RV84DS3 - อะไรคือสาเหตุของความฉ้อฉลเสื่อมทราม
สนทนากับนักเรียนที่โรงเรียน Rishi Valley อินเดีย ครั้งที่ 3
วันที่ 20 ธันวาคม 1984
0:38 | K: พวกเธออยากคุย |
เกี่ยวกับเรื่องอะไร | |
0:43 | S: ความภูมิใจครับ |
0:47 | K: พวกเธอภูมิใจ |
0:50 | อย่างนั้นหรือ |
0:51 | S: เป็นบางครั้ง |
0:53 | K: บางครั้ง |
0:54 | ทำไมล่ะ |
0:57 | แล้วเธอภูมิใจเกี่ยวกับอะไร |
1:00 | S: ความสำเร็จบางอย่าง |
1:03 | K: ความสำเร็จ |
1:05 | พวกเธอประสบความสำเร็จอะไรมาหรือ |
1:09 | หรือว่าพวกเธอชื่นชม |
คนที่เขาประสบความสำเร็จ | |
1:15 | หรือว่าตัวเธอเอง |
ต้องการประสบความสำเร็จ | |
1:22 | นั่นคือสิ่งที่พวกเธอ |
อยากจะสนทนาหรือ | |
1:26 | ความภูมิใจ การบรรลุผล ความสำเร็จ |
เงินตรา ตำแหน่ง อำนาจ | |
1:33 | นั่นคือสิ่งที่พวกเธอทุกคน |
ต่างต้องการไม่ใช่หรือ | |
1:44 | พวกเธอทุกคนอาจจะ |
ต้องการสิ่งเหล่านั้น | |
1:46 | อย่าหลอกตัวเองเลย |
1:51 | พวกเธอทุกคน |
ต่างต้องการสิ่งเหล่านั้น | |
1:54 | S: ไม่หรอกครับ |
เราทุกคนต้องการสิ่งเหล่านั้น | |
1:58 | เพราะเราไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ |
ในโลกนี้ได้ หากปราศจากสิ่งเหล่านั้น | |
2:04 | K: ในเวลานี้ เธอบอกว่า |
2:06 | เราไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ |
หากไม่มีสิ่งเหล่านั้น | |
2:08 | พวกเธอรู้ได้อย่างไร |
2:10 | S: ไม่ว่าที่ไหนๆ |
คุณก็จะเห็นคนจน... | |
2:14 | K: เธอมานั่งตรงนี้เถอะ |
2:22 | S: ไม่ว่าที่ไหนก็ตามจะเห็นคนจน |
หรืออะไรก็ตามแต่ | |
2:25 | พวกเขาจะโต้เถียงต่อว่าคุณ |
ถ้าคุณไม่ให้อะไรเขาเลย | |
2:28 | หรือถ้าคุณพยายามทำให้เขาเป็นคนดี |
2:30 | พวกเขาก็จะไม่ให้ความนับถือ |
คุณเหมือนกัน | |
2:32 | K: แล้วพวกเธออยากเป็นแบบไหนล่ะ |
2:35 | S: เป็นอะไรก็ได้ที่เราได้รับ |
ความนับถือเพียงพอ | |
2:36 | ที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข |
2:40 | แต่ไม่จำเป็นต้องนับถือมากเกินไป |
2:45 | K: เธอพูดถูกทีเดียว |
ไม่จำเป็นต้องมากเกินไป | |
2:49 | แต่เพียงพอสำหรับ |
การดำเนินชีวิตที่สุขสบาย | |
2:52 | และมีความสุข อย่างนั้นใช่ไหม |
2:53 | S: ครับ |
2:56 | K: นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการใช่ไหม |
S: ครับ | |
2:58 | K: ถ้าเช่นนั้นก็แสวงหามันสิ |
3:00 | S: แต่มันไม่ง่ายนักหรอก |
3:03 | นอกจากจะพยายามและทำให้ได้มันมา |
3:09 | K: มีคำถามอื่นๆ อีกไหม |
3:12 | S: ความแตกต่างระหว่างสมาธิ |
และการเพ่งจิตจดจ่อคืออะไร | |
3:17 | S: ความแตกต่างระหว่างสมาธิ |
และการเพ่งจิตจดจ่อคืออะไร | |
3:32 | K: ฉันเข้าใจ |
3:35 | K: เธออยากจะสนทนา |
เกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ หรือ | |
3:38 | หรือว่าแค่เล่นสนุก |
3:47 | หรือเพียงอยากจะคุยเล่นในสิ่งที่ |
ตัวฉันเองก็สนใจ ใช่อย่างนั้นไหม | |
3:52 | เธอต้องการจะรู้จริงๆ หรือว่า |
อะไรคือสมาธิและการเพ่งจิตจดจ่อ | |
3:58 | ก็ได้ |
4:05 | ถ้าเธอต้องการจริง |
4:10 | แต่พวกเธอพร้อมจะให้ความสนใจ |
ในสิ่งที่ฉันจะพูดไหม | |
4:14 | S: พร้อมครับ |
4:15 | K: อย่าพูดว่าครับ |
แล้วทำท่ากระวนกระวายอย่างนั้น | |
4:20 | เธอต้องการที่จะสนทนา |
เรื่องนี้กันจริงๆ หรือเปล่า | |
4:23 | นี่เป็นหัวข้อที่จริงจังมากๆ |
4:30 | เธอคิดว่าการเพ่งจิตจดจ่อคืออะไร |
4:35 | S: อะไรบางอย่างที่เราต้องการ |
ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันจริงๆ | |
4:41 | ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง สืบค้นลึกลงไป |
4:44 | ใคร่ครวญเกี่ยวกับมัน |
อย่างลึกซึ้งที่สุด | |
4:46 | K: คิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง |
4:48 | S: คิดอย่างลึกซึ้ง |
4:49 | K: คิดอย่างลึกซึ้ง |
เธอหมายความว่าอย่างไร | |
4:53 | S: อะไรบางอย่างที่เราต้องการ |
ให้ใจเราจดจ่ออยู่กับมัน | |
5:01 | K: มานั่งที่นี่เถอะ |
5:11 | สิ่งที่เธอต้องการให้ใจเธอ |
จดจ่ออยู่กับมัน | |
5:15 | ใช่ไหม |
5:17 | แล้วเธอเคยลองทำดูบ้างหรือยัง |
5:21 | เมื่อเธอต้องการมองดอกไม้ |
อ่านหนังสือ | |
5:27 | หรือฟังสิ่งที่อาจารย์ของเธอพูด |
5:34 | พวกเธอเคยมองดอกไม้ |
5:39 | หรือฟังสิ่งที่อาจารย์ของเธอ |
กำลังบอกเธอ | |
5:43 | ฟังเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน |
หรือใส่ใจจดจ่อกับหนังสือบ้างไหม | |
5:44 | เคยไหม |
5:50 | S: เป็นบางครั้ง |
5:51 | K: เป็นบางครั้ง |
5:52 | แล้วสภาวะเช่นนั้นเกิดขึ้นเมื่อใด |
5:54 | เมื่อพวกเธอรู้สึกชอบสิ่งนั้นใช่ไหม |
5:59 | S: ใช่ครับ |
6:04 | K: ทีนี้ เมื่อเป็นสิ่งที่เราชอบ |
เราก็จะให้ความสนใจ ใส่ใจ | |
6:09 | ใช้ความคิด ใช้พลังงานของเรา |
ในการสังเกตสิ่งนั้นใช่ไหม | |
6:16 | ที่เรียกกันทั่วไปว่าการพินิจ |
การตั้งจิตจดจ่อ การตั้งสมาธิ | |
6:19 | นั่นคือการที่พวกเธอเพ่งจิตจดจ่อ |
อยู่กับหนังสือที่กำลังอ่าน | |
6:27 | หรืออะไรก็ตามที่เธอกำลังมองดู |
อย่างสนอกสนใจ | |
6:30 | ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ |
6:34 | หรือสิ่งที่เพื่อนเธอ |
หรือที่อาจารย์บอกเธอใช่ไหม | |
6:40 | S: ครับ |
6:44 | K: แล้วพวกเธอเคยมองอะไร |
อย่างพินิจพิเคราะห์ | |
6:49 | จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น |
เป็นเวลานานๆ บ้างไหม | |
6:55 | ไม่ใช่เพียงชั่วครู่นะ |
แต่เป็นเวลานานๆ | |
7:00 | เคยบ้างหรือเปล่า |
7:03 | S: ไม่ทราบครับ |
7:04 | K: ถ้าเช่นนั้นลองทำเดี๋ยวนี้เลย |
7:09 | ลองใส่ใจฟังในสิ่งที่ใครคนหนึ่ง |
กำลังพูดกับพวกเธอให้ดีๆ | |
7:17 | หรือลองมองดอกไม้พวกนั้น |
7:29 | โดยไม่ปล่อยให้ความคิดอื่น |
แทรกเข้ามา | |
7:33 | นั่นคือความหมายของการเพ่งจิตจดจ่อ |
คือการเอาใจจดจ่อ | |
7:37 | และทุ่มเทความสนใจทั้งหมด |
ต่อสิ่งที่คุณกำลังฟัง | |
7:43 | ฟังหรือกำลังอ่าน |
หรือสิ่งที่กำลังมอง | |
7:46 | เช่น ดูจิ้งจกที่กำลังไต่ตามฝาผนัง |
7:53 | กำลังลองทำกันอยู่หรือเปล่า |
7:57 | S: ครับ |
K: ดี | |
8:00 | เมื่อทำดูแล้วเกิดอะไรขึ้น |
8:06 | S: พวกเราเข้าใจแล้ว |
8:09 | K: ไม่ใช่เพียงบอกว่าเข้าใจเท่านั้น |
แต่จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น | |
8:15 | เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง |
พวกเธอลองคิดพิจารณากันก่อน | |
8:22 | เธอมาจากไหน |
8:26 | S: บังกาลอร์ ครับ |
8:28 | K: เมืองบังกาลอร์ |
8:31 | K: ฉันได้เด็กผู้ชายมา 2 คนแล้ว |
8:35 | ทีนี้ขอผู้หญิงสัก 2 คนเถอะนะ |
8:39 | เอาล่ะ ตอนนี้เขาอยากจะรู้ว่า |
อะไรคือความแตกต่าง | |
8:43 | ระหว่างการเพ่งจิตจดจ่อกับสมาธิ |
8:53 | ใช่ไหม |
8:55 | |
8:58 | พวกเธอไม่รู้จักความหมาย |
ของคำว่าสมาธิ ว่ามันคืออะไร | |
9:00 | และก็ไม่รู้ความหมายของคำว่า |
การเพ่งจิตจดจ่อด้วยไม่ใช่หรือ | |
9:05 | S: ตอนนี้ ผมรู้แล้วครับ |
9:07 | K: เธอรู้ เพราะว่า |
ฉันอธิบายให้เธอเข้าใจ | |
9:10 | การเพ่งจิตจดจ่อ |
หมายถึงการพุ่งความคิด | |
9:14 | และพลังงานของเธอ |
ไว้กับบางสิ่งบางอย่าง | |
9:22 | S: ค่ะ... |
9:27 | K: มานี่เถอะ |
9:32 | ช่วยกันขยับให้เธอหน่อย |
9:38 | เธอตัวใหญ่นะ |
9:45 | S: แต่มันยากไม่ใช่หรือ |
ที่เราจะเพ่งจิตจดจ่อต่ออะไรบางอย่าง | |
9:48 | โดยไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดๆ |
เข้ามาในใจเลย | |
9:50 | K: นั่นแหละเป็นประเด็นที่สำคัญมาก |
9:52 | ตั้งใจฟังให้ดีนะ |
9:55 | มันยากไม่ใช่หรือที่จะเพ่งจิตจดจ่อ |
ต่อบางสิ่งบางอย่าง | |
10:00 | โดยไม่มีความคิดอื่นสอดแทรกเข้ามา |
10:04 | S: ผมคิดว่ามันยากครับ |
10:06 | K: ใช่แล้วมันยาก |
10:08 | แล้วทีนี้พวกเธอจะแก้ปัญหา |
อย่างไรล่ะ | |
10:13 | S: เราพยายามที่จะกีดกัน |
ความคิดอื่นๆ ออกไป | |
10:15 | K: กันความคิดอื่นๆ ออกไป |
10:17 | แล้วใครที่เป็นคน-อย่าดีกว่า |
