Krishnamurti Subtitles home


BR79T2 - ความคิดก่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้องหรือ
การพูดต่อสาธารณชนครั้งที่ 2
ที่บร็อกวู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
26 สิ



1:11  ผมขอให้คุณระลึกว่า
นี่ไม่ใช่เรื่องบันเทิง
  
1:14  ไม่ใช่เพื่อการเปลี่ยนคุณ
ให้เป็นอะไรทั้งสิ้น
  
1:22  ไม่ใช่มาร่วมประชุมกัน
เพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ
  
1:27  เรามาพบกัน
ด้วยจุดประสงค์ที่จริงจัง
  
1:33  อย่างน้อยที่สุด
ผู้พูดนี่แหละที่จริงจัง
  
1:40  ดังนั้น ผมหวังว่า
คุณจะจริงจังหนักแน่นเช่นกัน
  
1:44  สิ่งที่เราคุยกันไว้เมื่อวานนี้
 
1:51  ผมคิดว่า
ควรจะนำมาทวนซ้ำสั้น ๆ
  
1:55  เพราะอาจมีคนที่มาใหม่
ในเช้าวันนี้
  
1:58  เรากล่าวว่า ความรู้สึกตัว
 
2:09  ภาวะที่สำนึกรู้ถึงตนเอง
 
2:14  รู้ถึงปฏิกริยาตอบสนอง
ทั้งหลายของตนเอง
  
2:19  ความคิดที่เคลื่อนอยู่ภายในตนเอง
และความทะยานอยากต่างๆ
  
2:26  รวมทั้ง ความทุกข์ทรมาน
หลากหลายรูปแบบ
  
2:31  ความเพลิดเพลินใจ และความ
ลำบากตรากตรำทั้งหมดของมนุษย์
  
2:35  ให้รู้ตัวต่อสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
 
2:42  รู้ตัวโดยปราศจากการเลือก
เพียงรู้ตัวเฉย ๆ
  
2:47  ไร้การกำหนดทิศทาง
ปราศจากการกดดันใด ๆ ทั้งสิ้น
  
2:56  เพียงสำนึกรู้ถึงทุก ๆสิ่ง
ที่เคลื่อนอยู่ทั้งภายในจิตใจ
  
2:59  และที่กำลังเกิดขึ้น
ที่เป็นไปอยู่ในโลกภายนอก
  
3:03  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กระบวนการทางจิตใจของมนุษย์
  
3:08  การรู้ตัวเช่นนั้น
ต้องอาศัยความใส่ใจที่จริงจัง
  
3:11  ที่ไม่ใช่การวิเคราะห์
แต่เป็นการสังเกตอันบริสุทธิ์
  
3:21  สังเกตโดยไร้การเลือกใด ๆ
 
3:28  ปราศจากการกำหนดทิศทางใดๆ
ไร้ความรู้สึกกดดันใดๆ
  
3:30  นั่นจำเป็นต้องมี
ความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง
  
3:35  เรายังกล่าวอีกว่า
 
3:39  ศาสนาเป็นปัจจัยเดียวเท่านั้น
 
3:41  ที่อาจจะนำ
มนุษยชาติทุกสารทิศมารวมกัน
  
3:47  ทั้งจากตะวันออก ตะวันตก
เหนือและใต้
  
3:56  แต่ทว่า ศาสนาทั้งหลาย
ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
  
4:05  โดยธรรมชาติของศาสนาจัดตั้ง
ย่อมทำลายล้าง ทำให้ปั่นป่วน
  
4:10  สร้างความแตกแยก
เพราะจัดตั้งขึ้นจากความเชื่อ
  
4:16  จากคัมภีร์บทบัญญัติ พิธีกรรม
 
4:20  และจารีต และจากวิธีคิด
ที่มีการปกครองตามลำดับชั้น
  
4:24  สถาบันทางศาสนาทั้งหมดนั้น
ไม่ใช่ศาสนา
  
4:28  มันเป็นความเชื่องมงาย
ที่แผ่คลุมไปกว้างขวาง
  
4:39  และความอยาก
ก็มีบทบาทมหาศาลอยู่ในนั้น
  
4:44  ฉะนั้นจึงนำไปสู่โลกแห่งมายา
 
4:50  ศาสนาจะเกิดขึ้นได้
โดยภาวะสมาธิเท่านั้น
  
4:56  ซึ่งเราจะสืบค้นกัน
ในระหว่างการเสวนาทั้งสี่ครั้ง
  
5:00  รวมถึงช่วง ถาม-ตอบ ด้วย
 
5:06  เรายังกล่าวด้วยว่า
เราจะคิดร่วมกันได้ไหม
  
5:12  เนื่องจาก พวกเราส่วนใหญ่
 
5:17  อาชีพของเราเรียกร้อง
เอาการคิดของเราไปทั้งหมด
  
5:23  ถ้าคุณเป็นสถาปนิก วิศวกร
นักวิทยาศาสตร์ หรืออื่นๆ
  
5:28  การคิดทั้งหมดของเรา
ถูกกำหนดไว้เฉพาะทาง
  
5:36  ชีวิตทั้งชีวิตจึงขึ้นอยู่กับมัน
 
5:39  เราจึงถูกกำหนดไว้
ให้อยู่ในระดับความคิดเดียว
  
5:44  หรือการคิดในรูปแบบเดียว
 
5:45  จึงกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง
 
5:50  สำหรับผู้คนที่ติดจม
อยู่ในร่องความคิดแบบหนี่ง
  
5:56  ที่สามารถจะคิดโดยที่
มิใช่คิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง
  
5:59  แต่เป็นตัวกระบวนการ
ของการคิดทั้งหมด
  
6:05  นั่นคือสิ่งที่เราคุยกันเมื่อวานนี้
 
6:12  และมันกลายเป็นสิ่งสำคัญ
อย่างยิ่งยวดในขณะนี้
  
6:16  และอาจจะเป็นสิ่งสำคัญมาตลอด
ที่มนุษย์ควรคิดร่วมกัน
  
6:21  ไม่ใช่คิดบนพื้นฐาน
ของความเชื่อ หรืออุดมการณ์
  
6:25  หรืออิทธิพลบางอย่าง
แต่มีศักยภาพ
  
6:36  มีความตั้งใจ
และความจริงจังที่จะคิดร่วมกัน
  
6:42  ไม่ใช่คิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง
ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างง่าย
  
6:46  แต่มีความเอื้ออาทร ความห่วงใย
และใส่ใจ และอาจจะมีความรักด้วย
  
6:49  เพื่อว่าเรา
จะสามารถสื่อสารกันได้
  
6:55  โดยปราศจากสิ่งใดมาขวางกั้น
 
7:00  ฉะนั้น การคิดของคุณ และการคิด
ของผู้พูด จึงเป็นการคิดร่วมกัน
  
7:02  เราได้กล่าวแล้วว่า
 
7:08  เราควรจะนำมาซึ่งสังคมอันดีงาม
 
7:15  ชาวกรีก และชาวฮินดูโบราณ
และชนชาติอื่น ๆ
  
7:28  พูดถึงการสร้างสังคมอันดีงาม
 
7:34  ขึ้นที่ไหนสักแห่งในอนาคต
 
7:37  สังคมซึ่งอยู่บนพื้นฐานของ
อุดมคติ แนวคิด
  
7:43  และข้อสรุปต่าง ๆ
ที่มาจากปัญญาความคิด
  
7:48  ซึ่งบางที ไม่ได้มาจาก
ประสบการณ์ของเขาเองเลย
  
7:57  พวกเขายังกล่าวว่า
ต้องมีผู้คนจำนวนหนึ่งในโลก
  
8:00  ผู้ที่จะก่อให้เกิดสังคมนั้น
 
8:08  สังคมอันดีงามอย่างแท้จริง เพื่อ
มวลมนุษย์จะอาศัยอยู่บนโลกนี้ได้
  
8:12  อย่างมีความสุข ปราศจาก
ความขัดแย้ง ไร้ซึ่งสงคราม
  
8:15  ปราศจากการฆ่าฟันกัน
 
8:21  แต่สังคมที่ว่านั้น
ยังไม่มีอยู่จริง
  
8:24  ทั้ง ๆ ที่มนุษย์ดำรงอยู่มานาน
ร่วมสอง หรือสาม หรือห้าล้านปีแล้ว
  
8:30  องค์กรศาสนาต่าง ๆ
พยายามที่จะสร้างสังคมเยี่ยงนี้
  
8:36  แต่ทว่า โดยลักษณะการจัดตั้ง
ขึ้นเป็นองค์กรนั่นเอง
  
8:38  ที่เป็นการแบ่งแยก
เพราะจัดตั้งขึ้นจากความเชื่อ
  
8:44  จากคัมภีร์บทบัญญัติ พิธีกรรม
จากอำนาจอิทธิพล และอื่น ๆ
  
8:47  จึงทำให้องค์กรเหล่านั้น
หมดความหมายไปโดยสิ้นเชิง
  
8:55  แม้ว่าองค์กรเช่นนั้น
 
8:59  จะให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
 
9:05  ความมั่นคงปลอดภัยนั่นเอง
กลับกลายเป็นความไม่มั่นคงปลอดภัย
  
9:09  เพราะมันเป็นความมั่นคงปลอดภัย
ที่อยู่บนพื้นฐานของมายา
  
9:19  ผมคิดว่า ทั้งหมดนี้ชัดเจนแล้ว
 
9:25  หากเราได้สืบค้น
ในเรื่องนี้จริง ๆ
  
9:31  มันจะเป็นไปได้ไหม
 
9:33  ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้
 
9:37  ซึ่งไม่ใช่โลกของชาวอังกฤษ
 
9:41  หรือชาวฝรั่งเศส หรืออื่นๆ
 
9:43  แต่มันเป็นโลกของเรา
 
9:49  แล้วเราจะใช้ชีวิตบนโลกนี้
อย่างสันติ ในขณะนี้เลยได้ไหม
  
9:52  ซึ่งหมายถึงไม่ใช่สังคมอุดมคติ
 
9:55  ที่ตั้งอยู่บนความดีงาม
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  
9:59  แต่เป็นอยู่จริงเดี๋ยวนี้
ในชีวิตทุกๆ วันของเรา
  
