Krishnamurti Subtitles

RV85DS1 - รสชาติของความกลัวเป็นอย่างไร

สนทนากับนักเรียน ครั้งที่ 1 ที่ Rishi Valley อินเดีย
วันที่ 5 ธันวาคม 1985



1:04  K: พวกเธออยากให้ฉันพูดคุย
เกี่ยวกับเรื่องอะไรหรือ
  
1:19  ไม่ต้องยกมือหรอก
แค่บอกฉันมา
  
1:22  S: ทำไมคุณจึงดูพิเศษกว่า
แล้วพวกเราดูด้อยกว่าคุณล่ะครับ
  
1:30  S: ทำไมพวกเราหลายคน
จึงรู้สึกในทำนองนั้นครับ
  
1:33  K: รู้สึกว่าเหนือกว่า
ด้อยกว่าอย่างนั้นหรือ
  
1:35  S: ใช่ครับ
 
1:37  K: โอ! พระเจ้า
ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
  
1:42  ทำไมพวกเราถึงมานั่งอยู่ที่นี่
 
1:57  มันมีเสียงก้องอยู่ตรงนั้น
(หัวเราะ)
  
2:02  ทำไมพวกเรา - หยุดอันนั้นก่อน
ทำไมพวกเรา
  
2:06  ทำไมเธอจึงรู้สึกว่า
เธอเหนือกว่าพวกเราคนอื่นๆ
  
2:11  เป็นอย่างนั้นใช่ไหม
 
2:12  S: พวกเราหลายคนรู้สึกเช่นนั้นครับ
K: พวกเราหลายคนรู้สึกในทำนองนั้น
  
2:16  ทำไมล่ะ
 
2:18  ทำไมเธอจึงคิดเช่นนั้น
 
2:24  S: บางทีอาจเป็นเพราะ
ทุกคนกำลังพูดเกี่ยวกับคุณ
  
2:28  K: โอ! ทุกคนกำลังพูดเกี่ยวกับฉัน
แย่จัง!
  
2:32  นอกจากเรื่องนั้นแล้ว
ทำไมพวกเธอจึงคิดในทำนองนั้นด้วยล่ะ
  
2:40  S: ผมไม่ทราบครับ
K: เธอไม่ทราบ
  
2:42  S: มันแค่เข้ามาในใจของพวกเราครับ
 
2:44  S: มันแค่เข้ามาในใจของพวกเรา
เท่านั้นครับ
  
2:46  K: อย่าพูดพร้อมกันทีเดียวสองคนซิ
 
2:50  เธอพูดว่าอะไรน่ะ
 
2:54  อย่ากลัวไปเลย
 
2:59  S: มันแค่ผุดขึ้นมาในใจของพวกเรา
เท่านั้นครับ
  
3:03  K: มันแค่ผุดขึ้นมาในสมอง
 
3:07  ทำไมล่ะ
 
3:11  เป็นเพราะฉันได้เดินทาง
มาแล้วทั่วโลก ซึ่งเธอยังไม่เคย
  
3:14  ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
 
3:16  ฉันได้เดินทางไปทั่วยุโรป
 
3:19   
 
3:24  ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิจิ
และอเมริกาใต้ อย่างนั้นใช่ไหม
  
3:29  ไปมาแล้วทั่วอเมริกา ยุโรป
และที่อื่นๆ
  
3:33  นั่นทำให้มีความแตกต่าง
อะไรบ้างไหม
  
3:36  S: ไม่ครับ
K: ไม่
  
3:38  แล้วอะไรทำให้เธอแตกต่าง
จากคนอื่นๆ ล่ะ
  
3:44  S: คุณคะ บางทีเราสร้างความคิดเห็น
เกี่ยวกับคนอื่นขึ้นมา
  
3:50  เราสร้างความคิดเห็นบางอย่างขึ้นมา
 
3:53  K: ทำไมเธอจึงมีความคิดเห็น
เกี่ยวกับคนอื่นล่ะ
  
4:00  เธอบอกฉันมาซิ ทำไมเธอจึงมีความเห็น
ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ
  
4:09  ความคิดเห็นคืออะไร
 
4:15  พวกเธอเป็นเด็กที่ฉลาด
ตอบหน่อยซิ
  
4:17  สองคนโน้น
ที่นั่งอยู่ท่ามกลางพวกผู้ใหญ่
  
4:25  ความคิดเห็นคืออะไรล่ะ
 
4:28  ทำไมพวกเรา
จึงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับฉัน
  
4:31  เกี่ยวกับกันและกัน
หรือเกี่ยวกับบุคคลที่อาวุโสกว่า
  
4:35  ทำไมเธอจึงมีความคิดเห็น
ความคิดเห็นนั้นเธอหมายถึงอะไร
  
4:41  S: หมายถึงภาพลักษณ์ แนวความคิดครับ
 
4:45  K: คือภาพลักษณ์
หรือแนวคิดเกี่ยวกับคนอื่น
  
4:51  ทำไมเธอจึงมีสิ่งเหล่านี้
เธอไม่ได้รู้จักฉัน
  
4:54  ใช่ไหม
 
4:56  ใช่หรือเปล่า
 
4:57  S: (ไม่ได้ยิน)
K: ไม่นะ ที่รัก เดี๋ยวสักครู่นะ
  
4:59  เธอไม่รู้จักฉันไม่ใช่หรือ
ไม่รู้จัก
  
5:03  ฉันมาที่นี่นานๆ ครั้ง
 
5:06  และมีความวุ่นวาย
เกี่ยวกับการมาของฉัน
  
5:10  อย่างนั้นใช่ไหม
แต่เธอไม่ได้รู้จักฉันจริงๆ
  
5:13  เหตุใดเธอจึงมีความคิดเห็น
เกี่ยวกับฉันล่ะ
  
5:15  บางทีฉันอาจจะเป็นคนร้ายก็ได้
ใช่ไหม
  
5:19  บางทีฉันอาจจะเป็นคนที่อวดรู้
ทั้งๆ ที่ไม่รู้จริง
  
5:22  หรือเป็นคนหลอกลวงก็ได้
 
5:24  หรืออะไรก็ได้
ที่เธออยากให้ฉันเป็น
  
5:25  แต่เธอไม่ได้รู้จักฉัน
 
5:29  จริงไหม
 
5:31  ใช่หรือเปล่า
 
5:32  ดังนั้น ทำไมเธอจึงมีความคิดเห็น
เกี่ยวกับฉันล่ะ
  
5:38  ความคิดเห็นหมายถึง
มีการเสนอแนะก่อน
  
5:44  และก็ยังหมายถึงเธอมีแนวคิด
ไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับตัวเขาด้วย
  
5:48  และเธอก็มีมโนภาพเกี่ยวกับเขา
 
5:53  อย่างนั้นใช่ไหม
 
5:59  ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาพูด หน้าตา
ท่าทางของเขา ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น
  
6:03  เธอก็จะแปลความไปตามมโนภาพนั้น
 
6:06  ใช่ไหม
 
6:07  แล้วทำไมเรื่องทั้งหมดนี้
จึงเกิดขึ้น
  
6:13  ฉันกำลังถามพวกเธอทุกคน
ว่าเหตุใดเธอจึงมีความคิดเห็นต่างๆ
  
6:21  S: เพราะความอยากรู้อยากเห็นครับ
มันเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น
  
6:25  K: แล้วทำไมพวกเธอจึงมี
ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวฉัน
  
6:29  ฉันจะบอกทุกเรื่อง
ที่เธออยากรู้เกี่ยวกับตัวฉัน
  
6:33  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากรู้
เกี่ยวกับฉัน
  
6:36  ใช่ไหม
 
6:39  แล้วเหตุใดเธอจึงอยากรู้อยากเห็น
เกี่ยวกับตัวฉัน
  
6:45  ว่าฉันหวีผมอย่างไร
 
6:48  ฉันแปรงฟันอย่างไร
และฉันนอนหลับนานเท่าไร
  
6:56  อย่างนั้นใช่ไหม
 
6:57  พวกเธออยากรู้
เรื่องทั้งหมดนั้นใช่ไหม
  
7:02  พวกเธอไม่ต้องการรู้หรือ
 
7:05  ขอให้ซื่อสัตย์นะ
พวกเธอไม่ต้องการรู้ใช่ไหม
  
7:09  ถ้าเช่นนั้นพวกเธออยากรู้อะไร
เกี่ยวกับตัวฉันล่ะ
  
7:14  เธอไม่รู้หรือ
 
7:16  แล้วเหตุใด
เธอจึงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับฉัน
  
7:20  ทำไมเธอจึงมีความคิดเห็นต่อกัน
 
7:26  นั่นหมายความว่า
ฉันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอ
  
7:30  และความคิดเห็นนั้น
ก็บังตาฉันในการมองดูเธอ
  
7:35  ความคิดเห็นเข้ามาสอดแทรก
ระหว่างฉันและเธอ
  
7:39  ถูกไหม
แล้วเหตุใดเธอจึงมีความคิดเห็น
  
7:45  S: ถ้าอย่างนั้น
คุณมองดูคนอื่นๆ อย่างไรครับ
  
7:47  K: เธอมองดูผู้อื่นอย่างไร
มองดูฉัน
  
7:49  ฉันมองดูเธอ
ทำไมเธอจึงต้องมีความคิดเห็น
  
7:52  ฉันมองดูเธอ
 
7:55  เธอตัดผมสั้นขึ้นมาถึงนี่
 
7:58  ฉันหวีผมของฉัน (หัวเราะ)
 