ฉันจะไม่ทำให้มันซับซ้อนสำหรับพวกเธอ | |
10:22 | เอาละทีนี้เมื่อพวกเธอ |
รวบรวมความสนใจอยู่ที่หนังสือ | |
10:28 | และความคิดอื่นก็แทรกเข้ามา |
ใช่ไหม | |
10:30 | S: ครับ |
10:33 | แล้วทีนี้พวกเธอทำอย่างไร |
10:38 | S: พยายามที่จะกันไม่ให้ |
ความคิดเข้ามารบกวน | |
10:40 | K: เธอพยายามที่จะ |
ผลักความคิดอื่นๆ ออกไป | |
10:45 | แล้วทีนี้เกิดอะไรขึ้น |
ในการทำเช่นนั้น | |
10:49 | ฉันเพ่งจิตจดจ่อกับเรื่องๆ หนึ่ง |
ความคิดแทรกเข้ามา | |
10:55 | แล้วฉันพยายามที่จะผลักมันออกไป |
10:58 | แล้วความคิดอื่นก็แทรกเข้ามาอีก |
11:01 | ฉันเก็บความคิดอันนี้ไว้ |
ใช่หรือไม่ | |
11:04 | K: ถูกไหม |
S: ใช่ครับ | |
11:06 | K: พวกเธอฟังสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า |
11:09 | ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนะ |
11:13 | S: ผมกำลังนึกหาคำตอบ |
ที่ถูกต้องที่คุณจะตอบให้ | |
11:19 | K: อะไรนะ |
11:21 | S: ผมกำลังคิดหาคำตอบที่ถูกต้อง |
ของคุณในเรื่องที่เราคุยกันอยู่นี้ | |
11:22 | |
11:25 | K: พ่อหนุ่ม ฉันบอกเธอว่าเมื่อเธอ |
เพ่งจิตจดจ่อต่อบางสิ่งบางอย่าง | |
11:28 | ความคิดอื่นก็จะแทรกเข้ามา |
11:32 | ใช่ไหม |
11:36 | จากนั้นเธอก็พยายามที่จะกัน |
ความคิดนั้นออกไป | |
11:40 | |
11:42 | แล้วก็พยายามที่จะตั้งสมาธิ |
มันเกิดขึ้นอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา | |
11:45 | S: แล้วทำไม |
ความคิดเหล่านั้นจึงเข้ามา | |
11:47 | K: เดี๋ยวก่อน ฉันกำลังจะ |
มาถึงตรงนั้นอยู่เดี๋ยวนี้แหละ | |
11:50 | ก่อนอื่นมองให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น |
11:53 | เธอต้องการจะจดจ่อ |
กับบางสิ่งบางอย่าง | |
11:56 | แต่ความคิดเข้ามามากมาย |
แล้วเธอกันความคิดอื่นๆ ออกไป | |
12:02 | แต่มันก็กลับเข้ามาอีก |
เธอก็พยายามกันมันออกไปอีก | |
12:06 | ดังนั้น จริงๆ แล้ว |
เธอไม่อาจจะจดจ่อได้เลย | |
12:11 | เพราะว่าความคิดต่างๆ นานา |
เข้ามารบกวน | |
12:14 | และเขาก็ถามว่าทำไมความคิดจึงเข้ามา |
12:18 | K: ใช่หรือเปล่า |
S: ใช่แล้ว | |
12:19 | K: เธอลองบอกฉันสิ |
ทำไมความคิดเหล่านั้นจึงเข้ามา | |
12:22 | แล้วฉันจะบอกเธอ |
12:24 | S: ผมคิดว่า |
เพราะเราคิดถึงสิ่งเหล่านั้น | |
12:27 | เมื่อเรากำลังทำอะไรสักอย่าง |
มันก็มีเรื่องอื่นๆ เกิดขึ้นด้วย | |
12:32 | แล้วเราเองก็จะคิด |
เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ | |
12:34 | K: ใช่ นั่นแหละ |
เธอตั้งใจที่จะตั้งจิตจดจ่อ | |
12:36 | แต่เธอก็ยังคิดถึงเรื่องอื่นอีกด้วย |
12:39 | K: อย่างนี้ใช่ไหม |
S: ใช่ครับ | |
12:40 | K: ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ได้ |
12:45 | S: ถ้าคุณกำลังครุ่นคิด |
กำลังเพ่งจิตจดจ่อ… | |
12:53 | K: มานี่เถอะ มานั่งตรงนี้ |
12:56 | ขอโทษด้วยนะที่มีผู้ชาย3 คน |
ผู้หญิงคนเดียว | |
13:01 | S: เวลาที่เราพยายาม |
จดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่าง | |
13:05 | เราคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเราควรจะกัน |
ไม่ให้ความคิดอื่นแทรกเข้ามา | |
13:08 | แต่มันก็เข้ามาจนได้ |
13:09 | K: ถูกต้อง แล้วความคิดเหล่านั้น |
เข้ามาได้อย่างไร | |
13:12 | S: เพราะว่าคุณยังคงคิดถึง |
สิ่งเหล่านั้นอยู่อีก | |
13:14 | K: แต่คุณก็คิดถึง |
การตั้งจิตจดจ่อด้วย | |
13:19 | S: เพราะว่าเรากดข่มมันไว้ |
13:23 | K: นั่นแหละ |
13:25 | ถูกต้องแล้ว |
13:27 | เธอเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมาไหม |
13:30 | ยังไม่ค่อยเข้าใจหรือ |
13:33 | เธอพยายามที่จะให้ |
จิตจดจ่ออยู่เรื่องหนึ่ง | |
13:36 | แล้วความคิดอื่นก็เข้ามา |
13:39 | จากนั้นเธอก็พยายามห้าม |
ความคิดเหล่านั้นไม่ให้เข้ามา | |
13:42 | เพื่อคิดเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว |
13:45 | ใช่หรือไม่ |
13:51 | แล้วเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอพยายาม |
ที่จะห้ามความคิดอื่นเหล่านั้น | |
13:56 | ฉันห้ามความคิดหรือข่มมัน |
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย | |
14:00 | เหมือนกินอาหารเสียๆ เข้าไปจนอิ่ม |
14:02 | แล้วก็พยายามที่จะกลั้น |
ความรู้สึกเจ็บปวด | |
14:05 | ทำไมต้องทำเช่นนั้น |
14:08 | ทำไมจึงต้องมีการกดข่ม |
ทำไมเธอจึงกดข่ม | |
14:11 | S: เพราะเราคิดว่ามันจะดีขึ้น |
ถ้าคุณสะกดกลั้นความคิด | |
14:13 | มันจะไม่กลับเข้ามารบกวนคุณอีก |
14:15 | ดังนั้นคุณจึงต้องกดข่มมันเอาไว้ |
14:17 | K: ใช่แล้ว |
14:18 | แต่เขาบอกว่ายิ่งกดมัน |
ความคิดมันก็ยิ่งจะกลับเข้ามา | |
14:24 | ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะกดข่ม |
14:27 | ถูกไหม |
14:30 | มันไม่ถูกต้องและ |
ไร้ประโยชน์ที่จะกดข่มความคิด | |
14:35 | แล้วทีนี้จะทำอย่างไรต่อไปล่ะ |
14:43 | S: ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับ |
สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง | |
14:46 | ย่อมจะไม่มีความคิดอื่นเข้ามาครับ |
14:48 | K: แต่ยังมีความคิดอื่นเข้ามา |
14:50 | |
14:53 | S: แต่เมื่อคุณคิดอย่างจริงจัง |
โดยไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย | |
14:54 | แล้วความคิดอย่างอื่น |
จะเข้ามาได้อย่างไรครับ | |
14:56 | K: ทีนี้ เธอจะไม่พยายาม |
ที่จะทำความเข้าใจหรือว่า | |
14:58 | ทำไมความคิดต่างๆ |
จึงมักจะวนเวียนกลับไปกลับมา | |
15:02 | ใช่ไหม |
15:03 | เธอจะไม่ถามคำถามนี้หรือ |
15:07 | S: คุณครับ... |
15:13 | ในเมื่อเรากดข่มความคิดเอาไว้ |
แต่ความคิดก็แทรกเข้ามา | |
15:17 | เราควบคุมมันไม่ได้ |
15:21 | เราจึงเสียสมาธิที่ต้องการให้ |
จดจ่อตั้งมั่น | |
15:24 | ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอย่างไร |
เป็นไปได้ไหมที่เราจะปล่อยมันไว้เฉยๆ | |
15:28 | ความคิดเหล่านั้น |
ก็จะอันตรธานหายไปเอง | |
15:33 | K: ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอพูดนัก |
15:38 | S: ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย |
ต่อความคิดอื่นที่แทรกเข้ามา | |
15:41 | มันจะหายไปเองหรือเปล่า |
15:45 | นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง |
หรือครับ | |
15:53 | K: มานั่งตรงนี้เถอะ |
16:02 | แล้วทำตัวสบายๆ |
16:18 | นี่เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนมาก |
16:25 | คนส่วนใหญ่ทั้งผู้ใหญ่ คนหนุ่มสาว |
16:29 | ได้รับการบอกกล่าวมาตั้งแต่เด็กว่า |
16:33 | -พวกเธอฟังอยู่หรือเปล่า ฟังดีๆ นะ- |
16:38 | ให้รวบรวมสมาธิให้จิตจดจ่อ |
16:42 | ใช่ไหม |
16:45 | เวลาที่เธออยากจะมองออกไป |
นอกหน้าต่าง | |
16:47 | แต่ครูของเธอก็บอกว่า |
ให้ตั้งใจอ่านหนังสือ | |
16:52 | แต่สิ่งที่เธอสนใจจริงๆ |
คือจิ้งจกบนกำแพง | |
16:57 | ใช่ไหม |
17:00 | แล้วครูของเธอบอกว่า |
อย่ามองสิ่งอื่น ให้สนใจในหนังสือ | |
17:08 | ดังนั้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก |
สิ่งที่คุณสนใจจริงๆ | |
17:11 | ก็คือการมองจิ้งจก |
17:15 | แต่ครูจะบอกให้เด็กๆ |
จดจ่อและพุ่งสมาธิอยู่ที่หนังสือ | |
17:18 | S: ใช่ครับ |
17:21 | K: แต่ถ้าฉันเป็นครูของพวกเธอ |
17:26 | |
17:27 | |
17:34 | ฉันจะบอกให้พวกเรา |
มามองดูจิ้งจกด้วยกัน | |
17:35 | ฉันจะไม่พยายามบังคับ |
ให้พวกเธอดูแต่หนังสือ | |
17:41 | พวกเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉัน |
กำลังพูดหรือเปล่า | |
17:43 | S: ครับ |
17:44 | K: นั่นก็คือ เธอกำลัง |
มองดูจิ้งจกตัวนั้น | |
17:48 | (แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีจิ้งจก) |
17:53 | และเธอก็สนใจจิ้งจก ไม่ใช่หนังสือ |
18:00 | ดังนั้น หากฉันเป็นครู |
ก็จะบอกพวกเธอว่า | |
18:03 | ให้เราเฝ้าดูจิ้งจกตัวนั้นด้วยกัน |
18:09 | มองอย่างระมัดระวังละเอียดถี่ถ้วน |
