RV85DS2 - การคิดเกี่ยวกับตัวเราเองตลอดทั้งวัน
สนทนากับนักเรียน ครั้งที่ 2 Rishi Valley อินเดีย
วันที่ 11 ธันวาคม 1985
0:44  | Krishnamurti: | K: พวกเธอหลับสบายดีไหม |
Did you have a good sleep? | ||
0:47  | Student: Yes, sir. | S: ดีครับ |
K: Yes? Good. | K: ดีหรือ งั้นก็ดี | |
0:51  | What are you going to do today? | แล้ววันนี้พวกเธอจะทำอะไรกันบ้างล่ะ |
0:53  | S: Tell us something | S: ท่านครับ บอกอะไรเรา |
about yourself, sir. | ที่เกี่ยวกับตัวท่านบ้างซิครับ | |
0:58  | K: No, I asked you | K: ฉันถามพวกเธอว่า |
what you’re going to do today? | วันนี้พวกเธอจะทำอะไรกัน | |
1:04  | School? | พวกเธอไปโรงเรียนไหม |
Class? | ||
1:06  | แล้วมีเรียนรึเปล่า | |
1:18  | K: Do we all sit quietly, silently, | K: พวกเราทั้งหมดจะนั่งเงียบๆ กัน |
or do we talk? | หรือจะพูดคุยกันดีล่ะ | |
1:25  | Tell me. | บอกฉันซิ |
S: Talk. | ||
1:27  | S: คุยกันครับ | |
1:29  | K: You talk | K: พวกเธอต้องการจะคุย |
– then talk. | งั้นเราก็คุยกัน | |
1:39  | What would you like to talk about? | แล้วพวกเธออยากจะคุยเรื่องอะไรล่ะ |
S: Talk about yourself, sir. | ||
1:41  | S: คุยเกี่ยวกับตัวท่านครับ | |
1:43  | S: Tell us something | S: เล่าอะไรที่เกี่ยวกับตัวท่าน |
about yourself, sir. | ให้เราฟังบ้างซิครับ | |
1:46  | K: About myself? | K: เกี่ยวกับตัวฉันน่ะหรือ |
Not very interesting. | มันไม่น่าสนใจนักหรอก | |
1:50  | S: It doesn’t matter, sir. | S: ไม่เป็นไรครับ |
1:56  | S: He said it doesn’t matter. | T:เขาบอกว่าไม่เป็นไรครับ |
1:58  | K: I know. | K: ฉันรู้ แต่มันเป็นไรสำหรับฉันนะ |
It matters to me though. | ||
2:05  | What would you like me | เธออยากให้ฉันพูดเรื่องอะไรล่ะ |
to talk about myself? | ที่เกี่ยวกับตัวฉัน | |
2:14  | S: The past. | S: เรื่องอดีตครับ |
K: About my past? | ||
2:17  | K: อดีตของฉันงั้นหรือ | |
2:20  | Are you really interested in it? | พวกเธอสนใจเกี่ยวกับมันจริงๆ หรือ |
S: Yes, sir. | S: ครับท่าน (หัวเราะ) | |
2:26  | K: Why? | K: เพราะอะไรล่ะ |
2:31  | You tell me why, | บอกฉันซิว่าเพราะอะไร |
and then I’ll talk. | แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง | |
2:36  | S: We’re curious. | S: พวกเราอยากรู้ |
K: You’re curious, and then what? | K: พวกเธออยากรู้ แล้วยังไงต่อล่ะ | |
2:45  | If you’re curious, | ถ้าพวกเธออยากรู้ และฉันก็ตอบสนอง |
and I fulfil your curiosity, | ต่อความสงสัยใคร่รู้ของพวกเธอ… | |
2:54  | alright, then what? | แล้วยังไงอีกล่ะ |
2:57  | S: Then we’ll be more curious. | S: เราก็จะอยากรู้มากขึ้น |
3:01  | K: More curious, | K: อยากรู้มากขึ้น |
you’re quite right. | เธอพูดถูกทีเดียว | |
3:05  | So, where shall we start? | งั้นเราจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ |
3:10  | S: From the beginning, sir. | S: เริ่มตั้งแต่ต้นเลยครับท่าน |
K: From the beginning. | K: เริ่มตั้งแต่ต้นเลยหรือ (หัวเราะ) | |
3:19  | Look, most of my life | ที่จริงฉันลืมเรื่องราวส่วนใหญ่ |
I’ve forgotten. | ของชีวิตฉันไปแทบหมดแล้ว | |
3:25  | Really. | จริงๆ นะ |
3:28  | Really, I’m serious, | จริงๆ นะ ฉันพูดจริงๆ |
3:30  | and I tell you | ฉันจะบอกพวกเธอด้วยว่า |
most of my life is blank to me. | ||
3:34  | สำหรับฉันแล้ว | |
ชีวิตส่วนใหญ่ของฉันมันไร้เรื่องราว | ||
3:37  | S: Sir, tell us what you remember. | S: ท่านครับ |
เล่าเรื่องที่ท่านจำได้ก็พอครับ | ||
3:43  | K: Ah – that’s good. | K: งั้นก็ดี |
3:46  | You’re rather persistent, | พวกเธอนี่ค่อนข้างหัวดื้อทีเดียว |
aren’t you? | ใช่ไหม (หัวเราะ) | |
4:01  | I’ll tell you | ฉันจะเล่าสิ่งที่ฉันจำไม่ได้ |
what I don’t remember, | ||
4:04  | what people have told me. | สิ่งที่คนอื่นๆ บอกกับฉัน |
Right? | ||
4:10  | I really don’t remember, | ฉันจำไม่ได้จริงๆ |
but what people have told me, | แต่สิ่งที่ผู้คนได้บอกกับฉัน… | |
4:17  | either they’re exaggerated | ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเกินจริง |
– you understand? – | ||
4:21  | or truthful, | หรือเป็นเรื่องจริง |
or imaginary. | หรือจินตนาการขึ้นมา | |
4:28  | I think what they | ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเขาบอก |
told me about myself | เกี่ยวกับตัวฉันนั้น… | |
4:34  | – sounds very funny, | ฟังดูตลกดีไม่ใช่หรือ |
doesn’t it? – | ||
4:36  | is more or less accurate | คงจะตรง |
กับความเป็นจริงอยู่บ้าง | ||
4:40  | because a lot of people | เพราะว่ามีผู้คนมากมาย |
have told me the same thing | ที่บอกสิ่งเดียวกันกับฉัน | |
4:43  | during the years. | ตลอดหลายปีที่ผ่านมา |
Right? | ||
4:45  | ใช่ไหม | |
4:48  | Lord, I don’t know | โอพระเจ้า ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี |
where to begin. | ||
4:52  | All right, sirs. | เอาล่ะ ฉันจะเล่าให้ฟัง |
4:57  | You know, | พวกเธอรู้ไหม มีคนมอบที่ดิน |
somebody gave me personally | ในฮอลแลนด์ให้ฉันเป็นการส่วนตัว… | |
5:02  | 5,000 acres in Holland | ราว 5,000 เอเคอร์ |
5:07  | – you understand? – | พวกเธอเข้าใจไหม |
5,000 acres is an awful lot, | 5,000 เอเคอร์ที่ว่านั่นมากมายน่าดู | |
5:10  | and a castle, | และมีปราสาทด้วย |
5:16  | and we had gatherings there, | และเราก็ได้จัดให้มี |
การร่วมชุมนุมกันที่นั่น | ||
5:19  | 6,000 people at one time, | ครั้งหนึ่งเคยมีคนเข้าร่วม |
lots of people; | ถึง 6,000 คน | |
5:22  | ผู้คนมากมายที่มานั้น | |
5:23  | curiosity, like you. | มีความอยากรู้อยากเห็น |
เหมือนๆ กับพวกเธอนี่แหละ | ||
5:29  | Curiosity to find out | อยากรู้อยากเห็น |
what K was talking about | ว่า K พูดเรื่องอะไรบ้าง | |
5:35  | and so on. | และก็อื่นๆ อีก |
5:38  | I was against | ฉันต่อต้าน |
– K was against organisations. | K ไม่เห็นด้วยกับองค์กรทั้งหลาย | |
5:43  | You understand? | พวกเธอเข้าใจไหม |
5:45  | You don’t understand, | พวกเธอไม่เข้าใจหรือ |
that’s all right. | ไม่เป็นไรหรอก | |
5:48  | You know what organisations are? | พวกเธอรู้ไหมว่าองค์กรคืออะไร |
5:52  | To run a school, like Rishi Valley, | การที่จะดำเนินการโรงเรียนสักโรง |
you must have organisation. | อย่างเช่น Rishi valley นั้น | |
5:55  | พวกเธอก็ต้องมี | |
องค์กรจัดการบริหาร | ||
5:58  | You must turn up punctually | พวกเธอต้องมาถึงตรงเวลา |
at 1 o’clock, | บ่ายโมงตรง | |
6:02  | or half-past 12, | หรือว่าตรงเวลาตอนเที่ยงครึ่ง |
when you have your lunch. | เมื่อพวกเธอรับประทานอาหารเที่ยง | |
6:06  | Right? | ใช่ไหม |
6:07  | You must go to classes, you must | พวกเธอต้องเข้าชั้นเรียน |
do this, play from 4 o’clock and on. | พวกเธอต้องทำนั่นทำนี่ | |
6:10  | ต้องเล่นหลังจากสี่โมงเย็นไปแล้ว | |
เป็นต้น | ||
6:13  | The whole of that | ทั้งหมดนั่นแหละ |
requires organisation. | จำเป็นต้องมีองค์กรบริหารจัดการ | |
6:18  | But | โอ! พระเจ้า |
– lord, how did we get into this? | เรามาพูดเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน | |
6:23  | Hey, come and help me, Radhikaji! | รัตติกาจีมาช่วยฉันหน่อยซิ |
6:32  | And I was against | และฉันต่อต้านสิ่งที่เรียกกันว่า |
so-called religious organisations. | องค์กรทางศาสนา | |
6:38  | Right? Do you understand | ใช่ไหม |
what that means? | ||
6:39  | พวกเธอเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร | |
6:42  | No. | ไม่เข้าใจหรือ |
6:47  | Do you want to know all this? | พวกเธออยากรู้เรื่องทั้งหมดนี้ไหม |
6:50  | S: Yes, sir. | S: ครับท่าน |
6:52  | K: Really? | K: จริงๆ หรือ |
S: Yes, sir. | S: จริงครับท่าน | |
6:55  | K: Don’t say, ‘Yes, sir’, | K: อย่าเพิ่งตอบรับว่า "ใช่ครับ" |
because... | เพราะว่า… | |
6:59  | S: In many of your books | T:ในหนังสือหลายเล่มของท่าน |
it mentions Krishnamurti’s teachings | กล่าวถึงคำสอนของกฤษณมูรติ | |
7:04  | but then you always say | แต่ท่านก็พูดเสมอว่า |
that you are not a teacher, | ท่านไม่ใช่ครูผู้สอน… | |
7:06  | always this contradiction. | มีสิ่งที่แย้งกันอย่างนี้เสมอ |
7:14  | K: How does this come about | K: เรื่องที่แย้งกันนี้ |
เป็นมาอย่างไรหรือ | ||
7:17  | that K’s teachings | ที่ว่าคำสอนของ K |
are religious teachings | เป็นคำสอนที่เกี่ยวกับศาสนา… | |
7:24  | and K himself says | และ K เองก็เป็นผู้พูดว่า |
he is not a teacher. Right? | เขาไม่ใช่ครูผู้สอนสั่ง | |
7:27  | ใช่ไหม | |
7:28  | How do you account for it? | เธอจะอธิบาย |
ให้เหตุผลเรื่องนี้อย่างไร | ||
7:32  | How do you account for it? | เธอจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร |
7:36  | What do you say about it? | เธอจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ |
7:43  | I don’t have | ฉันไม่ต้องชี้แจงให้เธอฟังหรอกนะ |
to account to you, sir. | ||
7:45  | I was only joking, | ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้นนะ |
but I’m asking you | แต่ฉันถามเธอว่า | |
7:48  | how do you account for it? | เธอจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร |
7:51  | You asked that question, | เธอถามคำถามนั้นไม่ใช่หรือ |
didn’t you? | ||
7:55  | Yes, sir? | ใช่ไหมครับ |
7:57  | What do you say about it? | แล้วเธอว่าอย่างไรล่ะ |
8:01  | Is there a contradiction? | มีข้อขัดแย้งกันไหม |
8:12  | Or K is not personally, | หรือว่า K โดยความเป็นบุคคลแล้ว |
8:18  | as a body | โดยร่างกาย |
– you understand? – | เธอเข้าใจไหม | |
8:21  | as an organism, | โดยอินทรีย์ โดยตัวตนทางกายภาพ |
as a physical entity, | เขาไม่มีความสำคัญใดๆ เลย | |
8:26  | he is not important. | สิ่งที่เขาพูดต่างหากที่สำคัญ |
8:28  | What he says is important. | เท่านั้นเองใช่ไหม |
Right? That’s all. | ||
8:37  | Where are we? | เราไปถึงไหนกันแล้วล่ะ |
8:39  | You’re interested in all this? | พวกเธอสนใจเรื่องทั้งหมดนี้หรือ |
8:43  | S: No, sir. | S: ไม่สนใจครับท่าน |
8:45  | K: Not specially. Right? | K: ไม่สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษใช่ไหม |
