Krishnamurti Subtitles

MA7879T1 - องค์กรต่างๆไม่ได้ช่วยมนุษย์ให้รอดปลอดภัย

พูดต่อสาธารณชนที่มัทราส (เชนไน) อินเดีย ครั้งที่ 1
วันที่ 31 ธันวาคม 1978



1:23  ผมคิดว่าผมจะต้องพูด
 
1:30  ผมดีใจที่เย็นวันนี้
อากาศแจ่มใสสบายดี
  
1:42  เราจะมีการพูด 7 ครั้ง
และสนทนาถามตอบ 2 ครั้ง...
  
1:51  ...เราควรจะเข้าไปสืบค้น
ถึงปัญหาทั้งหมดของมนุษย์เรา...
  
2:03  ...ให้ลึกที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
 
2:08  แต่ผมคิดว่า
เราต้องชัดเจนตั้งแต่ต้น...
  
2:11  ...ว่าพวกคุณและผมสืบค้นร่วมกัน
 
2:21  ก่อนอื่นผมขออนุญาตบอกว่า...
 
2:26  ...การพูดนี้ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ
ไม่ใช่แนวคิดชุดใหม่...
  
2:33   
 
2:37  ...ความเชื่อชุดใหม่
หรือการยกตนขึ้นเป็นผู้รู้...
  
2:46  ...แต่เราจะพูดคุยร่วมกัน
ถึงปัญหาอันมากมายของเรา
  
2:51   
 
2:59  เนื่องจากพวกคุณมีเป็นจำนวนมาก...
 
3:07   
 
3:17  ...คนๆ หนึ่งไม่สามารถจะสนทนา
กับแต่ละคนได้...
  
3:24  ...ดังนั้นการพูดคุยด้วยกัน
โดยปริยายแล้วหมายความว่า...
  
3:32  ...เราสามารถคิดร่วมกันได้
ไม่ใช่การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย..
  
3:38  ...แต่คือการที่สามารถคิด
ได้อย่างชัดเจน ไม่ลำเอียง...
  
3:45  ...คิดอย่างเป็นปกติ มีเหตุมีผล...
 
3:51  ...นั่นย่อมหมายความว่า
คุณไม่มีอคติ...
  
3:56  ...คุณไม่เริ่มต้น
ด้วยความคิดเห็น...
  
3:59   
 
4:04  ...หรือการตัดสิน
การโต้แย้งต่างๆ มากมาย
  
4:10  เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการถกเถียง
หรือความคิดเห็นต่างๆ
  
4:18  เรากำลังพยายาม ทำจริงๆ
กำลังพยายามค้นหาวิถีชีวิต...
  
4:27   
 
4:31  ...ที่เราเข้าใจถึงความสลับซับซ้อน
ทั้งมวลของชีวิต
  
4:35   
 
4:42   
 
4:47  ดังนั้นผมจึงขออนุญาตชี้ให้เห็นว่า
การคิดร่วมกันนั้น...
  
4:57  ...หมายถึงการที่คุณ
เข้าหาปัญหาต่างๆ...
  
5:04  ...โดยปราศจากการสรุป
สิ่งใดๆ ไว้ล่วงหน้า...
  
5:06  ...ปราศจากแนวความคิด
หรือความเชื่อที่มีอยู่ก่อน
  
5:14   
 
5:22  เรากำลังคิดร่วมกัน
 
5:28  นั่นหมายถึง
คุณจะต้องใช้สมองของคุณ...
  
5:33  ...ไม่ใช่ยอมรับ
และไม่หลับไปเสียก่อน
  
5:45  ก่อนอื่นเราต้องมองดูปัญหาต่างๆ
ที่รายรอบตัวเรา...
  
5:53  ...ทั้งปัญหาภายนอก
และภายในจิตใจ
  
5:58  ประการแรกเราต้องตรวจสอบ
ให้ชัดเจนว่าสิ่งภายนอกคืออะไร...
  
6:02  ...อะไรกำลังเกิดขึ้นในโลก
 
6:07  เหตุว่าเราต้องคิด
โดยคำนึงถึงโลกทั้งโลก...
  
6:14  ...ไม่ใช่คิดแต่เพียง
ในพื้นที่ขอบเขตของตน...
  
6:21  ...ไม่ใช่คิดด้วยจิตใจ
ที่ยึดติดกับชนชั้น...
  
6:29  ...หรือกลุ่มชนใดกลุ่มชนหนึ่ง
หรือมีความเชื่อในเรื่องหนึ่ง...
  
6:33  ...แต่การกระทำของคุณกลับแย้งกัน
กับสิ่งที่คุณเชื่อและอื่นๆ
  
6:40  ดังนั้นเรากำลังตรวจสอบร่วมกัน...
 
6:45  ...ตรวจสอบอย่างชัดเจนถ้าทำได้...
 
6:47  ...ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในโลก
โลกภายนอกตัวเรา...
  
6:53  ...ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ
เรื่องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น...
  
6:56   
 
7:03  ...แต่รวมถึงเรื่องการเมือง
ศาสนาและนิเวศน์วิทยา
  
7:07  เพราะถ้าคุณไม่ตรวจสอบ
จากภายนอกให้ถูกต้องแม่นยำ...
  
7:12  ...ให้กว้างไกลมากที่สุด
เท่าที่คนๆ หนึ่งจะสามารถทำได้...
  
7:16  ...ย่อมยากยิ่งที่จะตรวจสอบตนเอง
ได้อย่างถูกตรง
  
7:20  คุณต้องเริ่มต้นจากภายนอก
แล้วย้อนเข้ามาสู่ภายใน...
  
7:25  ...ดังกระแสคลื่นที่ซัดออกไป
และย้อนกลับเข้ามา
  
7:31  โลกภายนอกตัวเราก็ไม่แตกต่าง
ไปจากเรา มันเป็นกระแสเดียวกัน
  
7:37  อย่างน้อยที่สุด
เราก็สามารถสังเกตเห็น...
  
7:42  ...สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา
ได้อย่างชัดเจน
  
7:47  อย่างน้อยเราก็มีเกณฑ์
สำหรับสำรวจภายใน
  
7:50   
 
7:58  ผมหวังว่าที่กล่าวมานั้น
คงกระจ่างชัดแล้ว
  
8:01  ก่อนอื่นเราจะร่วมกันสำรวจ
ดูทุกๆ ด้าน...
  
8:04  ...ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
รอบๆ ตัวเรา...
  
8:10  ...จากข้อเท็จจริงที่เรามีอยู่
 
8:13   
 
8:16  แต่เราก็ไม่มีข้อเท็จจริงมากนัก...
 
8:20  ...เพราะว่าเรากำลังเกี่ยวข้อง
อยู่กับนักการเมือง...
  
8:26  ..กับผู้ที่เราเรียกกันว่านักปกครอง
ซึ่งเหมือนกันทั่วทั้งโลก
  
8:31   
 
8:35  และพวกเขากำลังปกครองเราอยู่
 
8:40  และหากคุณสังเกตดู
ในแต่ละประเทศ...
  
8:46  ...จะเห็นว่ามีกลุ่มคนที่มุ่งสนใจ
เฉพาะแต่อาณาเขตเล็กๆ ของตน
  
8:50   
 
8:55  ความจริงนี้ปรากฏชัด
 
8:58  และถ้าคุณตรวจสอบต่อไปอีก จะพบว่า
พวกเขาไม่เพียงสนใจแต่อาณาเขตเล็กๆ..
  
9:04  ...ซึ่งอยู่ในพื้นที่อันไพศาล
ซึ่งคือโลกเท่านั้น...
  
9:11  ...แต่อาณาเขตเล็กๆ นั้นยังแบ่งแยก
แตกออกเป็นเสี่ยงๆ มากยิ่งขึ้น
  
9:14   
 
9:19  ดังนั้นในโลกจึงยังมีการแบ่งแยก
เกิดขึ้นอยู่อีก...
  
9:24  ...การแบ่งแยกเป็นประเทศชาติ
ศาสนา การเมืองและเศรษฐกิจ
  
9:27   
 
9:31  โลกกำลังแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
 
9:34  ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในประเทศนี้
และที่อื่นๆ ในโลก
  
9:38   
 
9:43  การแบ่งแยกเกิดขึ้น
ไม่เพียงแต่ในทางการเมืองเท่านั้น...
  
9:48  ...แต่ยังเกิดขึ้น
ภายในตัวเราเองด้วย
  
9:56  เราเป็นมนุษย์ที่แตกแยก
เราไม่เป็นทั้งหมด
  
9:58   
 
10:04  เรื่องนั้นชัดเจน
 
10:08  และแต่ละประเทศต่างก็กำลังสู้รบ
กับประเทศอื่น...
  
10:16  ...เช่น ชาวฮินดู มุสลิมและอื่นๆ
 
10:21  และเราก็วางใจ เราหวังว่าการเมือง
จะช่วยมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย
  
10:28   
 
10:33  แต่การเมืองไม่ได้ช่วยมนุษย์เลย
 
10:35  ตรงกันข้ามการเมืองกลับเพิ่ม
ความทุกข์ยากให้แก่ผู้คนอีกแสนสาหัส..
  
10:38  ...โดยสงครามและการแบ่งแยก
 
10:44  แล้วเราก็หวังว่าวิทยาศาสตร์
จะสามารถนำมนุษย์...
  
10:48  ...ฝ่าผ่านความทุกข์ยากออกไปได้
 
10:50  แต่วิทยาศาสตร์ก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย
 
10:54  รวมทั้งเศรษฐศาสตร์และอื่นๆ
 
10:57  เราวางใจให้การเมือง
ช่วยเหลือมนุษย์...
  
11:02  ...เราพึ่งพิงศาสนา
ให้ช่วยเหลือผู้คน...
  
11:09  ...เราพึ่งพิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งคือ
การสะสมความรู้เพื่อกระทำการ...
  
11:13  ...เราได้พึ่งพิง
และวางใจในสิ่งเหล่านี้...
  
11:18  ...แต่ทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรเลย
ที่ช่วยมนุษย์ได้
  
11:25  มันอาจจะให้ประโยชน์
แก่มนุษย์บ้างเล็กน้อยในบางเรื่อง..
  
11:30  ...แต่เรายังต่อสู้ดิ้นรน
อยู่เรื่อยมา
  
11:35  มันเห็นได้ชัดเจน
 
11:38  และเราก็เห็นแล้วว่า
ไม่มีองค์กรชนิดใด...
  
11:45  ...ไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายซ้าย
ฝ่ายขวาหรือฝ่ายกลาง...
  
11:47  ...ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์
หรือสังคมนิยม...
  
11:50  ...ไม่มีองค์กรใดเลย
ที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดปลอดภัยได้
  
11:58  ถูกต้องไหม
 
12:01  ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจได้
 
12:04  แม้แต่ชุมชนเล็กๆ ก็ไม่อาจจะช่วย
ผู้คนให้รอดปลอดภัยได้...
  
