Krishnamurti Subtitles home


BR79T4 - สมาธิ สภาวะซึ่งไร้กาลเวลาและความรัก
การพูดต่อสาธารณชนครั้งที่ 4
ที่บร็อกวู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร วันที่
2 กัน



1:09  ครั้งนี้จะเป็นการพูด
การร่วมเสวนากันเป็นครั้งสุดท้าย
  
1:12  ผมไม่ทราบว่า
จะพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรดี
  
1:37  นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ
 
1:44  ผมคิดว่า ถ้าหากเรารู้สึก
จริงจังอย่างแท้จริง
  
1:59  เราจะคำนึงถึงชีวิต
อย่างเป็นทั้งหมด
  
2:08  ไม่ใช่รับเอาแต่
สิ่งที่เข้ากันกับเรา
  
2:15  สิ่งที่สะดวกสบายที่สุด
ได้ผลประโยชน์ หรือถูกใจน่าพอใจ
  
2:17  แต่ชีวิตเป็นเรื่อง
ซับซ้อนอย่างยิ่ง
  
2:21  อีกทั้งความยากลำบากทั้งปวง
การดิ้นรน ความขัดแย้ง
  
2:26  และแรงกดดันบีบคั้นอันมหาศาล
และการเรียกร้องต้องการของชีวิต
  
2:34  และดูเหมือนเราเลือกมุมมอง
เฉพาะมุมใดมุมหนึ่ง
  
2:37  เลือกสิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุด
แล้วไขว่คว้าไปตามนั้น
  
2:41  ดูเหมือนเห็นได้ชัดๆว่าเราไม่เคย
กระทำต่อชีวิตอย่างเป็นทั้งหมด
  
2:47  ไม่ว่าการศึกษาของเรา
งานของเรา หรือวิถีชีวิตของเรา
  
2:49  ความสัมพันธ์ของเรา หรือความรัก
ไม่ว่าคำนี้จะหมายถึงอะไรก็ตาม
  
2:56  บางทีเช้านี้เราอาจจะ
เข้าไปทำความเข้าใจ
  
3:01  และอาจเป็นไปได้
ที่จะมีชีวิตที่ดีเลิศ
  
3:04  ศาสนาตลอดยุคสมัย
 
3:09  มีบทบาทสำคัญอย่าง
ไม่ธรรมดา ในชีวิตเรา
  
3:14  เราอาจจะทิ้งมันไป เราอาจจะบอกว่า
มันเหลวไหลไร้สาระ
  
3:20  เป็นเรื่องงมงาย แต่มนุษย์ทั่วโลก
 
3:24  ได้แสวงหาหรือถามหา
 
3:29  ว่ามีหรือ สิ่งที่ไกลพ้นออกไป
 
3:32  พ้นจากความตื่นเต้นทางประสาทสัมผัส
ความสุขทางเนื้อหนัง ทางเพศ
  
3:40  และพ้นไปจากความซ้ำซากจำเจ
อันเป็นปกติธรรมดาของชีวิต
  
3:55  เราถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เสมอมา
 
4:01  ยิ่งเรารู้สึกจริงจังมากเท่าใด
 
4:06  เราจะยิ่งขุดค้น
ลึกลงไปในชีวิตเรา
  
4:10  เราต้องถามอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ว่ามีไหมสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
  
4:17  เหนือพ้นกว่าการดำรงอยู่อย่างนี้
ที่มีทั้งความซับซ้อน
  
4:23  ความน่าเบื่อหน่าย
ความโดดเดี่ยวเดียวดายของชีวิต
  
4:26  และผมหวังว่าเราจะจริงจังพอ
อย่างน้อยที่สุดก็ในเช้านี้
  
4:28  เพื่อที่เราจะพิจารณาในเรื่องนี้
 
4:33  และผมขออนุญาตบอกว่า
 
4:37  โปรดอย่าได้ทำให้ที่นี่
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
  
4:43  ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาทำนั่นนี่
 
4:46  คุณก็รู้ดีเรื่องทำนองนั้น
 
4:51  โปรดอย่าทำอย่างนั้น
มันไม่คุ้มค่าหรอก
  
4:53  มีสถานที่อื่นๆ ที่คุณจะไปสนุกได้
 
4:56  และถ้าหากคุณเสพยาเสพติด
และอะไรเหล่านั้น
  
5:00  อย่ามาที่นี่ มันไม่คุ้มหรอก
 
5:05  ฉะนั้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์
เราจะเริ่มต้นอย่างไรดี
  
5:09  คุณเข้าใจไหม
 
5:13  เราจะเริ่มถามค้นเข้าไปอย่างไร
 
5:15  ว่ามีหรือ สภาวะบางอย่าง
ที่ยิ่งใหญ่กว่า
  
5:22  อะไรบางอย่างที่คงทนถาวร
 
5:26  อะไรบางอย่างที่ไม่อาจ
จะโยกคลอนได้
  
5:32  สิ่งที่ไม่สามารถจะเป็น
สิ่งชั่วครู่ชั่วยามได้
  
5:35  ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
ไปตามวัฒนธรรมและอื่นๆ
  
5:43  เราจะเริ่มการค้นหาเข้าไป
ในสิ่งที่มนุษย์เพรียกหา
  
5:48  มนุษย์ทั่วโลกพากันแสวงหา
 
5:50  มาตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์
ได้อย่างไร
  
5:53  ได้ไหม
 
5:55  เราพิจารณาเรื่องนี้ด้วยกันได้ไหม
 
5:57  ถ้าเราทำได้ สิ่งแรกก็คือ
ต้องตรวจสอบว่า เราฟังอย่างไร
  
6:04  ไม่เพียงฟังสิ่งที่คนอื่นๆ พูด
แต่ฟังตนเอง
  
6:07  ฟังความคิดทั้งหมด อารมณ์ทั้งปวง
 
6:17  และปัญหาทั้งมวล
ฟังความกระวนกระวาย ฟังดู
  
6:22  โดยไม่มีการบิดเบือนชนิดใดๆเลย
 
6:24  ไม่มีการชี้นำทิศทางไม่ว่าชนิดใด
 
6:27  เพียงแค่ฟัง อย่างที่คุณฟัง
คอนเสิร์ต ที่ไพเราะอย่างยิ่ง
  
6:33  เมื่อนั้นคุณจะเริ่มค้นพบ
 
6:39  ในขณะที่คุณฟัง
ว่ากิจกรรมของความคิดหรือจิตนั้น
  
6:46  มันบิดเบือนความจริง
ให้ผิดเพี้ยนไป
  
6:52  เข้าใจไหมครับ
 
6:55  เพราะความคิดเสาะแสวงหา
ให้ได้มากยิ่งๆ ขึ้นอยู่เสมอ
  
6:59  มันจึงเคลื่อนออกห่าง
จากสิ่งที่เป็นจริง
  
7:05  ดังนั้นในเช้านี้
 
7:11  ดังที่ได้พูดไปแล้วว่า ผมยัง
ไม่แน่ชัดว่าผมจะพูดเรื่องอะไรดี
  
7:18  แต่เมื่อเราได้เริ่มมาแล้ว
เรื่องการฟัง
  
7:20  เช้านี้เราจะฟังกันจริงๆได้ไหม
 
7:25  ไม่เพียงแค่ฟังผู้พูดเท่านั้น
 
7:29  ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้สำคัญมากนัก
 
7:35  ผู้พูดเพียงแต่เป็นดังกระจกเงา
 
7:39  ที่เราจะได้ส่องมองตัวเราเอง
 
7:44  และเมื่อคุณสังเกตตัวคุณเอง
 
7:48  กระจกก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร
 
7:50  คุณก็ทุบมันทิ้งไปได้ ฝังมันเสีย
คุณจะทำยังไงก็ตามแต่
  
7:57  ฉะนั้นเช้านี้เราทำได้ไหม
 
8:02  ที่จะร่วมกันตรวจสอบ ค้นเข้าไป
ในปัญหาอันซับซ้อนใหญ่หลวงนี้
  
8:06  ว่าอะไรคือความหมายแห่งชีวิต
 
8:17  และสิ่งที่เหนือพ้นไปจาก
กาลเวลามีอยู่หรือ
  
8:19  พ้นไปจากวันพรุ่งนี้
 
8:24  พ้นไปจากภาระอันหน่วงหนักของ
ความทรงจำอันมหึมา
  
8:26  มีหรือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
 
8:33  การมีชีวิตอยู่แค่ในระดับ
ความรู้สึกประสาทสัมผัสที่ผิวเผิน
  
8:35  และการจะตามค้นเข้าไปในสิ่งนั้น
 
8:39  เราต้องมีคุณสมบัติ
แห่งอิสรภาพที่แท้จริง
  
8:42  ไม่ผูกพันยึดติดอยู่กับ
ประสบการณ์ใดๆ เลย
  
8:48  ไม่ปรารถนา หรือ ร้องขออะไรอีก
 
8:54  เพราะถ้าทำอย่างนั้น
คุณก็กำลังเคลื่อนห่าง
  
8:57  ออกจากการสังเกตจริงๆ ใช่ไหม
 
9:00  เช้านี้ เราทำอย่างนั้นกันได้ไหม
 
9:03  นั่นคือ เรากำลังถามค้นเข้าไป
ในสิ่งที่เรียกว่า ศาสนา
  
9:06  เราได้ถามค้นเข้าไปแล้ว ว่าความกลัว
ความสุขเพลิดเพลินคืออะไร
  
9:13  รวมถึงความทุกข์โศกและ
ปัญหาแทบทั้งหมดของความตาย
  
9:17  และผมคิดว่าเราควรที่จะ
ค้นให้ลึกลงไปอย่างยิ่งจริงๆ
  
9:25  ถึงคำถามว่า ศาสนาคืออะไร
 
9:30  เพราะมนุษย์มีชีวิตมากับสิ่งนี้
 
9:39  ในการแสวงหา มนุษย์ถามว่า
 
9:42  เพื่อจะค้นให้พบอะไรบางอย่าง
ที่ห่างไกลจากสิ่งปกติทั่วไป
  
9:45  ค้นหาสิ่งซึ่งไม่ผิดเพี้ยน
ไม่บ้าบอ
  
9:52  อะไรบางอย่างที่พ้นไปจาก
สภาพที่เป็นอยู่จริงๆ
  
9:55  ที่กำลังเกิดขึ้นจริง
 
9:57  ความเจ็บปวดที่เป็นจริง
ความระทมทุกข์จริงๆ
  
10:03  ความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นจริง
 
10:08  ความเป็นจริงของการเรียกร้อง
ต้องการเพศรส ประสบการณ์ทางเพศ
  
10:15  มนุษย์ถามว่า สิ่งที่ไกลออกไป
จากสภาพเหล่านี้มีอยู่ไหม
  
10:19  เข้าใจนะครับ
 
10:23  นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ได้สืบค้น
แสวงหามา
  
10:27  และเขาได้กล่าวขนานว่า
นั่นเป็นการแสวงหาพระเจ้า
  
10:33  แสวงหาสัจจะธรรม
การแสวงหาในลักษณะต่างๆ
  
10:37  ซึ่งทางเอเชียเรียกว่า นิพพาน
โมกษะ หรือการหลุดพ้น
  
10:46  การตรัสรู้ และอื่นๆ
 
10:49  นี่คือสิ่งที่บุคคลผู้จริงจัง
เพรียกหาต้องการอย่างล้ำลึกมาตลอด
  
10:56  และในการแสวงหานั้น
เขาก็เข้าไปติดกับ
  
11:08  เขาเข้าร่วมกับศาสนาหนึ่ง
แล้วก็ทิ้งไป
  
11:14  แล้วไปร่วมกับศาสนาอื่น
แล้วทิ้งไปอีก
  
11:17  ในการแสวงหาของเขา
เขาติดอยู่ในบ่วง บ่วงแล้วบ่วงเล่า
  
11:21  ที่บั้นปลายของการแสวงหา
เมื่อเขาใกล้ตาย เขาพูดว่า
  
11:26  ฉันไม่ได้ค้นพบอะไรเลย"
คุณเข้าใจไหม
  
11:28  ฉันไปที่คุรุคนนี้ คนนั้น
 
11:36  ไปวัดนี้ โบสถ์นั้น
ไปเที่ยวตามพวกพระอารมณ์ร้าย
  
11:39  ที่เชื่องมงาย และอื่นๆอีกมากมาย
 
11:44  และท้ายที่สุด
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ความตาย
  
