู่ตรงไหนหรือครับ | |
1:00:35 | เขายังคงอยู่ในกระแสนั้นใช่ไหมครับ |
1:00:41 | K:เหมือนนักวิทยาศาสตร์ |
ที่มีการหยั่งเห็นเพียงส่วนเสี้ยว | |
1:00:46 | เขาอาจจะเป็นเลิศในทางวิทยาศาสตร์... |
1:00:48 | ...แต่เขาก็สับสน ทุกข์ระทม |
ไร้ความสุข ทะเยอทะยาน คุณรู้ดี | |
1:00:59 | F:คำว่า "หยั่งเห็นเพียงส่วนเสี้ยว".. |
1:01:02 | ...หมายถึงการหยั่งเห็น |
ที่ยังถูกครอบงำอยู่ไม่ใช่หรือครับ | |
1:01:05 | K:แน่นอนครับ |
1:01:07 | F:เพราะฉะนั้น มันจึงเป็น |
ส่วนหนึ่งของสายธารนั้น... | |
1:01:09 | ...และมันก็ถูกต้องที่จะแบ่งแยกประเภท |
1:01:11 | K:ผมอยากรู้ว่า |
เราประจักษ์ถึงตรงนี้กันหรือไม่... | |
1:01:17 | ...หรือว่าเรากำลังเห็นเพียงมโนภาพ |
1:01:20 | เพราะตอนนี้เราได้สร้างมโนภาพ |
ของสายน้ำนั้นขึ้นมา | |
1:01:23 | F:ใช่ครับ นั่นเป็นเรื่อง |
ที่ไม่พึงปรารถนา | |
1:01:24 | K:ใช่ครับ |
1:01:27 | M:เราจะสามารถใช้คำว่า หยั่งรู้... |
1:01:30 | ...ในความหมายเดียวกับ |
คำว่า สติปัญญา ได้ไหมค่ะ | |
1:01:32 | มันแตกต่างกันหรือเปล่าค่ะ |
1:01:33 | K:ขอให้เราสืบค้น |
เรื่องนั้นกันสักหน่อยนะครับ | |
1:01:38 | สายธารสำแดงให้ปรากฎเป็น "B"... |
1:01:45 | ...และจากกิจกรรมต่างๆ ของเขา... |
1:01:51 | ...เขาได้กลายเป็นคนที่ช่ำชอง |
และฉลาดอย่างยิ่ง | |
1:01:57 | แต่ปัญญามิได้มีอะไรเลย |
ที่เกี่ยวข้องกับความช่ำชอง... | |
1:02:06 | ...ความฉลาดหรือเพทุบายต่างๆ |
หรืออะไรเหล่านั้น... | |
1:02:07 | |
1:02:13 | ...แต่มันเป็นส่วนสำคัญ |
ของความรักและความเมตตา | |
1:02:24 | คุณจะว่าอย่างไรครับ |
1:02:28 | ความรักที่อยู่ในกระแสนั้น |
มิใช่ความรัก | |
1:02:37 | คุณก็รู้ว่า เรากำลังพูดถึง |
สิ่งที่ไม่มีใครเขายอมรับกัน | |
1:02:45 | หาก"B" อยู่ในกระแสนี้... |
1:02:47 | |
1:02:51 | ...และเขาบอกภรรยาของเขา |
หรือคู่รักของเขา... | |
1:02:57 | ...ว่า "ผมรักคุณ" |
นั่นเป็นความรักหรือครับ | |
1:03:05 | R:ตราบใดที่ยังมีตัวฉันอยู่ |
ความรักก็หามีอยู่ไม่ | |
1:03:09 | K:อย่าเลย อย่าลดทอนมัน |
ให้เหลือเพียง "ตัวฉัน" สิครับ | |
1:03:14 | "B" เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนั้น |
1:03:17 | "B" กล่าวแก่เพื่อนสาว |
หรือเพื่อนชายของเขา... | |
1:03:22 | ...ว่า "ฉันรักคุณ" |
นั่นเป็นความรักหรือเปล่า | |
1:03:25 | R:ในแง่ไหนหรือครับ |
K:ความรักครับ | |
1:03:28 | R:ความรักมีความหมาย |
เป็นร้อยเป็นพันนะครับ | |
1:03:31 | K:นั่นแหละคือสิ่งที่ผมสืบค้นอยู่ครับ |
1:03:33 | รักหนังสือ รักอาหาร |
ที่คุณชื่นชอบ รักบทกวี... | |
1:03:40 | ...ความรักที่มีต่อสิ่งสวยงาม |
ต่ออุดมคติบางอย่าง... | |
1:03:47 | |
1:03:48 | ...ความรักประเทศชาติของท่าน |
ความรักของความหึงหวง... | |
1:03:51 | ...ซึ่งได้รวมความเกลียดชัง... |
1:03:56 | ...ความอิจฉาริษยา |
และความปวดร้าวไว้ด้วย | |
1:04:02 | สิ่งทั้งหมดนั้น ผมกำลังตั้งคำถาม |
กำลังสืบค้นนะครับ… | |
1:04:07 | ...สิ่งทั้งหมดนั้นคือความรักหรือ |
1:04:12 | และ "B" ผู้เป็นสิ่งสำแดง |
แห่งกระแสธารกล่าวว่า... | |
1:04:13 | ..."ใช่แล้ว นั่นคือความรัก.. |
1:04:18 | ...หรืออย่างน้อย |
ก็เป็นส่วนหนึ่งของความรัก" | |
1:04:21 | หรือเขาอาจจะกล่าวว่า... |
1:04:27 | ..."หากปราศจากความหึงหวงแล้ว |
ก็ไม่มีความรักน่ะสิ" | |
1:04:31 | ผมเคยได้ยินคำกล่าว |
อย่างนี้บ่อยๆ ทีเดียวครับ | |
1:04:34 | R:ไม่เพียงเท่านั้นครับ |
หลายๆ คนเคยถามผมว่า... | |
1:04:37 | ...หากปราศจากแนวคิดเรื่องตัวตนแล้ว |
จะมีความรักได้อย่างไร | |
1:04:38 | K:ใช่ครับ ใช่ |
1:04:40 | R:มีคนถามอย่างนั้นด้วยครับ |
1:04:43 | K:คุณครับ เรากำลังสนทนา |
เรื่องเหล่านี้... | |
1:04:48 | ...อยู่เพียงในระดับคำพูด |
หรือเปล่าครับ | |
1:04:50 | หรือกำลังตระหนักรู้อยู่ |
และประจักษ์ชัดว่ากระแสนั้นคือตัวคุณเอง... | |
1:04:57 | ...และกล่าวว่า "ดูมัน ตรวจสอบ |
และก็ยุติมันเสีย" | |
1:05:11 | และเมื่อไม่สามารถยุติมัน |
เราก็จะสร้างกาลเวลาขึ้นมา... | |
1:05:18 | ...เช่นว่า สักวันหนึ่ง |
ฉันจะออกจากสายธารแห่งนั้นให้ได้ | |
1:05:25 | ดังนั้นความคิดจึงสร้างวิวัฒนาการ |
ในทางจิตใจขึ้นมา | |
1:05:40 | |
1:05:42 | F:เราจะพูดอย่างนี้ได้ไหมครับ |
1:05:48 | ...ความคิดสร้างพัฒนาการ |
ทางจิตใจขึ้นมาโดยอาศัยกาลเวลา | |
1:05:50 | K:ใช่ครับ ผมหมายความว่าอย่างนั้น |
1:05:52 | F:แทนที่สิ่งที่อยู่ในปริมณฑล |
ของจิตใจจริงๆ... | |
1:05:57 | ...ซึ่งคือความฉับพลันทันที... |
1:06:00 | K:ถูกต้องครับ |
1:06:02 | ความฉับพลันทันทีจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ |
มีการหยั่งเห็นเท่านั้น | |
1:06:06 | เมื่อนั้นจะไม่มีความรู้สึก |
เสียใจหรือเสียดาย | |
1:06:08 | คำพูดว่า "ฉันไม่น่าทำอย่างนั้นเลย" |
ก็จะไม่เกิดขึ้น | |
1:06:16 | ฉะนั้นการกระทำของเรา |
จึงอยู่ในระดับของกาลเวลาเสมอมา | |
1:06:38 | คุณครับ ความเป็นอมตะคืออะไร |
1:06:49 | ความเป็นนิรันดร์คืออะไร |
1:06:52 | สิ่งที่ไม่อาจหยั่งวัดได้คืออะไร |
1:06:56 | พวกเขาล้วนพูดถึง |
เรื่องนั้นกันทั้งนั้น | |
1:06:58 | ศาสนาทุกศาสนาล้วนกล่าวถึง |