ดูว่ามันเกาะกับผนังอย่างไร | |
18:14 | |
18:18 | อุ้งเล็บมันมีกี่นิ้ว |
ดูหัว ดูตา ของมัน | |
18:23 | ใช่ไหม |
18:24 | ฉันควรจะช่วยให้เธอได้มองดูอะไรๆ |
มากไปกว่าดูแต่หนังสือ | |
18:30 | S: ผมมีคำถามหนึ่งครับ |
18:32 | K: อะไรล่ะ |
18:34 | S: สภาพในห้องเรียนนั้น |
เด็กๆ จะมีอาการวอกแวก | |
18:38 | ถูกดึงดูดความสนใจ |
ให้หันเหออกไปในเวลาที่แตกต่างกัน | |
18:41 | เช่น ผมวอกแวกเบี่ยงเบน |
ความสนใจในเวลาหนึ่ง | |
18:43 | ขณะที่คนอื่นๆ ก็อาจจะถูกดึง |
ให้หันเหไปในเวลาอื่น | |
18:46 | ถ้าครูต้องคอยใส่ใจสิ่งที่ |
เข้ามาหันเหความสนใจทุกๆ ครั้งไป | |
18:49 | แล้วครูจะสอนเนื้อหาทั้งหมด |
ได้อย่างไรกัน | |
18:51 | K: ก็ฉันกำลังชี้ให้เห็นอยู่นี่ไง |
18:57 | พวกเธอนี่ฉลาดมากกันทุกคนเลย ใช่ไหม |
19:04 | K: พวกเธอมาจากที่ไหนกัน |
S: จากมัทราสครับ | |
19:07 | S: พ่อแม่ของผมอยู่ที่เมืองแซมเบีย |
19:14 | ก่อนอื่นให้เข้าใจก่อนว่า |
ไม่มีสิ่งที่ทำให้วอกแวก | |
19:22 | อย่าไปเรียกมันว่าเป็น |
สิ่งรบกวนให้วอกแวกเลย | |
19:26 | สิ่งสำคัญก็คือพวกเธอเฝ้ามองดู |
ให้ความใส่ใจและฟังอย่างตั้งใจ | |
19:30 | นั่นแหละที่สำคัญ |
ไม่มีสิ่งที่ทำให้วอกแวก | |
19:35 | อย่าใช้คำนี้เลย |
19:38 | ใช่ไหม |
19:42 | ทีนี้ฉันจะช่วยให้เธอมองดูจิ้งจก |
19:46 | หรือว่ามองดูเด็กชายที่นั่งไม่นิ่ง |
19:52 | มือไม้ขยุกขยิกอยู่ตรงนั้น |
19:54 | ใช่ไหม |
19:56 | สิ่งที่ฉันจะช่วยเธอ - ไม่ใช่ช่วย |
แต่สิ่งที่ฉันพยายามจะแสดงแก่เธอ | |
20:00 | ก็คือเมื่อใดที่เธอ |
ให้ความใส่ใจต่อบางสิ่ง | |
20:03 | ไม่สำคัญว่ามันจะถูกหรือผิด |
20:08 | เมื่อนั้นเธอจะสามารถ |
ให้ความใส่ใจกับหนังสือได้ | |
20:14 | เข้าใจหรือยัง |
20:15 | S: ครับผม |
20:16 | K: แน่ใจนะ |
S: แน่ใจครับ | |
20:18 | K: นั่นคือ เมื่อเธอใส่ใจ |
กับจิ้งจกตัวนั้น | |
20:22 | เธอได้เรียนรู้ศิลปะแห่งการใส่ใจ |
20:30 | และฉันจะช่วยให้เด็กๆ ทุกคน |
20:32 | 15 หรือ 20 คนที่อยู่กับฉัน |
ให้รู้จักใส่ใจ | |
20:40 | เมื่อไหร่ที่มีความใส่ใจ |
20:44 | ก็จะไม่มีสิ่งใดที่เป็น |
สิ่งรบกวนให้วอกแวก | |
20:49 | S: แล้วทำไมครูไม่ทำเช่นนั้น |
20:52 | สมมติว่าเราถูกรบกวน |
ให้วอกแวกในชั้นเรียน | |
20:54 | K: ไม่มีสิ่งที่รบกวนให้วอกแวก |
20:56 | อย่าเรียกมันว่า |
การถูกรบกวนให้วอกแวก | |
20:58 | S: สมมติว่าเราต้องการจะดู |
อะไรบางสิ่งบางอย่าง | |
21:00 | ทำไมครูจึงไม่ช่วยเราให้มองสิ่งนั้น |
21:05 | K: ถามพวกเขาดู |
21:09 | ฉันกำลังบอกเธอ |
-มานี่เถอะ- | |
21:14 | เด็กผู้หญิงสองคนนั้น |
21:16 | มานั่งตรงนี้กันดีกว่า |
21:22 | S: ค่ะ |
21:24 | ไม่เขินกันใช่ไหม |
S: ไม่ค่ะ | |
21:26 | K: ดี |
21:28 | ทีนี้เธอถามว่าทำไมครูของพวกเธอ |
จึงไม่บอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเธอ | |
21:32 | ใช่ไหม |
S: ใช่ค่ะ | |
21:34 | ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกพวกเธอล่ะ |
21:37 | S: หนูคิดว่าพวกเขาต้องการจะสอน |
21:39 | สิ่งที่ต้องสอนให้เสร็จจบลุล่วงไป |
21:41 | K: ถูกต้องแล้ว |
21:43 | พวกเขาต้องการที่จะสอนให้มันจบๆ ไป |
21:45 | พวกเขาเบื่อ เธอเองก็เบื่อ |
21:51 | ใช่ไหม |
21:52 | พวกเขาต้องการถ่ายทอด |
สิ่งที่ต้องสอนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว | |
21:56 | เพื่อจะได้สอนเรื่องอื่นต่อไป |
หรือสอนในชั่วโมงต่อไป | |
22:00 | พูดได้ว่าพวกเขาเบื่อการสอน |
22:04 | ถูกต้องไหม |
22:05 | ทีนี้ เราก็ถามเขาดูสิว่า |
ทำไมพวกเขาจึงรู้สึกเบื่อหน่าย | |
22:10 | ทำไมพวกเขาจึงต้องการสอนให้จบเร็วๆ |
22:13 | ทำไมพวกเขาจึงไม่ช่วยให้เกิด |
ความสนใจ รู้จักใส่ใจ | |
22:18 | เธอเข้าใจไหม |
22:20 | ถ้าเธอใส่ใจอยู่กับจิ้งจกตัวนั้น |
เธอก็จะได้เรียนรู้ศิลปะของการใส่ใจ | |
22:24 | ใช่ไหม |
22:28 | เข้าใจแล้วหรือยัง |
22:31 | จากนั้นเธอก็จะสามารถ |
ใส่ใจในหนังสือได้ | |
22:36 | โดยไม่มีอะไรเป็นสิ่งรบกวนให้วอกแวก |
22:39 | S: แต่… |
22:40 | K: เดี๋ยวก่อนๆ |
22:42 | ฉันยังพูดไม่จบ |
22:49 | ถ้าฉันเป็นครูของพวกเธอ |
22:59 | ฉันจะชี้ให้พวกเธอเห็น |
อย่างรอบคอบถี่ถ้วน | |
23:04 | ว่าความใส่ใจคืออะไร |
23:07 | ถูกต้องไหม |
23:08 | การใส่ใจคือ |
การให้พลังงานอย่างเต็มที่ | |
23:14 | ใส่ใจอย่างสมบูรณ์ |
ต่อสิ่งที่พวกเธอกำลังมองดูอยู่ | |
23:19 | เข้าใจไหม |
23:21 | และถ้าเธอเรียนรู้มันได้ |
23:26 | เธอก็จะสามารถเรียนรู้ได้ว่า |
จะให้ความใส่ใจกับหนังสือเรียนอย่างไร | |
23:28 | S: ครับ |
23:30 | S: บางทีเราอาจจะสนใจ |
จิ้งจกอย่างเดียว | |
23:32 | อาจไม่ต้องการที่จะเรียนหนังสือ |
ไม่สนใจการเรียนของเรา | |
23:34 | K: บางคนอาจจะไม่ชอบเรียนหนังสือ |
23:37 | ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเรียน |
23:40 | S: แล้ว… |
23:41 | K: ค้นหาสิ |
23:45 | เรียนรู้ |
23:47 | ค้นหาว่าทำไม |
เธอจึงไม่อยากอ่านหนังสือ | |
23:53 | ทีนี้ฟังฉันให้ดี |
24:00 | เราได้คุยกันเกี่ยวกับ |
การเพ่งจิตจดจ่อ | |
24:04 | นั่นคือการที่เธอคิด |
24:10 | และให้ความใส่ใจต่อบางสิ่งบางอย่าง |
แล้วความคิดอื่นก็แทรกเข้ามา | |
24:15 | และเธอก็กันความคิดเหล่านั้นออกไป |
24:18 | ความขัดแย้งอย่างนี้ |
จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา | |
24:23 | เธออยากจะให้ความสนใจกับเรื่องหนึ่ง |
แต่ความคิดก็เข้ามา | |
24:26 | ดังนั้นสมองของเรา |
จึงคิดจ้อฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา | |
24:31 | มันคิดจ้อพึมพำอยู่ข้างในไม่จบสิ้น |
24:33 | ใช่ไหม |
24:34 | เข้าใจแล้วหรือยัง |
24:37 | แล้วคำว่าสมาธิ |
24:43 | เธอรู้ไหมว่าคำๆ นี้หมายถึงอะไร |
เคยได้ยินมาก่อนไหม | |
24:45 | S: เคยครับ |
24:47 | K: คำว่าสมาธิในภาษาอังกฤษ |
หมายถึงการเทียบวัด | |
24:57 | ใช่ไหม |
25:01 | การหยั่งวัด |
25:07 | ส่วนการเทียบวัดในภาษาสันสกฤต |
ถ้าถาม... | |
25:09 | S: รัตติกาจี |
K.: ขอบคุณที่ช่วยบอกฉันนะ | |
25:11 | ถ้าถามรัตติกาจีดู เธอก็จะบอกว่า |
25:16 | ใช้คำว่า "ma" เช่นเดียวกัน |
25:22 | ดังนั้น สมาธิจึงหมายถึง |
การเทียบวัดด้วย | |
25:31 | เราอาจพูดได้ว่า |
ถ้าปราศจากการเทียบวัด | |
25:35 | ย่อมไม่มีความก้าวหน้า |
ทางเทคโนโลยีทั้งปวง | |
25:39 | เห็นด้วยไหม |
25:40 | เห็นไหม |
25:41 | พวกเธอเข้าใจสิ่งทั้งหมด |
ที่ฉันกำลังพูดหรือเปล่า | |
25:50 | S: ผมไม่เข้าใจคำที่คุณพูดถึง |
25:53 | K: เธอไม่เข้าใจ |
คำที่ฉันใช้อย่างนั้นหรือ | |
25:56 | S: ใช่ครับ |
25:59 | K: ฉันใช้คำว่าการเทียบวัด |
26:01 | เธอรู้จักสายวัดไหม |
S: ครับ | |
26:03 | คำว่าสมาธิก็หมายถึงการวัดด้วย |
26:10 | S: ผมคิดว่าเขาไม่เข้าใจ |
คำว่า "เทคโนโลยี" | |
26:18 | K: … เธอไม่เข้าใจคำว่า"เทคโนโลยี" |
26:23 | มันก็คือเทคนิคในการทำอะไรบางอย่าง |
ยกตัวอย่าง เธออยากสร้างรถยนต์ | |
26:25 | |
26:30 | เธอต้องรู้จักชิ้นส่วนทั้งหมด |
แล้วประกอบมันเข้าด้วยกัน | |
26:34 | ชิ้นส่วนทุกชิ้นต้องทำงานร่วมกัน |
26:37 | ฉันเคยรื้อรถยนต์ออกเป็นชิ้นๆ |
26:41 | แล้วประกอบชิ้นส่วนทั้งหมด |
เข้าด้วยกันอีกครั้ง | |
26:45 | โดยหวังว่ามันจะทำงานได้ |
26:49 | แล้วมันก็ทำงานได้จริงๆ |
26:51 | ใช่ไหม |
26:53 | ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกลไกทั้งหมด |
รู้ว่ามันทำงานอย่างไร | |
26:55 | ส่วนประกอบของมันมีอะไรบ้าง |
26:59 | และมีขนาดเท่าไร |
ความแข็งแรงทนทานของโลหะ | |
27:01 | และอะไรต่อมิอะไร |
27:03 | การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ |
เรียกว่าเทคโนโลยี | |
27:08 | เป็นบางส่วนของเทคโนโลยี |
27:11 | สำหรับฉันแล้ว |
สมาธิกับการเพ่งจิตจดจ่อ | |
27:17 | เป็นสองอย่างที่แตกต่างกัน |
อย่างสิ้นเชิง | |
27:24 | S: บางครั้งใจเราจดจ่อกับบางอย่าง |
