BR79T1 - อะไรจะทำให้เราเปลี่ยนแปลง
การพูดต่อสาธารณชนครั้งที่ 1
ที่บร็อกวู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
25 สิ
0:43  | ผมขอภัยครับ |
ดินฟ้าอากาศไม่ค่อยอำนวย | |
1:03  | ผมมั่นใจว่า |
1:05  | พวกคุณหลายคนมาที่นี่ |
พร้อมกับปัญหาของคุณ | |
1:14  | และคาดหวังว่าจากการสนทนานี้ |
ปัญหาทั้งหลายจะได้รับการแก้ไข | |
1:25  | ทว่าปัญหาเหล่านั้น |
จะแก้ไขได้ ก็ต่อเมื่อ | |
1:33  | เรารู้สึกตัวต่อตนเอง |
โดยปราศจากการเลือก | |
1:42  | และมีคุณสมบัติแห่งศาสนา |
ที่สมบูรณ์เป็นทั้งหมด | |
1:50  | คำว่า "ศาสนา" |
เราไม่ได้หมายถึงความเชื่อ | |
1:54  | ไม่ได้หมายถึงลัทธิคัมภีร์ |
หรือพิธีกรรมต่างๆ | |
1:59  | ไม่ได้หมายถึงเรื่องงมงาย |
ที่เป็นเครือข่ายแพร่หลายไปทั่ว | |
2:05  | แต่หมายถึงศาสนาในความหมาย |
ที่ลุ่มลึกของคำนั้น | |
2:08  | ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ |
2:11  | มีการตระหนักรู้ถึงตนเอง |
มีภาวะสมาธิ | |
2:19  | และนั่นคือสิ่งที่เราจะสนทนากัน |
2:22  | ในระหว่างการสนทนา |
ทั้งสี่ครั้งนี้ | |
2:29  | รวมทั้งการตอบคำถามสองครั้ง |
ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว | |
2:43  | เราจะสืบค้นในเรื่องเหล่านี้ |
อย่างลึกซึ้ง | |
2:50  | ไม่ใช่แค่เพียงการรู้ตัว |
แบบสบายๆ เป็นธรรมชาติ | |
2:59  | ต่อปัญหา |
เฉพาะของตัวเราเองเท่านั้น | |
3:04  | ปัญหาของเราก็สัมพันธ์กับ |
ปัญหาทั้งปวงของโลก | |
3:09  | เพราะว่ามนุษย์เรา |
3:12  | มีสภาพจิตใจ |
ที่ค่อนข้างจะเหมือนๆ กันทั้งโลก | |
3:17  | คุณอาจจะมีสีผิว |
มีวัฒนธรรมที่ต่างกัน | |
3:22  | มีความเคยชิน |
และธรรมเนียมที่ต่างกัน | |
3:27  | แต่แม้จะต่างกันอย่างนั้น |
3:32  | มนุษย์ทุกคน |
ล้วนผ่านความยากลำเค็ญ | |
3:37  | ผ่านความทุกข์โศก |
มาอย่างแสนสาหัส | |
3:39  | ผ่านความวิตกกังวล |
ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว | |
3:43  | ความสิ้นหวัง |
ความสลดหดหู่อันมหาศาล | |
3:49  | เมื่อไม่สามารถแก้ไขสภาพนั้นได้ |
3:54  | มนุษย์จึงแสวงหาทางรอด |
โดยพึ่งพิงผู้อื่น | |
4:03  | พึ่งพิงความเชื่อ |
หรือลัทธิต่างๆ | |
4:07  | และยอมรับอิทธิพลของผู้อื่น |
4:14  | ดังนั้น ในขณะที่เราสนทนากัน |
4:17  | พูดคุยถึงปัญหาเหล่านี้ด้วยกัน |
4:24  | หากเราเพียงแค่จำกัดตนเอง |
4:26  | อยู่ในปัญหาเล็กๆ น้อยๆ |
เฉพาะของตัวเราเองเท่านั้น | |
4:32  | การยึดเอาตนเอง |
เป็นศูนย์กลางความสำคัญเช่นนั้น | |
4:38  | จะทำให้จิตใจเราคับแคบยิ่งขึ้น |
4:45  | ถูกจำกัดมากขึ้น |
กลายเป็นการจองจำเสียมากกว่า | |
4:48  | |
4:54  | หากว่าในระหว่างการพูดสนทนา |
4:56  | |
4:59  | หรือการ ถาม-ตอบ คำถามนี้ |
5:03  | หากเราสามารถเชื่อมโยง |
ตัวเราเข้ากับมวลมนุษย์ | |
5:09  | |
5:17  | เชื่อมโยงกับมนุษยชาติทั้งปวง |
5:20  | เราเป็นส่วนหนึ่ง |
ของมวลมนุษยชาตินั้น | |
5:26  | พวกที่อยู่แถบตะวันออก |
เขาก็เป็นทุกข์มากพอ ๆ กับคุณ | |
5:32  | พวกเขามีความทุกข์โศกของเขา |
5:36  | ความไม่เป็นสุขของเขา |
5:39  | ความอ้างว้าง |
โดดเดี่ยวเดียวดายของเขา | |
5:43  | ความรู้สึกว่า |
ถูกสังคมละเลยทอดทิ้ง | |
5:49  | ไม่มีความมั่นคงปลอดภัย |
5:53  | ไม่มีความแน่นอนใจ |
5:56  | พวกเขาสับสนมาก |
พอๆ กับพวกเราที่นี่ | |
6:00  | ดังนั้น โดยพื้นฐาน |
ในด้านจิตใจ ในส่วนลึกแล้ว | |
6:05  | เราเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ |
6:09  | ผมคิดว่าเราต้องเข้าใจ |
เรื่องนี้กันให้ถ่องแท้ | |
6:13  | ไม่ใช่เข้าใจเพียงถ้อยคำ หรือ |
เข้าใจในระดับปัญญาความคิด | |
6:17  | หรือเข้าใจในเชิงเหตุผลเท่านั้น |
แต่เราต้องรู้สึกมันได้จริงๆ | |
6:22  | ไม่ใช่เป็นความรู้สึกอ่อนไหว |
หรือความคิดเพ้อฝัน | |
6:31  | แต่เข้าใจความเป็นจริง ว่าเรา |
เป็นส่วนหนึ่งของมวลมนุษยชาติ | |
6:35  | ฉะนั้น เราจึงมี |
ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ | |
6:48  | การจะนำมาซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน |
ของมนุษย์ทุกผู้ทุกคน | |
6:52  | |
6:58  | ก็มีแต่ศาสนาเท่านั้นที่จะทำได้ |
7:02  | ที่จะนำเราทุกคนมารวมกันได้ |
7:05  | ไม่ใช่การเมือง |
7:09  | ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ |
7:12  | ไม่ใช่ปรัชญาแนวใหม่ใดๆ |
7:16  | หรือการเจริญเติบโต |
ขยายตัวทางเศรษฐกิจ | |
7:24  | หรือองค์กรต่างๆ ทั้งหลาย |
7:27  | ไม่ว่าจะเป็นองค์กรทางการเมือง |
หรือศาสนา | |
7:29  | ไม่มีองค์กรใด |
ที่จะนำเรามารวมกันได้ | |
7:32  | รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน |
7:35  | ผมคิดว่า เราต้องตระหนัก |
ในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง | |
7:39  | ว่าไม่มีองค์กรใด |
7:43  | ไม่ว่าเป็นองค์กรทางการเมือง |
ศาสนา หรือเศรษฐกิจ | |
7:46  | หรือองค์กรสหประชาชาติ |
ในรูปแบบต่างๆ | |
7:53  | ไม่มีองค์กรใด |
ที่จะนำมนุษย์มารวมกันได้ | |
7:56  | มีแต่เพียงศาสนา |
ในความหมายที่ลึกซึ้งเท่านั้น | |
8:01  | |
8:08  | ที่จะนำเราทั้งหมดมารวมกันได้ |
8:12  | คำว่า "ศาสนา" ที่เราหมายถึงนั้น |
8:17  | ไม่ใช่สิ่งทั้งหลาย |
ที่กำลังเป็นไปในโลก | |
8:20  | ไม่ใช่เรื่องงมงายทั้งหลาย และ |
ความเชื่อต่าง ๆ ที่สร้างขึ้น | |
8:25  | ไม่ใช่ลำดับชั้นอำนาจ |
ที่จัดตั้งขึ้น | |
8:29  | ไม่ใช่ลัทธิต่างๆ พิธีกรรม หรือ |
ความเชื่อสารพัด | |
8:33  | ศาสนาไปพ้นจากสิ่งทั้งปวงนั้น |
8:37  | ศาสนาเป็นวิถีแห่งการดำรงชีวิต |
ในแต่ละวัน | |
8:46  | และหากเราสามารถไตร่ตรองด้วยกัน |
คิดร่วมกัน | |
8:50  | |
8:54  | ไม่ใช่คิดเกี่ยวกับเรื่องใด |
แต่หมายถึงมีศักยภาพ | |
8:57  | |
9:00  | ที่สามารถจะดู ฟัง |
และคิดร่วมกันได้ | |
9:04  | |
9:11  | เราจะทำเช่นนั้น |
ในระหว่างการสนทนานี้ ได้ไหม | |
9:16  | ไม่ใช่ว่าเราต้องเห็นพ้องกัน |
9:20  | หรือยอมรับความคิดเห็น |
หรือการตัดสินของกันและกัน | |
9:25  | แต่เราจะวางความคิดเห็น |
ของตัวเราเอง | |
9:32  | วางประสบการณ์ของเรา |
และข้อสรุปต่างๆ ของเรา | |
9:35  | |