11:47  เขาก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรอยู่เลย
ไม่มีอะไรนอกจากขี้เถ้า
  
11:53  ดังนั้น ในการสืบค้นของเรา
ถ้าหากเราจริงจัง
  
11:59  เราทิ้งสิ่งทั้งปวงนั้นได้ไหม
 
12:03  เพราะศาสนาทั้งหมด
ที่มนุษย์จัดตั้งขึ้นมา
  
12:10  สร้างขึ้นโดยความคิด
 
12:16  และตามที่เราได้พิจารณา
ไปแล้วเมื่อวันก่อน
  
12:20  ว่าความคิดเป็นสิ่งจำกัด
เพราะมันขึ้นอยู่กับความรู้
  
12:23  และความรู้คู่กับความโง่เขลาเสมอ
 
12:25  ความรู้ที่สมบูรณ์ไม่มีหรอก
 
12:28  ใช่ไหม
 
12:33  ฉะนั้น ในความคิดมีคุณสมบัติ
ของความโง่ ความไม่รู้อยู่เสมอ
  
12:36  และในเมื่อความคิดเกิดขึ้น
จากความรู้ จากประสบการณ์
  
12:40  ดังนั้น จึงถูกจำกัดตลอดกาล
 
12:45  สิ่งทั้งปวงที่ความคิดสร้างขึ้น
 
12:50  โบสถ์ทั้งหลาย ความก้าวหน้า
ทางเทคโนโลยี ทางวิทยาศาสตร์
  
12:52  วรรณคดี ภาพเขียน
และสิ่งทั้งหลายในโบสถ์
  
12:56  ในวัด ในสุเหล่า ทั้งหมดนั้น
สร้างไว้ที่นั่นโดยความคิด
  
12:57  ตรงนี้ ไม่มีข้อสงสัยเลย
 
13:01  คุณอาจจะพูดว่า
พระผู้ช่วยให้รอดสร้างใส่ไว้
  
13:06  แต่นั่นก็ยังเป็นการเคลื่อนไหว
ของความคิด
  
13:08  และอื่นๆทำนองนั้น
 
13:13  เราเข้าใจเรื่องนี้
ให้กระจ่างแจ้งได้ไหม
  
13:17  ไม่ใช่เข้าใจในระดับคำพูด ระดับ
ความคิด หรือถูกชักชวนโน้มน้าว
  
13:22  แต่มองให้เห็นความจริงนี้
 
13:25  ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่
ความคิดได้สร้างขึ้น เป็นจริง
  
13:31  แม้ว่าความคิดจะเป็นมายา
 
13:36  รอสักครู่ ผมจะสืบค้นในประเด็นนี้
 
13:40  ผมใช้คำว่า "เป็นจริง"
ที่หมายถึง" นี่คือของจริง"
  
13:42  เช่นไมโครโฟน
ที่อยู่ตรงหน้าคนคนนี้
  
13:46  มีอยู่จริง เป็นของจริง
คุณสัมผัสมันได้
  
13:51  และสิ่งทั้งหลาย
ที่ความคิดได้สร้างขึ้น
  
13:55  ซึ่งเราเรียกว่าศาสนา
และการจัดเป็นระบบ
  
14:00  ของสิ่งที่เราเรียกกันว่าศาสนา
เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
  
14:01  พิธีกรรม คือ สิ่งที่มีอยู่จริง
 
14:04  จีวร เสื้อคลุมต่างๆ ที่แปลกประหลาด
ที่เขาสวมใส่ มีอยู่จริง
  
14:07  ดังนั้นมันเป็นของจริง
 
14:10  สัญลักษณ์ต่างๆ แนวคิด
ล้วนมีอยู่จริง ไม่ใช่หรือ
  
14:14  เช่นเดียวกับมายา
เพราะความคิดสร้างมายาขึ้น
  
14:19  คุณตามที่พูดมานี้ทันไหม
 
14:21  ดังนั้น มายา จินตนาการเพ้อฝัน
แนวคิด พิธีกรรมต่างๆ
  
14:25  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ความคิดสร้างขึ้น
เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
  
14:33  ปืน เรือดำน้ำ การไปเยือนดวงจันทร์
 
14:40  และอื่นๆอีกมากมาย
คือความเป็นจริง ที่มีอยู่จริงๆ
  
14:42  แต่ความเป็นจริงนั้น
สร้างขึ้นโดยความคิด ใช่ไหม
  
14:45  ความคิดไม่ได้สร้างธรรมชาติขึ้นมา
 
14:48  ธรรมชาติเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
เป็นของจริง
  
14:52  แต่มันไม่ใช่ผลผลิตของความคิด
 
14:56  แต่ความคิดสามารถใช้ธรรมชาติ
 
15:00  มาทำเป็นเก้าอี้
ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
  
15:03  ในการเข้าไปค้นหาเรื่องที่ว่า
ศาสนาคืออะไร
  
15:06  มีสิ่งที่เหนือพ้นออกไปหรือไม่
 
15:08  เราต้องแยกให้ออก ระหว่าง
สิ่งที่มีอยู่จริงกับความเป็นจริง
  
15:14  ในความเป็นจริงนั้น
มีมายารวมอยู่ในนั้น
  
15:20  และธรรมชาติด้วย
คุณตามทั้งหมดนี้ทันไหม
  
15:25  เหล่านั้นคือความเป็นจริง
แต่ความคิดไม่ได้สร้างธรรมชาติ
  
15:31  ถ้าเราชัดเจนในเรื่องนี้อย่างยิ่ง
 
15:34  เราก็สามารถค้นหาต่อไปได้
 
15:36  การที่มนุษย์แสวงหาอะไรบางสิ่ง
ที่ไร้ความจำกัด เหนือพ้นกาลเวลา
  
15:39  นั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
สร้างขึ้นโดยความคิด หรือเปล่า
  
15:43  หรือมีบางสิ่งบางอย่าง
ซึ่งไม่ได้เป็นผลผลิตของความคิด
  
15:47  คุณตามทันไหม
 
15:51  กรุณานะครับ
 
15:57  เรากำลังสืบค้นไปด้วยกัน
 
15:58  กรุณาระลึกไว้ในใจตลอดเวลา
ถึงความจริงที่สำคัญนี้
  
16:07  ว่าเรากำลังตรวจสอบด้วยกัน
 
16:10  คุณต้องไม่ยอมรับสิ่งที่ผู้พูดกล่าว
 
16:16  เขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเหนือคุณ
 
16:21  ฉะนั้น เราทั้งหมดต่างรับผิดชอบ
 
16:25  ในการค้นหานี้อย่างจริงจัง
 
16:27  เราอาจจะถอนตัวกลางคัน
 
16:33  นั่นก็ไม่เป็นไร
 
16:35  แต่เมื่อใดที่คุณเริ่มต้นสืบค้น
ก็ไปให้ไกลที่สุด เท่าที่คุณจะไปได้
  
16:41  แต่บางทีจิตใจเราไม่เข้มแข็งพอ
 
16:44  ไม่กระจ่างชัดพอ
 
16:49  นี่แหละคือเหตุที่ผมพูด
ตั้งแต่ตอนต้น
  
16:52  ว่าเราต้องฟังตัวเราเอง
 
16:54  ว่าเราถูกปิดกั้นอยู่ตรงไหน
เราผูกพันอยู่กับอะไร
  
16:59  กับประสบการณ์ หรือความอยาก
หรืออะไร
  
17:05  แล้วคุณต้องวางสิ่งเหล่านั้นให้หมด
ถ้าคุณกำลังสืบค้น
  
17:10  และในการสืบค้น
จะต้องมีอิสรภาพที่จะสังเกต
  
17:15  คุณไม่อาจจะพูดว่า "ก็ผมเชื่อ
ในพระเจ้า พระเยซู หรือ พระกฤษณะ"
  
17:19  หรืออะไรก็ตามที แล้วก็สืบค้น
คุณทำไม่ได้หรอก
  
17:22  นั่นเป็นการเล่นเหลี่ยม
 
17:26  คุณจะเล่นเล่ห์กับตัวคุณเองก็ได้
 
17:29  แต่เมื่อคุณสืบค้นอย่างจริงจัง
คุณต้องร่วมเล่นเกมส์
  
17:33  ฉะนั้นมีหรือไม่
สิ่งที่ไม่ใช่ผลผลิตของความคิด
  
17:35  มีไหม
 
17:37  ซึ่งหมายถึง มีอยู่หรือ
สิ่งที่เหนือพ้นจากกาลเวลา
  
17:45  โปรดเคลื่อนไปช้าๆ เรากำลังจะสืบค้น
 
17:47  เราเคยชินอยู่ในแนวคิดของวิวัฒนาการ
 
17:50  วิวัฒนาการทางกายภาพเป็นลำดับแรก
 
17:53  นั่นคือ จากเมล็ด
จากผลโอ๊ค ไปเป็นต้นโอ๊ค
  
18:03  ใช้เวลาอย่างมโหฬาร
ไม่สิ้นสุด หลายปีดีดัก
  
18:08  แล้วความคิดรวบยอด
หรือความเป็นจริง แบบเดียวกัน
  
18:10  ก็ถูกนำมาใช้กับเรื่องทางจิตใจ
 
18:17  ก็คือ เราคิดว่า เรื่องทางจิตใจ
เราต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
  