12:09  ...เพราะมันเป็นปัญหาของโลก
ที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง...
  
12:13  ...และเราจะต้องรับมือกันในระดับโลก
ด้วยจิตใจที่กว้างขวางเป็นกลาง...
  
12:18  ...เห็นปัญหาเชื่อมโยงกัน
ทั่วทั้งโลก...
  
12:22  ..ไม่ใช่คำนึงถึงแต่เฉพาะศาสนาของตน
ชุมชนของตน หรือด้วยจิตใจที่คับแคบ
  
12:30  ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงล้มเหลว
 
12:39  สถาบันต่างๆ จึงล้มเหลว
 
12:44  มีผู้รู้ต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นทวี
ดาษดื่น - จะให้พูดอย่างไรดี...
  
12:53  ...ดั่งดอกเห็ด
ผุดโผล่ขึ้นทั่วทั้งโลก...
  
12:58  ...และพวกผู้รู้ก็จะไม่สามารถ
ช่วยผู้คนได้
  
13:02  ตรงกันข้ามพวกเขากลับสร้าง
วังวนเล็กๆ ของพวกเขาเองขึ้นมา...
  
13:07  ...ทำเสียงเล็กๆ - ซึ่งพวกคุณ
ก็รู้อยู่ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง
  
13:11  ผมไม่จำเป็นต้องบอกพวกคุณ
ถึงสิ่งทั้งหมดนั้น
  
13:14  ดังนั้นอะไรเล่าที่จะช่วยมนุษย์
ให้รอดปลอดภัย
  
13:18  เมื่อพวกคุณสังเกตดู
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกนี้...
  
13:22  ...เราจะเห็นการเตรียมการ
สงครามกัน...
  
13:24   
 
13:28  ...ทุกๆ ปี ทุกๆ รัฐบาล
ต่างจ่ายเงินเพื่ออาวุธสงคราม...
  
13:31  ...รวมกันถึง
400,000 ล้านดอลล่าร์...
  
13:38  รัฐบาลทุกรัฐบาลจ่ายเงินรวมกัน...
 
13:41  ...400,000 ล้านดอลล่าร์ทุกๆ ปี
 
13:46  นั่นมันบ้าชัดๆ
 
13:51  จริงไหม
 
13:54  เมื่อคุณเห็นสิ่งทั้งหมดนี้แล้ว
มนุษย์ควรจะทำอย่างไร
  
14:02  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
14:05  คุณจะทำอะไรได้บ้าง
 
14:12  การปฏิรูปของมนุษย์
ควรจะเริ่มต้นที่ตรงไหน
  
14:20  เราได้พยายามมาแล้ว
ทุกหนทางเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
  
14:30  เราได้วางหลักการ มีอุดมคติ
ที่เลอเลิศ มีทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่...
  
14:38  ...อีกทั้งคัมภีร์
ศักดิ์สิทธิ์มากมาย...
  
14:40  ...หรือที่เรียกกันว่าคัมภีร์
ศักดิ์สิทธิ์นั้น ที่จริงไม่มีหรอก...
  
14:46  ...รวมทั้งคัมภีร์ภควัทคีตา
อุปนิษัท...
  
14:51  ...หรือไบเบิล
หรือแม้แต่คัมภีร์กุรอ่าน
  
14:55  ดังนั้นเราได้พยายามมาแล้ว
ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง...
  
15:06  ...เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ของเรา...
 
15:10  ...เช่น พวกลัทธิเหมาในจีน
เลนินและกลุ่มของเขาในรัสเซีย...
  
15:13  ...พวกทุนนิยม พวกสังคมนิยม
พวกเสรีนิยม...
  
15:17  ...เราได้ลองมาแล้วทุกๆ วิถีทาง
 
15:21  ดังนั้นเมื่อมองดูทั้งหมดนี้...
 
15:26  ...ทั้งการแบ่งแยกแตกออกเป็นส่วนๆ
ของผู้คนเหล่านั้น...
  
15:29  ...อีกความสับสนของพวกเขา...
 
15:32  ...ทั้งการที่มนุษย์ทุกคน
ต่างเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน...
  
15:38  ...คุรุคนหนึ่งต่อต้านคุรุอีกคน
คุรุของฉันดีกว่าคุรุของเธอ...
  
15:42   
 
15:44  ...คุรุของฉันสงบกว่าของเธอ...
 
15:47  ...คุรุของฉันรู้ แต่คุณไม่รู้
และอื่นๆ อีก
  
15:55  ผมหวังว่าคุณคงตระหนักถึง
ความหนักหนาสาหัสของเรื่องราวเหล่านี้
  
16:05  นี่จึงไม่ใช่การรวมกลุ่มกัน
ในตอนเย็น...
  
16:12  ...ที่พวกคุณเข้ามาร่วม
อย่างผิวเผิน แล้วก็ลืมเสีย
  
16:18  ทว่าเรารวมกลุ่มกัน
เพื่อจุดมุ่งหมายที่จริงจัง
  
16:24  ส่วนจะจริงจังแค่ไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับคุณ
  
16:28  ว่าคุณรู้สึกว่า
กำลังถูกท้าท้ายอยู่หรือเปล่า...
  
16:34  ...คุณจะยอมรับการท้าทายนั้นหรือไม่
หรือคุณเพียงแต่ให้ผ่านๆ มันไป
  
16:37   
 
16:43  นอกจากนั้นวัฒนธรรมต่างๆ
ต่างก็ล้มเหลว...
  
16:49  ...รวมทั้งวัฒนธรรมของประเทศนี้ด้วย
 
16:56  ดังนั้นเมื่อคุณสังเกตเห็น
สัญญาณต่างๆ ภายนอก...
  
17:00  ...ที่บ่งบอกถึงความรุนแรง...
 
17:03  ...เช่น การก่อการร้าย
ความอำมหิต ความเหี้ยมโหด...
  
17:06  ...และทารุณกรรมที่เกิดขึ้น
มากมายมหาศาล...
  
17:13  ...รวมทั้งการที่นักการเมือง
แก่งแย่งอำนาจกันและอื่นๆ...
  
17:20   
 
17:23  ...เมื่อคุณเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
และคุณถูกท้าทายว่า...
  
17:30  ...มนุษย์ควรจะทำอย่างไร
คุณจะทำอย่างไร
  
17:34  คุณจะเริ่มต้นตรงไหนดี
 
17:38  เพราะว่ามนุษย์อย่างคุณและผม...
 
17:46  ...เรากำลังเผชิญกับวิกฤต
อันใหญ่หลวงแห่งมนุษยชาติ
  
17:55  ผมไม่ทราบว่า
คุณตระหนักหรือเปล่า
  
18:01  และเราจะต้องตอบสนองต่อวิกฤตนั้น...
 
18:04  ...ซึ่งก็คือการท้าทาย
ตอบสนองอย่างถูกตรงแม่นยำ
  
18:11  เมื่อตระหนักถึงสิ่งทั้งหมดนี้
ใครเล่าจะช่วยมนุษย์ได้
  
18:15   
 
18:18  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
18:22  ใครล่ะจะช่วยคุณ
ช่วยคุณจากความสับสนของคุณ...
  
18:25   
 
18:29  ...จากความขัดแย้งของคุณ
จากความทุกข์ของคุณ...
  
18:34  ...จากความไม่ลงรอย
ที่มีอยู่ตลอดเวลาของคุณ...
  
18:39  ...จากความอิจฉาของคุณ
จากลัทธิชาตินิยมขี้ประติ๋วของคุณ..
  
18:46  ...จากผู้รู้ที่คุณยอมรับ
ในอำนาจความรู้ของพวกเขา
  
18:47   
 
18:52  ดังนั้นเมื่อคุณสังเกต
เห็นสิ่งนี้...
  
18:55  ...แน่นอนว่าคำตอบมีอยู่
เพียงคำตอบเดียวเท่านั้น
  
19:03  ในเมื่อองค์กรต่างๆ
ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป...
  
19:10  ...ในเมื่อผู้นำ
ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้...
  
19:17  ...ในเมื่อไม่มีคัมภีร์ตำราเล่มใด
จะให้อิสรภาพแก่เราได้...
  
19:22  ...ดังนั้นเราจึงต้องเริ่มต้น
จากตัวเราเองเท่านั้น
  
19:26   
 
19:33  ถูกต้องไหม
 
19:41  ผมหวังว่าเรากำลังสื่อสาร
เข้าใจกันและกันอยู่
  
19:52  การสื่อสารเข้าใจกันหมายถึง...
 
20:00  ...การร่วมกัน คิดร่วมกัน
รู้สึกร่วมกัน...
  
20:05  ...ในการเฝ้าสังเกต
ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่...
  
20:09  ...และเรียกร้องความสามารถสูงสุด
ของเราที่จะกระทำอย่างถูกต้อง
  
20:14   
 
20:21  ดังนั้นจากสิ่งภายนอก
เรากำลังจะเคลื่อนเข้าสู่ภายใน
  
20:28  มันคือกระบวนการเดียวกัน
โลกไม่ได้ต่างไปจากเรา
  
20:33  เราเป็นคนสร้างโลกอันน่าอนาถนี้
 
20:37   
 
20:40  เราทำให้มันเป็นเช่นนี้
 
20:41  ไม่มีเทพเจ้าหรือองค์กร
ภายนอกใดๆ สร้างโลกขึ้นมา...
  
20:45  ...มนุษย์เรานี่แหละ
ที่สร้างสังคมที่เราอาศัยอยู่...
  
20:51  ...ที่เต็มไปด้วย
ความฉ้อฉลเหลวแหลก...
  
20:54   
 
21:01  ...เต็มไปด้วยความงมงายที่อันตราย
และสารพัดเทพเจ้าที่น่าขัน
  
21:07  เราได้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
 
21:12  สร้างการแบ่งแยกชนชั้นแห่งชาติ
 
21:17  กรุณาเข้าใจสิ่งทั้งหมดนี้เถิดครับ
 
21:22  ดังนั้นเราต้องเริ่มต้น
ที่ตัวเราเอง
  
21:31  ไม่ใช่หรือ
 
21:34  ไม่มีใครในโลกนี้
หรือบนสรวงสวรรค์ที่จะช่วยเราได้
  
21:42  ไม่มีคัมภีร์ตำรา ไม่มีคุรุ
ไม่มีระบบ ไม่มีวิธีการ...
  
21:50  ...ไม่มีผู้นำ ไม่มีวีรบุรุษ
ไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเราได้
  
21:54  ไม่ใช่หรือ
 
21:56  เราต้องเริ่มต้นที่ตัวเอง...
 
21:59  ...และดูซิว่าเราสามารถ
เปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ได้ไหม...
  
22:05  ...เราสามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง...
 
22:08  ...อย่างถอนรากถอนโคน
จากรากเหง้าของชีวิตเราได้หรือไม่..
  
