Krishnamurti Subtitles

SA78T1 - กระบวนการที่มุ่งสนใจแต่ตนเอง

การพูดต่อสาธารณชน ครั้งที่ 1
เมืองซาเน็น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
9 กรกฏาคม 19



0:07  กระบวนการที่มุ่งสนใจแต่ตนเอง
 
0:22  ผมเสียใจจริงๆ ที่อากาศไม่ดีเลย
 
0:31  มันไม่ใช่ความผิดพลาดของพวกเรา
 
0:40  ในเมื่อเราจะมีการสนทนากัน 7 ครั้ง
และถามตอบอีก 5 ครั้ง
  
0:50  ผมคิดว่า เราควรสืบค้นกัน
อย่างสุขุมรอบคอบและตั้งใจ
  
1:01  อาจต้องลงรายละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลามาก
 
1:06  ในการสืบค้นเข้าสู่ปัญหาทั้งหมดของเรา
 
1:11  และพยายามค้นให้พบว่า
มีทางออกจากปัญหาทั้งหมดนั้นไหม
  
1:18  พวกคุณที่เคยฟังผมมาแล้ว
 
1:25  ขอให้มีความอดทน
 
1:32  ผมคิดว่า พวกเราส่วนใหญ่
สนใจแต่ตัวเราเอง
  
1:42  ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ
หรือสนใจแบบผิวเผิน หรือแบบวิปริต
  
1:52  มีผู้คนที่ความสนใจเปิดกว้าง
 
1:57  เขาสนใจเกี่ยวกับโลก
และเกี่ยวกับตัวเขาเองด้วย
  
2:04  เกี่ยวกับครอบครัวน้อยๆ ของเขา
ความรับผิดชอบต่อครอบครัว
  
2:10  ต่อลูกๆ ของเขา
 
2:14  และมีผู้คนที่ถูกอิทธิพลกำหนดอยู่อย่างวิปริต
 
2:24  เราทุกคนต่างสนใจแต่เรื่องของตนเอง
 
2:30  เราสนใจในระดับและความตื้นลึกที่ต่างกัน
ไม่เพียงทางกายภาพเท่านั้น
  
2:39  เช่น การมีเงินเพียงพอ
มีอาหาร มีเสื้อผ้า มีที่อยู่อาศัย
  
2:44  สิ่งเหล่านี้อาจหามาได้ไม่ยากนัก
 
2:52  แต่ความสนใจตนเองทางจิตใจ
น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า
  
3:03  ซึ่งเราจะสนทนา พิจารณา เรื่องนี้ไปด้วยกัน
 
3:08  แล้วบางทีเราอาจจะค้นพบ
 
3:13  ความสัมพันธ์ของเรากับโลก
และความสัมพันธ์ระหว่างกัน
  
3:24  เหตุใดในทางจิตใจ เราจึงสนใจ
จึงเป็นห่วงตัวเราอย่างยิ่ง
  
3:35  ผมคิดว่า เราต้องถามคำถามนี้
 
3:40  คุณอาจจะถามคำถามนี้ต่อตัวเองอย่างจริงจัง
 
3:47  แล้วพยายามหาคำตอบ
ที่จริงแท้ ที่ถูกต้อง
  
3:54  หรือไม่ก็ถามตัวคุณเอง
อย่างผิวเผิน ฉาบฉวย
  
4:05  เมื่อเกิดปัญหาสำคัญเท่านั้น
ที่คุณจะหมกมุ่นกับตัวคุณเอง
  
4:11   
 
4:15  หรือเมื่อเกิดวิกฤติ
เกิดเหตุการณ์ หรืออุบัติเหตุบางอย่าง
  
4:19  ที่นำมาซึ่งความทุกข์โศก
ความสับสน ความไม่แน่นอน
  
4:24  แล้วคุณจึงจะถามคำถามนั้นต่อตัวคุณเอง
 
4:32  มันขึ้นอยู่กับอิทธิพลกำหนดของเรา
 
4:38  ขึ้นอยู่กับอารมณ์ และประสบการณ์ของเรา
 
4:43  ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ หรือทางสังคม
 
4:48  เราตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเราเอง
ถึงความกังวลอันมากมายนี้
  
5:02  เพราะเหตุใดหรือ
 
5:08  ผมหวังว่าคุณจะไม่รำคาญใจ หากผมขอให้ระลึกว่า
 
5:14  เรามีส่วนร่วมกันในการนี้
 
5:22  ไม่ได้มีผู้พูด
 
5:30  ผู้พูดคือตัวคุณเอง
 
5:37  ผู้พูดเพียงส่งเสียงของความคิด
ความรู้สึกของคุณ
  
5:42  อิทธิพลกำหนดของคุณ
ความไม่เป็นสุขของคุณ
  
5:46  ความทุกข์โศก ความทุกข์ระทม
ความกลัว และอื่นๆ
  
5:52  อันที่จริง แม้ผู้พูดจะนั่งบนเวที
เพื่อความสะดวกในการสื่อสาร
  
6:01  แต่ความเป็นจริงในทางจิตใจนั้น
ไม่มีผู้พูด
  
6:09  มีแต่เพียงคุณและผม
ที่กำลังตรวจสอบตัวเราเอง
  
6:19  สำรวจเข้าสู่ตัวเราเอง
อย่างกว้างขวาง ลุ่มลึก
  
6:26  หรือถ้าหากคุณจริงจังจริงๆ
คุณก็จะสำรวจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  
6:35  ดังนั้น ผมขอให้ระลึกไว้ด้วย
 
6:43  ว่าคุณกำลังตรวจสอบ สำรวจ
สืบค้นไปด้วยกัน
  
6:54  จึงไม่มีผู้พูด
 
7:03  ผมหมายความเช่นนั้นจริงๆ
 
7:09  เราถามว่า เหตุใดมนุษย์ส่วนใหญ่ทั่วโลก
 
7:17  จึงมุ่งสนใจแต่ตนเอง
 
7:22  สนใจ เป็นกังวล
ในความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่น
  
7:25  เป็นกังวลในความไร้สุข
และความน่าเกลียดในจิตใจของเขา
  
7:38  หมกมุ่นอยู่กับอาการทางจิต
หรือความซับซ้อนต่างๆ
  
7:47  หรือเขากำลังถามตัวเองว่า
เขาจะสามารถค้นพบสภาวะบางอย่าง
  
7:53  ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์
งดงามและจริงแท้ ได้ไหม
  
7:58  ในการแสวงหานั้น คนที่จริงจัง
ต่างพากันติดกับในสิ่งสารพัด
  
8:02   
 
8:11  ในศาสนา ในเหล่าคุรุ
 
8:17  ติดอยู่ในความเชื่อ ในแนวคิด
หรือข้อสรุปบางอย่าง
  
8:23  ทั้งหมดนี้ไม่ได้บ่งบอกหรอกหรือ
 
8:28  ว่าแท้จริงแล้ว
เราหมกมุ่นสนใจเกี่ยวกับตัวเราเอง
  
8:38  ดังนั้น ในฐานะบุคคล
หรือในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
  