เรื่องนี้ไว้ไม่มากก็น้อย... | |
1:07:02 | ...แม้กระทั่งนักอภิปรัชญา |
นักตรรกศาสตร์ พระสงฆ์ ก็เคยสืบค้นว่า... | |
1:07:07 | ...นิรันดรนั้นคืออะไร |
1:07:15 | นักเขียนที่เขียนหนังสือที่ดีๆ |
สักเล่ม แล้วเขาก็กลายเป็นอมตะ | |
1:07:21 | ชื่อของเขาก็กลายเป็นสิ่งอมตะ |
1:07:27 | หรือนักการเมืองสักคน |
1:07:39 | โชคร้ายที่นักการเมือง |
ก็คงทนอยู่ยาวนานด้วย | |
1:07:45 | เราได้เชื่อมโยงความเป็นอมตะ |
ว่าเป็นบางสิ่งที่เหนือพ้นไปจากความตาย... | |
1:07:49 | ...การต้องตาย และสภาวะที่เหนือพ้น |
จากความต้องตาย พ้นจากความตาย | |
1:07:54 | ไม่ใช่หรือครับ |
1:08:00 | F:นั่นเป็นแนวคิดที่เข้าใจกันทั่วไป |
1:08:01 | K:แน่นอนครับ |
1:08:16 | แล้วคุณคิดเห็นอย่างไรบ้าง |
กับเรื่องทั้งหมดนี้ | |
1:08:18 | R:แล้วคำถามของเราล่ะครับ |
1:08:22 | K:ความตายและการเกิดใหม่น่ะหรือครับ |
1:08:24 | R:ใช่ครับ เกิดอะไรขึ้น |
ตรงนั้นหรือครับ | |
1:08:25 | K:ผมบอกไปแล้วนะครับ |
1:08:26 | การเกิดใหม่ก็คือ |
กระแสที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้... | |
1:08:30 | ...ซึ่งสำแดงตัว |
ออกมาเป็น "A B C ฯลฯ" | |
1:08:42 | ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง |
น่ารันทดที่สุด... | |
1:08:49 | ...และผมก็จะพูดว่า... |
1:08:55 | ... "โอ้! นี่มันเลวร้ายที่สุด |
ฉันจะไม่ฟังอีกแล้ว" | |
1:08:58 | X:คุณกำลังบอกว่าความตาย |
เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนั้นหรือครับ | |
1:09:02 | K:ครับ เมื่อร่างกายตายไป |
1:09:08 | โดยการใช้งานและวิถีชีวิตที่ผิดๆ |
มันก็ตาย | |
1:09:14 | |
1:09:20 | ต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ |
1:09:22 | X:แต่ผมหมายความมากกว่านั้น… |
1:09:25 | K:คุณครับ หากจะค้นหาว่า |
ความตายคืออะไร เราต้องอยู่กับความตาย | |
1:09:30 | ซึ่งหมายถึงการสิ้นสุด ยุติ |
1:09:35 | |
1:09:40 | ยุติความยึดมั่นของฉัน |
ยุติความยึดมั่นของเรา ความเชื่อของเรา... | |
1:09:48 | ...และจบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง |
ที่เราได้สะสมไว้ | |
1:09:50 | แต่ไม่มีใครเลย |
ที่อยากทำอย่างนั้นหรอกครับ | |
1:09:54 | M:แต่นิยามนั้นของความตาย |
คงจะมิได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแส | |
1:09:56 | K:อะไรนะครับ |
1:09:59 | M:การตายในความหมายนั้น |
คงจะมิได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสธาร | |
1:10:01 | K:ไม่ครับ |
1:10:03 | คุณครับ บุคคลผู้ที่ได้ผ่าน |
ออกพ้นไปแล้ว... | |
1:10:05 | ...ผู้ที่ได้เข้าใจสิ่งนี้แจ่มแจ้งแล้ว |
1:10:06 | ...เขาก็จะไม่แม้กระทั่งคิด |
อยู่ในกระแส... | |
1:10:15 | ...เพราะมันเป็นอะไรบางอย่าง |
ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง | |
1:10:18 | มันมิใช่เป็นรางวัล |
สำหรับผู้ที่อยู่ในกระแสธาร (หัวเราะ) | |
1:10:22 | M:ไม่ใช่ค่ะ แต่มันเป็นการกระทำ |
ของการหยั่งเห็นใช่ไหมค่ะ | |
1:10:24 | K:ใช่ครับ เป็นการกระทำ |
ของการหยั่งเห็น | |
1:10:26 | การกระทำของการหยั่งเห็น... |
1:10:30 | ...ซึ่งไม่อาจเกิดขึ้นแก่คุณได้ |
หากปราศจากความรัก... | |
1:10:36 | ...ความเมตตา ปัญญา |
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งทั้งหมดนั้น | |
1:10:51 | จากนั้นเท่านั้น |
จึงจะมีความสัมพันธ์กับสัจจะ | |
1:10:53 | X:ดูเหมือนคุณจะบอกอยู่ในทีว่า |
ความตายนั้นเป็นกุญแจ | |
1:10:57 | K:ใช่แล้วครับ |
1:11:01 | การตรวจสอบได้อย่างอิสระ |
แต่มิใช่การสำรวจทางวิทยาศาสตร์... | |
1:11:10 | ...หรืออย่างนักคิดทั้งหลาย... |
1:11:14 | ...แต่เป็นการสำรวจตรวจสอบ |
เข้าไปในตัวเราเองทั้งหมด... | |
1:11:20 | ...ซึ่งก็คือตัวฉัน กระแสธารนั้น |
ตัวฉันก็คือกระแสนั้น | |
1:11:23 | |
1:11:28 | สืบค้นเข้าไปในนั้น เพื่อว่าจะไม่มี |
แม้เงาของกระแสนั้นหลงเหลืออยู่เลย | |
1:11:40 | แต่พวกเราไม่ทำอย่างนี้ |
เพราะเรารู้มากเกินไป เราไม่มีเวลา... | |
1:11:46 | ..เราหมกมุ่นอยู่กับความสุขเพลิดเพลิน |
หรือความกลัดกลุ้มกังวลของเรามากเกินไป | |
1:11:50 | ดังนั้นเราจึงบอกว่า... |
1:11:59 | "ได้โปรด เรื่องนั้นเก็บไว้ให้ |
พวกนักบวชเถิด ฉันไม่เอาด้วยหรอก" | |
1:12:05 | ถึงตรงนี้ เราได้ตอบคำถามนั้น |
แล้วหรือยังครับ | |
1:12:08 | คำถามที่ว่า มีการเกิดใหม่... |
1:12:11 | ...การสืบต่อของ "ตัวฉัน" |
ในลักษณะต่างๆ หรือไม่ | |
1:12:17 | ผมว่า ไม่มี! |
1:12:20 | R:ไม่มีแน่นอนครับ |
1:12:24 | ดั่งที่คุณพูด ผมก็เห็น |
เช่นเดียวกันว่าไม่มี | |
1:12:27 | เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่มี "ตัวฉัน" |
ที่จะไปเกิดใหม่ หรือกลับชาติมาเกิด | |
1:12:31 | K:ไม่มีครับ แต่เป็นกระแสนั้น |
สำแดงออกมา... | |
1:12:38 | ...แต่ "B" ก็ยังพูดว่า |
"ฉันก็คือฉัน"... | |
1:12:42 | ...ดังนั้นฉันจึงกลัวที่จะตาย |
1:12:43 | R:ครับ |
1:12:48 | K:ฉะนั้นเขาจึงสร้างทฤษฎีต่างๆ |
ขึ้นมามากมายเพื่อปลอบประโลมใจตนเอง... | |
1:12:52 | ...เขาพร่ำสวดวิงวอนว่า |
โปรดช่วยปกปักรักษาตัวฉันด้วยเถิด ฯลฯ | |
1:12:59 | แต่ ตราบใดที่ "B" ยังใช้ชีวิต |