10:03  สังคมอันดีงามนี้จะเกิดขึ้นได้ไหม
 
10:06  ซึ่งหมายถึง มีความสัมพันธ์
ที่ถูกต้องต่อกัน
  
10:12  เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้
ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ในอดีต
  
10:18  ซึ่งสร้างขึ้นโดยความคิด
 
10:21  แต่เป็นความสัมพันธ์
ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริง ๆ
  
10:23  ความสัมพันธ์นี้ เป็นความสัมพันธ์
ของปฏิกิริยาที่มีต่อกัน
  
10:27  ให้รู้สึกตัว
ต่อปฏิกิริยาเหล่านั้น
  
10:33  และไม่สร้างภาพลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ
ขึ้นจากปฏิกิริยาเหล่านั้น
  
10:38  เพราะภาพลักษณ์จะปิดกั้น
ความสัมพันธ์ที่แท้จริงต่อกัน
  
10:46  ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว
 
10:49  ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
หรือที่ไม่เป็นส่วนตัวก็ตาม
  
10:55  นั่นเป็นไปได้ไหม
 
11:00  ซึ่งหมายถึง จิตใจของมนุษย์
 
11:10  ที่ถูกกำหนดสภาพมานับพันปีแล้ว
 
11:17  จิตใจที่ถูกครอบงำเช่นนั้น
สามารถจะรู้ตัวของมันเอง ได้ไหม
  
11:22  รู้ตัวถึงเงื่อนปม
อันยุ่งเหยิงและสลับซับซ้อน
  
11:28  รวมทั้งรู้ตัว ถึงปฏิกิริยาต่าง ๆ
ของจิตใจมนุษย์
  
11:31  ซึ่งขึ้นอยู่กับ
ประสาทสัมผัสทั้งหลาย
  
11:35  จิตนั้นกลับตื่นรู้ตัวของมันเอง
 
11:39  จนเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่
อย่างลึกซึ้ง
  
11:43  เกิดการผ่าเหล่าขึ้น
ในตัวมันเองได้ไหม
  
11:47  นั่นคือปัญหาที่แท้จริง
 
11:52  ผมหวังว่าเราสื่อสารกันเข้าใจ
 
12:01  หรือว่าผมไปเร็วจนเกินไป
 
12:03  บางที พวกเราส่วนใหญ่
ไม่คุ้นเคยกับการคิดในลักษณะนี้
  
12:05  หรือการอธิบายทำนองนี้
 
12:12  คำอธิบายไม่ใช่สภาพที่เป็นอยู่จริงๆ
 
12:22  คุณสามารถพรรณนาถึงภูเขา
 
12:28  แต่การอยู่ใกล้ภูเขา
 
12:31  มองเห็นความงาม ความสง่า
 
12:37  ความอลังการของภูเขานั้นจริง ๆ
 
12:41  เป็นคนละอย่างกัน
กับคำพรรณนาถึงภูเขานั้น
  
12:47  แต่พวกเราส่วนใหญ่
พึงพอใจที่จะนั่งอยู่ในเก้าอี้
  
12:50  ที่ให้ความสุขสบาย
ทำให้เกิดจินตนาการเพ้อฝัน
  
12:55  ถึงภูเขาลูกนั้น
จากคำพรรณนาหรือภาพวาด และอื่นๆ
  
13:02  แต่ทว่า ขณะนี้
เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับภูเขา
  
13:10  แต่เกี่ยวข้องกับชีวิต
ที่เป็นอยู่จริงๆ ในแต่ละวันของเรา
  
13:13  เป็นไปได้ไหม ที่ชีวิตนั้น
 
13:22  ซึ่งเป็นชีวิตที่ทุกข์ทรมาน
ด้วยความยากลำบาก
  
13:25  ต้องใช้ความพยายามอย่างมหันต์
 
13:28  ต้องดิ้นรน แก่งแย่งชิงดี
โหดร้ายทารุณ หวาดกลัว
  
13:31  คุณก็รู้อยู่ ทุกสิ่งที่กำลัง
เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา
  
13:34  ทั้งหมดนั้น
จะเปลี่ยนแปลงใหม่สิ้นเชิง ได้ไหม
  
13:40  ไม่ใช่เปลี่ยนในอนาคต ตามอุดมคติ
 
13:45  โดยการเปลี่ยนแปลง
สภาพแวดล้อมทั้งหมด
  
13:52  เพื่อที่จะทำให้เกิดสังคมอันดีงาม
 
13:56  ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้
 
14:03  ระบบเผด็จการพยายาม ที่จะทำเช่นนั้น
 
14:11  โดยการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม
 
14:17  พวกเขาบอกว่า เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว
จิตใจมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงได้
  
14:20  ซึ่งพิสูจน์ชัดแล้วว่า
เป็นเรื่องเหลวไหล
  
14:23  ยังมีอีกหลายคน ที่อ้างว่า
สภาพของมนุษย์ที่ถูกกำหนดอยู่
  
14:26  สภาพจิตของมนุษย์นั้น
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย
  
14:29  คุณต้องยอมรับสภาพ
ใช้ชีวิตไปตามนั้น
  
14:34  ปรับปรุง ขัดเกลา
และทำให้น่าพอใจขึ้น
  
14:38  แต่สิ่งที่เราพูดกันอยู่
ตรงกันข้ามกับสองกรณีนั้น
  
14:43  นั่นคือ จิตใจมนุษย์
สามารถเปลี่ยนแปลงใหม่ได้
  
14:46  อย่างถอนรากถอนโคน
 
14:49  ไม่ถลำตกไปสู่อิทธิพลอื่นอีก
 
14:56  หรือความเชื่อชุดอื่นอีก
 
15:00  หรือคัมภีร์บทบัญญัติ
และสิ่งเหลวไหลทั้งหมดนั้น
  
15:05  แต่ทว่า สามารถก่อให้เกิด
คุณภาพแห่งศาสนาอันแท้จริง
  
15:11  ในตัวมันเองได้
 
15:16  อันเป็นปัจจัยเดียวเท่านั้น
ที่จะนำมาซึ่ง
  
15:24  ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ของมวลมนุษย์
 
15:31  องค์กร ทั้งหลายล้วนล้มเหลว
 
15:40  และเราเอง ไม่เคยตระหนักเลยว่า
องค์กรเหล่านั้น ไม่สามารถทำได้
  
15:45  เรากลับเสพติดองค์กร
ราวกับติดยาเสพติด
  
15:49  ราวกับติดสุรา และอื่น ๆ
 
15:56  เราคิดว่า ถ้าเราสามารถจัดการได้
ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี
  
16:00  บางที พวกคุณบางคนคงเคยได้ยิน
เรื่องที่ผมมักจะเล่าซ้ำๆ ว่า
  
16:05  มีสองสหาย เดินไปด้วยกันตามถนน
 
16:11  ในขณะที่พวกเขาเดินอยู่นั้น
คนหนึ่งก็เก็บอะไรบางอย่างขึ้นมา
  
16:15  เก็บจากข้างทาง และเมื่อมองดูมัน
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
  
16:19  มันเปล่งประกาย ปลาบปลื้ม
แล้วเขาก็เก็บสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋า
  
16:22  สหายอีกคนก็ถามขึ้นว่า
"คุณเก็บอะไรได้หรือ"
  
16:26  ทำไมคุณจึงปลาบปลื้มปานนั้น"
 
16:29  โอ้" เขาบอกว่า
"ผมเก็บเอาสัจจะมาได้บางส่วน
  
16:35  มันช่างงดงามเหลือล้น"
 
16:39  สหายจึงกล่าวขึ้นว่า
"งั้นเรามาจัดการมันเถอะ"
  
16:43  เราคิดว่า
โดยอาศัยองค์กรจัดตั้งทั้งหลาย
  
16:49  ไม่ว่าจะเป็นที่น่าเคารพนับถือ
สูงส่งเพียงใด
  
16:53  จะได้รับการอุปถัมถ์
ได้เงินทองมากมายเพียงใด
  
16:56  หรือได้รับการสรรเสริญ
จากบุคคลชั้นน้ำของโลกก็ตาม
  
16:59  องค์กรอย่างนั้น ไม่สามารถรวม
จิตมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
  
