SA78T2 - การผนึกตนของความคิด
การพูดต่อสาธารณชน ครั้งที่ 2
เมืองซาเน็น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
11 กรกฏาคม 1
0:07  | การผนึกตนของความคิด |
0:25  | ขอให้เราพูดคุยกันต่อ |
จากเรื่องที่เราได้พูดไปแล้ว | |
0:29  | เมื่อวานซืนนี้ |
0:37  | ก่อนที่เราจะพูดคุยกันต่อ |
ผมขอถามคุณ | |
0:48  | ด้วยความนับถือและจริงใจ |
0:53  | ว่าทำไมคุณจึงมาที่นี่ |
0:58  | เหตุใดคุณจึงมาร่วมงานเสวนานี้ |
1:06  | คุณมาเพราะความอยากรู้อยากเห็น |
1:15  | หรือคุณไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ที่จะทำ |
1:21  | คุณจึงมาใช้เวลาอยู่ที่นี่ |
หนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น | |
1:28  | มันชัดเจน คุณยอมยุ่งยากเพื่อมาที่นี่ |
1:36  | แสดงว่าคุณต้องค่อนข้างจริงจัง |
1:45  | และถ้าคุณจริงจัง |
คุณเต็มใจที่จะไปให้ไกลแค่ไหน | |
1:53  | ไม่ใช่เป็นการเดินทางไกลโดยร่างกาย |
1:59  | แต่เป็นการเดินทางภายใน |
ทางจิตใจ ภายในร่างกายนี้ | |
2:07  | คุณเต็มใจที่จะเดินทางไปให้ลึกแค่ไหน |
2:14  | เราสามารถเดินทางได้อย่างลุ่มลึก |
2:19  | ก็ต่อเมื่อคุณเต็มใจ |
2:28  | ไม่ใช่ด้วยความลุ่มลึก |
ที่เป็นข้อสรุปรวบยอดทางความคิด | |
2:36  | หากคุณมีข้อสรุปรวบยอดทางความคิด |
เกี่ยวกับความลุ่มลึก | |
2:41  | มันจะต้องใช้เวลา |
เพื่อเดินทางเข้าสู่ความลุ่มลึกนั้น | |
2:54  | คุณอาจจริงจังพอที่จะค้นหาด้วยตัวเอง |
3:09  | ว่าคุณจะสามารถสังเกตกระแสทั้งหมด |
ของกาลเวลานี้ได้ไหม | |
3:18  | ทั้งการเทียบวัด ความสูง ความลึก |
3:24  | ปีนขึ้นแล้วย้อนลง |
ถามค้นเข้าสู่ความล้ำลึก | |
3:33  | ซึ่งต้องอาศัยทั้งเวลา และพลังงานมากมาย |
3:40  | หรืออาจมีปฏิบัติการ |
ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง | |
3:50  | ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการขยายขอบเขต |
หรือการเดินทางทางกายภาพ | |
3:59  | จากประเทศนี้ไปยังอินเดีย |
4:02  | เพื่อสืบเสาะหาคุรุ ผู้น่าเกลียดหรือดีงาม |
4:09  | แต่เป็นการรับรู้ถึงสรรพสิ่งอย่างรวดเร็ว |
4:18  | มีการหยั่งเห็นเข้าใจได้ทันที |
4:26  | สัมผัส “สิ่งที่เป็นอยู่จริง” ได้ทันทีทันใด |
4:35  | “สิ่งที่เป็นอยู่จริง” นี้ |
ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดว่ามันเป็น | |
4:39  | ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการให้มันเป็น |
4:44  | แต่รับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ ทั้งหมด |
ตามที่เป็นจริง | |
4:56  | เมื่อมีการสังเกตที่บริสุทธิ์ เป็นทั้งหมด |