18:20  ในการทำความเข้าใจ ใช่ไหม
 
18:23  ในการจะเข้าใจ
สิ่งซึ่งล้ำหน้าไปมากกว่า
  
18:26  เราคุ้นชินอยู่กับแนวคิดว่า
มีวิวัฒนาการ ต้องใช้เวลา ใช่ไหม
  
18:31  ดังนั้นเราต้องเข้าใจให้ชัดเจน
 
18:35  ว่าวิวัฒนาการทางจิตใจมีจริง
หรือไม่มี
  
18:39  เวลาทางกายภาพนั้นมีอยู่
 
18:44  ได้โปรดเถิด คุณต้องให้ความใส่ใจ
กับเรื่องนี้สักหน่อย
  
18:48  ถ้าคุณสนใจในการสืบค้น
 
18:54  จากที่นี่จะไปยังบ้านนั้น
มีเวลาทางกายภาพ
  
18:58  ต้องใช้เวลา 3 นาที พอดิบพอดี
 
19:00  ดังนั้น เวลาจึงจำเป็นในทางกายภาพ
 
19:02  การที่จะครอบคลุม
จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด
  
19:06  นั่นคือ เวลาที่จะครอบคลุมระยะทาง
 
19:09  แล้วเราก็นำเอาแนวคิดรวบยอดนี้
 
19:14  ข้อสรุปนี้มาใช้กับเรื่อง
ทางจิตใจด้วย
  
19:23  เช่น ผมเป็นคนที่โง่เขลา
เราโง่ เราไม่รู้
  
19:30  ผมไม่รู้จักตัวเอง
ผมจำต้องใช้เวลาเพื่อจะรู้จักตนเอง
  
19:36  เวลาถูกสร้างขึ้นในจิตใจโดยความคิด
 
19:40  แต่คุณจำเป็นต้องใช้เวลาจริงหรือ
 
19:42  ในการที่จะเป็นอิสระ
เช่นอิสระจากความโลภ
  
19:44  ผมยกเรื่องนั้นมาเป็นตัวอย่าง
 
19:47  คุณจำต้องใช้เวลาจริงๆ นะหรือ
 
19:51  นั่นคือ ใช้หลายๆ วัน
เวลาหมายถึงอนาคตกาล
  
19:57  คุณจำต้องมีอนาคตกาล กาลเวลา
ที่จะเป็นอิสระจากความอิจฉา
  
20:01  จากความวิตกกังวล ความโลภ
ความริษยาหรือ
  
20:07  ในความเป็นจริงคุณต้องใช้เวลาหรือ
 
20:13  ไม่นะครับ อย่าเพิ่งสั่นศีรษะ
เพราะเราเคยชินกันอย่างนั้น
  
20:18  เมื่อผมพูดว่า "ผมจะเอาชนะมัน"
เจตจำนงนี้ก็คือเวลา
  
20:22  คุณเข้าใจไหม
ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจจริงหรือ
  
20:27  อย่างงงงวยอย่างนั้น
 
20:30  มันเป็นนิสัยเคยชิน เป็นจารีตของเรา
 
20:33  เป็นวิธีการใช้ชีวิตของเรา ที่จะ
บอกว่า "ผมจะเอาชนะความโกรธของผม"
  
20:35  ความอิจฉาของผม ความรู้สึกว่า
ขาดคุณสมบัติ ขาดความสามารถ เป็นต้น
  
20:39  ดังนั้น จิตใจจึงเคยชินอยู่กับ
แนวคิดที่มีกาลเวลาทางจิตใจ
  
20:43  นั่นคือมีวันพรุ่งนี้
หรือมีวันพรุ่งนี้หลายๆ วัน
  
20:46  แต่เรากำลังตั้งคำถามต่อแนวคิดนั้น
 
20:51  คุณเข้าใจนะครับ เราบอกว่า
ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น
  
20:54  ไม่จำเป็นต้องใช้เวลา
เพื่อการเป็นอิสระจากความโลภ
  
20:57  ถูกไหมครับ
 
21:03  นั่นหมายถึง ถ้าคุณเป็นอิสระจากเวลา
และคุณโลภมาก
  
21:07  แต่ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับคุณ
 
21:11  คุณจะจู่โจมมันเลย
 
21:14  คุณปฏิบัติการ
คุณทำบางสิ่งบางอย่าง ทันควัน
  
21:21  ผมไม่ทราบว่า
คุณตามเรื่องทั้งหมดนี้ทันไหม
  
21:23  ในทางจิตใจ ความคิดประดิษฐ์เวลาขึ้น
 
21:27  เพื่อเป็นหนทางในการหลบหนี
 
21:31  เพื่อเป็นหนทางที่จะผัดผ่อน
 
21:33  เพื่อเป็นหนทางที่จะปล่อยใจ
ให้ยอมอยู่ในสิ่งที่มันหลงใหลต่อไป
  
21:36  ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจหรือเปล่า
 
21:39  ความคิดสร้างเวลาทางจิตใจขึ้น
 
21:42  จากความเกียจคร้านและอื่นๆ
 
21:45  แล้วคุณสามารถจะเป็นอิสระ
จากแนวคิดที่มีวันพรุ่งนี้
  
21:54  ในทางจิตใจได้ไหม
 
21:58  โปรดสืบค้นในเรื่องนี้ ลองมองดู
 
22:03  ลองดูความวิตกกังวลของคุณ
หรืออะไรก็ได้
  
22:06  การหมกมุ่นในกามรมณ์ของคุณ
ถ้าคุณต้องการ
  
22:09  หรือถ้าคุณคิดว่าโดยกิจกรรม
บางอย่างทางประสาทสัมผัส
  
22:11  คุณจะเข้าถึงอะไรก็ตาม
ที่คุณต้องการจะไปให้ถึง
  
22:16  ซึ่งการไปให้ถึง
เป็นการเคลื่อนไหวของเวลา
  
22:23  คุณมองเห็นความจริงในเรื่องนี้ไหม
 
22:30  และการหยั่งเห็นนั่นเอง จบมันลง
 
22:34  ผมสงสัยว่า
คุณจับความเข้าใจตรงนี้ได้ไหม
  
22:39  ได้ไหมครับ
 
22:43  คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า
ในขณะที่เรากำลังพูด
  
22:46  หรือนั่นเป็นเพียงแนวคิดหนึ่ง
 
22:56  ดังนั้น
จิตใจได้สืบค้นเข้าไปในเวลา
  
23:01  ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อน
แต่เราทำให้มันสั้นกระชับ
  
23:04  ว่าแนวคิดรวบยอดที่ว่า พรุ่งนี้
เราจะไปถึงจุดหมายปลายทาง
  
23:08  ในทางจิตใจนั้นเป็นมายาลวง
 
23:11  ฉะนั้น จึงมีอยู่แต่การหยั่งเห็น
และปฏิบัติการ
  
23:14  โดยไม่มีช่วงห่างของเวลา
 
23:19  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
23:22  เมื่อเห็นอันตรายของความคลั่งชาติ
 
23:26  อันตรายเพราะสงครามและอื่นๆ
 
23:28  การหยั่งเห็นนั้น คือปฏิบัติการ
 
23:31  และการจบสิ้นของความรู้สึกผูกพัน
 
23:36  ยุติการยึดติด
อยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
  
23:41  ใช่ไหม คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า
 
23:46  ทุกๆ คืน โทรทัศน์ก็จะประกาศว่า
 
23:49  คนอังกฤษ อังกฤษ อังกฤษ
 
23:53  หรือคนฝรั่งเศส และฝรั่งเศส
และฝรั่งเศส
  
24:00  เมื่อเราอยู่ในฝรั่งเศส
หรือที่อื่นๆ
  
24:02  การมองเห็นว่าการแบ่งแยก
นำมาซึ่งภัยพิบัติ
  
24:05  แล้วบอกว่าให้เวลาฉัน
เพื่อจะเป็นอิสระ
  
24:09  จากอิทธิพลครอบงำ
ซึ่งฉันมีมาตั้งแต่เด็ก
  
24:15  ที่ทำให้ฉันเป็นคนอังกฤษ
เป็นนั่นนี่ แต่การเห็นเช่นนั้น
  
24:18  โดยไม่มีแนวคิดเรื่องเวลา
การเห็นนั้นคือปฏิบัติการ
  
24:24  คุณเข้าใจไหม
ผมหวังว่าคุณจะทำเช่นนี้
  
24:28  การทำอย่างนั้นจบสิ้นความขัดแย้ง
 
24:30  คุณเข้าใจไหม
 
24:39  ผมยุติการดิ้นรนที่จะเป็นอิสระ
 
24:43  เราพิจารณาไปด้วยกันได้บ้างใช่ไหม
 
24:49  ผมเห็นว่าคุณไม่ได้ทำ….
 
24:52  เพราะเรื่องนี้ต้องการจิตใจ
ที่จริงจังหนักแน่นจริง ๆ
  
24:57  จิตที่บอกว่า
"ผมต้องการจะค้นให้พบ"
  
24:59  ดังนั้น สมาธิคือการจบสิ้นลงของเวลา
 
25:03  คุณเข้าใจนะ ไม่หรอก คุณไม่เข้าใจ
 
25:05  เพราะว่านั่นคือ
สิ่งที่เราทำกันเดี๋ยวนี้เอง
  
25:08  เราได้ใคร่ครวญ
 
25:12  เราใคร่ครวญเพื่อค้นหา
ธรรมชาติของกาลเวลา
  
25:16  เวลามีอยู่จริง เราต้องใช้เวลา
จากที่นี่ไปยังที่นั่น
  
25:18  แต่ในเรื่องทางจิตใจ
เวลาไม่ได้มีอยู่จริง
  
25:21  การค้นพบเช่นนี้เป็นสัจจะ
เป็นความจริงอันใหญ่หลวง
  
25:26  เพราะคุณได้หลุดเป็นอิสระ
จากจารีตทั้งปวง
  
25:30  คุณเข้าใจไหม จารีตสอนว่า
 
25:37  จงใช้เวลาแล้วคุณจะเข้าถึงพระเจ้า
ถ้าคุณทำอย่างนี้อย่างนั้น
  
25:41  และนั่นหมายถึงความหวัง
และการจบสิ้นความหวังด้วย
  
25:50  คุณเข้าใจนะ
 
25:53  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจหรือเปล่า
 
25:59  ถ้าว่าตาม นรกของ เดนเต้
 
26:01  มันหมายถึงการจบสิ้นความหวัง
คุณเข้าใจไหม
  
26:10  แต่เรากำลังพูดว่า
ความหวังบ่งบอกถึงอนาคต
  
26:14  นั่นคือ เรารู้สึกหดหู่
กระวนกระวาย
  
26:16  รู้สึกสิ้นหวัง
ที่มีความสามารถไม่เพียงพอ
  
26:20  ขอให้ฉันมีความหวัง เพื่อที่ฉัน
จะก้าวหน้า จะเรียนรู้ จะเป็นอิสระ
  
26:22  แต่เมื่อคุณมองเห็นว่า
เรื่องทางจิตใจ ไม่มีอนาคตกาล
  
26:25  คุณจะเกี่ยวข้องกับความเป็นจริง
ไม่ใช่ความหวัง.
  
