Krishnamurti Subtitles

BR83DSS2.0 - สติปัญญาอันสูงสุดคือการไม่มีมายาใดๆเลย

การพูดสนทนาที่โรงเรียนบร็อควู้ดพาร์ค สหราชอาณาจักร
วันที่ 16 ตุลาคม 1983



0:27  K: เราจะคุยกันเรื่องอะไรดี
 
0:33  Q: ผมคิดว่าครั้งที่แล้ว
ที่เราคุยกัน
  
0:35   
 
0:39  ..เราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสติปัญญา
เราคุยกันไปได้เพียงนิดหน่อย
  
0:42  จะทำให้เกิดสติปัญญา
ในชีวิตเราได้อย่างไร
  
0:46  เพื่อที่สติปัญญา
จะได้กระทำการในชีวิตเรา
  
0:50  ผมอยากทราบว่าเราจะสืบค้น
เรื่องสติปัญญากันต่อดีไหม
  
0:55  K: เอาล่ะ ใครมีคำถามอื่นบ้างไหม
 
0:58  Q: เมื่อไหร่และเพราะอะไรมนุษย์จึงจะ
ถามอย่างแท้จริงว่าสติปัญญาคืออะไร
  
1:03  คำถามนี้เกี่ยวโยงกับคำถามของเขา
 
1:06  K: ทำไมเราจึงถาม
 
1:08  Q: และถามเมื่อใด
 
1:09  K: เมื่อใดเราจึงถามว่า
สติปัญญาคืออะไร
  
1:12  Q: ถามอย่างจริงใจแท้จริง
K: ครับ
  
1:15  มีคำถามอื่นๆ อีกไหม
 
1:17  Q: หนูอยากทราบว่าที่เราประชุมกัน
ทุกๆ เช้านั้นเพื่ออะไร
  
1:26  K: โอ พระเจ้า!(หัวเราะ)
 
1:32  มีคำถามอีกไหม
 
1:35  Q: เพราะอะไรท่านถึงไปพูดในที่ต่างๆ
 
1:41  K: ทำไมฉันถึงพูดหรือ (หัวเราะ)
Q: ใช่ค่ะ (หัวเราะ)
  
1:45  K: เธออยากให้ฉันหุบปาก
อย่างนั้นหรือ (หัวเราะ)
  
1:54  Q: ไม่ใช่ อะไรคือจุดประสงค์
ท่านมีจุดประสงค์ใดในการพูด
  
1:57   
 
2:02  K: ทำไมฉันจึงพูดหรือ
 
2:09  จริงๆ แล้ว
ฉันไม่พูดถึงมันดีกว่า(หัวเราะ)
  
2:16  คำถามหมดแล้วหรือยัง
 
2:20  Q: เรื่องต่างๆ ทั้งหมด
ที่ท่านพูดถึงนี้ ท่านรู้มาได้อย่างไร
  
2:30  Q: เราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าเราเริ่มมีสติปัญญา
  
2:34  K: ครับ เรื่องต่างๆ ทั้งหมด
ที่ผู้พูดพูดถึงนั้น ผู้พูดรู้ได้อย่างไร
  
2:41  ไม่ใช่มาจากตำรา
 
2:46  ไม่ใช่มาจากคนอื่น
 
2:53   
 
2:57  ไม่ว่าจะเป็นตำราโบราณ ตำราสมัยใหม่
หรือปรัชญาสมัยใหม่อะไรทำนองนั้น
  
3:00  ฉันจะค่อยๆ อธิบายเรื่องทั้งหมดนี้
ในระหว่างที่เราคุยกันไป
  
3:04  ได้ไหม
 
3:08  มีคำถามอื่นอีกไหม
 
3:12   
 
3:13  Q: เราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าเราเริ่มที่จะมีสติปัญญา
  
3:17  เริ่มมีสติปัญญา
 
3:19  K: เราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าสติปัญญาคืออะไร
  
3:23  Q: ไม่ใช่ครับ ในตัวเรา
เมื่อเราเริ่มมีสติปัญญามากขึ้น
  
3:31  Q: เราจะบอกได้อย่างไร
ว่าเราเริ่มมีสติปัญญา
  
3:34  K: เราจะค้นหากันในไม่ช้านี้แหละ
 
3:41  เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่เรากำลังขับรถ
  
3:44   
 
3:47  ไปตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค
แถบแคลิฟอร์เนีย
  
3:52   
 
3:55  เป็นเช้าที่สดชื่นแจ่มใส
 
3:58  มีฝนตก ตามปกติแล้วแคลิฟอร์เนีย
ฝนจะไม่ตกในช่วงเวลานั้น
  
4:02  มันช่างเป็นเช้าที่อากาศสดใส
 
4:05   
 
4:10  ไม่มีเมฆบนท้องฟ้า
 
4:16   
 
4:21  มหาสมุทรแปซิฟิคเป็นสีฟ้าคราม
สงบเงียบราวกับทะเลสาบอันยิ่งใหญ่
  
4:26  มันไม่เหมือนสีน้ำเงินเข้ม
แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
  
4:31  ทว่าเป็นสีครามอ่อน
และแสงตะวันก็สาดส่องลงมากระทบ
  
4:37  ทำให้มีแสงแจ่มจรัสอยู่บนผืนทะเล
 
4:45  มิสซิสซิมบาลิส
กำลังขับรถคันของเรา
  
4:52  ข้างหน้ารถเรา เป็นรถคุณภาพดี
บนกันชนมีสติกเกอร์ติดอยู่
  
4:55   
 
5:01  บนสติกเกอร์ติดเขียนว่า
"ให้ตั้งคำถามต่ออำนาจเหนือ"
  
5:11  ดังนั้นเช้าวันนี้เราจะไต่สวนกันถึง
อำนาจเหนือ (หัวเราะ)
  
5:18  ในการไต่สวนเข้าไป
ในเรื่องอำนาจเหนือ
  
5:21  เราจะค้นพบได้ด้วยตนเอง
 
5:26  ในการทำความเข้าใจปัญหา
ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งของอำนาจเหนือ
  
5:32  เราจะเริ่มประจักษ์ด้วยตัวเราเอง
ว่าสติปัญญาคืออะไร
  
5:40  ทำไมเราจึงปฏิบัติตาม
เหตุใดเราจึงยอมรับ
  
5:51  เพราะอะไรเราจึงเชื่อฟัง
 
5:56  อำนาจอิทธิพลและการยอมรับ
อำนาจอิทธิพลจะนำไปสู่สติปัญญาหรือไม่
  
6:00  เราจะคุยเรื่องทั้งหมดนี้ร่วมกัน
 
6:03  ดีไหม
 
6:05  ดี
 
6:08  พวกคุณตั้งคำถาม
ต่ออำนาจเหนือคุณหรือเปล่า
  
6:16  คุณรู้หรือว่าคำนั้นหมายถึงอะไร
 
6:21  เราจะไม่พูดถึงรากศัพท์หรือความหมาย
ทางนิรุกติศาสตร์ของคำๆ นั้น
  
6:25   
 
6:27  แต่พูดถึงอำนาจเหนือ
 
6:31  อำนาจเหนือมีหลายประเภท
 
6:36  ถูกไหม
 
6:37  อำนาจเหนือของรัฐบาล
ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะแย่เพียงไร
  
6:44  อำนาจของรัฐเผด็จการ
 
6:51  อำนาจของตำรวจ
 
6:55  อำนาจของนักกฎหมาย
อำนาจของผู้พิพากษา
  
7:03  อำนาจของพระสันตะปาปา
อำนาจของนักบวช
  
7:11  ใช่ไหม
 
7:12  ทั้งหมดนั้นเป็นอำนาจภายนอก
อยู่นอกตัวเรา
  
7:17  แต่ภายใน
ภายในจิตใจก็มีอำนาจเหนือด้วย
  
7:22  มีอำนาจของประสบการณ์ของเราเอง..
 
7:26  อิทธิพลจากประสบการณ์
และความเชื่อมั่นทั้งหลายของตัวเรา
  
7:33  ใช่หรือไม่
คุณตามเรื่องทั้งหมดนี้ทันไหม
  
7:36  อำนาจเหนือของความคิดเห็น
ของตัวเราเอง
  
7:42  อำนาจอิทธิพลของ
ความเชื่อมั่นต่างๆ ของตัวเราเอง
  
7:46  เช่น เมื่อฉันเชื่อว่า
ฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่
  
7:48  นั่นก็กลายเป็นอำนาจเหนือ
 
7:52  ฉันเชื่อว่าฉันเป็นกวีที่เก่งกาจ
 
7:57  ทั้งๆ ที่ฉันอาจจะเป็น
กวีที่ไม่เอาไหนเลย
  
8:00  แต่ฉันก็เชื่อของฉันอย่างนั้น
 
8:04  ฉันยังเชื่อในอะไรต่อมิอะไร
อีกนานัปการ
  
8:08  ดังนั้นประสบการณ์หรือความรู้
 
8:15  จึงกลายเป็นต้นเหตุอย่างหนึ่ง
ของอำนาจเหนือ
  
8:19  ใช่ไหม คุณตามทันไหม
 
8:22  เนื่องจากเรากำลังตรวจสอบปัญหา
ที่มีความสลับซับซ้อนยิ่งนัก
  
8:28  ปัญหาของอำนาจเหนือ
 
8:33  อำนาจเหนือของพ่อแม่
 
8:37  อิทธิพลของจารีต
ที่สืบทอดกันมา
  
8:42  อิทธิพลของเสียงข้างมาก
 
8:48  ใช่ไหม
 
8:50  อำนาจเหนือของผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
 
8:54  อิทธิพลของนักวิทยาศาสตร์
มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนอยู่ที่นี่
  
8:58   
 
9:04  อิทธิพลของคัมภีร์ไบเบิล
 
9:09  และสิ่งที่เรียกกันว่า
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย
  
9:16  ..อำนาจของอัลกุระอาน คุณทราบไหมว่า
คัมภีร์อัลกุระอานคืออะไร
  
9:19  คือคัมภีร์ไบเบิลของอิสลาม
 
9:22  เป็นดั่งไบเบิลของโลกอิสลาม
โลกชาวมะหะหมัด
  
9:24  พวกเขายอมรับ
และยินยอมเชื่อฟังอย่างเต็มที่
  
9:31  ดังนั้นอิทธิพล อำนาจเหนือ
มีหลากหลายลักษณะ
  
9:36  ใช่ไหม
 
9:37  เราจะตั้งคำถามต่อสิ่งใด
 
9:41  เมื่อคุณตั้งคำถามต่ออิทธิพล
อำนาจเหนือนั้น คุณตั้งคำถามต่ออะไร
  
9:47  อำนาจของกฏข้อบังคับหรือ
 
9:52  อำนาจของครูผู้สอนทั้งหลาย
ที่บอกที่สอนคุณหรือ
  
10:01  กรุณาถกเรื่องนี้ร่วมกับผม
 
10:07  เพราะในการสืบค้นไปทีละก้าว
อย่างเอาใจใส่
  
10:13  ผมจะสืบค้นเข้าไปในปมปัญหานี้
ให้ลึกขึ้นและลึกขึ้น
  
10:16  คุณจะเริ่มปลุก
สติปัญญาของคุณเองให้ตื่นขึ้น
  
10:21  คุณเข้าใจไหม
 
10:23  การรับรู้ของตัวคุณเอง รู้ที่จะ
มองดูสรรพสิ่งอย่างมีสติปัญญา
  
10:27  โดยปราศจากอิทธิพลอำนาจเหนือ
 
10:33  ชัดเจนแล้วใช่ไหม
ผมอธิบายสิ่งที่พูดไปชัดเจนหรือยัง
  
10:39  คุณเข้าใจชัดเจนแล้วใช่ไหม
Q: ใช่ครับ
  
10:40   
 
10:42  K: งั้นก็ดี
คุณแน่ใจนะ
  
10:47  อิทธิพลอำนาจที่อยู่ภายนอกตัวเรา
 
10:53  เช่น อำนาจของกฎหมาย รัฐบาล
 
10:55  เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ที่เลือกนายกรัฐมนตรี
  
11:01  อำนาจของนักกฎหมาย
ของตำรวจ ทนายความ
  
11:06  อำนาจของศัลยแพทย์
 
11:09  ของนักวิทยาศาสตร์
ผู้สร้างระเบิดปรมาณู
  
11:15  อำนาจของรัฐเผด็จการ
และอื่นๆ ทำนองนั้นเป็นอำนาจภายนอก
  
11:24  ส่วนภายในตนเอง
ฉันพูดว่า ''ฉันรู้ดี"
  
11:30  นั่นก็กลายเป็นอำนาจเหนือ
 
11:34  หรือฉันเชื่ออย่างยิ่ง ฉันมั่นใจมาก
ว่าความเห็นของฉันถูกต้อง
  
11:43  ฉันมั่นใจ ประสบการณ์ของฉัน
บอกฉันว่าต้องทำอะไรบ้าง
  
11:51  นั่นก็กลายเป็นอำนาจเหนือ
 
11:55  หรือฉันฝึกปฏิบัติ
ตามวินัยบางอย่าง
  
12:00  นั่นก็กลายเป็นอำนาจเหนือฉัน
 
12:03  คุณเข้าใจไหม
 
12:04  เราจะไต่สวนเรื่องทั้งหมดนี้
 
12:11  อำนาจจากภายนอกและภายใน
 
12:16  จากสภาพแวดล้อม
และในอาณาจักรของจิตใจ
  
12:22  ชัดเจนพอไหม
ทีนี้เรามาเริ่มกัน
  
12:31  เราจะมาไต่สวนกัน
ไม่ใช่มาพูดว่าอะไรถูกหรือผิด
  
12:39  ทว่าให้สืบค้น
ตั้งข้อกังขา สงสัย ถาม
  
12:48  ขอให้เรามาเริ่มกันเลย
 
12:50  มีอิทธิพลอำนาจของตำรวจ
 
12:56  ใช่ไหม
 
13:00  คุณตั้งคำถามต่ออำนาจนี้ไหม
 
13:05  Q: อำนาจนี้มันจำเป็นไม่ใช่หรือ
K: แต่เรามาไต่สวนมันก่อน
  
13:11  อย่าด่วนยอมรับ
อย่ารีบบอกว่ามันจำเป็น
  
13:15  คุณเห็นไหมว่า
คุณยอมรับอำนาจนั้นแล้ว
  
13:20  Q: ใช่
 
13:21  แต่เราก็ทำอะไรได้ไม่มากนักหรอก
 
13:24  K: คุณไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เกี่ยวกับอำนาจชนิดนี้
  
13:27  Q: เราไม่ต้องการอำนาจประเภทนั้น
 
13:29  K: คุณไม่ต้องการอำนาจประเภทนั้นหรือ
 
13:33   
 
13:37  สมมุติว่าที่ประเทศฝรั่งเศส
ฉันขับรถทางด้านขวาของถนน
  
13:42  และเมื่อฉันมาที่นี่ ฉันก็ยัง
เคยชินกับการขับรถทางด้านขวาของถนน..
  