5:04  | การสังเกตนั้นทำให้เกิดการหยั่งเห็น |
5:09  | จากการหยั่งเห็นนั้น คุณปฏิบัติการ |
5:14  | ดังนั้น การหยั่งเห็น |
และปฏิบัติการเกิดขึ้นทันทีทันใด | |
5:18  | ไม่ใช่ปฏิบัติการที่ผัดวันประกันพรุ่ง |
5:27  | นั่นคือเรื่องที่เราจะถามค้น ในเช้าวันนี้ |
5:31  | ถ้าคุณเต็มใจ |
5:37  | และถ้านั่นเป็นเรื่องที่คุณต้องการจะค้นให้พบ |
5:41  | ดังที่เราพูดแล้วเมื่อวันก่อน |
5:54  | ว่าเหตุใดทั่วทั้งโลก |
5:59  | มนุษย์จึงหมกมุ่นวุ่นอยู่กับตัวเอง |
6:07  | กับการเติบโตทางความคิด การใช้เหตุผล |
6:10  | กับความสวยงามของร่างกาย หรืออะไรก็ตาม |
6:16  | รวมทั้งด้านจิตใจ ด้านใน |
6:23  | มนุษย์หมกมุ่นกระวนกระวายอยู่กับตนเอง |
6:32  | กับความเข้าใจของตนเอง |
กับการทำสมาธิว่าถูกต้องไหม | |
6:37  | ท่าทางถูกต้องไหม |
6:39  | มันเป็นสิ่งที่ควรทำไหม หรือเราควรทำอะไร |
6:43  | การถามค้นที่ขยายออกไปเรื่อยๆ |
และการหมกมุ่นเกี่ยวกับตนเองนี้ | |
6:54  | ถ้าเรามองเห็นอันตราย |
ของการหมกมุ่นเช่นนี้ด้วยตนเอง | |
7:03  | ไม่เพียงอันตรายทางจิตใจ |
แต่อันตรายที่เกิดขึ้นจริงๆ ทางกายภาพ | |
7:12  | ในการหมกมุ่นเอาตนเอง |
เป็นศูนย์กลางความสำคัญนี้ | |
7:21  | แล้วบางทีคุณอาจถามค้นได้อย่างชัดเจน |
และง่ายดายว่า “เพราะเหตุใด” | |
7:36  | ทำไมมนุษย์ซึ่งคือเราทุกคน |
7:42  | มนุษย์ทุกๆ คน เป็นตัวแทนของมวลมนุษย์ |
7:47  | หากคุณจะถามค้นอย่างลุ่มลึก |
7:52  | ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมากที่ต้องเข้าใจด้วย |
7:58  | เพราะว่ามนุษย์ทั่วโลกทุกคนเป็นทุกข์ |
8:03  | วิตกกังวล รู้สึกไม่แน่นอน |
สิ้นหวัง ลิงโลด สับสน ผูกพัน | |
8:16  | มนุษย์ทั้งหมดเป็นเช่นนั้น |
8:21  | เมื่อคุณมองดูตัวคุณเองด้วยความใส่ใจ |
8:26  | โดยไม่ลำเอียง ไม่อคติ |
และไม่ถือเป็นเรื่องส่วนตน | |
8:33  | คุณจะเห็นว่า |
ตัวคุณนั้นก็เหมือนมนุษย์คนอื่นๆ | |
8:38  | การค้นพบว่าตัวคุณนั้น |
แท้จริงแล้วเป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคน | |
8:50  | อย่างไม่อาจลบล้างได้ |
8:56  | การค้นพบนั้นให้พลังสำคัญแก่ชีวิต |
ให้ความเข้มแข็งเหนือธรรมดาแก่คุณ | |
9:05  | นี่ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกอันอ่อนไหว |
หรือความคิดรวบยอดที่เพ้อฝัน | |
9:11  | หรือแนวคิดทางเชาวน์ปัญญา |
9:14  | แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน |
9:21  | เมื่อวันก่อนเราพูดว่า |
9:27  | การหมกมุ่นนี้จำกัดพลังงาน |
9:35  | เมื่อพลังงานถูกจำกัด |
ถูกกักให้อยู่ในร่องรางแคบๆ | |
9:46  | มันจะเริ่มสูญเสีย |