22:14  ...เพื่อว่าเราจะมีจิตใจ
ที่เป็นอิสระ ไม่ใช่จิตใจที่แตกแยก..
  
22:19   
 
22:22  ...ฉ้อฉล ขลาดกลัว กระวนกระวาย
ละโมบ และเป็นทุกข์
  
22:33  นั่นจะเป็นไปได้ไหม
 
22:36  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
22:41  ใช่ไหมครับ
 
22:44  ผมทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดไหม
 
22:47  ผู้พูดทำให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้นไหม
 
22:52  ดังนั้นเพื่อจะไปให้ไกล
คุณต้องเริ่มต้น ณ ที่ๆ ใกล้ที่สุด
  
23:01  "ใกล้ที่สุด" ซึ่งก็คือ
ที่ตัวคุณ
  
23:13  นั่นคือเหตุที่ทำให้เราถามว่า...
 
23:16  ...คุณภาพของความคิด
ของคุณเป็นอย่างไร...
  
23:21  ...คุณภาพของจิตใจคุณ
ที่เต็มใจเป็นอย่างไร...
  
23:27  ...เมื่อมองเห็นว่า
อะไรกำลังเกิดขึ้น...
  
23:30  ...จิตใจที่เรียกร้องว่าจะต้อง
เปลี่ยนแปลงสังคมที่เราอาศัยอยู่...
  
23:36  ...เรียกร้องให้มีการศึกษา
ที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่...
  
23:39   
 
23:41  ...มีรัฐบาลโลกชนิดที่ต่างไป
จากที่เป็นอยู่และอื่นๆ
  
23:53  ดังนั้นเราในฐานะที่เป็นมนุษย์
คุณนั่นแหละ...
  
24:02   
 
24:06  ...คุณเต็มใจหรือปรารถนา
หรือจริงใจและจริงจังอย่างลึกล้ำ...
  
24:18  ...ที่จะค้นหา ที่จะตรวจสอบ
โครงสร้างทั้งหมดของมนุษย์ไหม...
  
24:21  ...โครงสร้างทั้งทางจิตใจและศาสนา
เพื่อดูว่าจะเป็นไปได้ไหม...
  
24:27  ...ที่มนุษย์ทุกคนที่ดีพอ
ที่จะฟังสิ่งทั้งหมดนี้...
  
24:33  ...จะมีความสามารถที่จะไต่สวน
สืบค้นเข้าสู่ตนเองไหม
  
24:42  คุณเข้าใจไหมครับ
 
24:45  ใช่ไหมครับ
 
24:48  ดังนั้นผมจึงถามว่า: ภาวะจิตใจ
ของคุณ ความสำนึกรู้ของคุณ...
  
24:55  ...ซึ่งจริงจังเพียงพอ
ที่จะไต่สวนเป็นอย่างไร
  
24:59   
 
25:04  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
คุณจริงจังจริงๆ หรือ
  
25:10  หรือคุณเพียงต้องการจะใช้เวลา
ตอนเย็นๆ ที่สบายๆ ใต้ต้นไม้...
  
25:16   
 
25:20  ...ไม่ใช่ว่าหลังฝนตกแล้ว
มันจะไม่สวย ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง...
  
25:30  ...แต่ว่าคุณรู้ด้วยตนเองหรือไม่
ถึงภาวะการมีชีวิตอยู่ของคุณ...
  
25:39   
 
25:43  ...ความเป็นอยู่ในชีวิต
แต่ละวันของคุณ...
  
25:48  ...วิธีคิดของคุณ
คุณรู้สึกอย่างไร...
  
25:54  ...รู้ว่าคุณเป็นคนขี้โลภ ขี้อิจฉา
และรู้อื่นๆ ไหม...
  
25:57  ...รู้ถึงโครงสร้างทั้งหมดของมนุษย์
 
26:04  คุณตระหนักถึงมันไหม
 
26:06  คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณคิดอะไร
 
26:09  และทำไมคุณจึงคิด
 
26:14  คุณรู้ถึงความรู้สึกของคุณ
อคติของคุณ...
  
26:19  ...ความกังวลของคุณ
ความกลัวของคุณ...
  
26:26  ...ซึ่งก็คือชีวิตของเรา ชีวิต-
แต่ละวี่วันของเรา คุณรู้มันหรือไม่
  
26:31  ความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่น
ทั้งที่สนิทสนมและไม่สนิทสนม...
  
26:34   
 
26:39  ...ความสัมพันธ์นั้นเป็นอย่างไร...
 
26:43  ...มันเป็นความสัมพันธ์ที่ผิวเผิน
หรือว่าที่ลุ่มลึกอย่างแท้จริง
  
26:51  หรือว่ามันเป็นเพียง
เรื่องของกามารมณ์...
  
26:53  ...ของความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
 
26:56  ...หรือว่าในความสัมพันธ์ของคุณ
มีความเอื้ออาทร...
  
27:07  ...ความห่วงใย ความอ่อนโยน
และความรักอยู่ด้วย
  
27:12  ดังนั้นเราจึงถามว่า
คุณตื่นตัวรับรู้...
  
27:13  ...ถึงชีวิตประจำวันของคุณ
ที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนหรือไม่
  
27:27  และจากตรงนี้เท่านั้น
ที่คุณจะเริ่มต้นได้...
  
27:31  ...ไม่ใช่เริ่มต้น
ด้วยความเชื่อบางอย่าง...
  
27:34  ...อุดมคติบางอย่าง
หรือข้อสรุปบางอย่าง...
  
27:42  ...เช่น ความเชื่อในพรหม
หรือในพระเจ้า...
  
27:44  ...หรือพระเยซู
หรือในอะไรบางสิ่งบางอย่าง
  
27:47  สิ่งเหล่านั้นเป็นมายาทั้งหมด
 
27:51  ดังนั้นเราจึงถามว่า
กรุณาตั้งใจฟัง...
  
27:54  ...ขอถามว่าจิตใจของคุณ
ถูกจับเอาไว้ในมายาหรือไม่
  
28:02  ถ้าหากมันถูกจับเอาไว้
คุณจะไม่สามารถ...
  
28:12  ...นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
อย่างถอนรากถอนโคนในตัวคุณได้เลย...
  
28:20  ...เพราะว่าคุณคือโลก
คุณไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์คนอื่นๆ..
  
28:27  ...เพราะคุณเป็นทุกข์ คนอื่นๆ
ที่อาศัยอยู่ห่างออกไปหมื่นไมล์...
  
28:29  ...ก็เป็นทุกข์เช่นเดียวกันกับคุณ
 
28:35  พวกเขากลัวเช่นเดียวกับที่คุณกลัว
 
28:38  พวกเขาแสวงหาความมั่นคง
และค้นพบความมั่นคงปลอดภัย...
  
28:46  ...ทั้งในโลกและในทางจิตใจ
เพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น...
  
28:49  ...ความมั่นคงปลอดภัยมีอยู่น้อยมาก
 
28:55  พวกเขาต้องการความสุข
แต่เขาก็ไม่มีความสุข
  
28:59  พวกเขาถูกหลอกได้ง่าย
เหมือนกับคุณ
  
29:02  ฉะนั้นโดยเนื้อแท้แล้ว
คุณจึงเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆ
  
29:10  นี่ไม่ใช่ข้อสรุปทางปัญญาความคิด
 
29:16  ที่จะนำมาโต้แย้งกัน
แต่มันเป็นความจริง
  
29:22  คุณอาจจะมีผิวสีน้ำตาล
ดำ ขาวหรือสีชมพู...
  
29:27  ...แต่นอกเหนือไปจาก
การแบ่งแยกทางเชื้อชาติแล้ว...
  
29:32  ...มนุษย์ทั่วทั้งโลกทุกคน
ผ่านประสบการณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง...
  
29:36  ...ทั้งทางด้านจิตใจและทางกายภาพ
เช่นเดียวกันกับคุณ
  
29:44  มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นดอกหรือ
 
29:50  คุณกลัวความตาย
คนอื่นๆ ก็กลัวเช่นกัน
  
29:55  คุณเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
เพราะนั่นทำให้คุณรู้สึกสบายใจ...
  
30:01  ...คนอื่นๆ เขาก็มีทฤษฏี
เกี่ยวกับชีวิตหลังตายของเขาเอง
  
30:04  มันก็เหมือนกันกับมนุษย์คนอื่นๆ
ทุกคนในโลก
  
30:12  ดังนั้นโดยเนื้อแท้แล้ว
คุณก็คือโลก
  
30:20  แต่การตระหนักรู้เช่นนั้น
ไม่ใช่เป็นเรื่องของปัญญานึกคิด
  
30:30  มันย่อมไม่ใช่แนวความคิด
ไม่ว่าจะดีหรือเลวเพียงไรก็ตาม
  
30:37  นอกเสียจากคุณจะรู้สึก
ด้วยเลือดด้วยเนื้อ...
  
30:48  ...ด้วยมันสมองและกึ๋นทั้งหมด
ของคุณ ว่าคุณคือโลก...
  
30:53  ...ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงในโลก
จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ...
  
30:57  ...เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ
อย่างถอนรากถอนโคน
  
31:05  ใช่ไหม
 
31:08  เราจะเริ่มต้นจากตรงนั้นได้ไหม
 
31:14  ซึ่งหมายความว่า
เราตื่นรู้สึกตัว...
  
31:19  ...รู้ถึงความคิดของตน
ความรู้สึกของตน...
  
31:22  ...ความเชื่อของตน
อุดมการณ์ของตน...
  
31:25  ...ความฉ้อฉลบิดเบือนของตน
ความกลัวของตน...
  
31:28  ...รู้ตัวถึงความพึงพอใจ
และอื่นๆ ทั้งหมด
  
31:41  คุณรู้ถึงทั้งหมดนั้นไหม
 
31:46  ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
แต่ละคนจะต้องไต่สวน...
  
31:49  ...ว่าทำไมเราจึงมีชีวิตอยู่
อย่างที่เรากำลังเป็นอยู่นี้...
  
31:55  ...ทำไมเราจึงยอมรับ
ที่จะเป็นอยู่อย่างนี้
  
32:01  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
32:10  ดังนั้นเราจึงร่วมกัน
และผมหมายถึงด้วยกันจริงๆ...
  
32:17   
 
32:21  ...เรากำลังตรวจสอบด้วยกัน
สำรวจเข้าหาตัวเราเองด้วยกัน
  
32:29  และนี่ก็ไม่ใช่กลุ่มบำบัด ซึ่งเป็น
การแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์...
  
32:33  ...การเปิดเผยความผิดพลาด
ของกันและกัน...
  
32:36  ...โดยหวังว่านั่นจะช่วยขจัด
บางสิ่งบางอย่างออกไปได้
  
32:42  ทว่าเรากำลังร่วมพูดคุยกัน
 
32:46  ตรวจสอบคุณภาพของจิตใจของเรา...
 