8:01  บางทีเธออาจจะเคยเห็นภาพของฉัน
แล้วยังไงล่ะ
  
8:06  ทำไมเธอจึงมีความคิดเห็น
 
8:09  คิดซิ คิดออกมา
 
8:18  พวกเธอกำลังคิดอยู่จริงๆ
หรือว่าพวกเธอแค่เงียบไป
  
8:30  เธอสามารถมองดูหรือฟังใครสักคน
 
8:36  โดยปราศจากความคิดเห็น
แม้เพียงความคิดเห็นเดียวได้ไหม
  
8:40  เพื่อว่าเธอจะได้ยินอะไรก็ตาม
ที่เขาพูด ถูกต้องไหม
  
8:43  เธอเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
 
8:48  เธอจะเริ่มจับสาระสำคัญ
และความหมาย
  
8:54  ของสิ่งที่ผู้อื่นกำลังพูดได้
 
8:57  ถูกต้องไหม
 
8:58  แต่ถ้าเธอมีความคิดเห็น
เธอก็จะไม่ได้ยิน
  
9:02  ใช่ไหม
 
9:05  ฉะนั้นเวลาที่ฉันพูด
เธอจะฟังไหม
  
9:09  ฟังจริงๆ ด้วยหูของเธอ
 
9:16  และฟังในสิ่งที่เขาจะพูด
 
9:20  ฟังโดยที่ไม่แปลความ
สิ่งที่เขากำลังพูดกับเธอ
  
9:26  นั่นคือการรับฟังใครสักคนจริงๆ
 
9:31  ใช่ไหม
 
9:33  ฟังจริงๆ นะ
 
9:36  เธอจะฟังครูของเธอไหม
 
9:40  S: ฟังครับ
 
9:41  K: อย่าโกหกนะ
 
9:46  อย่าเสแสร้งน่ะ
 
9:49  เธอฟังครูของเธอหรือเปล่า
S: ไม่ได้ฟังตลอดเวลาครับ
  
9:52  K: ไม่ได้ฟังตลอดเวลา
ดี
  
9:56  เมื่อใดที่เธอฟังพวกเขา
 
9:59  ไม่ต้องมองไปที่พวกเขาหรอก
 
10:02  เวลาไหนที่เธอฟังพวกเขา
 
10:06  S: (ไม่ได้ยินเสียง)
 
10:09  K: มีพวกเธอสี่คนเท่านั้นที่พูด
ให้คนอื่นได้พูดบ้างซิ
  
10:13  เมื่อไหร่ที่พวกเธอฟังครู
หรือฟังคนที่ให้การศึกษาแก่เธอ
  
10:19  S: เมื่อสิ่งนั้นมันถูกจริตกับคุณ
 
10:21  K: เมื่อสิ่งนั้นถูกจริตเธอ
ถูกต้องทีเดียว
  
10:27  เมื่อมันทำให้เธอสบายใจ
 
10:30  เมื่อมันดี เหมาะกับเธอ
รื่นหูเธอ
  
10:34  เธอก็จะฟังเขา
อย่างนั้นถูกไหม
  
10:37  นั่นไม่ใช่การฟังหรือ
ไม่ใช่หรือ
  
10:42  เธอรู้ว่าการฟังหมายถึงอะไร
ไม่ใช่หรือ
  
10:45  หมายถึง เธอได้ยินเสียง
 
10:50  และสิ่งที่ได้ยินนั้น
สื่อสารกับสมองของเธอ
  
10:53  จากนั้นสมองก็แปลความ
 
10:55  ไปตามภาษาที่เธอคุ้นเคย
แล้วก็สื่อออกมาว่า
  
10:58  นี่คือสิ่งที่เขากำลังพูดกับฉัน
 
11:01  ใช่ไหม อย่างนั้นถูกต้องไหม
 
11:05  ดังนั้น เธอฟังใครบ้างไหม
 
11:10  ระมัดระวังนะ ไม่ใช่แค่ตอบผ่านๆ
 
11:13  เธอรู้
 
11:15  แต่เธอเคยฟังใครจริงๆ บ้างไหม
 
11:19  ฟังพ่อของเธอ
 
11:23  ฟังลุง ป้า แม่ ครู
หรือเพื่อนของเธอ
  
11:25   
 
11:28  เธอเคยฟังใครสักคนจริงๆ ไหม
 
11:31  S: พวกเราฟังคุณครับ
K: เธอกำลังฟังฉัน - ทำไมล่ะ
  
11:34   
 
11:38  เธอกำลังฟังฉันอยู่จริงๆ หรือเปล่า
 
11:42  หรือเสแสร้งตอบว่า
"ใช่ มาคุยกันต่อเถอะ"
  
11:50  เธอกำลังฟังอยู่จริงๆ หรือเปล่า
 
11:53  เธอฟังเสียงนกร้องไหม
 
11:59  S: เวลาที่ไม่มีอะไรมารบกวนให้วอกแวก
เราก็ฟังครับ
  
12:04  K: เธอฟังเมื่อไหร่น่ะ
 
12:07  เมื่อมีสิ่งรบกวนหรือ
S: ไม่ใช่ครับ
  
12:08  ถ้าไม่มีอะไรรบกวนให้ไขว้เขว
คุณก็จะฟังในสิ่งที่คุณชอบจะฟังครับ
  
12:09   
 
12:12  K: แล้วทำไมเธอจึงใช้คำว่า
"สิ่งรบกวนให้ไขว้เขว"
  
12:18  บอกฉันมาซิ พวกเธอที่โตแล้ว
ที่นั่งเงียบอยู่ตรงโน้น
  
12:21  ทำไมเธอจึงใช้คำว่า "สิ่งรบกวน"
 
12:25  เธอรู้ไหมคำๆ นั้น หมายถึงอะไร
 
12:30  S: สิ่งที่สอดแทรกเข้ามา
ในวิถีทางของสิ่งอื่นครับ
  
12:34  K: หนุ่มน้อย ฉันกำลังถามเธอว่า
สิ่งรบกวน เธอหมายถึงอะไร
  
12:40  หมายถึง ถูกดึงดูดไป - ใช่ไหม
ถูกรบกวนให้ไขว้เขว
  
12:46  พวกเธอถูกดึงดูดด้วยอะไร
 
12:54  เธอกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า
มันสนุกไหม
  
13:01  พวกเธอถูกบังคับให้มาฟังฉันหรือเปล่า
 
13:05  ไม่มีใครขอให้พวกเธอมาฟังฉันใช่ไหม
 
13:09  พวกเธอแน่ใจหรือเปล่า
ไม่ต้องมองไปที่พวกเขา
  
13:17  เธอเห็นไหม
คนที่อาวุโสกว่าไม่พูดอะไรเลย
  
13:23  นั่นเพราะพวกเขาโตแล้ว
 
13:29  พวกเธอก็เหมือนกัน เมื่อพวกเธอ
โตขึ้น อาวุโสขึ้นอีกนิดหน่อย
  
13:32  พวกเธอก็จะหยุดพูดด้วยเช่นกัน
 
13:35  แต่พวกเธอไม่ได้หยุดพูดคุย
ระหว่างพวกเธอกันเองหรอก
  
13:40  แต่พวกเธอหยุดที่จะพูดคุยกับฉัน
ใช่อย่างนั้นไหม
  
13:44  ถูกหรือเปล่า ทำไมล่ะ
 
13:51  พวกเธออยากรู้อยากเห็น
เรื่องที่ฉันต้องการจะพูดหรือเปล่า
  
13:57  เธอต้องการให้ฉันบอกเธอหรือว่า
ฉันเคยไปที่ไหนมาบ้าง
  
14:05  เธออยากให้ฉันบอกเธอหรือว่า
ฉันพบใครมาแล้วบ้าง
  
14:11  S: ไม่ครับ
 
14:13  K: ไม่หรือ เธอไม่สนใจใช่ไหม
 
14:18  นกน้อยสามตัวนั่นพูดอยู่ตลอดเวลา
 
14:21  ฉันดีใจที่พวกเธอพูด
 
14:24  แต่คนอื่นๆ นั่งเงียบเลย ทำไมล่ะ
 
14:30  ฉันพบนายกรัฐมนตรีของเธอ
และพบรองประธานาธิบดี
  
14:37  แล้วก็รับประทานอาหารเที่ยง
และเย็นด้วยกัน
  
14:41  และเราก็พูดคุยกันขรม
เธอรู้มั้ยคำว่า "คุยจ้อ" หมายถึงอะไร
  
14:44  หมายถึงพูดคุยกัน
 
14:50  แล้วเราก็ได้พบคนอื่นๆ อีกหลายคน
 
14:56  นักการเมืองคืออะไร
 
15:00  S: คือคนที่หาเสียง
เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง
  