8:50  | I thought the older boys | ฉันนึกว่าพวกเด็กผู้ชายที่โตกว่า |
were going to sit here. | จะมานั่งตรงนี้ซะอีก | |
8:55  | S: Sir, why is our mind always | S: ท่านครับ ทำไมจิต(สมอง)ของเรา |
so cluttered with thought? | จึงเต็มไปด้วยความคิดครับ | |
9:05  | And why are we all | แล้วทำไมเราทุกคนจึงสนใจแต่ตัวเอง |
so concerned about ourselves? | ||
9:09  | K: Why are we so concerned | K: ทำไมเราถึงสนใจแต่ตัวเอง |
about ourselves and... | และอะไรนะ | |
9:18  | S: Why is our mind always | S: ทำไมจิตใจ |
so cluttered with thought? | จึงเต็มแน่นไปด้วยความคิด | |
9:27  | K: Why is our mind | K: ทำไมจิตใจจึงเต็มไปด้วยความคิด |
so cluttered up with thought. Right? | ใช่ไหม | |
9:40  | I’m not a brain specialist. | ฉันไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางสมอง |
9:44  | You understand? | พวกเธอเข้าใจนะ |
9:47  | I’ve talked | ฉันได้พูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์ |
to a great many scientists | ที่มีชื่อเสียงมาหลายคน | |
9:50  | in America, in England, | ทั้งในอเมริกา ในอังกฤษ |
and so on, | และที่อื่นๆ… | |
9:55  | and I’ve also talked | และฉันได้พูดคุย |
to a great many biologists | กับนักชีววิทยาที่เก่งมากๆ หลายคน… | |
9:59  | and psychiatrists, | รวมทั้งจิตแพทย์และอื่นๆ ด้วย |
and so on. | ||
10:08  | Have you ever considered | พวกเธอเคยลองคิดพิจารณาบ้างไหม |
what our brain is? | ว่าสมองของเราคืออะไร | |
10:16  | What’s your brain? | สมองของเธอคืออะไร |
10:18  | Why is it so filled up with thought? | ทำไมมันจึงอัดเต็มไปด้วยความคิด |
10:25  | Why is it | เพราะอะไรสมองของเรา |
that our brain is never quiet? | จึงไม่เคยเงียบเลย | |
10:32  | Right? Why? | เพราะอะไรหรือ |
10:35  | I’m asking you. | ฉันกำลังถามพวกเธอนะ |
10:40  | What’s the other question? | อีกคำถามล่ะ ว่าอย่างไร |
10:43  | S: Why are we always | S: เพราะเหตุใดเราจึงสนใจห่วงพะวง |
so concerned... | ||
10:45  | K: Why are we so concerned | K: เพราะเหตุใด |
about ourselves? | เราจึงสนใจพะวงอยู่แต่กับตัวเราเอง | |
10:50  | Go on, you answer me. | ค้นหาต่อซิ เธอตอบฉันมาซิ |
10:53  | Why are you concerned about yourself | ว่าเหตุใดเธอจึงคิดถึงแต่ตัวเอง |
all the time, most of the time? | ตลอดเวลา หรือแทบตลอดเวลา | |
11:01  | S: We want the best for yourself. | S: เพราะเราต้องการสิ่งที่ดีที่สุด |
ให้แก่ตัวเราเอง | ||
11:06  | K: What do you call best? | K: อะไรล่ะที่เธอเรียกว่าดีที่สุด |
11:09  | S: We want to have | S: เราต้องการที่จะมี |
all the privileges. | สิทธิพิเศษทั้งหมด | |
11:11  | K: You want to have | K: พวกเธอต้องการที่จะมี |
all the privileges. | อภิสิทธิ์ทั้งหลาย | |
11:13  | What do you mean by that? | พวกเธอหมายถึงอะไรหรือ |
11:16  | What do you mean | ที่ว่า "อภิสิทธิ์" เธอหมายถึงอะไร |
by privileges? | ||
11:23  | S: We want to have | S: พวกเราต้องการที่จะมีความสุข |
all the comfort. | ความสบายทุกๆ อย่าง | |
11:30  | K: You want all the comfort, | K: พวกเธอต้องการที่จะมีความสุข |
all the land. | ความสบายและมีที่ดินทั้งหลายทั้งปวง | |
11:35  | S: The advantages. | S: ผลประโยชน์และความได้เปรียบต่างๆ |
11:37  | K: All the advantages, | K: ผลประโยชน์ทั้งหมด |
all the best things of the world. | รวมทั้งสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดในโลก | |
11:43  | Right? | ใช่ไหม |
11:49  | Are we answering | พวกเรากำลังตอบคำถาม |
your question? | ของเธออยู่รึเปล่า | |
11:53  | No. | ไม่ใช่หรือ |
11:55  | You understand | พวกเธอเข้าใจ |
what that girl asked? | สิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนั้นถามไหม | |
11:59  | She wanted to know why we are | เธอต้องการที่จะรู้ว่า |
concerned about ourselves so much. | ||
12:02  | ทำไมเราถึงสนใจแต่ตัวเราเอง | |
มากมายขนาดนั้น | ||
12:06  | Have you answered | พวกเธอได้ตอบคำถามนั้นแล้วหรือยัง |
that question? | ||
12:08  | S: เราสนใจแต่ตัวเราเองก็เพราะว่า | |
12:10  | S: You are concerned | หนูหมายถึงเราคิดถึงแต่ตัวเอง |
about yourself because... | ||
12:13  | I mean, you always | เพราะว่าเราต้องการ |
think about yourself. | บางสิ่งบางอย่างเพื่อตัวเราเอง | |
12:15  | K: Yes. I know that. Why are you | K: ใช่ นั่นฉันรู้แล้ว |
so concerned about yourself? | ||
12:17  | แล้วทำไมพวกเธอ | |
จึงนึกถึงแต่ตัวเองล่ะ | ||
12:22  | Everybody is | ทุกๆ คนก็เป็นอย่างนั้น |
– it’s not something unusual. | มันไม่ใช่สิ่งที่แปลกอะไรหรอก | |
12:27  | There are very rare people | คนที่ไม่คิดถึงแต่ตัวเองนั้น |
หาได้ยากยิ่ง | ||
12:30  | who are not concerned | มีน้อยคนมาก |
about themselves – very rare. | ||
12:35  | So, why are you concerned | ดังนั้นทำไมเธอจึงคิดถึง |
about yourself? | แต่ตัวเองล่ะ | |
12:40  | S: Sir, because everything you do | S: ท่านครับ |
เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ | ||
12:43  | is usually circled | มักจะรวมศูนย์อยู่รอบๆ ตัวเรา |
around you. | ||
12:47  | K: Everything you do | K: ทุกๆ อย่างที่คนเราทำ |
is around you. | อยู่โดยรอบตัวเรา | |
12:52  | S: It concerns you. | S: มันจะเกี่ยวข้องอยู่กับตัวเรา |
12:55  | S: Speak louder. | T:พูดดังๆ หน่อยครับ |
12:57  | S: Sir, everything you do | S: ท่านครับ |
ultimately concerns you. | ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ | |
12:59  | ท้ายที่สุดก็จะเกี่ยวข้อง | |
แต่กับตัวเรา | ||
13:01  | K: Everything you do | K: ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ |
ultimately concerns you. Right? | ท้ายที่สุดก็จะเกี่ยวเนื่องกับเธอ | |
13:06  | ใช่ไหม | |
13:09  | What is you? | อะไรคือตัวเธอ |
Who are you? | เธอเป็นใครกัน | |
13:17  | S: I am the body. | S: ผมคือร่างกาย |
K: Yes – what are you? | ||
13:20  | K: ใช่ แล้วเธอคืออะไรอีก | |
13:23  | The body, blonde hair, purple eyes, | คือร่างกาย ผมสีบลอนด์ |
ดวงตาสีม่วง | ||
13:27  | dark skin, light skin, | ผิวคล้ำ ผิวขาว |
your name might be, what? | เธออาจจะมีชื่อ ว่าอะไรดีล่ะ | |
13:36  | Mr Rao or Mrs Rao, | นายเราว์ นางเราว์ |
or Miss Rao, | หรือว่านางสาวเราว์ | |
13:40  | I don’t know, | ฉันไม่ทราบ |
whatever your name, | เธอจะมีชื่อว่าอะไรก็ตามแต่เถอะ | |
13:42  | that’s what you are, | นั่นก็คือสิ่งที่เป็นเธอ |
aren’t you? | ไม่ใช่หรือ | |
13:45  | Your face, your body | ใบหน้าของเธอ ร่างกายของเธอ |
13:50  | and beyond that, | และนอกเหนือไปกว่านั้น |
what are you? | เธอคืออะไรหรือ | |
13:56  | Are you your BA’s and MA’s? | เธอคือปริญญาบัตร |
ปริญญาตรี - โทของเธอใช่ไหม | ||
14:04  | You’re all going to pass exams, | พวกเธอทั้งหมด |
aren’t you? | จะต้องสอบให้ผ่านใช่ไหม | |
14:09  | Yes? | ใช่หรือเปล่า |
14:10  | I don’t know why, | ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม |
but you are going to pass exams | แต่พวกเธอก็จะต้องสอบให้ผ่าน | |
14:14  | like a lot of monkeys. | เหมือนพวกลิงทั้งหลาย |
14:20  | And that’s what you are | เธอเป็นสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด |
14:24  | – BA, MA, PhD | เป็นปริญญาตรี |
ปริญญาโท ปริญญาเอก | ||
14:27  | or a good lawyer, a good engineer, | หรือเป็นนักกฎหมายที่ดี |
scientist – that’s what you are. | เป็นวิศวกร | |
14:31  | และนักวิทยาศาสตร์ที่เก่ง | |
เธอคือสิ่งเหล่านั้น | ||
14:34  | All that is you, | ทั้งหมดนั้นคือความเป็น "เธอ" |
isn’t it? | ไม่ใช่หรือ | |
14:37  | BA, MA, PhD, MAD. | เป็นปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก |
Right? | แล้วก็เป็นบ้า (หัวเราะ) | |
14:45  | All that’s what you are. | ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เป็น "เธอ" |
14:52  | Aren’t you? | ใช่ไหม |
14:55  | No? | ไม่ใช่หรือ |
What are you then? | ||
14:56  | แล้ว "เธอ" คืออะไรกันล่ะ | |
14:59  | You marry somebody, | เมื่อเธอแต่งงานกับใครซักคน |
and you’re called Mrs after that. | หลังจากนั้นเธอก็จะถูกเรียกว่านางใช่ไหม… | |
15:03  | Right? Or Miss, or whatever | หรือว่านางสาว หรืออะไรก็ตาม |
you like to call yourself. | ที่เธออยากจะเรียกตัวเธอเอง | |
15:09  | So what are you? | ดังนั้น "เธอ" คืออะไรกันแน่ |
15:11  | Why are you so concerned | ทำไมเธอถึงสนใจแต่ตัวเธอเอง |
about yourself? | ||
15:17  | I know you want all the advantages, | ฉันรู้ว่าพวกเธอต้องการผลประโยชน์.. |
all the privileges, all the earth, | ||
15:20  | และสิทธิพิเศษทั้งปวง | |
โลกทั้งหมด | ||
15:26  | but who is ‘I’ | แต่ใครล่ะคือ ความเป็น "ตัวฉัน" |
that wants all this? | ที่ต้องการสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด | |
15:31  | S: คือจิตใจของเรา | |
15:32  | S: Your mind. | K: จิตใจของเธอ |
หรือที่เธอเรียกว่า "จิตใจ" | ||
15:35  | K: What do you mean by the mind? | จริงๆ แล้วเธอหมายถึงอะไร |
15:39  | Don’t just throw out words. | อย่าเพียงแค่พูดออกมาเรื่อยเปื่อย |
15:42  | What do you mean by the mind? | จิตใจ เธอหมายถึงอะไรกันแน่ |
15:45  | S: Your self, sir. | S: ตัวเราเองครับท่าน |
15:46  | Your soul. | จิตวิญญาณ |
Our soul, sir. | จิตวิญญาณของเราครับ | |
15:50  | K: Your soul. | K: จิตวิญญาณของเธองั้นหรือ |
15:54  | S: You can see the mind is | S: เราสามารถเห็นได้ว่า |
something that tells you, | จิตใจคือสิ่งที่บอกเรา บอกเราว่าให้ทำอะไร | |
15:57  | tells you what to do. | หนูหมายความว่ามันมีสิ่งนี้ |
ที่เรียกว่า "จิตใจ" อยู่ในตัวเรา | ||
15:58  | I mean, there’s this thing | |
called mind in you | ||
16:00  | that keeps telling you, | ซึ่งบอกเราให้ทำนี่ ทำนั่น |
do this, do that, don’t do this. | อย่าทำสิ่งนี้ สิ่งนั้น | |
16:04  | K: So what are you | K: เพราะฉะนั้นเธอพยายามจะบอก |
trying to say? | อะไรกันแน่ | |
16:07  | S: I want to know | S: หนูอยากจะรู้ว่าจิตใจคืออะไร |
what the mind is. | ||
16:08  | K: You want to know | K: เธออยากจะรู้ว่า |