32:51  ...คุณภาพของหัวใจเรา
และคุณภาพของสมองเรา
  
32:54   
 
33:05  ในการตรวจสอบ
คุณต้องเป็นอิสระที่จะดู
  
33:14  ถูกไหมครับ
 
33:17  มีอิสระที่จะดูเข้าไปในตัวคุณเอง
 
33:23  นั่นหมายถึงจะต้องไม่มีข้อสรุปใดๆ
 
33:30  ใช่ไหม
 
33:32  จะต้องไม่มีความรู้สึก
ว่ามีอำนาจที่เหนือกว่า
  
33:40  ต้องไม่มีบุคคลใดที่จะบอกคุณว่า
ต้องดูอย่างไร...
  
33:48  ...เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว
คุณก็จะดูไปตามที่เขาบอก
  
33:55  คุณต้องไม่มีผู้ชี้ทาง
 
33:58  คุณต้องเป็นอิสระที่จะฟังตัวคุณเอง
 
34:03  ที่จะสังเกตดูตัวเอง...
 
34:06  ...และเรียนรู้
ในขณะที่คุณเฝ้าสังเกต...
  
34:09  ...และกระทำ
ในขณะที่คุณเฝ้าสังเกต
  
34:13  ดังนั้นเราเริ่มที่ปัญหานี้ก่อน:
คือรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นจริงๆ...
  
34:17  ...ขณะนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นในจิตใจ
และหัวใจของคุณ...
  
34:23  ...ในชีวิตแต่ละวันของคุณ
 
34:33  และคุณสามารถฟังเสียง
บ่นพึมพำของตัวคุณเอง...
  
34:39  ...ฟังความกลัวของคุณ
ความทุกข์ทรมานของคุณ
  
34:42  คุณสามารถฟังมัน
 
34:48  และสังเกตดูปฏิกริยาตอบสนองต่างๆ
ในความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น...
  
34:57  ...เพราะว่านั่นคือ
สิ่งนำทางเพียงอย่างเดียว
  
35:00  ปฏิกิริยาตอบสนองของคุณ
ที่มีต่อคนอื่นเป็นอย่างไร...
  
35:04  ...คุณแสดงความเคารพนับถือ
ต่อผู้ที่อยู่เหนือคุณ...
  
35:09  ...มีตำแหน่งสูงกว่า ฐานะดีกว่า
อำนาจมากกว่าคุณอย่างไร
  
35:13  และท่าทีของคุณต่อผู้ที่ต่ำต้อยกว่า
ซึ่งคุณสามารถจะรังแกเขาได้
  
35:14  ใช่ไหมครับ
 
35:19  คุณเห็นสภาพนั้นได้ในประเทศนี้
สภาพที่ขาดความใส่ใจใยดี...
  
35:25  ...ขาดความเคารพนับถือ
ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
  
35:31  ฉะนั้นคุณจึงต้องค้นหา
ด้วยตัวคุณเอง...
  
35:37  ...โดยคิดค้นร่วมกัน
อย่างที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้...
  
35:43  ...ว่าคุณจะสังเกตตัวคุณได้อย่างไร
 
35:50  ไม่ใช่จะคิดอะไร
แต่คิดอย่างไร
  
36:00  ไม่ใช่เป็นวิธีคิดของผม
หรือเป็นวิธีคิดของคุณ...
  
36:05  ...หรือของศาสตราจารย์
หรือของคุรุ หรือของผู้เชี่ยวชาญ...
  
36:09  ...แต่เป็นการคิดร่วมกัน
โดยปราศจากอคติใดๆ...
  
36:18  ...ปราศจากความคิดเห็นใดๆ
 
36:21  มิฉะนั้นแล้วคุณก็คิดร่วมกันไม่ได้
 
36:25  ถูกต้องไหม
 
36:33  เราเห็นสิ่งนี้กันไหม
 
36:39  เราเห็นกันไหมว่าคุณก็มีความคิดเห็น
และผมก็มีความเห็น...
  
36:41  ...การคิดของเราจึงถูกบิดเบือน
 
36:46  ใช่ไหม
 
36:48  ดังนั้นเป็นไปได้ไหม
ที่จะคิดโดยไม่มีความคิดเห็นใดๆ
  
36:55  กรุณาพิจารณาเรื่องนี้
ไปพร้อมๆ กับผม
  
37:00  ผมจะสืบค้นเข้าไป
ในเรื่องนี้อย่างช้าๆ
  
37:12  เป็นไปได้ไหมที่จะสังเกตดู
โดยไม่มีข้อสรุปใดๆ
  
37:18  เป็นไปได้ไหมที่จะฟังอย่างบริสุทธิ์
ปราศจากการบิดเบือนใดๆ
  
37:25  เรากำลังจะสืบค้นเข้าสู่เรื่องนี้
อย่างช้าๆ ทีละขั้น
  
37:46  เย็นวันนี้ช่างสบายจริง
 
37:52  การได้มานั่งใต้ต้นไม้...
 
37:56  ...และพูดถึงเรื่องสำคัญๆ
ย่อมเป็นการดีมาก...
  
38:02  ...และก็ไม่ลืมที่จะมองดูใบไม้...
 
38:06  ...ทั้งกิ่งก้านสาขา และท้องฟ้า
สีคราม ที่อยู่เหนือขึ้นไป...
  
38:12  ...มองดูอาทิตย์ยามอัสดง...
 
38:15   
 
38:19  ...และความงดงามของสีสัน
ของปุยเมฆยามต้องแสง...
  
38:24  ...และก็มองดูตัวเราเอง
อย่างที่เราเป็นอยู่จริงๆ ด้วย
  
38:31  คุณไม่สามารถจะเปลี่ยนก้อนเมฆได้
 
38:34  คุณไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลง
อาทิตย์อัสดงได้
  
38:39  ดังนั้นขอให้มองดูตัวคุณเอง...
 
38:42  ...โดยไม่มีความอยาก
ที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไร
  
38:49  เพราะว่าความอยาก
ที่จะเปลี่ยนแปลงนั้น...
  
38:51  ...เกิดจากแรงจูงใจของความโลภ...
 
38:56  ...หรือความต้องการ
ที่จะให้ตนเองดีขึ้น...
  
38:59  ...เพื่อจะได้เข้ากับหลักเกณฑ์
หรืออุดมคติอะไรบางอย่าง
  
39:04  ดังนั้นคุณสามารถจะสังเกต
ตัวคุณเอง...
  
39:08  ...โดยไม่มีการเคลื่อนไหวของความคิด
แม้เพียงความคิดเดียวได้หรือไม่
  
39:12  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
39:24  ดังนั้นก่อนอื่นขอให้เราค้นหาว่า
การฟัง หมายความว่าอย่างไร
  
39:34  อย่าบอกว่า
ฉันได้ยินคุณพูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
  
39:39  มีผู้คนจำนวนมาก
ที่มาที่นี่ปีแล้วปีเล่า...
  
39:42  ...แต่โชคไม่ดีที่ไม่มี
การเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นกับเขาเลย
  
39:48  มันก็เลยกลายเป็นเกมส์ไป
 
39:52  พวกเขาไม่จริงจังหรอก
 
39:57  แต่ถึงแม้เขาจะมาที่นี่บ่อยมาก
และได้ยินผู้พูดพูดมาแล้วก็ตาม...
  
40:04  ...กรุณาลืมอะไรๆ
ที่ผู้พูดเคยพูดมาก่อนนี้แล้ว...
  
40:09  ...ลืมเสียให้หมด
แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
  
40:16  คุณรู้ไหมเมื่อคุณมองดู
ดอกไม้ดอกหนึ่งวันแล้ววันเล่า...
  
40:25  ...ดอกไม้นั้นไม่เคยเหมือนเดิมเลย
จริงไหม
  
40:28   
 
40:34  ความงามของดอกไม้นั้น
แปรเปลี่ยนไปในแต่ละวัน
  
40:40  ก็เช่นเดียวกันกับพวกคุณ...
 
40:44  ...ที่เคยฟังผู้พูด
มาตั้งหลายๆ ปี...
  
40:49  ...ขอให้ฟังราวกับคุณเพิ่งเคยได้ยิน
เป็นครั้งแรกในชีวิต
  
40:57  แล้วคุณจะเรียนรู้ ไม่ใช่จดจำ
 
41:02  แต่คุณกำลังเรียนรู้
เกี่ยวกับตัวคุณเอง
  
41:05  หากปราศจาก
การเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง...
  
41:09  ...คุณจะไม่มีพื้นฐาน
สำหรับการกระทำที่ถูกต้อง...
  
41:18  ...การตอบสนองที่ถูกต้อง...
 
41:24  ...และความเข้าใจสิ่งต่างๆ
ตามที่เป็นจริง
  
41:32  ดังนั้นก่อนอื่นเรามาค้นหาร่วมกัน
 
41:36  ผมจะไม่บอกคุณว่าให้ทำอะไร...
 
41:41  ...แต่เราจะค้นหาร่วมกันว่า
การฟังนั้นหมายถึงอะไร
  
41:51  เราเคยฟังใครบ้างหรือไม่
 
41:56  คุณกำลังฟัง
สิ่งที่ผมพูดอยู่ขณะนี้หรือเปล่า
  
42:01  ฟังอยู่หรือเปล่า
 
42:03  ให้ซื่อตรงนะว่าคุณกำลังฟังอยู่ไหม
 
42:08  หรือว่าในจิตใจของคุณ
เต็มไปด้วยเรื่องอื่นๆ
  
42:19  หรือว่าที่คุณมาที่นี่
เพราะผู้พูดมีชื่อเสียง...
  
42:26  ...และคุณกำลังหยั่งดูว่า
เขาจะพูดอะไร
  
42:32  ดังนั้นการเคลื่อนไหวทั้งหมด
เหล่านี้ จึงปิดกั้นการฟังที่แท้จริง
  
42:39  ถูกต้องไหม
 
42:42  เพราะว่ามันสำคัญมาก
ที่จะเรียนรู้ศิลปะของการฟัง
  
42:50  เพราะถ้าคุณเรียนรู้ศิลปะนั้น
ไม่ใช่เพียงจดจำมัน...
  
42:57  เพราะว่าถ้าคุณเพียงแต่จดจำ
ว่าควรจะฟังอย่างไรแล้ว...
  
43:03  ...คุณก็ไม่ได้กำลังฟังอยู่
 
43:08  ดังนั้นการฟังหมายถึงอะไร...
 
43:12  ...ไม่เพียงแต่ฟัง
โลกภายนอกตัวคุณเท่านั้น...
  
43:16  ...แต่ฟังคำบ่นพึมพำลึกๆ ของตนเอง
ความกังวลใจที่อยู่ลึกๆ...
  
43:21  ...ความกลัวและความพึงพอใจของตนด้วย
 
43:26  การฟังหมายความว่าอะไร
 
43:30  มีการฟังด้วยหู...
 