15:07  แล้วเข้าไปดูแลบ้านเมือง
หรือประเทศในตำแหน่งที่ใหญ่โต
  
15:19   
 
15:22  S: คือคนที่เป็นผู้นำประเทศครับ
K: นำประเทศ
  
15:29  พวกเขากำลังนำประเทศหรือ
 
15:33  S: ไม่ใช่ครับ
 
15:35  K: แล้วทำไมเธอจึงใช้คำว่า
"นำประเทศ" ล่ะ
  
15:41  S: คือคนที่ช่วยเหลือประเทศครับ
 
15:45  K: "ประเทศ" เธอหมายถึงอะไรล่ะ
S: คือที่ที่เราอยู่อาศัย
  
15:48   
 
15:51  K: "ประเทศ" ที่เธอหมายถึงคืออะไร
หมายถึงประเทศไหน
  
15:54   
 
15:57  S: ประเทศไหนก็ได้
K: ประเทศไหนก็ได้
  
16:00  แล้วพวกนักการเมือง
กำลังเป็นผู้นำประเทศหรือ
  
16:05  S: พวกเขาพยายามที่จะช่วยค่ะ
 
16:07  K: พยายามที่จะช่วยอะไร
เรื่องความยากจนงั้นหรือ
  
16:11  S: พยายามที่จะช่วยแก้ปัญหา
 
16:14  K: ปัญหาอะไรล่ะ
S: หลากหลายปัญหาค่ะ
  
16:17  K: บอกฉันหน่อยเถอะ
ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง
  
16:20  S: เช่น ช่วยแก้ปัญหา
ความทุกข์ร้อนของประชาชน
  
16:26  K: ความทุกข์ร้อนของคนอื่น
อย่างนั้นใช่ไหม
  
16:29  แล้วเธอมีความขุ่นข้องใจหรือเปล่า
 
16:33  ต่อใครหรือ
 
16:39  ฉันหวังว่าพวกเขาบางคนจะพูดบ้างนะ
 
16:43  พวกเธอสนใจเรื่องอะไรหรือ
 
16:58  พวกเธออยากจะพูดคุยกับฉัน
หรือให้ฉันพูดอยู่คนเดียวต่อไป
  
17:07  S: ขอโทษค่ะ หนูใคร่จะขอถามคุณ
เกี่ยวกับเรื่องความกลัว
  
17:13  K: ความกลัว
 
17:19  นี่เป็นเรื่องใหญ่หลวง
ไม่ใช่หรือ
  
17:25  เธอกลัวอะไรบ้างหรือเปล่า
 
17:28  ขอให้ซื่อสัตย์นะ
S: บางครั้ง หนูก็กลัวค่ะ
  
17:31  K: บางครั้งเธอก็กลัว
ความกลัวนั้น เธอหมายถึงอะไร
  
17:36  คิดให้รอบคอบอย่างระมัดระวังนะ
 
17:38  ฟังความหมายของคำว่า
"ความกลัว" อย่างใส่ใจ
  
17:47  เธอกลัวพ่อและแม่ของเธอไหม
 
17:52  บางครั้งนะ
 
17:54  S: เป็นบางครั้งเวลาที่พวกเขาโกรธ
K: ใช่ กลัวบางครั้ง
  
17:57  แล้วพวกเธอ
มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
  
18:02  เวลาที่พวกเธอรู้สึกตกใจ
หวาดกลัว
  
18:05  ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ
 
18:10  พูดมาเถอะ
 
18:13  คิดอย่างถี่ถ้วนรอบคอบนะ
อย่าเพียงแค่พูดออกมา
  
18:17  เมื่อเธอมีความกลัว
ความรู้สึกของมันเป็นอย่างไร
  
18:23  รสชาติของความกลัวเป็นอย่างไร
 
18:25  พวกเธอเคยรู้รสชาติกล้วย
 
18:30  เคยลองชิมอาหารหลากหลายประเภท
แล้วรสชาติของความกลัวคืออะไร
  
18:33   
 
18:37  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาวุโสกว่า
นักเรียนที่โตกว่า
  
18:42  พวกเขาหวาดกลัวมาก
 
18:44  เพราะว่าเขาต้องสอบให้ผ่าน
 
18:47  และพ่อของเขาก็จะบอกเขา
ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
  
18:50  ถูกไหม
 
18:52  ถูกต้องหรือเปล่า
 
18:54  พวกเธอก็กำลังจะถูกบอก
ว่าต้องทำอะไรบ้างเหมือนกัน
  
18:58  ต้องสอบให้ผ่าน ต้องได้งานทำ
เธอก็รู้เรื่องทั้งหมดนี้
  
19:02  ดังนั้น
ความรู้สึกของความกลัวคืออะไร
  
19:08  S: คุณรู้สึกเหมือนกับว่า
 
19:10  คุณต้องการจะถอนตัวไปยังสิ่งอื่น
ให้ไกลจากสิ่งที่ทำให้คุณหวาดกลัว
  
19:20  K: ใช่ เมื่อเธอเห็นงูเห่า
 
19:24  ฉันเชื่อว่าที่นี่คงจะมีงูเห่า
อยู่หลายตัว ฉันไม่เคยเห็นพวกมัน
  
19:28  ที่ตัวยาวและก็มีพิษร้ายด้วย
 
19:32  พวกเธอขลาดกลัวใช่ไหม
แล้วพวกเธอต้องการถอยห่าง
  
19:37  ความรู้สึกมันเป็นอย่างไร
 
19:41  S: ความเจ็บปวดที่คุณกำลังจะได้รับ
 
19:51  K: ความเจ็บปวด ใช่ เราจะใช้คำนี้
 
19:56   
 
19:57  ความเจ็บปวดที่เธออาจจะได้รับ
ถ้าถูกงูเห่ากัด
  
20:03  แล้วความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร
 
20:07  พวกเธอยังไม่เคยถูกงูกัด
 
20:10  แต่พวกเธอจินตนาการไปว่า
จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างนั้นใช่ไหม
  
20:17  หรือคิดว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น
แล้วเธอก็กลัว
  
20:20   
 
20:22  ฉันกำลังถามพวกเธอ
ด้วยความสุภาพยิ่งว่า
  
20:27  ความรู้สึกของความกลัวนั้น
คืออะไร
  
20:35  บางทีผู้ที่อาวุโสกว่า
จะเข้ามาร่วมด้วย
  
20:40  ความรู้สึกกลัวคืออะไร
 
20:46  คิดดูสิ อย่าเพิ่งหลับ
 
20:50  ยังเช้าตรู่อยู่เลย
 
20:53  S: คุณค่ะ บางทีคุณวุ่นวายใจ
 
20:57  K: สมองวุ่นวาย
เธอหมายความว่าอย่างไร
  
21:03  S: คุณไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรดี
 
21:06  K: เธอไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไร
 
21:09  อย่างนั้นใช่ไหม
 
21:11  เธอเห็นงูเห่าบนถนนหรือตามทางเดิน..
 
21:16  และเธอก็รู้ว่ามันมีพิษ ใช่ไหม
 
21:20  และเธอก็วิ่งหนีจากมัน
หรือไม่ก็ร้องไห้ หรือตะโกน
  
21:26  ฉันกำลังถามเธอว่า
ความรู้สึกเบื้องหลังนั้นคืออะไร
  
21:32  S: คุณรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยค่ะ
 
21:42  K: เธอรู้สึกกระวนกระวาย
รู้สึกวิตกกังวล
  
21:46  อย่างนั้นใช่ไหม
 
21:50  เธอหวาดกลัว
 
21:54  อาการของความหวาดกลัวนั้น
เป็นอย่างไร
  
21:57  S: รู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะ
K: ไม่ปลอดภัย
  
21:59  คำว่า "ไม่ปลอดภัย"
เธอหมายความว่าอย่างไร
  
22:03  ว่าต่อไปสิ
ตรวจสอบมันทีละขั้น ทีละตอน
  
22:07  S: ปราศจากการป้องกัน
K: ปราศจากการป้องกัน
  
22:11   
 
22:13  เธอยังไม่เคยถูกงูเห่ากัด
 
22:17  ใช่ไหม
 
22:18  แต่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไปล่วงหน้าแล้ว
  
22:22  ใช่ไหม
 
22:24  เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดไหม
 
22:25  เธอได้จินตนาการไปแล้วว่า
เธออาจจะได้รับบาดเจ็บ
  
22:30  เวลาที่เธอจะเข้านอน
เธออาจคิดว่าเธอจะตาย
  
22:33  เธอรู้สึกตกใจกลัว
 
22:35  ฉันกำลังถามเธออยู่นะ
 
22:37  เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย
ถ้าเธอไม่รังเกียจฉันจะพูดย้ำอีกครั้ง
  
22:42  ความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไร
 
22:46  มีอะไรอยู่เบื้องหลังถ้อยคำเหล่านี้
 
22:56  S: คุณรู้สึกราวกับว่าคุณเพิ่งจะ
 
23:01  กล้ามเนื้อของคุณเขม็งเกร็งขึ้น
และมันก็จะมี
  
23:05  ..ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายถึงมันอย่างไร
K: เธอบอกฉันมาเถอะ
  
23:10  S: ราวกับว่าหัวใจของคุณ
ได้หยุดเต้น
  
23:14  แต่บางครั้งสำหรับคนอย่างผม
หัวใจมันก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น
  
23:19  K: ฉันไม่เข้าใจ
 
23:21  N: เขาบอกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น
 
23:24  K: นั่นคือสิ่งที่ฉัน
อยากให้เธอบอกฉันมา
  
23:27  หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น
 
23:30  N: เขาพูดว่า กล้ามเนื้อเขม็งตึงขึ้น
K: กล้ามเนื้อเกร็งแน่น
  
23:33  ขึ้นมานั่งนี่เถอะพ่อหนุ่มน้อย
เธอไม่รังเกียจที่จะนั่งข้างๆ ฉันใช่ไหม
  
23:38  S: ไม่รังเกียจครับ
 
23:40  K: เธอรังเกียจหรือเปล่า
S: เปล่าครับ
  
23:42  K: ถ้าเช่นนั้นก็มานั่งข้างๆ ฉันซิ
 
23:48  เจ้าลิงสองตัว
 
23:55  หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น
 
23:58  กล้ามเนื้อของเธอตึงแน่น
อย่างนั้นใช่ไหม
  
24:03  แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกบ้างล่ะ
 
24:07  บอกฉันมาเถอะ
 
24:10  พวกเธอต้องการพูดคุยกัน
เกี่ยวกับเรื่องความกลัว
  
24:13  แล้วฉันก็กำลังทำสิ่งนี้อยู่
 
24:15  ไม่ใช่หรือ
 
24:17  S: คุณรู้สึกราวกับตีมันด้วยก้อนหิน
หรืออะไรบางอย่าง
  
24:22  S: คุณรู้สึกราวกับกำลังกำจัดมัน
 
24:30  K: ฉันไม่
 
24:34  N:เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังกำจัดมัน
K: เธอต้องการฆ่ามันเสีย
  
24:40  กล้ามเนื้อของเธอหดเกร็ง
 
24:54  S: คุณรู้สึกราวกับว่า
มีระฆังดังกริ๋งๆ อยู่ในตัวคุณ (หัวเราะ)
  