13:44   
 
13:49  ในประเทศฝรั่งเศส ออสเตรีย
และที่อื่นๆ ก็เหมือนกัน
  
13:51  เมื่อฉันมาที่นี่
ฉันก็ยังขับทางด้านขวาอยู่อีก
  
13:56  เข้าใจไหม
 
13:57  การขับทางด้านขวา
อุบัติเหตุก็จะเกิดขึ้น
  
14:01  ใช่ไหม
 
14:04  ตำรวจก็บอกว่า "เฮ้ ถอยไป
 
14:11  ให้ขับทางด้านซ้าย"
 
14:12   
 
14:15  แต่ถ้าฉันยังขืนดื้อดึง
ขับทางด้านขวา ตำรวจก็จะให้ใบสั่ง
  
14:18  ดังนั้นฉันจึงยอมรับอำนาจของตำรวจ
ที่บอกฉันว่า
  
14:25  "คุณกำลังขับรถผิดช่องทาง
กรุณาขับทางด้านซ้าย"
  
14:32  เพราะนั่นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
เป็นกฎหมายของประเทศนี้
  
14:37  ใช่ไหม
 
14:39  Q: นั่นเป็นเรื่องพอมีเหตุผล
K: มันเป็นเรื่องมีเหตุผล - จริงทีเดียว
  
14:45  แล้วยังมีอำนาจของรัฐ
 
14:52  เรื่องนี้สลับซับซ้อนยิ่งกว่ามาก
 
14:57  อำนาจรัฐบอกว่า
คุณต้องไปเป็นทหาร
  
15:00   
 
15:05  ในยุโรปคุณต้องไปเป็นทหาร
เป็นเวลาสองปี
  
15:17  โชคดีที่กฎเกณฑ์นี้
ไม่ได้ใช้สำหรับผู้หญิง
  
15:21  ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส
และในประเทศแถบยุโรปทั้งหมด
  
15:26  คุณต้องไปเป็นทหารเป็นเวลาสองปี
 
15:32  คุณจะยอมรับอำนาจนั้นไหม
 
15:37  Q: ถ้าคุณไม่ยินยอมจะเกิดอะไร
K: เดี๋ยวก่อน ลองคิดดูก่อน
  
15:39  พิจารณาปัญหาให้รอบคอบก่อน
 
15:44  พวกเขาบอกว่า
"เราต้องปกป้องประเทศของเรา"
  
15:50  ใช่ไหม
 
15:54  เผื่อว่าจะเกิดสงคราม
เราจึงเตรียมพร้อมที่จะสู้รบกับศัตรู
  
16:01  คุณเคยได้ยินคำกล่าวไหม
ที่นายพลคนหนึ่งพูดว่า
  
16:05   
 
16:07  "เราพบศัตรูแล้ว
มันคือพวกเรานั่นเอง"
  
16:15  คำพูดนั้นคุณเคยได้ยินไหม
 
16:19  คุณเข้าใจคำพูดนั้นไหม
 
16:22  เราเจอศัตรูแล้ว
มันคือตัวเรานั่นเอง
  
16:28  เราเป็นศัตรูต่อตัวเราเอง
 
16:32  ขออภัยครับ
 
16:35  ลองค้นหาดู
 
16:39  รัฐบาลจะบอกอย่างนั้น
ทุกรัฐบาลเลย
  
16:46  แม้แต่รัฐบาล
ที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุดยังบอกว่า
  
16:49  "คุณต้องต่อสู้เพื่อประเทศชาติ"
 
16:54  มีอำนาจอันมหาศาลอยู่ในคำพูดนั้น
 
16:58  ใช่ไหม
 
17:00  คุณจะตอบสนองต่ออำนาจนั้นอย่างไร
 
17:07  Q: ถ้าผมตกอยู่ในสถานการณ์นั้น
สมมุติว่าผมเป็นชาวสวิส
  
17:13  และถูกสั่งให้เข้าร่วมกับกองทัพ
ผมจะไม่ยอมทำ
  
17:17  K: ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะถูกจำคุก
Q: ไม่ครับ ผมจะออกไปประเทศอื่น
  
17:21  K: (หัวเราะ) พวกเขาไม่ยอม
ให้คุณออกนอกประเทศ
  
17:24  Q: แต่ก็มีหนทางอื่นๆ อีก
ที่จะออกไปได้
  
17:26  K: อ๋อ ใช่
 
17:28  แต่คุณก็จะกลับไปประเทศของคุณ
ไม่ได้อีกต่อไป
  
17:30  Q: ครับ
 
17:31  K: ฉันรู้จักหลายคนที่ทำอย่างนั้น
 
17:35  แต่พวกเขาไม่สามารถกลับไป
ประเทศของเขาได้อีก
  
17:41  นั่นเป็นคำตอบหรือ
 
17:45  ตั้งคำถาม ไต่สวนเข้าไป
ในสิ่งที่เธอกำลังพูด
  
17:51  Q: บางทีในระดับหนึ่ง มันก็อาจจะใช่
 
17:54  K: ฉันบอกให้ถาม
ให้ค้นหาดูก่อน
  
17:57  ค้นหาดูว่าคุณจะทำอย่างไร
เมื่อทางการสั่งว่าคุณต้องไปเป็นทหาร
  
18:04   
 
18:10  คุณถูกเกณฑ์ทหาร
ในอเมริกาใช้คำว่า เกณฑ์ทหาร
  
18:12   
 
18:17  ที่นี่ใช้คำว่า
คุณถูกขอให้เข้าร่วมกับกองทัพ
  
18:20   
 
18:24  นั่นเป็นอำนาจสูงสุด
คุณจะตั้งคำถามต่ออำนาจนั้นไหม
  
18:32  Q: ที่ท่านบอกให้ตั้งคำถาม
ท่านหมายถึงให้ถามว่า
  
18:34  อำนาจนั้นมาจากไหนหรือครับ
 
18:37  K: ไม่ใช่ รัฐบาลบอกว่าคุณต้องทำ
 
18:41  Q: จริงๆ แล้วการตั้งคำถาม
การไต่สวนนั้น ท่านหมายถึงอะไรกันแน่
  
18:44  K: การตั้งคำถาม การค้นหา
ฉันหมายถึง
  
18:47  ตั้งคำถามต่ออำนาจเหนือ
คุณเข้าใจไหม
  
18:50  Q: มันยังไม่ชัดเจน ผมไม่เข้าใจครับ
 
18:54  K: ฉันอธิบายแล้วมิใช่หรือ
เราได้อธิบายกันไปแล้วมิใช่หรือ
  
18:59  ฉันบอกเธอถึงเรื่อง
สติกเกอร์ที่แคลิฟอร์เนีย
  
19:03  บนสติกเกอร์เขียนว่า
"ให้ตั้งคำถามต่ออำนาจเหนือ"
  
19:07  นั่นหมายถึงถามว่า
คุณยอมรับต่ออำนาจเหนือหรือไม่
  
19:12  ในกรณีใดที่คุณยอมรับอำนาจนั้น
 
19:14  และกรณีใดที่คุณเพิกเฉยต่ออำนาจ
 
19:19  ถูกไหม
 
19:25  รัฐบาลบอกว่า
เมื่อถึงเวลาที่คุณเป็นหนุ่มฉกรรจ์
  
19:26  หรือย่างเข้าอายุ
18, 19, 20 ปี
  
19:28  รัฐบาลบอกว่า
คุณต้องไปเป็นทหารสองปี
  
19:34  หรือไม่ทางการก็มีทางเลือกอื่นๆ
ให้คุณ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าเบื่อ
  
19:40  หรือเมื่อเกิดสงครามขึ้น
เด็กหนุ่มที่โตพอแล้ว
  
19:43  และชายฉกรรจ์ทุกคน
จะต้องถูกเกณฑ์เป็นทหาร
  
19:50  รัฐมีอำนาจ
 
19:53  คุณจะตั้งคำถามต่ออำนาจนั้นไหม
 
19:58  Q: ครับ แต่คุณจะทำอะไรได้เล่า
 
20:00  K: คุณก็ต้องสืบค้น
เรากำลังจะสืบค้นดู
  
20:04  แต่ก่อนอื่น คุณต้องถามว่า
นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะทำหรือเปล่า
  
20:10  เมื่อมีใครบางคนหรือรัฐบาล
ขอให้คุณไปเป็นทหาร
  
20:19  ปัญหานี้สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง
ฉันไม่ทราบว่าคุณจะสามารถ
  
20:21  สืบค้นเข้าไปในเรื่องนี้ได้ไหม
 
20:27  รัฐบอกว่า
'เราต้องปกป้องประเทศของเรา'
  
20:30  จริงไหม
 
20:32  จริงไหม
 
20:35  ดังนั้นคุณต้องถามว่า
ประเทศของเราคืออะไร
  
20:40  Q: มันก็เป็นทั้งหมดที่เรารู้
ที่อยู่รอบตัวเรา ภาษาของเรา
  
20:42  K: ซึ่งหมายถึงอะไรล่ะ
Q: คือสิ่งที่เราคุ้นเคย
  
20:46  K: ยกตัวอย่างเช่น
ประเทศอังกฤษบอกคุณว่า
  
20:48  รัฐบาลอังกฤษบอกคุณว่า
 
20:51  เรากำลังจะถูกโจมตี
โดยใครสักกลุ่ม
  
20:57  และคุณต้องฝึกทหาร ฝึกแบกปืน
และอื่นๆ อีก แล้วไปต่อสู้
  
21:01   
 
21:09  ทีนี้ คุณตอบสนอง
ต่อสภาพเช่นนี้อย่างไร
  
21:15  พ่อหนุ่มที่น่าสงสาร
 
21:20  Q: คุณอาจจะไม่ต้องการทำเช่นนั้น
K: บางทีคุณไม่อยากจะทำ
  
21:26  เมื่อเป็นเช่นนั้นถ้าคุณอยู่ใน
ประเทศรัสเซีย หรือในประเทศอื่นๆ
  
21:30  พวกเขาก็จะยิงคุณทิ้ง
 
21:32  หรือไม่พวกเขาจะถามว่า
ถ้าคุณไม่อยากทำ คุณมีเหตุผลอะไร
  
21:40  Q: เราไม่ต้องการฆ่าคนอื่น
 
21:43  เราไม่ต้องการฆ่ามนุษย์คนอื่น
 
21:45  K: นั่นเป็นปฏิญญาของคุณเองหรือ
 
21:49  Q: เปล่าครับ ผมคิดว่า
K: ให้รอบคอบนะ ฉันกำลังถามคำถาม
  
21:52  เขาบอกว่า
เราไม่อยากเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกัน
  
21:56  นั่นเป็นการตั้งสัตย์ปฏิญญา
ของคุณเอง
  
21:59  หรือมันเป็นเพราะศาสนาของคุณ
 
22:02  พ่อแม่ของคุณก็เคร่งศาสนา
ทำนองนั้นด้วยใช่ไหม
  
22:07  พวกเขาจะถามคำถามเหล่านี้นะพ่อหนุ่ม
ฉันไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเอง
  
22:12  Q: เราจะเข่นฆ่าผู้อื่นไปทำไมกัน
 
22:18  K: เราจะเข่นฆ่าผู้คนไปทำไมนะหรือ
 
22:23  พวกเขาเข่นฆ่ากัน
มาถึง 5,000 ปีแล้ว
  
22:31  และจะฆ่ากันต่อไปอีก
 
22:36  พวกกรีกก็ฆ่า
พวกอียิปต์ก็ฆ่า
  
22:41  พวกซูเมอเรียน
และบาบิโลนและพวกอื่นๆ
  
22:46  อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
ถูกสร้างขึ้นโดยการเข่นฆ่าผู้คน
  