8:43  เราจึงกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
 
8:49  เพราะเราหมกมุ่น ทุ่มเทเพื่อตนเอง
 
8:55  เราพัวพัน เราโหยหาอะไรบางอย่าง
 
9:05  โหยหาความสุข
การรู้แจ้ง
  
9:10  ต้องการประพฤติให้เหมาะสม
กระทำสิ่งที่ถูกต้อง
  
9:16  หรือถ้าคุณมีอาการทางจิตประสาท
 
9:22  ความวิปริตนั้นก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น
 
9:25  เพราะคุณหมกมุ่นสนใจแต่ตัวเอง
 
9:30  แล้วก็มีพวกพระที่ทำงานทางจิตใจ
ผู้ที่พยายามจะช่วยคุณ
  
9:41  เราสังเกตเห็นความจริงนี้
 
9:47  แล้วเหตุใด มนุษย์จึงเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
เห็นแก่ตัวอย่างน่ากลัว
  
10:00  ติดอยู่ในความวิตกกังวลของตนเอง
 
10:10  ในความโหยหาของตนเอง
ความอ้างว้างเดียวดาย ความสิ้นหวัง และอื่นๆ
  
10:22  นี่คือความเป็นจริง
ความเป็นปกติของชีวิตแต่ละวัน
  
10:27  เราบางคนอาจเต็มใจที่จะเผชิญกับมัน
 
10:32  คนอื่นๆ อาจหลีกเลี่ยงมัน
หรือหลบหนีจากตัวเอง
  
10:41  โดยการผนึกตน
เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศชาติ
  
10:45  กับพระผู้เป็นเจ้า นักบวช
หรือสิ่งอื่นใด
  
10:48  แต่การผนึกตนเช่นนี้
ก็ยังเป็นการมุ่งสนใจตนเอง
  
10:55  ใช่ไหม
 
10:58  เพราะเหตุใดหรือ
 
11:01  เพราะยิ่งเรามุ่งสนใจตนเองมากเท่าใด
 
11:08  เรายิ่งไม่มีความสามารถ
ที่จะเข้าใจความเป็นทั้งหมด
  
11:24  เหมือนดั่งกระแสน้ำไหลคำรามกึกก้องจากขุนเขา
 
11:30  แต่มนุษย์กักกั้นไม่ให้มันล้นหลาก
ด้วยซีเมนต์และก้อนหิน
  
11:40  เราก็กำลังทำกับตัวเราเองแบบเดียวกัน
 
11:45  การมุ่งสนใจตนเองนี้ มีคุณสมบัติของพลังงาน
 
11:59  พลังงานนั้นถูกพันธนาการให้เป็นไป
ตามครรลองอย่างระมัดระวัง
  
12:11  เมื่อติดอยู่ในนั้น
 
12:15  เราก็ยิ่งให้ความสำคัญต่อตนเองมากขึ้น
 
12:18  ยิ่งถูกจำกัดให้คับแคบ
กำแพงยิ่งแข็งแกร่ง
  
12:27  คุณต้องเคยสังเกตเห็นสภาพนี้มาแล้ว
 
12:33  ดังนั้นเราจะสืบค้นด้วยกัน
 
12:41  ว่าเพราะอะไร ผู้คนทั้งโลกจึงกระตือรือร้น
 
12:53  ด้วยวิธีที่แยบยล ประณีตอย่างยิ่ง
ถ้าหากเขาไม่ใช่คนโหดร้าย
  
13:03  ไม่หยาบกระด้าง ไม่เฉยชา
 
13:07  เขาก็ให้ความสำคัญต่อศูนย์กลาง
ในวิถีอันแยบยล
  
13:18  ด้วยพลังงานมหาศาลของศูนย์กลางนั้น
 
13:31  หากไม่นำไปสู่มหันตภัย
 
13:38  ก็มีความเป็นไปได้
ที่จะพังทลายกำแพงแคบๆ นั้น
  
13:48  กำแพงปลอมๆ ที่เราสร้างขึ้นล้อมรอบตัวเรา
 
13:53  มันอาจถูกพังทลายลงได้
 
13:55  แล้วปลดปล่อยพลังงานอันมหาศาล
 
14:05  นั่นคือเรื่องที่เราจะพูดคุยกัน
 
14:12  ว่าเป็นไปได้ไหม
ที่มนุษย์ไม่ว่าเขาจะอยู่แห่งหนใด
  
14:20  เป็นไปได้ไหม ที่เขาจะพังทลาย
กำแพงอันจำกัดคับแคบ
  
14:24  ทั้งกำแพงทางสังคม ทางเศรษฐกิจ
และกำแพงในลักษณะต่างๆ
  
14:32  กำแพงซึ่งตัวคุณ ซึ่งมนุษย์ทั้งโลก
สร้างขึ้นล้อมรอบตัวเอง
  
14:37   
 
14:42  เป็นไปได้ไหม
โดยปราศจากความพยายามใดๆ
  
14:47  ไม่ใช่โดยทางความคิด
ไม่ใช่เป็นทฤษฎี ไม่ใช่สมมติฐาน
  
14:53  แต่พังทลายมันลงจริงๆ
ในชีวิตแต่ละวันของเรา
  
15:01  มันเป็นไปได้ไหม
 
15:05  ที่จะพังทลายการมุ่งเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
รวมทั้งอิทธิพลกำหนดของมัน
  
15:15  มันจะถูกทลายลงได้ไหม
 
15:19  แล้วเกิดการปลดปล่อย
คุณสมบัติพิเศษสุดของพลังงาน
  
15:27  พลังงานนั้นเป็นสิ่งจำเป็น
เมื่อไม่มีกำแพงใดๆ เลย
  
15:35  พลังงานนั้นจำเป็นต่อภาวะสมาธิ
 
15:47  จำเป็นต่อการถามค้นว่า อะไรคือความจริง
 
15:54  จำเป็นต่อการจบสิ้นความทุกข์โศก
 
15:58  และการค้นพบว่า
ความเมตตาการุญ ความรัก คืออะไร
  
16:10  ดังนั้น ผมหวังว่าเราจะจริงจังมากพอ
 
16:13  ในเมื่อคุณอุตส่าห์เดินทางมาที่นี่
 
16:16  ท่ามกลางอากาศที่เลวร้ายนี้
 
16:21  ฉะนั้น ขอให้เราจริงจัง
 
16:29  เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องบันเทิง
 
16:34  ไม่ใช่ความสนุกสนานทางความคิด
 
16:39  หรือการสืบค้นทางความคิดที่เพ้อฝัน
 
16:46  ผมเกรงว่า เราต้องทิ้งอารมณ์
ความรู้สึกอันอ่อนไหวไปทั้งหมด
  
16:54  ทิ้งความเพ้อฝัน ทิ้งจินตนาการ
และความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
  