26:28  ผมสงสัยว่าคุณมองเห็นตรงนี้ไหม
 
26:32  เพราะความหวังคือกาลเวลา ใช่ไหม
 
26:35  ดังนั้นสิ่งที่เราได้ทำมา
ในการถามค้นเข้าไปในเรื่องเวลา
  
26:41  เป็นการเริ่มต้นของสมาธิ
 
26:44  เป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ
 
26:50  และการจะค้นหาว่า สิ่งที่เหนือพ้น
จากเวลา จากกาลเวลา
  
26:52  เราต้องไม่แบกปัญหาใด ๆ เอาไว้
 
26:55  เพราะเราถ่วงหนักอยู่ด้วย
ปัญหาต่างๆ ใช่ไหม
  
26:59  เราไม่เป็นอย่างนั้นหรือ
 
27:03  ทั้งปัญหาส่วนตัว ปัญหาส่วนรวม
 
27:07  ปัญหาระหว่างชาติ และอื่นๆ
 
27:10  ทำไมเราจึงมีปัญหา
 
27:15  โปรดถามตัวคุณเองว่า
เหตุใดคุณจึงมีปัญหา
  
27:19  ปัญหาทางกามรมณ์ ปัญหาที่ไม่มีงานทำ
หรือที่จินตนาการไปเอง
  
27:23  ปัญหาว่าความสามารถไม่พอเพียง
 
27:27  ปัญหาที่ว่า "ฉันต้องการ
ไปให้ถึงสวรรค์ แต่ฉันทำไม่ได้
  
27:31  ปัญหาทั้งหลายทั้งปวง
คุณรู้ดีว่ามีปัญหา
  
27:36  ทำไมเราจึงมีปัญหาเหล่านั้น
 
27:40  มันเป็นไปได้ไหม โปรดฟังนะครับ
 
27:44  มันเป็นไปได้ไหมที่จะมีชีวิตอยู่
โดยไม่มีแม้แต่ปัญหาเดียว
  
27:51  คุณเข้าใจไหมว่านั่นหมายถึงอะไร
 
27:54  ในขณะที่แต่ละปัญหาเกิดขึ้น
สลายมันโดยทันที ไม่แบกพามันไป
  
27:57  การแบกพาปัญหาเอาไว้
ซึ่งคือการเคลื่อนไหวของเวลา
  
28:03  สร้างปัญหา
 
28:07  ผมสงสัยว่าคุณมองเห็นตรงนี้ไหม
 
28:13  ใช่ไหม
 
28:17  ถ้าผมมีปัญหา ถ้าเรามีปัญหา
 
28:21  แต่ก่อนอื่น ทำไมเราจึงมีปัญหา
 
28:24  ปัญหาคืออะไร
 
28:28  ปัญหาคือสิ่งที่คุณยังไม่เข้าใจ
 
28:31  ยังแก้ไขไม่ได้ ยังไม่จบ
 
28:36  แต่คุณกังวลเกี่ยวกับมัน
คุณเป็นห่วงเป็นใย
  
28:39  คุณไม่สามารถเข้าใจมัน
และคุณก็ดิ้นรนแล้วดิ้นรนอีก
  
28:41  ทุรนทุรายวันแล้ววันเล่า
วันแล้ววันเล่า
  
28:52  จิตใจจึงง่อยเปลี้ย พิกลพิการ
เพราะกระบวนการนี้
  
28:57  แต่ถ้าไม่มีกาลเวลา-คุณเข้าใจไหม
 
29:03  ปัญหาก็ไม่มี
 
29:07  ผมสงสัยว่าคุณมองเห็นไหม
 
29:16  คุณเห็นตรงนี้จริง ๆ หรือ
เห็นจริง ๆ ในหัวใจของคุณ
  
29:21  ไม่ใช่ในหัวนี่
แต่เห็นในจิตในหัวใจของคุณ
  
29:23  คุณเห็นไหมว่าหญิง
หรือชายที่มีปัญหานั้น
  
29:30  เขาติดอยู่ในกาลเวลา
 
29:34  แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้น
ถ้าจิตใจเป็นอิสระจากกาลเวลา
  
29:39  มันจัดการกับปัญหาทันที
เรื่องก็จบลง
  
29:42  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
29:44  ในทันทีที่คุณมีความคิด
เรื่องเวลา เช่นว่า
  
29:50  ผมจะแก้ปัญหานี้" "ผมจะใช้เวลา"
 
29:55  การเคลื่อนห่างออกจากความเป็นจริง
คือตัวปัญหา
  
29:59  คุณง่วงกันหมดแล้วหรือ
 
30:03  ดังนั้นถ้าคุณจะถามค้นในเรื่องนี้
 
30:05  คุณต้องไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
 
30:08  นั่นคือ
จิตต้องเป็นอิสระที่จะมองดู
  
30:15  ถูกไหม
 
30:21  ปัญหาเกิดขึ้น
 
30:24  เมื่อเราไม่เข้าใจ
ความสัมพันธ์ของเรา
  
30:27  ใช่ไหม
 
30:30  ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
หรือที่ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว
  
30:33  ทำไมเราจึงยังไม่เข้าใจ
ความสัมพันธ์
  
30:37  และยังมองไม่เห็นความล้ำลึก
หรือความไร้ประโยชน์ของมัน
  
30:43  แล้วคงอยู่อย่างนั้นต่อไป
 
30:46  เห็นได้ชัดว่าเราไม่เคยเลย
 
30:48  ที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ได้ ใช่ไหม
  
30:55  คุณก็รู้ดีทั้งหมด ไม่ใช่หรือ
 
31:00  เพราะอะไรล่ะ
 
31:04  มันเป็นเพราะคุณรักและ
คุณไม่รัก ใช่ไหม
  
31:09  นั่นใช่ไหมคือปัญหา
 
31:19  ว่าไงครับคุณ
มันเป็นปัญหา มันใช่นั่นแหละ
  
31:26  หรือการที่คุณรัก
แต่อีกคนเขาไม่ได้รัก ใช่ไหม
  
31:28  หรือในความสัมพันธ์ของคุณ
กับคนคนหนึ่ง คุณครอบครองเขา
  
31:37  คุณข่มเขา คุณพึ่งพิงเขา
 
31:41  คุณต้องการอะไรบางอย่าง
จากเธอหรือจากเขา
  
31:44  เช่น กามรมณ์ ความสุขเพลิดเพลิน
ความสบาย
  
31:45  เมื่อวันก่อน
ใครบางคนพูดกับผู้พูดว่า
  
31:50  ถ้าผมจากเธอไป
แล้วใครจะซักเสื้อผ้าให้ผม"
  
31:54  คุณเข้าใจไหม
 
31:59  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม
 
32:06  ดังนั้น ความสัมพันธ์คืออะไร
 
32:08  ความสัมพันธ์ที่เรา
ทำให้มันเป็นปัญหาอันมหึมา
  
32:12  มันคือการสัมพันธ์กับคนอื่น
 
32:16  ความสัมพันธ์หมายถึง
การเกี่ยวข้องกับคนอื่น
  
32:18  กับคนคนเดียว หรือหลายคน
หรือกับมวลมนุษยชาติ - ใช่ไหม
  
32:23  กับคนคนเดียว หรือหลายคน
หรือกับมนุษย์ทั้งมวล
  
32:55  คุณเข้าใจไหม - คุณไม่เข้าใจหรอก
 
32:59  ทำไมในความสัมพันธ์
จึงไม่มีความสงบสุข
  
33:04  ไม่มีความเข้าใจระหว่างกัน
ในระดับลึก
  
33:09  ที่จะนำมาซึ่งความรัก คุณเข้าใจไหม
 
33:15  ทำไมจึงไม่มีความรัก
 
33:18  ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
หญิงและชาย
  
33:20  ทั้งกามรมณ์ของเขาที่เรียกกันว่า
ความรัก ใช่ไหม
  
33:24  ถูกไหม
 
33:30  โปรดเห็นแก่พระเจ้าเถิด
อย่าได้เสแสร้ง
  
33:36  ขอให้เราเผชิญกับเรื่องนี้
 
33:39  มันได้ชื่อว่าความรัก
แต่มันเป็นความรักหรือ
  
33:46  หรือมันเป็นการเรียกร้องต้องการ
ความพึงพอใจทางประสาทสัมผัส
  
33:53  เป็นการเรียกร้องต้องการเพื่อน
 
33:56  การเรียกร้องต้องการซึ่งเกิดขึ้น
จากความเหงาอ้างว้าง
  
33:58  การเรียกร้องที่บอกว่า
"ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้"
  
34:03  ฉันทนต่อความโดดเดี่ยว
อันใหญ่หลวงในตัวฉันไม่ได้
  
34:08  ฉะนั้นฉันต้องมีใครสักคน
ที่ฉันจะพึ่งพิง
  
34:13  อิงแอบเขาได้ในทางจิตใจ
 
34:18  คุณจำเป็นต้องพึ่งบุรุษไปรษณีย์
คนขนสัมภาระ และอื่นๆทำนองนั้น
  
34:21  แต่ในทางจิตใจ
ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง
  
34:27  เหตุใดจึงมีการแบ่งแยก
อย่างมหาศาล คุณเข้าใจไหม
  
34:31  แล้วคุณรู้ตัวต่อเรื่องนี้ไหม
 
34:40  รู้ตัวถึงการแบ่งแยกอย่างยิ่ง
ระหว่างคุณกับอีกคนหนึ่ง
  
34:47  คนที่คุณบอกว่าคุณรักเขา
 
34:53  เราจำต้องเข้าไปในเรื่องนี้ไหม
จำเป็นไหม
  
34:55  เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอย่างนั้น
 
34:59  คุณเคยสังเกตไหม ระหว่างคนสองคน
 
35:03  ความคิด ความรู้สึกของเขา
ไม่เคยเหมือนกันเลย
  
35:09  คนหนึ่งทะเยอทะยาน
ส่วนอีกคนหนึ่งไม่
  
35:13  คนหนึ่งก้าวร้าว
ส่วนอีกคนไม่เป็นอย่างนั้น
  
35:19  คนหนึ่งครอบครองเป็นเจ้าของ
อีกคนหนึ่งไม่
  
35:24  คนหนึ่งครอบงำ
ส่วนอีกคน ว่านอนสอนง่าย
  
35:30  นั่นหมายถึงอะไร
 
35:35  ในกิจต่างๆ ของเขา
แต่ละคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง
  