9:37  | ถ้าเราละวางทั้งหมดนั้นได้ |
9:40  | และมีศักยภาพที่จะคิดร่วมกัน |
9:47  | ไม่ใช่คิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง |
9:51  | ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายดาย |
9:58  | แต่สามารถที่จะเห็น |
ในสิ่งเดียวกัน ร่วมกัน | |
10:05  | รับฟังสาระสำคัญ |
และความหมายนัยเดียวกัน | |
10:12  | ฟังถึงความลึกซึ้งของถ้อยคำ |
10:17  | ได้ยินบทเพลงเดียวกัน |
10:21  | ไม่ตีความไปตามความชอบ |
หรือความไม่ชอบของคุณเอง | |
10:25  | แต่ฟังไปด้วยกัน |
10:29  | เพราะผมคิดว่า |
มันเป็นเรื่องสำคัญมาก | |
10:35  | ที่สามารถจะคิดร่วมกันได้ |
10:41  | ไม่ใช่คิดในลักษณะของกลุ่ม |
10:47  | ที่มีความคิดเหมือนๆ กัน |
10:50  | มีมุมมองเหมือนกัน |
10:53  | มีทัศนะที่เหมือนกัน |
11:00  | แต่เมื่อได้ละวาง |
ทัศนคติจำเพาะของตน | |
11:07  | วางความเคยชินของความคิด |
11:10  | แล้วมาคิดร่วมกัน |
11:18  | อย่างเช่น เราสามารถคิดร่วมกัน |
เกี่ยวกับความเชื่อ | |
11:24  | เราสามารถถกเถียง หรือคัดค้านกัน |
เพื่อความเชื่อนั้น | |
11:28  | เราจะเห็นได้ว่า |
ความเชื่อมีความสำคัญเพียงใด | |
11:31  | ต่อการที่จะมี |
ความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ | |
11:36  | และเมื่ออยากได้ความมั่นคงนั้น |
เราจึงยอมเชื่ออะไรก็ได้ | |
11:47  | นี่คือสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในโลก |
11:52  | เราหลงเชื่อ ในสิ่งที่เบาปัญญา |
ไร้สาระเป็นที่สุด | |
11:56  | ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ศาสนา |
และในทุกๆ ด้าน | |
12:02  | ดังนั้น เราสามารถมาคิดร่วมกันได้ |
ในเรื่องความเชื่อ | |
12:05  | เราอาจเห็นด้วยบ้าง |
หรือไม่เห็นด้วยบ้าง | |
12:11  | แต่เรามาลองคิดแบบอื่นๆ กันบ้าง |
12:15  | ซึ่งไม่ใช่การคิด |
เกี่ยวกับเรื่องใด | |
12:19  | แต่เป็นการคิดร่วมกัน |
12:22  | ไม่ทราบว่า ผมสื่อได้ชัดเจนไหม |
12:33  | ปรากฏว่าไม่มีแม้เพียงแค่สองคน |
ที่สามารถจะคิดร่วมกันได้ | |
12:38  | นอกจากเมื่อมีหายนะภัยบางอย่าง |
12:43  | เมื่อมีความทุกข์โศกอย่างมหันต์ |
12:48  | หรือเมื่อมีวิกฤตการณ์ เมื่อนั้น |
ผู้คนจึงมารวมกันและคิดร่วมกัน | |
12:55  | เช่นเมื่อเกิดสงคราม |
หรือวิกฤติอื่นๆ | |
13:01  | มักจะเป็นการคิดร่วมกันเกี่ยวกับ |
อะไรบางอย่างอยู่เสมอ ใช่ไหม | |
13:08  | |
13:11  | แต่สิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่นี้ |
คือการคิดร่วมกัน | |
13:19  | ซึ่งจะเป็นเไปได้ก็ต่อเมื่อ |
เราลืมตัวเราเสียชั่วขณะ เท่านั้น | |
13:25  | วางปัญหาของเรา แนวโน้มของเรา |
13:29  | วางความสามารถทางปัญญาความคิด |
และอะไรต่อมิอะไร | |
13:32  | แล้วมาเข้าใจด้วยกัน |
13:40  | ซึ่งต้องอาศัยความรู้สึกใส่ใจ |
ระดับหนึ่ง | |
13:46  | ต้องรู้ตัวอยู่ระดับหนึ่ง |
13:53  | ว่าเราทุกคนร่วมอยู่ด้วยกัน |
13:59  | ในการคิดลักษณะนี้ |
14:01  | ผมไม่ทราบว่าจะชี้แจงอย่างไร |
ให้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ | |
14:05  | เราจะทำเช่นนี้กับทุกๆ ปัญหาของเรา |
ได้ไหม | |
14:10  | |
14:13  | เราอาจจะคิดร่วมกันได้ |
เกี่ยวกับปัญหาของเรา | |
14:17  | แต่การจะมีศักยภาพ |
ที่จะคิด ในระดับเดียวกัน | |
14:21  | |
14:25  | อย่างเข้มข้นจริงจังเหมือนกัน |
14:30  | ไม่ใช่คิดในเรื่องใด |
แต่เป็นความรู้สึกที่จะคิดร่วมกัน | |
14:32  | |
14:36  | ผมไม่ทราบว่า คุณเข้าใจไหม |
14:45  | ถ้าเราทำเช่นนั้นได้ |
14:49  | เราสามารถจะคิดร่วมกันได้ |
ในหลายๆ สิ่ง | |
14:57  | นั่นหมายถึง มีอิสรภาพ |
ในลักษณะหนึ่ง | |
15:02  | เป็นการไม่ยึดติด ลักษณะหนึ่ง |
15:06  | ซึ่งไม่ได้เกิดจากใช้กำลัง |
หรือการบีบบังคับ | |
15:09  | หรือการผลักดัน |
15:13  | แต่เป็นอิสรภาพ |
จากภูมิหลังของตัวเราเอง | |
15:18  | |
15:24  | แล้วมาเข้าใจร่วมกัน |
15:35  | เพราะการทำเช่นนี้สำคัญมากจริงๆ |
15:43  | ในเมื่อเราต้องการ |
สร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม | |
15:52  | นักปรัชญาได้พูดเรื่องนี้ไว้แล้ว |
15:55  | ชาวกรีกโบราณ ชาวฮินดูโบราณ |
15:59  | และชาวจีนได้พูดมาแล้ว |
16:02  | ถึงการสร้างสังคมอันดีงาม |
16:07  | นั่นคือ สร้างขึ้นในอนาคต |
ในอนาคตข้างหน้า | |
16:10  | |
16:13  | เราจะสร้างสังคมที่ดีงาม |
ให้เป็นไปตามอุดมคติ ตามแบบแผน | |
16:15  | |
16:18  | ตามความรู้สึกบางอย่างในอุดมคติ |
และอื่นๆ | |
16:27  | แต่เท่าที่เราได้รู้ |
ได้เห็น มาทั่วโลก | |
16:30  | สังคมอันดีงาม |
ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย | |
16:35  | อาจจะมีคนดีอยู่บ้าง |
16:39  | มันยากขึ้นๆเรื่อยๆ |
ที่จะเป็นคนดีอยู่ในโลกนี้ | |
16:47  | และ เราก็มองไปยังอนาคตอยู่เสมอ |
16:50  | เพื่อจะสร้างสังคมที่ดีงามขึ้นมา |
16:55  | ดีในความหมายที่ |
16:57  | ผู้คนอาศัยอยู่บนโลกนี้ |
ได้อย่างสุขสงบ | |
17:01  | ปราศจากสงคราม |
ปราศจากการเข่นฆ่ากัน | |
17:07  | ปราศจากการแก่งแย่งชิงดีกัน |
ซึ่งหมายถึงอิสรภาพมหาศาล และอื่นๆ | |
17:10  | |
17:15  | เราจะยังไม่นิยามคำว่า |
ความดีงามในขณะนี้ | |
17:19  | เพราะคำนิยามของ ความดีงาม |
ไม่อาจทำให้เราเป็นคนดีได้ | |
17:28  | ดังนั้น เรามาคิดร่วมกันได้ไหม |
17:37  | การคิดร่วมกันจำเป็นที่สุด |
สำหรับสังคมอันดีงาม | |
17:41  | |
17:46  | สังคม คือสภาพที่เราเป็นอยู่ |
17:50  | สังคมไม่ได้เกิดขึ้นอย่างลึกลับ |
17:55  | มันไม่ได้เสกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า |
มนุษย์นั่นแหละสร้างสังคมนี้ | |
17:57  | |
17:59  | พร้อมกับสงครามทั้งหลาย |
และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินอยู่นี้ | |
18:02  | เราไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงรายละเอียด |
ของความน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้น | |
18:12  | และสังคมนั้น คือสภาพที่เราเป็นอยู่ |
สิ่งที่มนุษย์แต่ละคนเป็นอยู่ | |
18:16  | |
18:22  | นั่นเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน |
18:26  | นั่นก็คือ เราสร้างสังคมนี้ขึ้นมา |