อยู่ในกระแสแห่งนั้น... | |
1:13:04 | ...จิตสำนึกของเขา |
ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของสายธารนั้น... | |
1:13:06 | ...เขาเพียงแต่เสริมเพิ่มปริมาณ |
ให้กับสายน้ำนั้นเท่านั้นเอง | |
1:13:13 | อันนี้ชัดเจนครับ หากคุณเข้าใจ |
1:13:18 | ฉะนั้นจึงปราศจาก"ตัวฉัน" |
ที่จะดำเนินสืบต่อไป | |
1:13:26 | คุณครับ ผมหมายความว่า... |
1:13:34 | ...จะไม่มีใครยอมรับอย่างนี้หรอกครับ |
แต่มันเป็นสัจจะ | |
1:13:39 | F:ท่านจะเห็นด้วยใช่ไหมครับว่า... |
1:13:40 | ...สิ่งที่จำเป็นก็คือการมองให้เห็น |
โดยลึกซึ้งเช่นนี้... | |
1:13:44 | K:ใช่ครับ การเห็นประจักษ์ชัด |
เท่านั้นคือสัจจะ | |
1:13:47 | F:มองเห็นอย่างแท้จริง |
และการเห็นประจักษ์ชัดจริงแท้... | |
1:13:50 | ...คือการกระทำที่จริงแท้ |
เป็นการกระทำอันสร้างสรรค์ | |
1:13:51 | K:ในขณะที่ฉันมองเห็น ความกังวล |
ก็หลุดล่วงในทันที คือการกระทำ | |
1:13:57 | ในขณะที่ฉันประจักษ์ชัดว่า |
ฉันจิตใจคับแคบ ทุกอย่างก็จบลง | |
1:14:01 | F:นั่นเป็นการเปลี่ยนแปลง |
ในกระบวนการของจิต... | |
1:14:06 | ...ที่เป็นอยู่แบบทั่วๆ |
ได้อย่างสิ้นเชิง | |
1:14:07 | K:ครับ |
1:14:10 | M:นี่เป็นปมสำคัญของเรื่องเหล่านี้... |
1:14:12 | ...และเป็นจุดที่ผู้คนพากันเข้าใจผิด |
มิใช่หรือคะ | |
1:14:16 | |
1:14:19 | ...พวกเขาไม่ได้เข้าใจ |
ในลักษณะที่คุณพูดถึง | |
1:14:21 | ...เขาเข้าใจเพียงคำพูด |
หรือโดยใช้ปัญญาขบคิด... | |
1:14:23 | ...ในระดับต่างๆ กันไป |
แต่พวกเขาไม่ได้มองเห็นจริงๆ | |
1:14:25 | K:ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ |
เห็นว่าการเป็นทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา | |
1:14:31 | พวกเขามักกล่าวว่า |
ทำไมล่ะใครๆ ก็เป็นทุกข์กันทั้งนั้น | |
1:14:35 | พวกเขามองไม่เห็น |
1:14:40 | เมื่อมองไม่เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบ |
อันคับแคบน่าสมเพชของตัวเอง | |
1:14:42 | คุณก็เพียงแต่พูดว่า "ใช่ แล้วไงล่ะ" |
1:14:44 | M:หรือพวกเขามองไม่เห็น |
ว่าพวกเขายังไม่เข้าใจ... | |
1:14:45 | ...หากจะใช้ภาษาพูดแบบเด็กๆ น่ะค่ะ |
1:14:50 | พวกเขายังไม่ตระหนักว่า... |
1:14:55 | ...สิ่งที่เขาคิดว่าเป็น |
ความเข้าใจนั้น มิใช่ความเข้าใจ | |
1:14:57 | K:ไม่ใช่ มาเรีย |
ผมขอถามไม่เจาะจงเฉพาะคุณเท่านั้น... | |
1:15:00 | ...ว่าเราได้ละทิ้งความคิดเห็นใดๆ |
ก็ตามที่เรายึดถือเอาไว้แล้วหรือยัง | |
1:15:10 | อคติของเราด้วย |
ทิ้งอย่างสิ้นเชิงนะครับ | |
1:15:16 | ทิ้งประสบการณ์ของเราเล่า |
ไม่เคยเลยใช่ไหม | |
1:15:19 | นี่แหละคือสิ่งที่คุณถาม |
คุณก็รู้ว่าพวกเขาพูดกันยังไง... | |
1:15:23 | ขอเถอะ พวกเขาไม่แม้แต่ |
จะฟังคุณด้วยซ้ำ | |
1:15:26 | |
1:15:31 | คุณตั้งใจจะบอกว่า |
นักการเมืองจะฟังอย่างนั้นหรือ | |
1:15:32 | หรือว่านักบวช หรือใครก็ตาม |
ที่ฝังจมอยู่ในข้อสรุปของตัวเองเขาจะฟังหรือ | |
1:15:41 | เพราะในสภาพนั้น |
พวกเขารู้สึกปลอดภัยที่สุด มั่นคงที่สุด | |
1:15:49 | แล้วคุณก็ไปรบกวนเขา... |
1:15:52 | ...หากเขาไม่เคารพบูชาคุณ |
เขาก็จะฆ่าคุณ ซึ่งก็เหมือนกันนั่นแหละ | |
1:16:00 | M:หรือไม่เขาก็เห็นว่าความมั่นคง |
ปลอดภัยนั้นเป็นความลวงหลอกล้วนๆ | |
1:16:05 | K:ครับ หากเขาเห็นเช่นนั้นจริง |
เขาก็จะละวางอคติเหล่านี้... | |
1:16:11 | ...วางข้อสรุปต่างๆ |
และวางแม้กระทั่งความรู้ของเขา | |
1:16:21 | S:คุณครับ สำหรับบุคคล |
ผู้ก้าวออกจากกระแสธาร... | |
1:16:26 | |
1:16:30 | ...และไม่ได้เป็นสิ่งสำแดง |
ของสายธารนั้นอีกต่อไป... | |
1:16:35 | ...แต่จะมีอะไรอย่างอื่น |
ที่ปฏิบัติการอยู่ | |
1:16:39 | เราจะสนทนากันถึงธรรมชาติ |
ของสิ่งนั้นสักหน่อยได้ไหมครับ | |
1:16:41 | K:ซึ่งก็คือสติปัญญานั่นเอง |
1:16:44 | S:คือสติปัญญาที่ภายในนั้น... |
1:16:45 | K:สติปัญญาคือความรัก |
1:16:47 | |
1:16:49 | สติปัญญาคือความเมตตาการุณย์ |
1:16:54 | S:และจากหลายสิ่งหลายอย่าง |
ที่ท่านได้เคยพูดไว้ในอดีต... | |
1:16:59 | ...ที่ดูเหมือนจะมีการดำรงอยู่ |
อย่างเสรีไม่ขึ้นกับสิ่งใดเลย | |
1:17:00 | K:แน่นอนครับมันเห็นได้ชัด |
1:17:06 | S:มีอยู่แม้ก่อนหน้านั้นเสียอีก |
หรือแม้จะไม่มีการแสดงออกของมันในตัวเขา | |
1:17:07 | K:คุณครับ หาก"A" ปลดตัวเขาเอง |
ให้เป็นอิสระ... ไม่ใช่ตัวเขาเอง... | |
1:17:13 | หากจิตสำนึกของ "A" |
ไม่ได้อยู่ในกระแสธารอีกต่อไป... | |
1:17:19 | |
1:17:22 | ...จิตสำนึกของเขา |
จะแตกต่างออกไปทั้งหมดทั้งสิ้น | |
1:17:25 | เป็นมิติที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง |
1:17:30 | S:และจิตสำนึกนั้นดำรงอยู่ |
ก่อนหน้าที่เขาจะก้าวออกจากสายธารนั้นด้วย | |
1:17:33 | พูดอย่างนี้ได้ไหมครับ |
1:17:39 | K:ตอนนี้คุณกำลังคาดเดาแล้วครับ |
1:17:42 | S:ใช่ครับผม |
1:17:44 | K:ผมจะไม่เล่นด้วยนะครับ |
1:17:51 | X:บางทีอาจจะกล่าว |
ได้อีกแง่หนึ่งว่า... | |
1:17:53 | ...มีปัญญาที่ปราศจาก |
บุคคลผู้มีปัญญาหรือไม่ | |
1:18:00 | K:ผมทราบว่าคุณหมายถึงอะไร |
1:18:05 | นั่นหมายถึง...เราลองอธิบาย |
จากอีกด้านนะครับ... | |