35:37  คุณตามทันไหม
 
35:40  สังเกตดูตัวคุณเอง
 
35:44  ดูการคิดถึงแต่ตัวเองของคุณ
 
35:46  และคนอื่นๆ
ก็คิดถึงแต่ตัวเขาเอง เช่นกัน
  
35:56  การแบ่งแยกจึงเกิดขึ้น
 
36:00  ที่ใดที่มีการแบ่งแยก
จะต้องมีการทะเลาะวิวาท
  
36:04  จะต้องมีความเป็นปรปักษ์
 
36:06  จะต้องมีสารพัดสิ่งเกิดขึ้น
 
36:10  เมื่อมีการแบ่งแยกระหว่างชาติ
จะต้องมีความสับสนอลหม่าน
  
36:12  และเราเรียกการแบ่งแยกนี้
ว่าความรัก ใช่ไหม
  
36:16  คุณไม่เผชิญหน้ากับมัน
 
36:18  ฉะนั้นในการสืบค้น
เข้าสู่อะไรบางอย่าง
  
36:22  ที่เหนือพ้นจากกาลเวลา
 
36:28  จะต้องมีความรู้สึกสัมพันธ์
อย่างเต็มเปี่ยม
  
36:32  ซึ่งความสัมพันธ์นี้จะเกิดขึ้นได้
เมื่อมีความรักเท่านั้น
  
36:36  ถูกไหม
 
36:39  ความรักไม่ใช่ความสุขเพลิดเพลิน
อย่างแน่ชัด คุณทำให้มันเป็นของถูกๆ
  
36:42  ใช่ไหม
 
36:45  ความรักไม่ใช่ความอยาก
 
36:49  ความรักไม่ใช่การเติมเต็ม
ความใคร่อยากของประสาทสัมผัสของคุณ
  
36:53  คุณตามทั้งหมดนี้ทันไหม
 
36:58  ดังนั้น หากปราศจากความรัก
 
37:02  ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม
 
37:06  จะยืนบนศีรษะ
หรือจะนั่งขัดสมาธิ
  
37:08  เข้าสมาธิไปจนชั่วชีวิตคุณ
 
37:10  หรือจะสวมใส่ชุดประหลาดๆ
คุณจะทำอะไรก็ตาม
  
37:13  หากปราศจากคุณสมบัตินั้น
 
37:16  ก็ไม่มีอะไรเลย
 
37:19  ดังนั้น ถ้าบุคคลต้องการจะค้นหา
อะไรสักอย่างที่เหนือพ้นกาลเวลา
  
37:25  จะต้องมีความสัมพันธ์
ที่ถูกต้องเต็มที่
  
37:29  ฉะนั้นปัญหาก็ไม่มี
 
37:32  และจะต้องมีคุณสมบัติแห่งความรัก
ความเอื้ออาทรอันยิ่งใหญ่
  
37:35  ซึ่งไม่ใช่เป็นผลของความคิด
ใช่ไหม
  
37:39  สภาวะนั้นต้องมีอยู่
 
37:41  แล้วเราจึงจะก้าวไปในการค้นหาได้
 
37:43  คุณเห็นไหม ว่ามันยากยิ่งเพียงไร
 
37:48  เพราะพวกเราส่วนใหญ่หมกมุ่น
ลุ่มหลงอยู่กับตัวเราเอง
  
37:58  พวกเราส่วนใหญ่ใจแคบ ผิวเผิน ใช่ไหม
 
38:06  โลกทัศน์ของเราคับแคบตื้นเขิน
 
38:08  ดังนั้น จิตใจของคุณต้องเป็นอิสระ
จากการเคลื่อนไหวอันกระวนกระวาย
  
38:12  ของการตนเองเป็นศูนย์กลาง
ความสำคัญ ทั้งปวง
  
38:22  เพราะนั่นสร้างปัญหาขึ้นมา
 
38:30  และเมื่อจิตใจมีปัญหา
 
38:35  มันเป็นไปไม่ได้เลย
ที่จะเห็นอย่างกระจ่างชัด
  
38:39  จิตที่พูดจ้อคิดจ้อ ไม่หยุดหย่อน
 
38:40  จิตเช่นนั้นไม่ใช่จิตเงียบ ใช่ไหม
 
38:48  แล้วปัญหาก็ตามมาว่า
 
38:52  แล้วผมจะหยุดการคิดเรื่อยเปื่อย
ได้อย่างไร เข้าใจไหม
  
38:56  ฟังตรงนั้นให้ดีๆ
 
38:58  คุณตระหนักว่าจิตของคุณ
คิดเรื่อยเปื่อยไม่หยุดหย่อน
  
39:02  แล้วคุณบอกว่า
"ผมจะหยุดมันได้อย่างไร"
  
39:07  ในขณะที่คุณถามคำถามนี้ขึ้นมา
 
39:09  คุณก็ได้เข้าไปสู่ปัจจัยของเวลา
 
39:15  ผมไม่แน่ใจว่าคุณมองเห็นตรงนั้นไหม
 
39:25  เห็นไหมครับ
 
39:32  ดังนั้น "อย่างไร" หมายถึงเวลา
 
39:36  และเพราะคุณถามว่า "อย่างไร"
 
39:39  คนอื่นก็จะประดิษฐ์ระบบปฏิบัติ
 
39:45  ประดิษฐ์วิธีการ
การฝึกฝนขึ้นมาให้คุณ
  
39:48  ให้คุณห่มจีวรสีเหลือง
สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน หรืออะไรอื่น
  
39:52  เมื่อมองเห็นว่า
จิตคิดจ้อเรื่อยเปื่อย
  
39:58  และคุณไม่ได้แยกต่างจาก
การคิดเรื่อยเปื่อยนั้น
  
40:00  จิตของคุณคิดเรื่อยเปื่อย
และจิตของคุณคือคุณ
  
40:03  ดังนั้น เมื่อคุณเข้าใจ
หลักการสำคัญนั้น
  
40:04  ว่าสัจจะที่เป็นอยู่จริงๆ คือ
คุณและปัญหาเป็นหนึ่งเดียวกัน
  
40:06  คุณและความคิดเรื่อยเปื่อย
เป็นหนึ่งเดียวกัน
  
40:12  จากนั้นความพยายามทั้งหมดของคุณ
ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ก็จบลง
  
40:17  แล้วคุณก็เผชิญกับความจริง
 
40:21  ว่าจิตของคุณคิดจ้อเรื่อยเปื่อย
คุณกำลังคิดฟุ้งซ่าน
  
40:25  ดังนั้น เมื่อคุณสังเกตอย่างยิ่ง
อะไรเกิดขึ้น
  
40:29  ในการสังเกตนั้น
 
40:37  คุณสังเกต
ด้วยพลังงานทั้งหมดของคุณ
  
40:40  พลังงานนั้นได้สูญเสียสิ้นเปลือง
ไปด้วยการบอกว่า
  
40:46  ผมจะหยุดมันได้อย่างไร"
คุณเข้าใจตรงนี้ไหม
  
40:48  ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะเข้าใจ
 
40:52  เราเคลื่อนต่อไปได้ไหม
 
40:54  ฉะนั้นปัญหาคืออะไร
 
40:58  จิตสามารถที่จะ
 
41:08  จิต คือประสาทสัมผัส
คือความรู้สึก
  
41:17  ปฏิกิริยา อารมณ์ ความคิด
 
41:24  ทั้งหมดนั้นคือจิต - ใช่ไหม
 
41:26  จิตนั้นรวมถึงสมอง
 
41:28  จิตนั้นจะเงียบลงโดยสิ้นเชิงได้ไหม
 
41:35  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
41:41  เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ
 
41:43  แต่อย่างที่ผู้คนพยายามทำกันนั้น
 
41:45  เพื่อทำให้จิตเงียบลงโดยสิ้นเชิง
โดยระบบปฏิบัติต่างๆ
  
41:47  โดยวิธีการต่างๆ
โดยการควบคุมเพื่อให้จิตเงียบ
  
41:49  เพราะเมื่อจิตเงียบลง
อย่างสมบูรณ์เท่านั้น
  
41:51  คุณจึงจะได้ยิน คุณจึงจะเห็น
 
41:54  ดังนั้นจึงเกิดการทำสมาธิ
ในรูปแบบต่างๆ
  
42:07  สมาธิแบบทิเบต แบบฮินดู
แบบ T.M. ที่เหลวไหลไร้สาระ
  
42:13  ที่เรียกว่า สมาธิแบบเหนือโลก
แบบที่ท่องคำซ้ำๆ
  
42:18  คำดีๆ อย่างสมาธิ
จึงถูกทำให้เสื่อมเสียไม่ใช่หรือ
  
42:24  การไปพ้นประสบการณ์ของมนุษย์ จึงถูก
ทำลายโดยเรื่องไร้สาระไม่มีคุณค่า
  
42:26  การทำสมาธิในรูปแบบต่างๆ
มีการพยายาม
  
42:30  ใช้การควบคุม ใช้การผ่อนคลาย
ใช้การสะกดจิตตนเอง
  
42:35  ด้วยการทำซ้ำๆ ท่องบ่นซ้ำๆ
เพื่อจะทำให้จิตเงียบลง
  
42:40  ซึ่งหมายถึง - โปรดฟังนะครับ
 
42:43  ซึ่งหมายถึง ปล่อยให้เวลา
เข้ามาทำให้เกิดขึ้น
  
42:47  คุณเข้าใจไหม
 
42:51  ขณะนี้จิตของเราไม่เงียบ
 
42:57  แต่ผมจะฝึก ผมจะควบคุม
 
43:01  ผมจะรู้ตัว และโดยอาศัยเวลา
จิตเงียบจะเกิดขึ้น ใช่ไหม
  
43:06  แต่เมื่อมีความเข้าใจความจริง
 
43:12  ว่าเวลาเป็นสิ่งลวง
คุณไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
  
43:15  เวลาไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลง
คุณเข้าใจนะ
  
43:19  จากนั้นคุณก็เผชิญ
กับความเป็นจริง
  
43:28  ว่าจิตของคุณคิดจ้อเรื่อยเปื่อย
 
43:32  เมื่อคุณกำลังสังเกตความเป็นจริง
 
43:38  สังเกตอย่างเต็มที่
ด้วยพลังงานทั้งหมดของคุณ
  
43:44  ความเป็นจริงก็เปลี่ยนไป
 
43:50  คุณจะเห็น ถ้าคุณทำเช่นนั้น
คุณจะเห็นมัน
  
43:54  เพราะคุณได้นำพลังงานของคุณ
เข้ามาในการสังเกต
  
43:57  ซึ่งพลังงานนั้น
กระจัดกระจายสูญเสียไป
  
44:01  เมื่อคุณพยายามจะเปลี่ยนแปลง
"สิ่งที่เป็นอยู่จริง"
  
44:08  ดูนะ ผมจะแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู
 
44:10  มนุษย์โหดร้ายรุนแรง ใช่ไหม
 
44:15  ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่เราจะ
ไม่เข้าไปในเรื่องนั้นในตอนนี้
  
44:21  และมนุษย์ก็ได้สร้าง
สภาวะที่ไม่รุนแรงขึ้นมาด้วย
  
44:23  ความไม่รุนแรง ไม่เป็นจริง
 
44:25  คุณตามทันนะ
 
44:27  ความเป็นจริงคือความรุนแรง
 
44:31  แต่เมื่อคุณพยายามที่จะ
ไล่ไขว่คว้าสภาวะไม่รุนแรง
  
44:33  คุณก็กำลังไขว่คว้า
สิ่งที่ไม่เป็นจริง
  
44:36  และการไขว่คว้า
คือการยอมให้เวลาเข้ามา
  
44:37  แต่เมื่อคุณตระหนักว่า
เวลาไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลง
  