พร้อมๆกับการแบ่งแยกทั้งหลายด้วย | |
18:30  | |
18:33  | พร้อมกับความขัดแย้ง |
พร้อมกับความน่าสะพรึงกลัว | |
18:37  | พร้อมกับความไม่เท่าเทียมกัน |
18:40  | และอะไรต่อมิอะไรทั้งหมด |
18:42  | เพราะภายในตัวเราเอง |
เราเป็นเช่นนั้น | |
18:46  | ในความสัมพันธ์ต่อกันของเรา |
เราเป็นเช่นนั้น | |
18:51  | เราอาจจะมีความอดทน |
อดกลั้นอยู่บ้าง | |
18:56  | มีความรัก เอื้อเอ็นดูอยู่บ้าง |
ในความสัมพันธ์ส่วนตัว | |
19:01  | แต่นั่นก็ยังน่ากังขาอยู่ |
19:06  | แต่กับผู้คน กับคนอื่นๆ |
เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น | |
19:14  | ซึ่งก็เห็นได้ |
ค่อนข้างชัด อีกเช่นกัน | |
19:16  | เมื่อคุณอ่านหนังสือพิมพ์ |
และนิตยสารต่างๆ | |
19:19  | เมื่อคุณเห็นได้จริงๆ |
ถึงสภาพที่ดำเนินอยู่ | |
19:24  | ดังนั้น |
สังคมอันดีงามจะเกิดขึ้นได้ | |
19:28  | |
19:32  | ไม่ใช่เกิดขึ้นในอนาคต |
แต่เกิดขึ้นได้ในขณะนี้ เท่านั้น | |
19:35  | เมื่อมนุษย์เรา |
19:36  | ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ |
ที่ถูกต้องระหว่างกัน | |
19:41  | นั่นเป็นไปได้ไหม |
19:44  | ซึ่งไม่ใช่ในอนาคตข้างหน้า |
19:49  | แต่ก่อให้เกิดขึ้นจริงๆ |
ในปัจจุบัน | |
19:52  | ในชีวิตแต่ละวันของเรา |
19:56  | เราจะสร้างสัมพันธภาพ |
ที่ดีงามอย่างแท้จริง ได้ไหม | |
20:01  | "ดี" โดยปราศจากการครอบงำ |
20:07  | ปราศจากผลประโยชน์ส่วนตัว |
20:11  | ปราศจากความทนงตน |
ความทะยานอยาก และอื่นๆ | |
20:14  | |
20:16  | เพื่อว่าจะมี |
ความสัมพันธ์ระหว่างกัน | |
20:21  | และโดยแก่นแท้ของความสัมพันธ์นั้น |
ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรัก | |
20:27  | หากผมจะใช้คำว่าความรักได้ |
ผมหวังว่าคุณคงไม่ว่ากระไร | |
20:39  | นั่นเป็นไปได้ไหม |
20:46  | เป็นไปได้ไหม |
ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ปุถุชน | |
20:50  | ผู้อาศัยอยู่ในโลกอันเลวร้าย |
ที่เราสร้างมันขึ้นมา | |
20:59  | เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง |
อย่างสิ้นเชิงได้ไหม | |
21:02  | |
21:06  | นั่นคือประเด็นสำคัญ |
21:11  | นักปรัชญาบางคน |
และคนอื่นๆ กล่าวไว้ว่า | |
21:16  | สภาพที่ถูกครอบงำของมนุษย์ไม่อาจ |
เปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนได้ | |
21:21  | คุณอาจจะปรับปรุง ขัดเกลาได้บ้าง |
ทำให้มันประณีตขึ้นบ้าง | |
21:24  | |
21:27  | แต่คุณสมบัติพื้นฐานของสภาพ |
ที่ถูกครอบงำ คุณเปลี่ยนแปลงไม่ได้ | |
21:33  | |
21:37  | มีผู้คนมากมายที่คิดเช่นนั้น |
21:41  | เช่น พวกนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม |
(ผู้ศึกษาสภาพความเป็นมนุษย์) ฯลฯ | |
21:50  | เพราะเหตุใดเราจึงยอมรับ |
การถูกครอบงำของเรา | |
21:56  | ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ |
สิ่งที่เรากำลังพูดอยู่นี้นะครับ | |
21:59  | เพราะเหตุใด |
เราจึงยอมรับการถูกครอบงำ | |
22:03  | ซึ่งนำไปสู่โลกที่บ้าคลั่ง |
โลกที่พิกลพิการ | |
22:05  | |
22:14  | โลกที่เราต้องการสันติภาพ |
แต่เรากลับสร้างสมอาวุธสงคราม | |
22:19  | โลกที่เราต้องการสันติภาพ |
แต่เราแบ่งแยกกันโดยชาตินิยม | |
22:24  | แบ่งแยกกันทางเศรษฐกิจ ทางสังคม |
22:27  | เราต้องการสันติภาพ แต่ศาสนาต่างๆ |
กำลังทำให้เราแตกแยกกัน | |
22:32  | เช่นเดียวกับองค์กรทั้งหลาย |
22:36  | โลกภายนอกขัดแย้งกันอย่างมหันต์ |
เหมือนกับภายในตัวเรา | |
22:40  | |
22:46  | ผมสงสัยว่า เราตระหนัก |
ถึงสิ่งเหล่านี้ในตัวเราหรือเปล่า | |
22:52  | ไม่เพียงสภาพที่ |
กำลังเกิดอยู่ข้างนอกเท่านั้น | |
22:56  | เราส่วนใหญ่รู้ |
ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นภายนอก | |
23:01  | คุณไม่จำเป็นต้องฉลาดมากมาย |
เพียงสังเกตดูก็รู้ได้ | |
23:09  | และความสับสนวุ่นวายข้างนอกนั้น |
23:12  | ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด |
อิทธิพลครอบงำ | |
23:19  | เราถามว่า |
23:21  | เป็นไปได้ไหม |
ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ | |
23:25  | ในตัวเราอย่างสิ้นเชิง |
23:30  | เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นเท่านั้น |
ที่เราจะมีสังคมอันดีงามได้ | |
23:37  | สังคมที่เราไม่ทำร้ายกัน |
23:40  | ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจหรือร่างกาย |
23:47  | เมื่อเราถามคำถามนี้ต่อตนเอง |
23:54  | การตอบสนองลึกๆ ในใจเรา |
ต่อคำถามนั้น คืออะไร | |
24:05  | เราถูกอิทธิพลครอบงำอยู่ |
24:08  | ไม่ใช่แค่ครอบงำให้เป็นชาวอังกฤษ |
เยอรมัน ฝรั่งเศส และอื่นๆ | |
24:14  | แต่เรายังถูกครอบงำโดย |
ความปรารถนาในรูปแบบต่างๆด้วย | |
24:20  | โดยความเชื่อทั้งหลาย |
24:26  | ความเพลิดเพลินใจ |
24:31  | และความขัดแย้ง |
ความขัดแย้งนานา ทางจิตใจ | |
24:34  | ทั้งหมดนั้นมีส่วนทำให้เกิด |
การครอบงำนี้ และอื่นๆ อีกมาก | |
24:39  | เราจะสืบค้นเข้าไปในเรื่องนี้ |
24:41  | เรากำลังถามตนเอง |
24:45  | กำลังคิดร่วมกัน |
24:50  | ผมหวังว่าเรากำลังคิด |
ร่วมกันอยู่ | |
24:53  | ว่าเป็นไปได้ไหม |
ที่อิทธิพลครอบงำนี้ | |
24:57  | เป็นไปได้ไหมที่กรงขังมนุษย์นี้ |
25:06  | รวมทั้งความเศร้าโศก ความอ้างว้าง |
ความกังวลใจที่มากับมัน | |
25:12  | อีกทั้งข้อกล่าวอ้างต่างๆ |
ของตนเอง | |
25:16  | ความต้องการส่วนตัว การเติมเต็ม |
ความปรารถนาของตน และะอื่นๆ | |
25:19  | นั่นคือสภาพที่ถูกครอบงำของเรา |
25:21  | นั่นคือจิตสำนึกของเรา |
25:28  | และจิตสำนึกของเรา |
ก็คือ เนื้อหาของมัน | |
25:36  | แล้วเราถามว่า |
25:38  | เป็นไปได้ไหมที่โครงสร้างทั้งหมด |
จะเปลี่ยนใหม่โดยสิ้นเชิง | |
25:46  | ไม่เช่นนั้น |
เราจะไม่มีสันติภาพในโลกนี้เลย | |
25:55  | อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง |
แค่เล็กๆน้อยๆ | |
26:00  | แต่มนุษย์จะยังคงสู้รบกัน |
ทะเลาะเบาะแว้งกัน | |
26:04  | อยู่กับความขัดแย้งภายในตนเอง |
และภายนอกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด | |
26:13  | นั่นแหละคือคำถามของเรา |