43:35  ...และก็มีการฟังที่ปราศจาก
การทำงานของปฏิกิริยา...
  
43:41  ...ของความระส่ำระสายทำงานอยู่
 
43:48  ที่ผมพูดอยู่นี่ คุณตามทันไหม
 
43:53  เราพิจารณาร่วมกันอยู่หรือเปล่า
 
44:01  หรือผมกำลังพูดภาษากรีก
หรือภาษาจีนอยู่กระมัง
  
44:05  เราเข้าใจซึ่งกันและกันไหม
 
44:09  เพราะว่ามันสำคัญมากที่จะค้นหาว่า
อะไรหมายถึงการฟัง การเฝ้าสังเกต
  
44:13   
 
44:21  เพราะว่าเรากำลังจะเฝ้าสังเกต
การเคลื่อนไหวที่แท้จริงของตัวเรา...
  
44:25   
 
44:30  ...โดยปราศจากการบิดเบือนใดๆ
 
44:37  ดังนั้นการสังเกตและการฟัง
จึงเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่
  
44:47  และเรากำลังเรียนรู้
ศิลปะนั้นร่วมกัน
  
44:53  ผมไม่ใช่ครูบาอาจารย์ของคุณ
 
44:58  และผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ
 
45:01  ผมไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจเหนือคุณ
 
45:05  แต่เป็นเหมือนเพื่อนสองคน
ที่ร่วมพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาของเขา...
  
45:11  ...เกี่ยวกับความกลัว
และความวิตกกังวลของเขา...
  
45:18  ...และเพื่อนแต่ละคน
ก็พูดถึงปัญหาของตนเอง...
  
45:23  ...แล้วเขาทั้งสองก็ร่วมกันค้น
และแก้ไขปัญหาต่างๆ
  
45:29  เราก็กำลังทำอย่างเดียวกัน
 
45:33  ไม่ใช่เพราะผู้พูดแก้ปัญหาได้แล้ว
- แม้เขาแก้ได้แล้ว...
  
45:39  ...แต่เรากำลังพยายามสื่อสารกัน
ร่วมใจกัน
  
45:43   
 
45:48  ดังนั้นก่อนอื่น
การฟังหมายถึงอะไร
  
45:57  การฟังถ้อยคำ
ฟังเสียงร้องของนกกาตัวนั้น...
  
46:01  ...ฟังเสียงแตรของรถยนต์...
 
46:09   
 
46:17  ...ฟังความคิด
ฟังความรู้สึกของตัวคุณเอง
  
46:24   
 
46:30  และการฟังนั้นหมายถึง
ไม่มีการรบกวนใดๆ ของความคิด
  
46:35  เพราะว่าในทันทีที่ความคิด
เข้ามาแทรกแซง...
  
46:44  ...โดยการบอกว่ามันดีหรือไม่ดี...
 
46:48   
 
46:53  ...ฉันไม่ชอบเสียงนั้น
หรือฉันชอบเสียงนั้น คุณก็ไม่ได้ฟัง
  
46:56   
 
46:58  ขอให้ฟังเดี๋ยวนี้เลย
ในขณะที่คุณนั่งอยู่ตรงนั้น...
  
47:03  ...และผมกำลังอธิบายอยู่
ฟังเสียเดี๋ยวนี้...
  
47:05  ...ไม่ใช่เมื่อคุณกลับไปบ้านแล้ว
นั่นมันสายเกินไป...
  
47:08  ...นั่นแสดงว่าคุณไม่ได้ยิน
 
47:16  ดังนั้นผู้พูดกำลังจะกล่าวถ้อยคำ
อีกมากมายหลายประโยค...
  
47:26  ...คุณต้องค้นหาด้วยตัวคุณเอง
ว่าถ้อยคำเหล่านั้นถูกหรือผิด
  
47:29   
 
47:34  แต่หากคุณฟังด้วยสิ่งที่คุณร่ำเรียน
มาจากตำรับตำรา...
  
47:41  ...จากสิ่งที่คุณยอมรับ
ว่ามีอำนาจเหนือ คุณฟังจากสิ่งนี้...
  
47:44  ...หรือจากประสบการณ์
ของตัวคุณเอง...
  
47:48  ...นั่นก็เท่ากับว่า
คุณก็ปิดกั้นตนเอง...
  
47:53  ...จากการฟังจริงๆ
ว่าบุคคลอื่นพูดว่าอะไร
  
47:58  คุณเข้าใจถึงความรับผิดชอบ
ในส่วนของคุณหรือไม่...
  
48:08  ...เพื่อที่จะฟังโลก ฟังความวิตก
-กังวล ความรู้สึกไม่มั่นคง...
  
48:14  ...ความไม่แน่นอน
ความเศร้าโศกของตัวคุณเอง...
  
48:18  ...เราจะเข้าสู่เรื่องนี้
อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
  
48:24  สืบค้นเข้าไปในทั้งหมดของความกลัว
ความเศร้าโศก ความปวดร้าว...
  
48:30  ...ความวิตกกังวล
การดำรงอยู่ทั้งหมดของมนุษย์
  
48:35  เราจะค้นเข้าไปในเรื่องเหล่านี้
 
48:38  แต่ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้ว่า
จะฟังสิ่งทั้งหมดนี้อย่างไร
  
48:42  แล้วจากนั้นเรียนรู้ว่า
จะสังเกตอย่างไร...
  
48:55  ...การสังเกตหมายความว่าอย่างไร
 
48:58  คุณกำลังสังเกตดูผมอยู่-ดูผู้พูด
คุณสังเกตดูผมอย่างไร
  
49:04  ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงธรรมดาๆ...
 
49:08  ...คุณนั่งอยู่ตรงนั้น
ผู้พูดพูดอยู่ตรงนี้...
  
49:16  ...คุณกำลังมองดูเขา
คุณกำลังเห็นเขาอยู่
  
49:19  คุณกำลังเห็นเขาอยู่จริงๆไหม
 
49:24  หรือว่าคุณมีภาพพจน์ต่างๆ เกี่ยวกับ
ตัวเขา มีข้อสรุป แนวความคิดต่างๆ
  
49:30  ดังนั้นข้อสรุปต่างๆ
สถานภาพ ภาพพจน์...
  
49:34  ...จึงบดบังคุณจากการมองดู
บุคคลผู้นั้นจริงๆ
  
49:41  ใช่หรือไม่
 
49:43  คุณเข้าใจข้อเท็จจริง
ง่ายๆ นี้หรือไม่
  
49:46  ถ้าคุณพูดว่า "เขาเป็นนักสังคมนิยม"
คุณก็ไม่ได้มองดูเขา
  
49:53  ถ้าคุณพูดว่า
"โอ! เขาเป็นคอมมิวนิสต์"
  
49:56  ป้ายยี่ห้อนั้นก็บดบังคุณ
จากการสังเกตดูเขา
  
50:03  แล้วถ้าคุณพูดว่า เขาเป็นมุสลิม
มันก็จบกันเท่านั้นเอง สำหรับชาวฮินดู
  
50:09  ดังนั้นคุณสามารถสังเกตดู
โปรดฟังนะครับ...
  
50:13  ...คุณสามารถสังเกตดูโดยปราศจาก
การเคลื่อนไหวใดๆ ของอคติของคุณได้ไหม
  
50:19  อคตินั้นประกอบขึ้นจากความคิด
 
50:29  ถ้าหากผมต้องการรู้จักคุณ...
 
50:33  ...ผมต้องลืมป้ายฉลากต่างๆ
ทั้งหมดของผม...
  
50:36  ...ไม่ว่าผมจะชอบคุณหรือไม่
นี่หรือนั่นก็ตาม...
  
50:39  ...และเพียงแต่มองดูคุณเท่านั้น
 
50:42  โดยการสังเกตดู
ผมจึงเรียนรู้
  
50:45  นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญญา
ซึ่งเกิดจากการสังเกตไม่ใช่มาจากตำรา
  
50:55  นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง
 
50:57  การฟัง การสังเกตและการเรียนรู้
 
51:11  การเรียนรู้หมายถึงอะไร
 
51:19  เราไปโรงเรียน
ตั้งแต่อายุ 5 หรือ 6 ขวบ
  
51:24  ที่นั่นเราเรียนรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ
 
51:28  เราเรียนรู้ข้อมูลมากมาย...
 
51:32  ...และเก็บมันไว้
เป็นความทรงจำในสมอง
  
51:38  ใช่ไหม
 
51:40  ถูกไหมครับ
 
51:41  ความทรงจำถูกเก็บไว้...
 
51:50  ...และจากความจำอันนั้น
เรานำไปสู่การกระทำ:
  
51:54  ...มีอาชีพ มีงานทำ มีเงิน...
 
51:58  ...ดังนั้นเราจึงสะสมความรู้
ทั้งทางด้านชีววิทยา...
  
52:04  ...ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์และอื่นๆ...
 
52:09  ...และรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนั้น
จากการค้นคว้าวิจัยในอดีต...
  
52:13   
 
52:17  ...จากผู้คนทั้งหลาย
ที่ได้รวบรวมความรู้เอาไว้...
  
52:20   
 
52:23  ...พวกเขาได้ส่งต่อความรู้นั้น
มาให้เรา จากคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่น...
  
52:25  ...และความรู้เหล่านั้น
ถูกเก็บไว้ในมันสมอง
  
52:32  นั่นแหละคือสิ่งที่เราเรียกกันว่า
การเรียนรู้
  
52:37  การเรียนรู้ การรวบรวมข้อมูล...
 
52:42  ...รวบรวมเอาสิ่งที่คนอื่นพูดเอาไว้
เกี่ยวกับเทพเจ้า สรวงสวรรค์...
  
52:47  ...เกี่ยวกับว่า
คุณควรใช้ชีวิตอย่างไร...
  
52:49  ...หรือไม่ควรใช้ชีวิตอย่างไร
อะไรที่ถูกต้องและอื่นๆ
  
52:51  เรารวบรวมสิ่งทั้งหมดนั้น
แล้วเก็บสั่งสมเอาไว้ในมันสมองของเรา
  
52:57  และนั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่า
ความรู้
  
53:03  นั่นเป็นหนทางหนึ่งของการเรียนรู้
 
53:11  ใช่ไหม
 
53:14  ทว่ายังมีการเรียนรู้
อีกหนทางหนึ่ง...
  
53:17  ...คือการออกไปภายนอก
แล้วก็มีการกระทำ
  
53:22  และจากการกระทำนั้นเราเรียนรู้
ซึ่งก็กลายเป็นความรู้
  
53:25  ดังนั้นเราจึงกระทำ
จากความรู้เสมอ...
  
53:29  ...และความรู้ย่อมเป็นอดีตเสมอ...
 