44:41  ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
จากนั้นคุณก็เผชิญกับความจริง
  
44:46  ซึ่งคือความรุนแรง
 
44:47  ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนมันได้อย่างไร
 
44:51  สภาวะเป็นจริงของความรุนแรงมีอยู่
 
44:53  ทีนี้จิตจะสังเกตดูสภาวะที่เป็นจริง
ของความรุนแรงได้ไหม
  
45:01  สังเกตโดยไม่กำหนดทิศทาง
ไม่มีแรงบีบคั้นใดๆ เพียงแต่สังเกต
  
45:08  คุณเข้าใจไหม สังเกตมัน
 
45:13  ในการสังเกตนั้น
 
45:14  จิตได้ดึงเอาพลังงานทั้งหมดของมัน
มารวมกัน ถูกไหม
  
45:19  พลังงานนั้นจึงเหมือนแสงสว่าง
 
45:24  ที่รวมแสงไปยังสิ่งที่เรียกว่า
ความรุนแรง
  
45:28  แล้วความรุนแรงนั้นจึงสลายสิ้นไป
 
45:31  โปรดอย่าเพิ่งหลับ
 
45:34  ในสภาวะสมาธิ ที่นำมาซึ่ง
 
45:36  จิตที่เงียบอย่างสมบูรณ์
 
45:39  ความพยามยามในรูปแบบใดๆ
ก็ไร้ผล ใช่ไหม
  
45:42  ผมไม่มั่นใจว่าคุณจะเข้าใจหรือเปล่า
 
45:47  การพยามยามทำสมาธิ
ซึ่งหมายถึงเวลา
  
45:51  ซึ่งหมายถึงการดิ้นรนต่อสู้
 
45:54  ซึ่งหมายถึง
การจะให้บรรลุบางสิ่งบางอย่าง
  
45:58  ซึ่งคุณได้คิดสร้างเอาไว้แล้ว
 
46:01  ดังนั้น เป็นไปได้ไหมที่จะสังเกต
โดยปราศจากความพยายาม
  
46:04  ปราศจากการควบคุม
 
46:06  โปรดฟังดีๆ นะครับ
 
46:12  ผมใช้คำว่า "ควบคุม"
 
46:21  ด้วยความรีรอเป็นอย่างยิ่ง
 
46:31  เราอยู่ในสังคมที่ปล่อยอิสระ
ไม่เคร่งครัด - ใช่ไหม
  
46:36  และเราทำสิ่งที่เราชอบ
 
46:41  ยิ่งโง่เขลาเบาปัญญาก็ยิ่งดี
 
46:46  เรื่องยาเสพติด เรื่องเพศ
 
46:52  สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีความหมาย
อะไรเลย ตามทันไหม
  
46:56  ความฉาบฉวย ไร้ระเบียบทั้งหลาย
 
47:01  ผู้พูดใช้คำว่า "ควบคุม"
 
47:04  ในความหมายที่ว่า
เมื่อมีการสังเกตที่บริสุทธิ์
  
47:08  การควบคุมก็ไม่จำเป็น
 
47:14  อย่าหลอกลวงตัวคุณเองโดยบอกว่า
 
47:19  ผมกำลังสังเกตอย่างบริสุทธิ์
ดังนั้นผมจึงไม่ควบคุม
  
47:21  แล้วปล่อยตัวปล่อยใจของคุณ
ซึ่งกลายเป็นเรื่องเหลวไหล
  
47:27  นอกจากว่าคุณฟังอย่างใส่ใจ
 
47:29  ว่าจิตที่อยู่ภายใต้
การควบคุมบังคับ
  
47:32  การควบคุมนั้น
ความคิดก่อให้เกิดขึ้น
  
47:35  ความคิดนั้นเป็นสิ่งถูกจำกัด
 
47:38  และด้วยความจำกัดนั้น
มันอยากได้อะไรบางอย่าง
  
47:40  ดังนั้นมันจึงบอกว่า
"ฉันต้องควบคุม"
  
47:44  จิตเช่นนั้นได้กลายเป็น
ทาสของแนวคิด
  
47:52  คุณเข้าใจไหม
ไม่ใช่ตกเป็นทาสของความเป็นจริง
  
48:00  แต่เป็นทาสความคิดรวบยอด ข้อสรุป
 
48:04  อย่างเช่น ศาสนาบุคคลทั้งหลาย
 
48:06  ผู้ที่เชื่ออย่างหนักแน่น
ในอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
  
48:09  เขาไม่อาจพูด
เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆได้เลย
  
48:13  ไม่อาจคิดได้อย่างอิสระ
 
48:16  ครั้งหนึ่งที่ผู้พูด
เดินทางในอินเดียโดยรถไฟ
  
48:19  มีชาวยุโรปคนหนึ่ง
เขาเป็นชาวอังกฤษ
  
48:23  และมีชาวอินเดียผู้มีความรู้มาก
คนหนึ่ง พวกเขาโดยสารในตู้เดียวกัน
  
48:26  คนอังกฤษบอกคนอินเดียว่า
 
48:30  ศาสนาของคนอินเดียนั้น
ไร้สาระ โง่เง่า
  
48:35  แล้วก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก
 
48:38  แล้วคนอินเดียก็พูดอย่างสุภาพว่า
 
48:44  แต่คุณก็มีความเชื่อ
ของคุณด้วยไม่ใช่หรือ
  
48:46  คุณเชื่อในพระคริสต์ และพระแม่มารี"
 
48:52  คนอังกฤษบอกว่า
แต่ "มันคือความเป็นจริง"
  
48:57  นั่นคือตอนจบของการสนทนา
 
49:04  และพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น
 
49:11  ดังนั้น เราจึงบอกว่า
 
49:16  จิตที่อยู่ในความขัดแย้ง
 
49:18  ทั้งที่เกิดขึ้นโดยการควบคุม
โดยเจตจำนงมุ่งหมาย
  
49:23  ซึ่งก็คือความอยาก
จิตที่มีปัญหา
  
49:26  จิตที่ยังไม่ได้แก้ปัญหา
ความสัมพันธ์
  
49:28  และฉะนั้นจึงไร้ความรัก
 
49:34  จิตเยี่ยงนั้น
ไม่มีความสามารถที่จะไปพ้น
  
49:37  คุณเข้าใจหรือเปล่า
 
49:44  มันไปได้แค่ที่มันคิด ว่าเหนือพ้น
แต่ยังอยู่ในวังวนของมันเองเท่านั้น
  
49:48  และมันอาจคิดสร้างขึ้นว่า
มันกำลังไปพ้น แต่แท้ที่จริงไม่ใช่
  
49:51  ใช่ไหม
 
49:57  ดังนั้น ถ้าเราจริงจัง
ถ้าเรามาถึงจุดนี้
  
50:02  ที่จิต รวมทั้งประสาทสัมผัส
และสมอง
  
50:04  และสิ่งทั้งปวง
ที่ยึดตรึงมนุษย์เอาไว้
  
50:07  ได้ถูกละทิ้งไป เพราะมี
ความรู้สึกอันวิเศษเยี่ยมแห่งรัก
  
50:11  พร้อมด้วยสติปัญญาของมัน
 
50:13  จากนั้นเราจึงจะสามารถ
ดำเนินการค้นหาต่อไป
  
50:15  ใช่ไหม
 
50:17  นั่นหมายถึง จิตที่สงบเงียบ
 
50:24  ไม่เพียงกายสงบรำงับ คุณเข้าใจนะ
 
50:28  แต่ความเงียบไม่จำเป็นต้อง
 
50:31  เป็นการนั่งในท่าใดท่าหนึ่ง
คุณนอนลงก็ได้
  
50:37  คุณนั่งยังไงก็ได้ แต่
ร่างกายจะต้องสงบนิ่งอย่างถึงที่สุด
  
50:40  ใช่ไหม
 
50:48  ไม่มีการควบคุม
 
50:51  ถ้าควบคุมคุณก็ยัดเยียด
ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น
  
50:54  และเมื่อจิตเป็นอิสระ
 
50:59  จึงเงียบโดยสิ้นเชิง
จึงสามารถสังเกต
  
51:02  ไม่ใช่ว่า "ผมกำลังสังเกตอยู่"
เข้าใจไหมครับ
  
51:09  ถ้าหากมี "ฉันสังเกตอยู่"
 
51:12  ก็จะเกิดคู่ตรงข้าม
ก็จะมีการแบ่งแยก
  
51:16  แต่มีเพียงการสังเกตที่ปราศจาก
"ฉัน" เท่านั้น
  
51:21  ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจ
เรื่องทั้งหมดนี้ไหม
  
51:23  ความเป็น "ฉัน"
ประกอบขึ้นด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง
  
51:26  เช่นความทรงจำในอดีต
ประสบการณ์ในอดีต ปัญหาในอดีต
  
51:29  ปัญหาปัจจุบัน ความวิตกกังวล
 
51:37  ความเป็น "ฉัน" ซึ่งก็คือฉัน
ซึ่งก็คือคุณ
  
51:42  ถ้าหากผมไปได้ไกลถึงเพียงนั้น
ขณะนั้น "ฉัน" ก็ไม่มีอยู่
  
51:45  คุณเข้าใจนะ
 
51:50  มันไม่ใช่ "ฉัน"
เป็นผู้ที่กำลังสังเกต
  
51:56  ทว่ามีอยู่เพียงการสังเกตเท่านั้น
 
52:01  แล้วจากนั้นอะไรเกิดขึ้น
 
52:04  คุณเข้าใจไหมครับ
 
52:09  สิ่งที่เราได้ทำกันมาขณะนี้
นี่คือสมาธิที่แท้จริง
  
52:13  การตระหนักถึงการสืบค้นเข้าไป
ในตัวคุณเอง การรู้ตัวต่อตนเอง
  
52:21  รู้ถึงปัญหาทั้งหมดของมัน
 
52:30  รู้ถึงความอยากทั้งหมด
แรงกดดัน ความขัดแย้ง
  
52:34  ความทุกข์โศก ความเจ็บปวด
ตระหนักรู้ถึงทั้งหมดนั้น
  
52:37  ความรู้ตัวเช่นนั้นอุบัติขึ้นได้
 
52:40  เมื่อคุณสังเกตอยู่
 
52:44  สังเกตปฏิกิริยาของคุณ
ในความสัมพันธ์ ใช่ไหม
  
52:46  คุณไม่อาจจะสังเกตตัวคุณเองได้
 
52:53  โดยแค่ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้
 
52:55  คุณสังเกตได้บ้าง
 
52:58  แต่ในความสัมพันธ์เท่านั้น
ที่ปฏิกริยาทั้งหมดของคุณเกิดขึ้น
  
53:00  ดังนั้นจิตในขณะนี้
 
53:04  อยู่ในภาวะที่ไม่มีปัญหา
ไม่มีการพยายาม ไม่ควบคุม
  
53:08  และที่สำคัญยิ่งไม่มีแรงเจตนา
 
53:09  เพราะแรงเจตนา
เป็นเนื้อแท้ของความอยาก
  
53:15  ผมไม่ทราบว่า
คุณเคยพิจารณาเรื่องนี้ไหม
  
53:18  ใช่ไหม
 
53:21  ผมมุ่งปรารถนา ผมต้องการ ผมต้อง
 
53:26  นั่นคือความอยาก
 
53:33  ที่เรียกร้องต้องการอะไรบางอย่าง
ซึ่งนั่น อยู่ในกาลเวลา
  
53:36  ใช่ไหม
 
53:43  และการที่จะให้ได้สิ่งนั้น
ผมต้องมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มันมา
  