27:28 | โดยที่เราไม่ต้องพยายาม |
เพ่งเลยด้วยซ้ำ | |
27:31 | เช่น เวลาที่คุณทำอะไรบางอย่าง |
คุณไม่จำเป็นต้องเพ่งความสนใจ | |
27:33 | แต่คุณก็มีใจจดจ่อได้เอง |
27:37 | K: ใช่แล้ว ถ้าเธอรักชอบสิ่งนั้น |
27:39 | เธอก็ไม่ต้องยากลำบาก |
ในการรวบรวมจิตให้จดจ่อ | |
27:42 | เข้าใจไหม |
S: ครับ | |
27:45 | K: ถ้าคุณรักที่จะทำ |
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจดจ่อความสนใจ | |
27:50 | แล้วเธอรักชอบอะไรบ้างไหม |
27:52 | S: ก็ไม่กี่อย่างครับ |
28:02 | K: อะไรบ้างล่ะ |
28:05 | ไม่กี่อย่างที่ว่าน่ะ |
28:08 | S: ผมชอบอ่านหนังสือ |
28:12 | K: ชอบเล่นว่าวไหม |
S: ชอบครับ | |
28:17 | K: ไต่เขา ปีนต้นไม้ ไล่ลิง |
28:28 | อะไรล่ะที่เธอรักที่จะทำจริงๆ |
28:30 | S: สะสมแสตมป์ |
K: เดี๋ยวก่อน | |
28:33 | สมาธิเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากๆ |
สำหรับเด็ก ๆ | |
28:40 | สมาธิ หมายถึงการเป็นอิสระ |
จากการเทียบวัดทั้งปวง | |
28:51 | นี่เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับพวกเธอ |
28:54 | S: การเพ่งความสนใจ |
คือการบังคับตนเองให้ทำอะไรบางอย่าง | |
28:58 | ส่วนสมาธิอาจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ |
ไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น | |
29:03 | K: ถูกแล้ว |
29:04 | สมาธิจะเกิดขึ้นได้ |
เมื่อไม่มีการดิ้นรนพยายาม | |
29:11 | ไม่มีความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน |
29:14 | เธอรู้จักความขัดแย้ง |
ไม่ลงรอยกันหรือเปล่า | |
29:19 | เช่นเธอพูดอย่างหนึ่ง |
แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง | |
29:21 | S: สมมติว่าคุณชอบอ่านหนังสือ |
แล้วคุณก็จดจ่อกับมันอย่างยิ่ง | |
29:23 | โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยว่าคุณจดจ่ออยู่ |
นั่นไม่ใช่สมาธิหรือครับ | |
29:26 | K: ไม่ใช่หรอกเพราะขณะนั้น |
29:28 | เธอกำลังพยายามที่จะ |
เข้าใจเนื้อเรื่องในหนังสืออยู่ | |
29:30 | S: แต่คุณไม่รู้ตัวว่า |
คุณจดจ่ออยู่นะครับ | |
29:32 | เหมือนที่เขาบอกว่า |
คุณไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังจดจ่อ | |
29:34 | แต่ความจริงคุณกำลังจดจ่ออยู่ |
29:35 | |
29:38 | K: นั่นคือเมื่อเธอทำในสิ่งที่เธอชอบ |
เวลาที่เธออ่านเรื่องสืบสวนดีๆ | |
29:42 | แล้วเธอก็สนุกไปกับมันใช่ไหม |
29:46 | เรื่องนี้ยากมากสำหรับพวกเธอ |
29:48 | อย่าคุยเรื่องสมาธิ |
และการเพ่งจิตจดจ่อเลย | |
29:55 | มันยากเกินไป |
29:57 | K.: .ใช่ไหม |
S: ใช่ | |
29:58 | K.: ยากนิดหน่อยนะ |
30:00 | K: ฉันอยากจะคุยเรื่องอื่นได้ไหม |
30:03 | S: ได้ครับ |
30:05 | K: ฉันได้ถามพวกเธอว่า |
30:09 | อยากจะคุยอะไรกันแล้ว |
30:13 | ตอนนี้ฉันอยากจะคุย |
เรื่องอื่นกับพวกเธอ | |
30:15 | ได้ไหม |
30:16 | S: ได้ครับ |
30:17 | K: ทุกคนตกลงนะ |
30:18 | S: ครับ |
K: ครับกันใหญ่เลย | |
30:27 | K: สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ |
อย่างพวกเธอทุกคน | |
30:35 | ล้วนมีความสามารถพิเศษ |
บางอย่างซ่อนอยู่ | |
30:40 | |
30:43 | ความสามารถพิเศษเช่น |
การวาดภาพ เล่นไวโอลิน เป่าขลุ่ย | |
30:47 | หรือความสามารถที่จะเป็นคนดีอย่างยิ่ง |
30:54 | พวกเธอ มนุษย์ทุกคนล้วน |
มีความสามารถพิเศษซ่อนอยู่ทั้งนั้น | |
30:58 | ใช่ไหม |
31:01 | แต่สังคม พ่อแม่ ของพวกเธอ |
และทุกคนต่างพูดว่าเป็นนักธุรกิจสิ | |
31:07 | |
31:14 | เป็นหมอ เป็นวิศวกร |
31:20 | เป็นข้าราชการ |
นักบริหารของอินเดียสิ | |
31:28 | ดังนั้นสมองที่อยู่ภายใน |
กะโหลกศีรษะของเธอ | |
31:32 | จึงถูกครอบงำ ถูกกำหนดเงื่อนไข |
โดยพ่อแม่ของเธอ | |
31:36 | หรือสังคมที่พวกเธอดำรงชีวิตอยู่ |
31:39 | พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม |
S: เข้าใจครับ | |
31:41 | K: ดังนั้นความสามารถพิเศษของเธอเอง |
31:47 | จึงถูกทำลายให้สูญเสียไป |
ด้วยแรงกดดันเหล่านี้ | |
31:52 | เธออาจเป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ |
31:56 | ใช่ไหม |
31:57 | นักร้องที่ยิ่งใหญ่ |
หรือไม่ก็นักพฤกษาศาสตร์ที่โด่งดัง | |
32:01 | เป็นผู้ชำนาญการทำสวนก็ได้ |
32:09 | แต่พ่อแม่ สังคมบอกว่า |
ไม่เอา มันยังไม่ดีพอ | |
32:13 | พวกเธอต้องเป็นนักธุรกิจ |
ผู้ประสบความสำเร็จ | |
32:17 | เป็นแพทย์ที่ดี เป็นข้าราชการ |
บริหารระดับสูงของอินเดีย | |
32:23 | ดังนั้นพวกเธอจึงทำลาย |
ความสามารถพิเศษของตัวเอง | |
32:30 | แต่สิ่งสำคัญก็คือการดำรง |
ความสามารถพิเศษของตนเองเอาไว้ได้ | |
32:37 | แล้วเธอจะมีความสุขกับมัน |
32:41 | เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า |
32:44 | S: คุณครับ... |
K: ฟังสิ่งที่ฉันกำลังพูด | |
32:47 | K: ฟังสิ่งที่ฉันกำลังพูด |
32:49 | เพราะถึงคราวที่ฉันพูด เธอเป็นผู้ฟังนะ |
32:52 | มีสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญยิ่ง นั่นคือ |
32:53 | แท้จริงแล้วมนุษย์มีความสามารถพิเศษ |
อย่างใดอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ | |
33:05 | รู้ไหม |
33:07 | คนเราไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักธุรกิจ |
33:09 | เป็นนายร้อยในกองทัพ |
หรือนักบินเสมอไปหรอก | |
33:16 | ดังนั้นพวกเธอจะต้องค้นให้พบ |
ความสามารถพิเศษของตนเอง | |
33:23 | แล้วมีชีวิตอยู่กับมันให้ได้ |
33:27 | ไม่ว่าพวกเธอจะกลายเป็นคนรวยหรือจน |
หรือประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม | |
33:33 | S: แล้วถ้าหากเราอยากเป็นนักธุรกิจ |
33:35 | แต่เราก็ยังร้องเพลง วาดภาพ |
หรือทำอะไรอื่นๆ ได้ล่ะครับ | |
33:44 | K: พวกเด็กฉลาด! |
33:47 | ดูสิว่าพวกคุณได้ฝึกฝนอบรม |
เด็กๆ พวกนั้นออกมาเป็นอย่างไร | |
33:50 | เขาบอกว่าเธอเป็นได้ทั้งนักธุรกิจ |
33:55 | นายพล นายร้อยในกองทัพ |
แล้วยังเป็นจิตรกรได้ด้วย | |
34:01 | คุณเห็นไหมว่าสมองของเขา |
ทำงานอย่างไร | |
34:06 | ใช่เธอทำได้ |
34:09 | แต่เธอจะไม่สามารถทำได้ดีสักอย่าง |
34:12 | และไม่สามารถทำอย่างมีความสุข |
หรือทำอย่างเต็มที่ได้ | |
34:15 | S: ทำไมล่ะครับ |
34:16 | K: เพราะว่าเธอถูกฉีกกระชาก |
อยู่ระหว่างสองอย่าง | |
34:18 | S: ไม่หรอก |
34:19 | K: ฉันรู้ ฉันรู้ดี |
34:23 | เธอเข้าใจไหม |
S: ครับ | |
34:26 | รอก่อน ขอให้ฉันพูดอีกสักครู่ |
34:31 | มันยากยิ่งที่จะค้นพบ |
ความสามารถพิเศษของตนเอง | |
34:41 | และมันอาจจะไม่นำเธอไปสู่ความสำเร็จ |
34:46 | แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญอะไร |
34:49 | เธอเข้าใจไหม |
34:50 | เมื่อค้นพบเธอจะไม่ใส่ใจหรอก |
ที่ไม่มีเงินมากมาย | |
34:55 | เพราะว่าเธอมีอะไรบางสิ่งบางอย่าง |
อยู่ในตนเองแล้ว | |
35:02 | K.: ใช่ไหม |
S: ใช่ครับ | |
35:05 | K: ดังนั้นพวกเธอทุกคนจงค้นหา |
ความสามารถพิเศษของตนเองให้เจอ | |
35:07 | |
35:12 | |
35:14 | สิ่งที่เป็นของแท้ของเธอเอง |
โดยไม่ได้ถูกยัดเยียดให้โดยการศึกษา | |
35:20 | โดยครอบครัว หรือโดยสังคม |
35:21 | แต่ค้นหาสิ่งที่เธอมีนั้นด้วยตนเอง |
35:25 | S: แล้วถ้าหากพ่อแม่ |
อยากให้เราทำอย่างอื่นล่ะ | |
35:28 | K: ฉันรู้ว่าพ่อแม่เธอ |
อยากให้เธอเป็นวิศวกร | |
35:32 | หรือบังคับเธอให้เป็นอะไรอื่นๆ |
35:35 | แต่ในขณะที่เธอยังเด็กอยู่ |
ก็แค่แกล้งยอมรับฟังพ่อแม่ | |
35:38 | แล้วก็ค้นหาด้วยตัวเองต่อไป |
35:43 | S: แต่ถ้าสมมติว่ามีอะไรบางอย่าง |
เกิดขึ้นกับเราล่ะ | |
35:46 | K: ฉันรู้ ขอให้แค่ฟัง |
ในสิ่งที่ฉันกำลังพูดเท่านั้น | |
35:50 | เพราะว่าฉันยังมีสิ่งที่จะพูดอีก |
35:54 | K.: ตกลงไหม |
S: ครับ | |
35:56 | K: พวกเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม |
S: ไม่ครับ | |
35:59 | K: พวกเธอยังต้องออกไปเผชิญโลก |
36:05 | เมื่อไปจากหุบเขาอันมหัศจรรย์ |
ที่เต็มไปด้วยโขดหิน | |
36:08 | |
36:11 | ร่มเงา ต้นไม้ ดอกไม้ |