17:02  ทิ้งความอยาก
ที่จะได้ประสบการณ์มากยิ่งขึ้น
  
17:05  แต่เผชิญกับแก่นแท้ของความเป็นจริง
 
17:12  ผมไม่ทราบว่า
คุณจะสามารถเผชิญกับมันได้ไหม
  
17:35  ที่พูดว่า ผมไม่ทราบ
ว่าคุณจะเผชิญกับมันได้ไหม
  
17:42  ก็เพราะว่าเราฉลาดมาก
ในการหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังทฤษฎี
  
17:54  เบื้องหลังความคิดเห็น
การพิพากษาตัดสินทั้งหลาย
  
17:58  แล้วยืนหยัดและยึดเกาะอยู่กับมัน
 
18:04  อย่างก้าวร้าว หรือไม่แสดงปฏิกิริยา
หรือโดยไม่รู้ตัว
  
18:12  มันจึงยากยิ่งที่จะสำรวจเรื่องนี้โดยง่ายดาย
 
18:25  โดยปราศจากการบังคับและการกดดัน
 
18:32  ไม่มีทั้งรางวัลและการลงโทษ
 
18:37  เพียงแค่เข้าไปสำรวจและมองดูในตัวเราเอง
 
18:47  และค้นให้พบ ถ้าทำได้
 
18:50  ว่าทำไมตัวคุณ และผู้คนทั่วโลก
 
18:56  จึงทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาหลัก
เป็นปัญหาสำคัญ
  
19:08  ซึ่งหมายถึง
คุณต้องมีศักยภาพที่จะมองดู
  
19:17  ดูโดยปราศจากการบิดเบือน
 
19:30  เพราะทุกแนวคิด ทุกข้อสรุป
 
19:41  ทุกความคิดเห็น
ทุกประสบการณ์ เป็นปัจจัยบิดเบือน
  
19:48  ขอให้เข้าใจตรงนี้
 
19:52  ตัวประสบการณ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นทางกามารมณ์
 
19:58  หรือประสบการณ์ชนิดต่างๆ
จะถูกสั่งสมเป็นความทรงจำ
  
20:07  ซึ่งกลายเป็นปัจจัยบิดเบือน
ในการสืบค้น ในการสังเกต
  
20:16  เราผู้ที่มีความคิดเห็นหนักแน่น รุนแรง
 
20:25  มีการพิพากษาตัดสิน
 
20:28  สิ่งเหล่านี้ย่อมกลายเป็นปัจจัยบิดเบือน
 
20:36  และหากคุณมีความเชื่อ
ไม่ว่าเชื่อในสิ่งใดก็ตาม
  
20:44  เชื่อไปตามอิทธิพลกำหนดเฉพาะของคุณเอง
 
20:50  ความเชื่อนั้น
พร้อมทั้งสิ่งที่เกี่ยวโยงอยู่กับมัน
  
20:54  จารีตทั้งหลาย และอดีตทั้งปวง
 
20:57  ย่อมกลายเป็นปัจจัยที่บดบัง
การสังเกตอย่างแจ่มชัด
  
21:11  เพื่อถามค้นอย่างลุ่มลึก
ในปัญหาอันซับซ้อนมหึมาเช่นนี้
  
21:28  จำต้องมีอิสรภาพในการสังเกต
 
21:35  ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด หรือสิ่งที่ผมคิด
 
21:41  ไม่ใช่สิ่งที่คุณรู้สึก หรือผมรู้สึก
 
21:46  ไม่ใช่ข้อสรุปของคุณ หรือข้อสรุปของผม
 
21:49  สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเลยในการสังเกต
ในการดูให้แจ่มชัด
  
22:00  ว่าเหตุใดมนุษย์เราจึงสนใจตนเอง
อย่างเอาเป็นเอาตาย
  
22:08  จริงไหม
 
22:19  เมื่อคุณฟังคำพูดเหล่านี้
 
22:27  คุณฟังจริงๆ หรือ
 
22:29  หรือคุณสร้างข้อสรุป
สร้างแนวคิดจากสิ่งที่คุณได้ยิน
  
22:39  คุณเข้าใจไหม
 
22:45  คุณฟังสิ่งที่ผมพูดจริงๆ หรือ
 
22:53  หรือว่าในการฟัง คุณสร้างความคิด
ที่เลื่อนลอยเกี่ยวกับมัน
  
23:00  และความคิดที่เลื่อนลอยนั้นก็กลายเป็นแนวคิด
ที่คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
  
23:06  ถ้าคุณเห็นด้วย
คุณก็โต้เถียงกันเรื่องแนวคิดนั้น
  
23:12  ถ้าหากไม่เห็นด้วย
คุณก็โยนมันทิ้งไป
  
23:17  แต่จริงๆ แล้ว คุณไม่ได้ฟัง
 
23:23  หากคุณฟังจริงๆ คุณต้องค้นหา
 
23:37  ค้นหาด้วยตัวคุณเองว่า
 
23:46  เหตุใดการปลดปล่อยพลังงานจึงถูกจำกัด
ถูกขัดขวางเช่นนี้
  
23:53  ซึ่งจะยิ่งทำให้คับแคบ
ทำให้เห็นแก่ตัวมากขึ้นและมากขึ้น
  
24:02  และความเห็นแก่ตัวนั้น ถูกทำให้เชื่องชิน
 
24:08  จนคุณพูดได้ว่า มันไม่ได้เป็นความเห็นแก่ตัว
 
24:12  หรือไม่คุณก็ผนึกตนเข้าเป็นหนึ่งเดียว
กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
  
24:18  แล้วพูดว่า
“สิ่งนั้นสูงส่ง ฉันไม่สูงส่ง
  
24:22  ฉะนั้น สิ่งที่ฉันสนใจ
คือสิ่งนั้นที่สูงส่ง ไม่ใช่สิ่งนี้”
  