26:21  | เราจะคิดเรื่องนี้ร่วมกันได้ไหม |
26:31  | จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า |
แล้วเราจะทำอย่างไรดี | |
26:40  | เรารู้ตัวว่า เราถูกครอบงำ |
รู้อยู่ สำนึกอยู่ | |
26:44  | |
26:50  | การครอบงำนี้เกิดขึ้น |
จากความอยากของเราเอง | |
26:58  | จากความเห็นแก่ตัวทั้งหลาย |
27:06  | จากการไม่มีสัมพันธภาพ |
ที่ถูกต้องต่อกัน | |
27:14  | จากความรู้สึกอันอ้างว้าง |
ว่างเปล่าของตนเอง | |
27:20  | แม้เราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย |
27:22  | มีความสัมพันธ์ |
ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน | |
27:27  | แต่ภายในจิตใจตนเอง |
ยังคงรู้สึกว่างเปล่าอยู่เสมอ | |
27:30  | |
27:36  | ทั้งหมดนั้น |
คือสภาพที่เราถูกครอบงำอยู่ | |
27:40  | ถูกครอบงำทางความคิด |
ทางจิตใจ ทางอารมณ์ | |
27:44  | ตลอดจนทางกายตามธรรมชาติด้วย |
27:48  | ดังนั้น เป็นไปได้ไหมที่ทั้งหมดนี้ |
จะเปลี่ยนแปลงใหม่โดยสิ้นเชิง | |
27:54  | ผมรู้สึกว่า |
นั่นแหละคือการปฏิวัติอย่างแท้จริง | |
28:01  | เป็นการปฏิวัติที่ไม่มีความรุนแรง |
28:09  | แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงด้วยกันได้ไหม |
28:14  | หรือถ้าคุณเปลี่ยนแปลง |
28:16  | ถ้าคุณเข้าใจสภาพที่ถูกครอบงำ |
28:20  | และสลายสภาพที่ถูกครอบงำนั้น |
28:27  | แต่อีกคนหนึ่ง ยังถูกครอบงำอยู่ |
28:30  | คนที่ถูกครอบงำอยู่นั้น |
จะรับฟังอีกคน ได้ไหม | |
28:34  | คุณเข้าใจไหม |
28:39  | ถ้าหากคุณไม่ถูกครอบงำอีกแล้ว |
28:41  | ผมจะรับฟังคุณไหม |
28:47  | แล้วอะไรที่จะทำให้ผมรับฟังคุณ |
28:53  | แรงกดดันใดหรือ |
28:57  | อิทธิพลใด |
28:59  | รางวัลใด |
29:05  | อะไรหรือ ที่จะทำให้ผมฟังคุณ |
29:10  | ฟังด้วยหัวใจของผม ด้วยจิตของผม |
ฟังด้วยทั้งชีวิตของผม | |
29:15  | เพราะถ้าเราสามารถฟัง |
อย่างสมบูรณ์แล้ว | |
29:23  | ทางแก้ปัญหาอาจจะอยู่ตรงนั้นก็ได้ |
29:27  | แต่ดูเหมือนว่า เราไม่ได้ฟังเลย |
29:34  | ดังนั้น เราจึงถามว่า |
29:36  | อะไรจะทำให้มนุษย์คนหนึ่ง |
เปลี่ยนแปลง | |
29:40  | ในเมื่อเขารู้ว่าเขาถูกครอบงำอยู่ |
พวกเราส่วนใหญ่ก็รู้ | |
29:45  | หากคุณตระหนักรู้ด้วยปัญญาจริงๆ |
29:50  | อะไรที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้ |
29:56  | โปรดถามคำถามนี้กับตัวเราเอง |
ขอให้เราแต่ละคนค้นหาว่า | |
30:01  | อะไรที่จะทำให้เราแต่ละคน |
เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ | |
30:07  | เป็นอิสระจากสภาพที่ถูกครอบงำนี้ |
30:12  | โดยไม่กระโดด |
ไปสู่อิทธิพลครอบงำอื่น | |
30:18  | เหมือนกับทิ้งการเป็นชาวคาทอลิก |
แล้วไปเป็นชาวพุทธ | |
30:22  | มันก็ยังอยู่ในรูปแบบเดิม |
30:32  | ดังนั้น อะไรที่จะทำให้เรา |
เราแต่ละคน | |
30:38  | เราเองผู้ที่ค่อนข้างมั่นใจ |
30:42  | ผู้ปรารถนา |
ที่จะทำให้เกิดสังคมอันดีงาม | |
30:47  | อะไรจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงใหม่ |
30:58  | มีการให้สัญญาว่า เมื่อเปลี่ยนแล้ว |
จะได้รางวัลตอบแทน | |
31:03  | มีของล่อใจใหม่ๆ เช่น สรวงสวรรค์ |
31:08  | อุดมการณ์ใหม่ ชุมชนใหม่ |
31:14  | กลุ่มใหม่ คุรุคนใหม่ |
31:17  | |
31:20  | |
31:22  | มีรางวัล หรือ การลงโทษ |
31:25  | "ถ้าเธอไม่ทำอย่างนี้ เธอก็จะตกนรก" |
31:30  | ฉะนั้น การคิดทั้งหมดของเรานั้น |
31:31  | ล้วนตั้งอยู่บนหลักการของ |
การได้รางวัลและการถูกลงโทษ | |
31:37  | "ผมจะทำอย่างนั้น |
ถ้าทำแล้วผมได้อะไรบางอย่าง" | |
31:45  | แต่ทัศนคติเช่นนั้น |
หรือวิธีคิดเช่นนั้น | |
31:49  | ไม่ทำให้เกิด |
การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง | |
31:54  | แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง |
เป็นสิ่งจำเป็นสูงสุด | |
31:59  | ผมแน่ใจว่า เราทุกคน |
ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี | |
32:07  | ดังนั้น เราควรจะทำอย่างไร |
32:10  | พวกคุณบางคน |
32:13  | ฟังผู้พูดมานานหลายปี |
32:22  | ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใด |
32:28  | เมื่อได้ฟังแล้ว |
มันกลับกลายเป็นมนตราชนิดใหม่ | |
32:31  | |
32:35  | คุณรู้ไหมว่า มนตรานั้นหมายถึงอะไร |
32:38  | มันเป็นคำในภาษาสันสกฤต |
32:41  | ความหมายที่แท้จริงก็คือ |
32:45  | การไม่เอาตนเอง |
เป็นศูนย์กลางความสำคัญ | |
32:53  | และการพินิจใคร่ครวญ |
ในการ"ไม่เป็น" อะไรเลย | |
32:56  | |
32:59  | นั่นคือความหมายของคำนั้น |
มนตราหมายความอย่างนั้น | |
33:04  | ละทิ้งการเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง |
33:14  | และพินิจใคร่ครวญ เฝ้าสังเกต |
33:16  | มองดูตนเอง |
เพื่อว่าคุณจะ "ไม่เป็น" อะไรเลย | |
33:21  | นั่นคือความหมายที่แท้จริง |
ของคำๆ นั้น | |
33:24  | ซึ่งถูกทำให้ผิดเพี้ยนเสียหาย |
33:26  | โดยเรื่องไร้สาระ เช่น |
การทำสมาธิเพื่อไปเหนือโลก(T.M.) | |
33:34  | ฉะนั้น เมื่อพวกคุณบางคน |
ได้ฟังมาแล้วหลายปี | |
33:45  | เรารับฟัง และฉะนั้น |
จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง | |
33:51  | หรือคุณได้แต่คุ้นเคยกับศัพท์แสง |
ถ้อยคำ แล้วดำเนินชีวิตดังเดิม | |
33:56  | |
34:01  | เราจึงถามว่า |
34:02  | อะไรจะทำให้มนุษย์ |
ทำให้คนคนหนึ่ง | |
34:06  | ผู้มีชีวิตมาหลายล้านปีแล้ว |
34:10  | และยังคงดำเนินชีวิตดังเดิม |
34:14  | สืบสัญชาตญาณเดิม |
34:18  | ที่ปกป้องตนเอง หวาดกลัว |
ต้องการความมั่นคงปลอดภัย | |
34:24  | รู้สึกห่วงกังวลต่อตนเอง จึงทำให้ |
เกิดความโดดเดี่ยวอย่างใหญ่หลวง | |
34:28  | |
34:32  | อะไรจะทำให้มนุษย์ผู้นั้น |
เปลี่ยนแปลงได้ | |
34:46  | พระเจ้าองค์ใหม่หรือ |
34:51  | ความบันเทิงรูปแบบใหม่หรือ |
34:56  | เกมส์การแข่งขันทางศาสนา |
แบบใหม่ๆ หรือ | |
35:02  | สังเวียนการแสดงชนิดใหม่ |
และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นหรือ | |
35:09  | อะไรจะทำให้เราเปลี่ยนแปลง |
35:15  | เท่าที่รู้ ที่เห็น ความทุกข์โศก |
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมนุษย์ | |