17:03  เพราะในตัวโครงสร้าง
และธรรมชาติของมัน
  
17:06  มันย่อมแบ่งแยก
แตกแยกออกจากกัน
  
17:10  ขึ้นอยู่กับลัทธิ อุดมการณ์
หรือความเชื่อบางอย่าง
  
17:13  ฉะนั้น แท้จริงแล้ว
องค์กรเป็นสิ่งที่ทำลายล้าง
  
17:23  การนำมาซึ่งเอกภาพแห่งจิต
จิตของมวลมนุษย์
  
17:26  ซึ่งต้องมีความรัก ความเอื้ออาทร
ห่วงใย เอาใจใส่ และรับผิดชอบ
  
17:31  ผมหวังว่า เราเข้าใจตรงกัน
เราเข้าใจตรงกันไหม
  
17:36  หรือว่าผมพูดอยู่คนเดียว
 
17:42  ผู้ถาม: ผมขอถามคำถามได้ไหมครับ
 
17:50  เราจะมีช่วง ถาม-ตอบ
ในวันมะรืนครับ
  
17:55  ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ และยังสนใจอยู่
 
17:59  ทว่า คำถามที่เราถามมาโดยตลอด คือ
 
18:03  จิตใจมนุษย์ จิตสำนึกของมนุษย์
 
18:09  รวมทั้งเนื้อหาของมัน
 
18:16  ทั้งความเศร้าโศก ความทุกข์
 
18:25  ความวิตกกังวล
ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
  
18:28  ความรู้สึกหดหู่ ความอยาก
ที่จะเติมเต็ม และความทุรนทุราย
  
18:31  การกระเสือกกระสนดิ้นรน
ทั้งหมดของมนุษย์
  
18:34  นั่นคือจิตสำนึก ใช่ไหม
 
18:37  รวมทั้งมโนภาพเกี่ยวกับพระเจ้า
และอื่นๆทั้งหมด
  
18:40  จิตสำนึกนั้น
จะเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ไหม
  
18:49  หากไม่เปลี่ยนแปลง
เราจะแตกแยกกันตลอดไป
  
18:52  โปรดใส่ใจอีกสักหน่อยเถอะครับ
 
18:57  การแตกแยก การทำลายล้าง
การเอาตนเองเป็นสำคัญ
  
19:00  คงไว้ซึ่งสงคราม
อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
  
19:03  และคงการแบ่งแยกไว้ ตลอดกาล
 
19:07  แยกเป็นชาติ เป็นเผ่าพันธ์
สีผิว และอื่นๆทั้งหมด
  
19:10  ฉะนั้น ถ้าหากเราจริงจัง
 
19:15  และห่วงใยมนุษยชาติอย่างสุดซึ้ง
 
19:19  ห่วงใยผู้คน
และปัญหาทั้งหมดของพวกเขา
  
19:25  ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม
ศาสนา ทั้งหมดนั้น
  
19:30  จิตใจนั้นจะเปลี่ยนแปลง
โดยสิ้นเชิง ได้ไหม
  
19:33  และผู้พูดบอกว่า มันเป็นไปได้
และมันต้องเกิดขึ้น
  
19:40  แล้วก็มีคำถามตามมาว่า
 
19:47  การเปลี่ยนแปลงนี้
จะเกิดขึ้นได้ในลักษณะใด
  
19:54  มันจำเป็นต้องใช้วินัยหรือ
 
19:57  เข้าใจไหมครับ
 
20:05  เราสื่อถึงกันอยู่ ใช่ไหม
คุณเข้าใจไหม
  
20:09  ไม่ใช่เข้าใจโดยถ้อยคำ
ไม่ใช่เข้าใจโดยปัญญาความคิด
  
20:12  แต่รู้ตัวอยู่จริงๆ
ถึงสภาพของตนที่ถูกกำหนดอยู่
  
20:19  โดยความเชื่อมากมาย
โดยประสบการณ์และคัมภีร์บทบัญญัติ
  
20:24  คุณก็ทราบดี ถึงสภาพการดำรงอยู่
ของมวลมนุษย์
  
20:31  เมื่อตระหนักรู้ซึ้งถึงมัน
 
20:36  คุณจะถามไหมว่า มันเป็นไปได้หรือไม่
ที่จะเปลี่ยนแปลงสู่สภาวะใหม่
  
20:43  เปลี่ยนอดีตอันมหาศาล
รวมทั้งความรู้ทั้งหมดที่ได้รับมา
  
20:53  ทั้งหมดนั้น
จะเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ไหม
  
21:05  ณ. ที่ใด ที่มีความรู้
 
21:09  ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ได้รับมา
ในอดีตหรือในปัจจุบัน
  
21:17  ความรู้ย่อมไม่เคยสมบูรณ์เลย
 
21:24  ไม่มีความรู้ใด
ที่ครบถ้วน สมบูรณ์ทั้งหมด
  
21:26  ดังนั้น ความรู้จะเคียงคู่
ไปกับความโง่เขลาเสมอ
  
21:33  โปรดเข้าใจด้วย เรื่องนี้
สำคัญจริงๆ ที่คุณต้องเข้าใจ
  
21:38  ในเมื่อความรู้
ไม่อาจจะครบถ้วนสมบูรณ์ได้เลย
  
21:43  ดังนั้น ความรู้ย่อมเคียงคู่
ไปกับความโง่เขลาเสมอ
  
21:47  ส่วนหนึ่งของความรู้
เป็นส่วนหนึ่งของความโง่เขลา
  
21:56  และเมื่อใดที่เราพึ่งพาความรู้
ไปเสียทั้งหมด ทุกเรื่อง
  
22:01  เพื่อให้เป็นหนทาง
เพื่อความก้าวหน้า
  
22:07  เพื่อเป็นหนทาง
พัฒนามนุษย์ให้สูงขึ้น
  
22:14  การทำเช่นนั้น
เรายังคงความโง่เขลาเอาไว้ด้วย
  
22:19  ฉะนั้นจึงมีการต่อสู้กันอยู่เสมอ
 
22:23  ระหว่างความไม่รู้ กับความรู้
 
22:28  เรายังกล่าวอีกว่า
มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ในอดีต
  
22:32  ชีวิตทั้งหมดของเขา
คือกระแสแห่งอดีต
  
22:38  ถ้าคุณสังเกตด้วยตนเองแล้ว คุณ
จะเห็นว่า เราใช้ชีวิตอยู่ในอดีต
  
22:41  มานับพันวันอยู่อย่างไร
 
22:46  ความทรงจำ ประสบการณ์ ความเจ็บปวด
ความล้มเหลวต่างๆ ของเรา
  
22:49  คุณก็รู้ถึงกระบวนการ
ของกาลเวลา ซึ่งคืออดีต
  
22:51  และกระบวนการนั้น
จะจบสิ้นลงได้ไหม
  
22:54  เพื่อที่จิตใจจะใหม่สด อ่อนเยาว์
มีชีวิตชีวา ใหม่เสมอ
  
23:00  ความรู้มีความจำเป็น ในระดับหนึ่ง
 
23:03  ถ้าคุณเป็นแพทย์ คุณต้องมีความรู้
 
23:08  เป็นศัลย์แพทย์
คุณต้องมีความรู้
  
23:12  ถ้าคุณเป็นช่างไม้ฝีมือดี
คุณจำเป็นต้องมีความรู้มากมาย
  
23:20  เกี่ยวกับไม้
การนำมาใช้ประโยชน์ และอื่น ๆ
  
23:22  แต่ทว่าความรู้
เป็นผลพวงของประสบการณ์
  
23:28  ที่เก็บสั่งสมผ่านผู้คน
มานับพัน นับหมื่นคน
  
23:30  นับพันปี
 
23:36  ความรู้นั้นถูกเก็บไว้
ในสมองของเรา มาแต่เยาว์วัย
  
23:41  โดยพันธุกรรม และอื่น ๆ
 
23:46  และความรู้ที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์
ก็คือความทรงจำ
  
23:49  คุณตามทันไหม
 
23:52  ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องง่ายมาก
 
23:57  ไม่ต้องฉลาดปราดเปรื่องมาก
หรืออะไรทั้งนั้น
  
24:04  และความคิดเป็นผลพวง
ของกระบวนการของความจำ
  
24:11  ในเมื่อความรู้
อยู่คู่กับความไม่รู้เสมอ
  
24:13  ความทรงจำของเรา จึงถูกจำกัดเสมอ
 
24:21  ฉะนั้น ความคิด
จึงจำกัดแคบอยู่เสมอ
  
24:25  ความคิดอาจจินตนาการได้ว่า
มันสามารถหยั่งรู้ หยั่งเห็น
  
24:27  หรือมีประสบการณ์ถึงสภาวะ
ไร้ขอบเขต แต่ตัวความคิดเอง
  
24:30  เป็นผลพวงของความรู้
ที่มีความโง่เขลาร่วมอยู่ด้วย
  
24:33  ดังนั้น โดยเนื้อแท้
โดยพื้นฐาน ความคิดจึงจำกัด
  
24:41  จึงแยกเป็นส่วนๆ จึงไม่สามารถ
รับรู้ถึงความเป็นทั้งหมด ได้เลย
  
24:45  นี่ก็เป็นเรื่องง่าย
และชัดเจนเช่นกัน
  
24:48  ถ้าคุณสืบค้น
ในประเด็นของ "การคิด"
  
24:52  และธรรมชาติทั้งหมดของเรา
รวมทั้งอารยธรรมทั้งปวง
  
24:56  บรรดาโบถส์วิหาร และสิ่งทั้งหลาย
ในโบถส์วิหารนั้น
  
25:02  ทั้งพิธีกรรม และสังเวียนการแสดง
นั่นคือ สิ่งที่สร้างขึ้นโดยความคิด
  
25:07  ความคิดไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่น้อย
  
25:13  แม้ว่า ความคิดสามารถสร้างมโนภาพ
 
25:15  ที่กล่าวขานกันว่า
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  
25:16  แต่สิ่งที่ความคิดสร้างขึ้น
ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
  
25:22  เพราะว่า ตัวความคิดเองนั้น
จำกัดคับแคบ
  
25:25  แล้วเราก็จมติดอยู่ในมโนภาพ
ที่สร้างขึ้นโดยความคิด
  
25:30  โปรดตามให้ทันด้วยครับ
 
25:40  ฉะนั้น ความคิดไม่สามารถ
ทำให้จิตใจมนุษย์
  
25:47  เปลี่ยนแปลงใหม่
อย่างสมบูรณ์ได้เลย
  
25:54  ใช่หรือไม่
 
25:58  เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่ความคิดสร้างขึ้น
  
26:02  ประกอบกันขึ้นเป็นจิตสำนึก
คุณสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ไหม
  