53:33  ...เพราะความรู้
เป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
  
53:36  ถูกต้องไหม
 
53:38  นั่นคือสิ่งที่เรียกกันว่า
การเรียนรู้
  
53:41  เป็นการเรียนรู้
จากประสบการณ์ของคนอื่น...
  
53:45  ...จากประสบการณ์ของตนเอง
จากนิสัยเคยชิน...
  
53:48  ...จากจารีตประเพณีที่ส่งต่อๆ กันมา
จากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง...
  
53:55  ...โดยที่มันถูกสะสมไว้ในสมอง
 
53:58   
 
54:01  สมองของเรา
มีอายุเก่าแก่มากเหลือคณานับ
  
54:08  และโดยทั่วๆ ไปกล่าวกันว่า
นั่นคือการเรียนรู้
  
54:13  ดังนั้นเรากระทำตามความรู้
ซึ่งก็คืออดีต
  
54:20  ใช่ไหม
 
54:22  กรุณามองให้เห็นสิ่งนี้
 
54:24  เหตุว่าเรากำลังจะไต่สวนต่อไปว่า
อะไรคือการเรียนรู้
  
54:31  มีการเรียนรู้อีกหนทางหนึ่ง
ที่ไม่ใช่การสะสมความรู้...
  
54:34   
 
54:39  ...ซึ่งผมกำลังจะอธิบาย
ให้ฟังเดี๋ยวนี้
  
54:41  แต่ก่อนอื่น
เราต้องเข้าใจให้ชัดเจน...
  
54:45  ...ว่าตรงไหนบ้างที่ความรู้
มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด...
  
54:51  ...การขับรถยนต์ การทำอะไรก็ตาม
การพูดภาษาใดภาษาหนึ่ง...
  
54:56  ...การรู้ว่าบ้านของคุณอยู่ตรงไหน
 
55:00  เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ
  
55:03  แต่ความรู้ย่อมเป็นอดีตเสมอ
 
55:12  ดังนั้นเราจึงมีชีวิตอยู่ในอดีต
 
55:16  ไม่ใช่หรือ
 
55:22  ยังมีการเรียนรู้อีกแบบหนึ่ง...
 
55:26  ...ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่อง
ของการสั่งสมความรู้
  
55:44  คุณจะกรุณาตั้งใจฟัง
สิ่งที่ผมกำลังจะพูดได้ไหม
  
55:50  ฟังโดยไม่ต้องเห็นด้วย
หรือไม่เห็นด้วย...
  
55:56  ...ไม่ต้องยอมรับหรือปฏิเสธ...
 
56:00  ...เพียงแต่ฟัง
เหมือนที่คุณฟังเสียงนกตัวนั้น
  
56:09  อย่างที่ผมได้พูดแล้ว
และเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ว่า...
  
56:13  ...เรารู้จักการเรียนรู้
เพียงวิธีเดียวเท่านั้น...
  
56:18  ...ซึ่งก็คือการสั่งสมความรู้
 
56:22  และจากความรู้นั้นนำไปสู่
การปฏิบัติการ การทำหน้าที่...
  
56:31  ...การมีงานทำ มีบ้าน
และอื่นๆ อีกมากมาย
  
56:39  แต่ความรู้นั้นกลายเป็นอันตราย
ในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
  
56:47  คุณเข้าใจไหม
 
56:50  ถ้าความรู้ซึ่งก็คือความทรงจำ...
 
56:55  ...กลายเป็นสิ่งสำคัญในความสัมพันธ์
ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน...
  
57:01  ...ความรู้นั้นนั่นเอง
ที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากกัน
  
57:07  เราจะสืบค้นเข้าสู่เรื่องนี้
ขอให้เพียงแต่ฟังเท่านั้น
  
57:11  เรากำลังพูดว่า
มีการเรียนรู้อีกแบบหนึ่ง
  
57:24  ผมควรจะพูดต่อไปไหม
(เงียบไปสักครู่)
  
57:35   
 
57:51  ผมไม่ได้พยายามทำตัว
เป็นคนฉลาดปราดเปรื่องนะ...
  
57:56  ...หรือทำให้คุณต้องรอคอย...
 
58:01  ...แต่ผมต้องการสื่อสาร
เพื่อให้คุณเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ...
  
58:03   
 
58:08  ...ไม่ใช่เพียงเข้าใจด้วยสมอง
ของคุณเท่านั้น...
  
58:13  ...แต่เข้าใจทั้งด้วยปัญญานึกคิด
และด้วยหัวใจของคุณ
  
58:16   
 
58:22  คุณเข้าใจไหม
 
58:23  ด้วยจิตใจของคุณ ด้วยสมองของคุณ
เป็นคุณภาพของสมองที่เปิดรับฟัง...
  
58:27  ...ที่ปัญญานึกคิดมีความสามารถ...
 
58:30  ...ในการใช้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล
เป็นปรกติ...
  
58:40  ...และในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติ
แห่งความรัก ความอาทร ห่วงใย...
  
58:43  ...เพราะสิ่งเหล่านั้น
คือข้อเรียกร้องที่ต้องมี...
  
58:52  ...เมื่อคุณต้องการ
จะค้นพบอะไรใหม่ๆ
  
58:57  คุณเข้าใจไหม
 
59:00  เมื่อคุณต้องการค้นพบอะไรบางอย่าง
ที่ใหม่ทั้งหมดจริงๆ...
  
59:04  ...จะต้องมีความสอดคล้อง
กลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์...
  
59:08  ...ไม่ใช่มีแต่เพียงปัญญาทางความคิด
ทำงานไปตามวิถีทางของมันเอง...
  
59:12  ...หรือสมองที่จดจำเหตุการณ์
อุบัติการณ์...
  
59:16  ...และข้อสรุปต่างๆ
ทั้งหมดในอดีต...
  
59:19  ...แล้วยึดมั่นติดอยู่กับมัน...
 
59:26  ...และบางทีอาจจะเป็น
สิ่งที่ยากที่สุด...
  
59:29  ...นั่นคือการมีความใส่ใจ ความรัก
และความเอื้ออาทรด้วย
  
59:37  ดังนั้นเรากำลังค้นหาร่วมกัน...
 
59:44  ...ว่าวิถีการดำรงชีวิต
ที่แตกต่างออกไปมีหรือไม่...
  
59:49  ...ซึ่งคือการเรียนรู้และกระทำ
 
59:54  เพียงดูให้เห็นความแตกต่าง
ระหว่างสิ่งที่ผมกำลังจะพูด...
  
59:57  ...และสิ่งที่เราทำกันอยู่
โดยทั่วๆไป...
  
1:00:00   
 
1:00:04  ...นั่นคือเราสั่งสมความรู้
และจากความรู้นั้นเราจึงกระทำ
  
1:00:07  ซึ่งจะเห็นว่ามีช่วงเวลาอยู่
โปรดฟังนะครับ...
  
1:00:11  ...มีช่วงเวลาอยู่ระหว่างความคิด
และการกระทำ
  
1:00:18  ใช่ไหม
 
1:00:19  คุณตามทันไหม
 
1:00:25  นั่นคือมีอุดมคติเกิดขึ้นก่อน...
 
1:00:29  ...แล้วคุณก็พยายามนำอุดมคตินั้น
ไปสู่การปฏิบัติ...
  
1:00:33  ...ดังนั้นจึงเกิดช่องว่างขึ้น
ระหว่างกฎเกณฑ์...
  
1:00:36  ...อุดมคติ ความเชื่อ
และความเป็นจริง
  
1:00:41  ถูกต้องไหม
 
1:00:46  ตอนนี้เรากำลังบอกว่า...
 
1:00:50   
 
1:00:53  ...ช่วงของเวลาระหว่างอุดมคติ
และการกระทำนั้นไม่มีอยู่จริง
  
1:01:00  มันเริ่มจะยากขึ้นเล็กน้อย...
 
1:01:02  ...ขอให้ตั้งใจฟัง
ถ้าหากคุณสนใจ
  
1:01:05  แต่ถ้าคุณไม่สนใจ
คุณก็ไปตามทางของคุณ
  
1:01:12  ขอให้ดูว่าจริงๆ แล้วเราทำอะไร
 
1:01:16  เราคิดแนวความคิดหนึ่งขึ้นมา...
 
1:01:22  ...แล้วเราก็พยายามกระทำ
ให้เป็นไปตามแนวความคิดนั้น
  
1:01:27  ดังนั้นจึงมีช่วงเวลาหรือมีช่องว่าง
ระหว่างความคิดกับการกระทำ
  
1:01:29   
 
1:01:33  นี่ชัดเจนใช่หรือไม่
 
1:01:35  คุณไม่เห็นด้วยกับที่พูดหรือ
 
1:01:42  ขณะนี้เราบอกว่า
มีการกระทำอีกหนทางหนึ่ง...
  
1:01:45   
 
1:01:50  ...มีการเรียนรู้อีกวิธีหนึ่ง
ซึ่งไม่มีช่วงห่างของเวลาอยู่...
  
1:01:54  ...ดังนั้นการเรียนรู้
ก็คือการกระทำ...
  
1:01:59  ...ไม่ใช่กระทำจากความรู้ในอดีต
 
1:02:05  ผมสงสัยว่าคุณจะเข้าใจไหม
ผมกำลังจะอธิบายช้าๆ
  
1:02:07  ก่อนอื่นผมต้องการทำความเข้าใจ
ระหว่างเราเสียก่อน
  
1:02:21  วิศวกรชั้นหนึ่งย่อมคุ้นเคย
กับเครื่องยนต์ที่ใช้ลูกสูบ...
  
1:02:27   
 
1:02:33  ...ซึ่งเป็นเครื่องจักร
ที่มีการเผาไหม้ภายใน
  
1:02:38  และถ้าเขาต้องการจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ
 
1:02:45  ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว สมองของเขา
เต็มไปด้วยสิ่งที่เขาเคยเรียนรู้มา...
  
1:02:51  ...เต็มไปด้วยความรู้เกี่ยวกับ
เครื่องยนต์ที่มีการสันดาปภายใน
  
1:02:55  ใช่ไหม
 
1:02:58  แต่ถ้าหากเขาต้องการจะค้นพบ
สิ่งใหม่ๆ ถอดด้ามจริงๆ...
  
1:03:00  ...เขาต้องวางความรู้เดิมๆ
ของเขาเสียก่อน
  
1:03:04  เขาต้องมีจิตใจที่เป็นอิสระ
ที่จะเฝ้าสังเกต...
  
1:03:08  ...ที่จะฟัง
ที่จะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง...
  
1:03:12  ...ซึ่งอาจจะอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
 
1:03:22  ดังนั้นสิ่งที่ต้องการ
สำหรับการเรียนรู้...
  
1:03:27  ...ซึ่งไม่ใช่เป็นแต่เพียง
การสั่งสมความรู้...
  