อันแสนวิเศษและเงียบสงบแห่งนี้ | |
36:16 | พวกเธอจะต้องไปเผชิญ |
กับโลกที่น่าสะพึงกลัว | |
36:22 | ใช่ไหม |
36:29 | ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง การลักพาตัว |
การเข่นฆ่ากันและการติดสินบน | |
36:35 | |
36:41 | โลกที่นับวันจะอันตรายมากขึ้นทุกที |
36:46 | ใช่ไหม |
36:50 | |
36:53 | โลกที่เสื่อมทรามฉ้อฉลทั่วทุกหนแห่ง |
ไม่ใช่เฉพาะในอินเดีย | |
36:58 | ซึ่งเป็นไปอย่างไร้ยางอาย |
และเอิกเกริกเหลือเกิน | |
37:01 | พวกเธอเข้าใจความหมายของคำว่า |
เอิกเกริกและไร้ยางอายหรือเปล่า | |
37:03 | มันแปลว่า ทำอย่างเปิดเผย |
37:05 | มีคนบอกว่าต้องเอาอะไรไปให้เขาก่อน |
แล้วเขาจึงจะทำอะไรให้ | |
37:12 | นี่คือการฉ้อฉล |
37:15 | ใช่ไหม |
37:19 | มันเกิดขึ้นทั่วโลก |
ไม่เฉพาะในประเทศนี้เท่านั้น | |
37:22 | ในอเมริกา อังกฤษ |
ฝรั่งเศส ก็มีด้วย | |
37:24 | การฉ้อฉลโกงกินทางการเมือง ทางสังคม |
ในตลาดมืด และอื่นๆ อีกมากมาย | |
37:31 | มันมีการฉ้อฉลกันมากมายทั่วโลก |
37:35 | เราบอกว่าการฉ้อฉลได้แก่ |
37:37 | การติดสินบาทคาดสินบน |
37:50 | การให้เงินใต้โต๊ะ |
การจ่ายเงินโดยไม่แสดงบัญชี | |
37:54 | ทั้งหมดนี้เรียกว่า |
การฉ้อฉลโกงกินใช่ไหม | |
37:58 | นี่เป็นเพียงอาการอย่างหนึ่งของโรค |
38:03 | พวกเธอรู้จักความหมาย |
ของคำว่า "อาการ" ไหม | |
38:05 | S: รู้จักครับ มันแปลว่าสัญญาน |
38:07 | K: อาการคืออะไร |
38:10 | อาการก็คือการที่ฉัน |
กินอะไรบางอย่างเข้าไป | |
38:17 | กินมาก แล้วก็ปวดท้อง |
38:20 | การปวดท้องนี่แหละคืออาการ |
38:24 | แต่ต้นเหตุของอาการก็คือ |
การที่ฉันกินอาหารไม่ดี | |
38:28 | K.: เข้าใจหรือยัง |
S: เข้าใจครับ | |
38:30 | K: ทีนี้ ฉันจะลงลึกไปถึง |
ต้นเหตุของการฉ้อฉล | |
38:37 | ฉันหวังว่าพวกเธอจะสนใจฟัง |
38:40 | เพราะว่าเมื่อจากหุบเขาฤาษีไป |
พวกเธอจะต้องเผชิญกับโลกภายนอก | |
38:43 | |
38:45 | S: คุณครับ ถ้าหากเรา |
ไม่รับเงินสินบนที่เขาให้มา | |
38:53 | เขาอาจจะทำอะไรที่เลวร้ายกับเรา |
38:55 | ถ้าเรายอมรับเงิน… |
38:57 | K: ถ้าฉันให้เงินใต้โต๊ะพวกเธอ |
ฉันก็จะกลายเป็นคนฉ้อฉล | |
39:01 | S: ใช่ครับ |
39:02 | K: เมื่อนั้นเธอก็กลายเป็นคนฉ้อฉลด้วย |
39:07 | เพราะเธอรับเงินใต้โต๊ะนั้นใช่ไหม |
S: ใช่ครับ | |
39:08 | แต่ถ้าเราไม่รับเงิน |
เขาก็อาจจะทำอะไรอย่างอื่นอีก | |
39:10 | K: ฉันรู้ ถ้าไม่รับเงิน |
เขาจะทำร้ายเธอ | |
39:14 | แต่ฟังนะ อะไรเป็นสาเหตุ |
ของความฉ้อฉลเสื่อมทราม | |
39:21 | เธอเข้าใจไหม |
39:24 | การฉ้อฉลไม่ได้หมายถึง |
เพียงการให้เงินใต้โต๊ะ | |
39:31 | การติดสินบน หรือตลาดมืดเท่านั้น |
39:34 | แต่ต้นเหตุของมันเป็นอะไร |
ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง | |
39:39 | ใช่ไหม |
39:40 | ฉันจะลงลึกในเรื่องนี้ต่อไปอีก |
ถ้าพวกเธอสนใจ | |
39:43 | การฉ้อฉลเสื่อมทรามเริ่มต้นที่ |
การสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง | |
39:56 | พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม |
39:58 | S: ครับ |
40:00 | K: ถ้าฉันสนใจแต่ตัวเอง |
ว่าฉันต้องการอะไร ฉันต้องเป็นอะไร | |
40:05 | ถ้าฉันโลภ ขี้อิจฉา หยาบกระด้าง |
โหดเหี้ยม ทารุณ | |
40:10 | นั่นแสดงถึงการฉ้อฉลคดโกงเหมือนกัน |
40:15 | เธอเข้าใจไหม |
40:16 | เพราะการฉ้อฉลเริ่มต้นในใจของเรา |
ในหัวใจหัวจิตเรา | |
40:20 | ไม่ใช่แค่การให้สินบน |
40:21 | แม้ว่านั่นจะเป็นการฉ้อฉลเหมือนกัน |
40:26 | แต่สาเหตุที่แท้จริง |
ของการฉ้อฉลอยู่ภายในตัวเราเอง | |
40:34 | หากพวกเธอไม่ค้นหา |
และเปลี่ยนแปลงตัวเอง | |
40:38 | พวกเธอก็จะเป็นมนุษย์ที่ฉ้อฉล |
40:44 | พวกเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดนี้ไหม |
40:47 | การฉ้อฉลเกิดขึ้นเมื่อเราโกรธ |
40:53 | เมื่อเราริษยา |
เมื่อเราเกลียดใครสักคน | |
40:59 | เมื่อเราเกียจคร้าน |
41:05 | เมื่อเธอบอกว่าสิ่งนี้ถูกต้อง |
และฉันก็รู้สึกว่ามันถูก | |
41:08 | แล้วก็ยึดมั่นถือมั่น |
41:12 | เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า |
41:17 | S: ครับ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง |
จะเกิดจากความเห็นแก่ตัว | |
41:20 | K: ทุกอย่างเกิดขึ้นจาก |
ความเห็นแก่ตัว | |
41:23 | ถูกต้องทีเดียว |
41:25 | การฉ้อฉลเริ่มจากตรงนี้แหละ |
41:31 | เธอเข้าใจหรือเปล่า |
41:33 | S: เข้าใจครับ |
41:35 | K: เพราะฉะนั้นจงอย่าฉ้อฉล |
41:39 | แม้จะต้องตายก็ช่างประไร |
41:42 | S: คุณครับ… |
41:43 | K: เดี๋ยวก่อน ฟังฉันก่อน |
41:45 | เธอเข้าใจไหม |
41:47 | เราทุกคนหวาดกลัว |
41:54 | เธอจะถามว่า |
แล้วฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างไร | |
42:00 | หรือฉันจะทำอะไรได้ |
ถ้าตัวฉันเองไม่ฉ้อฉล | |
42:02 | ในขณะที่คนรอบข้าง |
ต่างก็ฉ้อฉลกันทั้งนั้น | |
42:07 | เธอเข้าใจไหมว่า ฉันหมายถึงอะไร |
เมื่อพูดถึงความฉ้อฉล | |
42:09 | มันไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ |
แสดงออกภายนอกเท่านั้น | |
42:11 | แต่เป็นความรู้สึกฉ้อฉล |
ที่อยู่ลึกในจิตใจ | |
42:15 | การที่มนุษย์เราดำรงชีวิตอยู่กับมัน |
42:19 | อยู่กับความเห็นแก่ตัว |
คิดถึงแต่ตัวเอง | |
42:23 | ใฝ่ความสำเร็จและอิจฉา ริษยา |
เธอเข้าใจสิ่งที่พูดไหม | |
42:29 | |
42:31 | ดังนั้นการฉ้อฉลจึงเป็นเรื่องภายใน |
ภายในใจ ภายในสมองของเธอ | |
42:43 | ฉะนั้นขอให้เธอเข้าใจเรื่องนี้ |
อย่างถี่ถ้วนและจริงจัง | |
42:45 | ไม่เย้ยหยัน ดูแคลน |
42:51 | พวกเด็กผู้ชายที่กำลัง |
จะจบไปจากที่นี่ | |
42:54 | ส่วนใหญ่กลายเป็นคนที่เย้ยหยัน |
ดูแคลน เขาเห็นว่าโลกเป็นอย่างไร | |
42:56 | |
42:59 | แล้วก็บอกว่า |
ฉันจำเป็นต้องยอมรับมัน | |
43:01 | นี่เป็นลักษณะหนึ่งของการเย้ยหยัน |
43:08 | แต่ถ้าพวกเธอเข้าใจ |
อย่างถ่องแท้เสียแต่เดี๋ยวนี้ว่า | |
43:15 | การฉ้อฉลมิใช่เพียง |
การให้เงินใต้โต๊ะ การติดสินบน | |
43:22 | ซึ่งไม่ว่าแค่สองรูปี |
หรือสิบล้านดอลลาร์ | |
43:29 | มันก็คือการติดสินบนอยู่ดี |
43:33 | การเป็นคนรุนแรงก็เป็นส่วนหนึ่ง |
ของการฉ้อฉลต่ำทราม การคุกคามนั่นเอง | |
43:40 | นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกนี้ |
43:44 | พวกเธอคือมนุษย์ผู้ที่กำลังจะเติบโต |
เป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า | |
43:45 | ขออย่าเป็นอย่างคนเหล่านั้น |
43:56 | จงอย่าเป็นคนขี้โกรธ |
อย่าอิจฉาริษยา | |
44:02 | อย่ามุ่งแต่ความสำเร็จ |
เพียงอย่างเดียว | |
44:08 | S: แล้วเราจะหยุด |
สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร | |
44:11 | เราจะหยุดอิจฉาริษยาได้อย่างไร |
44:13 | K: ถ้าพวกเธออยากอิจฉาก็ให้มันอิจฉา |
แล้วเฝ้าดูว่าเกิดอะไรขึ้น | |
44:18 | เข้าใจไหม |
44:19 | แต่ถ้าไม่อยากเป็นคนอิจฉาริษยา |
ก็อย่าอิจฉา | |
44:22 | แต่อย่าถามว่าจะหยุดมันอย่างไร |
44:27 | ถ้าเธอเห็นอันตราย |
อย่างเช่น งูเห่า | |
44:33 | ไม่มีใครต้องบอกเธอ |
เธอก็ต้องวิ่งหนี | |
44:37 | ใช่ไหม |
44:38 | ความฉ้อฉลต่ำทรามในเบื้องลึก |
ภายในจิตใจเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด | |
44:48 | ใช่ไหมล่ะ |
44:50 | ฉะนั้นจงอย่าฉ้อฉล |
44:51 | เริ่มที่ใจเราก่อน ไม่ใช่ที่ภายนอก |
44:56 | เข้าใจไหม |
45:01 | พวกเธอจะทำไหม |
45:03 | ไม่ต้องสัญญา |
45:07 | อย่าสัญญาหากไม่ได้ตั้งใจ |
จะทำอย่างแน่นอนที่สุด | |
45:18 | ถูกไหม |
45:20 | ถ้าหากเธอเห็นว่า |
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิต | |
45:27 | เพราะว่าพวกเธอทุกคนต่างกำลังเติบโต |
45:29 | |
45:34 | เติบโตไปสู่โลกที่เลวร้าย |
โลกอันวิปริตนี้ไม่มีความเป็นปรกติ | |
45:37 | เธอเข้าใจไหม |
45:40 | ในโลกการเมือง โลกแห่งศาสนา |
หรือโลกเศรษฐกิจ | |
45:47 | |
45:50 | มันเต็มไปด้วยความวิปริตทั้งนั้น |