22:51  จักรวรรดิอังกฤษ
ที่ครองอาณาจักรมาร่วม 150 ปี
  
22:56  ไม่เหมือนอาณาจักรของเปอร์เซียน
กรีก หรือ อียิปต์
  
23:02  อารยธรรมของชาวอียิปต์มี
ความเป็นมาร่วม 3,000 ปีโดยไม่ถูกรบกวน
  
23:12  ในเมื่อผู้คนเข่นฆ่ากันและกันมา
 
23:15  ..เป็นเวลายาวนานร่วม 5,000 ปี แล้ว
และจะนานกว่านั้นอีก
  
23:22  ดังนั้นอะไรคือคำตอบของคุณ
 
23:27  Q: บางทีคุณก็ไปเป็นทหารเสียเลย
 
23:30  บางทีคุณก็ไปเป็นทหารคนหนึ่ง
 
23:31  แต่มิได้ไปเป็นทหารด้วยทัศนคติ
ที่ว่าคุณทำไปเพื่อประเทศของคุณ
  
23:38  และไม่ได้ทำไปเพื่อ…
 
23:42  เพราะว่าถ้าเราประท้วง
ความจริงที่ว่าเราประท้วงนั้น
  
23:46  แสดงว่านั่นเป็นความเชื่อของ
คุณเอง เป็นความคิดความรู้สึกของคุณเอง
  
23:49  K: ดังนั้นคุณจึงเป็นทหาร
และพร้อมที่จะฆ่า
  
23:55  Q: ไม่ใช่ครับ
K: ก็เขาพูดอย่างนั้นนี่
  
23:59  เขาบอกว่าคุณอาจจะไปเป็นทหาร
 
24:01  นั่นหมายความว่า คุณเตรียมพร้อม
ที่จะฆ่าเพื่อประเทศของคุณ
  
24:08  ใช่ไหม เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน
ค่อยๆ ไปกันช้าๆ
  
24:10   
 
24:13  ประเทศของคุณคืออะไร
คำว่าประเทศของคุณ คุณหมายถึงอะไร
  
24:18  เรากำลังตั้งคำถาม
ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง คุณเข้าใจไหม
  
24:21  ที่ว่าประเทศของคุณนั้น
คุณหมายถึงอะไร
  
24:25  Q: มันเป็นวิถีของคนอเมริกัน
นี่เป็นวิถีที่มันเป็นไป
  
24:27  Q: ผมหมายถึงเราไม่ได้เป็นทหาร
เพราะความรักชาติ
  
24:34  แต่เพราะว่าถ้าคุณไม่ไป
คุณอาจจะต้องถูกจำคุก
  
24:37  K: ฉันรู้
 
24:39  คุณไม่ได้ไปรบเพราะความรักชาติ
หรือเพราะเหตุผลส่วนตัวของคุณ
  
24:42  แต่คุณก็จะเข่นฆ่าผู้คน
 
24:48  Q: เรามีแนวโน้วที่จะไม่ฆ่าใคร
เราจะไม่ฆ่าใครทั้งสิ้น
  
24:52  เราเพียงแค่ถือปืนเฉยๆ (หัวเราะ)
 
24:58  K: แต่พวกเขาจะฆ่าคุณ
 
25:04  ฉันรู้จักคนๆ หนึ่ง
เขาถูกบังคับให้ไปเป็นทหาร
  
25:11  และผู้บังคับบัญชาบอกว่า
"เราจะไปเป็นแนวหน้า"
  
25:16  ทหารที่เป็นเพื่อนของผมคนนี้
บอกว่า
  
25:18  "ก็ได้ แต่ถ้าผมไปถึงแนวหน้า
 
25:20  คุณเป็นผู้บังคับบัญชา
ผมจะยิงคุณก่อน
  
25:26  เพราะคุณบังคับให้ผม
ไปอยู่ในตำแหน่งนั้น"
  
25:29  พวกเขาเลยบอกว่า
คนๆ นี้ท่าจะบ้า
  
25:33  พวกเขาให้จิตแพทย์
และนักจิตวิทยามาตรวจดู
  
25:40  เขาก็พูดย้ำเหมือนเดิม
 
25:42  พวกเขาเลยบอกว่า
"ส่งกลับบ้านไปซะ" (หัวเราะ)
  
25:47  แต่คุณอย่าไปเล่นเหลี่ยม
อย่างนั้นเลย
  
25:55  คุณเข้าใจไหมว่าเรากำลังถาม
แต่คุณมิได้ถาม
  
25:57   
 
26:00  รัฐบาลของอินเดียจะส่งฉันไป
 
26:03  โชคดีที่เอาฉันไปไม่ได้
เพราะฉันแก่เกินไป
  
26:09  ทางการสอบสวนฉัน
และบอกว่าฉันต้องไปเป็นทหาร
  
26:11  เช่นเดียวกับที่ประเทศอังกฤษ
 
26:16  เขาบอกว่า
คุณต้องป้องกันประเทศของคุณ
  
26:19  ฉันเกิดความสงสัย ฉันเกิดคำถามว่า
"ประเทศของฉันคืออะไร
  
26:22  คุณหมายความว่าอย่างไร
ที่ว่าเป็นประเทศของฉัน"
  
26:26  เข้าใจไหม
 
26:28  จงตั้งคำถามต่อมัน
 
26:32  ใครหรือที่บอกว่า
มันเป็นประเทศของฉัน
  
26:34  Q: ก็จริงครับ
แต่พวกเขาไม่ฟังหรอกครับ
  
26:38   
 
26:39  K: ฉันตั้งคำถามต่อตนเอง
ไม่ต้องไปสนใจว่ารัฐบาลจะว่าอย่างไร
  
26:41  Q: ที่ว่าประเทศของคุณ
คุณหมายถึงอะไร
  
26:43  K: นั่นแหละที่ฉันถามเธออยู่
(หัวเราะ)
  
26:46  Q: ประเทศที่คุณถือกำเนิด
ควรที่จะเป็นประเทศของคุณ
  
26:50  K: คือที่ที่คุณเกิด
 
26:51  Q: ใช่ครับ
นั่นน่าจะเป็นประเทศของคุณ
  
26:53  K: นั่นจึงควรจะเป็นประเทศของคุณ
 
26:55  แล้วทำไมฉันถึงต้องบอกว่า
มันเป็นประเทศของฉันด้วยเล่า
  
26:58  Q: ก็เพราะว่าคุณอาศัยอยู่ที่นั่น
และ
  
27:00  K: ใช่ แล้วคุณบอกว่า
มันเป็นประเทศของคุณ
  
27:04  ส่วนฉันก็ว่ามันเป็นประเทศของฉัน
 
27:07  ใช่ไหม
 
27:09  ทำไมพวกเราต้องพูดอย่างนี้ด้วย
 
27:13  ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงพูดอย่างนี้
 
27:15   
 
27:17  และคนหนุ่มสาวก็พูดอย่างนี้
 
27:21  มันเป็นจารีตที่มีมาหลายพันปี
ว่ามันเป็นประเทศของฉัน
  
27:23  ฉันจะปกป้องมัน มันเป็นประเทศ
ของคุณ คุณต้องปกป้องมัน
  
27:25  เรามาเข่นฆ่ากันเถอะ
 
27:28  Q: เพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะ
ครอบครองมัน
  
27:31  หากการครอบครองนั้น
ถูกคุกคามโดยประเทศอื่น
  
27:35  ที่รู้สึกเป็นเจ้าของ
ประเทศของเขาเช่นกัน
  
27:38  ซึ่งแน่นอนว่าคุณคงจะต้องพยายาม
ที่จะต่อสู้กัน
  
27:41  เพื่อที่จะครอบครองประเทศของคุณ
 
27:43  K: ฉันเข้าใจ คุณจึงเต็มใจที่จะ
เข่นฆ่าเพื่อประเทศของคุณ
  
27:46  Q: ไม่ใช่ครับ
หากประเทศอื่น เช่น ประเทศรัสเซีย
  
27:52  ถ้าเกิดมีสงคราม
และพวกเขาเข้ายึดครองประเทศของคุณ
  
27:57  K: ฉันขอถามได้ไหมว่าเธอชื่ออะไร
Q: เทสซ่า
  
28:01  K: ซาช่าหรือ
Q: เทสซ่า
  
28:12  K: อ๋อ เทสซ่า!(หัวเราะ)
 
28:22  คุณยังไม่ได้สืบค้น
เข้าไปในเรื่องนี้ตามลำดับ
  
28:29  ประเทศของฉันคืออะไร
เหตุใดโลก แผ่นดินโลกจึงถูกแบ่งแยก
  
28:33  ออกเป็นประเทศของฉัน
ประเทศของคุณ เพราะอะไรหรือ
  
28:39  Q: มันเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ
เช่น หนังสือของผม ไม่ใช่ของคุณ
  
28:45  K: ไม่ใช่
 
28:46  แล้วอะไรอีก
จงตั้งคำถามต่อเรื่องทั้งหมดนี้
  
28:49  เพราะอะไร
 
28:50  ทำไมมนุษย์ต้องบอกอย่างนี้
มานับพันๆ ปี
  
28:57  ว่านี่เป็นประเทศของฉัน
และนั่นเป็นประเทศของคุณ
  
29:00  Q: ก็คือว่าคุณมี
K: เพราะอะไรหรือ
  
29:03  ทำไม
Q: ครับ
  
29:04  อย่างคุณมีผิวสีเข้ม
ส่วนผมมีผิวสีอ่อน
  
29:06  คุณพูดภาษานั้น ผมพูดภาษานี้
 
29:09  และยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่ง
รอบๆ ฉัน ที่พูดภาษาเดียวกัน
  
29:12  ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่
รอบๆ คุณ ก็พูดภาษาเดียวกับคุณ
  
29:16  และยังดูคล้ายๆ กันกับคุณด้วย
 
29:17  นั่นเป็นประเทศของคุณ
ส่วนผมก็อยู่ในประเทศของผม
  
29:20  K: ทำไมเราจึงทำอย่างนี้ด้วยล่ะ
Q: ก็เพราะว่าคุณดูแตกต่างออกไป
  
29:24  และภาษาต่างกัน
K: ก็ใช่
  
29:26  แต่เราแตกต่างกันหรือ
 
29:28  Q: ไม่หรอก เพียงแต่ว่า
เขาทำให้คุณกลัว
  
29:32  K: ตอบเขาซิ ฉันผิวดำ
Q: ใช่ครับที่ผิว
  
29:35  K: คุณผิวสีชมพู หรือสีฟ้า (หัวเราะ)
 
29:42  ขออภัยด้วย
 
29:46  ฉันผิวดำ คุณผิวสีชมพูหรือสีขาว
หรือสีอะไรก็ตาม
  
29:51  เราต่อสู้กันเพราะเหตุผลนี้
อย่างนั้นหรือ
  
29:56  Q: ใช่ครับ
และคุณก็เชื่อว่าอย่างนั้น
  
29:59  K: ไม่..ไม่..อย่ารีบร้อน
ให้เริ่มสืบค้นเข้าไปช้าๆ
  
30:01  คุณฆ่าฉัน และฉันฆ่าคุณ
 
30:06  ก็เพราะฉันผิวดำ
และคุณผิวค่อนข้างขาว-ทำไมล่ะ
  
30:11  Q: เพราะว่า
K: เดี๋ยวก่อน ไต่สวนก่อน
  
30:15  อย่าด่วนตอบ ไต่สวนดูก่อน
 
30:20  Q: ผมไม่เห็นด้วย
 
30:22  เพราะผมคิดว่านั่นเป็นหนังสือ
ของผม และมันเป็นหนังสือที่มีค่า.
  