25:09  K: ระฆังสั่นกริ๋งๆอยู่ภายในตัวเธอ
เธอหมายความว่าอย่างไรหรือนั่น
  
25:20  S: คุณมีความรู้สึกทำนองนั้น
 
25:22  K: เธอเคยรู้สึกตกใจกลัวจริงๆ ไหม
 
25:26  S: เคยค่ะ
 
25:29  K: ฉันไม่แน่ใจ
 
25:33  S: ในขณะนั้นคุณต้องการ
ทำอะไรบางอย่าง เช่น วิ่ง
  
25:35  แต่คุณไม่สามารถทำได้
K: ใช่แล้ว แม่สาวน้อย
  
25:39  แต่ฉันกำลังถามเธอเรื่องอื่น
ซึ่งเธอยังไม่ได้บอกฉันเลย
  
25:43  S: คุณเริ่มเหงื่อตก
 
25:46  K: เขาบอกฉันว่า
กล้ามเนื้อบีบตัว หดตัว
  
25:55  และสมองของเธอ
ก็ด้านชาตื้อทึบไปชั่วขณะ
  
26:02  มันไม่คิด ไม่ทำงาน มันตกใจกลัว
 
26:04  อย่างนั้นใช่ไหม
 
26:09  S: มันคิดถึงภาพเก่าๆ
 
26:18  K: มันคิดถึงภาพที่ผ่านไปแล้ว
 
26:21  เมื่อเธอเห็นงูเห่า ในขณะนั้นเอง
เธอรู้สึกตกใจกลัวใช่ไหม
  
26:27  หรือว่าในวินาทีต่อมา
"มันช่างอันตรายอย่างยิ่ง"
  
26:33  เธอวิ่งหนีจากมัน
คล้ายกับเธอจะขว้างก้อนหินใส่มัน
  
26:39  จากที่ห่างออกมา
และอื่นๆ ทำนองนั้น
  
26:44  แต่เธอไม่ได้บอกฉัน
 
26:47  ฉันจะถามซ้ำอีกครั้ง
ถ้าเธอไม่รังเกียจ
  
26:49  ว่ามีความรู้สึกใด
อยู่เบื้องหลังหรือ
  
26:54  เธอรู้จักความรู้สึก
เมื่อเธอเจ็บปวด
  
26:57  ความรู้สึกเมื่อนิ้วของเธอ
โดนไฟลวก
  
27:01  ถูกไหม
 
27:03  ความรู้สึกเมื่อใครบางคนตีเธอ
 
27:06  ฉันหวังว่าคงไม่มีใครทำ
แต่มีบางคนตีเธอ
  
27:09  เธอรู้จักความรู้สึกนั้น
 
27:12  ดังนั้นความรู้สึกกลัวคืออะไร
 
27:15  อย่าเพิ่งบอกฉัน คิดให้ดีๆ
 
27:18  ตัวความรู้สึก
 
27:21  ความรู้สึกเมื่อใครบางคนดูถูก
เหยียดหยามเธอ เธอรู้ไหมมันหมายถึงอะไร
  
27:25  เมื่อใครบางคนยกยอเธอ
 
27:28  เธอรู้จักความรู้สึกทั้งหมดนั้น
 
27:31  แต่ฉันกำลังถามเธอว่า
ความรู้สึก
  
27:35  ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
เบื้องหลังความกลัวคืออะไร
  
27:41  S: คุณรู้สึกหวาดกลัว
 
27:45  K: ใช่ พ่อหนุ่มน้อย
ฉันพูดว่าเธอรู้สึกหวาดกลัว
  
27:48  แต่มีความรู้สึกอะไร
อยู่เบื้องหลังความกลัว
  
27:53  S: คุณครับ ผมคิดว่า
มันเป็นความรู้สึกสับสนเต็มที
  
28:04  K: ความรู้สึกสับสน
 
28:06  คำว่า "ความสับสน" นั้น หมายถึงอะไร
 
28:10  เห็นไหม เธอไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน
 
28:16  S: คุณไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
 
28:20  K: เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
ถูกทีเดียว
  
28:24  พูดมาเถอะ พูดออกมาอีก
 
28:35  S: คุณไม่รู้ว่าถ้าคุณทำอะไรลงไป
มันจะถูกหรือผิด
  
28:38   
 
28:39  คุณไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
K: ใช่
  
28:44  กล้ามเนื้อของเธอจึงหดเกร็งใช่ไหม
 
28:48  สมองของเธอก็สับสน
มันมีความรู้สึกแปลกแยก
  
28:54  เธอรู้ไหมว่านั่นหมายถึงอะไร
S: ทราบค่ะ
  
28:57  K: ความรู้สึกที่แปลกแยกจากสิ่งอื่นๆ
โดยสิ้นเชิง
  
29:02  เธอกำลังเผชิญหน้ากับงูเห่า
เผชิญกับสิ่งที่อันตราย
  
29:07  และเธอรู้สึกว่าตัวหดเล็กลง
 
29:14  ความรู้สึก.
 
29:16  S: คุณชะงักงันไปเลยในขณะนั้น
 
29:29  K: นั่นแหละ ชะงักนิ่งไปเลย
 
29:40  เมื่อเธอมีความกลัว
เธอรู้สึกงงงวย นิ่งงัน
  
29:46  เส้นประสาททั้งหมดของคุณหดตัว
ใช่ไหม
  
29:49  เธอรู้สึกว่าเธอแปลกแยก
และอื่นๆ อีก
  
29:53  เดี๋ยวก่อน
 
29:57  เธอรู้สึกอย่างนั้นทั้งหมด
จากนั้นแล้วเธอทำอย่างไร
  
30:04  เธอถามคำถามนั้น
เธอบอกว่า
  
30:07  "ให้พูดคุยเกี่ยวกับความกลัว"
 
30:11  กลัวว่าจะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน
อย่างนั้นใช่ไหม
  
30:16  กลัวความล้มเหลว
กลัวพ่อแม่ของเธอ
  
30:20  กลัวผู้ให้การศึกษาแก่เธอ
กลัวงู - ความกลัว
  
30:25  ถูกต้องไหม
 
30:27  เธอมีความกลัวเป็นโหลๆ
 
30:29  ใช่หรือเปล่า
 
30:30  มีเป็นโหลๆ
 
30:32  เห็นด้วยไหม
 
30:34  ใช่ไหม
 
30:37  แล้วสาเหตุของความกลัวคืออะไร
 
30:40  อะไรเป็นสาเหตุ
 
30:43  เมื่อฉันใช้คำว่า "สาเหตุ"
เธอเข้าใจหรือเปล่า
  
30:50  เธอเข้าใจคำนั้นไหม
เมื่อฉันใช้คำว่า "สาเหตุ"
  
30:52  S: เข้าใจครับ
 
30:54  มีเหตุจูงใจอะไร
K: อะไรคือแรงจูงใจ
  
30:57  จุดเริ่มต้นของความกลัวคืออะไร
 
31:01  อะไรทำให้เกิดความกลัว
 
31:03  อะไรคือสาเหตุ
อะไรคือรากเหง้า
  
31:06  อะไรคือรากฐานของความกลัว
 
31:09  ฉันได้ใช้คำหลากหลายคำ
 
31:12  "สาเหตุ" "เหตุจูงใจ" "รากเหง้า"
 
31:17  อย่างนั้นไหม
 
31:20  S: สมมุติ เช่นเมื่อคุณคิดว่า
สิ่งนั้นสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้น
  
31:23  สมมุติว่าฉันสอบไม่ผ่าน
แล้วพ่อแม่ของฉันจะว่าอย่างไร
  
31:27  คุณคิดว่ามันน่าจะเกิดอะไรทำนองนี้
แล้วคุณก็รู้สึกกลัว
  
31:33   
 
31:38  K: ใช่
 
31:43  นั่นคือกลัวสิ่งที่คนอื่น
จะคิดเกี่ยวกับเธอ
  
31:50  ถ้าเธอสอบตก
 
31:52  ฉันหวังว่าพวกเธอทั้งหมดจะสอบตก
 
31:58  S: ถ้าคุณคิดถึงอนาคต
คุณก็รู้สึกตกใจกลัว
  
32:05  K: ตอนนี้มีหนึ่ง สอง สาม คน
พูดพร้อมๆ กัน
  
32:16  S: คุณคิดถึงอนาคตแล้วก็
 
32:24  K: เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน รอสักครู่
หยุดตรงนี้ก่อน
  
32:28  อนาคตเธอหมายถึงอะไร
 
32:32  S: คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
กับคุณครับ
  
32:34  K: คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
อย่างนั้นถูกไหม
  
32:38  ถ้าฉันสอบไม่ผ่าน และฉันก็หวังว่า
พวกเธอทุกคนจะไม่ผ่าน
  
32:46  แล้วเธอคิดถึงอนาคต
 
32:51  ว่าพ่อแม่เธอจะว่าอย่างไร
ครูของเธอจะพูดอะไร
  
32:54  อย่างนั้นหรือเปล่า
 
32:56  อนาคตหมายถึงอะไร
 
33:01  S: คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นครับ
 
33:03  ใครบางคนอาจจะตีคุณ
คุณอาจจะย่ำแย่
  
33:04  K: ฉันเข้าใจเธอหนุ่มน้อย
 
33:07  "อนาคต" เธอหมายถึงอะไร
 
33:11  S: สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอดีต
(หัวเราะ)
  
33:21  K: อดีตสิ้นสุดลงไปแล้ว
 
33:26  ฉันกำลังถามเธอว่า
อนาคตคืออะไร
  
33:29  คำนั้น เธอหมายความว่าอย่างไร
 
33:31  ขอให้ตั้งใจฟัง
เรื่องนี้สำคัญสำหรับเธอ
  
33:35  อนาคตเธอหมายถึงอะไร
 
33:38  S: สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
 
33:41  K: คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
 
33:42  นั่นคือ เธออาจจะ - ไม่ใช่เธอนะ
ฉันอาจจะไม่สบาย
  
33:49  ฉันอาจจะถูกฆ่า ฉันอาจจะบาดเจ็บ
 
33:53  ทั้งหมดนั้นคืออนาคตใช่ไหม
 
33:56  "ฉันอาจจะ" ถูกต้องไหม
 
33:59  S: เมื่อคุณตกใจกลัว
คุณคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
  
34:05  K: ใช่
 
34:06  แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันกำลังถามเธอว่า
อนาคตคืออะไร
  