24:26  แต่การผนึกตนก็เป็นสิ่งนี้
ในวิถีที่ใหญ่กว่าหรือเล็กกว่า
  
24:43  ผมหวังว่า คุณจะเข้าใจทั้งหมดที่พูดมา
 
24:46  ดังที่เราย้ำเสมอว่า
ไม่มีผู้พูด
  
24:52  มันเป็นแนวคิดที่วิเศษมาก ที่ไม่มีผู้พูด
 
25:00  ผมเพิ่งพบว่า
 
25:07  เรากำลังมองดูตัวเราเองในกระจก
 
25:13  กระจกกำลังบอกเรื่องราวทั้งหมดแก่คุณ
 
25:18  แต่คุณต้องรู้ว่า จะมองดูในกระจกอย่างไร
 
25:24  ไม่ใช่แปลความ
สิ่งที่คุณเห็นในกระจกได้อย่างไร
  
25:32  หรือจะต้องทำอย่างไร
กับสิ่งที่คุณเห็นในกระจก
  
25:36  แต่หากคุณรู้ว่า จะมองดูอย่างไร
 
25:40  ตัวการสังเกตนั้นเอง
จะนำไปสู่การกระทำที่ถูกต้อง
  
25:46  ทุกสิ่งทุกอย่าง
จะอยู่ในที่ทางที่ถูกต้องของมัน
  
25:51  นี่ไม่ใช่การพูดเล่นสำนวน
 
25:54  แต่มันคือความเป็นจริง
 
26:00  เราจึงถามค้นอย่างจริงจัง
 
26:08  ว่าเหตุใดมนุษย์
ที่อยู่ท่ามกลางโลกอันน่าพิศวง
  
26:16  ท่ามกลางความงดงาม
ธรรมชาติอันมหัศจรรย์ น้ำใสสะอาด
  
26:24  หมู่วิหค ท้องทะเล ผืนแผ่นดิน
 
26:27  ผืนฟ้า และแดนสวรรค์
 
26:31  เหตุใดเขาจึงลดทอนทุกสิ่งทุกอย่าง
จนเป็นเพียงอะตอมที่ตีบแคบ
  
26:42  เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ และ
เขียนหนังสือมากมายมหาศาลเกี่ยวกับมัน
  
26:52  รวมทั้งวิธีที่จะกำจัดมัน สิ่งที่ต้องทำ เช่น
 
26:57  การฝึกฝน การทำสมาธิ การสังเวย
การปฏิเสธ การอดและงดอาหาร
  
27:03  ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อกำจัด
“ตัวฉัน” อันกระจ้อยร่อยนี้
  
27:17  การสังเวย การปฏิเสธ “ตัวฉัน” ที่ไร้ประโยชน์
 
27:27  รวมทั้งการผนึกตน
เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอื่นๆ
  
27:30  กับครอบครัว ประเทศชาติ ความเชื่อ
 
27:33  กับพระเจ้า กับนานาชาติ และการผนึกตน
ในรูปแบบอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนนั้น
  
27:46  ไม่อาจแก้ปัญหาได้เลย
 
27:52  อะไรหรือที่จะสลายสิ่งซึ่งฉ้อฉลนี้ได้
 
28:02  สิ่งซึ่งแสวงหาอำนาจ สถานภาพ
อำนาจเหนือ อยู่เสมอ
  
28:11  ฉกฉวยทุกอย่าง เพื่อตัวมันเอง
 
28:19  ใช้ความรู้เป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ
และอำนาจต่อไปอีก
  
28:25  ลุ่มหลงมัวเมาต่อไปอีก
 
28:51  เราสามารถสังเกตความเป็นจริงได้จริงๆ ไหม
 
29:02  ไม่ใช่สังเกตแค่ความคิดของความเป็น “ฉัน”
ความคิดของศูนย์กลาง
  
29:11  แต่สังเกตกระบวนการของประสาทสัมผัสด้วย
 
29:27  ประสาทสัมผัสทุกด้าน ซึ่งคือความรู้สึก
ทางประสาทสัมผัสที่เกิดขึ้นจริงๆ
  
29:36  ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสเหล่านี้
การสัมผัสจับต้อง และอื่นๆ
  
29:40  ความรู้สึกเหล่านี้มีอยู่
เป็นจริง มันต้องมีอยู่
  
29:51  คุณไม่สามารถปฏิเสธ
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสได้
  
29:57  แต่เมื่อความคิดเข้าไปผนึก
เป็นหนึ่งเดียวกับความรู้สึกเหล่านั้น
  
30:06  กระบวนการของศูนย์กลางก็เริ่มก่อตัวขึ้น
 
30:15  คุณเข้าใจไหม
 
30:22  นี่ไม่ใช่การสังเกต ที่ใช้ความสามารถในการคิด
 
30:28  ถ้าคุณสังเกตประสาทสัมผัส จะเห็นว่ามัน
เป็นเพียงความจริงที่เกิดขึ้นเป็นปกติทุกวัน
  
30:43  เราอาจชอบอาหารประเภทหนึ่ง
 
30:49  ชอบดื่ม ชอบสูบ ชอบเหล้ายา
 
30:55  แล้วความคิดก็ผนึกตน
เข้ากับอาหารประเภทนั้น
  
31:04  ยึดในรสชาติ ในกลิ่น
ในความรื่นรมย์ที่ได้จากมัน
  
31:09  และด้วยการผนึกตนนั้น
 
31:14  ศูนย์กลางก็ก่อตัวขึ้น
 
31:19  ซึ่งเห็นได้ชัด
 
31:26  คุณสามารถสังเกตได้ไหม กรุณาฟังให้ดี
 
31:29  มันน่าสนใจมาก ถ้าคุณลองทำดู
 
31:32  คุณสามารถสังเกตกระบวนการ
ของความรู้สึกทางประสาทสัมผัสได้ไหม
  
31:40  ไม่ว่าจะเป็นเพศรส รสชาติ
การได้ยิน หรือการเห็น
  
31:49  คุณสังเกตการเคลื่อนไหวของ
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
  