26:04  ผู้ฟัง: ต่อไปได้เลยครับ


K : ไม่สนใจหรือ
  
26:08  ผู้ฟัง: ว่าต่อไปได้เลยครับ
 
26:14  ถ้าคุณไม่สนใจ
ก็อย่าฝืน ที่จะฟังนะครับ
  
26:17  เพราะว่านี่
เป็นเรื่องที่ต้องจริงจังจริงๆ
  
26:24  คุณอุตส่าห์ลำบากมาถึงที่นี่
 
26:27  ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่อย่างนี้
 
26:32  และคุณต้องการจะรู้ว่า คนคนนี้
 
26:34  ผู้พูดคนนี้ จะพูดเรื่องอะไร
 
26:37  ดังนั้น คุณต้องฟัง
คุณต้องสืบค้น
  
26:40  และในการสืบค้นนี้
คุณต้องทดสอบ
  
26:48  คุณต้องไม่ยอมรับ
สิ่งใดๆเลย ที่ผู้พูดกล่าว
  
26:53  แม้ว่าเขาจะนั่งบนเวทีที่สูงกว่า
 
26:57  แต่นั่นไม่ใช่การมอบอำนาจ
ความเป็นผู้รู้ให้แก่เขา
  
27:01  เรากำลังสืบค้น
เข้าสู่สภาพทั้งหมดของมนุษย์
  
27:08  ว่าสภาพของมนุษย์นั้น
จะเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง ได้ไหม
  
27:16  เพราะวิถีการดำรงชีวิตของเรา
ช่างน่ากลัว ช่างทำลายล้าง
  
27:19  และเปล่าประโยชน์ ต้องไปทำงานที่
สำนักงาน โรงงาน วันแล้ววันเล่า
  
27:21  คุณเองก็ทราบดี
 
27:29  จากนาทีที่คุณผ่านการสอบไล่
 
27:31  หรืออะไรก็ตาม
ไปจนชั่วชีวิตของคุณ
  
27:35  ที่คุณต้องไปสำนักงาน
ต้องต่อสู้ ดิ้นรน ตะเกียกตะกาย
  
27:40  ดังนั้น ชีวิตจึงกลายเป็น
สิ่งไร้ความหมายที่สุด
  
27:43  เราจึงกล่าวว่า
 
27:47  ความคิดได้สร้างสถาปัตยกรรม
ที่งดงามที่สุด
  
27:50  ทั้งในโลกตะวันออก
และตะวันตก
  
27:55  รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ
ที่นำมาใส่ไว้ในนั้น
  
28:01  ในโบถส์วิหารต่างๆ
อย่าได้โกรธเคืองนะครับ
  
28:05  เราเพียงพรรณาถึงความเป็นจริง
 
28:09  โปรดอย่าต่อต้าน
ขอเพียงแค่ดู แค่ฟัง
  
28:11  และถ้าคุณไม่ต้องการฟัง
ก็ปิดหูเสีย
  
28:14  หรือถ้าคุณไม่ต้องการ
จะเสียมารยาท ก็ลุกออกไปเงียบ ๆ
  
28:18  เพราะว่า สิ่งที่เรากำลังพูดนี้
จะตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
  
28:22  กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่กำลังเป็นไปในโลกนี้
  
28:29  เรากำลังเรียกร้อง
เพื่อให้มีการปฏิวัติทางจิตใจ
  
28:32  ซึ่งนั่นหมายถึง การเปลี่ยนแปลง
ใหม่อย่างสิ้นเชิงของจิตมนุษยชาติ
  
28:36  รวมทั้งสิ่งทั้งหมด
ที่ความคิดนำมาบรรจุไว้ในนั้น
  
28:43  เราจึงกล่าวว่า
ไม่ว่าความคิดจะทำอะไรก็ตาม
  
28:47  เพราะเหตุที่ตัวความคิดเอง
แตกแยกเป็นส่วนเสี้ยว จำกัดคับแคบ
  
28:53  ความคิดมีความรู้เป็นรากฐาน
ความรู้ย่อมคู่กับความโง่เขลาเสมอ
  
28:57  ฉะนั้น ไม่ว่าความคิด
จะทำอะไรก็ตาม
  
28:59  มันอาจจะขีดเขียน ถึงสรวงสวรรค์
ได้น่าเพ้อฝัน และงดงามที่สุด
  
29:02  หรือสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับพระเจ้า
เกี่ยวกับสังคมที่พึงปรารถนา
  
29:08  และอื่น ๆไม่ว่าความคิด
จะทำอะไรก็ตาม
  
29:13  ความคิดไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลง
อย่างถอนรากถอนโคนได้เลย
  
29:19  แต่ความคิดก็มีบทบาท
ที่เหมาะสมของมันเอง
  
29:21  เช่น คุณไม่สามารถกลับบ้านได้
โดยไม่รู้ทิศทาง โดยปราศจากการคิด
  
29:23  ถ้าคุณเป็นโรคหลงลืม
คุณคงหลงทาง
  
29:28  ดังนั้น ความคิด
มีบทบาทที่เหมาะสมของมัน
  
29:34  แต่ความคิด ไม่สามารถทำให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงใหม่ได้
  
29:39  หากคุณเห็นสักครั้ง ว่า
ความคิดทำไม่ได้ ถือว่าคุณก็เข้าใจ
  
29:42  แม้จะเป็นเพียงความเข้าใจ
ทางปัญญาความคิด
  
29:44  แล้วเราจะทำอย่างไรดี
 
29:48  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
29:53  โปรดเข้าใจเรื่องนี้
ให้ลึกซึ้งจริง ๆ
  
29:59  ไม่เช่นนั้น
คุณจะพลาดหัวใจสำคัญ
  
30:09  ผู้คนทั้งในโลกตะวันออก
และตะวันตก ได้พยายาม
  
30:13  พึ่งพาความคิด
 
30:20  ชาวกรีกโบราณ ชาวฮินดูโบราณ
และชาวจีนโบราณ
  
30:27  ต่างพึ่งพาความคิด
และบอกว่า ความคิดจะช่วยมนุษย์
  
30:31  ให้เปลี่ยนแปลง
ให้มีวัฒนธรรมที่ต่างออกไป
  
30:42  มีสังคมที่แตกต่างไปจากเดิม
 
30:48  แต่ความคิดไม่สามารถ
ทำให้เกิดขึ้นได้เลย
  
30:51  ถ้าเราตระหนักความจริงนั้น
ได้อย่างลึกซึ้ง จริงๆ
  
30:54  ไม่ใช่ตระหนักแบบทฤษฎี
 
30:56  ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเข้าถึงได้
ด้วยการโต้แย้ง
  
31:00  การหักล้างกันทางความคิดเห็น
แต่ตระหนักตามความเป็นจริง
  
31:04  จากนั้นคำถามต่อไป ก็คือ:
 
31:09  ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อย่างสิ้นเชิงนี้ คืออะไร
  
31:12  ถ้าความคิดทำไม่ได้ แล้วอะไรจะทำได้
 
31:17  คุณเข้าใจไหม
 
31:18  ถ้าช่างไม้ฝีมือดี
 
31:22  มีเครื่องมือที่ใช้การไม่ได้
เขาก็โยนมันทิ้งไป
  
31:28  แต่เราไม่ยอมทิ้ง
เราเก็บมันไว้
  
31:34  เราหวังว่า บางทีมันอาจเกิดขึ้นได้
โดยสิ่งมหัศจรรย์บางอย่าง
  
31:39  เราไม่โยนมันทิ้งไป
 
31:44  เราจึงไม่สามารถ
มองไปยังทิศทางอื่นได้
  
31:49  เพราะเรากลัวว่า
 
31:56  ถ้าความคิดไม่ใช่ทางออกจากปัญหา
ทั้งหมดของเรา
  
32:03  รวมทั้งปัญหาการเมือง
ศาสนา และเศรษฐกิจ
  
32:05  ถ้าความคิดไม่ใช่ทางออก
และหากคุณบอกว่า
  
32:14  เอาละ ฉันจะทิ้งความคิดไป
 
32:15  เพราะความคิดมีบทบาท
ที่เหมาะสมของมัน"
  
32:19  เมื่อนั้น จิตใจเราจะเป็นอิสระ
จากเครื่องมือที่ไร้ประโยชน์
  
32:22  เครื่องมือนี้มีบทบาท
ที่เหมาะสมของมัน
  
32:26  จากนั้นจิตใจจึงสามารถมอง
ไปยังทิศทางอื่นได้
  
32:29  ไม่ทราบว่า คุณตามทั้งหมดนี้ทันไหม
 
32:32  ผมหวังว่า คุณกำลังลองทำทั้งหมดนี้
ไม่เพียงแค่ฟัง
  
32:35  ฟังถ้อยคำมากมาย พิจารณาเห็นว่า
มันไร้ประโยชน์ จึงทิ้งไปเสีย
  
32:41  ดังนั้น จะมีอะไรอีกไหม
 
32:45  ถ้าหากความคิดไม่ใช่เครื่องมือ
สำหรับการกระทำที่ถูกต้อง
  
32:49  แล้วอะไร
จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้
  
32:56  พวกเรายังเข้าใจตรงกันอยู่ไหม
 
33:02  คุณจะว่าอย่างไร
 
33:05  เห็นได้ชัดว่า จิตใจทั้งหมดของเรา
 
33:13  ประกอบขึ้นด้วยประสาทสัมผัส
บางส่วนเท่านั้น
  
33:16  แต่ เราก็ใช้ประสาทสัมผัส
เพียงบางส่วนเท่านั้น ใช่ไหม
  
33:21  มีประสาทสัมผัสอยู่หนึ่ง
หรือสองส่วนเท่านั้น
  
33:27  ที่ตื่นตัว และพัฒนาไปสูงมาก
 
33:32  ประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ
ไม่ได้ใช้งาน ใช่ไหม
  
33:35  เป็นไปได้ไหม ที่เราจะสังเกต
ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมด
  
33:37  ไม่ใช่ใช้แค่เพียง
ประสาทสัมผัสหนึ่ง หรือสองส่วน
  
33:44  แต่ใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วน
สังเกตอย่างเต็มที่ ได้ไหม
  
33:49  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
33:54  ซึ่งหมายถึง มีไหมการเฝ้าสังเกต
 