what the mind is. | จิตใจคืออะไรอย่างนั้นหรือ | |
16:12  | Before you go in to enquire | ก่อนที่เธอจะเข้าไปสืบค้น |
what the mind is, | ว่าจิตใจคืออะไรนั้น… | |
16:17  | what is the brain, | สมองล่ะคืออะไร |
what’s your brain like? | สมองของเธอเป็นอย่างไร | |
16:24  | What, sir? | |
16:25  | S: It helps you to think. | S: มันช่วยให้เราคิด |
16:27  | S: Your brain helps | S: สมองของเราช่วยเราในการคิดครับ |
you to think, sir. | ||
16:31  | K: Your brain | K: สมองช่วยเธอในการคิด |
helps you to think. | ||
16:34  | Right? | ถูกไหม |
16:37  | It’s getting rather complex, | มันค่อนข้างจะซับซ้อนขึ้นใช่ไหม |
isn’t it? | ||
16:41  | What do you mean by thinking? | แล้ว "การคิด" พวกเธอหมายถึงอะไร |
16:44  | You are all thinking, | พวกเธอทั้งหลายต่างกำลังคิดใช่ไหม |
aren’t you? | ||
16:48  | Naturally. | โดยธรรมชาติก็เป็นอย่างนั้น |
16:51  | What do you mean by thinking? | เธอว่า "การคิด"หมายถึงอะไร |
16:55  | S: The way you feel, | S: การที่เรารู้สึกอย่างไร |
your ideas and opinions. | ความคิดและความเห็นของเรา | |
16:58  | K: No, I said | K: ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันถามว่า |
what do you mean by thinking. | "การคิด" เธอหมายถึงอะไร | |
17:04  | S: To find out. | S: หมายถึงการค้นหา |
17:11  | K: Thinking, not finding out. | K: การคิดไม่ใช่การค้นหา |
17:14  | You understand the difference | เธอเข้าใจความแตกต่าง |
between the two? | ของทั้งสองอย่างนี้ไหม | |
17:19  | I think this morning | ฉันคิดว่าเช้านี้ฉันจะไปเดินเล่น |
I’ll go for a walk. | ||
17:25  | I think. You understand? | ฉันคิด |
เธอเข้าใจไหม | ||
17:28  | Now what do you mean | แล้วทีนี้เธอว่า |
by thinking? | "การคิด" หมายถึงอะไร | |
17:32  | S: It is the power to decide. | S: มันเป็นความสามารถ |
ที่จะตัดสินใจครับ | ||
17:40  | K: You’re not answering | K: เธอไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ |
my question, old boy. | พ่อหนุ่ม | |
17:44  | I’m asking you, | ขอให้พวกเธอช่วยใส่ใจฟังด้วย |
if you’ll kindly listen, | ฉันกำลังถามเธอว่า | |
17:49  | what do you mean by thinking, | การคิดหมายถึงอะไร |
not about something, | ไม่ใช่การคิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง | |
17:57  | not ask you to think about that, | ฉันไม่ได้ถามเธอ |
what do you mean by thinking? | คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น | |
18:03  | แต่ถามเธอว่า | |
"การคิด" หมายถึงอะไรหรือ | ||
18:10  | Perhaps this is too complex. | บางทีเรื่องนี่อาจจะซับซ้อนเกินไป |
18:15  | You go to a class, | เมื่อเธอเข้าห้องเรียน |
there the educator tells you, | ผู้สอนก็บอกพวกเธอว่า… | |
18:21  | ‘Now let’s study mathematics’. | เรามาเรียนคณิตศาสตร์กันเถอะ |
18:25  | Probably you don’t like | เธออาจจะไม่ชอบ |
that subject, mind you, | วิชาคณิตศาสตร์นั่น | |
18:28  | you have to study it. | แต่เธอก็ต้องเรียนวิชาที่ไม่ชอบ |
18:30  | Now, you are learning | เธอก็เรียนจากหนังสือนั่น |
from that book | ||
18:33  | and what the professor, | เรียนสิ่งที่อาจารย์ |
your educator tells you, | หรือว่าผู้สอนบอกพวกเธอ | |
18:38  | so you memorise. | แล้วเธอก็จดจำไว้ |
Right? | ||
18:40  | ถูกไหม | |
18:42  | Am I saying something | ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า |
not right? | ||
18:45  | You memorise, | เธอจดจำไว้ |
นั่นก็คือ | ||
18:48  | that is, you repeat over | เธอเรียน เธอทำซ้ำแล้วซ้ำอีก |
and over and over again | ||
18:52  | till it becomes part of your brain. | จนกระทั่งมันกลายเป็นส่วนหนึ่ง |
Right? | ของสมองเธอ | |
18:54  | ใช่ไหม | |
18:57  | So, you memorise, | เพราะฉะนั้นเธอจดจำ |
don’t you? | ใช่หรือเปล่า | |
19:01  | You don’t know about physics, | เธอไม่รู้เกี่ยวกับฟิสิกส์ |
but you learn about it, | แต่เธอก็เรียนฟิสิกส์… | |
19:07  | that is, you memorise. | นั่นหมายความว่าเธอท่องจำ |
19:11  | You memorise your name. | เธอจำชื่อของเธอได้ |
Right? | ใช่ไหม | |
19:19  | Because you have repeated | เพราะว่าเธอพูดซ้ำบ่อยมากๆๆ |
very, very, very often – | ||
19:22  | my name is Smith, | ว่าฉันชื่อสมิธ |
or Mr Rao, or Mr K. | ไม่ก็ชื่อนายเราว์ หรือนายเค | |
19:28  | Right? | ใช่ไหม |
19:30  | So, our learning is memorising. | ดังนั้นการเรียนรู้ของเรา |
Right? | ก็คือการท่องจำ ใช่ไหม | |
19:36  | Are you... | เธอเห็นด้วยไหมในเรื่องนี้ |
Do you agree to this? | ||
19:40  | Our learning in a school, | การเรียนของเราในโรงเรียน |
in a college, in a university | ในวิทยาลัยหรือในมหาวิทยาลัย… | |
19:46  | is all the time memorising. | ก็คือการท่องจำอยู่ตลอดเวลา |
19:53  | I won’t go into | ฉันจะไม่พูดเข้าไป |
the whole subject of it | ในเรื่องนี้ทั้งหมด | |
19:55  | because it is very complex, | เพราะว่ามันซับซ้อนมาก |
I won’t put you through that. | ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องมานั่งฟังเรื่องนี้ | |
20:01  | Now, you memorise | เอาล่ะ ที่พวกเธอท่องจำก็เพื่อที่จะ |
in order to act skilfully. | ปฏิบัติหน้าที่อย่างเชี่ยวชาญ | |
20:09  | Right? | ใช่ไหม |
20:11  | If you’re a lawyer, | หากเธอเป็นนักกฎหมาย |
you memorise | เธอก็ท่องจำคดีความ | |
20:14  | all the previous incidents, | คำพิพากษาต่างๆ ที่ผ่านมา |
judgements, and so on, | และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้น | |
20:18  | and then you become a lawyer, | แล้วพวกเธอก็ได้เป็นนักกฎหมาย |
and so on. | เป็นต้น | |
20:20  | A doctor, he must practise | แพทย์แต่ละคน |
ten years, learn, | เขาก็ต้องฝึกฝนเป็น 10 ปี | |
20:26  | then become an internee, | ร่ำเรียน แล้วก็เป็นแพทย์ฝึกหัด |
and so on, so on. | และอื่นๆ อีกมากมาย | |
20:30  | It may take 15 years | อาจจะต้องใช้เวลาถึง 15 ปี |
to be a really first-class doctor, | จึงจะเป็นแพทย์ชั้นหนึ่งจริงๆ | |
20:37  | or a surgeon, or a scientist, | หรือจะเป็นศัลยแพทย์ |
and so on. | หรือนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ และก็อื่นๆ อีก | |
20:42  | So, what is happening | แล้วจะเกิดอะไรขึ้น |
to your brain? | กับสมองของพวกเธอล่ะ | |
20:50  | Tell me, don’t go to sleep. | บอกฉันซิ อย่าเพิ่งหลับนะ |
20:54  | What is happening | จะเกิดอะไรขึ้น |
to your brain | กับสมองของพวกเธอหรือ | |
20:57  | during those ten years | ในช่วง 10 ปีหรือ 5 ปีนั้น |
or during those five years? | ||
21:05  | S: Your brain is getting filled up. | S: สมองของพวกเธอก็ถูกอัดจนเต็มแน่น |
21:08  | K: Filled. | K: เต็มแน่นไปด้วยอะไรหรือ |
Filled with what? | ||
21:10  | S: With information, sir. | S: เต็มแน่นไปด้วยข้อมูลครับ |
21:12  | With information | ด้วยข้อมูล |
about what you are doing. | เกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ | |
21:15  | K: Yes, your brain is being filled | K: ใช่แล้ว สมองของพวกเธอ |
with a lot of information. Right? | ถูกอัดเต็มแน่นไปด้วยข้อมูลมากมาย | |
21:21  | ใช่ไหม | |
21:22  | S: และความรู้ด้วย | |
21:23  | S: And knowledge. | K: และความรู้ |
K: And knowledge. | ||
21:26  | What do you mean | คำว่า "ความรู้" เธอหมายถึงอะไรหรือ |
by that word ‘knowledge’? | ||
21:30  | S: Information about the topic. | S: ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ |
21:34  | K: Yes, information | K: ใช่ ข้อมูลเกี่ยวกับ |
about a certain topic, | เรื่องบางเรื่อง วิชาบางวิชา | |
21:39  | a certain subject, | และสมองของเธอ |
ก็ถูกอัดเต็มไปด้วยเรื่องเหล่านั้น | ||
21:42  | and your brain is filled with that. | |
21:45  | Right? | ถูกไหม |
21:46  | I am a PhD, | ฉันเป็นดอกเตอร์ |
I know how... etc., etc. | ฉันรู้ว่าต้องทำอย่างไร ฉันรู้ เป็นต้น | |
21:52  | Right? | ใช่ไหม |
21:56  | Right, sir? | ใช่ไหมครับ พวกเธอเบื่อกันหรือยัง |
Are you bored? | ||
22:00  | It’s all right, be bored, | จะรู้สึกเบื่อหรือง่วงก็ไม่เป็นไร |
go to sleep. | ||
22:06  | I don’t mind, it’s a nice morning | ฉันไม่ว่าอะไรหรอก |
– why shouldn’t you go to sleep? | ||
22:09  | เช้าวันนี้อากาศดี | |
ก็น่าอยู่หรอกที่พวกเธอจะง่วง | ||
22:14  | So, your brain contains | เพราะฉะนั้นสมองของพวกเธอ |
all that you have learned. | ||
22:17  | จึงบรรจุเต็มไปด้วย | |
สิ่งทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้มา | ||
22:21  | Right? | ใช่ไหมครับ |
22:23  | Your name, your face, | ชื่อของเธอ ใบหน้าของเธอ |
your father, your mother, | พ่อของเธอ แม่ของเธอ | |
22:28  | it’s a process | มันไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการจดจำ |
of not only recognition, | จำได้หมายรู้เท่านั้น | |
22:33  | but also accumulation. | แต่เป็นกระบวนการ |
การสั่งสมอีกด้วย | ||
22:37  | Right? | ใช่ไหม |
You understand my English? | ||
22:38  | พวกเธอเข้าใจ | |
ภาษาอังกฤษของฉันหรือเปล่า | ||
22:41  | It is a process | มันคือกระบวนการ |
of gathering and spending | การเก็บสั่งสมรวบรวมและเรียกใช้… | |
22:47  | what you have gathered. | สิ่งที่พวกเธอได้เก็บสั่งสมไว้ |
22:49  | That’s you have gathered Sanskrit | อย่างเช่นพวกเธอได้สั่งสมความรู้ |
and you speak that, and so on. | เกี่ยวกับภาษาสันสกฤต | |
22:52  | แล้วพวกเธอก็พูดภาษานั้น เป็นต้น | |
22:57  | So, your brain is | ฉะนั้นสมองของเธอ |
full of memories. | จึงเต็มไปด้วยความทรงจำ | |
23:02  | Right? | ถูกต้องไหม |
23:09  | You know where you live, | เธอรู้ว่าสถานที่ |
ที่พวกเธออาศัยอยู่อยู่ตรงไหน | ||
23:13  | you know your father’s name, | เธอรู้จักชื่อของพ่อเธอ |
your mother’s name, | ชื่อของแม่เธอ | |
23:17  | you know your brother, | เธอรู้จักพี่น้องของเธอ |
23:18  | so it’s filled with information | ดังนั้นสมองจึงเต็มไปด้วย |
as knowledge. | ข้อมูลที่เป็นความรู้ | |
23:24  | Right? | ใช่ไหม |
23:26  | And you use that knowledge | และเธอก็ใช้ความรู้นั้นอย่างมีทักษะ |
skilfully, or not skilfully, | หรือไม่มีทักษะ | |