30:24  ส่วนเพื่อนผมบอกว่า
"มันเป็นหนังสือของฉัน"
  
30:31  ผมก็สังหารเขาเพื่อหนังสือของผม
 
30:37  K: ใช่ แล้วยังไง
 
30:38  Q: ผมคิดว่าเพราะเขาเป็นคนดำ
ส่วนผมเป็นคนขาว
  
30:43  K: ใช่แล้ว
 
30:44  แล้วคุณว่าอย่างไร
ไต่สวนต่อไปซิ
  
30:49  ทำไมเราถึงทำอย่างนั้น
Q: เพราะว่า
  
30:52  K: จงตั้งคำถาม ฉันกำลังถามคำถามคุณ
แต่ตัวคุณเองกลับไม่ยอมสืบค้น
  
30:55  Q: การต้องการจะครอบครอง
อะไรบางอย่าง
  
31:06  เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติ
ไม่ใช่หรือ
  
31:10  K: ใช่
นั่นเป็นการตอบสนองที่เป็นธรรมชาติ
  
31:12  ทว่ามันเกิดขึ้นที่ไหน
มันเกิดขึ้นเมื่อไร
  
31:16  ระวังนะ สืบค้น ไต่สวนกันก่อน
 
31:19  อย่าด่วนยอมรับอะไร
ว่าเป็นธรรมชาติและบอกว่า
  
31:21  "มันเป็นธรรมชาติ"
และเกาะติดอยู่กับมัน
  
31:23  ค้นหาดู ถามดูสิว่า
ทำไมมันเป็นธรรมชาติ
  
31:26  Q: ผมไม่คิดว่าเด็กทารกจะ
 
31:28  K: นั่นแหละ
เริ่มจากเด็กทารกเลย (หัวเราะ)
  
31:35  ถูกต้องทีเดียว เริ่มจากเด็กเล็กๆ
 
31:38  คุณให้ของเล่นเขา
และเขาก็ถือมันไว้ใช่ไหม
  
31:43  เมื่อมีเด็กคนอื่นมา
เขาก็จะดึงมันไป
  
31:48  เธอเคยเห็นมาแล้วมิใช่หรือ
 
31:50  มันเริ่มต้นมาตั้งแต่นั้นแหละ
 
31:53  เป็นของฉันและเป็นของเธอ แล้วเราก็
สั่งสมความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นเรื่อยๆ
  
31:58  Q: มันทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย
 
32:03  คุณรู้สึกถูกคุกคาม
เมื่อผู้อื่นต้องการมัน
  
32:05  คุณกำลังที่จะ
K: นั่นแหละ
  
32:07  ฉันจึงบอกว่าเราค่อยๆ
สั่งสมความรู้สึกนี้ขึ้นเรื่อยๆ
  
32:09  ในขณะที่เราเติบโตขึ้น
 
32:11  ความรู้สึกที่ว่านี่เป็นของฉัน
และนั่นเป็นของเธอ
  
32:15  ฉันจะยึดครองของๆ ฉัน
และเธอก็ยึดครองของๆ เธอ
  
32:19  ทั้งหมดนั้นมันหมายถึงอะไรล่ะ
 
32:23  ถามค้นเข้าไปในเรื่องนี้
 
32:28  ฉันบอกว่าประเทศของฉัน
 
32:32  คุณบอกว่าประเทศของคุณ
 
32:36  ถาม ค้นดูว่า
ทำไมผู้คนจึงพูดเช่นนั้น
  
32:43  Q: บางทีเพราะการศึกษา
และการได้ยินอยู่ซ้ำๆ
  
32:46   
 
32:47  K: แน่นอน โดยผ่านการศึกษา
 
32:49   
 
32:51  ผ่านเรื่องราวในประวัติศาสตร์
และการโฆษณาชวนเชื่อ
  
32:54  ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาจนถึง
จุดๆ หนึ่งที่คุณเกิดมีเงื่อนไขกำหนด
  
32:56  แล้วคุณบอกว่า "มันเป็นประเทศ
ของฉัน ส่วนนั่นเป็นประเทศของคุณ''
  
32:59  Q: บางทีเพราะว่า
 
33:03  K: จงถามก่อน ค้นดูก่อน
 
33:07  Q: มันเป็นเรื่องของความรู้สึก
มั่นคงปลอดภัยมิใช่หรือ
  
33:10  K: ความมั่นคงปลอดภัย
 
33:14  พวกคุณเข้าใจ
สิ่งที่คุณสมิทธ์พูดหรือเปล่า
  
33:19  มันเป็นเรื่องของ
ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
33:21  ฉันรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
อยู่ในครอบครัวของฉันใช่ไหม
  
33:26  พ่อของฉัน พี่น้องชายหญิงของฉัน
พี่ป้าน้าอาของฉัน
  
33:30  ฉันรู้สึกว่าเขาจะปกป้องฉัน
พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของฉัน
  
33:33  เป็นครอบครัวของฉันใช่ไหม
 
33:36  จากนั้นก็ขยายออกไปเป็นชุมชน
ถูกไหม
  
33:41  ขยายกว้างออกไปอีก
เป็นประเทศชาติ
  
33:45  ใช่ไหม
 
33:47  อันดับแรกฉันเข้าไปรวมตัว
เป็นหนึ่งเดียวกับครอบครัวก่อน
  
33:50  จากนั้นจึงเข้าไปรวม
เป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน กับสังคม
  
33:54  แล้วก็กับประเทศชาติ
"ฉันเป็นคนอังกฤษ"
  
34:01  ใช่ไหม
 
34:03  นั่นหมายถึง
ฉันรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
34:06  ถูกต้องไหม
 
34:08  ใช่ไหม
เราเห็นด้วยไหมตรงนี้
  
34:11  คุณแน่ใจแล้วนะ
 
34:13  ฉันรู้สึกมั่นคง
เมื่อฉันบอกว่าฉันเป็นคนอังกฤษ
  
34:18  และคนฝรั่งเศสก็บอกว่า
"ฉันเป็นคนฝรั่งเศส"
  
34:24  เขารู้สึกมั่นคงปลอดภัยเต็มที่
 
34:28  มั่นคงอยู่ในภาษา
ในธรรมเนียมปฎิบัติ ในจารีต
  
34:31  ในวิธีคิด และอะไรต่างๆ อีก
 
34:35  ทั้งคนฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน
ต่างพูดเหมือนกันหมด
  
34:41  ใช่ไหม
 
34:43  นั่นหมายถึงพวกเขาต้องการความรู้สึก
มั่นคงปลอดภัยเหมือนกันหมดทุกคน
  
34:48  ใช่ไหม
 
34:50  เห็นด้วยไหม
 
34:51  คุณกำลังไต่สวนนะ พวกเขาทั้งหมด
ต่างต้องการความมั่นคงปลอดภัย
  
34:56  Q: และเขาพร้อมที่จะฆ่าเพื่อสิ่งนั้น
K: นั่นแหละใช่เลย
  
34:59   
 
35:02  แต่ละคนต่างก็บอกว่า
นี่เป็นความมั่นคงปลอดภัยของฉัน
  
35:06  และนั่นเป็นความมั่นคงของคุณ
ดังนั้นเราจะต่อสู้กัน
  
35:09  ซึ่งหมายถึงอะไรล่ะ
 
35:12  Q: หากเป็นเช่นนั้น
ชีวิตก็อยู่ในอันตราย
  
35:14  K: ใช่แล้ว
ฉะนั้นมันกลับไม่มั่นคงปลอดภัยเอาเลย
  
35:18  ใช่หรือไม่
 
35:20  พิจารณาดูให้รอบคอบก่อน
 
35:22  Q: ความมั่นคงปลอดภัยของคุณ
 
35:24  ก็เป็นแต่เพียงความมั่นคงปลอดภัย
ทางความคิดเท่านั้น
  
35:26  K: ใช่เลย นั่นแหละใช่
 
35:27  Q: มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง
กับสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ เลย
  
35:30  K: ถูกต้อง
 
35:31  ตอนนี้คุณได้เรียนรู้
อะไรบางอย่างแล้ว มิใช่หรือ
  
35:35  คุณเริ่มเกิดสติปัญญาแล้วหรือยัง
 
35:42  เกิดใช่ไหม
คุณเห็นอะไรหรือยัง
  
35:46  ฉันแสวงหาความมั่นคงปลอดภัยในชาติ..
 
35:50  และคุณก็แสวงหาความมั่นคงปลอดภัย
ในชาติของคุณเช่นกัน
  
35:53  และเราก็ต่อสู้กัน
เพื่อที่จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
36:03  รัฐบาลและผู้คนต่างเอารัด-
เอาเปรียบเราด้วยเหตุผลนั้น
  
36:09  ฉะนั้นไม่มีความมั่นคง
ปลอดภัยอยู่เลย
  
36:13  ตราบใดที่ยังมีการแบ่งแยก
เป็นชาติต่างๆ
  
36:16  Q: แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง
K: เดี๋ยวก่อนที่รัก
  
36:25  Q: แต่เรายืนกรานว่า
มีความมั่นคงปลอดภัยในความเป็นชาติ
  
36:28  K: เปล่าเลย
ก่อนอื่นมองให้เห็นว่า
  
36:29  โดยการไต่สวน
เราได้มาจนถึงจุดนี้ที่ว่า
  
36:33  เมื่อเราพยายามแสวงหา
ความมั่นคงปลอดภัยในครอบครัว
  
36:39  ในชุมชน หรือประเทศชาติ
และอื่นๆ ทำนองนั้น
  
36:42  และคุณเสาะแสวงหา
ไปในวิถีทางของคุณหรือในชาติของคุณ
  
36:47  จึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง
เมื่อเราต่อสู้เข่นฆ่ากัน
  
36:50  ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มี
ความมั่นคงปลอดภัยใช่ไหม
  
36:58  ดังนั้นในการแบ่งแยกเป็นประเทศชาติ
ย่อมไม่มีความมั่นคงปลอดภัย
  
37:03  Q: แต่เราจะเห็นอย่างนั้น
จริงๆ ได้อย่างไร
  
37:06  ว่าไม่มีความมั่นคงใน
K: มันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
  
37:11  Q: แต่ถ้าทุกคนคิดแบบนั้น
ก็ย่อมทำอะไรไม่ได้เลย
  
37:16  K: ผู้คนถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์
บอกว่า
  
37:19  "ใช่ เราต้องเข่นฆ่ากัน
เพื่อที่จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย"
  
37:26  Q: แต่นั่นเป็นเพียง
 
37:28  ถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็ได้
K: ไม่ได้ (หัวเราะ)
  
37:31  Q: ไม่ใช่ครับ ผมขอพูดอะไรได้ไหมครับ
 
37:34  ถ้ามันเห็นได้ชัดอย่างที่ว่าจริงๆ
ทำไมเราจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง
  
37:36  ผมได้คุยกับนักเรียนและครู
ภายหลังการสนทนาหลายครั้งมานี้
  
37:40  พวกเขายังคงสับสนอยู่เหมือนเดิม
 
37:44  ถ้ามันเห็นได้ชัดเจนจริงๆ
ว่าไม่มีความมั่นคงปลอดภัย
  
37:47  ในความเชื่อของฉัน
ในความเป็นประเทศของฉันและอื่นๆ นั้น
  
37:51  K: เดี๋ยวก่อน
ความคิดว่ามีประเทศของฉัน
  
37:54  มันเป็นมายามิใช่หรือ
 
37:58  Q: คุณหมายความว่ามันไม่เป็นจริงหรือ
K: มันไม่มีอยู่จริง
  
38:04  เมื่อฉันต้องการ
ความมั่นคงปลอดภัย
  
38:06  และคุณก็ต้องการ
ความมั่นคงปลอดภัย
  
38:08  และเราบอกว่าความมั่นคงปลอดภัย
อยู่ที่ความเป็นประเทศของฉัน
  
38:14  และคุณบอกว่าความมั่นคงปลอดภัย
อยู่ที่ความเป็นประเทศของคุณ
  
38:17  แล้วเราก็เข่นฆ่ากัน
 
38:20  ใช่ไหม
 
38:22  สหประชาชาติ
ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
  
38:27  ใช่ไหม
 
38:34  ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัย
ในการเป็นประเทศชาติต่างๆ
  
38:40  ใช่ไหม
 
38:42  Q: แต่ถึงแม้เราจะเห็นเช่นนั้นแล้ว..
 
38:44  มันก็ยังไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
  
38:46  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
หลังจากการพูดคุยกัน
  
38:49  ยังมีประเทศของฉันเหมือนเดิม
 
38:50  ผมเห็นว่ามันไม่ใช่ความมั่นคง
แต่ความเป็นประเทศก็ยังมีอยู่เสมอ
  
38:55  K: อะไรนะ
 
38:59  Q: เขาบอกว่า มันยังคงไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าคุณรู้แล้ว
  
39:02  K: ตัวเธอเองนั่นแหละเปลี่ยนเสีย
 
39:05  อย่าไปสนใจคนอื่นๆ
 
39:07  ขอให้เธอมีสติปัญญา
เรากำลังพูดคุยกันเรื่องสติปัญญา
  
39:13  เมื่อเธอเห็นด้วยตัวเธอเอง
 
39:19  ว่ามันไม่มีความมั่นคงปลอดภัย
ในความเป็นชาติต่างๆ
  
39:23  การหยั่งเห็นนั่นเองคือสติปัญญา
 
39:24  ถูกไหม
 
39:25  Q: แต่เขาบอกว่า
เขาเห็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
  
39:27  ฉะนั้นเมื่อเขาออกไปจากการสนทนา
เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
  
39:29  K: ถ้าเช่นนั้น
เธอก็ยังมิได้หยั่งเห็นมัน
  
39:33  พูดกันตรงๆ
 
39:36  ถ้าคุณมิได้เห็นมัน
ก็อย่าบอกว่าเห็นเพียงบางส่วน
  
39:41  มันเหมือนกับการทดสอบ
ให้คนตาบอดหลายๆ คนมาคลำช้าง
  
39:51  Q: แล้วทำไมเราทั้งหมด
ต่างบอกว่าเราเห็น
  
39:53  K: ถ้าอย่างนั้นเธอต้องไม่แบ่งชนชาติ
 
40:01  นั่นแหละคือสติปัญญา
 
40:03  ใช่ไหม
 
40:06  Q: ผมไม่ทราบว่าสติปัญญาคืออะไร
 
40:10  K: คุณช่วยอธิบายหน่อย
ใครก็ได้ช่วยอธิบายหน่อย
  
40:11  Q: ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้ผมฟังที
ว่าสติปัญญาคืออะไร
  
40:14  ใครสักคน
 
40:16  Q: เขาได้บอกคุณไปแล้วว่า
Q: เปล่าครับ
  
40:19  ผมได้ยินแล้วว่าท่านพูดว่าอย่างไร..
 