34:10  วันพรุ่งนี้คืออนาคต
 
34:14  ใช่ไหม
S: ครับใช่
  
34:16  K: วินาทีถัดไปเป็นอนาคต
 
34:21  ชั่วโมงถัดไป
 
34:23  ถูกต้องไหม
 
34:24  ฉันกำลังถามเธอว่า
อนาคตนั้นหมายความว่าอะไร
  
34:31  ระวังนะ คิดให้รอบคอบ
 
34:33  ไม่ใช่แค่คิดอะไรได้ก็พูดออกมา
 
34:37  อนาคต
 
34:39  S: อนาคตคือ
ยามที่คุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
  
34:42  K: ฉันพูดแล้วว่า
นั่นหมายถึงอนาคต
  
34:46  สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
หรือสิ่งที่อาจจะไม่เกิดขึ้น
  
34:49  ฉันหวังว่ามันจะเกิดขึ้น
ฉันหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
  
34:52  ทั้งหมดนั้นคืออนาคต
 
34:55  ถูกต้องไหม
 
34:58  เธออาจจะตัวสูงขึ้น
ฉันอาจจะตัวเตี้ยลง
  
35:01  อาจจะ อาจจะ และอาจจะ
 
35:04  ดังนั้นคำว่า "อาจจะ"
แสดงถึงอนาคต ความเป็นไปได้
  
35:10  ใช่ไหม มันอาจจะเกิดขึ้น
 
35:12  หลังคาอาจจะพังลงมา
 
35:15  ฉันอาจจะป่วย
 
35:18  ทั้งหมดนั้นหมายถึงอนาคต
 
35:21  ถูกต้องไหม
 
35:23  เห็นด้วยหรือเปล่า
S: เห็นด้วยครับ
  
35:27  K: เอาล่ะ แล้วอนาคตคืออะไร
 
35:31  นั่นคือวันพรุ่งนี้
 
35:33  วันนี้ ขณะนี้เวลา 10 โมง 5 นาที
 
35:39  และอีกห้านาทีถัดไปก็จะเป็น
10 โมง 10 นาที
  
35:45  คิดให้ดีๆ นะ
 
35:48  เรื่องนี้สำคัญสำหรับเธอ
อนาคตนั้นเธอหมายถึงอะไร
  
35:51  S: คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ในวันพรุ่งนี้
  
35:53  K: ที่รัก นั่นเราก็พูดไปแล้ว
 
35:56  เราบอกแล้วว่าอนาคตคือ
สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่เกิดขึ้น
  
36:02  อนาคตคือวันพรุ่งนี้
ถูกต้องไหม
  
36:07  อนาคตคือวินาทีถัดไป
 
36:10  ถูกไหม
 
36:12  ดังนั้น "อนาคต" หมายถึงอะไร
 
36:16  มันซับซ้อนเกินไปสำหรับพวกเธอ
 
36:19  S: อนาคตคืออะไรบางอย่างที่คุณไม่รู้
 
36:25  K: มันเป็นสิ่งที่เธอไม่รู้หรือ
 
36:32  S: บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณรู้
 
36:36  ถ้าเธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
 
36:39  ถ้าเธอรู้ว่าเธอกำลังจะเข้า
วิทยาลัยหรืออะไรบางอย่าง
  
36:45  เธอก็จะรู้ว่า
จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
  
36:48  K: ถ้าเธอสอบผ่าน
 
36:53  ใช่หรือเปล่า
 
36:54  S: เมื่อใครบางคนบอกคุณ
ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
  
36:57  คุณก็จะรู้อนาคต
K: ใช่ หนุ่มน้อย
  
37:00  เราได้พูดคุยเกี่ยวกับ
เรื่องทั้งหมดนั้นไปแล้ว
  
37:03  เมื่อเราพูดว่ามันอาจจะเกิดขึ้น
มันก็เป็นอนาคตเสมอ
  
37:08  ถูกต้องไหม
 
37:12  หรือมันอาจจะไม่เกิดขึ้น
มันก็เป็นอนาคต
  
37:15  เรื่องนี้มันยากเกินไปสำหรับเธอ
 
37:18  ดังนั้นความกลัวหมายถึง
ความกลัวที่เกิดขึ้นจริงๆ ในขณะนี้
  
37:23  หรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
37:28  ถูกต้องไหม
 
37:30  ถูกต้องหรือเปล่า
 
37:33  ขณะนี้เธอกลัวหรือเปล่า
 
37:37  S: ตอนนี้ยังครับ
 
37:38  K: ทำไมล่ะ
 
37:40  S: เพราะมันไม่มีอะไรให้กลัว
 
37:42  K: ไม่มีอะไรให้กลัว ใช่ไหม
 
37:45  แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้อง
 
37:50  ในที่นี้ไม่มีใครบอกเธอ
ว่าจะต้องทำหรือไม่ต้องทำอะไร
  
37:55  จะต้องคิดหรือไม่ต้องคิดอะไร
 
37:57  ไม่มีใครคอยบอกเธออย่างนั้น
 
37:59  ดังนั้นเธอจึงไม่ใส่ใจ
 
38:03  หรือว่าเธอกำลังฟังอยู่จริงๆ
เพื่อค้นหา
  
38:09  ใช่ไหม
 
38:10  พวกเธอยังเด็ก ยังเล็กเกินไป
 
38:18  ความกลัวเป็นสิ่งที่ยาก
ที่สุดสิ่งหนึ่ง
  
38:21  ที่จะเข้าใจและเป็นอิสระจากมัน
 
38:24  ถูกต้องไหม
 
38:29  คนเราเข้าสู่สงคราม
และฆ่าคนอื่นเพราะความกลัว
  
38:35  เธอเข้าใจไหม
 
38:36  ฉันอาจจะสูญเสียประเทศของฉัน
 
38:39  ฉันอาจจะสูญเสีย
ทรัพย์สมบัติของฉัน
  
38:43  ฉันอาจจะไม่ได้สังกัดกลุ่มนี้
เธอเข้าใจไหม
  
38:49  ดังนั้น สงคราม การเข่นฆ่า
จึงดำเนินมาตลอดสองล้านปี
  
38:57  เธอเข้าใจไหม
 
39:00  เป็นเวลาสองล้านปี
ที่มนุษย์ได้เข่นฆ่ากันมา
  
39:06  S: เพราะอะไรครับ
 
39:07  K: เพราะว่าเขาและฉัน
สังกัดอยู่ในเผ่าพันธุ์หนึ่ง
  
39:11  ส่วนเธอและอีกคน
ก็สังกัดอยู่ในอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง
  
39:15  ถูกไหม
 
39:16  เธอต้องการแผ่นดินของเรา
หรือเราต้องการแผ่นดินของเธอ
  
39:19  หรือเราต้องการ
ขโมยทรัพย์สินของเธอ
  
39:22  เธอตามทันไหม
 
39:24  สงคราม การเข่นฆ่า
การทำร้ายกันและกันนี้
  
39:29  ..การทำให้ต่างฝ่ายพิกลพิการเช่นนี้
ได้ดำเนินมาเป็นเวลาถึงสองล้านปี
  
39:33  S: คุณครับ มีการแบ่งแยกระหว่างเรา
 
39:40  K: การแบ่งแยก
 
39:42  แบ่งเป็นอินเดียและปากีสถาน
 
39:48  นั่นคือการแบ่งแยกใช่ไหม
 
39:51  ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะฆ่ากัน
 
39:53  S: คุณค่ะ แต่เพราะอะไร
 
39:56  K: ทำไมน่ะหรือ
 
39:58  ง่ายมาก
 
40:02  ฉันเป็นชาวปากีสถานและเขาเป็นฮินดู
 
40:08  ฉันต้องการให้เขา
เปลี่ยนมาเป็นมุสลิม
  
40:14  ใช่ไหม
 
40:17  หรือฉันคิดว่าประเทศของฉัน
ใหญ่โตกว่า สูงส่งกว่า
  
40:18  หรือดีกว่าประเทศของเขา
ในเรื่องอื่นๆ อีก
  
40:24  S: แล้วพวกเขาได้รับอะไร
จากการคิดอย่างนั้น
  
40:26  พวกเขาจะได้อะไรจากการที่ทำให้
คนอื่นกลายเป็นมุสลิมหรืออะไรก็ตาม
  
40:30  K: นั่นแหละ พวกเราจะได้อะไร
 
40:35  เธอตอบฉันมาหน่อยเถอะ
 
40:37  พวกเขาเป็นคนโง่เง่าใช่ไหม
 
40:41  ฟังดีๆ ก่อนนะ
 
40:44  เรื่องนี้กำลังเกิดขึ้น
ในประเทศอังกฤษ
  
40:45  กำลังเกิดขึ้นในประเทศเยอรมนี
อเมริกา รัสเซีย
  
40:49  มันเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง
 
40:52  ประเทศนี้เป็นประเทศที่ยากจน
 
40:55  ใช่ไหม
 
40:56  เธอเข้าไปในหมู่บ้าน
และเธอเห็นความยากจนที่น่าใจหาย
  
41:01  แต่กระนั้นพวกเขาก็กำลังสร้าง
อาวุธยุทโธปกรณ์กันอย่างมโหฬาร
  
41:05  ใช่ไหม
 
41:06  ทำไมล่ะ
 
41:11  S: เพราะพวกเขาต้องการ
K: ตั้งใจฟังดีๆ ก่อน
  
41:15  ตราบเท่าที่เธอยังเป็นคนอินเดีย
 
41:19  และเธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนอินเดีย
เธอก็จะเข่นฆ่าใครสักคน
  
41:22  ถูกไหม
 
41:27  ดังนั้นความเป็นชาตินิยม
เชื้อชาตินิยม เผ่าพันธุ์นิยม
  
41:35  ตราบเท่าที่สิ่งนี้ยังดำรงอยู่
เธอก็จะเข่นฆ่าผู้อื่น
  
41:39  หรือผู้อื่นอาจจะมาฆ่าเธอ
 
41:45  S: คุณค่ะ ถ้าคุณไม่มีชาติ
 
41:50  คุณจะแสดงถึงความเป็นตัวคุณ
ได้อย่างไร
  
41:54  K: ถ้าไม่มีความเป็นชาติ
 
41:57  แล้วเธอจะแสดงความเป็นตัวเธอ
ด้วยอะไรบางอย่างได้อย่างไรนะหรือ
  
42:01  ใช่ไหม
 
42:04  ทำไมเธอจึงต้องการระบุ
ความเป็นตัวเธอ
  
42:07  ด้วยความเป็นอินเดีย อเมริกา
หรือรัสเซีย - ทำไมหรือ
  
42:11  S: หนูรู้สึกปลอดภัย
เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของประเทศค่ะ
  