45:59 | เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเธอเติบโตขึ้น |
46:06 | |
46:09 | หรือออกจากหุบเขาแสนวิเศษนี้ |
46:16 | หรือจะอยู่ที่นี่ต่อไป |
อีก 2 ปี หรือ 4 ปี | |
46:22 | ภายในจิตใจของเธอ |
ขออย่าได้เป็นคนฉ้อฉล | |
46:30 | อย่าแสวงหาสิ่งไร้ค่า ชื่อเสียง |
ความทะนงตน ความภูมิใจ | |
46:37 | อย่าพูดว่าฉันเหนือกว่าคนอื่น |
46:45 | เธอรู้ไหมเธอจะเรียนรู้อย่างมากมาย |
มหาศาลเมื่อเธอมีความถ่อมต่อชีวิต | |
46:51 | พวกเธอรู้จักคำว่า |
ถ่อมต่อชีวิตหรือเปล่า | |
46:54 | เธอจะเรียนรู้ได้มากมาย |
หากเธอถ่อมและอ่อนน้อมต่อชีวิตจริงๆ | |
47:00 | แต่ถ้าพวกเธอเพียงมุ่ง |
แสวงหาความสำเร็จ | |
47:05 | เงินๆ ทองๆ อำนาจ |
ตำแหน่งหน้าที่ และสถานภาพต่าง ๆ | |
47:11 | พวกเธอก็กำลังเริ่มฉ้อฉลต่ำทราม |
47:13 | |
47:20 | เธออาจจะยากจน อาจจะน่าสงสาร |
ก็ให้จนไปเถอะจะเป็นอะไรไป | |
47:30 | นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ |
จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเธอทุกคน | |
47:34 | จงค้นหาความสามารถพิเศษ |
ของตนเองให้พบและมีชีวิตอยู่กับมัน | |
47:39 | แม้ว่ามันจะไม่นำความสำเร็จ |
ชื่อเสียง หรือสิ่งอื่นๆ มาให้ก็ตาม | |
47:40 | ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไร้สาระ |
47:45 | เพราะในที่สุดทุกคน |
ต่างก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น | |
47:52 | เธอเข้าใจไหม หนุ่มน้อย |
47:54 | เพราะฉะนั้นในขณะที่มีชีวิตอยู่ |
48:00 | จงมีชีวิตอยู่จริงๆ |
อย่าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระ | |
48:12 | S: แล้วทำไมผู้คนถึงไม่คิด |
ไม่ตระหนักอย่างนี้ | |
48:20 | K: เพราะว่าพวกเขาไม่ได้คิด |
พวกเขาไม่มีความรู้สึก | |
48:25 | พวกเขาคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา |
คิดแต่เรื่องงานของเขา | |
48:29 | หน้าที่ของเขา ตำแหน่งของเขา |
48:34 | พวกเธอเข้าใจหรือเปล่า |
พวกเขาไม่สนใจเรื่องอย่างนี้ | |
48:38 | แต่ถ้าพวกเธอสนใจ... |
48:42 | S: แล้วจะหยุด |
ความเห็นแก่ตัวได้อย่างไร | |
48:47 | K: จะหยุดความเห็นแก่ตัวได้อย่างไร |
48:49 | ก็อย่าเห็นแก่ตัว |
48:52 | ฟังนะ ขอแค่ฟังให้ดี |
48:56 | อย่าได้ถามคนอื่นเป็นอันขาด |
ว่าจะทำอย่างไร | |
49:04 | เธอเข้าใจไหม |
49:07 | เพราะเมื่อเขาบอกว่าทำอย่างไร |
เธอจะหลงทางถูกทำลาย | |
49:10 | นั่นคือการฉ้อฉล |
ที่ต่ำทรามและร้ายแรงที่สุด | |
49:14 | S: หมายความว่า |
เราต้องค้นหาด้วยตัวเอง | |
49:17 | K: ค้นหา ถาม ใช้สมอง |
สงสัย ตั้งคำถาม | |
49:29 | อย่ายอมรับอะไรง่ายๆ |
49:34 | สมมติว่าฉันเป็นครูของเธอ |
49:36 | ฉันต้องการให้พวกเธอมีสมองที่ดี |
49:45 | ใช่ไหม |
49:47 | การจะมีมันสมองที่ดี |
เราจะต้องไม่มีความขัดแย้ง | |
49:53 | ทั้งในตัวเองหรือกับคนอื่น |
49:59 | ทั้งหมดนี้อาจจะมาก |
ยากเกินไปสำหรับพวกเธอ | |
50:03 | S: ผมอยากจะถามคุณว่า |
สมมติว่าคุณไม่เห็นแก่ตัว | |
50:07 | แล้วคนอื่นมาทำอะไรไม่ดีกับคุณ |
50:13 | K: ถ้ามีคนทำร้ายเธอ |
เธอจะทำอย่างไร | |
50:16 | ตอบโต้กลับไปอย่างนั้นหรือ |
50:21 | S: มันก็ขึ้นอยู่กับว่า |
เขาทำอะไรแค่ไหน | |
50:23 | K: อืม… |
50:26 | เธอนี่ช่าง… |
50:27 | ถ้าเขาทำร้ายเธออย่างรุนแรง |
เธอจะทำอย่างไร | |
50:35 | เธอเคยมีคำถามไหมว่า |
การถูกทำให้เจ็บปวดหมายถึงอะไร | |
50:40 | ลองคิดดู คิดไปพร้อมๆ กับฉัน |
50:43 | S: การฉ้อฉล |
เป็นความเจ็บปวดหรือเปล่า | |
50:45 | K: ฟังนะ |
50:46 | สมมติว่าฉันทำร้ายเธออย่างรุนแรง |
50:49 | (สมมตินะ ฉันไม่ต้องการ |
ทำร้ายเธอหรอก) | |
50:52 | สมมติว่าฉันอยากทำให้เธอ |
เจ็บปวดอย่างรุนแรง | |
50:56 | และเธอก็บอกว่าเธอเจ็บปวด |
50:59 | เธอหมายถึงอะไร ลองคิดดู |
51:02 | K: พูดเลย อย่าพูดซ้ำ |
51:05 | S: เจ็บปวดทางร่างกายหรือครับ |
51:07 | K: ใช่ ไม่เฉพาะทางกาย |
ภายนอกอย่างเดียว | |
51:08 | แต่ภายในจิตใจด้วย |
เขาทำให้เธอเจ็บปวด | |
51:11 | เขาเรียกเธอว่าไอ้งั่ง |
S: ผมคิดว่า… | |
51:15 | K: ขอให้ฟังให้ดี |
51:17 | ทุกคนฟังให้ดี |
51:20 | เขาเรียกพวกเธอว่าไอ้งั่ง |
และเธอก็รู้สึกเจ็บปวด | |
51:25 | ใช่ไหม |
51:27 | ทีนี้ลองนึกดูสิว่าอะไรที่เจ็บปวด |
51:33 | คิดให้ดีนะ |
51:35 | S: ถ้าเราคิดว่าเราไม่ใช่คนโง่ |
แล้วมีคนมาบอกว่าเราโง่… | |
51:42 | K: คนหนึ่งบอกว่าเธอโง่ |
แต่อีกคนบอกว่าเธอเป็นผู้ยิ่งใหญ่ | |
51:48 | ทั้งสองก็เหมือนกันนั่นแหละ |
ไม่ต่างกันเลย | |
51:54 | พวกเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉัน |
กำลังพูดหรือเปล่า | |
52:01 | ใครบางคนบอกว่าฉันโง่เง่า |
แล้วฉันรู้สึกเจ็บปวด นี่สมมตินะ | |
52:07 | |
52:10 | แล้วอะไรล่ะที่เจ็บปวด |
52:12 | คิดดีๆ ไม่ต้องรีบตอบ คิดดู |
52:19 | K: ไม่ ฉันยังไม่ฟัง |
52:22 | คิดดีๆ ก่อน |
52:28 | ฉันถามเธอว่า ถ้าฉันเรียก |
พวกเธอว่า เจ้าหน้าโง่ | |
52:30 | (ฉันหวังว่าฉันคง |
ไม่ต้องพูดอย่างนั้น) | |
52:35 | แล้วพวกเธอรู้สึกเจ็บปวด |
52:40 | มันหมายความว่าอะไร |
เธอที่รู้สึกเจ็บปวด | |
52:43 | เธอน่ะคืออะไร |
52:46 | S: อัตตาของตัวเรา |
52:47 | K: คิดให้ดี คิดพินิจให้ดี |
52:51 | S: มันคือตัวเรา อัตตาของเรา |
52:53 | K: "เธอ" คืออะไร |
52:58 | S: มันคือ… |
53:01 | K: มาตรงนี้ หนุ่มน้อย |
53:04 | มานั่งตรงนี้ |
53:06 | มานั่งตรงนี้ เร็วเข้า |
53:13 | ฉันรู้จักเธอนะ เอาเลย พูดมาเลย |
53:16 | S: สิ่งที่เป็นความเจ็บปวดคือเรา |
สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเกี่ยวกับตัวเรา | |
53:19 | K: สิ่งที่เธอสร้างขึ้นมา |
เกี่ยวกับตัวเธอนี้คืออะไร | |
53:23 | |
53:26 | S: สิ่งที่เป็นความสำเร็จของเรา |
สิ่งที่เราทำมา | |
53:30 | K: สิ่งที่เธอทำ ความสำเร็จของเธอ |
53:33 | ทำไมพวกเธอถึงคุ้นเคยกับการใฝ่หา |
ความสำเร็จกันเหลือเกิน | |
53:39 | พวกเธอทุกคนต่างพูดถึงความสำเร็จ |
53:44 | เหมือนพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเธอ |
ที่ประสบความสำเร็จกันมาแล้ว | |
53:48 | ใช่ไหม |
53:50 | นี่ใช่ไหมความสำเร็จที่เธอพูดถึง |
53:52 | S: ไม่ใช่ครับแต่เป็นสิ่งที่ |
พวกเขาทำไว้กับตัวเอง | |
53:54 | K: อืม... |
53:57 | K: ยกตัวอย่างเช่น ฉันเคยเดินทาง |
มาแล้วเกือบทั่วโลก | |
54:02 | ใช่ไหม |
54:03 | สนทนากับผู้คนมากหน้าหลายตาหลายพันคน |
54:06 | เคยไปพูดที่องค์การสหประชาชาติ |
ทำอะไรต่อมิอะไรมาทุกอย่าง | |
54:11 | ใช่ไหม |
54:11 | นั่นหมายความว่าอะไร |
หมายความว่า | |
54:14 | ฉันได้สร้างภาพขึ้นในใจ |
เกี่ยวกับตัวฉันขึ้นมา | |
54:17 | ใช่ไหม |
54:21 | ภาพเกี่ยวกับตัวฉัน |
54:25 | แล้วพวกเธอก็มาบอกฉันว่า |
ฉันเป็นคนโง่ แล้วฉันรู้สึกเจ็บปวด | |
54:29 | เอาละ ถามว่า |
สิ่งที่รู้สึกเจ็บปวดนั้นคืออะไร | |
54:30 | S: คือความรู้สึกของคุณ |
54:33 | K: คือความรู้สึก คือภาพในใจฉัน |
54:35 | S: มโนภาพของตัวคุณเอง |
54:38 | K: ใช่ ถูกต้อง |
54:39 | มโนภาพของตัวฉันเอง |
เพราะฉันเดินทางมามากมาย | |
54:42 | ฉันคือผู้ยิ่งใหญ่ |
54:44 | ฉันเขียนหนังสือ |
ฉันเคยพบกับ นางอินธิรา คานธี | |
54:47 | เธอตามทันนะ |
54:48 | ฉันสร้างมโนภาพเกี่ยวกับ |
ตัวฉันขึ้นมาจากสิ่งเหล่านี้ | |
54:51 | แล้วมโนภาพนั้นเองที่รู้สึกเจ็บปวด |
54:55 | ฟังให้ดีๆ นะ |
ขั้นต่อไปก็คือ | |
54:59 | ทีนี้ ฉันจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ |
โดยปราศจากมโนภาพเหล่านี้ได้หรือไม่ | |
55:05 | S: ท่านทำได้ไหมครับ |
55:07 | K: ได้ไหม ได้สิ |
55:11 | ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มาพูดเรื่องนี้ |
55:15 | มันเป็นความไม่ซื่อสัตย์ |
ที่จะพูดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง | |
55:18 | ที่ตัวเราเองไม่ได้ |
ใช้ชีวิตอย่างที่พูด | |
55:20 | S: แต่ว่า… |