33:58  ที่ไม่ใช่เป็นเครื่องมือ
ของความคิด
  
34:01  คุณตามทันนะ
 
34:05  ผมพูดต่อไปได้ไหม
 
34:14  ไม่ใช่พูดเพื่อความบันเทิงของคุณ
 
34:19  แต่คุณสังเกตไปด้วยกันกับผู้พูด
 
34:23  เรากำลังทำไปพร้อม ๆ กัน
 
34:25  ซึ่งหมายความว่า เราสืบค้นร่วมกันไป
ด้วยห่วงใย
  
34:30  ด้วยความใส่ใจ ด้วยความเอื้ออาทร
ด้วยความรัก ทำไปด้วยกัน
  
34:34  ถ้าไม่เช่นนั้น มันก็ไร้ความหมาย
 
34:36  คุณยอมรับถ้อยคำมากมาย แล้วจากไป
 
34:39  มันก็กลายเป็นแค่เถ้าถ่าน
ในกำมือของคุณ
  
34:45  ดังนั้น การสังเกต
ที่ไม่ใช่เป็นเพียงบางส่วน
  
34:46  แต่สังเกตด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมด
จะเกิดขึ้นได้ไหม
  
34:50  นั่นหมายถึงการสังเกต
 
34:54  โดยปราศจากอดีต จะเป็นไปได้ไหม
 
34:58  ประสาทสัมผัสทั้งหมดไม่มีอดีต
ทว่ามันทำงานอยู่
  
35:00  คุณเข้าใจไหม
 
35:06  นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ตัวผมเอง
กำลังค้นพบอะไรบางอย่าง
  
35:12  ประสาทสัมผัสกำลังตอบสนอง
 
35:20  ต่อทุกๆสิ่งที่เข้ามาท้าทาย
 
35:26  เมื่อประสาทสัมผัส
ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์พร้อม
  
35:32  จะมีการสังเกตอันบริสุทธิ์
ไม่ใช่หรือ
  
35:42  ผมสงสัย ว่าคุณเห็นตรงนี้ไหม
 
35:50  และการสังเกตเยี่ยงนั้น
ไม่ได้เกิดขึ้นโดยความคิด
  
35:57  ใช่ไหม
 
36:03  ในการสังเกตนั้น
ไม่มีศูนย์กลางผู้ซึ่งทำการสังเกต
  
36:09  มีเพียงการสังเกตที่บริสุทธิ์
และตรงไปตรงมา
  
36:11  ปราศจากความกดดัน
และอดีตทั้งมวล
  
36:16  ใช่ไหม
 
36:20  ซึ่งหมายถึง เราต้องสืบค้นเข้าไป
ในปัญหาทั้งหมดเกี่ยวกับวินัย
  
36:22  เพราะเราเคยชินอยู่กับมัน
 
36:24  เราเคยชินอยู่กับ
การใช้ความพยายาม
  
36:31  การเรียนรู้
เป็นความพยายามอย่างหนึ่ง
  
36:40  จะเรียนรู้ภาษา หรืออะไรก็ตาม
เราต้องใช้ความพยายามมหาศาล
  
36:46  และเป็นไปได้ไหม ที่จะดำรงชีวิต
 
36:50  กรุณาฟังให้ดี
เป็นไปได้ไหม ที่จะดำรงชีวิต
  
36:56  โดยไม่มีแม้แต่เงาของความพยายาม
 
37:01  โปรดถามตัวคุณเอง
และค้นหาคำตอบ
  
37:04  เพราะเราใช้ความพยายาม
ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ด้าน
  
37:08  แต่เรายังไม่สามารถ
ทำให้เกิดสังคมอันดีงามขึ้นได้
  
37:12  สังคมที่ผู้คนอยู่กันอย่างผาสุข
 
37:14  ปราศจากความหวาดกลัว
ความหวาดวิตก ความไม่แน่นอน
  
37:19  คุณตามทันไหม - สภาพที่
กำลังเกิดขึ้น อยู่ในโลกทุกวันนี้
  
37:21  และเราบอกว่า โดยอาศัยองค์กร
 
37:23  ใช้ความพยายามเพื่อจัดตั้งองค์กร
แล้วเราจะแก้ไขปัญหานั้นได้
  
37:30  เราจึงตั้งคำถามต่อกระบวนการ
ของความพยายาม
  
37:35  ความพยายามที่จะเข้าถึงพระเจ้า
หากพระเจ้ามีอยู่จริง
  
37:38  พยายามที่จะเป็นคนดี มีเกียรติ
 
37:47  พยายามจะมีความรับผิดชอบที่ดี
ในสัมพันธภาพของเรา
  
37:51  ดังนั้น ความพยายามแสดงถึง
การกระทำที่มาจากเจตจำนง
  
37:54  คุณตามทันไหม
 
37:57  เจตจำนงคือความอยาก
 
37:59  มีความอยากอยู่มากมายหลายรูปแบบ
 
38:05  และในการทำงานของความอยาก
ย่อมก่อให้เกิดความพยายาม
  
38:10  ถ้าฉันต้องการสูทชั้นดี
ฉันต้องใช้ความพยายาม
  
38:15  ถ้าฉันต้องการเป็นคนดี
ตามที่เรียกขานกัน
  
38:20  ฉันต้องใช้ความพยายาม
ที่จะเป็นคนดี
  
38:23  ถ้าฉันต้องการเข้าถึงพระเจ้า เราจะ
ยังไม่พูดถึงเรื่องพระเจ้าตอนนี้
  
38:26  ฉันต้องอดอาหาร หรือไม่ก็ถือ
พรหมจรรย์ ถือสัตย์ปฏิญาณ
  
38:36  แผดเผาตนเอง
ต่อสู้ ดิ้นรน ขวนขวาย
  
38:37  พยายามอย่างมหาศาล เพื่อเข้าถึง
อุดมการณ์ หรือหลักการอันสูงสุด
  
38:45  เราตั้งคำถามต่อความพยายามนั้น
 
38:51  เพราะเรากล่าวว่า
การสังเกตที่บริสุทธิ์นั้น
  
39:01  ดังที่ผมได้อธิบายไปบ้างแล้ว
ในการสังเกตนั้น ไม่มีความพยายาม
  
39:04  มีแค่เพียงการสังเกต
และปฏิบัติการเท่านั้น
  
39:10  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
39:26  ผมจะเข้าไป
ในรายละเอียดมากขึ้น ในตอนนี้
  
39:31  ด้วยเหตุนั้น เราจึงต้องเข้าใจ
 
39:35  ในธรรมชาติทั้งหมด ของความอยาก
 
39:40  เพราะเราถูกผลักดันด้วยความอยาก
 
39:48  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกามรมณ์
หรือความทะเยอทะยาน
  
39:52  คุณก็ทราบ เรื่องทำนองนั้น
 
39:54  ความอยากกลายเป็นรากฐาน
ของการดำรงอยู่ของเรา
  
39:56  ดังนั้น เราต้องสืบค้นเข้าสู่
คำถามทั้งหมด ของความอยาก
  
40:04  นักบวชทั้งหลายทั่วโลก
สั่งสอนว่า อย่าได้มีความอยาก
  
40:09  ถ้าคุณต้องการจะเข้าถึงพระเจ้า
เข้าถึงหลักธรรมอันสูงสุด
  
40:17  ความอยากจะต้องถูกเก็บกด
คุณก็ทราบเรื่องทั้งหมดนี้ดี
  
40:21  ดูบรรดานักบวชทั้งหลายทั่วโลก
 
40:26  พวกเขาก็เป็นมนุษย์ธรรมดา
ผู้ถือสัตย์ปฏิญาณจะรับใช้พระเจ้า
  
40:30  และรวบรวมพลังงานทั้งหมดของเขา
เพื่อการนั้น
  
40:35  ซึ่งหมายถึง ความอยาก
ต้องถูกยับยั้ง ควบคุมให้เบาบางลง
  
40:37  กดข่ม
หรือเปลี่ยนสภาพมัน และอื่น ๆ
  
40:44  ดังนั้น เราต้องสืบค้น
เข้าไปในความอยาก
  
40:51  สังเกตดูความอยาก โดยไม่ควบคุม
ไม่กดข่ม หรือเปลี่ยนแปลงมัน
  
40:56  เพียงแค่สังเกตดูความอยาก
 
40:58  คุณเข้าใจไหม สังเกตอย่างบริสุทธิ์
 
41:13  ในการสังเกตนั้น
หากคุณพินิจอย่างลึกซึ้ง
  
41:19  ความคิดก็ไม่กล้ำกรายเข้ามาเลย
 
41:23  ดังที่ เราอธิบายเมื่อครู่นี้
ผมหวังว่า มันเป็นอย่างนั้น
  
41:30  ผมต้องย้อนกลับไปพูดถึงมันอีกไหม
 
41:38  เรากล่าวว่า ความอยาก
คือปัจจัยสำคัญหนึ่งของชีวิต
  
41:50  เราต้องเข้าใจว่า
ความอยากคืออะไร
  
41:55  ความอยากบงการอยู่เหนือชีวิตเรา
อย่างไร และเพราะเหตุใด
  
41:58  ไม่ว่าจะอยากไปสรวงสวรรค์
หรืออยากรู้แจ้ง
  
42:03  หรืออยากจะได้บ้านสักหลัง
 
42:07  คุณทราบดี ถึงความอยากทั้งหมดนั้น
 
42:12  ความอยากเกิดขึ้นได้อย่างไร
 
42:15  อะไรคือความสัมพันธ์
โปรดเข้าใจตามไปช้า ๆ
  
42:19  เราจะสืบค้นอย่างรอบคอบ
 
42:22  อะไรคือความสัมพันธ์
ระหว่างประสาทสัมผัส และความอยาก
  
42:25  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
42:28  ประสาทสัมผัส - การเห็นอะไรบางอย่าง
ผ่านกระจกห้างร้าน
  