53:50  จิตต้องเป็นอิสระจากทั้งหมดนั้น
 
53:55  ถ้าหากคุณไปได้ไกลถึงเพียงนั้น
 
53:59  แล้วมีอะไรอยู่ที่นั่น
 
54:04  มนุษย์ได้แสวงหาภาวะบางอย่าง
ที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหม
  
54:08  ที่น่าเลื่อมใสศรัทธา
สิ่งที่ไม่อาจเสื่อมสลาย
  
54:13  ไม่อาจฉ้อฉลได้ ไร้กาลเวลา
จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่
  
54:20  แล้วมนุษย์บอกว่า "ฉันได้ทำ" แล้ว
ฉันได้รับผิดชอบชีวิตของฉันแล้ว
  
54:24  ฉันเข้าใจชีวิตของฉัน
อย่างสมบูรณ์แล้ว ยังมีอะไรอีกหรือ
  
54:26  คุณเข้าใจไหม มีอะไรอื่นอีกไหม
อะไรบางอย่างที่เหนือพันไปอีก
  
54:30  เพราะการแสวงหาทุกอย่าง
ต้องจบสิ้นลงด้วย คุณเข้าใจไหม
  
54:34  ในทันทีที่คุณแสวงหา
 
54:38  คุณจะรู้ได้อย่างไร
ว่าคุณจะค้นพบอะไร
  
54:43  คุณเข้าใจสิ่งที่ผมถามหรือเปล่า
 
54:46  คุณกำลังเสาะหา
 
54:52  แสวงหาพระเจ้า สัจจะธรรม
หรืออะไรก็ตาม
  
54:56  อาจเป็นความสุขเพลิดเพลินของคุณ
เป็นแรงขับทางเพศของคุณ
  
55:00  หรืออาจเป็นการจบสิ้น
ปัญหาบางอย่างของคุณ หรืออื่นๆ
  
55:04  แต่คุณกำลังแสวงหา
 
55:07  ซึ่งในนั้นบ่งบอกนัยหลายอย่าง
 
55:10  ประการแรก เมื่อคุณหาเจอแสดงว่า
คุณต้องรู้จักมัน ใช่ไหม
  
55:14  ในการแสวงหาต้องมีความพึงพอใจ
 
55:17  ไม่เช่นนั้นคุณก็จะโยนมันทิ้งไป
 
55:24  มันต้องตอบปัญหาของคุณได้ทั้งหมด
 
55:27  แต่มันตอบไม่ได้
เพราะคุณสร้างปัญหาขึ้นเอง
  
55:28  ฉะนั้นคนที่บอกว่า "ผมกำลังแสวงหา"
 
55:34  แท้จริงแล้ว
เขาค่อนข้างจะไม่ปกติ
  
55:37  เพราะเขากำลังหลอกตัวเอง
 
55:41  ดังนั้นทุกประการนั้น
ขณะนี้ระงับไป จบสิ้นไปแล้ว
  
55:44  จิตจึงเงียบลงอย่างสิ้นเชิง
 
55:51  อยู่ในการสังเกตอันบริสุทธิ์
 
56:01  อะไรก็ตาม หากนอกเหนือไปจากนี้
เป็นเพียงคำบรรยาย
  
56:08  คุณเข้าใจหรือเปล่า
 
56:14  เป็นเพียงการเอาคำพูด
มาร้อยเรียงเท่านั้น
  
56:20  เพื่อจะสื่อถึงสิ่งซึ่ง
ไม่สามารถจะสื่อสารได้
  
56:23  คุณเข้าใจหรือเปล่า
 
56:27  ดังนั้น ทั้งหมดที่เราพอจะทำได้
 
56:30  ไม่ใช่การพรรณาถึงสิ่งนั้น
 
56:32  แต่เป็นการพบกับอีกคนหนึ่ง
ที่มีศักยภาพเท่าเทียมกัน
  
56:36  มีความจริงจังแรงกล้าเหมือนกัน
ในระดับเดียวกัน
  
56:42  คุณเข้าใจไหม ว่าผมพูดถึงอะไร
 
56:46  ความรัก คืออะไร
 
56:50  คือ การได้พบกับอีกคนหนึ่ง
 
56:54  ด้วยความจริงจังแรงกล้าเหมือนกัน
ในระดับเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน
  
56:56  คุณเข้าใจหรือเปล่า
 
56:59  นั่นไม่ใช่ความรักหรอกหรือ
 
57:01  ผมไม่ได้พูดถึงความรักทางกายภาพ
ผมพูดถึงความรัก
  
57:06  ซึ่งไม่ใช่ความอยาก
ไม่ใช่ความสุขเพลิดเพลิน
  
57:11  การได้พบกับใครบางคน
ด้วยความแรงกล้าเท่าเทียมกัน
  
57:16  ด้วยความรู้สึกแห่งเวลาเหมือนกัน
เวลาในความหมาย
  
57:21  และด้วยความรู้สึก
แรงกล้าเหมือนกัน
  
57:24  นั่นคือความรัก
 
57:28  ถ้าหากมีความรักอย่างนี้
ในคนคนหนึ่ง
  
57:34  และคุณมีคุณสมบัติ
แห่งจิตซึ่งเงียบ
  
57:37  มีการสื่อสารโดยปราศจากถ้อยคำ
 
57:41  นั่นคือการสื่อถึงกัน
 
57:46  ซึ่งคือการประสาน
เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
  
57:48  เป็นการร่วมกันในอะไรบางอย่าง
อย่างสมบูรณ์
  
57:51  ซึ่งไม่สามารถที่จะกล่าวออกมา
เป็นถ้อยคำได้
  
57:53  ในทันทีที่คุณกล่าวออกมา
เป็นถ้อยคำ
  
57:59  มันก็หายไป
เพราะคำคำนั้นไม่ใช่สิ่งสิ่งนั้น
  
58:03  เมื่อถึงตอนจบการพูด 4 ครั้งนี้
 
58:09  และมีการตอบคำถาม 2 ครั้ง
ขณะนี้เราอยู่ ณ.ตรงไหน
  
58:14  เราแต่ละคนอยู่ ณ. ตรงไหน
 
58:17  หลังจากที่คุณได้ยิน
ได้ฟัง ได้เรียนรู้
  
58:19  ได้เห็นด้วยตัวคุณเองแล้ว
 
58:22  หรือมันเป็นเพียงคำพูด
ที่คุณจะนำกลับไป
  
58:26  หรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ในระดับลึกถึงรากฐาน
  
58:32  แล้วคุณเป็นอิสระ
จากปัญหาทั้งหมดของคุณ
  
58:36  เป็นอิสระจากความกลัว
และมีกลิ่นหอม
  
58:40  ที่ไม่อาจตายไปได้
ซึ่งคือความรัก
  
58:42  และจากปฏิบัติการของความรักนั้น
 
58:50  สติปัญญาและการกระทำก็ตามมา
 
58:56  คุณเข้าใจไหมครับ
 
59:01  เข้าใจนะครับ
 
59:06  Ο ομιλητής ταξίδευε κάποτε
στην Ινδία, με τρένο,
  
59:10  και ήταν ένας Ευρωπαίος,
ένας Άγγλος στην ουσία,
  
59:15  κι ένας πολύ διαβασμένος
Ινδός ήταν στο ίδιο κουπέ.
  
59:18  Ο Άγγλος έλεγε στον Ινδό
 
59:21  ότι η θρησκεία τους ήταν
όλα μία ανοησία, χαζή,
  
59:26  ξέρετε, συνεχίστηκε
αυτό, για κάποιο διάστημα.
  
59:30  Και ο Ινδός είπε, ευγενικά,
 
59:33  Αλλά κι εσείς έχετε επίσης
τις πίστεις σας, έτσι δεν είναι;
  
59:35  Πιστεύετε στον Χριστό
και στην Παρθένο Μαρία".
  
59:40  Α", είπε, "αυτό είναι γεγονός". (γέλια)
 
59:44  Αυτό είναι το τέλος της συζήτησης.
 
59:51  Και οι περισσότεροι απ'εμάς
είναι κατ'αυτόν τον τρόπο.
  
59:57  Επομένως, λέμε:
 
1:00:01  ένας νους που είναι σε σύγκρουση,
 
1:00:05  είτε επήλθε μέσω ελέγχου, μέσω θέλησης,
 
1:00:08  που είναι επιθυμία,
 
1:00:12  ένας νους που έχει προβλήματα,
 
1:00:17  ένας νους που δεν
έχει επιλύσει τη σχέση,
  
1:00:19  κι ως εκ τούτου καμία αγάπη,
 
1:00:24  ένας τέτοιος νους είναι
ανίκανος να πάει παραπέρα.
  
1:00:26  Καταλαβαίνετε;
 
1:00:29  Μπορεί να πάει μόνον σε ότι
νομίζει ότι είναι παραπέρα
  
1:00:32  μέσα στο δικό του κύκλο.
 
1:00:37  Και μπορεί να επινοήσει ότι
πάει παραπέρα, αλλά δεν πηγαίνει.
  
1:00:39  Σωστά;
 
1:00:44  Επομένως, εάν είμαστε σοβαροί, εάν
έχουμε φτάσει σε αυτό το σημείο,
  
1:00:48  που ο νους, όλες οι
αισθήσεις, ο εγκέφαλος,
  
1:00:53  κι όλα τα πράγματα στα οποία
ο άνθρωπος έχει παγιδευτεί,
  
1:00:55  παραμεριστούν,
 
1:00:59  διότι υπάρχει αυτή η
τρομερή αίσθηση αγάπης
  
1:01:00  με την νοημοσύνη της,
 
1:01:08  τότε μπορούμε να συνεχίσουμε
για να ανακαλύψουμε. Σωστά;
  
1:01:15  Αυτό σημαίνει ότι, ένας
νους που είναι ήσυχος,
  
1:01:24  όχι μόνον σωματικά
ήσυχος, καταλαβαίνετε;
  
1:01:26  Αλλά η ησυχία δεν είναι απαραίτητα
 
1:01:30  το να κάθεστε σε μία συγκεκριμένη
θέση, μπορείτε να ξαπλώσετε,
  
1:01:34  να κάνετε ότι σας αρέσει,
 
1:01:38  αλλά το σώμα πρέπει
να είναι απόλυτα ήσυχο.
  