40:20  ทีนี้ผมอยากฟังใครก็ได้ในที่นี้
จะพูดว่าอย่างไร
  
40:23  Q: อะไรนะ คุณหมายถึง
คำนิยามที่เหมาะสมนะหรือ
  
40:24  Q: ไม่ใช่
สำหรับคุณแล้วสติปัญญาคืออะไรหรือ
  
40:27  Q: สำหรับฉันหรือ
 
40:29  สำหรับฉันแล้ว
ฉันเชื่อในสิ่งที่ท่าน (กฤษณมูรติ) พูด
  
40:34   
 
40:44  Q: ไม่ใช่
ใครสักคนโปรดช่วยอธิบายที
  
40:47  Q: ผมจะขอพูดว่า
มันเป็นการกระทำที่ไม่มีความขัดแย้ง
  
40:52  สติปัญญาเป็นอะไรที่ต้องสมบูรณ์
เป็นทั้งหมด
  
40:57  มิอาจแตกแยกออกเป็นส่วนๆ
 
40:58  และมิใช่การที่คุณพูดอย่างหนึ่ง
แต่กลับทำตรงกันข้าม
  
41:01  Q: แล้วคุณใช้ชีวิตอย่างนั้น
จริงๆ หรือ
  
41:04  Q: ไม่เลย
 
41:05  Q: ถ้างั้น มันก็เป็นเพียงแค่คำพูด
Q: ใช่
  
41:09  Q: แต่ก็อีกนั่นแหละ
อย่าทำให้มันยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป
  
41:12  เพราะว่ากฤษณะจีเพียงพูดถึง
เรื่องๆ เดียว คือความเป็นชาตินิยม
  
41:15   
 
41:17  ท่านบอกว่า ถ้าคุณละทิ้ง
ความเป็นชาตินิยมเสียได้
  
41:22  นั่นก็คือ
คุณเริ่มที่จะมีสติปัญญาแล้ว
  
41:24  นั่นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งสติปัญญา
 
41:27  Q: จริงอยู่ แต่เราก็มักจะพูดถึง
สติปัญญานี้กันอยู่เสมอๆ
  
41:29  พวกเราล้วนต้องการใช้ชีวิต
อันเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา
  
41:30  แต่เราไม่เคยทำอย่างนั้นได้
 
41:31  เมื่อเราออกจากห้องนี้ไป
K: มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง
  
41:35  Q: เราทำอย่างนั้น
Q: เราทำได้จริงหรือ คุณทำได้หรือ
  
41:37  Q: แล้วคุณกำลังทำหรือเปล่า
Q: ไม่ ฉันไม่ได้ทำ
  
41:39  Q: งั้นก็ทำเสียสิ นับแต่นี้ไป
 
41:44  Q: ฉันคิดว่ามันชัดเจนว่าทุกคนที่นี่
รู้บ้างเล็กน้อยว่าอะไรเป็นอะไร
  
41:49  และมีสติปัญญาบ้างเล็กๆ น้อยๆ
 
41:53  แต่คุณก็เห็นว่ายังมี
เรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่นี่ในโรงเรียนนี้
  
41:55  ฉันหมายถึง
การมาอยู่ที่นี่นั้นดีอยู่
  
41:58  แต่ที่นี่ก็ยังมีปัญหาต่างๆ
มากมาย เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในโลกนี้
  
42:02  Q: คุณเข้าใจมันได้
แต่เป็นการยากที่จะปฏิบัติจริงๆ
  
42:06  K: คุณเข้าใจไหม อย่างเช่น
ฉันอาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย
  
42:13  และฉันเชื่อ ฉันมั่นใจ
 
42:17  ว่าฉันจะมีความมั่นคงปลอดภัย
อยู่ในประเทศอินเดีย
  
42:21  ส่วนเธอก็เชื่อมั่นในปากีสถาน
ซึ่งอยู่ชิดติดกัน
  
42:28  เชื่อว่าความมั่นคงปลอดภัยของเธอ
ขึ้นอยู่กับประเทศปากีสถาน
  
42:32  แล้วเราก็ต่อสู้ รบรากัน
เพื่อความมั่นคงปลอดภัยนี้
  
42:35  ใช่ไหม
ประหัตประหารกัน
  
42:38  เธอจะไม่มีความมั่นคงปลอดภัยใดๆ
เมื่อเธอเข่นฆ่าฉัน
  
42:40  ส่วนฉันก็ไร้ซึ่งความมั่นคง-
ปลอดภัย เมื่อฉันเข่นฆ่าเธอ
  
42:43  มันเห็นได้ชัดเจน
 
42:46  ถูกไหม
 
42:47  การหยั่งเห็นนี้
นี่แหละคือปัญญา
  
42:51  Q: แต่ก็ยังมีอุปสรรคขวางอยู่
 
42:53  คือว่าผมไม่ได้เห็นเช่นนั้นจริงๆ
 
42:56  Q: เคนท์ เธอเป็นคนที่ฝักใฝ่
ในชาตินิยมหรือ
  
42:58  หรือเธอกำลังพูดถึงสิ่งที่ลึกกว่า
แยบยลกว่านั้นอีก
  
43:00  Q: อาจจะผมไม่ทราบ
 
43:02  ผมพอจะมองเห็นในระดับผิวว่า
ในความเชื่อมั่นในความเป็นชาตินิยม
  
43:06  หาได้มีความมั่นคงปลอดภัยไม่
แต่
  
43:08  K: เราเลิกพูดถึง
ความเป็นชาตินิยมกันเถอะ
  
43:11  Q: แต่มันยังมี
บางสิ่งบางอย่างอยู่อีก
  
43:14  ผมรู้สึกว่า ผมต้องรู้สึก
ถึงอะไรบางอย่างเสียก่อน
  
43:16  จึงจะเห็นถึงเรื่องนี้จริงๆ
 
43:17  ท่านคงเข้าใจ
ว่าผมหมายถึงอะไรใช่ไหมครับ
  
43:18  K: ใช่ ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
 
43:21  ผู้คนมักจะรู้สึกรักชาติอย่างยิ่ง
จริงไหม
  
43:28  เมื่อประเทศนี้ถูกโจมตี
 
43:31  หรือเข้าสู่สงคราม
หมู่เกาะฟอล์คแลนด์
  
43:33  ..ผู้คนต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
รู้สึกรักชาติอย่างยิ่ง
  
43:39  แล้วไปเข่นฆ่าผู้อื่น
เพราะความรักชาตินี้
  
43:43  Q: เราช่างมีจิตใจ มีโลกทัศน์ที่แคบ
 
43:47  K: อะไรนะ
Q: ไม่มีอะไรค่ะ
  
43:55  K: งั้นเราลองเอาเรื่องอื่น
ขึ้นมาพูดคุยกัน
  
44:01  บางทีอาจจะทำให้เราเข้าใจได้
 
44:08  Q: แต่ถ้าเรื่องนั้นเขายังไม่เห็น
แล้วเขาจะเห็นเรื่องอื่นหรือ
  
44:12  ถ้าเขาไม่สามารถเห็นว่านั่นคือปัญญา
เขาจะไปเห็นอะไรได้ (หัวเราะ)
  
44:19  K: เธอกำลังสบประมาทคุณนะ
(หัวเราะ)
  
44:23  Q: ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น
 
44:28  K: เธอบอกว่า
ถ้าคุณไม่สามารถเข้าใจเรื่องนั้นได้
  
44:31  แล้วเธอจะไปเข้าใจอะไรได้
 
44:36  เราลองยกเรื่องอื่นมาดูกัน
เรากำลังตั้งคำถามเรื่องอิทธิพลครอบงำ
  
44:43  ในคริสตศาสนา ฉันไม่ได้ประณาม
คริสตศาสนา ฉันเพียงแค่ตรวจสอบดู
  
44:45   
 
44:49  ในคริสตศาสนานั้น ความเชื่อ
และศรัทธาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
  
44:55  ใช่ไหม
 
44:57  ทำไมเขาถึงทำให้ความเชื่อและศรัทธา
เป็นสิ่งสำคัญนัก
  
45:06  Q: เพราะว่าถ้าผมดำเนินชีวิต
ตามความเชื่อของชาวคริสต์แล้ว
  
45:09  ผมจะมีชีวิตอยู่อย่างนิรันดร์
หลังจากที่ผมตายไป
  
45:12  K: แล้วนั่นมันหมายความว่าอย่างไร
ลองสืบค้นดู ว่านั่นหมายถึงอะไร
  
45:16  Q: มันก็เป็นความมั่นคงปลอดภัย
อีกรูปแบบหนึ่ง
  
45:18  K: ใช่แล้ว
 
45:19  คุณเห็น
ใช่ไหม
  
45:21  ถ้าฉันเชื่อในพระเยซู
เชื่อในพระแม่มารีผู้บริสุทธิ์
  
45:26  ถ้าฉันเชื่อ ฉันมีศรัทธา
อย่างเต็มที่ ฉันจะรู้สึกปลอดภัย
  
45:33  ใช่ไหม
 
45:34  เป็นเวลาถึง 5,000 ปีแล้ว
ที่ชาวอินเดียบอกว่า
  
45:39  ฉันไม่เชื่อในพระเยซู
แต่ฉันเชื่อในพระเจ้าของฉันเอง
  
45:44  และเขาก็รู้สึกปลอดภัยเป็นที่สุด
 
45:46  แล้วคุณก็มาบอกว่า
ช่างเป็นเรื่องที่เหลวใหลไร้สาระสิ้นดี
  
45:50  มันเป็นความเชื่อหนึ่งเท่านั้น
 
45:51  เธอสามารถสร้างความเชื่อ
อะไรขึ้นมาก็ได้
  
45:54  แล้วเธอจะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
ในความเชื่อนั้น
  
45:56  ใช่หรือไม่
 
45:58  ดังนั้นจริงๆ แล้วในความเชื่อ
มีความมั่นคงปลอดภัยหรือ
  
46:04  Q: ไม่มี
 
46:05  K: ทำไมเธอถึงบอกว่าไม่มี
 
46:08  Q: เพราะว่าถ้าคุณ
 
46:11  K: ทำไมเธอบอกว่าไม่มี จงไต่สวนดู
ว่าทำไมเธอถึงบอกว่าไม่มี
  
46:14  Q: เพราะถ้าคุณเชื่ออย่างหนึ่ง
และผมเชื่ออีกอย่าง
  
46:17   
 
46:18  เมื่อเรามาพบกัน ก็จะไม่มีความ
มั่นคงปลอดภัย เพราะเราจะห้ำหั่นกัน
  
46:20  K: ซึ่งในความเป็นชาติก็เช่นเดียวกัน
 
46:25  มันก็เท่านั้นเอง
 
46:29  ตอนนี้เราเข้าใจแล้วยัง
ผู้คนส่วนใหญ่ในซีกโลกตะวันตก
  
46:37  ยอมรับในความเชื่อและศรัทธา
 
46:39  ..ที่มีต่อศาสนจักร
และอะไรทั้งหมดนั้น
  
46:42  พวกเขาเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านั้น
 
46:45  นั่นหมายความว่าอย่างไร
 
46:46  พวกเขาสร้างมายา
 
46:50  สร้างมโนภาพขึ้น
แล้วก็เชื่อในมโนภาพนั้น
  
46:57  ซึ่งหมายความว่า
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในมายา
  
47:02  และมายาทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
 
47:07  พวกเขารู้สึกปลอดภัยอยู่ในมายาต่างๆ
ใช่หรือไม่
  
47:11  แล้วตัวฉันอยู่ในมายาหรือไม่
เธอมีมายาลวงหรือไม่
  
47:17  Q: เอาละครับ บางทีผมอาจจะเห็น
K: เดี๋ยวก่อนๆ ไต่สวนดูก่อน
  
47:24  Q: ผมได้อ่านมาว่า
ความคิดส่วนใหญ่ของเรา
  
47:26   
 
47:30  ถูกควบคุมโดยจิตใต้สำนึก
ซึ่งเราเองไม่รู้ตัว
  
47:32  K: เราจะคุยถึงเรื่องนั้นในไม่ช้านี้
พ่อหนุ่ม
  
47:33  ฉันกำลังถามเธออยู่
 
47:38  ฉันถามเธอไปแล้ว
ไหนลองตอบมาสิ
  
47:43  ว่าเธอมีความเชื่ออย่างแรงกล้า
ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ สบายใจ
  