พลังงานที่บริสุทธิ์และสำคัญ | |
9:55  | และการหมกมุ่นกับตนเอง |
ที่ทำให้จำกัดคับแคบนี้ | |
10:06  | ถ้าคุณสังเกตจะเห็นว่า |
10:08  | ได้ก่อให้เกิดความทุกข์ระทมมากมาย |
บนโลกนี้ | |
10:14  | ในเมื่อแต่ละคนมัวแต่หมกมุ่นกับตัวเอง |
10:18  | กับความทะเยอทะยาน |
ความอยากเติมเต็ม ความสิ้นหวัง | |
10:22  | ความกลัวของตนเอง และอื่นๆ |
10:25  | คุณก็ไม่มีความสัมพันธ์กับใครเลย |
10:30  | คุณอาจคิดว่า คุณมีความสัมพันธ์ |
10:34  | แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณไม่มี |
10:38  | เมื่อจิตใจทั้งหมดของคุณ |
สนใจแต่ความก้าวหน้าของตนเอง | |
10:46  | ความวิตกกังวลของตน |
ปัญหาของตน และอื่นๆ | |
10:50  | มันเห็นได้ชัด |
10:53  | ถึงแม้จะเห็นได้ชัด |
เราก็ไม่เคยทำอะไรกับมัน | |
11:01  | ตรงกันข้าม |
เราพยายามแก้ไข ปรับปรุงมัน | |
11:12  | ซึ่งเราเรียกว่า |
การพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น | |
11:17  | แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเสมอ |
11:28  | นั่นคือสิ่งที่เราพูดคุยกันไปเมื่อวันก่อน |
11:33  | บางคนอาจยังใหม่ต่อเรื่องนี้ |
11:36  | ถ้าคุณยังใหม่ต่อเรื่องที่กำลังพูดถึงนี้ |
11:41  | อย่าได้พูดกับตัวเองว่า |
“นั่นเป็นเรื่องเก่า | |
11:44  | เราเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาแล้ว |
ในแง่ที่ต่างออกไป” | |
11:48  | หรือบอกว่า |
“เขาพูดซ้ำเรื่องที่คนอื่นพูดมาแล้ว” | |
11:53  | หรือคุณอาจไม่ค่อยเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้ |
12:00  | เราใช้ภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วๆ ไป |
12:06  | ไม่ได้ใช้ศัพท์ทางเทคนิค |
ไม่มีความหมายเฉพาะแก่คำพิเศษเหล่านี้ | |
12:14  | แต่ใช้ภาษาอังกฤษปกติธรรมดา |
12:20  | หากทั้งสองฝ่ายพูดภาษาอังกฤษ |
การสื่อสารก็กลายเป็นเรื่องง่าย | |
12:28  | แต่การสื่อสารด้วยถ้อยคำยังไม่เพียงพอ |
12:37  | ถ้าเราพูดว่า มันช่างเป็นวันที่สวยงาม |
โชคดีที่ทุกคนเข้าใจได้ | |
12:43  | แต่เมื่อเราถามค้นลงไป |
อย่างลุ่มลึก กว้างไกล | |
12:54  | อย่างชาญฉลาด รีรอ ไม่ด่วนสรุป |
12:58  | ถ้อยคำไม่เพียงพอ |
13:02  | ถ้อยคำไม่ใช่สิ่งนั้น |
13:06  | ถ้อยคำที่ใช้อธิบาย ไม่ใช่สิ่งที่ถูกอธิบาย |
13:10  | เราไม่เพียงต้องตระหนักรู้ |
ความหมายของถ้อยคำเท่านั้น | |
13:19  | แต่ตระหนักด้วยว่า ถ้อยคำไม่ใช่สิ่งนั้น |
13:29  | แล้วเราจึงจะเริ่มถามค้นได้อย่างลุ่มลึก |
13:36  | ค่อยเป็นค่อยไป อย่างรีรอ |
ปราศจากข้อสรุปใดๆ | |
13:41  | ใช่ไหม |
13:42  | เหมือนทนายความชั้นหนึ่ง |