31:53  ที่เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติได้ไหม
 
31:57  สังเกตโดยปราศจากการผนึกตน
เป็นหนึ่งเดียวกับมัน คุณเข้าใจไหม
  
32:04  คุณเข้าใจเรื่องนี้ใช่ไหม
 
32:11  หรือผมกำลังพูดเรื่องแปลกประหลาด
เรื่องเพี้ยนๆ พิสดาร
  
32:24  มันสำคัญมากที่จะต้องเข้าใจเรื่องนี้
 
32:29  เพราะเราจะสืบค้นถึงปัญหา
ของการผนึกตนเข้าเป็นหนึ่งเดียว
  
32:39  หากไม่มีการผนึกตน ย่อมไม่มีศูนย์กลาง
 
32:47  ใช่ไหม
 
32:50  การผนึกตนอยู่ตลอดเวลา
 
32:55  กับประสาทสัมผัสของฉัน
กับร่างกายของฉัน กับความคิดของฉัน
  
33:01  กระบวนการทั้งหมดของการผนึกตน
 
33:03  การผนึกตนคือการยึดติด
 
33:11  การยึดติดที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
 
33:17  รวมทั้งการเชื่อมโยงทั้งหมด
 
33:22  การผนึกตนเช่นนี้
คือการเคลื่อนไหวของพลังงาน
  
33:28  พลังงานนั้นจึงยิ่งคับแคบลง คับแคบลง
 
33:32  นั่นคือศูนย์กลาง
 
33:40  เราจึงถามว่า
 
33:44  มีหรือการสังเกตประสาทสัมผัสทั้งหลาย
 
33:49  โดยปราศจากความคิดทุกรูปแบบ
เข้าไปยึดเป็นหนึ่งเดียว
  
33:57  กับความรู้สึกทางประสาทสัมผัสนั้นๆ
 
34:04  คุณเข้าใจนะ
 
34:06  ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสเป็นธรรมชาติ
 
34:10  หากคุณไม่มีความรู้สึก
แสดงว่าคุณตายด้าน เป็นอัมพาต
  
34:15  บางทีเราส่วนใหญ่อาจจะตายด้าน
 
34:20  มีเพียงความรู้สึกในทางหนึ่งทางใดโดยเฉพาะ
ไม่ทางกามารมณ์ก็ทางอื่น
  
34:25  แต่เรากำลังพูดถึง
กระบวนการรับสัมผัสทั้งหมด
  
34:31  ไม่ใช่สัมผัสใดโดยเฉพาะ
 
34:38  หากคุณมองเห็นตรรกะ เห็นเหตุผลของมัน
 
34:43  ว่าทันทีที่ความคิดผนึกตน เข้ากับความรู้สึก
ทางประสาทสัมผัสใดโดยเฉพาะ
  
34:52  หรือความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งหมด
 
34:56  การผนึกตนเช่นนั้น คือกระบวนการกักกั้น
 
35:07  พลังงานอันมหาศาลนี้
ให้อยู่ในร่องรางแคบๆ
  
35:11  ผมอธิบายชัดเจนไหม
 
35:15  แจ่มแจ้งไหม
 
35:20  ไม่ใช่ผม ไม่มีผู้พูด
 
35:29  ในการสนทนากันระหว่างเรา
ในฐานะมนุษย์สองคนเท่านั้น
  
35:38  ที่เราจะค้นพบเรื่องนี้
 
35:42  คุณจะค้นพบ ไม่ใช่ผู้พูด
 
35:45  ไม่ได้มีผู้พูด
 
35:51  คุณจะพบว่า การผนึกตนรูปแบบใดก็ตาม
 
35:59  ไม่เพียงผนึกตนเข้ากับประสาทสัมผัส
กับครอบครัว ประเทศชาติ
  
36:03  กับแนวคิด ข้อสรุป และอื่นๆ ทั้งหลาย
 
36:07  การผนึกตนเป็นจุดเริ่มต้น
ของการกักกันพลังงานมหาศาลนี้
  
36:15  และเป็นการจำกัดตัวมันเอง ดังนั้น
จึงเป็นการต่อต้านขัดขืนกระแสแห่งชีวิต
  
36:25  ใช่ไหม
 
36:35  ผมขอพักสักครู่
 
36:45  เราถามว่า ในขณะที่คุณนั่งอยู่ตรงนั้น
 
36:49  คุณสามารถสังเกตประสาทสัมผัสของคุณ
โดยปราศจากการผนึกตนได้ไหม
  
37:02  การผนึกตนกับร่างกาย
 
37:05  สิ่งที่เรากำลังสืบค้นเป็นเรื่องจริงจังมาก
 
37:12  หากคุณไม่ต้องการฟัง ก็อย่าฟัง
 
37:15  แล้วให้คิดถึงเรื่องอื่น
 
37:22  แต่หากคุณฟัง จงฟังด้วยหัวใจของคุณ
 
37:25  ด้วยจิตของคุณ ด้วยชีวิตทั้งหมดของคุณ
 
37:32  เพราะเรากำลังสืบค้นเข้าสู่คำถาม
 
37:36  เกี่ยวกับการปลดปล่อยพลังงานอันใหญ่หลวง
 
37:42  ซึ่งขณะนี้ถูกกักกั้นให้อยู่ในครรลอง
ที่เล็กและคับแคบอย่างยิ่ง
  
37:52  จากที่กักกั้นแคบๆ นั้น
เรากระทำออกไป
  
38:03  ไม่ใช่มีเพียงการผนึกตน
เข้ากับประสาทสัมผัสเท่านั้น
  
38:11  ยังมีการผนึกตนเข้ากับร่างกายด้วย
 
38:15  และแน่นอน ย่อมมีการผนึกตนเข้ากับชื่อ
 
38:28  ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยนชื่อใหม่
หรือเบอร์ใหม่
  
38:33  นั่นก็ยังเป็นการผนึกตน
ซึ่งพวกนักบวชมักทำกัน
  
38:50  เหตุใดความคิดจึงผนึกตัวมันเอง
เข้ากับอะไรบางอย่างตลอดเวลา
  
39:06  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
39:07  ซึ่งพวกคุณก็ทำกันอยู่ เช่น ภรรยาฉัน
ลูกชายฉัน ครอบครัวฉัน
  
39:12  ลูกสาวฉัน ลูกชายฉัน
บ้านของฉัน คุณสมบัติของฉัน
  
39:18  ฉันมีประสบการณ์มากมาย
ฉันต้องยึดเหนี่ยวประสบการณ์นั้นไว้
  
39:24  ฉันผนึกตัวฉันเองกับพระคริสต์ พระกฤษณะ
 
39:28  ทุกสิ่งอย่างที่มีการผนึกตน
เข้าไปยึดเป็นหนึ่งเดียว
  
39:36  เหตุใดความคิดจึงต้องผนึก
กับบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ
  
39:59  คุณทำอย่างนั้น ไม่ใช่หรือ
 
40:01  ผมขอถามไม่ใช่ในฐานะผู้พูด
แต่ให้คุณถามตัวคุณเอง
  
40:06  คุณไม่ถามตัวเองหรือ
ว่าเพราะเหตุใด
  
40:13  ฉันจึงผนึกตนเอง
เข้ากับแบบแผน กับชื่อ
  
40:23  กับประสบการณ์ทั้งหมด
ซึ่งฉันได้สะสมรวบรวมไว้
  
40:30  หรือผนึกตนออกไปในอนาคต
เพราะเหตุใดหรือ
  
40:38  ทำไมความคิดจึงทำเช่นนี้ตลอดเวลา
 
40:44  มีบ้านของฉัน ภรรยาของฉัน ความเชื่อของฉัน
พระเจ้าของฉัน ประเทศของฉัน
  
40:50  ฉันเป็นคนอังกฤษ คุณเป็นคนฝรั่งเศส
 
40:52  ฉันเป็นคนเยอรมัน คุณเป็นคนรัสเซีย
 
40:55  เพราะเหตุใดหรือ
 
41:04  หรือเป็นเพราะว่า ความคิดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
 