23:31  | you can be | เธอสามารถที่จะเป็นวิศวกร |
a first-class engineer | ที่เก่งเป็นเลิศ | |
23:34  | or a rather dull engineer, | หรือเป็นวิศวกร |
and so on. | ที่ค่อนข้างจะทึ่มทื่อ | |
23:40  | Indian administrative | เป็นคณะกรรมการ |
– what is it? | ผู้บริหารของอินเดีย | |
23:44  | S: Service. | S: คณะทำงาน |
23:47  | K: Yes, and so on, so on, so on. | K: ใช่ และก็เป็นอื่นๆ อีกมากมาย |
Right? | ถูกไหม | |
23:53  | So, you are always | ดังนั้นพวกเธอ |
living within a circle, | จึงมีชีวิตอยู่ในวังวนเสมอ | |
23:59  | circle of what you have learned, | วังวนของสิ่งที่พวกเธอ |
ได้เรียนรู้มา… | ||
24:02  | what you have acquired | สิ่งที่พวกเธอได้ใฝ่หา |
as information, | รวบรวมมาเป็นข้อมูล | |
24:05  | which becomes knowledge. | ซึ่งกลายมาเป็นความรู้ |
24:07  | So your brain contains | ดังนั้นสมองของพวกเธอจึงเต็มไปด้วย |
all that you have acquired, | สิ่งที่พวกเธอกอบโกยหาเข้ามา | |
24:12  | all that you have learned, | สิ่งทั้งหมดที่พวกเธอ |
all that you have experienced. | ได้เรียนรู้มา ทั้งหมดที่ได้ประสบมา | |
24:18  | So that is full of knowledge, | ดังนั้นสมองจึงเต็มไปด้วยความรู้ |
24:22  | absurdities, imaginations, | ทั้งที่เป็นสิ่งไร้สาระ |
illusions, | เป็นจินตนาการและสิ่งหลอกลวง | |
24:31  | and this whole thing is me. | และสิ่งทั้งหมดนั้น |
ก็คือความเป็น "ตัวฉัน" | ||
24:36  | Right? | ใช่ไหม |
24:38  | I may think I’m a great man | ฉันอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ |
– that’s me. | นั่นคือความเป็นฉัน | |
24:43  | I may sit very quietly | ฉันอาจจะนั่งเงียบๆ |
– and that’s me. | นั่นก็คือฉัน | |
24:49  | So, whatever I think and do | ฉะนั้นอะไรก็ตาม |
is out of experience, knowledge. | ที่ฉันคิดหรือกระทำ | |
24:55  | ล้วนมาจากประสบการณ์ | |
และความรู้ทั้งสิ้น | ||
25:00  | Right? | ใช่ไหม |
25:03  | And I can imagine I’m God, | และฉันสามารถคิดจินตนาการ |
ไปได้ด้วยว่าฉันคือพระเจ้า | ||
25:08  | or I can imagine | หรือคิดจินตนาการไปว่า |
I’m a great painter, | ฉันเป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ | |
25:11  | when I’m not, | ทั้งที่ๆ ฉันไม่ได้เป็น |
25:14  | or when I’m... | หรือเมื่อฉันได้เป็น |
you know, and all that. | หรืออะไรต่างๆ นาๆ | |
25:18  | Or, I can have fantasies | หรือฉันอาจเพ้อฝันไปว่า |
that I’m the emperor of India. | ฉันเป็นจักรพรรดิแห่งอินเดีย | |
25:25  | Right? | ใช่ไหม |
25:26  | I can have various fantasies, | ฉันสามารถที่จะมีความคิดเพ้อฝัน |
imaginations, | และจินตนาการไปต่างๆ นานา | |
25:31  | ideas, illusions, | มีแนวคิด ความคิดเห็น |
and so on. | มายาลวงต่างๆ เป็นต้น | |
25:35  | I am all that | ฉันคือสิ่งทั้งหมดนั้น |
– fear, pain, suffering, and so on. | ฉันคือความกลัว | |
25:39  | ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน | |
และอื่นๆ อีก | ||
25:42  | I am the... | ตัวฉันก็คือ |
– all that accumulation, I am. | สิ่งที่ฉันสั่งสมไว้ทั้งหมด | |
25:45  | ฉันคือทั้งหมดนั้น | |
25:47  | Right? | ใช่ไหมครับ |
25:48  | Are you clear? | พวกเธอเข้าใจไหม |
Don’t agree with me, | อย่าเพิ่งเห็นด้วยกับฉัน | |
25:52  | that’s the last thing | นั่นควรจะเป็นสิ่งสุดท้าย |
you should do. | ที่พวกเธอจะทำ | |
25:56  | But find out if what we are saying | แต่ค้นให้พบว่าสิ่งที่เรากำลัง |
is true or false. | พูดกันอยู่นั้นเป็นจริงหรือเป็นเท็จ | |
26:03  | I can imagine | ฉันสามารถที่จะจินตนาการไปว่า |
there is God in me. | มีพระเจ้าอยู่ในตัวฉัน | |
26:10  | But that may not be true. | แต่นั่นอาจจะไม่จริง |
26:13  | Right? | ใช่ไหม |
26:15  | So, I am this whole bundle | ดังนั้นฉันก็คือกลุ่มกองที่สั่งสมมา |
of two million years | ร่วมสองล้านปี | |
26:23  | gathered as me. | รวมตัวกันขึ้นเป็นตัวฉัน |
26:27  | Right? | ถูกไหม |
26:31  | And I become very important. | และฉันก็กลายเป็นคนที่สำคัญมาก |
26:34  | S: Why, sir? | S: เพราะอะไรล่ะครับท่าน |
26:35  | K: Because I am | K: เพราะว่าฉันมีอายุเก่าแก่ |
two million years old, | ถึงสองล้านปีนะสิ | |
26:39  | I’ve learnt so much. | ฉันได้เรียนรู้มามากมาย |
26:41  | That poor chap | ชายผู้น่าสงสารคนนั้น |
wandering up there in the garden | ที่กำลังเดินอยู่ในสวน | |
26:46  | doesn’t know much, | เขาไม่ได้รู้อะไรมากมาย |
แต่พวกเธอรู้มากมายก่ายกอง | ||
26:48  | but you know a great deal. | |
26:52  | You respect those people | พวกเธอเคารพนับถือ |
who have a great deal of knowledge | คนที่มีความรู้มากมาย | |
26:58  | and you despise | และพวกเธอก็ดูถูกดูแคลน |
those people who are there. | ผู้คนที่มีความรู้น้อย | |
27:02  | Right? | ใช่ไหม |
27:05  | So, when you ask, ‘Why am I thinking | ฉะนั้นเมื่อเธอถามว่า |
about myself all day long?’ | ||
27:09  | เพราะเหตุใดฉันจึงคิดถึง | |
แต่ตัวเองอยู่ทั้งวันตลอดเวลา | ||
27:15  | – because you have | เพราะว่าเธอถูกฝึกฝนอบรม |
been trained that way, | สั่งสอนมาให้เป็นแบบนั้น | |
27:18  | you have been | เธอถูกอิทธิพลกำหนด |
conditioned that way. | ให้เป็นอย่างนั้น | |
27:23  | Society helps you | สังคมเป็นอิทธิพลสนับสนุนให้เธอ |
to think about yourself, | คิดแต่เรื่องของตัวเธอเอง | |
27:29  | because if you didn’t, | เพราะถ้าไม่อย่างนั้น |
you might not get a job. | เธอก็อาจจะหางานทำไม่ได้ | |
27:37  | So all the people help each other | ฉะนั้นทุกๆ คนนั่นแหละ |
to think about themselves. | ที่ต่างช่วยกัน | |
27:40  | ทำให้แต่ละคนคิดถึงแต่ตัวเอง | |
27:44  | Right? | ใช่ไหม |
27:47  | You are a Muslim, | เธอเป็นมุสลิม |
and you think about Allah. | เธอก็คิดถึงพระอัลลาห์ | |
27:53  | So, you build up all kinds | เธอจึงสร้างสมสิ่งที่ความคิด |
of imaginary superstitious, | จินตนาการขึ้นมาสารพัน | |
27:58  | illusory stuff, | สิ่งงมงาย และสิ่งลวง |
called Maya. | ที่เรียกว่า "มายา" ขึ้นมา | |
28:04  | Right? | ถูกต้องไหม |
28:06  | And there are people | และก็มีผู้คนที่บอกว่า |
who say, | ||
28:09  | ‘I must get away from all this, | "ฉันต้องออกไป |
get away from myself’. | ให้พ้นจากเรื่องเหล่านี้ | |
28:11  | ออกไปพ้นจากตัวฉันเอง" | |
28:15  | Right? | ใช่ไหม |
28:17  | ‘I must forget myself, | ฉันต้องลืมตัวเอง |
I must abandon myself, | ฉันต้องละทิ้งตัวเอง | |
28:21  | I must become something | ฉันต้องเปลี่ยนไป |
totally different from what I am’. | เป็นอะไรบางอย่าง | |
28:23  | ที่ต่างออกไป | |
จากสิ่งที่ฉันเป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง | ||
28:30  | But it is the same circle | แต่มันก็ยังวนอยู่ในวงล้อมเดิมๆ |
repeated over and over again | ซ้ำแล้วซ้ำเล่า | |
28:33  | because I’m thinking | เพราะฉันก็ยังคิดถึง |
about myself. | แต่ตัวฉันเองอยู่อีก | |
28:36  | ‘I must meditate | เช่น "ฉันต้องทำสมาธิสักสองชั่วโมง" |
for two hours’, | ||
28:39  | which is, I’m thinking about myself, | ซึ่งก็คือ ฉันกำลังคิด |
and so on, so on. | เกี่ยวกับตัวเองและก็อื่นๆ ทำนองนั้น | |
28:48  | And your next question was | และคำถามต่อไปของเธอก็คือ |
– what was it? | - คืออะไรนะ | |
28:52  | S: Why is the mind always | S: ทำไมจิตใจ(สมอง) |
cluttered with thought? | จึงเต็มแน่นไปด้วยความคิด | |
28:59  | K: Why is the brain | K: ทำไมสมองจึงหมกมุ่นวุ่นวาย |
so occupied with thought? | อยู่กับความคิด | |
29:06  | I explained just now, | ฉันอธิบายไปแล้วเมื่อสักครู่ |
I see this thing in front of me | ฉันเห็นสิ่งนี้ตรงหน้าของฉัน | |
29:12  | – right? – | และฉันเรียกมันว่าไมโครโฟน |
29:14  | and I call it microphone. | |
29:17  | Right? | ถูกไหม |
29:19  | But the word ‘microphone’ | แต่คำว่า "ไมโครโฟน" |
is not that. | ไม่ใช่ตัวไมโครโฟนนั้นจริง | |
29:24  | I don’t know if you see that. | ฉันไม่ทราบว่าพวกเธอจะเข้าใจไหม |
That’s very important to see in life | ||
29:26  | ในชีวิตนั่นคือสิ่งสำคัญมาก | |
ที่จะต้องมองให้เห็น | ||
29:29  | – very important – | สำคัญมากทีเดียว |
that the word is not the thing. | ที่ว่าถ้อยคำมิใช่ตัวสิ่งๆ นั้น | |
29:37  | You understand | เธอเข้าใจ |
what I am saying? | สิ่งที่ฉันกำลังพูดหรือเปล่า | |
29:39  | Or you are all nuts? | หรือว่าพวกเธอเพี้ยนกันไปหมด |
29:46  | It’s very important | มันสำคัญมากที่จะต้องเรียนรู้ |
to learn | ||
29:50  | that the word | ว่าถ้อยคำ |
is not the thing. | ไม่ใช่ตัวสิ่งๆ นั้นจริง | |
29:54  | The door, the word ‘door’, | คำว่าประตู ไม่ใช่ตัวประตูจริงๆ |
is not the actual door. | ||
30:00  | S: Sir, why do you say that? | S: ท่านครับ |
K: What? | ทำไมท่านพูดอย่างนั้นล่ะครับ | |
30:02  | K: อะไรนะ | |
30:03  | S: That the door | S: ที่ว่าประตูไม่ใช่ประตู |
is not the door. | ||
30:06  | K: Now, you didn’t listen. | K: เห็นมั้ยว่าเธอไม่ได้ฟัง |
30:09  | The word is different | คำว่าประตูแตกต่างจากตัวประตูจริง |
from the door. | ||
30:16  | Is this too difficult? | อธิบายอย่างนี้ยากไปไหม |
30:19  | Look, my name is K. | ดูนะ ฉันมีชื่อว่าเค |
Right? | ถูกไหม | |
30:25  | But K is different | แต่คำว่าเคแตกต่างจากตัวเคจริงๆ |
from the actual. | ||
30:30  | This becomes too difficult, | นี่คงจะยากเกินไปแล้วใช่ไหม |
does it? | ||
30:35  | S: Are you trying to say... | S: หรือท่านพยายามที่จะบอกว่า |
K: Now just a minute. | K: เดี๋ยวนะ | |
30:37  | Rishi Valley, the words | คำว่า หุบเขาฤาษี |
‘Rishi Valley’ is not the actual. | ไม่ใช่ตัวหุบเขาของจริง | |
30:46  | Is this difficult? | นี่ยากไปไหม |
30:51  | Why is the girl not... | ทำไมเด็กผู้หญิงจึงไม่ |
Why aren’t you... | ||
30:54  | Why don’t you understand it? | ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้าใจ |
30:57  | The word is not the actual. | คำพูดไม่ใช่ตัวสิ่งนั้นจริงๆ |
31:03  | You understand? | เธอเข้าใจไหม |
31:06  | You, your name is something. | อย่างเธอ ชื่อของเธอ |