หรือศัลยแพทย์มือหนึ่ง | |
13:49  | ย่อมไม่นำเอาแนวคิดของตนเข้ามา |
13:52  | แต่จะสอบถามข้อเท็จจริงของกรณีก่อนเสมอ |
13:57  | กรณีนี้คือตัวเรา เราคือปัญหา |
14:08  | ฉะนั้น เราต้องชัดเจนว่า |
อะไรคือปัญหาของเรา | |
14:15  | ผมขอเริ่มถามว่า เป็นเพราะเรากระจัดกระจาย |
14:19  | เราไม่ชัดเจน |
และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหว | |
14:30  | เราจึงมักแต่งแต้มสีสันให้แก่ปัญหาอยู่เสมอ |
14:36  | เรามองปัญหาจากมุมมอง |
ที่คับแคบและจำกัดยิ่ง | |
14:44  | เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่หรือ |
14:47  | เราจึงต้องตั้งใจ สุขุม รอบคอบอย่างยิ่ง |
14:56  | ในการตรวจสอบว่าเหตุใด |
15:04  | มนุษย์จึงหมกมุ่นกับตนเอง |
อย่างทำลายล้างเช่นนี้ | |
15:12  | ในการถามค้นเข้าสู่คำถามนั้น |
15:16  | และค้นหาว่าเป็นไปได้ไหม |
15:18  | ที่จะเป็นอิสระจากการหมกมุ่นนี้ |
อย่างสมบูรณ์สิ้นเชิง | |
15:28  | อิสรภาพคือ การที่ตัวตนสลายลงอย่างสมบูรณ์ |
15:43  | เมื่อนั้นจึงมีอิสรภาพ |
15:49  | เราจะสืบค้นในเรื่องทั้งหมดนั้น |
15:56  | วันนี้ร้อนมาก |
16:15  | เราเห็นอันตรายที่เกิดขึ้นจริงๆ |
จากการหมกมุ่นเอาตนเป็นศูนย์กลางไหม | |
16:29  | การหมกมุ่นนั้น |
อาจผนึกตนเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศชาติ | |
16:40  | กับกลุ่ม กับอุดมการณ์ |
หรือความเชื่อบางอย่าง | |
16:50  | มันเป็นกระบวนการเดียวกัน |
16:55  | ผมหวังว่าตรงนี้คงชัดเจน |
16:57  | เมื่อผมผนึกตนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่ม |
17:01  | กับแนวคิด กับความเชื่อ กับข้อสรุปใดๆ |
17:07  | การผนึกตนเช่นนั้น |
17:13  | คือแก่นของการยุ่งวุ่นวายอยู่กับตนเอง |
17:18  | ใช่ไหม |
17:22  | เมื่อคุณยุ่งวุ่นวาย |
เช่น วุ่นอยู่กับสากลนิยม | |
17:32  | คุณเคลื่อนไปจากการหมกมุ่น |
อยู่กับเรื่องของตนเอง | |
17:39  | ไปหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง |
ซึ่งคุณผนึกตนเข้ากับมัน | |
17:45  | ฉะนั้น การผนึกตนนั้น |
จึงยังเป็นการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง | |
17:52  | ชัดเจนไหม |
17:56  | เมื่อผมผนึกตัวผมเอง |
เข้ากับพระคริสต์หรือพระเยซู | |
18:01  | หรือพระกฤษณะ หรืออะไรก็ตาม |
18:08  | ผมก็ยังอยู่ในกระบวนการผนึกตนกับสิ่งนั้น |
18:18  | มันก็ยังเป็นการหมกมุ่นกับตัวผมเอง |
18:21  | ถ้าเรื่องนี้ชัดเจน |
เราเคลื่อนต่อไปได้ไหม | |
18:32  | ปัญหาหลักของเรื่องนี้คือ |
เราสามารถดำรงอยู่ได้ไหม | |
18:44  | อยู่อย่างมีสุขภาวะ เป็นปกติ กลมกลืน |