35:22  | เพราะว่าเราได้ทุกข์ทรมานมาแล้ว |
อย่างแสนสาหัส | |
35:26  | ไม่เฉพาะทุกข์ของแต่ละคน |
แต่ความทุกข์ที่ร่วมกัน | |
35:29  | ทุกข์ของปวงมนุษยชาติ |
เราทุกข์ทรมานมาแล้วอย่างมหันต์ | |
35:34  | จากสงคราม โรคภัย ความเจ็บปวด |
และความตาย | |
35:38  | |
35:44  | เราทุกข์ทรมานกันมาอย่างใหญ่หลวง |
35:48  | และปรากฎชัดว่า ความทุกข์โศก |
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเราเลย | |
35:57  | ความกลัวก็เช่นกัน |
36:06  | ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรา |
36:09  | เพราะว่าใจของเราไขว่คว้า |
แสวงหาตลอดเวลา | |
36:13  | เพื่อให้ได้ความสุขเพลิดเพลิน |
36:16  | แม้ว่าความเพลิดเพลินนั้น |
จะเป็นความเพลิดเพลินเดิมๆ | |
36:19  | ในรูปแบบต่างออกไป |
ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรา | |
36:23  | ฉะนั้น อะไรจะทำให้เราเปลี่ยนแปลง |
36:33  | ดูเหมือนเราจะไม่สามารถทำอะไร |
ได้โดยสมัครใจ | |
36:41  | เราจะทำอะไรๆ ก็ต่อเมื่อถูกกดดัน |
36:48  | จะไม่ทำ ถ้าไม่มีแรงกดดัน |
36:51  | ถ้าไม่รู้สึกว่าจะได้รับผลตอบแทน |
หรือได้รับโทษ | |
36:54  | แต่เรื่องผลตอบแทนและการลงโทษนั้น |
เป็นเรื่องโง่ที่จะนำมาคิด | |
37:01  | ถ้าไม่รู้สึกไปถึงอนาคตข้างหน้า |
เราก็ไม่ทำ | |
37:06  | ผมไม่ทราบว่า คุณเคยไตร่ตรอง |
คำถามเกี่ยวกับอนาคตบ้างไหม | |
37:09  | ซึ่งอนาคตอาจจะเป็นสิ่งหลอกลวง |
ในจิตใจของเรา | |
37:11  | |
37:16  | เราจะพิจารณากันต่อไป |
37:19  | ถ้าคุณละทิ้งสิ่งทั้งหมดนั้นได้ |
37:26  | แล้วสภาวะของจิตใจคุณ |
37:30  | ที่เผชิญอยู่กับปัจจุบันขณะ |
อย่างเต็มที่ จะเป็นเช่นไร | |
37:34  | คุณเข้าใจคำถามของผมไหม |
37:38  | เราสื่อถึงกันอยู่หรือเปล่า |
37:41  | โปรดบอกด้วยว่าสื่อกันเข้าใจหรือไม่ |
เพราะผมไม่ทราบว่าพวกเราอยู่ตรงไหน | |
37:50  | ผมหวังว่า ผมไม่ได้พูดให้ตนเองฟัง |
38:01  | ถ้าเราตระหนักได้ว่า |
เราติดอยู่ในคุก | |
38:06  | คุกที่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้น |
38:12  | ตนเองซึ่งเป็นผลมาจากอดีต |
38:15  | จากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และอื่นๆ |
38:17  | ถ่ายทอดกันมา ได้รับมา |
หรือถูกยัดเยียดให้มา | |
38:25  | นั่นคือคุกทางจิตใจ |
ที่เราอาศัยอยู่ | |
38:37  | และสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ |
ก็จะแหวกฝ่าออกจากคุกนั้น | |
38:50  | ทีนี้ เราตระหนักกันหรือยังว่า |
เป็นอย่างนั้น | |
38:55  | ไม่ใช่ตระหนักอย่างเป็นแนวคิด |
38:58  | ไม่ใช่อย่างเป็นข้อสรุปรวบยอด |
แต่ตระหนัก ตามที่เป็นอยู่จริงๆ | |
39:03  | ตามสภาพจิตใจที่เป็นอยู่จริงๆ |
39:08  | เมื่อเราเผชิญอยู่กับความจริงนั้น |
39:16  | เหตุใดจึงยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้ |
39:23  | คุณเข้าใจคำถามผมหรือเปล่า |
39:41  | นี่คือปัญหา |
39:45  | เป็นปัญหาสำหรับผู้คนที่จริงจัง |
39:50  | สำหรับทุกคนที่เป็นห่วงเป็นใย |
ต่อภัยพิบัติของมนุษย์ | |
39:58  | ต่อความทุกข์ทรมานของมนุษย์ |
40:04  | และถามตนเองว่า ทำไมพวกเราทุกคน |
40:09  | จึงไม่ทำให้เกิดความกระจ่างแจ้ง |
ในตนเอง | |
40:14  | เกิดความรู้สึกถึงอิสรภาพ |
40:18  | ความรู้สึกถึงการเป็นคนดี |
โดยธาตุแท้ | |
40:26  | ไม่ทราบว่า คุณสังเกตเห็นไหม |
ว่าบรรดานักคิด | |
40:29  | นักประพันธ์ นักเขียน |
40:31  | และบุคคลที่ได้ชื่อว่า |
เป็นผู้นำของโลก | |
40:36  | พวกเขาต่างก็ไม่พูด |
ถึงการก่อให้เกิดสังคมอันดีงาม | |
40:39  | พวกเขาเลิกรากันไปหมดแล้ว |
40:45  | เมื่อวันก่อน |
เราได้คุยกับบุคคลเหล่านี้บางคน | |
40:47  | พวกเขากล่าวว่า |
"ช่างเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี" | |
40:49  | "นั่นเป็นเรื่องล้าสมัย |
ทิ้งมันไปเถิด" | |
40:52  | "ไม่มีสิ่งที่เป็นสังคมอันดีงาม |
อยู่อีกแล้ว" | |
40:56  | "นั่นเป็นเรื่องสมัยวิคตอเรีย |
ที่โง่เขลา ไร้สาระ" | |
41:02  | "เราต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง |
และอยู่กับมัน" | |
41:07  | บางทีพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น |
41:17  | ดังนั้น คุณกับผม |
ในฐานะที่เราทั้งสองเป็นเพื่อนกัน | |
41:22  | พูดคุยกันถึงเรื่องเหล่านี้ |
แล้วเราจะทำอย่างไร | |
41:30  | ความเป็นผู้รู้ของคนอื่น |
ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลง | |
41:33  | ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง |
ใช่ไหม | |
41:39  | ถ้าผมยอมรับคุณ |
ให้เป็นผู้รู้ของผม | |
41:42  | เพราะผมต้องการเปลี่ยนแปลง |
อย่างถอนรากถอนโคนในตัวผม | |
41:46  | และบางทีอาจจะทำให้เกิดสังคม |
ที่ดีงามได้ | |
41:50  | ความคิดที่ว่า ผมเชื่อฟังคุณ |
41:55  | คุณสั่งสอนผมนั่นแหละ |
ที่ทำให้สังคมอันดีงามสิ้นสุดลง | |
41:59  | |
42:01  | ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจไหม |
42:05  | ผมเป็นคนไม่ดี |
แต่คุณสอนให้ผมเป็นคนดี | |
42:15  | หรือผมยอมรับคุณ |
ว่าเป็นผู้รู้สูงสุด | |
42:21  | ในเรื่องศีลธรรมคุณธรรม |
และผมก็เชื่อฟังคุณ | |
42:23  | การยอมรับผู้รู้ |
และการเชื่อฟังนั่นแหละ | |
42:28  | ที่ทำลายสังคมอันดีงามโดยแท้ |
42:34  | มันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ |
42:35  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม |
42:44  | เรามาพูดคุยเรื่องนี้ |
ให้ลึกลงไปอีก ดีไหม | |
42:48  | ถ้าผมมีผู้รู้อยู่คนหนึ่ง |
ขอบคุณพระเจ้า ที่ผมไม่มี | |
42:52  | ถ้าผมมีผู้รู้อยู่คนหนึ่ง |
และผมเชื่อฟังเขา | |
42:59  | ผมได้ทำอะไรต่อตัวผมเองหรือ |
43:02  | ผมทำอะไรกับโลก |
43:07  | ไม่ได้ทำอะไรเลย |
43:09  | เขาสอนผมในเรื่องไร้สาระ |
43:12  | ว่าให้ทำสมาธิอย่างไร |
ทำอย่างนี้ หรืออย่างนั้น | |
43:14  | แล้วผมจะได้ประสบการณ์มหัศจรรย์ |
หรือตัวลอยอยู่ในอากาศได้ | |
43:18  | และเรื่องไร้สาระอื่นๆ ทั้งหลาย |
43:23  | แต่ความตั้งใจของผม |
คือการสร้างสังคมอันดีงาม | |
43:30  | ที่ที่เราจะมีความสุขได้ |
ที่ที่มีความรัก ความเอื้ออารี | |