1:18:19 | ...สงครามได้สร้างความทุกข์ยาก |
อย่างมหาศาลขึ้น | |
1:18:28 | ถูกต้องไหมครับ |
1:18:31 | และความทุกข์ยากนั้น |
ก็ยังคงวนเวียนอยู่ | |
1:18:37 | มันต้องวนเวียนอยู่แน่นอน |
1:18:40 | ความดีก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง |
ของมนุษย์ด้วยเช่นกัน... | |
1:18:41 | ...ความพยายามที่จะเป็นคนดี |
1:18:46 | จึงมีแหล่งรวมอันมหาศาล |
ของทั้งสองอย่างนั้นใช่ไหมครับ | |
1:18:52 | X:ใช่ครับ |
1:18:56 | K:แล้วเกิดอะไรขึ้นเล่า |
1:19:03 | เรามิได้เสริมสร้าง |
ให้แก่แหล่งความดีนั้นเลย... | |
1:19:07 | ...แต่กลับเสริมเติม |
อีกแหล่งหนึ่งตลอดเวลา | |
1:19:13 | |
1:19:17 | M:คุณหมายความว่า อีกสิ่งหนึ่ง |
เท่านั้น ที่ดำรงอยู่ในจิตใจของมนุษย์... | |
1:19:21 | ...ในขณะที่ความดีมีอยู่แยกต่างหาก |
จากมนุษยชาติหรือค่ะ | |
1:19:23 | K:ลองพูดในแง่ที่กลับกัน |
อย่างนี้นะครับ | |
1:19:29 | มิได้มีแต่ "A" เท่านั้นที่เป็นทุกข์ |
แต่เป็นความทุกข์ทั้งมวลของมนุษยชาติ | |
1:19:35 | M:หรือยิ่งไปกว่ามนุษยชาติ |
มันก็มีความทุกข์อยู่ | |
1:19:38 | |
1:19:47 | K:แน่นอนครับ มันมีความทุกข์อยู่ |
1:19:48 | X:ความทุกข์เป็นปรากฏการณ์ |
ที่มีอยู่ทุกหนแห่ง รอบจักรวาล | |
1:20:00 | K:คุณครับ กรุณาช่วยอธิบายได้ไหมครับ |
ว่าสมาธิของชาวพุทธคืออะไร | |
1:20:12 | |
1:20:18 | R:สมาธิแบบพุทธ รูปแบบที่บริสุทธิ์ |
ที่สุดของสมาธิแบบพุทธ... | |
1:20:24 | ...มันมีอยู่หลายรูปแบบ |
แตกต่างกันออกไปน่ะครับ... | |
1:20:32 | สมาธิแบบพุทธที่บริสุทธิ์ที่สุดคือ |
หยั่งเห็นใน "สิ่งที่เป็นอยู่จริง" | |
1:20:40 | K:คุณใช้คำพูดของผม |
อยู่นะครับ (หัวเราะ) | |
1:20:43 | R:ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่คำพูดของคุณ |
1:20:44 | คุณใช้คำเหล่านั้นต่างหาก! |
(เสียงหัวเราะ) | |
1:20:50 | คำเหล่านี้ใช้มาแล้ว 2500 ปี |
ก่อนหน้าคุณ | |
1:20:55 | ผมก็ใช้มันอยู่เช่นกัน |
1:20:57 | K:ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น |
เราทั้งสองคนก็อายุสองพันปีแล้วสิ | |
1:21:00 | R:แก่ ครับใช่แล้ว |
1:21:06 | K:คุณครับ ผมเพียงแต่ถามว่า |
1:21:07 | R:เรียกกันว่า วิทรรศนา หรือ วิปัสสนา |
1:21:12 | |
1:21:15 | ในภาษาบาลีเรียกว่า วิปัสสนา |
ส่วนภาษาสันสกฤตเรียกว่า วิทรรศนา | |
1:21:17 | K:ทรรศนา ใช่ครับ |
1:21:21 | R:มันคือญาณจักษุที่เห็นแจ้ง |
ถึงธรรมชาติของสรรพสิ่ง | |
1:21:26 | นั่นคือญาณจักษุที่แท้จริง |
1:21:28 | K:เขามีระบบปฏิบัติ |
เพื่อเข้าถึงหรือเปล่าครับ | |
1:21:32 | R:แน่นอนครับว่ามีการพัฒนาระบบขึ้นมา |
1:21:37 | K:นั่นคือประเด็นที่ผมอยากพูดถึงครับ |
1:21:41 | R:หากกล่าวถึงคำสอนดั้งเดิม |
ของพระพุทธเจ้า... | |
1:21:42 | K:มันไม่มีระบบปฏิบัติใดๆ |
1:21:44 | R:ไม่มีครับ มันเรียกว่า "สติปัฏฐาน" |
1:21:46 | นั่นคือคำเทศนาที่ดีที่สุด... |
1:21:50 | ...ที่พระพุทธองค์กล่าวถึง |
สมาธิที่เป็นการหยั่งเห็น | |
1:21:52 | K:ผมเพียงแต่ต้องการจะ... |
1:21:54 | R:เดี๋ยวครับ ผมกำลังจะบอกท่าน |
1:21:56 | K:ผมกำลังฟังอยู่ครับ |
1:21:59 | R:มันไม่ได้มีระบบอันใดในคำสอนนั้น |
1:22:04 | และจุดสำคัญอยู่ที่การตื่นรู้สึกตัว |
1:22:08 | การตื่นรู้ที่เรียกว่า "สติ" |
หรือในภาษาสันสกฤตคือ "สมบฤดี" | |
1:22:09 | K:ครับ สมบฤดี |
1:22:10 | R:และการตื่นรู้ |
มีสติ ต่อทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้น... | |
1:22:16 | ...คุณไม่จำเป็นต้องหนีจากชีวิต |
แล้วไปอยู่ตามถ้ำหรือในป่า... | |
1:22:20 | ...หรือนั่งตัวแข็งนิ่งอย่างรูปปั้น |
หรืออะไรเยี่ยงนั้น | |
1:22:24 | มันมิใช่อย่างนั้นเลย |
1:22:27 | และคำว่าสติปัฏฐานนี้ หากจะแปล... |
1:22:34 | ...มันจะแปลว่า |
เป็นการตั้งมั่นอยู่ในการตื่นรู้... | |
1:22:37 | ...แต่ที่จริงหมายถึงการมีสติ |
อยู่กับปัจจุบัน ความหมายของคำนั้นน่ะครับ | |
1:22:42 | K:แล้วการมีสตินี้... |
1:22:48 | R:มีสติในทุกๆ ความเคลื่อนไหว |
ทุกๆ การกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่าง | |
1:22:52 | K:ครับ |
1:22:57 | การมีสตืนี้ต้องบ่มเพาะ |
ฝึกฝนหรือครับ | |
1:23:00 | R:ไม่ใช่เป็นเรื่องการฝึกฝน |
บ่มเพาะใดๆ ทั้งสิ้น | |
1:23:01 | ไม่น่าสงสัยเลยครับ |
1:23:03 | K:นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะรู้ครับ |
1:23:05 | R:ครับ |
1:23:07 | K:เพราะคุรุทั้งหลายในยุคปัจจุบัน... |
1:23:09 | ...ระบบการทำสมาธิสมัยใหม่ |
เซ็นสมัยใหม่... | |
1:23:13 | ...คุณก็รู้เรื่องทั้งหมดนั้นอยู่แล้ว... |
1:23:14 | ...พวกเขาพยายามบ่มเพาะ |
ให้เกิดสมาธิครับ | |
1:23:18 | R:ใช่ครับ ผมจะบอกคุณว่า |
1:23:30 | ผมได้เขียนบทความเรื่องหนึ่ง |
เกี่ยวกับจิตวิทยาแห่งพุทธสมาธิ... | |
1:23:32 | K:ผมเพียงแต่... |
1:23:33 | R:ขอสักครู่นะครับ |
1:23:36 | ในบทความนั้นผมเขียนว่า |
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา... | |
1:23:38 | ...มีการเข้าใจคำสอน |
ของพระพุทธเจ้าอย่างผิดเพี้ยน... | |
1:23:43 | ...และนำไปทำให้เป็น |
เทคนิคปฏิบัติหนึ่งซึ่งผิด | |
1:23:46 | |
1:23:49 | และเขาก็ได้พัฒนา |