42:13  K: เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวนะ
เธอรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
42:17  จริงๆ หรือ
 
42:20  S: แต่กระนั้นคุณก็กลัวว่า
ประเทศของคุณจะถูกทำลาย
  
42:32  ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของอะไรสักอย่าง
ถ้าคุณเป็นบุคคล
  
42:34  และสามารถพูดได้ว่าคุณเป็น
คนอินเดียหรืออะไรสักอย่างเช่นนั้น
  
42:37  คุณก็จะมีความกลัวอยู่เสมอ
ว่าคนอื่นๆ จะมาทำร้ายคุณ
  
42:40  หรือมาพูดว่าคุณควรจะเป็นอะไร
ที่คุณเพิ่งจะพูดไป
  
42:43  ว่าเป็นมุสลิม
หรือเป็นอะไรทำนองนั้น
  
42:47  K: ฉันไม่เข้าใจ
 
42:49  S: เธอบอกว่า คุณรู้สึกไม่มั่นคง
ปลอดภัย เมื่อคุณไม่มีสัญชาติ
  
42:57  หรือหากคุณไม่สามารถพูดได้ว่า
คุณเป็นคนอินเดียหรืออเมริกัน
  
43:03  แต่เมื่อคุณพูดเช่นนั้น
คุณก็ยังมีความกลัวว่าจะถูกทำร้ายอีก
  
43:06  K: ใช่แล้ว
 
43:07  ดังนั้นเพราะความเป็นมุสลิม
เธอจึงเต็มใจที่จะฆ่าฉัน
  
43:10  ใช่ไหม เธอต้องเป็นคนปัญญาอ่อนแน่ๆ
 
43:16  เหตุใดเธอจึงต้องการจะฆ่าฉัน
 
43:20  เพราะว่าฉันเชื่อในพระเจ้าองค์อื่น
 
43:23  แต่ทำไมเธอจึงต้องการฆ่าฉัน
 
43:27  S: คุณครับ เพื่อให้มีชื่อเสียงครับ
 
43:34  K: เพื่อให้มีชื่อเสียง
โดยการฆ่าฉันนะหรือ
  
43:40  S: มันดูเหมือนว่า
คุณมีอำนาจมากขึ้นหลังจากนั้น
  
43:48  K: เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งขึ้น
เมื่อได้ฆ่าฉันอย่างนั้นหรือ
  
43:51  S: ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะจากนั้น
คุณรู้สึกมีอำนาจมากขึ้น
  
43:54  S: คุณรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เพราะว่าจากนั้นคุณได้รับ
  
43:56  K: พวกเธอทั้งหมด
เป็นฝูงชนที่ค่อนข้างบ้า
  
44:02  ฉันได้รับเชิญ
ฉันขอพูดถึงเรื่องนี้
  
44:06  ฉันหวังว่าเธอคงไม่รังเกียจ
 
44:08  ฉันได้รับเชิญให้ไปพูด
ที่องค์การสหประชาติ
  
44:11  เธอรู้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร
S: ทราบครับ/ค่ะ
  
44:14  K: ทราบหรือ
 
44:18  เธอแน่ใจน่ะ
S: ครับ
  
44:22  K: เธอแน่ใจหรือเปล่า
ว่าเธอยังนั่งอยู่ที่นี่
  
44:29  S: แน่ใจครับ
 
44:32  K: ฉันได้รับเชิญให้ไปพูด
ที่องค์การสหประชาชาติ
  
44:39  และฉันก็พูดไป 45 นาที
 
44:48  หลังจากที่ฉันพูด
หนึ่งในบรรดาผู้นำขององค์กร
  
44:53  ลุกขึ้นและพูดว่า
 
44:56  "เป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่"
ที่ได้พบคุณครับ และอื่นๆ อีก
  
45:01  และเขาพูดว่า
ผมทำงานอย่างหนัก
  
45:06  ในองค์กรนี้มานานถึง 40 ปี
 
45:11  เธอคงเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดนะ
 
45:14  40 ปี ที่เขาทำงานอย่างหนัก
เพื่อที่จะสร้าง ยืนหยัด
  
45:20  และรักษาองค์การสหประชาติ
ให้ดำรงอยู่
  
45:26  และเขาพูดว่า
 
45:28  หลังจาก 40 ปีนั้น
ผมเรียนรู้ที่จะไม่ฆ่ามนุษย์อื่น
  
45:38  เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดไหม
 
45:41  เธอโง่เง่าพอๆ กับ
องค์การสหประชาชาติไหม
  
45:46  เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดไหม
 
45:50  เขาใช้เวลาถึง 40 ปี
เพื่อเรียนรู้ที่จะไม่ฆ่ามนุษย์คนอื่น
  
45:57  40 ปีเชียวนะ
 
46:00  เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังพูดไหม
 
46:01  เธอจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า
 
46:03  S: ไม่ครับ
 
46:05  K: ฉันไม่แน่ใจ
 
46:06  S: อย่างน้อยตอนนี้
ผมก็ไม่ได้ทำอยู่ครับ
  
46:09  อย่างน้อยที่สุดตอนนี้
ผมไม่คิดว่าผมจะฆ่าผู้อื่น
  
46:13  แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมก็ไม่รู้
K: นั่นแหละถูกต้อง
  
46:16  เธอจะโง่พอๆ กับ
คนปัญญาอ่อนหรือเปล่า
  
46:19  S: ผมก็บอกไม่ได้ครับ
K: เธอพูดถูกทีเดียว
  
46:30  มันยากเกินไปที่เธอจะเข้าใจ
 
46:34  ว่ารากเหง้าของความกลัวคืออะไร
 
46:37  มันยากมากเกินไป
ความกลัวมีอยู่
  
46:40  เธอบังคับมัน หรือวิ่งหนีจากมัน
หรือกดข่มมันไว้ หรือร้องไห้เสมอมา
  
46:46  อย่างนั้นใช่ไหม
 
46:48  แต่บางทีมันอาจจะมี
หนทางอื่นที่ต่างไปเลย
  
46:51  ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับมัน
 
46:55  เธออยากรู้ไหม
 
46:59  แต่นั่นจำต้องมี
การคิดใคร่ครวญอย่างยิ่ง
  
47:02  มีการสืบค้นอย่างยิ่ง
 
47:06  เธอใช้เวลาในการเรียน
วิชาคณิตศาสตร์นานเท่าไร
  
47:09   
 
47:13  หรือเรียนวิชาชีววิทยา
หรือวิทยาศาสตร์ นานกี่ปี
  
47:15  หลายปี ไม่ใช่หรือ
 
47:18  ในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย
 
47:23  เธอใช้เวลาประมาณ 20 หรือ 25 ปี
เพื่อเล่าเรียนทั้งหมดนั้น
  
47:28  ใช่ไหม
 
47:30  แต่เธอไม่เคยเลยที่จะใช้เวลา
สัก 10 นาที หรือ 5 นาที
  
47:34  ที่จะค้นหาว่าเธอสามารถเป็นอิสระ
จากความกลัวได้ไหม
  
47:41  เธอใช้เวลาถึง 20 ปี
เพื่อเรียนวิชาที่งี่เง่า
  
47:48  แต่เธอไม่เคยเลยที่จะใช้เวลา
แม้เพียง 5 นาที
  
47:51  เพื่อทำความเข้าใจ
ธรรมชาติของความกลัว
  
47:54  นั่นถูกต้อง
ใช่ไหม
  
47:57  S: ใช่ครับ
 
47:59  K: ดังนั้นเธอต้องเรียนรู้
อย่างยิ่งยวด
  
48:02  เธอต้องเข้าใจอย่างแท้จริง
 
48:04  ว่าอะไรคือรากฐานของความกลัว
 
48:07  ฉันจะบอกเธอสั้นๆ
 
48:10  ความกลัวเกี่ยวข้องอยู่กับเวลา
"พรุ่งนี้" "อาจจะเกิดขึ้น"
  
48:18  ถูกต้องใช่ไหม
 
48:19  ดังนั้นเธอจะต้องสืบค้นเข้าไป
ว่าเวลาคืออะไร
  
48:23  ซึ่งยากเกินไปสำหรับเธอ
 
48:25  ไม่ใช่เพียงเวลาตามนาฬิกาเท่านั้น
แต่เวลาคืออะไร
  
48:31  เธอเพาะปลูกต้นไม้
มันใช้ระยะเวลาที่จะเติบโต
  
48:37  ใช่ไหม
 
48:38  เธอมีลูก ต้องใช้เวลา
กว่าที่ลูกจะโตเป็นวัยรุ่น
  
48:45  คนที่สุขภาพไม่ดี
ต้องใช้เวลาเพื่อที่จะให้มีสุขภาพดี
  
48:51  ใช่ไหม
 
48:52  เธอกำลังเรียนวิชาคณิตศาสตร์
หรือฟิสิกซ์
  
48:56  หรืออะไรก็ตาม
ที่เธอกำลังเรียนอยู่
  
48:57  และเพื่อให้สอบผ่านในวิชานั้นๆ
ต้องใช้เวลา
  
49:04  เธอต้องใช้เวลาเพื่อเดินทาง
จากที่นี่ไปยังมัทธนพาลี
  
49:08  หรือไปยังบ้านของเธอ
 
49:12  เธอเข้าใจไหม
 
49:18  เวลามีความสำคัญมากในชีวิตของคนเรา
 
49:22  ไม่เฉพาะแต่จะเดินทางจากที่นี่
ไปที่นั่น แต่เพื่อเติบโตด้วย
  
49:25  เติบโตทางกายภาพ
และเติบโตภายในด้วย
  
49:32  ทั้งหมดนั้นต้องใช้เวลา
 
49:35  ใช้เวลาถึง 2 ล้านปี
 
49:39  ที่มนุษย์คนแรก
วิวัฒนาการมาจนถึงทุกวันนี้
  
49:43   
 
49:45  อย่างนั้นใช่ไหม
 
49:47  ดังนั้นชีวิตของเธอทั้งชีวิต
จึงถูกพันธนาการด้วยกาลเวลา
  
49:54  เธอเข้าใจไหม
 
49:56  ชีวิตทั้งหมดของเธอ
ถูกกำหนดด้วยกาลเวลา
  
49:59  เธอมีชีวิตอยู่ตอนนี้
แล้วเธออาจจะตาย
  
50:03  มันมีเวลาหลายปี
 
50:06  ถูกต้องไหม
 
50:08  ดังนั้นชีวิตทั้งชีวิตของเรา
จึงติดพัน
  
50:14  จึงเกี่ยวข้องอยู่กับเวลา
 
50:17  เธอจะสอบผ่าน
หรืออาจจะสอบไม่ผ่าน
  
50:21  กาลเวลา
 
50:24  เราต้องสืบค้นว่าเวลาคืออะไร
 
50:28  มันยากเกินไป
 
50:31  S: เวลาเป็นสิ่งที่มีอยู่ในความ
เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ไม่ใช่หรือค่ะ
  