Right? | คืออะไรสักชื่อใช่ไหม | |
31:09  | That name is not you. | แต่ชื่อของเธอนั้นไม่ใช่ตัวเธอ |
31:21  | S: What importance | S: แล้วมันมีความสำคัญอะไรล่ะครับ |
does that have? | ||
31:27  | K: Tremendous importance. | K: มีความสำคัญใหญ่หลวงเชียวหละ |
31:28  | The word is never the thing. | คำพูดไม่มีทางเป็นสิ่งนั้นไปได้เลย |
31:33  | I can paint a picture | ฉันสามารถวาดรูป |
of the Himalayas, | เทือกเขาหิมาลัยได้ | |
31:38  | but the picture | แต่รูปวาดนั้น |
is not the actual. | ไม่ใช่ตัวภูเขาหิมาลัยจริงๆ | |
31:42  | Right? | ถูกไหม |
31:44  | I can describe New York, | ฉันสามารถพรรณนา |
ถึงนครนิวยอร์คได้ | ||
31:53  | but New York is | แต่นครนิวยอร์คจริงๆ |
not what I describe. | ไม่ใช่ถ้อยคำที่ฉันพรรณนา | |
31:59  | I can write about the Gita, | ฉันสามารถเขียน |
or the Bible, or whatever it is, | เกี่ยวกับคัมภีร์คีตา | |
32:01  | หรือคัมภีร์ไบเบิ้ล | |
หรืออะไรก็แล้วแต่ | ||
32:04  | but what I write about | แต่สิ่งที่ฉันเขียนถึง |
is not the actual. | ไม่ใช่ตัวคัมภีร์ของจริง | |
32:12  | I wish you’d get this | ฉันหวังว่าเรื่องนี้ |
deep into your brain | คงจะซึมลึกเข้าไปในสมองเธอ | |
32:20  | because it’ll help you then | เพราะว่ามันจะช่วยให้เธอ |
to deal with things actually. | รับมือกับสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ ได้ | |
32:31  | I have pain in my leg | สมมุติว่าฉันปวดขา |
– suppose – | ||
32:36  | that pain is not | ความเจ็บปวดนั้น |
the word ‘pain’. | ไม่ใช่คำว่า "ปวด" | |
32:44  | Do you see it? | เธอเห็นหรือเข้าใจไหม |
S: I think so. | S: ผมคิดว่าเข้าใจครับ | |
32:47  | K: I get hurt, | K: ฉันได้รับบาดเจ็บ หนามตำ |
a thorn, the pain, | มีความเจ็บปวด | |
32:55  | the word ‘pain’ is different | คำว่า "ปวด" นั้นแตกต่าง |
from the actual thorn and pain. | จากหนามจริงๆ และอาการปวดจริงๆ | |
33:01  | If you once grasp this fact | หากเมื่อไรที่เธอเข้าใจ |
หรือรู้ซึ้งถึงข้อเท็จจริงนี้ที่ว่า | ||
33:05  | that the symbol is not the real. | สัญลักษณ์ไม่ใช่ของจริง |
33:11  | Right? | ใช่ไหม |
33:12  | Go to a temple, and there is | ลองไปที่วัด |
some monstrous figure there | จะเห็นรูปพิลึกพิลั่นอยู่ที่นั่น | |
33:19  | and that figure is | และรูปเป็นสัญลักษณ์ |
the symbol of something else. | ของอะไรอย่างอื่น | |
33:24  | But you worship that symbol. | แต่เธอบูชาสัญลักษณ์นั้น |
33:28  | Go to a church, | ลองไปโบสถ์ |
and there is the cross, | ที่นั่นก็จะมีไม้กางเขน | |
33:33  | that’s a symbol of something else, | นั่นก็เป็นสัญลักษณ์ |
ของอะไรอย่างอื่น | ||
33:36  | but you worship that cross. | แต่พวกเธอก็บูชาไม้กางเขนนั้น |
33:40  | Do you understand all this? | พวกเธอเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ไหม |
33:44  | S: Sir, the symbol cannot | S: ท่านครับ สัญลักษณ์ไม่สามารถ |
describe the real thing. | ที่จะอธิบายบ่งบอกถึงสิ่งนั้นได้จริงๆ | |
33:47  | K: Yes, the symbol cannot describe. | K: ใช่แล้ว |
สัญลักษณ์ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ | ||
33:51  | The symbol is not the actual | สัญลักษณ์ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง |
– right? – and so on. | ถูกไหม และอื่นๆ อีก | |
33:56  | S: It just helps you | S: มันแค่ช่วยบ่งบอก |
identify with the real thing. | ถึงสิ่งที่เป็นของจริง | |
33:59  | It brings to your mind | มันช่วยสร้างภาพ |
a picture of the real thing. | ของของจริงขึ้นมาในจิตใจเธอ | |
34:03  | It brings to your mind | มันทำให้จิตใจเธอมีแนวความคิด |
an idea of the real thing. | เกี่ยวกับของจริง | |
34:09  | K: Does it? | K: ใช่ไหม |
34:12  | Is the idea a fact? | แนวความคิดเป็นความจริงหรือเปล่า |
34:16  | The idea I’m going | ความคิดว่าฉันกำลังจะปีนเขาหิมาลัย |
to climb the Himalayas. | ||
34:21  | The idea is not fact, | ความคิดไม่ใช่ความจริง |
I’m not climbing it. | ฉันไม่ได้กำลังปีนเขาหิมาลัยอยู่ | |
34:25  | S: No, but if you see a picture | S: แต่ถ้าเราเห็นภาพ |
of the Himalayas | ของภูเขาหิมาลัย | |
34:27  | K: Ah, wait, | K: ภาพนั้นก็เป็นสัญลักษณ์ |
that again is a symbol. | อีกนั่นแหละ | |
34:29  | S: Yes, it makes you realise | S: ใช่ แต่มันทำให้เรารู้ว่า |
what the Himalayas look like. | เทือกเขาหิมาลัยเป็นอย่างไร | |
34:32  | K: Yes, but you haven’t | K: แต่พวกเธอก็ไม่เคยได้เห็น |
seen the Himalayas. | ภูเขาหิมาลัยจริง | |
34:36  | So, the seeing is | ดังนั้นการเห็นจริง |
different from the picture. | จึงแตกต่างจากเห็นรูปภาพ | |
34:40  | Right? | ถูกไหม |
34:41  | The actual seeing, | การได้เห็นจริงๆ |
the Himalayan mountains, | เห็นเทือกเขาหิมาลัย | |
34:46  | their valleys, the blue lights | หุบเนินทั้งหลายบนหิมาลัย |
of a morning on there and the snow, | ||
34:49  | แสงสีฟ้ายามเช้าที่สาดส่อง | |
ตามเทือกเขา อีกทั้งหิมะ | ||
34:53  | is quite different | ทั้งหมดนั้นแตกต่างจากรูปภาพ |
from the picture. | ทีเดียวแหละ | |
34:56  | But we worship the picture. | แต่พวกเธอก็บูชารูปภาพ |
34:58  | I don’t know | ฉันไม่ทราบว่า |
if you’re following all this. | พวกเธอตามสิ่งที่พูดนี้ทันไหม | |
35:03  | So, your question is, | คำถามของเธอคือ |
35:06  | why do we think about ourselves | ทำไมพวกเธอ |
all the time? | จึงคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา | |
35:13  | And the other question is, | และอีกคำถามก็คือ |
35:15  | why are our brains | เหตุใดสมองของเรา |
filled with thought? | จึงเต็มไปด้วยความคิด | |
35:21  | Now you ask the older people | ทีนี้ เธอลองถามพวกผู้ใหญ่ดูสิว่า |
what they think of it. | เขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ | |
35:25  | There they are, | พวกเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงนั้น |
sitting in chairs. | ||
35:35  | I’ll wait, sir, till you ask. | ฉันจะรอจนกว่าเธอจะถาม |
35:53  | S: Sir, our brain | S: ท่านครับ |
is like a box, sir, | ||
35:55  | when we’re young | สมองของเราเหมือนกับกล่องใบหนึ่ง |
the box is empty, | ||
35:57  | so there are hardly any thoughts, | เมื่อเรายังเด็ก กล่องนั้น |
ว่างเปล่าแทบจะไม่มีความคิดใดๆ | ||
35:59  | when you grow up | เมื่อเราโตขึ้น |
the box starts getting filled. | กล่องนั้นก็เริ่มเต็มขึ้นเรื่อยๆ | |
36:02  | K: That’s right. | K: ถูกต้อง |
36:03  | You are like an empty bottle, | เธอบอกว่า |
you are saying, | พวกเธอเหมือนกับขวดเปล่า | |
36:07  | and as you grow up | และเมื่อเธอโตขึ้น |
that bottle gets filled. | ขวดนั้นก็เริ่มเต็มขึ้นเรื่อยๆ | |
36:11  | Filled with what? | เต็มไปด้วยอะไรล่ะ |
36:14  | S: Thoughts. | S: ความคิด |
36:16  | K: With dirty water, | K: เต็มไปด้วยน้ำอันสกปรก |
clean water? | หรือน้ำสะอาดล่ะ | |
36:21  | S: Both. | S: ทั้งสองอย่างครับ |
K: Both, that’s right. | K: ทั้งสองอย่างหรือ ถูกแล้วล่ะ | |
36:24  | Filled with dirty water, | เต็มไปด้วยน้ำสกปรกและน้ำสะอาด |
and clean water. Right? | ||
36:29  | ใช่ไหม | |
36:30  | You can’t mix clean water | เธอไม่สามารถผสมน้ำสะอาด |
with the dirty water, | เข้ากับน้ำสกปรกได้หรอก | |
36:33  | then the clean water | เพราะน้ำสะอาด |
becomes dirty. | จะกลายเป็นน้ำสกปรกไปด้วย | |
36:41  | That’s what you are doing. | นั่นคือสิ่งที่พวกเธอกำลังทำกันอยู่ |
36:51  | So, you asked me | พวกเธอขอให้ฉัน |
to talk about myself. | เล่าเกี่ยวกับตัวฉันเอง | |
36:55  | I have. | ฉันได้เล่าไปแล้ว |
37:04  | If you could learn, | หากเธอสามารถเรียนรู้ |
as you learn mathematics, | เหมือนที่พวกเธอเรียนคณิตศาสตร์ | |
37:09  | whether your mind can | เรียนรู้ว่าจิตใจของเธอ |
ever be quiet, your brain. | สมองของเธอสามารถที่จะเงียบลงได้ไหม | |
37:14  | Absolutely quiet. | เงียบสนิทจริงๆ |
37:18  | S: Then how do you | S: แล้วท่านจะได้น้ำบริสุทธิ์ |
get pure water, sir? | มาอย่างไรครับ | |
37:24  | K: You don’t. | K: เธอจะไม่ได้หรอก |
37:26  | He asked, | เขาถามว่า |
how do you get pure water. | ท่านได้น้ำบริสุทธิ์มาอย่างไร | |
37:31  | Life doesn’t give you pure water, | ชีวิตไม่ได้ให้น้ำบริสุทธิ์ |
it gives you dirty water | แก่เธอหรอก | |
37:34  | ชีวิตให้น้ำสกปรกมาต่างหาก | |
37:37  | because you have pain, | เพราะเธอมีความเจ็บปวด |
you have sorrow, you have grief, | มีความทุกข์โศก เศร้าตรม หม่นหมอง | |
37:41  | you’re ambitious, you want | พวกเธอทะเยอทะยาน |
to be something or other. | เธอต้องการจะเป็นอะไรบางอย่าง ไม่นี่ก็นั่น | |
37:45  | That’s all dirty water. | ทั้งหมดนั่นก็คือน้ำสกปรก |
37:46  | S: But sometimes | S: แต่บางครั้ง |
you get happiness, don’t you? | เราก็มีความสุขมิใช่หรือ | |
37:53  | K: Yes, sometimes | K: ใช่ บางครั้งเราก็ได้รับความสุข |
you get happiness. | ||
37:56  | Now what do you mean | เธอหมายถึงอะไรล่ะ |
by that word ‘happiness’? | คำว่า "ความสุข" ที่ว่านั่น | |
38:00  | S: When my wish is fulfilled. | S: เมื่อความปรารถนาของผม |
ได้ตามต้องการ | ||
38:02  | K: Yes, when your wishes | K: ใช่แล้ว เมื่อความปรารถนาทั้งหลาย |
are fulfilled. | ของเธอได้ตามต้องการ | |
38:06  | Right? | ใช่ไหม |
38:09  | I want to live comfortably | เช่นฉันต้องการที่จะใช้ชีวิต |
in a big house | อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ | |
38:13  | with lots of servants, | และมีคนรับใช้หลายคน |
และหากเธอตั้งความหวัง | ||
38:16  | and if you can wish, | แล้วความหวังเหล่านั้น |
if those wishes can be fulfilled, | เป็นไปตามปรารถนา | |
38:19  | เธอก็สุขสมหวัง | |
38:20  | you are happy. | มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม |
Is that it? | ||
38:25  | Suppose they are not fulfilled, | สมมติว่าความหวังเหล่านั้น |
you are sad – right? | ไม่เป็นไปตามปรารถนา | |
38:28  | เธอก็เศร้าเสียใจใช่ไหม | |
38:31  | you’re unhappy, | เธอก็ไม่มีความสุข |
you’re depressed. | เธอซึมเศร้าท้อแท้ | |