คำสอนให้เป็นเทคนิค... | |
1:23:53 | ...ซึ่งแทนที่จะปลดปล่อย |
จิตใจให้เป็นอิสระ กลับคุมขังจิตไว้ | |
1:23:55 | K:แน่นอนครับ |
1:23:56 | การทำสมาธิทุกอย่าง |
เป็นกระบวนการที่คุมขังทั้งนั้นครับ | |
1:23:57 | R:หากมันถูกทำให้เป็นระบบขึ้นมา |
1:24:00 | K:คุณครับ ผมขอถามว่า... |
1:24:05 | ...สภาวะที่ตื่นรู้สามารถบ่มเพาะ... |
1:24:08 | ...ซึ่งหมายถึงสามารถจัดการ |
ให้เกิดขึ้นได้ตามต้องการหรือ... | |
1:24:10 | ...เข้าไปควบคุม |
หรือฝึกฝนได้หรือครับ | |
1:24:14 | R:มิได้ครับ |
1:24:15 | K:เดี๋ยวนะครับ |
1:24:22 | มันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ |
1:24:29 | |
1:24:32 | R:มันไม่มีการเกิดขึ้นได้อย่างไร |
หรอกครับ คุณต้องทำเลย | |
1:24:35 | K:ไม่ใช่ครับ ขอให้แค่ฟังก่อน |
ว่าผมหมายถึง... | |
1:24:36 | R:คุณกำลังตีความนะครับ |
1:24:39 | K:ผมต้องการหาคำตอบครับ |
ผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์... | |
1:24:44 | ...ผมเพียงต้องการค้นหาว่า |
สมาธิแบบพุทธเป็นอย่างไร | |
1:24:45 | เพราะเดี๋ยวนี้มีการทำสมาธิ |
ของชาวพุทธมากมายหลายแบบ... | |
1:24:47 | ...แบบพุทธ แบบธิเบต... |
1:24:50 | |
1:24:55 | ...สมาธิแบบธิเบตก็มีหลายรูปแบบ |
สมาธิแบบฮินดูก็มีหลายรูปแบบ... | |
1:24:56 | สมาธิแบบซูฟี เห็นแก่พระเจ้าเถอะ |
คุณเข้าใจไหมครับ | |
1:24:58 | ...ผุดขึ้นทั่วไปหมดอย่างกับดอกเห็ด |
1:25:01 | |
1:25:04 | ผมเพียงแต่ถามว่าการตื่นรู้นั้น |
เกิดขึ้นได้โดยการเพ่งจิตจดจ่อหรือ | |
1:25:19 | R:ไม่ใช่ในลักษณะนั้นครับ |
1:25:22 | การกระทำอะไรก็ตามในโลกนี้ |
จำเป็นต้องมีการตั้งสมาธิจดจ่อในระดับหนึ่ง | |
1:25:24 | |
1:25:27 | นั่นเป็นที่เข้าใจได้ |
1:25:31 | ในแง่นั้นการเพ่งจิตจดจ่อ |
ลักษณะหนึ่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น... | |
1:25:38 | ...แต่อย่าเอาไปปะปนกับคำว่า "ญาณ" |
หรือสมาธินะครับ | |
1:25:42 | K:โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบ |
คำเหล่านั้นเลยครับ เช่น ญาณ... | |
1:25:45 | R:แต่เรื่องนั้น การเพ่งจิตจดจ่อ |
เป็นหลักการเลยนะครับ | |
1:25:47 | K:ผมทราบครับ |
1:25:49 | สมาธิที่แพร่หลายไปทั่วโลกนั้น... |
1:25:54 | ...โดยส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้อง |
กับการเพ่งจิตจดจ่อ | |
1:25:59 | R:นิกายเซ็น และอื่นๆ อีกมาก |
เช่น สมาธิ ญาณ... | |
1:26:06 | ...แบบฮินดู แบบพุทธ |
ล้วนมีการเพ่งจิตจดจ่อเป็นหลักสำคัญ | |
1:26:08 | K:นั่นเป็นเรื่องเหลงไหลไร้สาระ |
1:26:12 | ผมไม่อาจยอมรับการเพ่งจิต |
1:26:15 | R:ในคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์ |
สมาธิไม่ใช่การเพ่งจิตเช่นนั้น | |
1:26:20 | ไม่มีการเพ่งจิต |
อยู่ในคำสอนที่บริสุทธิ์ | |
1:26:21 | K:มันไม่ใช่การเพ่งจิต |
เราทิ้งมันไปก่อนนะครับ | |
1:26:25 | แล้วการตื่นรู้นี้คืออะไร |
และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร | |
1:26:34 | R:เมื่อคุณตื่นรู้ต่อมัน |
มันก็เกิดขึ้นเอง | |
1:26:40 | คืออย่างนี้ครับ |
สิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในสติปัฏฐานนั้น... | |
1:26:44 | ...คือการที่คุณดำรงอยู่กับ |
การกระทำในปัจจุบันขณะ | |
1:26:49 | K:เดี๋ยวก่อนนะครับ |
1:26:50 | R:นั่นเป็นรูปแบบหนึ่งของสติปัฏฐาน |
1:26:52 | K:ครับ |
1:26:56 | ในขณะที่คุณพูดว่าในปัจจุบันขณะ |
คุณก็ไม่ได้อยู่ในปัจจุบันขณะแล้ว | |
1:26:58 | R:นั่นคือสิ่งที่สติปัฏฐานว่าไว้... |
1:27:03 | ...ถ้าเป็นอย่างนั้น |
คุณก็ไม่ได้อยู่ในปัจจุบันขณะ | |
1:27:04 | และสติปัฏฐาน |
คือการดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ | |
1:27:06 | K:อา! มิได้ครับ |
คุณพลาดประเด็นไปแล้ว | |
1:27:10 | |
1:27:14 | เราจะมีชีวิตอยู่ |
ในปัจจุบันขณะได้อย่างไร | |
1:27:21 | สภาวะจิตใจที่ดำรงอยู่ |
ในปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร | |
1:27:24 | R:จิตใจที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ |
คือจิตใจที่เป็นอิสระจาก... | |
1:27:29 | K:ครับ พูดต่อเลยครับ |
ผมกำลังรออยู่ ผมต้องการค้นหา | |
1:27:34 | R:...เป็นอิสระจากความคิด |
ที่เกี่ยวข้องกับอัตตา | |
1:27:40 | เวลาที่เรามีความคิด |
ที่เกี่ยวข้องกับอัตตา... | |
1:27:42 | ...เราก็จะอยู่ในอดีต |
หรือไม่ก็ในอนาคต | |
1:27:45 | K:ปัจจุบันขณะนั้นเท่าที่ผม... |
1:27:50 | ...ไม่ใช่ผม... |
เท่าที่เข้าใจโดยทั่วไป... | |
1:27:53 | ...คืออดีตที่ปรับเปลี่ยนตัวมันเอง |
ในปัจจุบันและดำเนินต่อไป | |
1:28:00 | R:นั่นเป็นเรื่องปกติ |
1:28:03 | K:เดี๋ยวครับ นั่นแหละคือปัจจุบัน |
1:28:05 | R:ไม่ใช่ครับ |
1:28:07 | K:ถ้าอย่างนั้น |
ปัจจุบันคืออะไรเล่าครับ | |
1:28:10 | อิสระจากอดีต |
1:28:13 | R:ใช่ครับ |
1:28:16 | K:นั่นคือเป็นอิสระจากอดีต |
ซึ่งหมายถึงเป็นอิสระจากกาลเวลา | |
1:28:21 | ฉะนั้น นั่นคือสภาวะจิตใจเช่นนี้ |
เท่านั้น ที่เป็นปัจจุบันขณะ | |
1:28:29 | ทีนี้ผมเพียงอยากจะถามคุณว่า |
การตื่นรู้คืออะไร | |
1:28:36 | มันผลิบานได้อย่างไร |
มันเกิดขึ้นอย่างไรครับ | |
1:28:38 | |
1:28:44 | |