โดยไม่มีการผนึกตนเข้ากับอะไรเลย | |
19:00  | ไม่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ภายในด้วย |
19:10  | ไม่ผนึกตนกับตัวฉัน กับประสบการณ์ของฉัน |
19:15  | ไม่ผนึกตนกับครอบครัว |
19:20  | กับความเชื่อ กับสถาบันต่างๆ และอื่นๆ |
19:36  | นั่นหมายถึง เราสามารถใช้ชีวิตบนโลกนี้ |
โดยไม่มีการผนึกตนเลยได้ไหม | |
19:49  | หมายถึงเราจะใช้ชีวิตอย่างกลมกลืน ได้ไหม |
19:56  | ทั้งกับภายนอกและภายใน |
19:59  | โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ |
ของการหมกมุ่นและการผนึกตน | |
20:07  | ชัดเจนไหม |
20:08  | ขอให้เราเข้าใจปัญหานี้ให้ชัดเจน |
ก่อนที่จะผ่าตัดมัน | |
20:18  | เมื่อเราหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับตัวเราเอง |
20:23  | กับร่างกายของเรา |
ความสวยงามของเรา ดวงตาของเรา | |
20:25  | การหมกมุ่นสาละวน |
อยู่กับตนเองอย่างต่อเนื่องนี้ | |
20:31  | แท้จริงแล้วเป็นการปฏิเสธความสัมพันธ์ทั้งปวง |
20:35  | แม้ว่าคุณอาจหลับนอนกับใครบางคน |
20:37  | แม้ว่าคุณอาจกุมมือกันและกัน |
20:39  | แล้วพูดว่า “สุดที่รักของฉัน” |
และอื่นๆ ทำนองนั้น | |
20:42  | แต่กระบวนการผนึกตน |
แบ่งแยกมนุษย์ออกจากกัน | |
20:48  | แล้วความรุนแรง สงคราม |
20:54  | การแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ |
ทุกสิ่งอย่างก็เกิดขึ้น | |
21:00  | ใช่ไหม |
21:03  | คำถามต่อไปคือ |
21:06  | เป็นไปได้หรือ |
ที่จะใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่ในโลกนี้ | |
21:11  | โดยไม่มีความรู้สึกของการผนึกตนเลย |
21:20  | ไม่เพียงกับประสาทสัมผัส ซึ่งคือร่างกาย |
21:27  | แต่ไม่ผนึกตนกับชื่อเสียงเรียงนาม |
21:33  | ไม่ผนึกตนกับอดีต |
กับสิ่งที่สืบทอดมาทั้งหมด คุณเข้าใจไหม | |
21:42  | กับความเป็นอังกฤษ เยอรมัน |
กับเรื่องราวของอดีตทั้งหมด | |
21:46  | เป็นอิสระจากสิ่งเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง |
21:50  | แต่ยังมีชีวิตอยู่ในบทบาทแต่ละวันอย่างกลมกลืน |
22:02  | ปัญหานี้ชัดเจนไหม |
22:07  | ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่า ไม่มีผู้พูด |
22:14  | ซึ่งเราได้ย้ำแล้วเมื่อวันก่อน |
22:17  | คุณพูดอยู่กับตัวเอง |
คุณกำลังมองดูตัวคุณเอง | |
22:26  | ผู้พูดอาจเป็นเพียงกระจก |
แต่กระจกนั้นไม่มีค่าอะไร | |
22:36  | คุณใช้โทรศัพท์เพื่อสื่อสาร |
22:41  | แต่ตัวโทรศัพท์นั้น มีความสำคัญน้อยมาก |
22:45  | สิ่งที่คุณพูดผ่านโทรศัพท์ต่างหากที่สำคัญ |
22:50  | ในทำนองเดียวกัน ที่นี่ไม่มีผู้พูด |