43:32  | |
43:36  | มีความสัมพันธ์ต่อกัน |
จนไม่มีอุปสรรคขวางกั้น | |
43:39  | นั่นคือสิ่งที่ผมปรารถนาเฝ้ารอคอย |
43:42  | ผมไปหาคุณ ในฐานะที่คุณเป็น |
ผู้รู้ของผม ผมได้ทำอะไรลงไปหรือ | |
43:45  | ผมได้ทำลายสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ |
43:52  | เพราะอิทธิพลอำนาจของผู้รู้ |
43:57  | ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของกฎหมาย |
และอื่นๆ ทำนองนั้น | |
44:00  | อำนาจของความเป็นผู้รู้ทางจิตใจ |
ทำให้เกิดการแบ่งแยก | |
44:06  | โดยธรรมชาติของอำนาจนั้น |
มันเป็นตัวแบ่งแยกอยู่แล้ว | |
44:12  | คุณอยู่เหนือ ส่วนผมอยู่ต่ำกว่า |
44:16  | และดังนั้น คุณจึงก้าวล้ำ |
สูงขึ้นๆ อยู่เสมอ | |
44:19  | และผมก็ก้าวสูงขึ้นๆ เช่นกัน |
เราจึงไม่เคยได้พบกัน | |
44:24  | |
44:26  | (เสียงหัวเราะ) |
คุณหัวเราะขบขำ ผมทราบ | |
44:28  | แต่จริงๆ แล้ว |
นี่คือสิ่งที่พวกเราทำกันอยู่ | |
44:34  | ดังนั้น ผมจะตระหนักได้ไหมว่า |
ผู้รู้รวมทั้ง | |
44:39  | |
44:43  | องค์กรที่เขาพัวพันอยู่ |
จะไม่ทำให้ผมเป็นอิสระได้เลย | |
44:49  | ผู้รู้ให้ความรู้สึก |
มั่นคงปลอดภัยแก่เรา | |
44:55  | เมื่อ "ผมไม่รู้ ผมสับสน |
แต่คุณรู้" | |
45:00  | "หรืออย่างน้อย |
ผมก็คิดว่าคุณรู้" | |
45:03  | "นั่นก็ดีพอแล้วสำหรับผม" |
45:04  | "ผมลงทุนลงแรง และยังฝากความต้องการ |
ความมั่นคงปลอดภัยเอาไว้กับคุณ" | |
45:08  | |
45:12  | "ไว้กับสิ่งที่คุณพูดถึง" |
45:16  | แล้วเราก็สร้างองค์กร |
ขึ้นมาโอบล้อม | |
45:20  | และตัวองค์กรนั่นแหละ |
ที่กลายเป็นคุกขัง | |
45:24  | ผมไม่ทราบว่า |
คุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้ไหม | |
45:28  | นั่นคือเหตุผลว่าทำไม เราจึงไม่ควร |
สังกัดองค์กรทางจิตวิญญาณใดๆ | |
45:31  | ไม่ว่ามันจะให้ความหวัง |
45:36  | จะหว่านล้อมเรา |
จะน่าใฝ่ฝันเพียงใดก็ตาม | |
45:46  | เป็นไปได้ไหม ที่เราเพียงแค่รับรู้ |
และเห็นมันร่วมกัน | |
45:52  | คุณเข้าใจคำถามผมหรือไม่ |
45:53  | เห็นร่วมกัน ว่ามันคือความจริง |
45:56  | และด้วยเหตุที่ |
เราเห็นเช่นนั้นร่วมกัน มันจึงจบลง | |
46:05  | การเห็นว่า |
ธรรมชาติของอิทธิพลของผู้รู้ | |
46:08  | รวมทั้งองค์กรที่จัดตั้งขึ้น |
ทางศาสนา หรืออะไรก็ตาม | |
46:12  | เป็นการแบ่งแยก |
46:18  | และการยอมอยู่ในโอวาท |
46:24  | ภายใต้ระบบจัดตั้ง |
ที่มีลำดับชั้นอำนาจ | |
46:29  | ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น |
ในโลก ด้วยเหตุนี้ | |
46:31  | ระบบเช่นนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่ง |
ของธรรมชาติการทำลายล้างในโลก | |
46:37  | เมื่อเห็นความจริงนั้นแล้ว |
ก็ละทิ้งมันเสีย | |
46:43  | เราทำเช่นนั้นได้ไหม |
46:46  | เพื่อที่จะไม่มีพวกเราเลยสักคน |
ขออภัยด้วย | |
46:50  | ไม่มีพวกเราเลยสักคน ที่สังกัด |
องค์กรทางจิตวิญญาณใดๆ ทั้งสิ้น | |
47:00  | นั่นหมายถึง |
องค์กรทางศาสนาทั้งหลาย | |
47:02  | ทั้งคาทอลิก โปรเตสแตนต์ ฮินดู พุทธ |
ไม่สังกัดอะไรเลย | |
47:12  | การสังกัด |
ทำให้เรารู้สึกมั่นคงปลอดภัย | |
47:19  | ใช่ไหม เห็นได้ชัดอยู่แล้ว |
47:22  | แต่การสังกัด ย่อมนำความรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัยมาด้วยเสมอ | |
47:27  | เพราะการสังกัดในตัวมันเอง |
เป็นการแบ่งแยก | |
47:31  | คุณมีคุรุของคุณ ครูผู้รู้ของคุณ |
คุณเป็นคาทอลิก | |
47:33  | |
47:35  | เป็นโปรเตสแตนต์ |
ส่วนคนอื่น ก็เป็นอย่างอื่น | |
47:39  | พวกเขาจึงไม่เคยร่วมกันเลย |
แม้ว่าทุกองค์กรทางศาสนาจะบอกว่า | |
47:43  | เราล้วนทำงานร่วมกันเพื่อสัจธรรม |
47:50  | ฉะนั้น เป็นไปได้ไหม ที่เราจะรับฟัง |
ฟังกันและกันถึงความจริงนี้ | |
47:58  | …เราจะทำให้การยอมรับผู้รู้ |
หมดสิ้นไปจากความคิดของเรา ได้ไหม | |
48:02  | |
48:07  | อิทธิพลของผู้รู้ ในทางจิตใจ |
48:10  | และองค์กรทั้งหลายที่ก่อตั้งขึ้น |
ห้อมล้อมมันก็จบสิ้นไปด้วย | |
48:16  | แล้วจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น |
48:22  | ผมละทิ้งผู้รู้ เพราะคุณบอก |
ให้ผมทิ้ง เช่นนั้นหรือ | |
48:31  | เมื่อผมเห็นธรรมชาติที่ทำลายล้าง |
ของสิ่งที่เรียกว่าองค์กร | |
48:37  | ผมเห็นมันตามความเป็นจริง หรือเปล่า |
หากเห็นเช่นนั้น ก็เห็นด้วยปัญญา | |
48:43  | หรือแค่ยอมรับ |
ด้วยความไม่ชัดเจน | |
48:47  | ผมไม่ทราบว่าคุณตามทันไหม |
48:50  | ถ้าเราเห็นความจริง |
48:52  | การหยั่งเห็นความจริงนั่นเอง |
คือปัญญา | |
48:57  | และในปัญญานั้น |
มีความมั่นคงปลอดภัย | |
49:01  | ไม่ใช่มั่นคงปลอดภัย |
อยู่ในเรื่องงมงาย ไร้สาระ | |
49:06  | ไม่ทราบว่าคุณเห็นไหม |
49:09  | เราเข้าใจตรงกันไหม |
49:15  | ผมไม่ค่อยแน่ใจ |
49:16  | คุณช่วยบอกหน่อยว่า |
เราเข้าใจตรงกันไหม | |
49:18  | |
49:20  | (ผู้ฟัง) - ครับ /ค่ะ |
K: ไม่ใช่เข้าใจในระดับถ้อยคำนะครับ | |
49:23  | ซึ่งนั่นง่ายมาก |
เพราะเราทุกคนพูดภาษาอังกฤษ | |
49:26  | หรือภาษาฝรั่งเศส |
หรือภาษาอะไรก็ตาม | |
49:28  | การเข้าใจทางปัญญาความคิด |
หรือทางถ้อยคำไม่ใช่การเข้าใจตรงกัน | |
49:34  | จะเข้าใจตรงกัน ก็ต่อเมื่อ |
เราเห็นความจริงด้วยกัน | |
49:48  | คราวนี้ เราถามว่าเป็นไปได้ไหม |
49:51  | ที่เราจะมองดูความเป็นจริง |
ในการถูกครอบงำของเรา | |
49:58  | ไม่ใช่เห็นการถูกครอบงำ |
อย่างเป็นแนวคิด | |
50:03  | ข้อเท็จจริงที่ว่า เราเป็นชาวอังกฤษ |
50:06  | เป็นเยอรมัน อเมริกัน รัสเซีย |
50:09  | หรือฮินดู หรือชาวตะวันออก ฯลฯ |
นั่นเป็นการถูกครอบงำอย่างหนึ่ง | |
50:12  | |
50:16  | ยังมีอิทธิพลครอบงำ |
ที่มาจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ | |
50:23  | ทางภูมิอากาศ อาหาร |
เครื่องนุ่งห่ม และอื่นๆ ทางกายภาพ | |
50:27  | |
50:30  | แต่มีอิทธิพลครอบงำ |
ทางจิตใจมากมาย ด้วยเช่นกัน | |
50:39  | เราเฝ้าดูมันตามที่เป็นจริงได้ไหม |
50:46  | เช่น ความกลัว |
50:49  | คุณมองดูความกลัวได้ไหม |
50:58  | หรือถ้าคุณทำไม่ได้ในขณะนี้ |
51:01  | …ให้เราสังเกตดู |
ความเจ็บปวดที่เราได้รับมา | |
51:04  | มองดูบาดแผล |