47:49  รู้สึกเหมือนว่า
 
47:50  โอ! ในที่สุดฉันได้พบ
สิ่งที่ทำให้ฉันพึงพอใจแล้วหรือไม่
  
47:56  นั่นหมายถึง เธอกำลังใช้ชีวิต
อยู่ในมายาภาพต่างๆ หรือเปล่า
  
48:01  ใช่ไหมล่ะ
 
48:03  เธอมีมายาหรือไม่
 
48:06  Q: มี
K: ไต่สวนดูว่าทำไม
  
48:08  Q: ถ้าคุณคิดว่า
ผมเป็นนักเรียนที่ดี
  
48:13  แต่หลังจากนั้น
คุณได้พบนักเรียนอีกคนที่ดีกว่า
  
48:15  เป็นนักเรียนที่อาจจะหัวไวกว่าผม
ผมจึงเริ่มรู้สึกอิจฉา
  
48:17   
 
48:19  K: ว่าต่อไปซิ
Q: ดังนั้น ถ้าเราพยายาม
  
48:24   
 
48:27  ที่จะหลีกหนีความอิจฉา
ด้วยการกดข่มความรู้สึกอิจฉาเอาไว้
  
48:31  ซึ่งมันทำไม่ได้
 
48:36  K: ฉันกำลังถามเธอ พ่อหนุ่ม
ฉันขอเรียกเธอว่าพ่อหนุ่มนะ
  
48:40  ฉันกำลังถามเธอว่า
เธอมีมายาหรือไม่
  
48:45  Q: ครับ
 
48:48  K: ไต่สวนว่าทำไมเธอมีมายา
 
48:54  Q: เพราะว่า
K: ไต่สวน ดูก่อน
  
48:56  ก่อนอื่นต้องตระหนัก
ต้องรู้ตัวก่อนว่าเธอมีมายา
  
49:01  ใช่ไหม
 
49:03  ฉันมีมายาภาพ
ของประเทศของฉัน
  
49:06  ฉันมีมายาภาพว่า
ฉันเป็นคริสตศาสนิกชน
  
49:09  ฉันเทิดทูน บูชา อะไรต่างๆ
ทำนองนั้นทั้งหมด
  
49:11  นั่นเป็นมายา
 
49:14  แล้วเธอมีมายาอื่นๆ อีกหรือไม่
 
49:20  Q: เราล้วนมีแนวความคิดนึก
 
49:22  หรือมายาภาพว่าเราเป็นใคร
หรือเราเป็นอะไร
  
49:25  K: ว่าต่อไปสิ
ดังนั้นแนวคิดเป็นมายาหรือไม่
  
49:30  ลองว่าต่อไป - สืบค้นว่า
แนวคิดเป็นมายาหรือไม่
  
49:37  Q: ใช่
 
49:38  Q: มันเป็นมายา
เพราะความคิดนึก
  
49:40  ไม่เคยอยู่กับ
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบันขณะ
  
49:42  K: ถูกต้อง
 
49:43  Q: คุณมักต้องการ
เป็นอะไรบางอย่างอยู่เสมอ
  
49:45  เพราะคุณเปรียบเทียบ
กับบางสิ่งบางอย่าง
  
49:46  K: ดังนั้นมันเป็นอุดมการณ์
เป็นแนวความคิด ใช่หรือไม่
  
49:53  และความเชื่อทั้งหลายของเธอ
ล้วนเป็นมายา
  
49:58  แล้วทำไมเธอจึงมีความเชื่อด้วยล่ะ
 
50:01  Q: เพราะว่าเรารู้สึก
ไม่มั่นคงปลอดภัย
  
50:05  K: ถูกแล้ว เธอรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
อยู่ในมายา
  
50:10  Q: ทุกคนก็คิดอย่างนั้น
 
50:12  K: นั่นแหละ ที่ฉันบอก
ทุกคนคิดอย่างนั้น
  
50:13  แต่ฉันกำลังถามเธออยู่
 
50:17  Q: ผมคิดเช่นกัน บางทีผมก็คิด
K: ไม่ใช่บางที แต่เป็นขณะนี้นี่แหละ
  
50:20   
 
50:24  ฉันกำลังถามเธอว่า
เธอมีมายาในลักษณะที่ว่านั่นไหม
  
50:30  ที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในนั้น
ที่เธอมีชีวิตอยู่กับมัน
  
50:36  โปรดเข้าใจว่า
ทำไมเราจึงตั้งข้อสงสัย ไต่สวน
  
50:39  เราไต่สวนเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด
โดยการทำความเข้าใจ
  
50:46  ตระหนักถึงธรรมชาติของมัน
และเริ่มเกิดสติปัญญา
  
50:51  ถ้าคนๆ หนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่ใน
มายาต่างๆ อันเป็นสิ่งลวง
  
50:55  เขาก็จะเป็นผู้ไม่มีสติปัญญา
 
50:59  ถูกไหม
 
51:01  ฉะนั้นเราพยายามสืบค้นว่า
อะไรคือสติปัญญาอันสูงสุด
  
51:09  สติปัญญาอันสูงสุดคือการไม่มีมายา
 
51:15  นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
 
51:18  ถูกไหม
 
51:20  เธอมีมายาไหม
 
51:22  Q: บางทีผมสร้างมายาภาพ
ว่าผมมีสติปัญญา
  
51:26  ผมคิดว่า ถ้าผมค้นพบว่า
สติปัญญาคืออะไรแล้ว
  
51:28  ผมอาจจะต้องอยู่ของผมคนเดียว
K: โอไม่หรอก
  
51:34  ฉันอาจจะอยู่ด้วยก็ได้ (หัวเราะ)
 
51:38  Q: ท่านครับ
นั่นทำให้ผมหวาดกลัวเหลือเกิน
  
51:41  K: ฉันอาจจะอยู่กับเธอ
 
51:42  พวกเราทุกคนอาจจะไปอยู่กับเธอ
แล้วบอกว่า
  
51:43  "โอพระเจ้า เธอช่างเป็นผู้มี
ปัญญาสูงส่งอะไรปานนั้น"
  
51:45  เรามาค้นหาว่า
เขามีสติปัญญาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
  
51:52  เอาล่ะ เราทั้งหมดในห้องนี้
มีมายากันหรือเปล่า
  
51:59  Q: คำพูดของท่าน
เป็นมายาสำหรับพวกเราด้วยไม่ใช่หรือ
  
52:14  Q: นั่นมันขึ้นอยู่กับเธอ
 
52:16  Q: สิ่งที่ท่านพูดมิได้เป็นมายา
สำหรับเราด้วยหรอกหรือ
  
52:20  K: มันเป็นมายา
หากว่าเธอยอมรับมัน (หัวเราะ)
  
52:25  แต่ถ้าเธอเริ่มตั้งข้อสงสัย
ในมายาของเธอ
  
52:32  ไม่ใช่มายาของฉันนะ
 
52:37  Q: ท่านมิได้บอกให้หยุด
หรือกดข่มมายาต่างๆ ไว้
  
52:43  เพียงแต่ให้ไต่สวนมัน
K: ใช่แล้ว
  
52:45  ถ้าเธอกดข่มมันไว้
เดี๋ยวมันก็โผล่ขึ้นมาอีก (หัวเราะ)
  
52:51  เหมือนกระดาษชำระคลีเนกซ์
 
53:03  Q: ครับพูดต่อเถอะครับ
 
53:06  Q: ถ้า ไม่
K: เชิญคุณผู้หญิงก่อน
  
53:10  Q: มันเป็นความจริงมิใช่หรือ
ว่ามายาหลายๆ อย่างของเราเกิดจาก
  
53:13  สภาพที่มีเงื่อนไขกำหนดของเราเอง
K: ใช่แล้ว
  
53:16  Q: หนูสงสัยตรงที่ว่า
นี่อาจจะเป็นกับหนูคนเดียว
  
53:23  คือหนูเติบโตมากับ
สิ่งที่ท่านพูด
  
53:26  ตั้งแต่หนูยังแบเบาะ
 
53:28  K: เดี๋ยวก่อน เธอเพิ่งบอกเองว่า
 
53:35  มายาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพ
ที่มีเงื่อนไขกำหนดของเรามิใช่หรือ
  
53:39  Q: ค่ะ
 
53:40  K: ทีนี้ จงสืบค้นเข้าไปในเงื่อนไข
กำหนดต่างๆ ของเธอ เดี๋ยวนี้เลย
  
53:43  Q: คือหนูคิดว่า
K: ก่อนอื่น ลองสังเกตอย่างรอบคอบ
  
53:46  ว่าเงื่อนไขกำหนดของเธอคืออะไร
 
53:48  Q: หนูไม่มีเงื่อนไขทางศาสนา
หรือการเมืองที่มามีอิทธิพลต่อหนู
  
53:52  K: เธออาจจะไม่มีเงื่อนไขกำหนด
ทางศาสนาหรือการเมือง
  
53:56  แต่เธอยังมีสภาพที่ถูกกำหนดอยู่
 
53:59  ใช่หรือไม่ จงสืบค้นดูสิ
 
54:01  สืบค้นดูว่าสภาพเงื่อนไขกำหนดนั้น
เธอหมายถึงอะไร
  
54:05  เธอถูกกำหนดอยู่หรือไม่
 
54:07  Q: แม้แต่ประสบการณ์ส่วนตัวของหนูเอง
ก็เป็นเงื่อนไขกำหนด
  
54:09  บางทีอาจจะไม่มีอะไรเลย
K: นั่นแหละ
  
54:10  จากนั้นเธอก็เริ่มที่จะสืบค้น
ประสบการณ์ของเธอ
  
54:14  Q: หนูพยายามอยู่ (หัวเราะ)
 
54:21  มันยากมากที่จะแยกแยะมันออกมา
K: ไม่ใช่อย่างนั้น
  
54:25  ในการไต่สวน เรามิได้บอกว่า
ฉันถูกหรือฉันผิดใช่ไหม
  
54:31  ด้วยการสืบค้น
หรือการสำรวจนั่นเอง
  
54:35  จิตใจของเธอ ซึ่งได้ทื่อทึบลง
เพราะสภาพเงื่อนไขกำหนดต่างๆ
  
54:40  เริ่มที่จะปราดเปรียว - มิใช่สิ
มิใช่ปราดเปรียว
  
54:44  แต่เริ่มตื่นมีชีวิตชีวา
 
54:53  ทีนี้ พวกเธอทั้งหมด
จะลองทำอย่างนี้ไหม
  
55:01  เธอมาอยู่ที่บรอควูดมิใช่เพียงเพื่อ
จะเป็นเลิศทางวิชาการเท่านั้น
  
55:04   
 
55:09  แต่เพื่อจะมีจิตใจ
ที่มีสติปัญญาสูงสุดด้วย
  
55:15  ถูกไหม
 
55:16   
 
55:20  Q: นั่นมันเป็นมายาอย่างหนึ่ง
K: เธอว่าอะไรนะ
  
55:22  Q: มันเป็นมายาอย่างหนึ่ง
เพราะมันทำให้เจ็บปวดได้
  
55:27  K: ไม่ใช่อย่างนั้น - ฟังก่อน
 
55:33  มันเป็นมายาหรือ
ที่เธอต้องเก่งทางวิชาการ
  
55:42  Q: ถ้าเราขยันพอ
เราก็จะเก่งทางวิชาการ
  
55:47  K: เธอสามารถเป็นเลิศทางวิชาการได้
มิใช่หรือ
  
55:51  ด้วยการศึกษาเล่าเรียน
 
55:53  Q: ใช่ค่ะ แต่ว่า
K: เดี๋ยวก่อนๆ ได้ไหม
  
55:56  ด้วยการศึกษา การนำมาใช้
 
55:59  ตั้งใจดูตำรับตำรา
ที่ไม่ได้เรื่องทั้งหลายของเธอ
  
56:02  Q: ใช่ค่ะ แต่บางเล่มก็น่าสนใจดี
มันไม่ดีตรงไหนหรือคะ
  
56:06  บางวิชามันน่าสนใจ
 
56:08  งานบางอย่างที่เราทำมันน่าสนใจ
 
56:10  K: ใช่ เธอต้องสนใจ
 
56:11   
 
56:15  เพราะถ้าเธอเป็นเลิศด้านการเรียน
เธออาจจะได้งานที่ดี
  
56:17  อีกทั้งเงินทอง
เธอต้องหาเงิน
  
56:21  ทีนี้เธอสามารถเป็นเลิศทางจิตใจด้วย
ได้หรือเปล่า
  
56:28  ซึ่งหมายถึง เธอดำเนินชีวิต
อย่างมีสติปัญญา
  
56:32  ฉะนั้นความขัดแย้ง
จะไม่เกิดขึ้นเลย
  
56:35  ฉันจะไม่พูดในรายละเอียด
 
56:38  Q: เราจึงต้องคำนึง
ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ
  
56:40  หนูหมายถึงปฏิกิริยาตอบสนองทั้งหมด
 
56:43  K: ใช่
 
56:48  เธอต้องเฝ้าดูว่าเธอคิดอะไร
ทำไมเธอจึงคิด
  
56:51  ทำไมเธอต้องมีอารมณ์อย่างนั้น
ทำไมเธอแยกตัวเองออกมา เป็นต้น
  
56:53  เธอเริ่มรู้ตัว เธอเริ่มรับรู้ได้เฉียบไว
และมีชีวิตชีวา
  
56:58  Q: เราพยายามอยู่
 
57:00  Q: ใช่ครับ ผมว่าผู้คนส่วนใหญ่
ในห้องนี้ ได้พยายามลองทำดู
  
57:04  แต่สักพักหนึ่งหลังจากนั้น
เราก็ลืม
  
57:08  K: เธอลืมที่จะหิวได้ไหม
Q: ไม่ได้ครับ
  
57:11   
 
57:14  แต่เราเริ่มรู้ตัวว่า
K: เดี๋ยวก่อน อย่าเปลี่ยนเรื่อง
  
57:16  เธอลืมสิ่งที่เป็นอันตรายได้หรือ
 
57:19  Q: ไม่ได้
 
57:22  แต่นั่นเป็นเพียงผลอันเนื่องมาจาก
ปัญญาความสามารถของร่างกาย
  
57:24   
 
57:26  K: ดูมันก่อนพ่อหนุ่ม รอเดี๋ยวก่อน
 
57:29  เธอลืมสิ่งที่เป็นอันตรายได้หรือ
Q: ไม่ครับ
  
57:30  K: ทำไมล่ะ ทำไมเธอจึงไม่ลืม
 
57:34  สืบค้นดูสิ
 
57:36  ฉันกำลังถามเธอ
แล้วเธอก็ตอบ
  
57:38  Q: ผมไม่อยากตาย
ถ้าท่านเอาปืนมาจ่อที่ผม
  
57:42  K: ได้โปรดเถิด
เธอก็รู้ว่าอะไรอันตราย
  
57:44  Q: ใช่ครับ
 
57:45  K: เธอจะลืมมันหรือไม่
 
57:49  Q: ไม่ลืม
 
57:52  K: ทำไมไม่ลืมล่ะ
Q: ผมคิดว่าท่านลืมนะ
  
57:56  Q: ใช่ครับ ผมไม่ลืมอันตรายทางกาย
K: เธอจะไม่ลืม
  
57:58  แล้วความเป็นชาตินิยม
ไม่เป็นอันตรายหรอกหรือ
  
58:02  Q: อันตรายครับ
 
58:06  K: ฉะนั้น เธอจึงพูดได้ว่า
"ฉันไม่ใช่คนชาตินิยม"
  