22:59  | คุณกำลังพูดกับตัวคุณเอง |
คุณกำลังสังเกตตัวคุณเอง | |
23:06  | คุณสังเกตการหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง |
23:10  | และผลของการหมกมุ่นนั้น |
ในชีวิตแต่ละวันของคุณ | |
23:15  | ได้สร้างความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในโลก |
23:22  | เมื่อผนึกตนเข้ากับความเป็นรัสเซีย |
กับแนวคิดบางอย่าง | |
23:30  | คุณก็กลายเป็นคนทารุณโหดร้าย |
23:37  | คุณยินดีและพร้อมที่จะทรมานผู้คน และอื่นๆ |
23:42  | เราจะไม่เข้าไปในเรื่องทั้งหมดนั้น |
ทุกคนก็รู้กันดี | |
23:46  | นิตยสารทุกเล่ม หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ |
มีเรื่องราวเหล่านี้ | |
23:55  | คำถามต่อไปคือ |
24:22  | จิตใจจะสามารถแยกขาดจากความรู้ |
24:30  | ความรู้ซึ่งได้รับและสะสมเอาไว้ |
24:35  | แล้วกลายเป็นสิ่งที่มันยึดติด ได้ไหม |
24:43  | โดยที่จิตใจยังคงอยู่อย่างไม่ปลีกแยก |
24:57  | เพราะเรามักคิดว่า |
ถ้าเราไม่สาละวนวุ่นกับตัวเอง | |
25:01  | เราจะไม่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่น |
25:07  | เราจะปลีกแยกโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง |
25:11  | การคิดเช่นนั้นเป็นเพียงหลักการ |
เป็นข้อสรุป เป็นทฤษฎี | |
25:20  | สิ่งที่เรากำลังพูดอยู่ก็คือ |
25:24  | จิตใจซึ่งรวมทั้งสมอง |
และประสาทสัมผัสทั้งหลาย | |
25:29  | เมื่อเราใช้คำว่า “จิตใจ” |
25:32  | ผมหมายถึงทั้งหมดนั้น ทั้งสมอง |
และการเคลื่อนไหวของความคิด | |
25:40  | ประสบการณ์ที่สะสมไว้ |
เป็นความรู้ ความทรงจำ | |
25:46  | แรงทบทวีทั้งหมดของการคิด |
และประสาทสัมผัสทั้งหลาย | |
25:51  | ทั้งหมดนั้นคือจิตใจ |
ซึ่งแท้จริงแล้วคือจิตสำนึก | |
25:59  | ใช่ไหม |
26:02  | จิตใจที่ถูกอิทธิพลกำหนดมาหลายล้านปี |
26:13  | เพราะจิตใจและสมองของเรานั้น |
เก่าแก่ ดึกดำบรรพ์ | |
26:20  | มันไม่ใช่สิ่งใหม่ |
ที่เราเพิ่งได้รับเมื่อเกิดมา | |
26:25  | แต่มันเป็นจิตใจ |
ที่เก่าแก่อย่างไม่น่าเชื่อ | |
26:29  | จิตใจที่ถูกอิทธิพลกำหนดอย่างหนักหน่วง |
ให้หมกมุ่นกับตัวมันเอง | |
26:40  | จิตใจเช่นนั้นจะสามารถปลดปล่อยตัวมัน |
ให้เป็นอิสระจากอดีตโดยสิ้นเชิง ได้หรือ | |
26:50  | อดีตซึ่งรวมทั้งความรู้ จารีต |
สิ่งที่สืบทอดส่งผ่านกันมา ทั้งหมดนั้น | |
26:57  | และมีชีวิตอยู่แต่ละวันอย่างมีพลัง |
มีจิตปกติ กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว | |
27:12  | เป็นไปได้ไหมที่จะมีชีวิตเช่นนั้น |
27:17  | คุณเข้าใจคำถามไหม |
27:29  | ในการจำแนกแยกตน ระหว่างยิวกับอาหรับ |