1:03:30  ...ก็คือจะต้องมีจิตใจ
ที่ไม่แบกความรู้เอาไว้
  
1:03:39  สมองของเราทุกคน
ต่างแบกความรู้ไว้หนักหน่วง
  
1:03:46  ลองดูความจริงนี้
 
1:03:52  ยิ่งคุณเป็นคนที่ทำตามจารีต
ยิ่งคุณอ่านตำหรับตำรามามาก...
  
1:03:56  ...มันไม่สำคัญหรอก
ว่าคุณอ่านอะไร...
  
1:03:58   
 
1:04:04  ...เพราะมันจะถูกเก็บไว้
บันทึกไว้ในสมองของคุณ...
  
1:04:09  ...ดังนั้นคุณจะไม่มีวันค้นพบ
สิ่งใหม่ๆได้เลย
  
1:04:16  ผมเคยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง...
 
1:04:20  ...ซึ่งเป็นนักเขียน
ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง...
  
1:04:23  ...เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม
เราคุยกัน และเขาพูดว่า...
  
1:04:26  ..."คุณรู้ไหม ผมอ่านหนังสือ
มาแล้วมากมาย...
  
1:04:32  ...ผมเคยอ่านปรัชญาตะวันออกทั้งหมด
ทั้งปรัญญาของชาวจีน...
  
1:04:37  ...และแน่นอนของยุโรปด้วย...
 
1:04:42  ...ผมรู้อะไรๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ มาร์กซ์และอื่นๆ...
  
1:04:46  ...จนผมไม่มีพื้นที่ว่าง
สำหรับสิ่งใหม่ๆ
  
1:04:50  คุณเข้าใจไหม
 
1:04:55  จิตใจที่ติดจมอยู่ในจารีต
ดังเช่นจิตใจของคนส่วนใหญ่...
  
1:05:04  ...ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งทอดสืบต่อๆ
กันมา จากคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่น...
  
1:05:08  ...ประเพณีที่ทำตามๆ กันมา
นิสัย ความเคยชิน พิธีกรรม การบูชา...
  
1:05:11  ...ซึ่งทั้งหมดนี้
คุณก็รู้อยู่แล้ว...
  
1:05:15  ...จิตใจเช่นนั้น
จะค้นพบสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร
  
1:05:19  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
1:05:23  ฉะนั้นการจะค้นพบ
หนทางแห่งการเรียนรู้...
  
1:05:29  ...ซึ่งไม่ใช่เป็นการสะสมความรู้...
 
1:05:33  ...เราจะต้องทิ้งหนทางอื่น
อย่างสิ้นเชิง
  
1:05:40  นั่นหมายถึง การไม่มีจารีต
ที่ทำตามๆ กันมา
  
1:05:48  คุณเต็มใจที่จะทำอย่างนั้นหรือ
 
1:05:51  เพราะจารีตประเพณี
ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างยิ่ง...
  
1:05:55  ...เราจึงติดอยู่ในกิจวัตรที่ซ้ำซาก
เหมือนเครื่องจักร...
  
1:05:59  ...คุณก็ดำเนินชีวิตเช่นนั้น
ไปเรื่อยๆ
  
1:06:05  ผมกำลังบอกอะไรบางอย่างกับคุณ...
 
1:06:07  ...จิตใจและสมองต้องเป็นอิสระ
อย่างสิ้นเชิงจากอคติ...
  
1:06:14  ...จากความคิดเห็น ความเชื่อ...
 
1:06:18   
 
1:06:26  ...จากสิ่งทั้งหมด
ที่ความคิดสร้างขึ้นในสมอง
  
1:06:31  คุณเข้าใจตรงนี้ไหม
 
1:06:33  สภาวะนั้นเป็นไปได้หรือไม่
 
1:06:39  คุณตามทันไหม
 
1:06:45  เมื่อศาสตราจารย์หรือนักวิทยาศาสตร์
ต้องการจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ...
  
1:06:52   
 
1:06:55  ..โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่สามารถจะคิด
ซ้ำๆ ซากๆ อยู่ในความรู้ของเขา
  
1:06:58  เพราะมันไร้ประโยชน์เป็นที่สุด
 
1:07:02  หากเขาต้องการค้นพบ
เขาต้องการค้นหาสิ่งที่สดใหม่...
  
1:07:06  ...ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยความคิด
 
1:07:09   
 
1:07:16  ดังนั้นก่อนอื่นเลยในการเรียนรู้
ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงการสะสมความรู้...
  
1:07:19  ...จิตใจต้องเป็นอิสระที่จะสังเกตดู
 
1:07:28  นั่นคือจิตใจที่แม้ว่าจะมีความรู้
มากมายมหาศาลแล้วก็ตาม...
  
1:07:33   
 
1:07:39  ...จะต้องมีสมรรถนะ
มีความสามารถ มีพลัง...
  
1:07:44  ...ที่จะวางความรู้นั้นลงได้
และเป็นอิสระ...
  
1:07:49  ...เพื่อว่าจิตใจ
จะเกิดการหยั่งรู้...
  
1:07:57  ...หยั่งรู้เข้าไป
ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ
  
1:08:05  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
คุณตามทันไหม
  
1:08:08  ผมอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนไหม
 
1:08:11  ถ้าไม่ชัดเจนกรุณาบอกผมด้วย
ผมจะพูดถึงมันในอีกแง่มุมที่แตกต่างกัน
  
1:08:19  เพราะเรามีชีวิตอยู่ในอดีต
ฉะนั้นเราจึงทำลายปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา
  
1:08:21   
 
1:08:29  อดีตตกแต่งแก้ไขตัวมันเองในปัจจุบัน
แล้วกลายเป็นอนาคต...
  
1:08:35  ...แต่มันก็ยังคงเป็นอดีต
อยู่นั่นเอง
  
1:08:42  ถูกต้องไหม
 
1:08:44  ผมสงสัยว่า
คุณจะตามที่พูดมาทั้งหมดทันไหม
  
1:08:47  โปรดเถิดครับ
 
1:08:52  ชีวิตของเรา ชีวิตแต่ละวันของเรา
จึงขึ้นอยู่กับกิจวัตรที่ซ้ำๆ ซากๆ...
  
1:09:03  ...เช่นการไปทำงานตลอดระยะเวลา
อีกห้าสิบปีข้างหน้า-ลองคิดดูซิ!
  
1:09:12  อีกทั้งจารีตประเพณี
ความเคยชินทางกามารมณ์ของคุณ...
  
1:09:16  ...ความเปลี่ยวเหงาของคุณ...
 
1:09:20  ...ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
การสั่งสมความรู้อันมากมายมหาศาลนี้
  
1:09:29  และจากความรู้นั้น
ซึ่งก็คืออดีตกาล เรากระทำการ
  
1:09:34  ทว่าผู้พูดกำลังพูดว่า มีการกระทำ
อีกวิถีหนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นกับอดีต
  
1:09:37   
 
1:09:47  นั่นหมายถึงจิตใจ หมายถึงสมอง
ได้ละวางความทรงจำทั้งหมดลงแล้ว
  
1:09:58  ผมจะแสดงให้คุณเห็น
ผมจะค่อยๆ ค้นเข้าไป...
  
1:10:05  ...แล้วคุณจะจับความหมายของมันได้
 
1:10:10  เมื่อไม่มีความทรงจำ
มันจึงสามารถสังเกตเห็นได้...
  
1:10:15  ...และกระทำในทันทีทันใดด้วย
 
1:10:18  ตัวการสังเกตนั่นเองคือการกระทำ
 
1:10:23  ไม่ใช่ฉันเรียนรู้ก่อน
แล้วจึงค่อยกระทำ
  
1:10:29  เพราะนั่นหมายถึงช่วงเวลา...
 
1:10:33  ...ในช่วงเวลานั่นเอง
ที่ปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมดเกิดขึ้น
  
1:10:37  ฉะนั้นความขัดแย้ง
ความปวดร้าวและอื่นๆ...
  
1:10:40  ...จึงเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
 
1:10:45  แต่ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ
การหยั่งรู้เข้าไปในโครงสร้างทั้งหมด..
  
1:10:49   
 
1:10:55  ...ของจิตสำนึกของผม
และจิตสำนึกของคุณ
  
1:10:58  ผมกำลังจะเข้าไปสืบค้นเรื่องนี้
 
1:11:00   
 
1:11:04  ในการหยั่งรู้เข้าไป
ในจิตสำนึกทั้งหมดของคุณ...
  
1:11:06  ...การหยั่งรู้นั่นเองคือการกระทำ
ที่จะขจัดเนื้อหาภายในจิตสำนึก...
  
1:11:08  ...ที่รวมตัวกันเป็นจิตสำนึก...
 
1:11:10  ...ผมหวังว่า
คุณคงจะเข้าใจสิ่งทั้งหมดนี้
  
1:11:12   
 
1:11:16  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจหรือเปล่า
 
1:11:30  คุณครับ
อะไรคือการกระทำในชีวิตของคุณ
  
1:11:35  ผมขอโทษที่ต้องกลับมาพูดเรื่องนี้
 
1:11:39  ผมต้องชัดเจนจนหมดข้อสงสัย
เมื่อมาถึงตรงนี้
  
1:11:41   
 
1:11:45  การกระทำในชีวิตคุณ
ขึ้นอยู่กับความจำ ความรู้...
  
1:11:49  ...หรือแรงจูงใจที่เกิดจาก
ความหมกมุ่นสนใจแต่ตนเองและอื่นๆ
  
1:11:59  ดังนั้นความรู้มีบทบาทหน้าที่ของมัน
 
1:12:03  แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน
ความรู้มีบทบาทด้วยหรือ
  
1:12:07   
 
1:12:13  มันสำคัญมากที่จะค้นหาในเรื่องนี้
 
1:12:18  นั่นหมายความว่าในความสัมพันธ์
มีเพียงความจำเท่านั้น...
  
1:12:26  ...แต่ความจำ ความทรงจำ
คือความรักหรือ
  
1:12:37  เมื่อคุณพูดว่า "ภรรยาของฉัน"
มันเป็นความทรงจำ
  
1:12:43  คุณมีมโนภาพของเธอ หรือของสามี...
 
1:12:45  ...หรือของเด็กผู้หญิง
คุณมีภาพพจน์ของเธอ
  
1:12:49  ความทรงจำนั้นเป็นผลิตผล
ของอุบัติการณ์...
  
1:12:53  ...ประสบการณ์และความจำในอดีต...
 
1:12:57  ...ดังนั้นหากความจำเข้ามา
ในความสัมพันธ์...
  
1:13:01  ...ความรักเกิดขึ้นไม่ได้
 
1:13:05  โดยหลักเหตุผลเป็นอย่างนั้น
 
1:13:12  ดังนั้นเรากำลังพูดว่า...
 
1:13:20   
 
1:13:25  ...การหยั่งรู้ไม่ใช่ความต่อเนื่อง
ของความจำหรือความทรงจำ
  
1:13:31  ผมกำลังจะอธิบายว่า
มันหมายความว่าอะไร
  
1:13:42  สมองของเรา ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
ทางสมอง แต่ผมได้เฝ้าดูมัน...
  