38:36  | So what is the difference | ดังนั้นความแตกต่างระหว่างความสุข |
between happiness and depression? | กับความซึมเศร้าท้อแท้คืออะไร | |
38:41  | It’s too difficult for you, | มันคงยากเกินไปสำหรับพวกเธอ |
don’t bother. | ไม่เป็นไรหรอกนะ | |
38:49  | You understand, sirs, ladies, | คุณๆ ทั้งหลายเข้าใจไหมครับ |
38:55  | to me, | สำหรับผมแล้วองค์กรทางศาสนาทั้งหลาย |
religious organisations are silly. | เป็นเรื่องโง่เขลา | |
39:01  | You understand? | เธอเข้าใจไหม |
39:03  | Going to church, | การไปโบสถ์ การไปวัด มัสยิด |
going to temples, mosques, | ||
39:08  | repeat, repeat, | สวดมนต์ ทำพิธีซ้ำแล้วซ้ำเล่า |
repeat, repeat. | อีกแล้วอีกเล่า | |
39:11  | What happens | เกิดอะไรขึ้น |
when you repeat? | เมื่อพวกเธอทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ | |
39:18  | S: You don’t find | S: เราจะไม่เจอสิ่งใหม่ๆ ครับท่าน |
anything new, sir. | ||
39:20  | K: Therefore will you | K: ดังนั้นพวกเธอจะหยุด |
stop repeating? | การกระทำซ้ำๆ ซากๆ ไหม | |
39:25  | S: How do you stop that, sir? | S: เราจะหยุดมันได้อย่างไรครับ |
39:27  | K: Don’t ask me how I stop. | K: อย่าถามฉันว่า |
Will you stop? | เธอจะหยุดมันได้อย่างไร | |
39:30  | พวกเธอจะหยุดหรือเปล่าล่ะ | |
39:33  | You stop scratching | เธอหยุดเกาศรีษะของเธอได้ไหม |
your head. | ||
39:37  | I mean, you start scratching, | ฉันหมายถึงเมื่อเธอเริ่มเกานั้น |
that becomes a habit. Right? | มันก็จะกลายเป็นความเคยชิน | |
39:40  | ใช่ไหม | |
39:42  | And you can stop it, can’t you, | และเธอสามารถหยุดมันได้ไม่ใช่หรือ |
by saying, ‘I won’t do it’. | โดยการบอกว่าฉันจะไม่ทำอีกแล้ว | |
39:48  | Right? Right? | ใช่ไหมครับ |
39:51  | Will you do that? | เธอจะทำอย่างนั้นไหม |
39:54  | Don’t look at somebody else. | ไม่ต้องมองไปที่คนอื่นๆ หรอก |
39:57  | S: It’s difficult, sir. | S: มันยากครับท่าน |
39:59  | K: That’s right, | K: ถูกต้อง มันยาก |
it’s difficult. | ||
40:01  | So, you’d rather | ฉะนั้นเธอคงน่าจะเกาต่อไปอีก |
keep on scratching. | ||
40:05  | Right? | ใช่ไหม |
40:09  | S: Sir, can we talk | S: ท่านครับ เราจะคุยถึงเรื่อง |
about the existence of god? | การมีอยู่หรือไม่มีของพระเจ้าได้ไหมครับ | |
40:18  | K: Jesus! | K: โอพระเจ้า |
40:22  | How do you know if god exists? | เธอจะรู้ได้อย่างไร |
S: That’s what I want to ask. | ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือเปล่า | |
40:24  | S: นั่นแหละที่ผมอยากจะถาม | |
40:27  | K: You want to ask | K: เธออยากจะถามว่า |
40:31  | is there god. | พระเจ้ามีอยู่จริงหรือเปล่า |
Right? | ||
40:33  | ใช่ไหม | |
40:34  | S: If there is, where is he, | S: ถ้ามีจริง พระเจ้าอยู่ที่ไหน |
and why do we believe in him? | และทำไมเราถึงได้เชื่อในพระเจ้า | |
40:38  | K: Where is he, | K: พระเจ้าอยู่ ณ.แห่งหนใด |
and why do we bother about it? | และทำไมเราจึงสนใจพยายามรู้ด้วย | |
40:44  | S: We want to be secure. | S: เราต้องการที่จะมี |
K: Yes, sir. | ความมั่นคงปลอดภัยครับ | |
40:46  | K: ใช่แล้ว | |
40:49  | First let me answer her question, | ก่อนอื่นขอให้ฉันได้ตอบคำถาม |
– will you? – do you mind? | ของเธอก่อน เธอจะว่าอะไรไหม | |
40:58  | Is there god? | พระเจ้ามีอยู่จริงหรือ |
Right? | ||
40:59  | ใช่ไหม | |
41:02  | What do you think? | เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ |
41:05  | S: I think there might be, | S: ผมคิดว่าอาจจะมี |
but I don’t believe in god. | แต่ผมไม่เชื่อในพระเจ้าหรอก | |
41:08  | K: Why, why don’t you believe? | K: ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงไม่เชื่อ |
41:11  | S: Because I have never seen, | S: เพราะว่าผมไม่เคยเห็น |
I have just heard about god. | ผมแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับพระเจ้า | |
41:17  | K: Go on, tell me. | K: พูดต่อซิ |
41:21  | S: It seems to me that god is | S: สำหรับผมแล้วมันดูเหมือนว่า |
something like a pillar of support. | พระเจ้าเป็นอะไรบางอย่าง | |
41:23  | เหมือนกับเสาหลักที่ช่วยค้ำจุนพยุง | |
41:25  | K: What, financial support? | K: อะไรนะ ค้ำจุนด้านการเงินหรือ |
41:28  | S: No, a pillar of support. | S: ไม่ใช่ครับ เสาหลักในการค้ำพยุง |
K: You are quite right. | K: เธอพูดถูกทีเดียว | |
41:35  | Yes, sir, yes, sir, but I said | ใช่แล้ว แต่ที่ฉันพูดว่า |
financial support was pretty good. | ค้ำจุนเรื่องการเงินก็เข้าทีดีนะ | |
41:45  | That is, you rely, or you seek god | นั่นก็คือเธอพึ่งพิง |
when you are depressed, | หรือแสวงหาพระเจ้าเมื่อเธอรู้สึกกดดัน | |
41:51  | when you are unhappy, | ยามเมื่อเธอไม่มีความสุข |
เธอต้องการอะไรบางอย่าง | ||
41:53  | when you want something, | เมื่อเธอสวดมนต์อ้อนวอน |
when you pray. | ||
41:57  | Right? | ใช่ไหม |
42:01  | Now, how do you find out | แล้วทีนี้พวกเธอจะค้นหาได้อย่างไร |
if there is god, or not? | ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ | |
42:08  | S: When you actually | S: ก็เมื่อเราเห็นพระองค์จริงๆ |
see him, the person. | เห็นตัวบุคคล | |
42:11  | When you actually see him. | เมื่อเราเห็นพระเจ้าจริงๆ |
K: Do you actually see him? | K: พวกเธอเห็นพระองค์จริงๆ ไหม | |
42:15  | S: No, you find more about him | S: ไม่ครับ เราจะรู้จักพระองค์ |
when you see him. | มากขึ้น เมื่อได้พบพระองค์ | |
42:19  | You know he exists. | เมื่อเรารู้ว่าพระองค์มีอยู่จริง |
42:21  | K: Do you know the story | K: พวกเธอเคยได้ยิน |
of two Americans going to heaven? | เรื่องเล่าที่ว่า | |
42:28  | And they wander about | ชาวอเมริกันสองคน |
in heaven, all over the place | ขึ้นไปบนสวรรค์หรือเปล่า | |
42:33  | for weeks and months, | พวกเขาท่องเที่ยวไปทุกแห่งบนสวรรค์ |
เป็นหลายอาทิตย์ หลายเดือน | ||
42:35  | and there is a sign says ‘God’. | และที่นั่นก็พบป้ายเขียนว่า |
"พระเจ้า" | ||
42:39  | And they go up that path, | พวกเขาทั้งสองจึงเดินขึ้นไปทางนั้น |
and one of them says, | แล้วคนหนึ่งก็พูดว่า | |
42:45  | ‘That’s too much climb, you go | มันสูงเกินกว่าที่จะปีนขึ้นไป |
up there and tell me all about it’. | เธอขึ้นไปเถอะ | |
42:47  | แล้วค่อยมาบอกฉันว่าเป็นอย่างไร | |
42:50  | So he goes up there | เขาจึงปีนขึ้นไปที่นั่น |
and comes rushing back, | และรีบกลับมาบอกว่า | |
42:53  | ‘My god, it’s a woman!’ | "พระเจ้าช่วย พระองค์เป็นผู้หญิง" |
(หัวเราะ) | ||
43:02  | Right? | ใช่ไหมครับ |
43:08  | Now, how do you know there is god? | แล้วทีนี้เธอจะรู้ได้อย่างไร |
ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง | ||
43:12  | Because a 100 people say so? | เพราะว่ามีคนนับร้อยพูดว่ามี |
อย่างนั้นหรือ | ||
43:16  | S: Just because a 100 people | S: แค่เพราะมีคนนับร้อย |
say that there is god, | บอกว่ามีพระเจ้า | |
43:18  | doesn’t mean a thing. | ไม่ได้หมายความว่ามีพระเจ้าจริงๆ |
43:25  | For all you know they might | เพราะทั้งหมดนั้นเรารู้ว่าพวกเขา |
have heard from somebody else. | อาจจะได้ยินมาจากใครบางคนเท่านั้นเอง | |
43:28  | K: Quite right. | K: ถูกต้องทีเดียว |
So how do you know there is god? | ||
43:30  | แล้วพวกเธอจะรู้ได้อย่างไร | |
ว่ามีพระเจ้าอยู่จริงหรือเปล่า | ||
43:33  | S: When you see him. | S: เมื่อเราได้เห็นพระองค์ |
K: Where do you see him? | K: เราจะเห็นพระองค์ได้ที่ไหนล่ะ | |
43:38  | S: Then who created the world? | S: ถ้าอย่างนั้น |
ใครสร้างโลกขึ้นมาล่ะครับ | ||
43:43  | K: He asks, | K: เขาถามว่าถ้าพระเจ้า |
if god didn’t create the world... | ไม่ได้เป็นผู้สร้างโลกขึ้นมา แล้วใครสร้าง | |
43:48  | What do you mean by the world? | โลกที่ว่า เธอหมายถึงอะไร |
43:50  | You, the trees, the fishes, | หมายถึงพวกเธอ |
the water, the frogs, | ต้นไม้ หมู่ปลา น้ำ กบ | |
43:55  | the elephants, | ช้าง สิงโต |
the lion, the... | ||
43:58  | S: All matter. | S: สสารทุกอย่าง |
K: All matter. | K: สสารทั้งหมด | |
44:02  | That is, all the rocks, | นั่นคือโขดหินทั้งหลาย |
the trees, the human beings, | แม่น้ำ ต้นไม้ มนุษย์ทุกคน หุบเขา แม่น้ำ | |
44:08  | the valleys, the rivers, | เธอคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่าง |
สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอย่างนั้นหรือ | ||
44:10  | everything is created, | |
you think, by god. | ||
44:14  | S: If it’s not god, | S: หากไม่ใช่พระเจ้าที่เป็นผู้สร้าง |
who else could it be? | แล้วจะเป็นใครอีกล่ะครับ | |
44:17  | K: If it’s not god, he asks, | K: หากไม่ใช่พระเจ้า |
who else could be. | เขาถามว่าจะเป็นใครได้อีก | |
44:21  | S: It could be a form | S: มันอาจจะเป็นพลังงานลักษณะหนึ่ง |
of energy or something. | หรือเป็นอะไรบางอย่าง | |
44:23  | K: What? | K: อะไรนะ |
S: It could be some form of energy. | ||
44:25  | S: มันอาจเป็นพลังงาน | |
ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง | ||
44:27  | K: How do you know? | K: เธอรู้ได้อย่างไรล่ะ |
44:28  | S: I’m just guessing. | S: ผมแค่เดาครับ |
K: Guessing. | K: แค่เดาเหรอ | |
44:31  | That’s what they’re all doing. | นั่นแหละที่ผู้คนทั้งหลายทำกัน |
แค่เดา (หัวเราะ) | ||
44:38  | And so somebody guesses | และใครบางคนก็คาดเดา |
much more seriously, | อย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่า | |
44:41  | and says, ‘There is’. | และก็บอกว่าพระเจ้ามีจริง |
44:45  | and then you accept it. | แล้วเธอก็ยอมรับ |
44:49  | Suppose you don’t accept | สมมติว่าเธอไม่ยอมรับ |
your tradition that there is god, | ไปตามจารีตของพวกเธอว่ามีพระเจ้าอยู่ | |
44:56  | then what will you do, | แล้วพวกเธอจะทำยังไง |
how will you find out? | พวกเธอจะค้นหาได้อย่างไร | |
45:02  | That’s much more important | การค้นหาสำคัญยิ่งไปกว่า |
than believing. Right? | การเชื่อใช่ไหม | |
45:08  | Do you agree to that, | พวกเธอเห็นด้วยไหม |
it’s much more important to find out | มันสำคัญที่จะค้นหา | |