1:28:45 | คุณเข้าใจไหมครับ |
1:28:48 | R:ไม่มีเทคนิคใดทำให้มันเกิดขึ้นได้ |
1:28:49 | K:ผมเข้าใจครับ |
1:28:54 | R:หากถามว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร |
คุณก็กำลังถามถึงวิธีการ | |
1:28:56 | คุณถามว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร |
K:ถูกต้องครับ | |
1:28:59 | ผมใช้คำว่า "อย่างไร" |
เพียงเพื่อถามคำถาม มิใช่เพื่อหาวิธีการ | |
1:29:02 | ผมจะถามอีกแบบหนึ่งนะครับ |
1:29:05 | |
1:29:07 | การตื่นรู้นี้เกิดขึ้นในลักษณะใด |
1:29:13 | สมมติว่าผมไม่ตื่นรู้ ไม่รู้สึกตัว |
1:29:18 | ผมมัวหมกมุ่นอยู่กับ |
ความกลุ้มกังวล... | |
1:29:20 | ...หรือปัญหาส่วนตัว |
อันกระจ้อยร่อยต่างๆ ของผมเท่านั้น | |
1:29:25 | ...ผมรักคุณ แต่คุณไม่รักผม... |
1:29:30 | ...และสิ่งทั้งหมดนั้น |
กำลังเกิดขึ้นในจิตใจของผม | |
1:29:31 | ฉันมีชีวิตอยู่อย่างนั้น |
1:29:33 | และคุณก็มาบอกผมว่า |
"จงตื่นรู้ต่อสิ่งทั้งหมดนั้น" | |
1:29:38 | แล้วผมก็ถามว่า |
"ตื่นรู้หรือ คุณหมายถึงอะไรกัน" | |
1:29:46 | R:หากคุณถามอย่างนั้น |
ก็พึงตื่นรู้ต่อความใจแคบนั้น | |
1:29:51 | |
1:29:58 | K:ครับ ดังนั้นนั่นหมายถึง |
การตื่นรู้... | |
1:29:59 | R:คุณกล่าวถึงความใจแคบ |
1:30:03 | K:ใช่ครับ มีสติตื่นรู้ต่อความใจแคบ |
1:30:06 | คุณหมายความว่าอย่างไรหรือครับ |
1:30:09 | R:มีสติตื่นรู้ต่อสิ่งนั้น |
1:30:11 | K:ครับ แต่ผมไม่ทราบว่า |
ตื่นรู้ได้อย่างไร | |
1:30:15 | ผมไม่ทราบว่ามันหมายความว่ากระไร |
1:30:17 | R:ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า |
มันหมายความว่ากระไรหรอกครับ | |
1:30:20 | K:คุณหมายความว่าอย่างไร |
ที่ว่ามันไม่จำเป็น | |
1:30:22 | R:ก็ให้ตื่นรู้ต่อมัน |
K:ครับ | |
1:30:23 | คุณบอกผมว่าพึงตื่นรู้ต่อมัน |
1:30:26 | แต่ผมตาบอด. |
1:30:28 | ผมคิดว่านั่นเป็นช้าง |
แล้วผมจะทำอย่างไร... | |
1:30:33 | คุณเข้าใจคำถามของผมไหม |
1:30:35 | |
1:30:41 | ผมมืดบอดและผมก็ต้องการเห็นแสงสว่าง |
1:30:46 | และคุณก็บอกว่า |
"พึงมีสติต่อความมืดบอดนั้น" | |
1:30:50 | ผมตอบว่า "ครับ แล้วมัน |
หมายถึงอะไรหรือครับ" | |
1:30:55 | ในเมื่อมันไม่ใช่การเพ่งจิตจดจ่อ |
1:31:00 | ดังนั้น ผมจึงบอกว่า |
1:31:04 | |
1:31:08 | "ดูก่อน การตื่นรู้เป็นอะไรบางอย่าง |
ที่ปราศจากการเลือก" | |
1:31:09 | เดี๋ยวครับคุณ |
1:31:14 | การตื่นรู้หมายถึง |
การตื่นรู้ต่อห้องห้องนี้... | |
1:31:18 | ...ต่อผ้าม่าน แสงไฟ |
ต่อผู้คนที่นั่งอยู่ที่นี่... | |
1:31:23 | ...ต่อรูปร่างของผนัง |
ต่อบานหน้าต่าง ตื่นรู้ต่อมัน | |
1:31:23 | เดี๋ยวนะครับ |
1:31:29 | ผมอาจจะตื่นรู้ต่อส่วนหนึ่ง |
รู้ไปทีละส่วน ทีละเสี้ยว... | |
1:31:31 | ...หรือว่าในขณะที่ผมเข้ามาในห้อง |
ผมตื่นรู้ต่อสิ่งทั้งหมดนั้นเลย | |
1:31:34 | ...ทั้งหลังคา โคมไฟผ้าม่าน |
รูปร่างของบานหน้าต่าง... | |
1:31:41 | |
1:31:43 | ...ทั้งพื้นและเพดานที่ลายพร้อย |
ทุกสิ่งทุกอย่าง | |
1:31:46 | นั่นคือสิ่งที่คุณหมายถึง |
หรือเปล่าครับ | |
1:31:50 | R:นั่นก็เป็นการตื่นรู้แบบหนึ่ง |
1:31:53 | นั่นเป็นการตื่นรู้ด้วย |
1:31:56 | K:นั่นคือการตื่นรู้ครับ |
1:31:57 | ทีนี้ความแตกต่างคืออะไร |
ผมมิได้กำลังจัดประเภท... | |
1:32:02 | ...หรือไม่เคารพ หรือสอดรู้สอดเห็น |
หรือดูถูกดูแคลนนะครับ... | |
1:32:07 | ...แต่ว่าความแตกต่างระหว่าง |
การตื่นรู้ในแง่นั้นกับการใส่ใจคืออะไร | |
1:32:08 | |
1:32:15 | R:มันผิดนะครับที่จะเรียกว่าเป็น |
"ความหมายแง่นั้น" ของการตื่นรู้ | |
1:32:17 | เพราะมันไม่มีความหมาย |
ในแง่ไหนๆ ของการตื่นรู้ | |
1:32:19 | มีเพียงแต่การตื่นรู้ |
K:ครับ | |
1:32:31 | การมีสติตื่นรู้นั้นกับการใส่ใจ |
1:32:33 | เห็นไหมครับว่า |
เราได้ขจัดการเพ่งจิตจดจ่อออกไป... | |
1:32:37 | ...ยกเว้นเมื่อผมต้องเจาะผนัง... |
1:32:40 | ...ผมต้องการที่จะเจาะให้มันตรง |
ผมจึงเพ่งจิตจดจ่อ | |
1:32:41 | R:ไม่ใช่นะครับ |
เราไม่ได้แยกมันออกไป | |
1:32:42 | มันมีการเพ่งจิตจดจ่อ |
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งหลัก | |
1:32:46 | K:ไม่ครับ นั่นไม่ใช่การตื่นรู้ |
1:32:49 | R:แต่การเพ่งจิตจดจ่อ |
อาจจะมีประโยชน์หรือช่วยงานได้บ้าง | |
1:32:53 | K:เพื่อเจาะรูให้ตรง |
1:32:56 | R:ครับ อะไรอย่างนั้นครับ |
1:32:57 | สำหรับการตื่นรู้ก็เช่นกัน... |
1:32:58 | ...ที่การเพ่งจิตจดจ่อ |
อาจจะเป็นประโยชน์ | |
1:33:03 | แต่มันก็มิใช่แก่นกลาง |
1:33:06 | K:เมื่อฉันเรียนคณิตศาสตร์ |
มันต้องมีการเพ่งจิตจดจ่ออยู่ด้วย | |
1:33:11 | R:ครับ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามครับ |
1:33:13 | K:ครับ เพราะฉะนั้น |
ผมจะหยุดเรื่องนั้นไว้ก่อนนะครับ | |
1:33:19 | ทีนี้ความใส่ใจคืออะไร |
1:33:24 | การใจใส่ |
1:33:31 | R:คุณจะอธิบายอย่างไรครับ |
เช่นการตื่นรู้ การมีสติรู้ตัว การใส่ใจ... | |
1:33:33 | |
1:33:37 | ...คุณจะแยกแยะ 3 ภาวะนี้อย่างไรครับ |
การตื่นรู้ การมีสติ กับการใส่ใจ | |
1:33:45 | |
1:33:49 | K:ผมมองว่าเป็นการตื่นรู้ |
ที่ปราศจากการเลือก | |
1:33:54 | เพียงแต่ตื่นรู้เท่านั้น |