1:13:46  ...คุณลองเฝ้าดู
การทำงานของสมองของคุณเอง...
  
1:13:48  ...ถ้าคุณเฝ้าดู
คุณไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือสักเล่ม..
  
1:13:55  ...คุณสามารถเห็นมันได้ทั้งหมด
ด้วยตัวคุณเอง...
  
1:14:02  ...สมองของเรา
มีความสามารถที่จะบันทึก...
  
1:14:10  ...บันทึกอุบัติการณ์ เหตุการณ์
สิ่งที่เกิดขึ้น การหยั่งรู้...
  
1:14:14   
 
1:14:17  ...คำเยินยอ ความเจ็บปวด
 
1:14:20  มันมีความสามารถที่จะบันทึกข้อมูล
ต่างๆ เช่นเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์
  
1:14:30  ตราบใดที่เครื่องคอมพิวเตอร์
ของเรานี้ยังทำงานอยู่...
  
1:14:37  ...ก็จะไม่มีอิสรภาพในการสังเกต
 
1:14:42  กรุณาฟังสิ่งที่จะพูดนี้
 
1:14:49  ถ้าสมองกำลังบันทึก
และเก็บข้อมูลไว้เป็นความจำ...
  
1:14:52   
 
1:14:58  ...แล้วกระทำจากความจำนั้น
การกระทำนั้นย่อมเกิดขึ้นจากอดีต
  
1:15:05   
 
1:15:11  นั่นเป็นไปตามหลักเหตุผล
มันเป็นอย่างนั้น
  
1:15:14  ดังนั้นจึงมีช่วงเวลา
อยู่ระหว่างการกระทำและอดีต...
  
1:15:21  ...ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น...
 
1:15:25  ...ฉะนั้นจึงมีการปรับตัว
และมีความรู้สึกดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา...
  
1:15:31  ...เพื่อให้ใกล้เคียง
 
1:15:42  ทีนี้โปรดฟังที่จะพูดนี้
ขอให้ตั้งใจฟัง ใส่ใจฟังสัก 2 นาที...
  
1:15:45  ...สมองสามารถบันทึก
เฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น...
  
1:15:49  ...และไม่บันทึกอะไรอื่นเลย
นอกจากนั้นได้ไหม
  
1:16:00  สิ่งที่จำเป็นต้องบันทึกก็คือ
ความจำเป็นทางกายของคุณ
  
1:16:08  สิ่งที่จำเป็นก็คือการมีความรู้
ที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน...
  
1:16:17  ...เกี่ยวกับสถานที่อยู่ของคุณ
ภาษาที่คุณพูด...
  
1:16:19  ...จะขับรถยนต์อย่างไร
จะออกแบบบ้านอย่างไรและอื่นๆ...
  
1:16:23  ...หรือจะออกแบบเครื่องมือ
เครื่องจักรสำหรับฆ่าคนอย่างไร
  
1:16:38  นั่นคือ การบันทึกคือหน้าที่ของสมอง
 
1:16:45  และเราพูดว่า
บันทึกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
  
1:16:51  และทางด้านจิตใจแล้ว
อย่าบันทึกอะไรเลย
  
1:16:58  ลองดูครับ! ทำดู!
 
1:17:04  เพราะว่าความเดือดร้อน
เริ่มขึ้นที่ตรงนั้น
  
1:17:12  เมื่อในจิตใจ ฉันผูกพันอยู่กับคุณ
เพราะว่าคุณให้เงินฉัน...
  
1:17:17   
 
1:17:19  ...คุณเป็นนี่เป็นนั่นของฉัน
คุณให้ความพึงพอใจแก่ฉัน...
  
1:17:23  ...ให้ความอบอุ่น กามารมณ์
และอื่นๆ ทั้งหมดแก่ฉัน...
  
1:17:24  ...ในด้านจิตใจฉันจึงผูกพันกับคุณ
 
1:17:33  แต่ความผูกพัน
ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเอาเลย
  
1:17:40  ในขณะที่เรื่องอื่นๆ ต่างหาก
ที่จำเป็น - คุณตามทันไหม
  
1:17:44  ดังนั้นคุณเห็นถึงความสำคัญ...
 
1:17:48   
 
1:17:54  ...ของการจัดเก็บความรู้
ไว้ให้ถูกที่ถูกทางของมันไหม...
  
1:17:58  ...และเห็นไหมว่าในด้านจิตใจแล้ว
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เลย
  
1:18:04  คุณไม่เข้าใจสิ่งทั้งหมดนี้ดอกหรือ
 
1:18:07  ในเรื่องราวทั้งหมดนี้
ถ้าหากคุณสืบค้นเข้าไปมันจะสนุกมาก
  
1:18:14  สมองของคุณมีความสามารถ
ที่จะบันทึกเฉพาะสิ่งที่จำเป็น...
  
1:18:20  ...และไม่บันทึกอะไรเลย
ที่เป็นเรื่องของจิตใจ
  
1:18:27  ดังนั้นสมองจึงเป็นอิสระ
คุณเข้าใจนะ
  
1:18:31  เพราะว่ามันลงตัว
ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็น...
  
1:18:35  ...ไม่ใช่เกินความจำเป็น
มีแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น...
  
1:18:40  ...และในด้านจิตใจแล้ว
สมองไม่มีอะไรบรรจุอยู่เลย
  
1:18:48  คุณมองไม่เห็นความงดงาม
ของเรื่องนี้ดอกหรือ
  
1:18:51  ดังนั้นเมื่อสมองเป็นอิสระ...
 
1:18:55  ...มันจะสามารถรับรู้เข้าใจได้
อย่างฉับพลันทันทีและกระทำทันใด...
  
1:18:59  ...การรับรู้นั่นแหละคือการกระทำ
 
1:19:07  ตอนนี้ผมจะชี้
ให้คุณเห็นอะไรบางอย่าง
  
1:19:11  บางทีคุณอาจจะสังกัด
องค์กรศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
  
1:19:25  องค์กรของคุณ...
 
1:19:30  ...ต่างกับองค์กรศาสนาอื่นๆ
 
1:19:33  ใช่ไหม
 
1:19:36  ดังนั้นจึงมีความขัดแย้ง
ระหว่างองค์กรทั้งสอง...
  
1:19:38  ...หรือคุณยอมทน
อยู่กับทั้งสององค์กร...
  
1:19:39  ...หรือคุณปรับตัว
ให้เข้ากับทั้งสององค์กร
  
1:19:43  แต่จะมีสององค์กรอยู่ตลอดเวลา
 
1:19:47  ฉะนั้นจะต้องเกิดความขัดแย้ง
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  
1:19:53  ทุกๆ องค์กรศาสนา
มีสิ่งนี้อยู่เป็นพื้นฐาน
  
1:19:58  ทีนี้เมื่อหยั่งรู้
เข้าไปในเรื่องนี้...
  
1:20:00  ...และไม่สังกัด
องค์กรศาสนาใดๆ อีกเลย
  
1:20:06  คุณเข้าใจที่ผมกำลังพูดอยู่ไหม
 
1:20:12  ตัวการหยั่งรู้นั่นเองที่ขจัดมายา
ของการเข้าสังกัดอะไรบางอย่าง...
  
1:20:18  ...สังกัดองค์กรศาสนาหนึ่ง
 
1:20:24  นั่นคือการหยั่งรู้
 
1:20:26  ซึ่งคือการสังเกต
อย่างเป็นอิสระเต็มที่
  
1:20:32  เมื่อนั้นเนื้อแท้ทั้งมวล
ขององค์กรจะเปิดเผยให้เห็น...
  
1:20:36  ...และมันก็สิ้นสุดลง
 
1:20:39  แล้วคุณจะไม่สังกัดองค์กรศาสนาใดๆ
อีกเลย แม้เพียงองค์กรเดียว...
  
1:20:42   
 
1:20:45  ...หรือแม้แต่องค์กรทางการเมือง
ซึ่งในปัจจุบันมีความสำคัญยิ่งกว่า..
  
1:20:47   
 
1:20:52  ...เพราะว่าคุณเกี่ยวเนื่อง
อยู่กับคนโดยทั้งหมด...
  
1:20:56  ...มันเป็นปัญหาของโลก ไม่ใช่ปัญหา
ของประเทศอินเดีย อเมริกาหรือรัสเซีย
  
1:21:01  มันเป็นปัญหาของทั้งโลก
ซึ่งก็คือปัญหามนุษย์
  
1:21:06  ทีนี้ถ้าผมได้สื่อสิ่งนี้แก่คุณ...
 
1:21:09  ...ถ้าผู้พูดได้สื่อความเป็นจริง
ของการหยั่งรู้นี้...
  
1:21:16  ขอให้ระมัดระวัง
เกี่ยวกับเรื่องนี้...
  
1:21:22  ...เพราะการหยั่งรู้ไม่ใช่
สิ่งเกิดขึ้นเหมือนๆ เดิมไปเรื่อยๆ..
  
1:21:25  ...ถ้าอย่างนั้น
มันก็กลายเป็นความจำ...
  
1:21:29  ...มันก็จะจากไป
มันก็จบกัน
  
1:21:32  คุณไม่อาจที่จะใช้มันเพื่อตัวคุณเอง
 
1:21:39  คุณเข้าใจไหม
การหยั่งรู้เข้าไปในความกลัวของคุณ..
  
1:21:43  ...ซึ่งเราจะพูดถึงเรื่องนี้
ในอีกสองสามวันข้างหน้า...
  
1:21:44  ...เมื่อเราสืบค้นไปด้วยกัน
 
1:21:46  ในการหยั่งรู้เข้าไป
ในความสุขเพลิดเพลิน ในความตาย...
  
1:21:49   
 
1:21:51  ...เพื่อที่คุณจะเห็นความจริงของมัน
ไม่ใช่เป็นความเชื่อของคุณ...
  
1:21:53  ...ไม่ใช่อคติของคุณ
ไม่ใช่ข้อสรุปของคุณ...
  
1:21:58  ...ไม่ใช่การสร้างจินตนาการ
ที่เป็นมายาของคุณ...
  
1:22:04  ...แต่ความจริงแท้ของมัน
 
1:22:13  ดังนั้นนั่นคือ
วิถีทางของการเรียนรู้...
  
1:22:17  ...ซึ่งเกิดขึ้นจากขณะหนึ่ง
ไปอีกขณะหนึ่ง
  
1:22:21  คุณเข้าใจไหม
ความรักคือสิ่งนั้น
  
1:22:26   
 
1:22:41  เราพูดกันมา
ถึงหนึ่งชั่วโมงยี่สิบห้านาทีแล้ว
  
1:22:44  น่าจะพอแล้ว ใช่ไหม
 
1:22:47  พรุ่งนี้เวลาห้าโมงเย็น
เราจะพูดกันต่อ