41:18  กรุณาค้นหาดู ผมเพียงแค่ถามค้น
 
41:22  ความคิดเคลื่อนไหว
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
  
41:29  จึงจำเป็นต้องมี
ความมั่นคงปลอดภัยบางอย่าง
  
41:41  ขอให้ถามค้น
 
41:44  คุณถามค้น ถามตัวคุณเองในเรื่องนี้
 
41:53  เมื่อคุณพูดว่า “นี่เป็นบ้านของฉัน”
 
41:59  มันให้ความรู้สึกที่แน่นอน ให้เสถียรภาพ
และความมั่นคงปลอดภัยแก่คุณ
  
42:11  เมื่อความคิดผนึกตัวมันเข้ากับบ้านสักหลัง
 
42:22  มันจำเป็นไม่ใช่หรือ
มันให้ความมั่นคงปลอดภัยแก่ตัวมัน
  
42:32  เป็นที่พักพิง ที่ปลอดภัย ที่ปกป้อง
 
42:39  การผนึกตนในทางกายภาพเข้ากับบ้าน
ให้ความมั่นคงปลอดภัยแก่มัน
  
42:50  แต่มองดูให้ดีๆ
 
42:53  กระบวนการของการผนึกตน
เข้ากับความจำเป็นทางกายภาพ
  
43:00  ถูกครอบครองโดยการผนึกตนทางจิตใจ
 
43:07  ในทางกายภาพมีความจำเป็น
 
43:12  แต่ในทางจิตใจ อาจไม่จำเป็นเลย
 
43:18  แต่เราก็ทำอย่างนี้อยู่เสมอ
จากความจำเป็นพื้นฐาน
  
43:27  เช่น การมีเสื้อผ้า แม้ว่าผม
อาจไม่ผนึกตนเข้ากับกางเกง
  
43:31  หรือเสื้อเชิ้ต เสื้อสตรี
หรืออะไรก็ตามที่คุณสวมใส่
  
43:35  แต่ความผูกพันมั่นหมาย
เริ่มจากความจำเป็นทางกายภาพ
  
43:44  จากความจำเป็นนั้น
เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ทางจิตใจ
  
43:52  ซึ่งคุณจะพูดว่า “ตรงนั้นมันก็จำเป็นด้วย”
 
43:55  ทว่ามันอาจไม่จำเป็น คุณตามทันไหม
 
43:59  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
44:15  กระบวนการเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ใช่หรือ
เริ่มจากความต้องการทางกายภาพล้วนๆ
  
44:28  ต้องการอาหาร เครื่องนุ่งห่ม
ต้องการความสะอาด
  
44:32  และอื่นๆ อีกมากมาย
 
44:34  กระบวนการนั้น ไหลล้นเข้าสู่พื้นที่ทางจิตใจ
 
44:46  การไหลล้นจากตรงนั้นมายังตรงนี้
 
44:56  อาจไม่จำเป็นโดยสิ้นเชิง อาจเป็นเพียงมายาลวง
 
45:01  มีอยู่แต่เพียงทางกายภาพเท่านั้น
ทางจิตใจไม่มี
  
45:08  เราจะพินิจพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
 
45:15  ที่สุดแล้ว อะไรคือพื้นฐาน พื้นที่
คืออาณาเขตของจิตใจ
  
45:24  ในทางกายภาพ เราพอเข้าใจอยู่บ้าง
ไม่มากก็น้อย
  
45:27  เราต้องการอาหาร เสื้อผ้า
และที่พักพิง นั่นชัดเจน
  
45:33  แต่อันตรายเกิดขึ้น
เมื่อเราผนึกตนเข้ากับสิ่งนั้น
  
45:42  เราพูดว่า “นั่นเป็นเสื้อผ้าของฉัน”
 
45:50  “นั่นเป็นทรัพย์สินของฉัน อย่าแตะต้องมัน”
 
45:55  ความจำเป็นนั้นได้ถูกความคิด
เข้าไปยึด ผนึกเป็น “ของฉัน”
  
46:11  กระบวนการเดียวกันนั้นเคลื่อน
จากทางกายภาพเข้าสู่ทางจิตใจ
  
46:18  เป็นประสบการณ์ของฉัน
ความปรารถนาของฉัน การโหยหาของฉัน
  
46:25  ผมสงสัยว่า คุณเข้าใจไหม
 
46:29  เพราะสิ่งที่เราพยายามแสดงให้เห็น คือ
 
46:35  ไม่มีผู้พูด
 
46:40  ในกระจกบานนั้น
หากคุณสังเกตอย่างสุขุมรอบคอบ
  
46:46  คุณอาจมองเห็นว่า
อะไรที่จำเป็นในทางกายภาพ
  
47:00  และความคิดเดียวกันนั้น
ก็ถูกนำเข้ามาในอาณาจักรของจิตใจ
  
47:13  แล้วกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่า
 
47:21  คุณมีอาหารเพียงเล็กน้อยได้
โดยต้องไม่กังวลใจ
  
47:27  แต่อย่ามายุ่งกับอำนาจของฉัน
ฉันต้องการสถานภาพ
  
47:34  ในทางจิตใจ ฉันต้องการสิ่งนี้
ฉันต้องการสิ่งนั้น
  
47:38  คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม
 
47:42  คุณค้นพบเรื่องนี้
ด้วยตัวคุณเองในกระจกหรือเปล่า
  
47:47  หรือให้ผมชี้ให้เห็น
แล้วคุณก็สังเกตและยอมรับมัน
  
47:53  การยอมรับเช่นนั้นเป็นเพียงการชักจูงโน้มน้าว
เป็นการกดดันรูปแบบหนึ่ง
  
48:06  ที่ใดมีการกดดัน
มีการยอมรับ ย่อมไม่มีการสืบค้น
  
48:13  แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง
 
48:16  คือ คุณสามารถเป็นอิสระ
จากแรงกดดันได้ไหม
  
48:24  ในการสังเกต
 
48:29  แรงกดดันจากสถาบันทั้งหลาย
 
48:39  สถาบันของศาสนจักร สถาบันของรัฐบาล
 
48:43  สถาบันต่างๆ มากมาย
 
48:47  คำว่า “สถาบัน” มาจากภาษาละติน
 
48:53  หมายถึง การอยู่ อยู่ในที่ของมัน
อย่าเคลื่อนย้ายมัน
  
49:04  โดยทั่วไปเราจึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
อันมหาศาลของสถาบันต่างๆ
  
49:12  คุณอาจไม่ตระหนักถึงมัน
แต่ถ้าคุณสังเกต คุณจะรับรู้ได้
  
49:17  สถาบันประชาธิปไตย
เผด็จการเบ็ดเสร็จ สังคมนิยม
  
49:23  มีแรงกดดันอยู่ตลอดเวลา
 
49:28  แล้วยังมีแรงกดดันจากอุดมการณ์ต่างๆ
 
49:34  อุดมคติ
 
49:39  บางทีอาจน่ากลัวยิ่งกว่า
 
49:44  แรงกดดันทางเศรษฐกิจ แรงกดดันของทฤษฏีต่างๆ
 
49:53  คุณรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไหม
คุณตระหนักถึงมันหรือเปล่า
  