58:13  ฉันมิได้เป็นคน
ของประเทศใดทั้งสิ้น
  
58:22  นั่นแหละอันตราย
 
58:24  ทำไมเธอถึงลืมมันเสียล่ะ
 
58:29  เธอไม่อาจลืมมันได้
 
58:31  Q: แต่ผมลืมครับ ผมลืมจริงๆ
 
58:35  K: เธอลืมหรือ
 
58:37  Q: โอ เห็นแก่พระเจ้าเถอะ
ทั้งหมดนี่ช่างเป็นเรื่องยากยิ่ง
  
58:40  K: เปล่า ไม่ใช่
 
58:43  เธอเห็นหรือไม่ว่าเธอมิได้ไต่สวน
เธอพูดอะไรออกมาโดยมิได้สืบค้น
  
58:49  ฉันขอให้เธอตั้งคำถาม
ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ
  
58:52  ที่เธอคิด ที่เธอถาม
 
58:59  Q: บางที นั่นอาจจะเป็นไปไม่ได้
ในสภาพของยุคสมัยใหม่
  
59:03  K: นั่นเป็นข้อแก้ตัว
 
59:08  เธอไต่สวนได้
 
59:10  Q: ท่านคะ ดูเหมือนว่าปีที่ผ่านมา
หนูไต่สวนดูแล้วจริง
  
59:14  ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูคิด
 
59:16  บางครั้งหนูรู้สึกว่า
หนูได้แต่วนไปเวียนมา
  
59:19  แค่วกวนไปมาอยู่แต่ภายในตนเอง
K: แน่นอน
  
59:21  แต่เธอมิได้สอบสวนถึงการคิด
 
59:25  Q: ก็หนูกำลังไต่สวน
อยู่ในขณะนี้ (หัวเราะ)
  
59:27  หนูกำลังสืบค้น ดูเหมือนว่าภายใน
ขอบเขตของปัญญานึกคิดของเรา
  
59:30  เราพยายามที่จะตระหนักรู้
ความคิดของเราให้มากขึ้น
  
59:32  แต่มันกลับเป็นว่า เราใช้ความคิด
ดูความคิดของเราอยู่อีก
  
59:34  และมันก็เหมือนว่า
K: ใช่แล้วล่ะ
  
59:37  ฉันเริ่มด้วยการตั้งข้อสงสัย
ในชาตินิยม ใช่ไหม
  
59:41  จากนั้นฉันมาถึงจุดที่ฉันเริ่มตั้ง
คำถามต่อการคิดของฉันเองที่ "การคิด"
  
59:47   
 
59:50  Q: ดูเหมือนการขบคิด
เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่เราใช้
  
59:54  และเมื่อขบคิดจนเฉียบแหลม
มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดๆ หนึ่ง
  
59:57  ถึงจุดที่กลายเป็นว่า
คุณไม่อาจทำอะไรกับมันได้มากไปกว่านี้
  
59:58  K: การคิดมันแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ
 
1:00:01  แล้วในที่สุด มันกลับเป็นทื่อ
 
1:00:02  Q: มัน
 
1:00:07  K: เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม
 
1:00:09  ยิ่งเธอลับคมเครื่องมือมากเท่าไร
 
1:00:12  มันก็ยิ่งค่อยๆ สึกหรอไป
จนกลับกลายเป็นทื่อ
  
1:00:16  ถูกไหม
 
1:00:22  สิ่วถ้าเราลับให้มันคมไปเรื่อยๆ
ในที่สุดสิ่วนั้นมันจะทื่อ
  
1:00:28   
 
1:00:30  ฉะนั้นให้สืบค้นว่าทำไมจิตของเธอ
จึงทื่อทึบลงด้วยการคิดวนเวียนไปมา
  
1:00:36   
 
1:00:39  Q: เพราะมันเป็นความคิดทั้งหมด
 
1:00:41  K: ไม่ เธอยังไม่ได้สืบค้น
 
1:00:53  สมมุติว่าฉันหดหู่ ฉันรู้สึกสลดหดหู่
จริงๆ แล้ว ฉันมิได้หดหู่
  
1:00:57  ฉันไม่เคยหดหู่ -
แต่สมมุติว่าฉันหดหู่
  
1:01:02  ฉันบอกว่า "ใช่ ฉันรู้สึกหดหู่มาก"
 
1:01:07  ฉันยอมรับมัน
 
1:01:10  ฉันไม่พูดว่า
"ทำไมฉันจึงรู้สึกหดหู่"
  
1:01:15  เป็นเพราะฉันเอาแต่คิดถึงตนเองหรือ
 
1:01:21  เป็นเพราะฉันไม่ได้
ในสิ่งที่ฉันต้องการหรือ
  
1:01:27  หรือเป็นเพราะว่า
มีใครบางคนเหนือกว่าฉัน
  
1:01:32  หรือเป็นเพราะมีใครบางคน
สวยสดกว่าฉัน
  
1:01:36  ใครบางคนรวยกว่า
และอะไรอื่นๆ
  
1:01:38  นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉัน
รู้สึกหดหู่ใช่หรือไม่
  
1:01:41  ใช่ไหม
 
1:01:42  ถ้าหากฉันเป็นอย่างนั้น
ฉันก็ถามต่อไปว่า
  
1:01:45  "ทำไมฉันต้องทำอย่างนี้ด้วยเล่า"
 
1:01:49  เธอตามทันไหม
 
1:01:51  เคลื่อนต่อไปซิ
 
1:01:58  ว่าไง
 
1:02:01  เธอกำลังทำกันอยู่หรือไม่
 
1:02:06  Q: ท่านครับ ผมคิดว่า
มันต้องมีผลลัพธ์
  
1:02:09  หรือไม่ก็มีการตัดสิน
จากการไต่สวนนี้
  
1:02:17  เราจะต้องไต่สวนไปเรื่อยๆ
(เสียงขาดหายไป)
  
1:02:20  K: ฉันไม่ค่อยเข้าใจ
 
1:02:22  Q: เขาบอกว่า
การสืบค้นจะนำมาซึ่งผลลัพธ์
  
1:02:30  เราควรจะไต่สวนผลลัพธ์นั้นด้วยหรือ
 
1:02:32  K: แน่นอน
 
1:02:35  Q: แต่เมื่อเรามีปฎิกิริยาตอบสนอง
 
1:02:38  K: เธอหยุดไต่สวนก็ต่อเมื่อ
 
1:02:40  มันไม่เหลืออะไรให้ตั้งข้อสงสัย
อีกต่อไป (หัวเราะ)
  
1:02:47  นั่นไม่ใช่คำกล่าวที่ฟังดูฉลาด
แต่ดูให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
  
1:02:52  เมื่อเธอเริ่มสืบค้นเข้าไป
อย่างจริงจัง ทีละก้าวๆ
  
1:02:59  จากนั้นจะถึงจุดๆ หนึ่ง
ที่มีเพียงสภาวะของจิต
  
1:03:05  ที่ไม่มีปัญหาใดๆ
หลงเหลืออยู่อีกเลย
  
1:03:08  ฉันจะยังไม่พูดถึงตอนนี้
 
1:03:12  แต่เธอยังไม่ได้เริ่มสืบค้นกันเลย
 
1:03:16  เธอต้องการถึงจุดหมายปลายทาง
ตั้งแต่เริ่มต้น
  
1:03:21  Q: ท่านค่ะ หรือท่านกำลังบอกว่า
ถ้าเรารู้สึกหดหู่ก็สืบค้นมัน
  
1:03:25  หรือว่าเพียงตระหนักรู้ถึงมัน
 
1:03:28  ถ้าเรารู้สึกหดหู่
ท่านบอกว่าเราควรสืบค้น
  
1:03:32  หรือเพียงแค่ตระหนักรู้มัน
 
1:03:33  K: เอาล่ะ ฉันรู้สึกหดหู่
ฉันจะสืบค้นให้ดู
  
1:03:36  ฉันอยากจะรู้ว่า
ทำไมฉันจึงรู้สึกหดหู่
  
1:03:40  ฉันจะไม่พูดว่า
"ใช่ ฉันกำลังหดหู่"
  
1:03:44  แต่ฉันพูดว่า "ทำไมฉันถึงหดหู่"
"หรือว่าฉันกินอะไรแสลงเข้าไป"
  
1:03:50  หรือว่าฉันนอนหลับพักผ่อนไม่พอ
 
1:03:53  หรือฉันรู้สึกหดหู่
เพราะฉันไม่ได้สิ่งที่ฉันต้องการ
  
1:04:00  หรือฉันไม่เก่งเท่าคุณ
ฉันไม่ฉลาดเท่าคุณ
  
1:04:02  ใช่ไหม
 
1:04:09  นั่นหมายความว่า
ฉันเปรียบเทียบอยู่เสมอ
  
1:04:14  ทำไมฉันจึงเปรียบเทียบด้วย
 
1:04:17  เป็นไปได้หรือไม่
ที่จะไม่เปรียบเทียบ
  
1:04:20  เห็นหรือยัง ฉันตั้งข้อสงสัย
ต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
  
1:04:23  ฉันจะดำเนินชีวิต
โดยปราศจากการเปรียบเทียบได้หรือไม่
  
1:04:30  Q: ถ้าเราถามว่า
"ทำไม" อย่างต่อเนื่อง
  
1:04:34  กระบวนการถามเช่นนั้น
เป็นการตอกย้ำความเป็นตัวตนไม่ใช่หรือ..
  
1:04:40  ตัวตนที่เราพยายามไต่สวนกันอยู่
K: แน่นอน
  
1:04:42  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันจึงบอกว่า
การไต่สวนต้องทำด้วยสติปัญญา
  
1:04:46  ดังนั้นเธอเริ่มต้นด้วย
สิ่งที่เป็นธรรมดาสามัญที่สุดก่อน
  
1:04:52  Q: แต่สติปัญญานั้นแหละ
ที่เรายังไม่มี
  
1:04:54  เราพยายามทำให้เกิดสติปัญญา
 
1:04:55  และเราต้องใช้สติปัญญาของเรา
ทำให้เกิดสติปัญญา
  
1:05:01  Q: ใช่ค่ะ จริงด้วย
(หัวเราะ)
  
1:05:03  นั่นแหละคือปัญหา
 
1:05:09  Q: สติปัญญาอะไรกันแน่
ที่ท่านพูดถึงอยู่
  
1:05:12  หนูหมายถึงความหมายของสติปัญญา
ที่เราเข้าใจกันอยู่
  
1:05:15  สติปัญญานั้นมิได้ถูกจำกัด
ด้วยความคิดหรือประสบการณ์หรอกหรือ
  
1:05:19  K: ใช่
 
1:05:19  Q: แล้วหนูจะใช้สติปัญญาที่หนูมีอยู่
ในขณะนี้ได้อย่างไร
  
1:05:23  สติปัญญาที่ถูกจำกัดด้วยความคิด
และประสบการณ์
  
1:05:24  มันดูเหมือนว่า
K: ไม่ใช่
  
1:05:25  ขณะนี้เธอมีสติปัญญาหรือยัง
Q: หนูคิดว่าบางครั้งหนูมีค่ะ
  
1:05:28  ไม่ใช่บางครั้ง
 
1:05:31  Q: ถ้าเช่นนั้น
หนูคงพูดไม่ได้ว่าหนูมีสติปัญญา
  
1:05:33  K: เห็นหรือยังทำไมเธอไม่ไต่สวน
ขณะนี้เธอมีสติปัญญาหรือไม่
  
1:05:37  Q: ไม่ค่ะ หนูไม่คิดว่า
หนูมีสติปัญญาในขณะนี้
  
1:05:40  K: ไม่มีหรืองั้นก็เริ่มต้นสิ
 
1:05:42  Q: มันยังไม่ใช่ปัญญาที่หนูอยากมี
 
1:05:43  K: งั้นก็เริ่มต้นสิ
 
1:05:46  เธอเป็นคนชาตินิยมหรือไม่
 
1:05:47  เธอเสาะหาความมั่นคงในความเป็น
ครอบครัวน้อยๆ ของเธอหรือไม่
  
1:05:50  เสาะหาความมั่นคงปลอดภัย
ในแนวคิดต่างๆ ของเธอหรือไม่
  
1:05:55  ฉันกำลังไต่สวนสืบค้น
เรื่องทั้งหมดนี้ แต่เธอยังไม่ทำกันเลย
  
1:05:58  Q: ถ้าเราเสาะหาความมั่นคงปลอดภัย
ในเรื่องบางเรื่อง
  
1:06:02  แต่ไม่เสาะหาในเรื่องอื่นล่ะค่ะ
 
1:06:07  K: แล้วเธอเสาะหาความมั่นคงในอะไรล่ะ
 
1:06:12  ในรูปร่างหน้าตาของเธอหรือ
 
1:06:15  ในครอบครัวของเธอหรือ
 
1:06:19  ในพระเจ้าหรือ
ในมายาหรือ
  
1:06:22  เห็นหรือยัง
ฉันกำลังสืบค้น(หัวเราะ)
  