1:34:00 | เมื่อใดก็ตามที่มีตัวเลือก |
เข้ามาในการตื่นรู้... | |
1:34:02 | ...มันก็จะไม่ใช่การตื่นรู้อีกต่อไป |
1:34:07 | R:ใช่ครับ |
1:34:11 | K:และการเลือกก็คือการวัดค่า |
การแบ่งแยกฯลฯ | |
1:34:16 | ฉะนั้นการตื่นรู้ |
คือการปราศจากการเลือก | |
1:34:18 | เพียงตื่นรู้อยู่เท่านั้น |
1:34:22 | การพูดว่า "ฉันชอบห้องนี้ |
หรือฉันไม่ชอบมันเลย" ทั้งหมดนั้นย่อมยุติลง | |
1:34:25 | R:ครับ ถูกต้องครับ |
1:34:26 | K:ส่วนความใส่ใจ หรือการเอาใจใส่... |
1:34:31 | ...ในภาวะใส่ใจนั้น |
ย่อมปราศจากการแบ่งแยก | |
1:34:39 | R:ซึ่งหมายถึงไม่มีการเลือกด้วย |
1:34:47 | K:ตรงนั้นเอาไว้ก่อนนะครับ |
1:34:51 | ภาวะใส่ใจ แสดงนัยว่า |
ไม่มีการแบ่งแยก"ไม่มีฉัน" ผู้ใส่ใจ | |
1:34:52 | เมื่อนั้นจึงไม่มีการแบ่งแยก... |
1:35:04 | ...เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการวัดค่า |
และฉะนั้นจึงไร้ขอบเขต | |
1:35:07 | R:ในการใส่ใจ |
1:35:11 | K:ในการใส่ใจที่สมบูรณ์ |
1:35:15 | R:ในความหมายนั้น |
มันก็เสมอเหมือนกันกับการตื่นรู้ | |
1:35:17 | K:ไม่ครับ ไม่ใช่ครับ |
1:35:20 | R:ทำไมล่ะครับ |
1:35:26 | K:ในการตื่นรู้ อาจจะมีศูนย์กลาง |
ที่คุณตื่นรู้ออกมาจากนั้น | |
1:35:29 | |
1:35:35 | X:แม้ว่ามันจะปราศจาก |
การเลือกหรือครับ | |
1:35:40 | R:ไม่ครับ นั่นไม่ใช่การตื่นรู้ |
1:35:42 | K:เดี๋ยวก่อนครับ |
ผมต้องขอย้อนกลับไปหน่อย | |
1:35:45 | N:คุณกำลังแยกแยะ |
การตื่นรู้กับการใส่ใจออกจากกัน | |
1:35:46 | K:ผมต้องการจะทำเช่นนั้นครับ |
1:35:48 | Y:คุณหมายความว่า |
การใส่ใจเป็นกระบวนการที่ลึกซึ้งกว่าหรือ | |
1:35:49 | K:ลึกยิ่งกว่ามากครับ เป็นคุณลักษณะ |
ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง | |
1:35:54 | เราอาจจะตระหนักรู้ว่า |
คุณกำลังใส่เสื้อผ้าแบบไหน | |
1:36:01 | เราอาจจะบอกว่า "ฉันชอบ" |
หรือ "ฉันไม่ชอบมัน"... | |
1:36:04 | ...การเลือกไม่ได้มีอยู่ |
คุณเพียงแต่ตระหนักรู้เท่านั้นเอง | |
1:36:12 | แต่ความใส่ใจนั้น |
ปราศจากผู้ใส่ใจหรือผู้ที่เอาใจใส่... | |
1:36:19 | |
1:36:30 | ...และเช่นนั้นจึงปราศจากการแบ่งแยก |
1:36:38 | |
1:36:41 | R:ในการตื่นรู้ คุณก็อาจจะพูดได้ |
เช่นเดียวกันว่า ไม่มีผู้ที่ตื่นรู้ | |
1:36:45 | มีแต่การตื่นรู้ |
1:36:46 | K:แน่นอนถูกต้องครับ |
1:36:49 | แต่มันมีคุณลักษณะที่แตกต่าง |
จากภาวะใส่ใจ | |
1:36:51 | R:แน่นอนครับ |
อย่างที่เราสนทนากันไปแล้ว... | |
1:36:53 | ...แต่ผมไม่อยากลงไป |
ในรายละเอียดของคำเหล่านี้... | |
1:36:55 | ...แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า |
เรื่องสติปัฏฐาน... | |
1:37:00 | ...ก็คือในสมาธิที่ปฏิบัติตาม |
สติปัฏฐานนั้น จะไม่มีการแบ่งแยก... | |
1:37:05 | ...ไม่มีการตัดสินให้ค่า |
ไม่มีความชอบหรือชัง | |
1:37:09 | มีแต่การเห็นเท่านั้น |
1:37:20 | และอะไรที่จะเกิด |
ก็จะเกิดขึ้นเองเมื่อท่านเห็น | |
1:37:25 | K:ในภาวะของการใส่ใจนั้น |
เกิดอะไรขึ้นหรือครับ | |
1:37:34 | R:นั่นเป็นการอธิบายอีกอย่างหนึ่ง |
1:37:37 | K:ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่การอธิบาย |
หากคุณใส่ใจอย่างสมบูรณ์... | |
1:37:40 | |
1:37:44 | ...ด้วยหูของท่าน ด้วยนัยน์ตา |
ด้วยสรรพางค์กาย... | |
1:37:46 | ...ด้วยประสาท |
ด้วยจิตใจทั้งหมดของคุณ... | |
1:37:49 | ...ด้วยหัวใจของคุณ |
ด้วยความรู้สึกแห่งความเอื้ออาทร... | |
1:37:52 | ...ความรักความเมตตา |
ภาวะใส่ใจอย่างสมบูรณ์... | |
1:37:57 | ...แล้วเกิดอะไรขึ้น |
1:37:59 | R:แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น |
ก็คือการปฏิวัติอย่างสิ้นเชิง... | |
1:38:04 | ...เป็นการปฏิวัติภายในอันสมบูรณ์ |
1:38:08 | K:ไม่ใช่ครับ สภาวะของจิตใจ |
ที่ใส่ใจอย่างเต็มที่นั้นเป็นอย่างไร | |
1:38:11 | |
1:38:19 | F:มันเป็นอิสระจากสายธารนั้น |
1:38:22 | K:ไม่นะครับ |
เรื่องนั้นเราพูดจบไปแล้ว | |
1:38:24 | R:สายน้ำนั้นแห้งไปแล้วครับ |
อย่าพูดถึงมันอีกเลย! (เสียงหัวเราะ) | |
1:38:30 | มันเป็นทะเลทรายไปแล้วครับ! |
(หัวเราะ) | |
1:38:33 | K:ผมกำลังถามว่า คุณลักษณะของจิตใจ |
ที่ใส่ใจอย่างสูงสุดนั้นเป็นอย่างไร | |
1:38:36 | |
1:38:43 | F:เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาครับ |
1:38:49 | K:มันปราศจากคุณลักษณะ |
หรือศูนย์กลางใดๆ | |
1:38:58 | มันไม่มีทั้งศูนย์กลางและขอบเขต |
1:39:01 | และนี่เป็นความเป็นจริง |
ที่คุณไม่อาจจะจินตนาการเอาได้เลย | |
1:39:07 | นั่นหมายความว่า... |
1:39:14 | ...เราเคยให้ความใส่ใจอย่างเต็มที่ |
ต่อความทุกข์โศกบ้างหรือเปล่า | |
1:39:19 | X:ในความใส่ใจนั้น |
มีสิ่งที่ถูกใส่ใจไหมครับ | |
1:39:26 | K:ไม่มีแน่ครับ |
1:39:28 | R:สิ่งที่ถูกใส่ใจในแง่ที่ว่า... |
1:39:31 | K:มีผู้ใส่ใจ |
และมีสิ่งที่ถูกใส่ใจครับ | |
1:39:32 | R:ทั้งผู้ใส่ใจและสิ่งที่ถูกใส่ใจ |
ใช่ครับ | |
1:39:37 | K:ไม่มีอย่างแน่นอน |
1:39:39 | เพราะไม่มีการแบ่งแยก |
1:39:43 | คุณลองดูนะครับ ทำดู ทำดูสักครั้ง |
1:39:46 | X:ผมไม่ได้หมายถึง |
สิ่งที่เป็นกายภาพเท่านั้นนะครับ... | |