50:02  แรงกดดันของหนังสือ แรงกดดันของความรู้
 
50:04  แรงกดดันจากผู้มีอำนาจเหนือ
แรงกดดันจากครอบครัว
  
50:12  แรงกดดันจากภรรยาเหนือสามี ลูกๆ ชายหญิง
 
50:15  มีแรงกดดันอยู่ตลอดเวลา
 
50:28  แรงกดดันของประสบการณ์
ของความรู้ คุณเข้าใจไหม
  
50:36  ไม่ได้มีเพียงแรงกดดันเหนือคุณ
จากใครบางคนหรือจากรัฐเท่านั้น
  
50:41  แต่ยังมีแรงกดดันอันมหาศาล ภายในจิตใจอีกด้วย
 
50:44  จากประสบการณ์ จากความรู้ ที่ได้รับมา
 
50:49  ความรู้นั้นกดดันเราอยู่ตลอดเวลา
 
50:55  ว่าให้ทำอย่างนี้
อย่าทำอย่างนั้น
  
50:58  นี่ถูก นี่ผิด
หรือคุณต้องมีความรู้ให้มากกว่านี้
  
51:01  เราตระหนักถึงสภาพทั้งหมดนี้ไหม
 
51:07  ผมเกรงว่าไม่ตระหนัก
 
51:13  และยังมีแรงกดดันจากความสัมพันธ์
 
51:17  ใช่ไหม
 
51:20  เราจะยังไม่เข้าไปในเรื่องนั้น
 
51:25  เราพูดว่า
 
51:28  คุณไม่สามารถสังเกต
เห็นโครงสร้างอันพิเศษนี้ได้
  
51:39  โครงสร้างของศูนย์กลาง
ความสนใจเกี่ยวกับศูนย์กลาง
  
51:46  เพื่อสังเกตมันได้อย่างอิสระ
โดยไม่มีแรงกดดันใดๆ
  
51:52  จำต้องมีอิสรภาพที่จะมองดู
 
52:00  แต่พวกเราส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แรงกดดัน
 
52:04  ส่วนใหญ่เรามีแรงจูงใจ เมื่อเราสังเกต
 
52:07  แรงจูงใจกลายเป็นแรงกดดัน
 
52:14  “เมื่อฉันสังเกต ฉันต้องเข้าใจมัน
ฉันต้องอยู่เหนือมัน
  
52:21  “ต้องมีรางวัล
เมื่อการแสดงอันน่ารังเกียจนี้จบลง”
  
52:30  คุณเข้าใจไหม
 
52:31  แรงกดดันอันต่อเนื่องมากมายนี้
เกิดจากแรงจูงใจ
  
52:38  เกิดจากความอยาก อยากได้รางวัล
หลีกเลี่ยงการลงโทษ และอื่นๆ
  
52:44  ตราบใดที่ยังมีสิ่งถ่วงทับเหล่านั้น
 
52:48  ในการสังเกตถึงสาเหตุที่ทำให้มนุษย์
 
52:55  ลดทอนตนเองลงเป็นเพียง
ตัวตนอันคับแคบ กระจ้อยร่อย
  
53:01  สนใจแต่ตัวเอง ตั้งแต่เช้าจนค่ำ
 
53:11  ด้วยเหตุนั้น คุณจึงมีคุรุมากมาย
 
53:14  มีนักบวชและศาสนาต่างๆ
 
53:18  มีเหล่านักบวชที่ทำงานด้านจิตวิทยา
 
53:24  อย่างมโหฬารและซับซ้อน คุณเข้าใจนะ
 
53:32  ทั้งหมดนั้นแสดงถึงการสนใจ เป็นกังวลกับตนเอง
 
53:51  แล้วเราสามารถมีชีวิตอยู่
โดยไม่สนใจตนเองเลยได้ไหม
  
54:04  เมื่อนั้น จึงจะมีความสงบสุข
 
54:08  เมื่อนั้น จึงจะมีความรักและความเมตตาการุญ
 
54:17  ที่ใดมีศูนย์กลาง
 
54:22  ที่ความคิดก่อตัวขึ้นเป็น “ตัวฉัน”
อยู่ในร่องรางแคบๆ
  
54:27  ย่อมต้องเกิดความทุกข์ระทม
 
54:30  ความรุนแรง ความโหดร้าย
ความทารุณ ความเกลียดชัง
  
54:35  ทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ที่นั่น
 
54:50  นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ
 
54:54  คำถามต่อมาคือ เป็นไปได้ไหมที่จะพังทลายมัน
 
55:00  ไม่ใช่ด้วยสิ่วด้วยค้อน
อย่างที่พวกเราส่วนใหญ่มักจะทำ
  
55:09  แต่เป็นสิ่วทางจิตใจ หรือค้อนทางจิตใจ
 
55:13  การใช้ความพยายาม
ใช้วินัย การควบคุม การพลีตน
  
55:22  การปฏิเสธ การต่อต้านขัดขืน
ทั้งหมดนั้นคือค้อน
  
55:28  เราถามว่า เป็นไปได้หรือที่จะพังทลาย
 
55:34  กำแพงเหล่านี้
ที่เราสร้างขึ้นปิดล้อมตัวเราเอง
  
55:39  พังทลายมันโดยไม่ใช้ความพยายามแม้แต่น้อย
 
55:44  เพราะหากคุณใช้ความพยายาม
คุณก็เข้าไปยึด
  
55:49  ผนึกกับผลที่จะเกิดขึ้น
เมื่อคุณพังทลายกำแพงลง
  
55:55  คุณเข้าใจไหม
 
55:56  ซึ่งก็ยังเป็นแค่โครงสร้าง
ของตัวตนที่จำกัดคับแคบ
  
56:02  ผมสงสัยว่า คุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม
 
56:05  เข้าใจไหม
 
56:12  ดังนั้น ปัญหาคือ กำแพงนี้จะทลายลงได้ไหม
 
56:22  เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับมนุษยชาติทั้งหมด
  
56:30  ไม่มีปัญหาอื่นที่สำคัญกว่านี้สำหรับมนุษย์
ไม่ว่าทางการเมือง ศาสนา หรือเศรษฐกิจ
  
56:37  นั่นคือ มนุษย์จะยุติความคิด
ที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่ ได้ไหม
  
56:45  ยุติความเห็นแก่ตัวอันแยบยล
ที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกและอื่นๆ
  
56:52  นี่คือปัญหาหลัก
 
56:56  เป็นปมสำคัญของศาสนา
 
57:00  ไม่ใช่การแสดงละครสัตว์
ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
  
57:06  ตามโบสถ์ ตามมัสยิด ในวัด
ในการชุมนุมทั้งหลายทางศาสนา
  
57:14  แก่นสำคัญของศาสนา
คือการจบสิ้นตัวตนอย่างสมบูรณ์สิ้นเชิง
  
57:30  ตอนนี้กี่โมงแล้ว
 
57:33  Questioner: ผู้ฟัง: 11:30 น.
 