55:22 | K: เดี๋ยว ฟังก่อนว่า |
ฉันกำลังพูดอะไร | |
55:29 | ด้วยอายุขนาดนี้พวกเธอมีมโนภาพ |
เกี่ยวกับตัวเองแล้วหรือยัง | |
55:32 | แน่นอนที่สุด พวกเธอทุกคน |
มีมโนภาพของตัวเอง | |
55:35 | และมโนภาพนั่นแหละที่เจ็บปวด |
55:39 | และมันก็เป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต |
ตราบใดที่เธอยังมีมโนภาพเหล่านั้นอยู่ | |
55:41 | |
55:45 | S: แล้วเราควรจะลืมมันหรือเปล่า |
55:48 | K: ต้องทิ้งมันไป อย่าครอบครอง |
อย่ามีมันโดยเด็ดขาด | |
55:50 | คนหลายคนยกย่องฉัน |
55:55 | และหลายๆ คนเหยียดหยามฉัน |
55:59 | แต่ฉันไม่มีมโนภาพเกี่ยวกับตัวฉันเอง |
56:00 | ฉันจึงไม่เจ็บปวด |
มันไม่เห็นจะมีสาระอะไรเลย | |
56:04 | พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม |
56:06 | S: ครับ |
56:07 | K: ให้มันเป็นอย่างนั้นนะ |
56:09 | ความฉ้อฉลเสื่อมทราม |
เกิดขึ้นตรงนี้แหละ | |
56:14 | S: แล้วเราจะทิ้งมโนภาพได้อย่างไร |
56:19 | K: แล้วเราจะกำจัดมโนภาพได้อย่างไร |
56:23 | ถ้าพวกเธอเห็นว่า |
สิ่งเหล่านี้เป็นอันตราย | |
56:26 | พวกเธอก็จะทิ้งมันไปโดยฉับพลันทันที |
56:29 | S: เมื่อทิ้งไปได้แล้ว |
เราจะมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง | |
56:32 | K: ไม่เหลืออะไรเลย |
S: ถ้าอย่างนั้นเราคือใคร | |
56:34 | |
56:36 | K: ฟังที่ฉันพูดนะ |
56:40 | ด้วยการไม่เป็นอะไรเลย |
เราจึงจะมีชีวิตอยู่จริงๆ | |
56:47 | เธอจะเข้าใจมันทีหลัง |
56:51 | S: คนอื่นอาจจะมีมโนภาพเกี่ยวกับเรา |
แต่ตัวเราเองไม่มีมโนภาพ | |
56:55 | K: ปล่อยให้พวกเขามีมโนภาพ |
เราอย่ามีก็แล้วกัน | |
57:00 | S: บางครั้ง พวกเราไม่มีมโนภาพ… |
57:08 | K: ไม่ใช่ "บางครั้ง" |
57:13 | เธอกำลังพูดอย่างจริงจัง |
หรือพูดแค่เป็นทฤษฎี | |
57:18 | S: สมมติว่าคนๆ หนึ่งสามารถ… |
57:21 | K: ทำไมพวกเธอจึงสมมติ |
57:24 | S: ถ้าคนเราไม่มีมโนภาพ |
57:27 | เขาจะไม่เกิดความรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัยหรือ | |
57:30 | K: จงรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย |
57:35 | รู้ตัวว่าตัวเองรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัย | |
57:39 | แล้วค้นหาว่าความรู้สึก |
มั่นคงปลอดภัยคืออะไร | |
57:46 | ถ้าพวกเธอมัวแสวงหา |
ความมั่นคงปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา | |
57:49 | พวกเธอก็จะไม่รู้ว่า |
เธอมั่นคงปลอดภัยหรือไม่ | |
57:54 | แต่ก่อนอื่นค้นหาด้วยตัวเธอเองว่า |
เธอรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยหรือไม่ | |
58:00 | ทั้งทางร่างกายและภายในจิตใจ |
58:05 | S: ไม่ว่าจะมีมโนภาพหรือไม่มี |
เราก็ยังรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยอยู่ดี | |
58:14 | K: ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีมโนภาพ |
เราก็ยังรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ดี | |
58:18 | ฉันถามพวกเธอว่า |
58:21 | เธอค้นพบว่าตนเองมีความรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัยจริงๆ หรือ | |
58:23 | หรือว่าแค่พูดเอาเอง |
58:25 | S: ผมรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย |
เกี่ยวกับอะไรบางอย่าง | |
58:27 | |
58:34 | K: ค้นหาดูสิ ดูว่าความรู้สึก |
ไม่มั่นคงนี้หมายถึงอะไร | |
58:42 | ไม่ว่าไม่มั่นคงปลอดภัย |
ทางกายภาพ ทางเศรษฐกิจ | |
58:45 | |
58:52 | รู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยในเรื่องที่ |
คนอื่นคิดเกี่ยวกับเราอย่างไร | |
58:53 | |
58:56 | เรื่องเงิน |
เรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น | |
58:59 | ฉะนั้นค้นให้พบ |
59:02 | S: แล้วจากนั้นละครับ |
59:05 | K: เมื่อเธอเรียนรู้ว่า |
ตรงไหนที่รู้สึกไม่มั่นคง | |
59:09 | จากนั้นเธอจะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย |
59:12 | พวกเธอเข้าใจให้ได้นะ |
59:14 | S: คุณมีมโนภาพไหมครับ |
K: ฟังที่ฉันพูดนะ | |
59:18 | เธอเข้าใจไหม |
59:22 | K: เข้าใจแล้วยังว่า |
เมื่อเธอค้นพบด้วยตนเอง | |
59:25 | ว่าอะไรคือความไม่มั่นคงปลอดภัย |
เกี่ยวกับอะไรที่เธอรู้สึก | |
59:31 | ไม่มั่นคงปลอดภัย |
เกี่ยวกับครอบครัวของเธอ | |
59:34 | กับพ่อแม่ ภรรยา สามี หรือพระเจ้า |
59:40 | เธอเข้าใจไหม |
59:42 | ค้นหาให้เจอและเรียนรู้มัน |
59:45 | ในขณะที่เธอพบและได้เรียนรู้ |
เกี่ยวกับความไม่มั่นคงได้อย่างมหาศาล | |
59:50 | เธอจะหลุดพ้นออกจากมัน |
เธอจะมั่นคงปลอดภัย | |
59:57 | S: ถ้าเรียนรู้เกี่ยวกับ |
ความไม่มั่นคงปลอดภัยมากๆ | |
1:00:01 | เราก็จะไม่รู้จัก |
ความไม่มั่นคงอย่างเต็มที่ | |
1:00:03 | K: ได้สิ |
1:00:06 | ถ้าพวกเธอเริ่มต้นอย่างถูกต้อง |
เข้าใจไหม | |
1:00:13 | มันก็จะถูกต้องตั้งแต่ต้น |
1:00:19 | นี่อาจจะเป็นเรื่องยากเกินไปแล้ว |
1:00:21 | S: คุณบอกว่าให้ดำรงชีวิต |
อยู่กับความไม่มั่นคงปลอดภัย | |
1:00:23 | เพื่อค้นหาว่ามันคืออะไร |
1:00:25 | K: ที่จริงคือพวกเธอ |
รู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย | |
1:00:26 | ไม่ใช่ให้อยู่กับความรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัย | |
1:00:27 | พวกเธอเพิ่งพูดว่า |
ตัวเธอรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย | |
1:00:30 | เพราะฉะนั้นจงอยู่กับมันและค้นหา |
1:00:33 | ใช้สมองค้นหา |
1:00:38 | อย่าให้เป็นเหมือนเครื่องยนต์กลไก |
1:00:43 | S: เพื่อกำจัดความรู้สึก |
ไม่มั่นคงปลอดภัย | |
1:00:45 | เราต้องกำจัดความกลัวเสียก่อนใช่ไหม |
1:00:46 | K: ความกลัวหรือ |
1:00:48 | ความกลัวใช่ไหม |
1:00:51 | ฉันจะแสดงให้เธอเห็น |
พวกเธอจะต้องเรียนรู้ | |
1:00:54 | ไม่ใช่จากฉันนะ แต่ด้วยตัวเธอเอง |
1:00:58 | ว่าความกลัวคืออะไร |
1:01:04 | S: ความกลัวคือ |
สิ่งที่เรานึกคิดออกไป | |
1:01:10 | S: ในสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับมัน |
1:01:11 | K: เดี๋ยวก่อน เธอไม่ฟังคนอื่นเลย |
1:01:16 | เธอพร้อมเสมอที่จะถาม |
แต่คำถามของตัวเอง | |
1:01:21 | เขาพูดว่าอะไรเธอรู้ไหม |
1:01:26 | เธอไม่รู้เพราะเธอไม่ได้ฟัง |
1:01:31 | นั่นเป็นความเห็นแก่ตัวนะ เพราะเธอ |
เห็นว่าคำถามของเธอเองสำคัญกว่า | |
1:01:38 | ใช่ไหม |
1:01:43 | เขาพูดเกี่ยวกับความกลัว |
1:01:47 | ว่าทำอย่างไรจึงจะ |
เป็นอิสระจากความกลัว | |
1:01:50 | เธอหมายความว่าเช่นนั้น |
1:01:52 | ใช่ไหม |
1:01:54 | เพราะฉะนั้นฟังคำถามก่อน |
1:01:59 | เขาถามว่าความกลัวคืออะไร |
และทำอย่างไรจึงจะเป็นอิสระจากมัน | |
1:02:06 | เธอรู้ไหมว่าเธอกลัว |
1:02:11 | S: ครับ |
1:02:14 | K: ครับ |
1:02:18 | K: ทำไมล่ะ |
1:02:21 | S: ผมคิดว่ามันเป็นเพราะว่า |
เราคิดถึงสิ่งที่ทำให้เรากลัว | |
1:02:23 | K: เดี๋ยวก่อน เธอได้พูดถึง |
อะไรบางอย่างที่มันสำคัญมากเหลือเกิน | |
1:02:27 | ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวไหม |
1:02:30 | ว่าเธอได้พูดอะไรบางอย่าง |
ที่เป็นความจริงอย่างยิ่ง | |
1:02:35 | S: ถ้าเราไม่คิด |
เกี่ยวกับอะไรบางอย่าง… | |
1:02:38 | K: นั่นแหละ |
1:02:40 | เธอเรียนรู้เป็นสิ่งแรกแล้ว |
ว่าความคิดนำมาซึ่งความกลัว | |
1:02:48 | K: ถูกต้องไหม |
S: ครับ | |
1:02:53 | K: ทีนี้ เราต้องมาค้นหาว่า |
ความคิดคืออะไร | |
1:02:58 | ไม่ใช่ว่าจะหยุดความกลัวได้อย่างไร |
1:03:02 | เธอเข้าใจไหม |
1:03:04 | เธอได้พูดออกมาด้วยความระมัดระวังว่า |
ความคิดทำให้เกิดความกลัว | |
1:03:07 | นั่นคือความจริง |
1:03:11 | เช่นคิดว่าฉันอาจจะตายวันพรุ่งนี้ |
ฉันจึงรู้สึกตกใจกลัว | |
1:03:15 | ฉันอาจจะสูญเสียงานของฉันไป |
ฉันก็กลัว | |
1:03:19 | ใช่ไหม |
1:03:20 | ดังนั้นความคิดนำมาซึ่งความกลัว |
1:03:29 | แล้วความคิดคืออะไรล่ะ |
1:03:31 | ตอนนี้เราจะค้นหาเข้าไปทีละขั้นว่า |
1:03:33 | ความคิดคืออะไร |