42:30  มองเห็นเสื้อผ้าอาภรณ์
หรืออะไรก็ตาม
  
42:39  เฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามสักชิ้น
 
42:42  หรือรถยนต์คันสวยสักคัน นั่นคือ
เมื่อมองเห็น ความอยากก็เกิดขึ้น
  
42:44  คุณเข้าใจไหม
 
42:46  สิ่งที่เห็น และความอยาก
สัมพันธ์กันอย่างไร
  
42:51  คุณจะค้นหาได้อย่างไร
 
42:58  ด้วยการอ่านจากตำรา อย่างนั้นหรือ
 
43:02  หรือว่าไปหานักจิตวิทยา
 
43:08  ไปหาอาจารย์ ไปพึ่งคุรุ
อย่างนั้นหรือ
  
43:12  เมื่อมีผู้บอกว่า มันเป็นอย่างนั้น
อย่างนี้ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไร
  
43:16  เพราะว่าเราชอบพึ่งพาคำอธิบาย
ของผู้อื่นอย่างยิ่ง
  
43:22  เราต้องการให้ใครคอยบอก ใช่ไหม
 
43:27  แต่ผู้พูดปฏิเสธที่จะให้ใครบอก
 
43:29  ไม่ว่าจะเป็นตำรา หรืออาจารย์
 
43:34  หรือบุคคลที่อยู่ในฐานะ
ผู้มีความรู้ทั้งหมด
  
43:42  ดังนั้น เราจะค้นหาได้อย่างไร
 
43:45  ถ้าเราปฏิเสธทั้งหมดนั้น
ก็เหลืออยู่แต่ตัวคุณเองเท่านั้น
  
43:50  คุณจะค้นหาได้อย่างไร
ว่าอะไรคือความสัมพันธ์
  
43:53  ระหว่างการทำงานของประสาทสัมผัส
 
43:56  และความอยาก
 
43:59  หรือทั้งสองอย่างนี้
ต้องคู่เคียงกันไปตลอด
  
44:02  คุณเข้าใจคำถามผมไหม
 
44:05  คุณตามหรือปล่า
 
44:10  คุณสนใจเรื่องเหล่านี้ไหม
 
44:13  โอ พระเจ้า
 
44:19  หากคุณไม่รังเกียจ
โปรดระลึกไว้เสมอ
  
44:24  ว่าเราไม่ประสงค์จะเปลี่ยนคุณ
ให้เป็นอะไรทั้งสิ้น
  
44:31  ใช่ว่าจะเปลี่ยนเป็น
ความอยากแบบใหม่
  
44:36  เปลี่ยนเป็นนี่ เป็นนั่น
ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น
  
44:40  เรากำลังสืบค้นร่วมกันอยู่
 
44:45  ถ้าคุณสังเกตการเคลื่อนไหว
ของความอยาก อย่างใกล้ชิด
  
44:47  คุณเห็นบางสิ่งบางอย่างในห้างร้าน
 
44:51  เครื่องแต่งกาย เสื้อ กางเกง
หรืออะไรก็ตาม
  
44:53  ประสาทสัมผัสถูกปลุก
ให้ตื่นตัวขึ้น จากการได้เห็นนั้น
  
45:00  โดยการมองเห็นเสื้อตัวนั้น
ชุดนั้น ใช่ไหม
  
45:03  ประสาทสัมผัสก็ตื่นตัวขึ้น
 
45:10  จากนั้น คุณเข้าไป
จับต้องเนื้อผ้านั้น
  
45:14  นั่นคือสัมผัส แล้วเกิดความรู้สึก
ทางประสาทสัมผัส ใช่ไหม
  
45:23  โปรดติดตามไปทีละก้าว ๆ
 
45:29  มองเห็น สัมผัส แล้วรู้สึก
 
45:32  ใช่ไหม
 
45:34  พึงสังเกตมันอย่างใกล้ชิด
คุณจะเห็นได้ด้วยตนเอง
  
45:51  จากนั้น ความคิดก็เข้ามา
และสร้างมโนภาพขึ้น
  
45:55  และคิดว่า ฉันคงจะดูดี
ถ้าได้ใส่เสื้อสีฟ้าตัวนั้น
  
45:57  ใช่ไหม
 
46:00  ดังนั้น เมื่อความคิดสร้างมโนภาพ
ว่าคุณเป็นเจ้าของชุดนั้น
  
46:04  ชุดแต่งกายนั้น แล้วสร้าง
ภาพลักษณ์ตัวคุณ ในชุดนั้น
  
46:09  ว่าคุณดูดีเพียงใด
จากนั้นความอยากก็เริ่มขึ้น
  
46:15  คุณตามทันไหม
 
46:18  มันน่าสนใจอย่างยิ่ง
โปรดสืบค้นเข้าไปให้ลึกซึ้ง
  
46:24  เมื่อมองเห็น สัมผัส จับต้อง
แล้วเกิดความรู้สึก
  
46:28  นั่นเป็นเรื่องที่ปรกติมาก
มันเป็นอย่างนั้นเอง
  
46:32  แล้วความคิดก็เข้ามา
และสร้างภาพลักษณ์
  
46:34  ว่าคุณกำลังนั่งอยู่
ในรถยนต์คันนั้น กำลังขับมันอยู่
  
46:48  เกิดความรู้สึกตื่นเต้น
ต่อความเร็วและอื่นๆ
  
46:54  คุณได้สร้างภาพลักษณ์ขึ้นแล้ว
 
46:58  เมื่อความคิดมีอำนาจ
เหนือประสาทสัมผัส
  
47:01  ความคิดก็สร้างภาพลักษณ์ขึ้น
จากนั้น ความอยากก็เริ่มขึ้น
  
47:05  ถ้ามันเป็นเช่นนั้น
 
47:08  คำถามต่อไปก็คือ
ทำไมความคิดจึงสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมา
  
47:13  คุณเข้าใจไหม
 
47:15  มันเป็นเรื่องถูกต้อง เป็นปรกติ
ที่จะเห็นรถยนต์คันสวย
  
47:19  เมื่อเห็นมัน สัมผัสมัน แล้วเกิด
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสต่างๆ
  
47:21  จากนั้นความคิดก็แวบเข้ามาว่า
 
47:28  คุณนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
กำลังขับมันอยู่
  
47:34  คุณคิดหวังว่า
มันเป็นรถยนต์ที่วิ่งเร็ว
  
47:36  ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา
เรื่องพลังงานอยู่ก็ตาม
  
47:44  ความคิดสร้างกระบวนการนี้ขึ้น
 
47:48  ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้
แต่ไม่ใช่เข้าใจทางถ้อยคำ
  
47:50  ไม่ใช่ทางปัญญาความคิด
 
47:57  แต่เข้าใจตามความเป็นจริง
จากนั้น ความคิดก็ไม่สัมพันธ์
  
48:00  กับความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
คุณเข้าใจไหม
  
48:02  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
48:08  ดังนั้น จึงไม่มีปัญหา
เรื่องการใช้ความพยายาม
  
48:13  เพื่อจัดการความอยาก
ให้อยู่ในวินัย
  
48:17  เพื่อกดข่มความอยาก
 
48:19  หรือเปลี่ยนแปลงความอยาก
 
48:23  เพราะว่าเราคุ้นเคย
และถูกฝึกมา ให้เพียรพยายาม
  
48:26  พยายามจัดการกับความอยาก
ที่ถูกต้อง ความอยากที่ผิด
  
48:32  ความอยากที่สูงส่ง
และความอยากที่ไม่สูงส่ง
  
48:36  พยายามไปตามแบบแผน
ของแต่ละอารยธรรม
  
48:43  ซึ่งอารยธรรมก็คือ
สิ่งที่ความคิดสร้างขึ้น ใช่ไหม
  
48:49  ดังนั้น วินัย
จึงมีความหมาย ที่แตกต่างออกไป
  
48:58  แต่ทุกวันนี้
วินัยหมายถึงการควบคุม ใช่ไหม
  
49:06  การดิ้นรนขวนขวาย เพื่อให้เป็น
ไปตามความเรียกร้องต้องการ
  
49:10  ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรม
สมัยวิคตอเรีย หรือสมัยใหม่
  
49:16  หรืออารยธรรมที่ปล่อยตามอำเภอใจ
หรือไม่ปล่อยก็ตาม
  
49:20  ล้วนสอนให้ใช้วินัยฝึกตนเอง
เพื่อที่จะเป็นอะไรบางอย่าง
  
49:23  ควบคุมบังคับตนเอง คุณเข้าใจไหม
 
49:26  ทั้งหมดนั้น อยู่บนพื้นฐาน
ของความพยายาม จะเป็น อยากจะเป็น
  
49:31  อยากจะประสบความสำเร็จ
เรากำลังพูดถึงเรื่องจิตใจ
  
49:37  ดังนั้น เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติ
ของความอยากแล้ว
  