บาดแผลทางใจ ที่เราหมักหมมไว้ | |
51:11  | บาดแผลทางใจ |
ที่ได้รับมา แต่วัยเยาว์ | |
51:17  | สังเกตดู อย่าวิเคราะห์มัน |
51:22  | นักจิตบำบัดทั้งหลาย |
51:25  | ขออภัยครับ |
ผมหวังว่าคงไม่มีอยู่ในนี้นะ | |
51:28  | นักจิตบำบัดจะสำรวจ |
ตรวจสอบย้อนหลังไปในอดีต | |
51:32  | |
51:35  | นั่นก็คือ การค้นหาสาเหตุ |
ของบาดแผลทางใจ ที่เราได้รับมา | |
51:44  | การสำรวจตรวจสอบ |
วิเคราะห์ขบวนการทั้งหมดของอดีต | |
51:47  | |
51:54  | ที่มักเรียกกันว่า |
การวิเคราะห์ หรือจิตบำบัด | |
52:01  | จากการค้นพบสาเหตุ จะช่วยได้ไหม |
52:09  | คุณใช้เวลาไปมากมาย อาจจะหลายปี |
52:14  | มันเป็นเกมส์ |
ที่เราทุกคนก็เล่นกัน | |
52:18  | เพราะเราไม่อยากเผชิญกับความจริง |
แต่กลับพูดว่า | |
52:20  | "ขอให้เราตรวจสอบว่า |
ความเป็นจริงนั้น เกิดขึ้นอย่างไร" | |
52:25  | ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม |
52:32  | ดังนั้น คุณจึงใช้พลังงานไปมากมาย |
52:36  | และอาจจะจ่ายเงินไปมากโข |
52:40  | เพื่อตรวจสอบอดีตให้ชัดเจน |
52:46  | หรือตรวจสอบด้วยตนเอง |
ถ้าคุณสามารถทำได้ | |
52:54  | แต่เรากำลังบอกว่า |
การวิเคราะห์แบบนั้น | |
52:59  | ไม่เพียงแบ่งแยกเท่านั้น |
เพราะผู้วิเคราะห์ | |
53:05  | คิดว่าเขาแยกต่าง |
จากสิ่งที่เขากำลังวิเคราะห์อยู่ | |
53:09  | คุณตามทันไหม |
53:15  | ดังนั้น เขาจึงคงการแบ่งแยกเอาไว้ |
โดยการวิเคราะห์ | |
53:22  | แต่ความจริงที่ปรากฏอยู่ ก็คือ |
ผู้วิเคราะห์คือสิ่งที่ถูกวิเคราะห์ | |
53:29  | ผมสงสัยว่า |
คุณสังเกตเห็นตรงนี้ หรือไม่ | |
53:32  | ในทันทีที่เรารู้ว่า |
53:35  | ผู้วิเคราะห์ |
คือสิ่งที่ถูกวิเคราะห์ | |
53:39  | เพราะเมื่อคุณโกรธ |
คุณคือความโกรธนั้น | |
53:46  | ตรงนี้งงไหมว่า |
ผู้สังเกตคือสิ่งที่ถูกสังเกต | |
53:49  | |
53:55  | เมื่อเห็นอย่างนั้น เห็นสิ่งที่ |
เกิดขึ้นจริง ตามที่เป็นอยู่จริง | |
54:00  | เมื่อนั้น |
การวิเคราะห์ก็ไร้ความหมาย | |
54:03  | มีอยู่แต่การสังเกต |
ที่บริสุทธิ์เท่านั้น | |
54:05  | สังเกตเห็นความเป็นจริง |
ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ | |
54:08  | ผมสงสัยว่า เราสังเกตเห็นหรือไม่ |
54:16  | มันอาจจะยากสักหน่อย |
เพราะพวกเราส่วนใหญ่ | |
54:19  | ต่างถูกครอบงำ |
อยู่ในกระบวนการวิเคราะห์ | |
54:24  | ในการตรวจสอบตนเอง |
54:28  | ในการทบทวน สำรวจเข้าไปในตนเอง |
54:31  | เราเคยชินมาอย่างนั้น |
เราถูกกำหนดมาให้ทำเช่นนั้น | |
54:34  | บางทีถ้ามีการพูดถึงเรื่องใหม่ๆ |
54:38  | คุณอาจจะปฏิเสธ |
หรือถอยห่างออกไป ในทันที | |
54:43  | ฉะนั้น กรุณาสำรวจ |
สังเกตดูปฏิกิริยานั้น | |
54:53  | เรากำลังจะพูดว่า |
54:56  | เป็นไปได้ไหม |
ที่จะสังเกตดูสิ่งที่เป็นจริง | |
55:00  | ตามที่มันกำลังเกิดขึ้น |
อยู่ในขณะนี้ | |
55:06  | สังเกตดูความโกรธ |
ความริษยา ความรุนแรง | |
55:10  | ความสุขเพลิดเพลิน |
ความกลัว หรืออะไรก็ตาม | |
55:13  | สังเกตดู ไม่วิเคราะห์มัน |
55:19  | เพียงแค่มองดูมัน |
55:23  | และในขณะที่สังเกตดูอยู่นั้น |
55:26  | ผู้สังเกต เพียงแค่สังเกตดู |
ตามความเป็นจริง หรือเปล่า | |
55:31  | หรือสังเกตเสมือนว่า |
มันเป็นสิ่งที่แยกออกจากตัวเขา | |
55:34  | หรือว่าเขา คือความเป็นจริงนั้น |
55:37  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม |
55:41  | ผมพูดชัดเจนไหม |
55:45  | คุณเข้าใจความแตกต่างไหม |
55:48  | พวกเราส่วนมากถูกครอบงำ |
โดยความคิดที่ว่า | |
55:53  | ผู้สังเกตนั้น |
แตกต่างจากสิ่งที่ถูกสังเกต | |
56:00  | ผมมีความโลภ ผมมีความรุนแรง |
56:03  | |
56:09  | ดังนั้นในขณะที่รุนแรงนั้น |
ยังไม่มีการแบ่งแยกใดๆ | |
56:13  | การแบ่งแยกเกิดขึ้นภายหลัง |
เมื่อความคิดเข้าไปจับมันไว้ | |
56:16  | ความคิดแยกตัวมันเอง |
ออกจากสิ่งที่เป็นอยู่จริง | |
56:21  | ดังนั้น ผู้สังเกตก็คืออดีต |
56:25  | อดีตที่กำลังมองดูสภาพ |
ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆในขณะนี้ | |
56:30  | ผมสงสัย ว่าคุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม |
56:37  | ฉะนั้น คุณสังเกตดู |
สภาพที่เกิดขึ้นอยู่จริงๆ ได้ไหม | |
56:41  | ขณะที่คุณโกรธ โศกศัลย์ |
โดดเดี่ยว หรืออะไรก็ตาม | |
56:45  | สังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริง |
โดยที่ผู้สังเกตไม่พูดว่า | |
56:50  | "ผมแยกต่างหาก" แล้วดู |
ความเป็นจริง ว่ามันแยกแตกต่างออกไป | |
56:53  | คุณเข้าใจไหม |
56:55  | เขาตระหนักไหม |
ว่าความเป็นจริง คือตัวเขาเอง | |
57:01  | ไม่มีการแบ่งแยก |
ระหว่างความเป็นจริงกับตัวเขา | |
57:06  | ความเป็นจริงคือตัวเขาเอง |
คุณมองเห็นไหม | |
57:10  | ดังนั้น อะไรจะเกิดขึ้น |
57:14  | เมื่อความเป็นจริงปรากฏอยู่ |
57:20  | คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม |
57:24  | เช่น สมองของผมถูกกำหนด |
ให้มองดูความเป็นจริง | |
57:29  | ซึ่งก็คือ ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง |
ขอยกตัวอย่าง | |
57:32  | อย่าเลย เพราะเราเริ่มต้น |
ด้วยเรื่องความเจ็บปวด จากวัยเยาว์ | |
57:36  | ขอให้สังเกตความเจ็บปวด |
57:38  | ผมเคยชินที่จะคิดว่า |
57:44  | ผมแตกต่างจากความเจ็บปวดนั้น |
ได้ไหม | |
57:53  | ดังนั้น การกระทำของผม |
ต่อความเจ็บปวดนั้น | |
57:56  | ก็จะเป็นการเก็บกด หรือการหลีกหนี |
ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง | |
58:00  | หรือสร้างแรงต่อต้าน |
ความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ | |
58:05  | เพื่อที่ผมจะไม่รู้สึก |
เจ็บปวดอีกต่อไป | |
58:09  | ดังนั้น ความเจ็บปวด |
จึงทำให้ผมโดดเดี่ยว ยิ่งขึ้นๆ | |
58:15  | หวาดกลัวยิ่งขึ้นๆ |
58:17  | ดังนั้น |
การแบ่งแยกนี้เกิดขึ้นเพราะว่า | |
58:21  | ผมคิดว่า ผมแตกต่างจาก |
ความเจ็บปวดนั้น ใช่ไหม | |
58:27  | คุณตามทันไหม |
58:29  | แต่ความเจ็บปวดนั้น คือผมเอง |
58:32  | "ตัวผม" คือภาพลักษณ์ |
ที่ผมสร้างขึ้นเกี่ยวกับตนเอง | |
58:36  | ซึ่งคือความเจ็บปวด ใช่ไหม |