45:13  | rather than believing. | มากมายกว่าที่จะเชื่อยิ่งนัก |
45:16  | Right? | ใช่ไหมครับ |
Now, will you stop believing? | ||
45:18  | แล้วตอนนี้พวกเธอจะหยุดเชื่อไหมล่ะ | |
45:21  | S: I don’t believe in anything. | S: ผมไม่เชื่อในสิ่งใด |
K: No, stop it. | K: ไม่หรือ เลิกเชื่อนะ | |
45:27  | Therefore, you are free from certain | ดังนั้น เธอก็จะเป็นอิสระ |
conclusions that there is god. | จากข้อสรุปทั้งหลายที่เชื่อว่ามีพระเจ้าอยู่ | |
45:32  | Right? Will you do that, | ใช่ไหม |
or you’re frightened? | ||
45:34  | เธอจะทำอย่างนั้นไหม | |
หรือว่าพวกเธอกลัว | ||
45:36  | S: ไม่กลัวครับ | |
45:37  | No, don’t say ‘no’, | K: อย่าพูดว่าไม่กลัวนะ |
we’re all frightened people. | ||
45:39  | เพราะเราทั้งหมด | |
ก็เป็นคนขลาดกลัวกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ | ||
45:43  | S: Sir, we are frightened that, | S: ท่านครับ เรากลัวว่า |
if we don’t believe in god, | ถ้าเราไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว | |
45:46  | then suppose our mothers | และสมมุติว่าพ่อแม่ของพวกเรา |
and fathers believe in god, | เชื่อในพระเจ้า | |
45:50  | then they might start | พวกเขาอาจจะเริ่มพูด |
talking about something... | เกี่ยวกับอะไรบางอย่าง | |
45:53  | K: That’s right. | K: ถูกต้อง |
45:55  | S: Sir, since we are children we are | S: ท่านครับ ตั้งแต่เราเป็นเด็ก |
brought up to believe in god, sir. | ||
45:56  | เราถูกเลี้ยงดูมา | |
ให้เชื่อในพระเจ้าครับ | ||
46:00  | We start believing that, | เราเริ่มเชื่อว่า |
if we don’t believe in god, | หากเราไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว | |
46:03  | god will do something bad to us. | พระเจ้าจะทำอะไรบางอย่าง |
K: I know. | ที่ไม่ดีแก่เรา | |
46:05  | K: ฉันรู้ | |
46:08  | But first find out why you want | แต่ก่อนอื่นเราต้องค้นหาว่า |
to believe in something. | ||
46:12  | เพราะเหตุใดเราถึงต้องการจะเชื่อ | |
ในอะไรบางอย่าง | ||
46:16  | Don’t go to sleep! Why do you | อย่าเพิ่งหลับสิ |
want to believe in something? | ||
46:18  | ทำไมพวกเธอถึงอยากจะเชื่อ | |
ในอะไรบางอย่าง | ||
46:22  | Does it give you comfort, | มันให้ความสบายใจแก่เธอหรือ |
does it help you, | มันช่วยเธอได้หรือ | |
46:27  | does it cover up your sorrow, | มันช่วยบดบังความทุกข์โศก |
pain, and all that? | ความเจ็บปวด | |
46:31  | และอื่นๆ ทั้งหลายของเธอ | |
อย่างนั้นหรือ | ||
46:33  | That’s belief. | นั่นแหละคือความเชื่อ |
46:35  | Why do you believe | ทำไมพวกเธอถึงเชื่อในเรื่องเหล่านี้ |
in all this? | ||
46:39  | What’s wrong with you? | เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ |
46:41  | S: I think many people, | S: หนูว่ามีคนหลายคน |
including me, | รวมถึงตัวหนูด้วย | |
46:46  | believe because they feel, | ที่เชื่อในพระเจ้า |
after so many stories | เพราะเขาได้รับฟังเรื่องราวมากมาย | |
46:48  | ที่คนหลายคนได้บอกเล่าพวกเขามา | |
เกี่ยวกับพระเจ้า | ||
46:50  | which so many people | |
have told them about god | ||
46:52  | helping this person | ว่าได้ช่วยคนนี้ |
and god helping that person, | และได้ช่วยคนนั้น | |
46:55  | they feel that, | พวกเขาจึงรู้สึกว่า |
if they also believe in god, | หากพวกเขาเชื่อในพระเจ้าด้วยเหมือนกัน | |
46:58  | they might also be helped | พวกเขาอาจจะได้รับการช่วยเหลือ |
in difficult situations. | ในเหตุการณ์ยุ่งยากเลวร้ายต่างๆ | |
47:01  | K: But find out if they have | K: แต่ก่อนอื่น |
really been helped first. | เราต้องค้นหาดูก่อนว่า | |
47:04  | พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจริงๆ หรือ | |
47:06  | S: I haven’t been helped. | S: ผมยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ |
K: You’re too young. | ||
47:08  | K: พวกเธอยังเด็กเกินไป | |
สำหรับเรื่องนี้ | ||
47:12  | You’re too small. | พวกเธอยังเล็กเกินไป |
47:14  | Don’t bother | อย่าไปสนใจเรื่องพระเจ้า |
about god and belief. | กับความเชื่อเลยนะ | |
47:19  | You see, that’s one | เธอเห็นไหมว่านั่นเป็นความพิกล |
of our peculiarities | อย่างหนึ่งของคนเรา | |
47:23  | that we believe, | ที่เรามักจะเชื่อทันที ใช่ไหม |
right away. Right? | ||
47:28  | Right? We believe. | เราเชื่อ |
47:33  | We never find out. | เราไม่เคยค้นหา |
47:35  | Your belief will prevent you | ความเชื่อของเธอ |
from finding out. | จะปิดกั้นเธอจากการค้นหา | |
47:41  | You understand | พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม |
what I am saying? | ||
47:43  | S: Sir, you believe when someone | S: ท่านครับ เราเชื่อเมื่อคนใกล้ชิด |
close to you believes it, | กับเราเชื่อ เช่น แม่ของเรา | |
47:49  | like your mother. | |
47:54  | K: Yes, yes, | K: ใช่ ใช่ ถ้าแม่ของเธอเชื่อ |
if your mother believes, | ||
47:57  | she wants you | แม่ของเธอก็อยากจะให้เธอ |
to believe the same thing. | เชื่อในสิ่งเดียวกัน | |
48:00  | Right? | ถูกไหม |
48:02  | And you listen to her | เธอก็ฟังแม่เธอสิ |
but you don’t have to believe. | แต่เธอไม่จำเป็นต้องเชื่อ | |
48:06  | S: Sir, some people are frightened | S: ท่านครับ บางคนก็ขลาดกลัวครับ |
48:09  | that they might be | กลัวว่าเขาอาจโดนขับ |
excommunicated from the religion | ออกจากศาสนา | |
48:12  | and they don’t want to do that. | และพวกเขา |
ก็ไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้น | ||
48:15  | They will be excommunicated | แต่พวกเขาจะโดนขับออกจากศาสนา |
from the religion | ||
48:16  | if they don’t believe in the god. | หากพวกเขาไม่เชื่อในพระเจ้า |
48:18  | K: I know, of course. | K: ฉันรู้ |
That’s playing games. | แน่นอนนั่นเป็นการเล่นเกมส์ | |
48:22  | S: Sir, does god help you, sir? | S: ท่านครับ พระเจ้าช่วยท่านไหมครับ |
K: Me? | K: ฉันหรือ | |
48:26  | Are you asking me? | เธอกำลังถามฉันหรือ |
48:28  | Has god helped me? | พระเจ้าได้ช่วยเหลือฉันหรือเปล่า |
S: No, helped anyone. | S: ไม่ใช่ครับ ช่วยใครก็ได้ | |
48:33  | K: You’d better ask them. | K: เธอน่าจะถามพวกเขาเองดีกว่า |
48:37  | Better ask somebody who says, | ควรจะถามคนที่บอกว่า |
‘God has helped me’. | พระเจ้าได้ช่วยเหลือฉันแล้ว | |
48:42  | Be careful. | แล้วก็ระวังด้วยล่ะ |
If he says it has, what will you do? | ||
48:43  | ถ้าเขาตอบว่าใช่ | |
แล้วเธอจะทำอย่างไร | ||
48:48  | S: Believe in god. | S: ก็เชื่อในพระเจ้าสิครับ |
K: Yes, that’s all. | K: ใช่ มันก็แค่นั้นแหละ | |
48:51  | Some nut comes along | หากมีคนเพี้ยนๆ สักคน |
in peculiar clothes, like me, | สวมชุดแปลกประหลาดอย่างเช่นฉัน | |
49:01  | and he says, ‘There is god, | และเขาก็มาพูดว่า |
I know there is god’. Right? | มีพระเจ้า ฉันรู้ว่าพระเจ้ามีจริง | |
49:09  | Will you believe him? | พวกเธอจะเชื่อเขาไหม |
49:12  | S: No, sir. | S: ไม่เชื่อครับ |
K: Why? | K: ทำไมล่ะ | |
49:15  | S: We don’t believe | S: เราไม่เชื่อ |
unless we see it, sir. | ถ้าเราไม่เห็นด้วยตนเองครับ | |
49:22  | S: He’s got to prove it. | S: เขาต้องพิสูจน์ให้เห็นจริง |
S: There is no proof. | S: ไม่มีข้อพิสูจน์หรอก | |
49:26  | K: Too many people | K: พวกเธอพูดขึ้นมาพร้อมกันไปหมด |
talking at once. | ||
49:28  | S: You’ve got to be very convincing. | S: เขาต้องทำให้เรามั่นใจเท่านั้น |
49:33  | Only then can we believe. | แล้วเราถึงจะเชื่อได้ |
49:35  | K: You know, have you been | K: เธอรู้อะไรไหม เธอเคยไปดูการแสดง |
to some of the magicians, | ของนักมายากลบางคน | |
49:41  | some of the conjurers? | หรือหมอผีบางคนหรือเปล่า |
49:43  | Have you seen them? | พวกเธอเคยเห็นพวกเขาไหม |
S: Yes, sir. | S: เคยครับ | |
49:46  | K: They will do something | K: พวกเขาจะทำอะไรบางอย่าง |
before you know what has happened. | ก่อนที่พวกเราจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น | |
49:51  | No, don’t go into all that, | ไม่ดีกว่า อย่าเข้าไปลึก |
you’re all too small. | ในเรื่องเหล่านั้นเลย พวกเธอยังเด็กเกินไป | |
50:02  | What time is it? | กี่โมงแล้วหรือ |
50:04  | S: Quarter past. | T:10 โมง 15 นาที |
K: Nine. | K: 9 โมงหรือ | |
50:06  | S: Ten fifteen. | T:10 โมง 15 นาทีครับ |
K: Ten fifteen. | K: 10 โมง 15 นาที | |
50:08  | I’ve got fifteen minutes more? | ฉันยังมีเวลาอีก 15 นาทีใช่ไหม |
Too bad! | ||
50:11  | แย่จัง | |
50:15  | What shall we talk about? | เราจะคุยเรื่องอะไรดี |
50:17  | S: Is there a way of thinking | S: มีวิธีที่เราจะคิด |
without using the past? | โดยไม่ต้องใช้อดีตไหม | |
50:25  | K: Is there a way of thinking | K: มีวิธีที่เราจะคิด |
without the past? | โดยปราศจากอดีตหรือเปล่า | |
50:34  | Is there a way of thinking | มีวิธีการคิด |
50:36  | without all the memories | โดยปราศจากความทรงจำทั้งหลาย |
involved in the past? Right? | ที่เกี่ยวข้องอยู่กับอดีตบ้างไหม | |
50:41  | ใช่ไหม | |
50:46  | To answer that question correctly, | เพื่อที่จะตอบคำถามนั้นได้ถูกต้อง |
accurately, impersonally, | เที่ยงตรงและเป็นกลาง | |
50:55  | you have to go into the whole | พวกเธอจะต้องสืบค้น |
structure, nature of thought. | เข้าไปสู่โครงสร้าง | |
50:58  | และกระบวนการทั้งหมดของความคิด | |
51:01  | Right? | ถูกไหม |
Have you done it? | ||
51:03  | พวกเธอเคยทำไหม | |
51:05  | No. Would you like to do it? | ไม่เคยครับ |
S: Yes. | ||
51:06  | แล้วอยากจะทำไหม | |
S: ครับ | ||
51:10  | K: Would you like | K: พวกเธออยากจะฟัง |
to listen to it? | เรื่องนี้หรือเปล่า | |
51:15  | And would you like to follow it up | แล้วพวกเธออยากจะลองทำดูต่อไปไหม |
after you have listened to it? | หลังจากที่ได้ฟังแล้ว | |
51:22  | S: If it’s true. | S: ถ้ามันเป็นจริง |
51:25  | K: If it is true. | K: ถ้ามันเป็นจริง |
Right? | ใช่ไหม | |
51:30  | What is the origin, | อะไรคือต้นกำเนิด |
the beginning of thought? | คือจุดเริ่มต้นของความคิด | |