49:40  ความพยายามยังจะมี
บทบาทอะไรอีกหรือ
  
49:43  คุณเข้าใจไหม
 
49:47  หมายถึง ความพยายามทางจิตใจ
 
49:51  วินัย จะมีบทบาทใดอยู่อีกหรือ
 
49:54  แท้จริงแล้ว
วินัย หมายถึงการเรียนรู้
  
49:58  คำนี้มาจากคำว่า ศิษยะ
 
50:01  ซึ่งหมายถึง ผู้ที่สนใจเรียนรู้
จากครู - การเรียนรู้
  
50:04  ความหมายที่แท้จริงของวินัย
คือการเรียนรู้
  
50:10  เราได้เรียนรู้มา
 
50:12  คุณเข้าใจไหม
 
50:17  เราได้เรียนรู้ร่วมกันมา
ถึงธรรมชาติของความอยาก
  
50:22  ดังนั้น อะไรคือกระบวนการ
ทั้งหมดของอารยธรรม
  
50:27  ที่สั่งสอนให้ใช้วินัย
 
50:32  วินัยซึ่งหมายถึง การปฏิบัติตาม ๆกัน
ลอกเลียนแบบกัน
  
50:37  หรือเปรียบเทียบกัน คุณเข้าใจไหม
 
50:40  วินัยครอบคลุมความหมายทั้งหมดนั้น
และมากมายกว่านั้นอีก โดยปริยาย
  
50:43  ดังนั้น เป็นไปได้ไหม
ที่จะดำรงชีวิตในแต่ละวัน
  
50:46  โดยปราศจากความพยายามใดๆ ทั้งสิ้น
 
50:52  คุณเข้าใจไหม ไม่มีความรู้สึก
ของการควบคุม แม้แต่นิดเดียว
  
50:55  ได้โปรดเถิด
เรื่องนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
  
51:00  โดยเฉพาะในสังคม
ที่ปล่อยตามอำเภอใจ
  
51:03  เราไม่ได้สนับสนุน
ทั้งการปล่อยตามอำเภอใจ
  
51:11  และการกระทำที่ตรงกันข้าม
 
51:16  เรากำลังตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมด
ของจิตใจมนุษย์
  
51:18  ซึ่งได้รับการฝึกฝนเพื่อให้
ควบคุม และปฏิกริยาตอบโต้ก็คือ
  
51:29  การปล่อยตามอำเภอใจ
ทำอะไรก็ได้ ตามที่คุณต้องการ
  
51:37  แต่เราบอกว่า ให้เข้าใจ
ให้มองดู สังเกต
  
51:42  ให้รู้ตัวต่อการดำรงอยู่
ทั้งหมดของคุณ
  
51:44  ไม่ใช่รู้ตัวแค่บางส่วนเท่านั้น
 
51:49  ให้ทำตามอำเภอใจได้
เมื่อคุณอายุยี่สิบปี
  
51:51  แต่ทว่า ดูเถิด
ชีวิตตั้งแต่ต้นจนจบ
  
51:55  ทุก ๆศาสนา
ทุกๆองค์กรทางศาสนา
  
51:58  พร้อมทั้งความเชื่อฝังหัว
ของศาสนา และอื่น ๆ
  
52:00  ต่างเรียกร้องต้องการ ให้มีวินัย
 
52:04  เช่น ให้รับใช้พระเจ้า
อยู่ในวินัย และเพียรพยายาม
  
52:07  คุณไม่อาจรักได้
โดยความพยายามที่จะรัก ใช่ไหม
  
52:12  ความคิดสามารถใช้ความพยายาม
และบอกว่า "ฉันจะพยายามรัก"
  
52:17  แต่นั่นไม่ใช่ความรัก มันยังเป็น
การเคลื่อนไหวของความคิด
  
52:21  ความคิดขึ้นอยู่กับความรู้
ความรู้ควบคู่ไปกับความโง่เขลา
  
52:24  และความคิดไม่เคยมีคุณสมบัติ
แห่งความรัก อันเป็นทั้งหมด
  
52:26  ดังนั้น เราจึงกล่าวว่า
สภาพของความเป็นมนุษย์
  
52:28  ซึ่งก็คือ จิตสำนึกของมนุษย์
 
52:32  ไม่ใช่เป็นจิตสำนึก
เฉพาะของคนหนึ่งคนใดเท่านั้น
  
52:34  จิตสำนึกนั้น
เป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกทั้งหมด
  
52:37  ไม่ทราบว่าคุณมองเห็นไหม
 
52:41  จิตสำนึกของคุณ
ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในเมือง
  
52:46  อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน
หรืออยู่กับสามี
  
52:49  หรือภรรยา หรือเด็กหญิง เด็กชาย
จิตสำนึกอันน้อยนิดนั้น
  
52:53  รวมทั้งปวงปัญหาของมัน
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในชุมชนที่เปี่ยมสุข
  
52:55  หรือไม่ใช่ชุมชนก็ตาม
ไม่ว่าคุณอยู่อย่างมีความสุข
  
53:01  กับภรรยา หรือแฟนสาวของคุณ
หรืออะไรก็ตาม
  
53:03  ที่ว่ากันว่ามีความสุข
จิตสำนึกอันน้อยนิดนั้น
  
53:07  เป็นจิตสำนึกของมวลมนุษยชาติ
 
53:12  เพราะว่าทั้งหมดนั้น
ล้วนเป็นจิตสำนึกเฉพาะตน อันน้อยนิด
  
53:18  ไม่ทราบว่าคุณมองเห็นไหม
 
53:22  ดังนั้น จิตสำนึกของคุณ
จึงไม่ได้แยกแตกต่างออกไป
  
53:30  ผมทราบว่า เราชอบที่จะคิดว่า
 
53:36  จิตสำนึกของเราพิเศษ
กว่าของใครอื่นทั้งหมด
  
53:39  แต่ทว่า จิตสำนึกของเรา
 
53:43  และเนื้อหาของมัน
บรรจุไว้โดยความคิด ใช่ไหม
  
53:49  ความคิดก่อให้เกิด
จิตสำนึกอันจำกัดนี้
  
53:54  ในการสังเกตจิตสำนึกนี้
 
53:57  ไม่ว่ามันจะจำกัด
คับแคบเพียงใดก็ตาม
  
53:58  ในการสังเกตกระบวนการ
ทั้งหมดของจิตสำนึก
  
54:02  โดยปราศจากการกำหนดทิศทาง
 
54:06  เพียงแค่สังเกต
 
54:10  โดยไม่เลือกว่า "ฉันจะเก็บ
ส่วนนี้ไว้ แล้วทิ้งส่วนอื่นไป"
  
54:16  เพียงแค่สังเกตเนื้อหาทั้งหมด
 
54:20  เมื่อคุณสังเกตเต็มที่
 
54:22  ซึ่งหมายถึง ไม่มีผู้สังเกต
ผู้ซึ่งคืออดีต
  
54:25  เมื่อนั้น จิตสำนึกนั้น
ก็ไม่มีศูนย์กลาง
  
54:29  ไม่ทราบว่าคุณมองเห็นไหม
 
54:33  จิตสำนึกของพวกเราขณะนี้
มีตนเองเป็นศูนย์กลาง
  
54:38  มีฉัน และบทบาทของฉัน
 
54:44  ฉัน และปัญหาของฉัน
ฉัน และหน้าที่การงานของฉัน
  
54:46  ฉัน และภรรยาของฉัน
 
54:50  ฉัน และภรรยาอีกคนของฉัน
แฟนสาวอีกคนของฉัน
  
54:52  ฉัน และอื่น ๆ
 
54:54  จิตสำนึกนี้
คือ การเคลื่อนไหวของความคิด
  
55:00  ความคิดได้สร้างกิจลักษณะต่าง ๆ
ใส่ไว้ในจิตสำนึกนี้
  
55:05  เช่นสร้างความเชื่อ บทบัญญัติ
พิธีกรรม นั่นเป็นส่วนหนึ่ง
  
55:10  ซึ่งคุณก็ทราบดี ถึงสิ่งที่
เกิดขึ้น ที่เรียกกันว่า ศาสนา
  
55:14  อีกส่วนหนึ่งเป็นกิจทางธุรกิจ
และกิจที่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว
  
55:18  อันมีความโศกเศร้า
ความทุกข์โศก ความเจ็บปวด
  
55:20  ความกระวนกระวายใจ ความรู้สึกผิด
 
55:23  ทั้งหมดนั้น คือจิตสำนึกของเรา
 
55:28  และจิตสำนึกนั้น เป็นจิตสำนึก
 
55:34  ของผู้คนที่อยู่ในรัสเซีย
อินเดีย จีน หรืออเมริกา เช่นกัน
  
55:37  ดังนั้น หากเราตระหนักว่า
 
55:39  เราเป็นส่วนหนึ่ง
ของมวลมนุษยชาติ
  
55:43  ไม่ใช่เป็นชาวอังกฤษ
สหราชอาณาจักร
  
55:45  สิ่งเหล่านั้นก็จบสิ้นไป
 
55:54  เมื่อนั้น เราจะมี
ความรับผิดชอบประเสริฐสุด
  
55:58  ไม่ใช่รับผิดชอบ
ต่อครอบครัวอันน้อยนิดของฉัน
  
56:01  แต่รับผิดชอบต่อมวลมนุษย์
 
56:09  ที่สุดแล้ว
 
56:12  นั่นคือความรัก มิใช่หรือ
 
56:15  การรู้สึกรับผิดชอบ
อย่างเต็มเปี่ยม
  
56:17  ต่อลูกหลานของฉัน ที่จะต้อง
ได้รับการศึกษาอย่างถูกต้อง
  
56:23  โดยไม่ให้ถูกครอบงำ
เพื่อให้มีโลกทัศน์
  
56:26  แบบใดโดยเฉพาะ เช่นแบบชาวอังกฤษ
 
56:29  หรือแบบชาวฝรั่งเศส
 
56:33  ไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์แบบรัสเซีย
หรือแบบเผด็จการ
  
56:36  หรือจะเป็นอะไรก็ตาม
 
56:40  แต่ให้ได้รับการศึกษา เพื่อที่
พวกเขาจะเป็นมนุษย์ ผู้ดำรงศาสนจิต
  
56:49  เพราะว่าในศาสนาเยี่ยงนั้น
มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
  