50:35  K: ฉันรู้ ฉันก็พูดอย่างนั้น สาวน้อย
 
50:38  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้คำว่า
"เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน" เพราะว่า
  
50:41   
 
50:45  มันหมายถึงอย่างอื่นอีกด้วย
เช่น เขาเป็นญาติของฉัน
  
50:47  สักครู่นะ
 
50:50  เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์
แต่เวลาเธอหมายถึงอะไร
  
50:58  เธอ พวกที่โตแล้วน่ะ
พวกที่กำลังจะสอบ
  
51:02  ที่กำลังจะได้งานทำ จะแต่งงาน
 
51:04  ทั้งหมดนั้นต้องใช้เวลา
ถูกต้องไหม
  
51:12  ดังนั้นมนุษย์ถูกผูกติดอยู่กับเวลา
ตลอดไปหรือ
  
51:18  นี่ยากเกินไป
 
51:22  เธอว่าอย่างไรล่ะ
 
51:25  เธอเข้าใจไหม
S: ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
  
51:27  K: เธอไม่ค่อยเข้าใจ
ตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป
  
51:32  เธอจะโตขึ้น จะสูง จะ
 
51:36  ซึ่งสิ่งเหล่านั้นต้องใช้เวลา
ไม่ใช่หรือ
  
51:39  ถ้าเธอป่วย
มันต้องใช้เวลาที่จะหายป่วย
  
51:44  มันต้องใช้เวลา
ที่จะตื่นนอนในตอนเช้า
  
51:47  ที่จะทำสิ่งต่างๆ
ให้เสร็จเรียบร้อย
  
51:51  ที่จะอาบน้ำ
และทั้งหมดนั้นต้องใช้เวลา
  
51:54  ต้องใช้เวลาที่จะเรียนวิชา
ที่จะศึกษาทักษะ
  
52:00  เรียนรู้ที่จะปลูกต้นไม้ในสวน
และคอยดูมันเติบโต
  
52:05  ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตต้องใช้เวลา
 
52:09  ถูกต้องไหม
S: ใช่ครับ
  
52:13  K: และมนุษย์ถูกพันธนาการโดยเวลา
 
52:17  เพื่อที่จะเดินทางจากที่นี่
ไปยังที่นั่น
  
52:21  เธออาศัยอยู่ที่ไหน
 
52:25  S: อยู่ในบอมเบย์ครับ
K: บอมเบย์
  
52:27  เธอต้องใช้เวลาที่จะเดินทางจาก
บอมเบย์มายังริชิ วาลลีย์ (หุบเขาฤาษี)
  
52:32  S: ใช่ครับ
 
52:33  K: สองคืน หรือคืนเดียว
หรือใช้เวลาเท่าไรก็แล้วแต่
  
52:36  และการที่จะสอบผ่าน
 
52:41  เพื่อที่จะได้งานทำ
ทั้งหมดนั้นต้องใช้เวลาด้วย
  
52:45  ดังนั้นเธอจึงถูกกำหนดโดยกาลเวลา
 
52:50  ชัดเจนไหม
S: ครับ
  
52:52  K: ใช่ไหม ชัดเจนไหม
ชัดเจนหรือเปล่า
  
52:56  นั่นหมายถึง
ฉันจะไม่เข้าไปสู่เรื่องนั้น
  
52:58  มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ
 
53:03  ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เธอทำ
ถูกกำหนดโดยเวลา ซึ่งคืออดีต
  
53:07   
 
53:11  เช่น เธอไม่ทำสิ่งนั้น
อดีตบอกว่าอย่าทำสิ่งนั้น
  
53:15  ถ้าเธอทำ เธอก็จะถูกลงโทษ
หรือไม่ก็ได้รางวัล
  
53:18  ดังนั้นอดีตกำลังบงการเธออยู่ตอนนี้
 
53:22  เข้าใจไหม
S: เข้าใจครับ
  
53:23  K: เข้าใจมันอย่างง่ายๆ ก่อน
 
53:26  อดีตกำลังบงการ
สิ่งที่เธอทำอยู่ในขณะนี้
  
53:33  เช่นฉันต้องไม่ทำสิ่งนั้น เธอก็เคย
มีประสบการณ์แบบนั้นมาแล้ว
  
53:36   
 
53:41  และอดีตก็บอกว่า อย่าทำมันอีกนะ
ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่สบาย
  
53:45  อดีตหล่อหลอมความคิดของเธอ
 
53:51  ซึ่งหมายความว่า
อดีตหมายถึงเวลา
  
53:56  ดังนั้นเวลาจึงกำหนด
สิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้
  
54:04  และอนาคตก็ขึ้นอยู่กับ
สิ่งที่เธอทำตอนนี้
  
54:09  S: ใช่ครับ
 
54:10  K: เข้าใจชัดแจ้งไหม
 
54:11  คิดให้ดีๆ นะหนุ่มน้อย
คิดด้วยความระมัดระวัง
  
54:15  อดีตกำลังสอนเธอ
และบอกเธอว่าต้องทำอะไรตอนนี้
  
54:20  และอะไรก็ตามที่เธอทำอยู่ตอนนี้
ก็จะก่อร่างสร้างรูปอนาคต
  
54:24  ถูกต้องไหม
 
54:26  ปัจจุบันขณะประกอบกันขึ้นเป็นอนาคต
 
54:32  S: ในขณะนี้หรือครับ
K: ในขณะนี้เลย
  
54:35  เข้าใจไหม
S: เข้าใจครับ
  
54:36  K: เธอแน่ใจนะ
 
54:39  ดังนั้นอดีตควบคุมปัจจุบัน
 
54:43  และปัจจุบันก่อร่างสร้างอนาคต
 
54:48  ระมัดระวังนะ
คิดให้รอบคอบทุกแง่มุม
  
54:50  อนาคตก็กำลังก่อตัวอยู่ในขณะนี้
 
54:56  เข้าใจหรือเปล่า
S: เข้าใจครับ
  
54:58  K: ดังนั้นอนาคต
กำลังถูกสร้างขึ้นอยู่ในขณะนี้
  
55:04  เข้าใจไหม
S: เข้าใจครับ
  
55:05  K: ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจ
S: ผมเข้าใจครับ
  
55:08  K: ฉะนั้นสิ่งที่เธอกำลัง
ทำอยู่ตอนนี้สำคัญที่สุด
  
55:14  ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะทำในพรุ่งนี้
 
55:18  เข้าใจหรือเปล่า
 
55:19  สิ่งที่เธอทำอยู่ขณะนี้เท่านั้น
สำคัญที่สุด
  
55:25  เพราะมันจะสร้างอนาคตของเธอ
 
55:29  เข้าใจไหม
S: เข้าใจครับ
  
55:33  S: คุณค่ะ เวลาเป็นสิ่งจำกัด
หรือเปล่าค่ะ
  
55:35  K: อย่าไปสนใจเลย สาวน้อย
 
55:38  อย่าถามคำถามที่เป็นนามธรรมเลย
 
55:43  เพราะฉันสามารถให้คำตอบ
ที่เป็นนามธรรมแก่เธอได้
  
55:46  แต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
 
55:48  เวลาเป็นสิ่งที่จำกัดเสมอ
 
55:53  มีหนทางไหม
เรื่องนี้ยิ่งยากไปอีก
  
55:57  มีหนทางที่จะเป็นอิสระ
จากกาลเวลาบ้างไหม
  
56:06  S: ไม่มีครับ
 
56:11  K: ทำไมเธอจึงบอกว่าไม่มี
 
56:16  S: มันไม่มีหนทาง
ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่
  
56:18  แต่อาจจะมี
หลังจากที่เราตายไปแล้ว
  
56:22  K: เธอรู้ไหมว่าความตายหมายถึงอะไร
 
56:24  S: ไม่ทราบครับ
K: ถ้าเช่นนั้นอย่าใช้คำนั้นเลย
  
56:30  จงถามตัวเธอเอง
 
56:34  อย่าพยายามที่จะตอบ
 
56:36  ถามตัวเธอเอง
 
56:38  สมองของเธอที่อยู่ในกะโหลก
 
56:45  ซึ่งก่อตัวมานานถึงสองล้านปี
 
56:52  ..ถูกอิทธิพลกำหนด ก่อรูปก่อร่าง
ถูกหล่อหลอม มีประสบการณ์ ความรู้..
  