51:37  | How does thought arise? | ความคิดผุดขึ้นมาได้อย่างไร |
51:42  | S: From the past experiences. | S: จากประสบการณ์ต่างๆ ในอดีตครับ |
51:47  | K: So, are you saying | K: ถ้าอย่างนั้น เธอก็กำลังบอกว่า |
รากเหง้าของความคิด | ||
51:50  | that thought has its roots | อยู่ในประสบการณ์ |
in the past experience? | ที่ผ่านมาแล้วอย่างนั้นหรือ | |
51:57  | In past experiences, plural. | ในประสบการณ์ทั้งหลายจากอดีต |
52:01  | So you are saying | ฉะนั้นเธอกำลังบอกว่า |
– are you? – | ||
52:04  | that thought has its roots | รากเหง้าของความคิด |
in experience? | มาจากประสบการณ์ใช่ไหม | |
52:11  | Right? | ใช่ครับ |
52:13  | Are you saying ‘yes’? | เธอ บอกว่าใช่ ใช่ไหม |
S: Yes. | S: ใช่ครับ | |
52:16  | K: Be quite sure, | K: ให้แน่ใจสิ |
don’t hesitate. | อย่าลังเล | |
52:24  | If you had no experience, | ถ้าเธอไม่มีประสบการณ์อะไรเลย |
would you think? | เธอจะคิดหรือเปล่า | |
52:32  | S: Sir, like I told you, sir, | S: ท่านครับ |
เหมือนที่ผมได้บอกท่านไป | ||
52:33  | our thought in the beginning | ในตอนแรกความคิดของเรา |
is like an empty box | เหมือนกับกล่องที่ว่างเปล่า | |
52:36  | and that has been filled up, sir, | และมันก็ถูกเติมจนเต็มครับ |
and that is all the past. | และนั่นก็คืออดีตทั้งหมด | |
52:40  | If there is no past, sir, | หากไม่มีอดีต |
the box will be forever empty. | กล่องนั้นก็จะว่างเปล่าอยู่ตลอดไป | |
52:43  | K: Quite right, sir. | K: ถูกต้องทีเดียว |
You come out here. | เธอมานั่งตรงนี้สิ | |
52:48  | You don’t mind? Do you mind | เธอไม่รังเกียจนะ |
coming up and sitting here? | ||
52:50  | เธอรังเกียจไหม | |
ที่จะขึ้นมานั่งข้างบนนี้ | ||
52:52  | S: No, sir. | S: ไม่ครับ |
K: Good. | K: ดี | |
52:55  | He’s saying, the bottle | เขากำลังบอกว่า ขวด |
– you are going back to the bottle. | เธอกำลังกลับไปเรื่องขวด | |
53:03  | You know what going | เธอรู้ไหมว่า |
back to the bottle means? | การกลับไปที่ขวดมันหมายถึงอะไร | |
53:07  | Drinking. | การดื่มนะสิ |
53:12  | Where do you come from? | เธอมาจากที่ไหนล่ะ |
S: Bangalore. | S: มัณฑุครับ | |
53:15  | K: Bangalore? Good. | K: มัณฑุหรือ ดี |
53:18  | Do you like it here? | เธอชอบที่นี่ไหม |
S: Yes. | S: ชอบครับ | |
53:20  | K: Have you told the teachers | K: เธอได้บอกคุณครูหรือเปล่า |
you like it here? | ว่าเธอชอบที่นี่ | |
53:23  | S: My teacher asked that. | S: ครูของผมก็ถามแล้ว |
53:32  | K: It’s like an empty bottle | K: มันก็เหมือนกับขวดเปล่า |
53:34  | that has been filled | ที่ถูกเติมให้เต็มไปด้วย |
with a lot of experience. | ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย | |
53:37  | Right? | ใช่ไหม |
53:38  | This is what he says. | นี่เป็นสิ่งที่เขาบอก |
53:41  | And, from that experience, | และจากประสบการณ์ |
from that past, | จากอดีตเหล่านั้น | |
53:48  | all the things that have | สิ่งต่างๆ ทั้งหลาย |
been filled in the bottle | ที่ถูกเติมใส่เข้าไปในขวดนั้น | |
53:52  | are memories, | ก็คือความทรงจำต่างๆ |
are remembrances, | การจดจำต่างๆ | |
53:57  | and so the bottle is always | ดังนั้นขวดก็เคลื่อนไปมา |
moving within itself. | อยู่แต่ภายในตัวมันเองเสมอ | |
54:04  | All right, sir, | เอาล่ะแล้วอะไรต่อไปล่ะ |
and then what? | ||
54:07  | Tell me, go on! | พูดต่อสิ บอกฉันหน่อย |
54:11  | Your brain is like an empty box, | สมองของเธอเหมือนกล่องเปล่า |
empty bottle, | ขวดเปล่า | |
54:17  | and filled from childhood | ..และถูกเติมจนเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ |
with problems. Right? | มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ | |
54:21  | How to pass, how to read, | ใช่ไหม |
how to write | ||
54:22  | เช่นว่าจะสอบผ่านได้อย่างไร | |
จะอ่านได้อย่างไร | ||
54:24  | and all that stuff, | จะเขียนหนังสืออย่างไร |
all through life. | มีสิ่งทำนองนั้นทั้งหมดมาตลอดชีวิต | |
54:29  | And so your brain, like a bottle, | ฉะนั้นสมองของเธอ |
he says, is filled with all that. | ที่เขาบอกว่าเหมือนกับขวดเปล่า | |
54:32  | ก็ถูกเติมจนเต็มไปด้วย | |
สิ่งเหล่านั้น | ||
54:37  | And when the bottle begins | แล้วเมื่อขวดเริ่มเคลื่อนไปรอบๆ |
to move around, talk, | เมื่อมันพูด | |
54:43  | the bottle, | สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในขวด |
the contents of the bottle | ก็คือความทรงจำ | |
54:46  | are remembrances, | |
knowledge, | ||
54:49  | which then are put into words, | คือความรู้ |
ซึ่งจะแสดงออกมาเป็นถ้อยคำ | ||
54:53  | first thought, then words. | เป็นความคิดก่อน |
Right? | แล้วก็เป็นคำพูดใช่ไหม | |
55:01  | I wonder – don’t agree, you don’t | ฉันสงสัยอย่าเพิ่งเห็นด้วย |
learn anything if you agree merely. | ||
55:03  | เธอจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย | |
หากเธอเพียงแค่เห็นด้วย | ||
55:06  | S: Sir, pretend | S: ท่านครับ |
the box was empty, | สมมุติว่ากล่องว่างเปล่า | |
55:09  | how did you get | แล้วความคิดแรกของเรา |
your first thought? | เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ | |
55:13  | K: How did the first man | K: มนุษย์คนแรก |
two million years ago, | ||
55:18  | how did he begin to think? | เมื่อสองล้านปีมาแล้ว |
เขาเริ่มที่จะคิดได้อย่างไร | ||
55:22  | Have you seen that cartoon | เธอเคยเห็นหนังการ์ตูน |
55:25  | by a scientist, | ที่สร้างโดยนักวิทยาศาสตร์ |
probably a biologist? | หรืออาจเป็นนักชีววิทยาบ้างไหม | |
55:30  | You see the man | เธอจะเห็นภาพมนุษย์ |
– picture, a cartoon, | ภาพการ์ตูน | |
55:36  | a man who hunts, | มนุษย์ที่ออกล่าสัตว์ |
then hunts, eats, and sleeps. | แล้วก็กิน แล้วก็นอน | |
55:48  | Right? | เธอฟังอยู่ไหม |
Are you listening? | ||
55:51  | Then the next cartoon is | แล้วภาพการ์ตูนต่อจากนั้น |
a little more advanced, | ||
55:54  | ก็ฉายให้เห็นถึงความก้าวหน้า | |
ขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย | ||
55:57  | he doesn’t hunt, | เขาเลิกล่าสัตว์ |
but he gets somebody else to hunt. | แต่เขาให้ใครบางคนไปล่าแทน | |
56:03  | S: Because he knows | S: เพราะเขารู้ว่ามันอันตราย |
it is dangerous. | ||
56:07  | K: Yes, yes, yes. | K: ใช่แล้ว ใช่แล้ว |
56:09  | And the third picture is | และภาพตอนที่สาม |
– he doesn’t hunt, | เขาไม่ล่าสัตว์อีกแล้ว | |
56:17  | but he’s learning | แต่เขาเรียนรู้ที่จะใช้ |
how to use instruments, and so on. | เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์และอื่นๆ | |
56:22  | So, ultimately, he’s become | ในที่สุด เขาก็กลายมาเป็น |
very intellectual. Right? | คนที่มีความสามารถทางความคิด | |
56:28  | Like you, very intellectual, | เหมือนพวกเธอ ที่ฉลาดคิดมากๆ |
very... | ||
56:34  | like us, | เหมือนพวกเรา เธอเข้าใจไหม |
you understand? | ||
56:39  | First he begins | ตอนแรกเขาก็เริ่มล่าสัตว์ |
by hunting and eating, | และก็กินเป็นอาหาร | |
56:44  | then by making others | จากนั้นก็ทำให้คนอื่น |
hunt and eat, | ต้องล่าให้เขากินเป็นอาหาร | |
56:50  | and third – | ..และลำดับที่สามภาพที่เกี่ยวกับเขา |
he’s the picture of us. | คือภาพของพวกเรานั่นเอง | |
56:55  | I don’t know if you understand | ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอเข้าใจ |
all this, it doesn’t matter. | ทั้งหมดนี้ไหม แต่ก็ไม่เป็นไร | |
57:01  | So, what makes us | แล้วอะไรกันเล่าที่ทำให้เราประพฤติ |
behave as we do? | แบบที่เราเป็นอยู่ | |
57:06  | This is too difficult for you. | นี่คงยากเกินไปสำหรับพวกเธอ |
57:15  | Have you ever sat quietly, | พวกเธอเคยนั่งเงียบๆ บ้างไหม |
57:21  | not moving a muscle, | นั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง ไม่เคลื่อน |
not moving your eyes, | แม้นัยน์ตาเธอ เคยทำบ้างไหม | |
57:25  | have you done it? | |
57:27  | Would you like to do it? | เธออยากจะลองทำดูไหม |
57:32  | Sit absolutely quiet. | นั่งให้นิ่งให้เงียบที่สุด |
57:38  | Will you do it? | เธอจะลองทำไหม |
57:40  | S: Sir, but what’s | S: ท่านครับ |
the use of that? | แล้วจะมีประโยชน์อย่างไรบ้างครับ | |
57:45  | K: Just to control your body, | K: แค่ควบคุมร่างกายเธอ |
see if you can control your body. | ||
57:47  | ดูสิว่าเธอสามารถควบคุม | |
ร่างกายของเธอได้หรือเปล่า | ||
57:50  | There is no use in anything; | มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก |
if you say, | ||
57:53  | ‘Why should I eat, | หากเธอพูดว่าทำไมเราต้องกิน |
what’s the use of it?’ | มันมีประโยชน์อย่างไรบ้างล่ะ | |
57:55  | You die. | ถ้าไม่กินเธอจะตาย |
Right? | ถูกไหม | |
57:59  | So, will you try and sit | เอาล่ะเธอจะลองนั่ง |
very, very quietly. | อย่างเงียบเชียบดูไหม | |
58:07  | Not blink, | ไม่กระพริบตา |
not move your eyes. | ไม่เคลื่อนไหวลูกนัยน์ตา | |
58:11  | Try it, old boy, | ลองดูสิ ลองสนุกๆ |
try it for fun, you know, | ||
58:16  | sit quietly, go on. | นั่งนิ่งๆ นั่งเงียบๆ |
Sit quietly. | ||
58:18  | S: Life is fun, sir? | S: ชีวิตสนุกครับท่าน เป็นเรื่องสนุก |
58:21  | K: Move over your leg | K: ขยับขาขึ้นมา เอาขาอีกข้างขึ้นมา |
58:24  | – put the other leg over there, | |
old boy. | ||
58:30  | S: Sir, is life fun, sir? | S: ท่านครับ |
ชีวิตเป็นสิ่งสนุกไหมครับท่าน | ||
58:36  | K: It all depends. | K: มันก็แล้วแต่นะ |
58:38  | S: If we get dirty water, | S: หากเราได้รับน้ำที่ไม่สะอาด |
it’s no fun. | มันก็ไม่สนุก | |
58:40  | If we get clean water, | หากเราได้รับน้ำสะอาด |
it’s fun. | มันก็สนุก | |
58:42  | K: Clean water is, | K: น้ำสะอาดคือความสนุก |
if you like to call it fun, | ถ้าเธอจะเรียกว่าเป็นความสนุก | |
58:45  | but it is mixed | แต่มันผสมปนไปหมดกับน้ำสกปรก |
all with dirty water. | ||
58:50  | Right? | ถูกไหม |
58:52  | So, let’s see if you will | เอาล่ะ เรามาลองดูว่า |
sit quietly for a minute. | เธอจะนั่งสงบเงียบกันสักนาทีได้ไหม | |