1:01:41  Σωστά;
 
1:01:44  Δίχως έλεγχο,
 
1:01:54  διότι τότε επιβάλλετε
και υπάρχει σύγκρουση.
  
1:01:58  Κι ο νους, με το να είναι ελεύθερος
 
1:02:04  κι άρα απόλυτα ήσυχος,
μπορεί να παρατηρεί.
  
1:02:10  Δεν είναι "Εγώ παρατηρώ"-καταλαβαίνετε;
 
1:02:14  Τότε εάν υπάρχει "εγώ παρατηρώ",
 
1:02:18  υπάρχει δυαδικότητα,
υπάρχει διαχωρισμός,
  
1:02:25  αλλά υπάρχει μόνον
παρατήρηση δίχως το "Εγώ".
  
1:02:31  Αναρωτιέμαι εάν τα βλέπετε όλα αυτά;
 
1:02:36  Το "Εγώ" αποτελείται από πολλά πράγματα:
 
1:02:41  αναμνήσεις του παρελθόντος, παρελθοντικές εμπειρίες, παλιά προβλήματα,
 
1:02:43  τωρινά προβλήματα, αγωνία,
 
1:02:49  το "Εγώ", που είμαι
εγώ, που είναι εσείς.
  
1:02:55  Εάν έχουμε προχωρήσει τόσο
μακριά, το "Εγώ" τώρα απουσιάζει.
  
1:02:58  Καταλαβαίνετε; Δεν είναι
το "Εγώ" που παρατηρεί,
  
1:03:05  αλλά υπάρχει μόνον παρατήρηση.
 
1:03:09  Τότε τι λαμβάνει χώρα;
 
1:03:11  Καταλαβαίνετε, κύριοι,
 
1:03:16  αυτό είναι πραγματικός διαλογισμός
τώρα, αυτό που'χουμε κάνει.
  
1:03:19  Η έννοια της έρευνας
 
1:03:22  μέσα στον εαυτό σας, της αυτεπίγνωσης,
 
1:03:26  γνωρίζοντας όλα του τα προβλήματα,
 
1:03:29  γνωρίζοντας όλες του τις επιθυμίες,
 
1:03:32  πιέσεις, συγκρούσεις,
 
1:03:35  θλίψη, πόνο-όλα αυτά,
 
1:03:39  έχετε επίγνωση όλων αυτών.
 
1:03:42  Κι αυτή η επίγνωση μπορεί
να έρθει σε ύπαρξη μόνον
  
1:03:46  όταν παρατηρείτε
 
1:03:50  τις αντιδράσεις σας στη σχέση, σωστά;
 
1:03:52  Δεν μπορείτε να
παρατηρείτε τον εαυτό σας
  
1:03:55  απλά με το να απομακρύνεστε
 
1:03:58  και να κάθεστε κάτω από ένα δέντρο.
 
1:04:00  Μπορείτε κάπως να τον παρατηρήσετε,
 
1:04:09  αλλά μόνον μέσα στη σχέση
εκδηλώνονται όλες σας οι αντιδράσεις.
  
1:04:15  Επομένως ο νους είναι τώρα
 
1:04:18  σε μία κατάσταση όπου δεν
υπάρχει κανένα πρόβλημα,
  
1:04:22  καμία προσπάθεια, κανένας έλεγχος,
 
1:04:27  και, ουσιαστικά, καμία θέληση,
 
1:04:31  διότι η θέληση είναι
η ουσία της επιθυμίας.
  
1:04:33  Δεν ξέρω εάν έχετε εμβαθύνει σε αυτό;
 
1:04:35  Σωστά;
 
1:04:41  Εγώ επιθυμώ, εγώ θέλω, εγώ πρέπει.
 
1:04:48  Που σημαίνει, επιθυμία
 
1:04:53  απαιτώντας κάτι, που
είναι μέσα στο χρόνο.
  
1:04:55  Σωστά;
 
1:05:00  Και για να το επιτύχω πρέπει να
εξασκώ την θέληση για να το κερδίσω.
  
1:05:07  Συνεπώς ο νους είναι
ελεύθερος απ'όλα αυτά.
  
1:05:12  Εάν έχετε προχωρήσει τόσο μακριά,
 
1:05:17  τότε τι υπάρχει εκεί;
 
1:05:23  Ο άνθρωπος έχει ψάξει
για κάτι ιερό, σωστά;
  
1:05:26  Κάτι άγιο,
 
1:05:29  κάτι άφθαρτο,
 
1:05:33  αδιάφθορο, άχρονο
 
1:05:36  δεν έχει σημασία τι.
 
1:05:41  Και λέει, "Έχω δουλέψει,
έχω ζήσει τη ζωή μου,
  
1:05:45  έχω καταλάβει πλήρως τη ζωή μου,
 
1:05:48  τώρα, τι υπάρχει εκεί;"
 
1:05:58  Καταλαβαίνετε; Τι περισσότερο,
τι υπάρχει παραπέρα;
  
1:06:01  Διότι κάθε έρευνα πρέπει
να τελειώσει, επίσης
  
1:06:03  καταλαβαίνετε;
 
1:06:09  Διότι τη στιγμή που ερευνάτε,
 
1:06:12  πως ξέρετε τι να βρείτε;
 
1:06:15  Καταλαβαίνετε τι ρωτάω;
 
1:06:18  Αναζητάτε,
 
1:06:21  το Θεό, την αλήθεια, ή οτιδήποτε
είναι αυτό που αναζητάτε.
  
1:06:25  Μπορεί να είναι η δική σας ευχαρίστηση,
 
1:06:28  μπορεί να είναι οι
σεξουαλικές σας παρορμήσεις.
  
1:06:29  Μπορεί να είναι το δικό σας τέλος
 
1:06:33  σε κάποια προβλήματα, και ούτω καθεξής.
 
1:06:38  Αναζητάτε.
 
1:06:42  Σε αυτήν την αναζήτηση
υπονοούνται μερικά πράγματα.
  
1:06:44  Πρώτα απ'όλα, όταν το βρείτε,
πρέπει να το αναγνωρίσετε.
  
1:06:48  Σωστά;
 
1:06:51  Σε αυτήν την έρευνα πρέπει
να είναι ικανοποιητικό.
  
1:06:56  Εάν όχι, θα το πετάξετε.
 
1:06:58  Πρέπει να απαντήσει
όλα σας τα προβλήματα,
  
1:07:05  και δεν θα το κάνει,
 
1:07:10  διότι τα προβλήματα
δημιουργούνται από τον εαυτό σας.
  
1:07:17  Άρα, το άτομο που λέει, "Αναζητώ"
 
1:07:22  είναι στην πραγματικότητα
αρκετά ανισόρροπο,
  
1:07:28  διότι κοροϊδεύει τον εαυτό του.
 
1:07:32  Επομένως όλα αυτά τώρα
είναι εντελώς σε εκκρεμότητα,
  
1:07:36  τελείωσε.
 
1:07:43  Τότε ο νους είναι απόλυτα ήσυχος,
 
1:07:48  σε καθαρή παρατήρηση.
 
1:07:51  Τώρα, οτιδήποτε πέρα απ'αυτό
είναι απλά μία περιγραφή
  
1:07:54  καταλαβαίνετε;-
 
1:07:57  απλά κατασκευάζει λέξεις
 
1:08:00  για να μεταδώσει κάτι
 
1:08:08  που είναι αμετάδοτο.
 
1:08:18  Καταλαβαίνετε;
 
1:08:21  Έτσι, ότι μπορεί να κάνει κάποιος
 
1:08:24  είναι όχι να το περιγράψει,
 
1:08:27  αλλά να συναντήσει τον άλλον
 
1:08:29  με την ίδια ικανότητα,
 
1:08:32  με την ίδια ένταση,
 
1:08:36  στο ίδιο επίπεδο.
 
1:08:42  Καταλαβαίνετε για τι πράγμα μιλάω;
 
1:08:46  Τι είναι αγάπη;
 
1:08:49  Είναι να συναντάτε τον άλλον
 
1:08:51  με την ίδια ένταση,
 
1:08:53  στο ίδιο επίπεδο,
 
1:08:55  στον ίδιο χρόνο.
 
1:09:01  Καταλαβαίνετε;
 
1:09:05  Δεν είναι; Αυτό είναι αγάπη.
 
1:09:07  Δεν μιλώ για την σωματική αγάπη,
 
1:09:10  μιλώ για την αγάπη
 
1:09:12  που δεν είναι επιθυμία,
που δεν είναι ευχαρίστηση.
  
1:09:18  Το να συναντάτε κάποιον
 
1:09:24  με την ίδια
ένταση,-σωστά;-
  
1:09:26  με την ίδια αίσθηση του χρόνου,
 
1:09:29  ο χρόνος με την έννοια, ξέρετε,
 
1:09:35  και με το ίδιο πάθος.
 
1:09:39  Αυτό είναι αγάπη.
 
1:09:44  Τώρα, εάν υπάρχει αυτή
η αγάπη στον άλλον,
  
1:09:48  κι έσεις έχετε αυτήν την ποιότητα
του νου, που είναι ήσυχος,
  
1:09:52  υπάρχει
επικοινωνία-σωστά;-
  
1:09:58  δίχως λέξεις.
 
1:10:01  Που σημαίνει, μία επικοινωνία
είναι πραγματική θεία κοινωνία,
  
1:10:09  πλήρες μοίρασμα εκείνου του κάτι
 
1:10:12  που δεν είναι ικανό να μπει σε λέξεις.
 
1:10:21  Τη στιγμή που το βάζετε
σε λέξεις έχει φύγει,
  
1:10:26  διότι η λέξη δεν είναι το πράγμα.
 
1:10:32  Επομένως, στο τέλος αυτών των ομιλιών,
 
1:10:37  έξι: τέσσερις ομιλίες και
δύο ερωτήσεις κι απαντήσεις,
  
1:10:40  που βρισκόμαστε;
 
1:10:43  Που είναι ο καθένας απ'εμάς
 
1:10:49  σε σχέση με αυτά που'χετε ακούσει,
και με αυτά που'χετε μάθει,
  
1:10:55  που'χετε δει για τον εαυτό σας;
 
1:10:58  Μήπως είναι απλά μόνον λέξεις
 
1:11:07  για σας να κουβαλήσετε;
 
1:11:13  Ή μήπως υπάρχει μία
βαθιά θεμελιώδης αλλαγή,
  
1:11:16  έτσι ώστε να απελευθερωθείτε
απ'όλα σας τα προβλήματα,
  
1:11:18  να απελευθερωθείτε από τον φόβο,
 
1:11:24  και υπάρχει αυτό το άρωμα
 
1:11:27  που δεν μπορεί ποτέ να
πεθάνει, που είναι αγάπη.
  
1:11:31  Κι απ'αυτήν την δράση,
 
1:11:35  απ'αυτή έρχεται η νοημοσύνη και η δράση.