56:53  เป็นหนึ่งเดียวโดยที่
ไม่มีการจัดการให้เกิดขึ้น
  
56:55  และการศึกษาที่ถูกต้อง
หมายถึง ความรู้สึกเป็นอิสระ
  
56:59  จากความกลัว จากความเร่าร้อน
ที่จะให้ได้สมปรารถนา และอื่น ๆ
  
57:03  ขณะนี้ เราจะไม่สืบค้น
ในเรื่องการศึกษาที่ถูกต้อง
  
57:08  เมื่อเรารู้สึกว่า
 
57:13  เราเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ
 
57:17  เมื่อนั้น คุณจะรู้สึกรับผิดชอบ
อย่างใหญ่หลวงพิเศษสุด
  
57:22  รับผิดชอบต่อมวลมนุษย์
ฉะนั้น จะไม่มีสงครามอีกต่อไป
  
57:25  โอ คุณยังไม่มองเห็น
เรื่องทั้งหมดนี้
  
57:29  จะไม่มีการแบ่งแยกประเทศชาติ
 
57:33  นั่นคือความเป็นจริง คุณเข้าใจไหม
นั่นไม่ใช่ทฤษฎี
  
57:35  เมื่อคุณรู้สึกว่า
จิตสำนึกของคุณ
  
57:46  เป็นจิตสำนึกแห่งมวลมนุษยชาติ
 
57:55  เพราะว่าผู้คนในอินเดีย
ก็มีความทุกข์
  
57:57  เช่นเดียวกับพวกคุณที่นี่
ที่อเมริกา และที่อื่น ๆ
  
58:05  จิตสำนึกของเรา
เป็นจิตสำนึกแห่งมนุษยชาติ
  
58:08  และในการปลดปล่อยจิตสำนึกนั้น
ให้เป็นอิสระจากตัวมันเอง
  
58:14  นั่นหมายถึง เรามีความรับผิดชอบ
ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
  
58:18  นั่นคือเนื้อแท้ของธรรมชาติ
แห่งความรักและความเมตตาการุณย์
  
58:20  เราจะพบกันอีกครั้งวันมะรืนนี้
 
58:23  แทนที่จะมีการสนทนา
หรือถกปัญหากัน
  
58:25  อย่างที่เราได้ทำมาแล้ว
ในหลาย ๆ แห่ง หลาย ๆ วาระ
  
58:29  เราคิดว่า น่าจะเป็นการดี
ที่จะมีการ ถาม-ตอบ
  
58:33  ไม่ว่าคุณอยากจะถามคำถามอะไร
 
58:35  เราจะพยายามตอบแต่ละคำถามนั้น
 
58:40  ในเช้าวันอังคาร
 
58:45  με όλα της τα προβλήματα,
 
58:48  είτε ζείτε σε μία χαρούμενη
κοινότητα ή όχι σε κοινότητα,
  
58:52  είτε ζείτε ευτυχισμένα
με την σύζυγό σας,
  
58:54  με το κορίτσι σας ή οτιδήποτε είναι
αυτό-ευτυχισμένα μέσα σε εισαγωγικά-
  
59:01  αυτή η μικρή ιδιαίτερη συνείδηση
 
59:07  είναι η συνείδηση της
υπόλοιπης ανθρωπότητας,
  
59:11  διότι είναι όλοι μικρές
ιδιαίτερες συνειδήσεις.
  
59:15  Αναρωτιέμαι εάν το βλέπετε αυτό.
 
59:19  Επομένως η συνείδησή σας
δεν είναι διαχωρισμένη.
  
59:21  Ξέρω ότι κάποιος θέλει να
πιστεύει ότι όλα είναι ιδιαίτερα,
  
59:27  αλλά η συνείδησή μας
 
59:33  και τα περιεχόμενά της είναι
τοποθετημένα εκεί από τη σκέψη.
  
59:38  Σωστά;
 
59:41  Η σκέψη έχει επιφέρει
 
59:44  αυτήν την περιορισμένη συνείδηση.
 
59:47  Τώρα για να παρατηρήσουμε
αυτήν την συνείδηση,
  
59:50  όσο περιορισμένη κι αν είναι,
 
59:58  για να παρατηρήσουμε
τις δραστηριότητές της
  
1:00:01  δίχως καμία κατεύθυνση,
 
1:00:07  απλά να παρατηρούμε,
 
1:00:13  όχι να επιλέγουμε "θα κρατήσω αυτό το τμήμα και θ'αφήσω το άλλο να φύγει"
 
1:00:17  απλά να παρατηρούμε το όλο περιεχόμενο.
 
1:00:22  Όταν παρατηρείτε έτσι,
 
1:00:28  που σημαίνει ότι δεν υπάρχει κανένας
παρατηρητής που είναι το παρελθόν,
  
1:00:32  τότε αυτή η συνείδηση
δεν έχει κανένα κέντρο.
  
1:00:37  Αναρωτιέμαι εάν το βλέπετε αυτό;
 
1:00:44  Η συνείδησή μας τώρα
είναι εγωκεντρική, σωστά;
  
1:00:50  Εγώ και οι δραστηριότητές μου, εγώ και
 
1:00:54  τα προβλήματά μου,
εγώ και η δουλειά μου,
  
1:00:57  εγώ και η σύζυγός μου, εγώ και η
άλλη μου σύζυγος, το άλλο κορίτσι,
  
1:01:00  εγώ και ούτω καθεξής,
και τα λοιπά, και λοιπά.
  
1:01:04  Αυτή η συνείδηση είναι
η κίνηση της σκέψης.
  
1:01:08  Η σκέψη έχει τοποθετήσει σ'αυτή τη
συνείδηση ποικίλες δραστηριότητες:
  
1:01:10  την πίστη, τα δόγματα, τις
τελετές, από την μία πλευρά
  
1:01:14  ξέρετε, όλα αυτά που συμβαίνουν, που αποκαλούνται θρησκεία-
 
1:01:17  και την επιχειρηματική δραστηριότητα,
 
1:01:20  τη δραστηριότητα της προσωπικής σχέσης
 
1:01:26  στενοχώρια, θλίψη, πόνος, ανησυχία, ενοχή-
 
1:01:29  τα ξέρετε όλα αυτά.
 
1:01:35  Όλα αυτά είναι η συνείδησή μας.
 
1:01:38  Κι αυτή η συνείδηση είναι η συνείδηση
 
1:01:41  εκείνων των ανθρώπων που ζούν στη Ρωσία,
 
1:01:47  ή στην Ινδία, ή στην
Κίνα, ή στην Αμερική.
  
1:01:49  Επομένως, εάν κάποιος
το συνειδητοποιήσει αυτό
  
1:01:58  ότι είμαστε μέρος όλης της ανθρωπότητας,
 
1:02:01  όχι Άγγλοι, Βρετανοί
-παρακολουθείτε;-
  
1:02:06  όλα αυτά τα είδη απομακρύνονται.
 
1:02:12  Τότε γινόμαστε εκπληκτικά υπεύθυνοι.
 
1:02:15  Όχι στη μικρή μου οικογένεια,
 
1:02:21  αλλά σε όλα τα ανθρώπινα όντα.
 
1:02:25  Εξάλλου,
 
1:02:29  αυτό είναι αγάπη, δεν είναι;
 
1:02:33  Το να νιώθω ολοκληρωτικά υπεύθυνος
 
1:02:35  για τα παιδιά μου
 
1:02:40  που πρέπει να μορφωθούν σωστά,
 
1:02:46  όχι να είναι διαμορφωμένα σε μία
συγκεκριμένη μορφή Βρετανικής άποψης,
  
1:02:55  ή Γαλλικής άποψης,
 
1:03:00  είτε Ρωσικής, ή ολοκληρωτικής,
ή οτιδήποτε κι αν είναι,
  
1:03:02  μορφωμένα,
 
1:03:08  έτσι ώστε να γίνουν
θρησκευόμενα ανθρώπινα όντα.
  
1:03:10  Διότι σε αυτήν την
θρησκεία υπάρχει ενότητα,
  
1:03:13  που δεν σημαίνει να
είναι κανείς οργανωμένος.
  
1:03:15  Και η σωστή διαπαιδαγώγηση υποδηλώνει
αυτήν την αίσθηση ελευθερίας
  
1:03:20  από τον φόβο,
 
1:03:28  απ'αυτήν την τρομερή
ανησυχία να πραγματώσουν,
  
1:03:31  και ούτω καθεξής.
 
1:03:34  Δεν είναι η κατάλληλη στιγμή να
εμβαθύνουμε στη σωστή διαπαιδαγώγηση.
  
1:03:39  Συνεπώς όταν κάποιος νιώθει
 
1:03:44  ότι κάποιος είναι ο εκπρόσωπος
όλης της ανθρωπότητας,
  
1:03:47  τότε γίνεστε εκπληκτικά υπεύθυνοι
 
1:03:50  σε ολόκληρη την ανθρωπότητα,
 
1:03:51  άρα δεν θα υπάρχουν καθόλου πόλεμοι.
 
1:03:57  Α, δεν τα βλέπετε όλα αυτά.
 
1:04:01  Δεν θα υπάρχουν καθόλου εθνικότητες.
 
1:04:03  Αυτό είναι πραγματικότητα-
καταλαβαίνετε;-
  
1:04:06  δεν είναι μία θεωρία,
 
1:04:10  αλλά όταν νιώσετε
 
1:04:13  ότι η συνείδησή σας είναι
το υπόλοιπο της ανθρωπότητας,
  
1:04:18  διότι υποφέρουν στην Ινδία,
όπως ακριβώς κι εσείς εδώ,
  
1:04:20  στην Αμερική, και τα λοιπά, και λοιπά.
 
1:04:34  Επομένως, η συνείδησή μας
 
1:04:39  είναι η συνείδηση της ανθρωπότητας,
 
1:04:43  και στην απελευθέρωση αυτής της
συνείδησης από τα περιεχόμενά της
  
1:04:46  έχουμε υπευθυνότητα στο σύνολο.
 
1:04:50  Κι αυτή είναι ουσιαστικά
 
1:04:55  η φύση της αγάπης και της συμπόνιας.
 
1:04:59  Θα συναντηθούμε μεθαύριο.
 
1:05:02  Αντί να έχουμε διαλόγους, ή συζητήσεις,