58:40  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจทั้งหมดไหม |
58:43  | ต่อไปได้ไหม |
คุณตามทันทั้งหมดไหม | |
58:48  | ผมสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมา |
ผ่านการศึกษา | |
58:53  | ผ่านครอบครัว ผ่านสังคม |
58:56  | ผ่านแนวคิดทางศาสนาเรื่องวิญญาณ |
ผ่านความเป็นบุคคลที่แยกออกไป | |
59:01  | ทั้งหมดนั้น |
ผมสร้างภาพลักษณ์เกี่ยวกับตัวผม | |
59:05  | แล้วคุณมาเหยียบย่ำภาพลักษณ์นั้น |
ผมจึงบาดเจ็บ | |
59:12  | จากนั้น ผมก็บอกว่า |
ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ผม | |
59:17  | ผมต้องทำอะไรบางอย่าง |
กับความเจ็บปวดนั้น | |
59:20  | ผมจึงคงการแบ่งแยก |
ระหว่างความเจ็บปวด กับ ตัวผมเอาไว้ | |
59:26  | แต่ความเป็นจริงก็คือ ภาพลักษณ์นั้น |
คือตัวผม ที่ถูกทำให้เจ็บปวด | |
59:30  | ใช่ไหม |
59:32  | ฉะนั้น ผมสังเกตดู |
ความเป็นจริงนั้น ได้ไหม | |
59:39  | สังเกตดูความเป็นจริงที่ว่า |
ภาพลักษณ์นั้น คือตัวผมเอง | |
59:44  | และตราบใด ที่ผมมีภาพลักษณ์ |
เกี่ยวกับ "ตัวผม" | |
59:47  | ตราบนั้น ก็จะมีคนบางคน |
มาเหยียบย่ำมัน | |
59:50  | นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง |
59:57  | เป็นไปได้ไหมที่จิตจะเป็นอิสระ |
จากภาพลักษณ์ | |
1:00:04  | เพราะเรารู้ว่า |
ตราบใดที่ภาพลักษณ์ ยังคงอยู่ | |
1:00:09  | คุณก็จะทำอะไรบางอย่างกับมัน |
เอาเข็มมาทิ่มแทงมัน | |
1:00:15  | ดังนั้น |
มันย่อมได้รับความเจ็บปวด | |
1:00:19  | และผลก็คือ การแยกตน |
หวาดกลัว ต่อต้าน | |
1:00:24  | สร้างกำแพงล้อมรอบตนเอง |
1:00:28  | ทั้งหมดนั้น |
เกิดขึ้นเมื่อมีการแบ่งแยก | |
1:00:31  | ระหว่างผู้สังเกต กับสิ่งที่ |
ถูกสังเกต ซึ่งคือความเจ็บปวด | |
1:00:38  | ใช่ไหม |
1:00:42  | ได้โปรดเถิด |
นี่ไม่ใช่เรื่องปัญญาความคิด | |
1:00:45  | นี่เป็นเพียงการสังเกตตนเอง |
อย่างเป็นปรกติธรรมดา | |
1:00:49  | ที่เราได้เริ่มต้นมา |
ด้วยการพูดถึง"ความรู้สึกตัว" | |
1:00:58  | แล้วจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้น |
1:01:01  | เมื่อผู้สังเกตคือ |
สิ่งที่ถูกสังเกต | |
1:01:07  | คุณเข้าใจไหม |
ความเป็นจริงของมัน นะครับ | |
1:01:09  | ไม่ใช่แนวคิดเกี่ยวกับมัน |
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น | |
1:01:12  | |
1:01:16  | ผมเจ็บปวดมาตั้งแต่วัยเยาว์ |
1:01:21  | จากโรงเรียน จากพ่อแม่ |
1:01:24  | จากเด็กผู้ชาย |
และเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ | |
1:01:27  | ผมถูกทำร้าย มีบาดแผลทางใจ |
1:01:31  | ผมแบกความเจ็บปวดนั้น |
มาตลอดชีวิต | |
1:01:35  | ซ่อนมันไว้ |
1:01:38  | วิตกกังวล หวาดกลัว |
1:01:43  | และผมก็รู้ผลที่ตามมา |
ของทั้งหมดนั้น | |
1:01:49  | ขณะนี้ ผมเห็นว่า |
ความเจ็บปวดนั้น จะยังคงอยู่ | |
1:01:54  | ตราบใดที่ภาพลักษณ์ |
ซึ่งผมสร้างขึ้น | |
1:01:57  | สร้างขึ้นพร้อมๆ กับความเจ็บปวด |
1:02:01  | ตราบใด ที่มันยังคงอยู่ |
ตราบนั้น ย่อมมีความเจ็บปวด | |
1:02:06  | ภาพลักษณ์นั้นคือตัวผม |
1:02:10  | ผมจะดูความเป็นจริงนั้นได้ไหม |
1:02:13  | ไม่ใช่ดูโดยผ่านแนวคิด |
แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ | |
1:02:19  | ว่าภาพลักษณ์ คือความเจ็บปวด |
ภาพลักษณ์นั้น คือตัวผม | |
1:02:22  | |
1:02:24  | ไม่ทราบว่าคุณเข้าใจไหม |
1:02:26  | เข้าใจไหมครับ |
1:02:28  | ขอให้เราเห็นตรงกัน อย่างน้อย |
ในเรื่องหนึ่งนี้ คิดร่วมกันได้ไหม | |
1:02:35  | แล้วจากนั้น จะเกิดอะไรขึ้น |
1:02:39  | ที่ผ่านมา ผมพยายาม ผู้สังเกตพยายาม |
ทำอะไรบางอย่าง ต่อภาพลักษณ์ | |
1:02:46  | มาถึงตอนนี้ ไม่มีผู้สังเกต |
1:02:49  | ดังนั้น |
เขาจึงทำอะไรกับมันไม่ได้เลย | |
1:02:52  | คุณเข้าใจไหม |
1:02:54  | คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม |
ว่าเกิดอะไรขึ้น | |
1:02:59  | ก่อนหน้านี้ |
ผู้สังเกตเองพยายามเก็บกดมันไว้ | |
1:03:07  | ควบคุมมันไว้ ไม่ให้รู้สึกเจ็บปวด |
ปลีกแยกตนเอง | |
1:03:10  | ต่อต้าน และอื่น ๆ |
ใช้ความพยายามมากมายมหาศาล | |
1:03:13  | |
1:03:16  | แต่ในเมื่อ ความเป็นจริงคือ |
ผู้สังเกตเป็นสิ่งที่ถูกสังเกต | |
1:03:20  | |
1:03:24  | จากนั้นเกิดอะไรขึ้น |
1:03:28  | ได้โปรดเถิด |
คุณต้องการให้ผมบอกคุณหรือ | |
1:03:32  | ถ้าอย่างนั้น เราก็ยังไปไม่ถึงไหน |
สิ่งที่ผมบอกคุณก็ไม่มีความหมายอะไร | |
1:03:36  | แต่ถ้าเรายังร่วมกันอยู่ |
1:03:40  | ยังคิดร่วมกัน และมาถึงจุดนี้ |
1:03:44  | แล้วคุณจะค้นพบด้วยตนเองว่า |
1:03:49  | ตราบใดที่คุณยังใช้ความพยายาม |
1:03:53  | ตราบนั้น ยังมีการแบ่งแยก |
ใช่หรือเปล่า | |
1:03:59  | ฉะนั้น ในการสังเกตบริสุทธิ์แท้ๆ |
จะไม่มีความพยายามใดๆ | |
1:04:04  | ดังนั้น สิ่งต่างๆ |
1:04:07  | ที่ก่อตัวขึ้นเป็นภาพลักษณ์ |
จึงเริ่มสลายไป | |
1:04:11  | |
1:04:22  | นั่นแหละคือประเด็นสำคัญ |
1:04:25  | เราเริ่มต้นจาก "ความรู้สึกตัว" |
1:04:31  | และในคุณภาวะแห่งสมาธิ |
ในความรู้ตัวนั้น | |
1:04:37  | ทำให้เกิดความรู้สึกแห่งศาสนา |
ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน | |
1:04:45  | มนุษย์จำต้องมี ความรู้สึก |
เป็นหนึ่งเดียวกันอันใหญ่หลวงนี้ | |
1:04:53  | ซึ่งไม่อาจค้นพบได้ |
จากการแบ่งแยกเป็นชาติต่างๆ | |
1:04:56  | หรือจากอะไรก็ตามทำนองนั้น |
1:05:00  | ฉะนั้น เราในฐานะที่เป็นมนุษย์ |
1:05:05  | หลังจากได้ฟังมาร่วมชั่วโมงแล้ว |
1:05:13  | อย่างน้อยที่สุดให้มองเห็น |
ความจริงอย่างหนึ่งด้วยกัน ได้ไหม | |
1:05:18  | เมื่อเห็นความจริงร่วมกัน |
ภาพลักษณ์ก็สลายไปสิ้นเชิง | |
1:05:30  | เพื่อที่ เราผู้เป็นมนุษยชน |
จะไม่บาดเจ็บทางจิตใจ อีกต่อไป | |
1:05:39  | ในการคิดร่วมกันนี้มีนัยว่า |
1:05:43  | เราต่างเห็นในสิ่งเดียวกัน |
1:05:49  | ในเวลาเดียวกัน ในระดับเดียวกัน |
ซึ่งหมายถึงความรัก | |
1:05:53  | |
1:05:55  | คุณเข้าใจไหมครับ |
1:06:01  | ผมคิดว่า น่าจะพอแล้ว |
สำหรับเช้าวันนี้ ได้ไหม | |
1:06:07  | เราจะพบกันอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า |