57:41  K: ให้ผมพูดต่อไหม
คุณรู้สึกพอแล้วหรือยังสำหรับเช้านี้
  
57:51  เราเริ่มต้นช้าไปห้านาที
ผมจะพูดต่ออีกห้านาที
  
58:06  หากคุณมองดูในกระจก
อย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน และจริงจัง
  
58:13  ไม่เพียงมองดูใบหน้า
ทรงผม หรือคิ้วของคุณเท่านั้น
  
58:17  หรือมองสีสันต่างๆ และอื่นๆ ทำนองนั้น
 
58:20  แต่มองดู
โดยปราศจากการกำหนดทิศทาง
  
58:36  เพราะการกำหนดทิศทาง คือการบิดเบือน
 
58:42  ขอให้เข้าใจเรื่องนี้ก่อน
 
58:45  แล้วคุณจึงจะสามารถ
มองเห็นในกระจกได้อย่างแจ่มชัด
  
58:54  เรามักกระทำในทิศทางที่เฉพาะเจาะจงเสมอ
 
59:08  เช่น มีความสำเร็จ และอื่นๆ ทำนองนั้น
ผมคงไม่ต้องลงรายละเอียด
  
59:14  คุณสามารถสังเกต โดยปราศจาก
การเคลื่อนไหวใดๆ ได้ไหม
  
59:25  การเคลื่อนไหวก็คือความคิด ที่มองดู
 
59:31  ผมสงสัยว่าคุณจะเข้าใจตรงนี้ไหม
 
59:41  เมื่อคุณมองดูอะไรก็ตาม
ไม่สำคัญว่ามันคืออะไร
  
59:47  ความคิดกำลังมองดู
 
59:49  คุณค้นพบไหมว่าเป็นเช่นนั้น
 
59:53  หรือเป็นจินตนาการ
ความเพ้อฝัน ความทรงจำ เป็นอดีต
  
1:00:02  ใช่ไหม
 
1:00:03  คุณสามารถมองดู
โดยไร้การเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ไหม
  
1:00:11  ไม่เช่นนั้น คุณก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
 
1:00:17  มองให้เห็นตรรกะ เห็นเหตุผลของมัน
 
1:00:20  ถ้าคุณเห็นเหตุผล เห็นตรรกะ เห็นด้วยจิตปกติ
 
1:00:24  ความเป็นปกตินั่นเองจะยุติสิ่งเหล่านั้น
 
1:00:30  คุณเข้าใจไหม
 
1:00:33  ความไม่เป็นปกตินั่นแหละ
ที่นำสิ่งเหล่านี้เข้ามา
  
1:00:38  ความปกติสมบูรณ์นั้นมองดู
เพราะมันเป็นปกติ
  
1:00:45  ซึ่งหมายถึง เป็นไปไม่ได้ที่จิตจะเป็นปกติ
เมื่อคุณจดจำความเจ็บป่วยทั้งหมดของคุณ
  
1:00:58  ความเจ็บปวดทั้งหมดในอดีต
 
1:01:03  แต่เมื่อวางอดีตทั้งหมด
 
1:01:06  คุณก็สามารถมองดูได้อย่างชัดเจน
โดยไม่มีความยุ่งยากใดๆ
  
1:01:13  การมองดูนั้น
ผลักไสสิ่งผิดปกติเหล่านั้นออกไป
  
1:01:21  คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า
 
1:01:22  ความเร่งด่วนที่จะมองดู
 
1:01:29  สลายสิ่งที่ขัดขวางการมองดูจริงๆ
 
1:01:38  เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว
 
1:01:44  เพราะความเร่งด่วนต่ออะไรบางอย่าง
 
1:01:53  คุณจึงลืมอย่างอื่นทั้งหมด
 
1:02:03  ความเร่งด่วนต่อคนที่กำลังจะตาย
ไฟไหม้ หรืออะไรก็ตาม
  
1:02:08  ความเร่งด่วนขับไสกระแสอดีตโดยสิ้นเชิง
 
1:02:16  ปฏิบัติการเกิดขึ้น
 
1:02:23  คุณกำลังมองดูในกระจกอยู่ไหม
 
1:02:30  เมื่อคุณมองในกระจก
โดยปราศจากการชักจูงโน้มน้าว
  
1:02:34  ปราศจากแรงกดดัน
 
1:02:36  เพราะไม่มีผู้พูด
คุณเพียงสังเกตตัวคุณเองในกระจก
  
1:02:42  แล้วเหตุผล ตรรกะได้บอกคุณ
 
1:02:46  ว่าความรุนแรง ความโหดร้าย
ความวิกลจริต ในโลก
  
1:02:54  เกิดขึ้นเพราะศูนย์กลางนี้
ศูนย์กลางในนามของสันติภาพ
  
1:03:00  ในนามของพระคริสต์
ในนามของประเทศชาติ
  
1:03:04  ในนามของภราดรภาพ และอื่นๆ
 
1:03:10  คุณมองดูได้ไหม
 
1:03:12  ความแรงกล้า
และความเร่งด่วนของการมองดู
  
1:03:20  ขับไสการแทรกแซงของความคิดออกไป
 
1:03:25  รวมทั้งมโนภาพของมัน
และสิ่งที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด
  
1:03:33  คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า
 
1:03:36  คุณกำลังฟังผู้พูดหรือเปล่า
เมื่อเขาพูดว่า ไม่มีผู้พูด
  
1:03:45  คุณเข้าใจไหม ไม่มีผู้พูด
 
1:03:48  ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ
อย่างแรงกล้าเต็มที่
  
1:04:00  ผมพูดทั้งหมดนี้
ด้วยความอาทรและความรัก
  
1:04:05  เพราะเมื่อคุณมองดูในกระจก ด้วยตัวคุณเอง
 
1:04:11  ไม่ใช่เพราะผู้พูดมีอิทธิพลต่อคุณ
 
1:04:14  บังคับคุณ เร่งเร้าหรือโน้มน้าวคุณ
 
1:04:28  คุณมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อมาฟังผู้พูด
 
1:04:38  แต่มาฟังและสังเกตตัวคุณเองในกระจก
 
1:04:44  แล้วประวัติศาสตร์ทั้งมวลของมนุษยชาติ
ก็จะเผยให้เห็น
  
1:04:53  เมื่อคุณมองดูด้วยความเข้มข้นแรงกล้า
มันกลายเป็นเรื่องแสนง่ายดาย
  
1:05:01  จริงไหม