1:06:26  สิ่งที่ฉันชี้ให้เห็น
เป็นเรื่องพื้นๆ มาก
  
1:06:34  ส่วนใหญ่พวกเราถูกเงื่อนไขกำหนด
อยู่มาก ซึ่งนั่นทำให้เราทื่อทึบ
  
1:06:41  เราได้แต่ทำตาม
ในสิ่งที่ผู้อื่นบอก
  
1:06:46  หรือเราอ่านหนังสือมามากมาย
เป็นผู้มีความรู้ท่วมหัว
  
1:06:52  แต่อาจโง่เขลาเบาปัญญา
 
1:06:54  ฉันจึงบอกให้เธอค้นหาด้วยตนเองว่า
ปัญญาคืออะไร
  
1:07:03  และเธอสามารถค้นหาได้ด้วย
การตั้งคำถาม ไต่สวน ตั้งข้อสงสัย
  
1:07:12  เธอไม่อาจสงสัยไปเสียทุกเรื่อง
เช่น มีกระแสไฟฟ้า มีแสงสว่างอยู่ตรงนั้น
  
1:07:13  เธอไม่อาจไปสงสัยมัน
ว่ามีหรือไม่
  
1:07:18  ใช่ไหม
 
1:07:20  ต้นไม้ เธอไม่อาจไปสงสัยมัน
ว่ามีหรือไม่ มันอยู่ตรงนั้น
  
1:07:26  ใช่ไหม
 
1:07:27  มีหน่วยงานรัฐบาล
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  
1:07:34  โบสถ์ทั้งหลาย และอะไรต่อมิอะไร
ทั้งหมดในโบสถ์นั้นก็มีอยู่
  
1:07:38  เธอจึงเริ่มไต่สวน
 
1:07:40   
 
1:07:45  Q: ความวิตกกังวลของเธอก็มีอยู่
K: หรือมีนักวิทยาศาสตร์
  
1:07:48  Q: คุณพูดว่าความวิตกกังวลของเรา
K: ความวิตกกังวล
  
1:07:53  ให้ไต่สวนมัน
ทำไมเธอถึงวิตกกังวล
  
1:07:58  ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนกระวนกระวายใจ
ใช่หรือไม่
  
1:08:01  เพราะเขาไม่มีเงินทอง
 
1:08:05  หรือเขากระวนกระวายใจ
เพราะสามีอาจสนใจคนอื่นอยู่
  
1:08:11  ใช่หรือไม่
รู้สึกกระวนกระวายใจ
  
1:08:13  พวกเธอใครบ้างที่รู้สึกกังวลใจ
 
1:08:19  เธอรู้สึกวิตกกังวลไหม
 
1:08:21  Q: ค่ะ เป็นบางครั้ง
K: เพราะอะไรล่ะ
  
1:08:24  Q: ก็เพราะหลายๆ เรื่อง
K: บอกฉันมาสักเรื่องสิ
  
1:08:29  Q: เปล่า
 
1:08:34  Q: มันมิใช่เพราะอยากมีความมั่นคง
จนแทบขาดใจหรอกหรือ มันรุนแรงมาก
  
1:08:42  จนทำให้บรรยากาศ
ของการสืบค้นไต่สวนไม่เกิดขึ้น
  
1:08:47  K: ตุงกี้ ฉันไม่ได้ยินที่เธอพูด
 
1:08:52  Q: เขาบอกว่าความต้องการมีความมั่นคง
อย่างล้นเหลือมิใช่หรือ
  
1:08:55  ที่ขัดขวางการสืบค้นไต่สวนจริงๆ
 
1:08:57  K: ใช่ครับ
 
1:09:00  Q: แล้วการสืบค้นไต่สวนสามารถจะ
K: เดี๋ยวก่อน ตุงกี้
  
1:09:05  เมื่อฉันกลุ้มใจมาก ฉันไม่สามารถ
สืบค้นไต่สวนได้ ใช่หรือไม่
  
1:09:11  แต่หลังจากนั้นฉันก็เริ่มสืบค้น
มันต้องมีช่วงนั้น
  
1:09:15  ฉันไม่ได้กลุ้มใจตลอดเวลา
 
1:09:19  ฉันตื่นขึ้นมา
แล้วรู้สึกกระวนกระวายใจ
  
1:09:24  เมื่อฉันดื่มชา กาแฟ
หรืออะไรก็ตามแต่
  
1:09:27  ความกระวนกระวายนั้นเบาบางลง
จากนั้นฉันก็เริ่มสืบค้นไต่สวน
  
1:09:41  Q: ในการสืบค้นไต่สวนว่าเพราะอะไรนี้
มันน่าจะสำคัญกว่าไหมค่ะ
  
1:09:46  ที่จะตั้งข้อสงสัยไต่สวน
โดยปราศจากความพยายามที่จะหาคำตอบ
  
1:09:47  มันดูเหมือนว่า
ถ้าเราพยายามที่จะหาคำตอบให้ได้
  
1:09:49   
 
1:09:51  เราเพียงหาข้อแก้ตัวให้แก่ตนเอง
ในสิ่งที่เราเป็นอยู่
  
1:09:53  K: ใช่แน่นอน
 
1:09:55  เมื่อเธอตั้งข้อสงสัย
แล้วพบคำตอบ
  
1:09:57  จงตั้งข้อสงสัยในคำตอบนั้นด้วย
(หัวเราะ)
  
1:10:00  เธอเข้าใจไหม
เรียนรู้ศิลปะนี้
  
1:10:08  มันมิใช่แค่เพียงตั้งข้อสงสัย
ไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
  
1:10:10  แต่ให้เรียนรู้ศิลปะของการ
ตั้งข้อสงสัยไต่สวนนั้นด้วย
  
1:10:16  บางครั้งเธอหยุดถามแล้วบอกว่า
 
1:10:18  "โอ พระเจ้า
ทำไมฉันต้องสงสัย ต้องไต่สวนด้วย"
  
1:10:20  งั้นจงดูโดยไม่มีข้อสงสัย
 
1:10:22  เธอเข้าใจไหม
จงเรียนรู้
  
1:10:25  Q: ผู้คนจะท้อแท้
กับการตั้งข้อสงสัยไหม
  
1:10:28  เพราะว่าเขาไม่ได้อะไร
จากการไต่สวนนั้น
  
1:10:29  K: ใช่ครับ
 
1:10:31  มันทำให้พวกเขาท้อแท้
ผิดหวัง รู้สึกเจ็บปวด
  
1:10:35  Q: เพราะเขาต้องการอะไรบางอย่าง
ที่จะทำให้เขารู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
1:10:37  K: ใช่แล้ว
 
1:10:39  หรือฉันรู้สึกมั่นคงปลอดภัยอยู่
แล้วเธอมาเอามันไปจากฉัน
  
1:10:43  ฉันจึงกลุ้มใจ
 
1:10:48  ที่ฉันจะบอกก็คือ
โปรดฟังก่อน สักสองนาที
  
1:10:52  ได้ไหม
 
1:10:55  ฉันเห็นป้ายนั้น ป้ายที่ติดอยู่บน
กันชนรถยนต์ในแคลิฟอร์เนีย
  
1:11:03  ฉันบอกว่า ฉันสงสัยว่าชายคนนั้น
หรือใครก็ตามที่ติดป้ายนั้น
  
1:11:06   
 
1:11:10  ป้ายบนกันชน เขาได้ตั้ง
ข้อสงสัยจริงๆ หรือมันเป็นเพียงคำขวัญ
  
1:11:11   
 
1:11:16  เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม
 
1:11:18  มันเป็นเพียงคำโฆษณาชวนเชื่อ
 
1:11:22  แต่เขาไม่เคยไต่สวนว่า
"ทำไมฉันทำเช่นนี้"
  
1:11:28  ทำไมฉันคิดเช่นนี้
 
1:11:33  ทำไมฉันจึงเชื่อ
 
1:11:40  การไต่สวนเป็นศิลปะชั้นเยี่ยม
 
1:11:48  ใช่ไหม
 
1:11:50  มันมิใช่เพราะฉันไต่สวนหรอกหรือ
ฉันจึงสามารถเคลื่อนไป
  
1:11:53  และเห็นตื้นลึกหนาบางของมัน
 
1:11:56  เห็นความลุ่มลึกของมัน
 
1:12:00  เห็นความงดงามของการสืบค้น
 
1:12:02  เห็นทีละนิดๆ ว่า
สิ่งนี้มันสลับซับซ้อนเพียงใด
  
1:12:15  ทำไมมนุษย์จึงมีชีวิตอยู่ในมายา
มานับพันๆ ปี
  
1:12:22  หากมันไม่ใช่พระเจ้าของชาวคริสต์
ก็ยังมีพระเจ้าของมุสลิม
  
1:12:27  ใช่ไหม
 
1:12:28  แต่ถ้ายังไม่ใช่
ก็ยังมีพระเจ้าอีกนับพัน
  
1:12:31  มาเป็นเวลากว่าห้าพันปี
 
1:12:37  อย่างชาวพุทธปฏิเสธเรื่องพระเจ้า
 
1:12:42  ทว่าก็ยังมีการแสวงหา
 
1:12:45  โหยหาอะไรบางอย่าง
ที่พ้นไปจากสภาพที่เป็นทุกข์เหล่านี้
  
1:12:51  ใช่ไหม
 
1:12:53  พ้นไปจากความขัดแย้ง
ความน่าเกลียดที่มีอยู่บนโลกนี้ทั้งหมด
  
1:13:00  พวกเขาจึงประดิษฐ์บางสิ่งบางอย่าง
ขึ้นมา แล้วนับถือบูชามัน
  
1:13:05  เธอเข้าใจไหม
 
1:13:05  Q: เช่นการรู้แจ้ง
K: ใช่ จริงทีเดียว
  
1:13:10  การรู้แจ้งมิใช่บางสิ่งบางอย่าง
ที่เธอจะมีประสบการณ์ได้
  
1:13:16  หรือเป็นสิ่งที่ใครบางคน
จะหยิบยื่นให้แก่เธอได้
  
1:13:18  ทั้งหมดนั้นช่างไร้สาระสิ้นดี
 
1:13:22  อย่างที่ฉันบอกอยู่เสมอว่า
 
1:13:23  ค้นหาศิลปะของการสืบค้นไต่สวน
ว่าเป็นอย่างไร
  
1:13:34  เรียนรู้มันให้มากเข้าไว้
 
1:13:40  เธอให้เวลามากมาย
กับวิชาคณิตศาสตร์
  
1:13:43  กับการเรียนคณิตศาสตร์มิใช่หรือ
 
1:13:45  ใช่ไหม
 
1:13:47  หรือไม่ก็ในวิชาภูมิศาสตร์
ประวัติศาสตร์ หรืออะไรก็ตาม
  
1:13:49  แต่เธอไม่ให้เวลาสำหรับเรื่องนี้
แม้เพียงสิบนาที
  
1:13:57  ดังนั้นเธอจึงเป็นเลิศ
ในทิศทางหนึ่ง
  
1:14:00  และทื่อทึบในทิศทางอื่น
 
1:14:08  กี่โมงแล้ว
Q: บ่ายโมงครับ
  
1:14:12  K: ฉันคิดว่าเรายุติกันได้แล้วดีไหม
 
1:14:16  ไม่ดีหรือ
(หัวเราะ)
  
1:14:27  จะลองอย่างอื่นดูไหม
Q: ครับ
  
1:14:32  K: ลองนั่งเงียบๆ - เดี๋ยวก่อน
ก่อนที่จะนั่ง
  
1:14:36  นั่งอย่างเงียบๆ ให้เงียบจริงๆ
 
1:14:41  ลองปิดตา
แล้วดูสิว่าเธอคิดอะไร
  
1:14:47  ดูความคิดที่เธอกำลังคิดอยู่
 
1:14:52  หรือความคิด
ที่มาเป็นลำดับๆ ต่อๆ กัน
  
1:14:59  ลองดู
ลองดูสิว่า
  
1:15:26  สมองของเธอจะเงียบสนิท
ไร้ซึ่งความคิดใดๆ ได้หรือไม่
  
1:15:32