1:39:50 | ...แต่สิ่งใดก็ตามที่ปรากฏขึ้น |
อะไรก็ได้... | |
1:39:52 | ...เช่นความทุกข์โศกฯลฯ |
1:39:59 | K:จงใส่ใจอย่างเต็มที่ครับ |
หากคุณทำได้ | |
1:40:05 | |
1:40:08 | เช่นผมบอกคุณว่า |
สมาธิคือผู้ที่ทำสมาธิ | |
1:40:16 | R:ถูกต้องครับ |
1:40:18 | มันไม่มีผู้ที่ทำสมาธิ |
1:40:23 | K:ช้าก่อนนะครับ ช้าก่อน! |
1:40:24 | ผมพูดว่า สมาธิคือผู้ทำสมาธิ |
1:40:29 | ลองให้ความใส่ใจ |
กับคำกล่าวนั้นอย่างเต็มที่ | |
1:40:46 | และดูว่าเกิดอะไรขึ้น |
1:40:51 | นั่นเป็นคำกล่าวที่คุณได้ยิน |
1:40:54 | และคุณก็ไม่สร้างภาวะนามธรรม |
จากคำกล่าวนั้นให้มันกลายเป็นแนวคิด... | |
1:40:57 | |
1:40:59 | ...คุณเพียงแต่ฟัง |
คำกล่าวนั้นเท่านั้น | |
1:41:00 | คำกล่าวมีคุณลักษณะแห่งสัจจะ... |
1:41:03 | ...มีคุณลักษณะ |
แห่งความงามอันยิ่งใหญ่... | |
1:41:06 | ...และมีนัยความหมาย |
แห่งความเป็นที่สุด | |
1:41:15 | ทีนี้คุณลองใส่ใจให้มันอย่างเต็มที่ |
และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น | |
1:41:40 | R:ผมคิดว่านั่นคือสมาธิแบบพุทธ |
หรือสติปัฏฐานล่ะครับ | |
1:41:48 | K:ผมไม่ทราบครับ |
1:41:51 | R:ใช่ครับ ผมรู้จักสติปัฏฐาน |
1:41:53 | K:ผมจะยอมรับคำพูดของคุณ |
แต่ผมไม่ทราบครับ | |
1:41:55 | R:ครับ |
1:42:01 | และผมคิดว่ามันคงจะไม่ |
เป็นการชี้นำไปผิดทาง... | |
1:42:03 | ...ที่จะยอมรับความเห็นของผม |
เกี่ยวกับสติปัฏฐานด้วย | |
1:42:05 | K:ไม่ครับ ไม่ (หัวเราะ) |
1:42:06 | ผมไม่ได้ว่ามันเป็นการชี้นำ |
ผิดทางหรือ... ผมไม่ทราบครับ | |
1:42:08 | R:นั่นคือสติปัฏฐานนะครับ |
1:42:12 | สมาธิแบบสติปัฏฐานที่แท้จริง |
เป็นอย่างนั้นครับ | |
1:42:14 | |
1:42:18 | แต่ทีนี้หากคุณถาม |
ผู้ที่ปฏิบัติสติปัฏฐาน... | |
1:42:21 | ...มีศูนย์ฝึกสมาธิมากมายหลายแห่ง... |
1:42:25 | ...ผมกล่าวได้อย่างเปิดเผยว่า |
พวกนั้นทำให้คนเข้าใจผิดไป | |
1:42:27 | K:ไร้สาระครับ |
แน่นอนสิ่งเหล่านั้นเหลวไหลไร้สาระ | |
1:42:29 | R:ผมเขียนถึงมัน |
อย่างเปิดเผยเลยล่ะครับ | |
1:42:31 | K:ครับ นั่นเป็นเรื่อง |
เหลวไหลไร้สาระ | |
1:42:34 | R:ครับ เพราะเมื่อคุณถามว่า |
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร... | |
1:42:36 | ...ผมจึงกล่าวว่า |
นั่นก็บ่งบอกถึงวิธีการหรือเทคนิค | |
1:42:38 | |
1:42:50 | K:มิได้ครับ ผมเพียงถามว่า |
เราสามารถใส่ใจเช่นนั้นได้หรือไม่ | |
1:42:55 | R:คุณถามว่า มันเป็นไปได้หรือไม่ |
ใช่ไหมครับ | |
1:43:00 | K:ครับ มันเป็นไปได้หรือเปล่า |
และคุณจะใส่ใจเช่นนั้นได้หรือไม่... | |
1:43:02 | ...ไม่ใช่ตัวคุณนะครับ |
ผมเพียงถามคำถามนั้น | |
1:43:10 | ซึ่งแท้ที่จริงคือถามว่า |
เราเคยใส่ใจไหม | |
1:43:20 | F:คุณครับ เมื่อท่านกล่าวว่า |
เราสามารถใส่ใจได้ไหม... | |
1:43:26 | K:แล้วคุณจะใส่ใจไหม |
จะพูดแบบไหนก็ได้ | |
1:43:28 | F:นั่นแหละครับ |
1:43:29 | K:แน่นอนครับ ไม่ใช่ใช้เจตจำนง |
มุ่งหมายที่จะใส่ใจนะครับ | |
1:43:31 | F:ไม่ใช่ครับ |
ผมเข้าใจครับ | |
1:43:34 | K:แล้วคุณจะทำไหม |
จงใส่ใจดู | |
1:43:37 | F:ในทันทีทันใดและอย่างเป็นธรรมชาติ |
1:43:52 | K:หากปราศจากการใส่ใจเยี่ยงนั้น |
สัจจะก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้ | |
1:44:05 | |
1:44:07 | R:ผมคิดว่าคงไม่เหมาะสมที่จะกล่าวว่า |
สัจจะไม่อาจดำรงอยู่ได้ | |
1:44:09 | สัจจะดำรงอยู่ |
แต่ยังไม่เป็นที่ประจักษ์แจ้ง | |
1:44:14 | K:เอ! ผมไม่ทราบครับ |
1:44:19 | คุณพูดว่าสัจจะดำรงอยู่ |
แต่ผมไม่ทราบ | |
1:44:22 | R:ครับ นั่นมิได้หมายความว่า |
สัจจะมิได้ดำรงอยู่ | |
1:44:24 | K:เอ! ผมไม่ทราบครับ |
ผมบอกแล้ว | |
1:44:28 | R:ถูกต้องครับ |
1:44:29 | K:ผมหมายความว่า พระเยซูตรัสว่า |
"พระบิดาในสรวงสวรรค์" | |
1:44:34 | แต่ผมไม่รู้จักพระบิดานั้น |
1:44:37 | R:(หัวเราะ) ครับ จริงทีเดียว |
1:44:43 | K:มันอาจจะดำรงอยู่ก็ได้ แต่ผมไม่ทราบ |
ดังนั้นผมจึงไม่ยอมรับ | |
1:44:44 | R:ไม่ยอมรับครับ |
1:44:47 | ผมไม่คิดว่า |
มันถูกต้องที่จะกล่าวว่า... | |
1:44:50 | ...หากปราศจากการใส่ใจแล้ว |
สัจจะก็ไม่มีอยู่ | |
1:44:58 | K:ผมกล่าวว่าหากปราศจากการใส่ใจ |
สัจจะก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ | |
1:45:00 | R:ไม่มีสัจจะเกิดขึ้นนะครับ |
1:45:01 | K:แน่นอนว่าไม่มีครับ |
R:นั่นก็ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน | |
1:45:03 | นั่นผิดนะครับ |
1:45:04 | K:ขอให้ผมลองพูดแบบอื่นดูนะครับ |
ตกลงนะครับ | |
1:45:08 | K:หากปราศจากภาวะใส่ใจนั้น |
คำว่า "สัจจะ" ก็จะไร้ความหมาย | |
1:45:14 | R:นั่นจะดีกว่าเดิมครับ |
1:45:19 | K:ผมได้กล่าวอย่างนั้นล่ะครับ |
1:45:21 | R:นั่นดีขึ้นครับ |
1:45:32 | K:เราได้คุยกันมานานถึงหนึ่งชั่วโมง |
กับอีกสี่สิบห้านาทีแล้วครับ | |
1:45:35 | ผมไม่ทราบว่ารถประจำทาง |
หรือรถไฟของคุณออกเมื่อไร | |
1:45:38 | R:ผมคิดว่าเราน่าจะหยุดกันตรงนี้ |
1:45:42 | K:เราควรจะหยุดได้แล้วครับ |
1:45:47 | R:ครับ และผมก็ขอบคุณ |
ในนามของทุกๆ คน... | |
1:45:48 | K:ไม่ต้องครับ |
1:45:51 | R:มิได้ครับ มิใช่ท่านครับ |
ผมขอบคุณคนเหล่านี้ต่างหาก | |