56:57  ทั้งหมดอยู่ในสมองนั้น
 
57:01  แล้วเธอสามารถทำสิ่งที่ถูกต้อง
ในตอนนี้เลยได้ไหม
  
57:07  เพื่อที่ว่ามันจะได้ถูกต้อง
ไปตลอดสาย
  
57:12  เธอเข้าใจคำถามของฉันหรือเปล่า
S: เข้าใจครับ
  
57:18  K: เรื่องนี้ยากเกินไป
 
57:20  ใช่ไหม
 
57:28  S: คุณครับ ความหมายที่แท้จริง
ของคำว่าเพ่งจิต
  
57:31  และคำว่าใส่ใจ
คืออะไรครับ
  
57:42  K: เธอต้องการรู้จริงๆ นะหรือ
S: ใช่ครับ
  
57:44  K: เพราะอะไรล่ะ
 
57:49  คิดให้ดีๆ นะ
 
57:51  มีใครบอกเธอ
ให้ถามคำถามนั้นหรือเปล่า
  
57:54  S: ใช่ครับ
K: อา! นั่นไง
  
58:00  S: พ่อของผมบอกผมว่า
ครั้งหนึ่งคุณได้แสดงความเห็น
  
58:05  ว่าคุณต้องมีความใส่ใจ
มากกว่าการเพ่งจิต
  
58:11  K: พ่อของเธอบอกเธอ
เพราะอะไร
  
58:18  เธอรู้หรือเปล่าว่า
การเพ่งจิตจดจ่อ คืออะไร
  
58:22  ฟังน่ะ : สมมุติฉันเป็นครูของเธอ
 
58:26  เป็นผู้ให้การศึกษาเธอ
 
58:29  เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
 
58:31  ที่มีอะไรน่าสนใจ
มากกว่าในหนังสือ
  
58:36  ใช่ไหม ถูกต้องหรือเปล่า
S: ใช่ครับ
  
58:40  K: ฉันเป็นครูของเธอ
และฉันก็พูดขึ้นว่า
  
58:42  "กรุณาดูที่หนังสือ"
 
58:47  แต่เธอไม่ได้ต้องการ
ดูที่หน้าหนังสือ
  
58:50  เธอต้องการมองไปที่นก
ซึ่งอยู่ข้างนอกโน่น
  
58:53  ใช่ไหม
 
58:56  เขาจึงพูดว่า "ดูหนังสือ ถ้าเธอ
ต้องการจะเรียน ดูที่หนังสือ"
  
59:04  เขาจะรู้สึกรำคาญ ถ้าเธอยังมัวแต่
มองออกไปนอกหน้าต่าง
  
59:10  แล้วเขาก็จะเข้ามาเขย่าตัวเธอ
หรือไม่ก็ดึงหูของเธอ
  
59:13  หรือไม่ก็ดึงผมของเธอ
หรือไม่ก็ตีเธอ
  
59:17  ฉันหวังว่าที่นี่คงไม่มีใครตีเธอ
 
59:18  ไม่มีน่ะ
 
59:21  แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
 
59:23  เธอต้องการมองออกไปนอกหน้าต่าง
แต่ใครบางคนบอกเธอว่า
  
59:28  "ดูที่หนังสือ"
 
59:32  ดังนั้นเธอจึงเกิดความขัดแย้ง
ใช่ไหม
  
59:34  เธอต้องการมองออกไปข้างนอกโน่น
แต่เธอก็ต้องการดูหนังสือด้วย
  
59:37  ฉะนั้นเธอจึงมีความขัดแย้ง
 
59:39  ใช่ไหม
S: ใช่ครับ
  
59:41  K: การเพ่งจิตจดจ่อทำให้เกิด
ความขัดแย้งขึ้นโดยไม่จำเป็น
  
59:49  ถูกต้องไหม
 
59:52  ฉันต้องการเพ่งจิตดูที่หนังสือ
 
59:55  ฉันบังคับตัวฉันเอง
ให้สนใจไปที่หน้าหนังสืออย่างยิ่ง
  
1:00:02  จดจ่ออย่างยิ่ง ซึ่งนั่นหมายถึง
ฉันไม่ได้พยายามคิดถึงอะไรอื่นอีก..
  
1:00:05   
 
1:00:09  คิดถึงเฉพาะ
แต่สิ่งที่อยู่ในหน้าหนังสือ
  
1:00:13  ในกระบวนการนั้นมีแรงต่อต้าน
 
1:00:18  มีความขัดแย้งอย่างยิ่ง เพราะว่า
ฉันต้องการมองออกไปข้างนอกโน่น
  
1:00:19  แต่ฉันต้องดูที่หน้าหนังสือ
 
1:00:24  เธอเข้าใจไหม
 
1:00:26  ดังนั้นจึงมีความขัดแย้งอย่างยิ่ง
มีความพยายามอย่างยิ่ง
  
1:00:29   
 
1:00:32  ฉันจะไม่เข้าไปในเรื่องนี้
 
1:00:34  แต่ทว่าในความใส่ใจ ไม่มีความพยายาม
 
1:00:38  ให้บอกอย่างนั้นกับใครก็ตาม
ที่ขอให้เธอถามคำถามนี้
  
1:00:46  ในความใส่ใจ
จะไม่มีความพยายามอยู่เลย
  
1:00:53  เธอเพียงใส่ใจ
 
1:01:00  เช้าวันนี้เราคุยกันมา
ร่วมชั่วโมงแล้ว
  
1:01:09  เธอต้องการจะคุยกันต่อไหม
 
1:01:12  S: ต้องการครับ
 
1:01:13  K: ต้องการหรือ ทำไมล่ะ
 
1:01:16  S: มันน่าสนใจครับ
K: มันสนุกกว่า
  
1:01:23  เธอต้องไปเข้าชั้นเรียนต่อ
 
1:01:27  แต่เธอไม่ต้องการไปเรียน
เธอต้องการความบันเทิง
  
1:01:30   
 
1:01:33  ใช่ไหม
 
1:01:39  เธอเคยมองไปที่ดอกไม้
เหล่านั้นหรือเปล่า
  
1:01:44  S: เคยครับ
 
1:01:47  K: เธอเคยมองมันไหม
มองไปซิ
  
1:01:49  ให้เวลาที่จะมองดอกไม้เหล่านั้น
สักหนึ่งนาที
  
1:01:54  มองไปที่มัน
 
1:02:01  มองดูสีที่ผสมผสานกัน
และมองความงามของมัน
  
1:02:05  ดูรูปทรงของมัน แสงที่มากระทบมัน
 
1:02:11  สิ่งนั้นมีความหมายอะไร
ต่อเธอบ้างไหม
  
1:02:17  อย่าบอกว่า "สวย"
มันมีความหมายต่อเธออย่างไร
  
1:02:24  เมื่อเธอมองไปที่สี
ที่ปรากฏอยู่
  
1:02:32  สีที่หลากหลายนั้น
 
1:02:37  สีเขียวตัดกับสีแดง
สีเขียวเข้ม
  
1:02:42  และทั้งหมดนั้น
มันมีความหมายอะไรต่อเธอบ้าง
  
1:02:48  S: มันมีความหมายอะไรต่อคุณหรือครับ
 
1:02:50  K: ฉันจะบอกเธอในอีกไม่ช้า
 
1:02:52  ฉันถามคำถามนั้นกับเธอก่อน
 
1:02:54  S: คุณครับ มันหมายถึง
เหตุใดเราจึงต้องการ
  
1:03:01  บ้านเหล่านั้น
และอุปกรณ์เครื่องกลไกต่างๆ
  
1:03:05  ในเมื่อเราได้รับสิ่งทั้งหมดนี้
จากธรรมชาติ
  
1:03:23  K: มันง่ายกว่าที่จะมองไปยัง
สิ่งที่เป็นกลไก
  
1:03:28  แต่การมองไปยังธรรมชาติ
ขุนเขาและแสงเงา
  
1:03:34  มองโขดหิน รูปร่างของโขดหิน
ทุ่งนา
  
1:03:38  ว่าเพาะปลูกอย่างไร
ทั้งหมดเป็นระเบียบเส้นตรง
  
1:03:42  หรือดูมะม่วงกำลังเติบโต
 
1:03:45  ดูหมู่นก พวกผีเสื้อ
และพื้นดินอันเขียวชอุ่ม
  
1:03:51  ดูเงาแสง ลำธารที่แห้งขอด
และอื่นๆ
  
1:03:59  มองดูมัน
 
1:04:03  มองความงามของมัน
ความยิ่งใหญ่ของมัน
  
1:04:07  ความยิ่งใหญ่ของโขดหินเหล่านั้น
 
1:04:14  แต่เธอทุกคนจดจ่ออยู่กับหนังสือ
 
1:04:20  ถูกต้องไหม
 
1:04:23  อยู่ที่การเรียนหนังสือ
การสอบผ่าน
  
1:04:27  ได้งานทำ แต่งงาน มีบ้าน
 
1:04:33  ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เธอสนใจ
ใช่ไหม
  
1:04:38  ใช่ไหม
 
1:04:44  แต่ไกลออกไปจากบ้าน ยังมีขอบฟ้า
 
1:04:52  ใช่ไหม
 
1:04:53  ไกลไปจากบ้าน
มีขุนเขาที่สวยงามอลังการ
  
1:04:57  มีความงามและความยิ่งใหญ่
 
1:05:03  ฉันคิดว่าเพียงพอแล้ว
สำหรับเช้าวันนี้
  
1:05:09  พอไหม
 
1:05:19  วันนี้จะเป็นวันดีของเธอหรือเปล่า
 
1:05:22  S: ใช่ครับ
 
1:05:23  K: ขอให้มีวันที่ดี
 
1:05:28  S: ขอบคุณครับ
K: ขอให้มีความสุข
  
1:05:35  บอกให้เรียนกันไปเถิด
 
1:05:42  เธอรู้หรือเปล่า
ว่าฉันกำลังปลุกระดมเธอ
  
1:05:47  เธอรู้หรือเปล่า
ว่านั่นหมายความว่าอะไร
  
1:05:48  S: ไม่ทราบครับ
 
1:05:50  K: ฉันปลุกปั่นให้เธอ
ประทุ ระเบิดขึ้นภายใน
  
1:05:55  เธอไม่สามารถ
 
1:05:56  อย่าระเบิดด้วยปืน
หรือระเบิดไดนาไมท์
  
1:06:04  ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี
 
1:06:07  ใช่ไหม
 
1:06:08  ขอให้เป็นวันที่มีความสุข
 
1:06:10  มันช่างเป็นเช้าที่งดงามมาก
 
1:06:14  ขอให้สนุกกับมัน
 
1:06:18  พอแล้วนะครับ