1:03:37 | S: การจะทำลายความกลัวได้ |
เราจะต้องกำจัดความคิดอย่างนั้นหรือ | |
1:03:40 | K: ไม่ใช่ |
1:03:43 | อย่าพยายามกำจัดอะไรทั้งสิ้น |
เพราะถ้าทำอย่างนั้นมันจะกลับมาอีก | |
1:03:45 | S: ดังนั้นเมื่อเห็นว่า |
ความกลัวเป็นอันตราย… | |
1:03:48 | K: ก็ใช่ |
1:03:50 | K: ไม่ใช่ เดี๋ยว ฟังให้ดีนะ |
1:03:52 | ความกลัวมีอยู่ |
1:04:00 | และเข้ามาเมื่อเราคิดเกี่ยวกับอะไรบางสิ่ง |
1:04:03 | ยกตัวอย่างเช่น |
กลัวว่าอาจจะตาย กลัวว่าจะตกงาน | |
1:04:08 | กลัวพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ |
1:04:11 | ดังนั้น เมื่อใดที่ฉันคิดออกไป |
เกี่ยวกับอนาคต | |
1:04:17 | เมื่อนั้นความกลัวจะเกิดขึ้น |
1:04:24 | ใช่ไหม |
1:04:26 | ทีนี้เธอก็ต้องค้นหาว่า |
การคิดคืออะไร | |
1:04:30 | S: อาจจะเป็นความเห็นแก่ตัว |
1:04:31 | K: เดี๋ยวก่อน ฟังก่อนสิ |
1:04:32 | ฉันถามเกี่ยวกับอะไรอย่างอื่น |
1:04:36 | ฉันไม่อยากจะขัดคอเธอหรอกนะ |
1:04:38 | เอาล่ะ การคิดคืออะไร |
1:04:41 | ดูให้ดีๆ นะ |
1:04:43 | ใช้สมองลองค้นหาดู |
1:04:47 | S: การคิดคือสิ่งที่สมองทำ |
1:04:50 | K: ไม่ใช่ ให้ใช้สมองค้นหาดูว่า |
การคิดคืออะไร | |
1:04:56 | S: คือจินตนาการครับ |
1:05:01 | K: จินตนาการแล้วอะไรอีก |
ค้นหาต่อไป | |
1:05:04 | S: สิ่งที่เราเคยเห็น เราบันทึกไว้ |
แล้วคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น | |
1:05:09 | K: ดี เธอเริ่มค้นหาด้วยตัวเอง |
1:05:12 | พวกเธอกำลังทำการบันทึกใช่หรือเปล่า |
1:05:15 | โอ! |
1:05:21 | ฉันจะอธิบายให้เห็น |
1:05:23 | สมองที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ |
ทำหน้าที่เก็บบันทึก | |
1:05:30 | พวกเธอบันทึกเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ |
1:05:33 | ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ |
1:05:41 | เครื่องบันทึกเสียง |
1:05:44 | ก็ทำการเก็บบันทึกเหมือนกัน |
1:05:47 | เธอเข้าใจไหม |
1:05:48 | ในขณะที่ฉันพูดมันก็จะ |
เชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกเสียง | |
1:05:53 | โดยทางไฟฟ้า |
แล้วก็จะถูกบันทึกลงไปในม้วนเทป | |
1:05:56 | สมองเราก็ทำงาน |
ในลักษณะเดียวกันนี้เอง | |
1:06:01 | มันทำหน้าที่ในการเก็บบันทึก |
1:06:04 | ใช่ไหม |
1:06:05 | ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ |
ภูมิศาสตร์ หรือพ่อของเธอ | |
1:06:09 | สมองบันทึกเกี่ยวกับ |
พ่อของเธอด้วยใช่ไหม | |
1:06:12 | ใช่ไหม |
1:06:14 | เอาล่ะ คราวนี้ |
1:06:15 | พวกเธอคิดว่า |
การเก็บบันทึกหมายถึงอะไร | |
1:06:18 | ลองคิดดู ใช้สมองของเธอ |
1:06:21 | S: คือการที่เรา |
เรียกข้อมูลกลับคืนมาได้ | |
1:06:24 | K: การเก็บบันทึกคืออะไร |
1:06:27 | K: เราจำเป็นต้องเก็บบันทึกหรือไม่ |
S: จำเป็นครับ | |
1:06:32 | K: ทำไมล่ะ |
1:06:35 | S: เพื่อเชื่อมโยง |
ระหว่างอดีตและอนาคต | |
1:06:38 | K: เราจำเป็นต้องเก็บบันทึกหรือไม่ |
1:06:44 | ฉันหวังว่าพวกเด็กโต |
กำลังให้ความสนใจในเรื่องนี้ | |
1:06:48 | เพราะว่านี่คือชีวิตของพวกเธอเอง |
1:06:54 | การเก็บบันทึกมีความจำเป็น |
1:06:57 | เมื่อพวกเธอต้องเขียนจดหมาย |
เมื่อขับรถ | |
1:07:03 | ใช่ไหม |
1:07:05 | เมื่อทำข้อสอบ |
โชคไม่ดีที่ต้องสอบ | |
1:07:13 | เมื่อเก็บบันทึกว่าพวกเธอมีพ่อมีแม่ |
1:07:18 | ทั้งหมดนั้นคือการเก็บบันทึก |
1:07:22 | ทุกอย่างที่กล่าวมา |
เป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น | |
1:07:26 | ทีนี้ มันมีการเก็บบันทึก |
อีกอย่างหนึ่ง | |
1:07:31 | นั่นคือ เก็บที่ฉันรู้สึกเจ็บปวด |
เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม | |
1:07:35 | S: เข้าใจครับ |
1:07:36 | K: มีการเก็บบันทึกอยู่สองประเภท |
ยกตัวอย่างเช่น | |
1:07:42 | การเก็บบันทึกเรื่องการขับขี่รถยนต์ |
การเขียนจดหมาย | |
1:07:46 | อยากจะเป็นข้าราชการบริหารของอินเดีย |
อยากจะเป็นวิศวกร | |
1:07:49 | ฟังให้ดี พวกเธอฟังอยู่หรือเปล่า |
1:07:54 | แต่ยังมีการเก็บบันทึก |
ในอีกลักษณะหนึ่ง | |
1:07:57 | เช่น ต้องฉันก่อน ฉันเห็นแก่ตัว |
ต้องการนั่น ต้องการนี่ | |
1:08:01 | ฉันต้องการความสำเร็จในชีวิต |
1:08:05 | ใช่ไหม |
1:08:07 | สองลักษณะนี้ควบคู่กันไปเสมอ |
1:08:15 | สิ่งที่ทำการเก็บบันทึกก็คือความทรงจำ |
1:08:18 | ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อของเธอ |
ความทรงจำเกี่ยวกับวิชาเลขคณิต | |
1:08:23 | ใช่ไหม |
1:08:24 | ดังนั้น การเก็บบันทึกย่อมหมายถึง |
ความทรงจำที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า | |
1:08:37 | เธอเข้าใจหรือเปล่า |
1:08:39 | เมื่อเธอเรียนคณิตศาสตร์เธอก็บันทึก |
เราต้องทำซ้ำๆ ต้องท่องจำ | |
1:08:43 | เช่นเดียวกับการทำงาน |
ของเครื่องเล่นเทป | |
1:08:51 | ดังนั้นพวกเราทุกคน |
ไม่ต่างอะไรกับเครื่องยนต์กลไก | |
1:08:55 | เหมือนเครื่องเล่นเทป มันทำงาน |
แบบซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนั้น | |
1:08:58 | ความทรงจำบอกฉันว่า |
ฉันเป็นพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ | |
1:09:01 | ฉันเป็นฮินดู เป็นฮินดู |
1:09:04 | ฉันต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ ต่อต้าน |
คอมมิวนิสต์ ต่อต้านคอมมิวนิสต์ | |
1:09:09 | และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย |
1:09:11 | แล้วสมองของเราก็เต็มไปด้วยเงื่อนไข |
ถูกจำกัด ทำให้แคบเล็กลง | |
1:09:23 | ใช่ไหม |
1:09:24 | การคิดเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ |
1:09:30 | พวกเธอจะไม่มีความทรงจำใดๆ |
1:09:37 | หากไม่เคยเจอะเจอพ่อแม่ของตัวเอง |
1:09:40 | ต่อเมื่อได้พบเห็นเท่านั้นแหละ |
1:09:45 | จึงจะเกิดกระบวนการบันทึกในสมอง |
เป็นความทรงจำ เป็นความรู้ | |
1:09:50 | ความรู้ก็มาจากประสบการณ์ |
1:09:54 | S: ผมกำลังจดจำ |
1:09:59 | K: เธอคือความทรงจำ |
1:10:05 | เข้าใจไหม |
1:10:07 | พวกเธอคือความทรงจำ |
ทั้งหมดของชีวิตเธอคือความทรงจำ | |
1:10:16 | ความทรงจำว่าเธอเป็นอาตมัน |
1:10:19 | ความทรงจำว่าเธอมีจิตวิญญาณ |
มีแสงสว่างภายในตัว | |
1:10:25 | มีพระเจ้า |
1:10:31 | ทุกอย่างเป็นความทรงจำ |
1:10:32 | ฟังดี ๆ แล้วจงค้นหาว่า |
สิ่งที่ฉันพูดเป็นจริงหรือไม่ | |
1:10:36 | หรือเป็นคำพูดเท็จ |
1:10:39 | ค้นหาดู |
1:10:44 | ตัวเธอคือความทรงจำ หากปราศจาก |
ความทรงจำ เธอก็ไม่เป็นอะไรเลย | |
1:10:49 | ความทรงจำว่าเธอชื่ออะไร |
จำครอบครัวของตัวเอง | |
1:10:51 | จำวิชาเลข จำเพื่อน |
1:10:57 | จำได้ว่าเคยขึ้นไปที่เขาลูกนั้น |
1:11:00 | ใช่ไหม |
1:11:02 | เธอคือความทรงจำ |
1:11:07 | ความทรงจำคือสิ่งที่ตายจากไปแล้ว |
1:11:10 | S: แล้วเราจะดำรงชีวิตอยู่ |
ได้อย่างไร | |
1:11:13 | K: อยู่ได้ด้วยอวัยวะ มีอาหาร |
มีอากาศ และมีน้ำ | |
1:11:19 | S: แล้วเราจะสามารถ… |
1:11:22 | K: ค้นหาสิ นี่คือเรื่อง |
ที่สำคัญอย่างยิ่ง | |
1:11:25 | เข้าใจไหม |
1:11:28 | ค้นให้พบว่าอะไรคือความจริง |
1:11:33 | ความทรงจำไม่ใช่ความจริง |
1:11:37 | S: ความจริงที่ว่านั้น |
หมายถึงอะไร | |
1:11:41 | K: เราไม่สามารถอธิบายความจริงได้ |
1:11:44 | ดอกไม้คืออะไร |
ดอกไม้ดอกนั้นคืออะไร | |
1:11:49 | ลองดูมันสิ |
1:11:52 | เวลาที่กำลังมองดอกไม้ พวกเธอ |
ไม่เคยตั้งคำถามหรอกว่ามันคืออะไร | |
1:11:57 | มาได้อย่างไร หรือมันสวยงามอย่างไร |
1:12:01 | ขอจงเรียนรู้อะไรบางอย่าง |
1:12:03 | ความงามคือความจริงแท้ |
1:12:07 | พวกเธอเข้าใจหรือเปล่า |
ความงามคือความจริงแท้ | |
1:12:12 | ชีวิตอันงดงาม |
ไม่ใช่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จ | |
1:12:23 | เอาล่ะ ตอนนี้เวลา 10:50 แล้ว |
เรามานั่งเงียบๆ กันเถอะ | |
1:12:29 | |
1:12:34 | เงียบจริงๆ นะ |
1:13:29 | เอาล่ะ ขอบคุณทุกคน |