27:35  | ที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง |
27:38  | เมื่อชาวรัสเซียผนึกตน |
เข้ากับอุดมการณ์อย่างหนึ่ง | |
27:42  | และบังคับให้ผู้คน |
ปรับตนให้สอดคล้องกับอุดมการณ์นั้น | |
27:51  | เป็นการปกครองเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ |
27:54  | ที่ทำลายล้าง และอื่นๆ ทำนองนั้น |
28:00  | เราเห็นไหมว่า |
การหมกมุ่นเอาตนเป็นศูนย์กลางนี้ | |
28:08  | เป็นอันตรายใหญ่หลวงนัก และจะทำลายมนุษย์ |
28:14  | ดังนั้น เราจะสะสางปมปัญหานี้อย่างไร |
28:20  | จะแก้เงื่อนปมทั้งหมดนี้ และยุติมันอย่างไร |
28:27  | |
28:31  | คุณจะตอบอย่างไร |
28:33  | ผมจะไม่ตอบ |
คุณต้องตอบเอง | |
28:37  | คุณกำลังมองดูในกระจก โดยไม่มีผู้พูด |
28:44  | คุณมองดู และถามคำถามเหล่านี้ |
28:52  | ถ้าคุณถามคำถามนี้ |
ในขณะที่คุณมองดูในกระจก | |
28:55  | คุณอาจตอบว่า “มันเป็นไปไม่ได้หรอก” |
29:00  | นั่นเป็นคำตอบโดยสัญชาตญาณ |
“มันเป็นไปไม่ได้” | |
29:05  | หากคุณตอบว่า “มันเป็นไปไม่ได้” |
คุณก็ปิดกั้นตัวเอง | |
29:09  | ใช่ไหม |
29:15  | โดยทั่วๆ ไปเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่หรือ |
29:17  | แต่หากคุณตอบว่า “มันเป็นไปได้” |
29:21  | นั่นก็หมายความว่า |
คุณปิดกั้นตัวเองแล้วเช่นกัน | |
29:25  | ทั้งการปฏิเสธและยอมรับ |
เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา | |
29:36  | ใช่ไหม |
29:39  | ฉะนั้น เมื่อคุณมองในกระจก โดยไม่มีผู้พูด |
29:45  | คุณทั้งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ |
29:49  | ไม่พูดว่า มันเป็นไปได้ |
หรือเป็นไปไม่ได้ แต่มองดู | |
29:58  | ถึงตรงนี้ ปัญหาก็คือ |
คุณกำลังมองดูจริงๆ หรือ | |
30:04  | หรือว่าคุณมองดูแนวคิด |
ที่คุณคาดคิดเอาไว้แล้ว | |
30:10  | คุณเข้าใจคำถามของผมไหม |
30:14  | คุณกำลังมองดูในกระจกจริงๆ หรือ |
30:17  | หรือคุณมองดูด้วยข้อสรุป ด้วยแนวคิด |
ด้วยความหวังบางอย่าง | |
30:27  | และโดยผ่านความหวังนั้น แนวคิดนั้น |
30:30  | ผ่านข้อสรุปนั้น คุณมองดูตัวคุณเอง |
30:36  | คุณเข้าใจไหม |
30:38  | เมื่อคุณทำเช่นนั้น คุณจะมองไม่เห็น |
30:43  | ถ้าผมมีอคติเกี่ยวกับคุณ |
เพราะคุณใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว | |
30:47  | หรือสีน้ำเงิน หรือผมหยิกเป็นลอน |
หรือนั่นนี่ | |
30:50  | ผมไม่สามารถดูได้ |
ผมหมายถึง มันงี่เง่า | |
30:52  | หากผมต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับคุณ |
มันย่อมเป็นไปไม่ได้ | |
30:59  | แต่การมองดูตนเองในกระจก |
31:05  | และค้นหาคำตอบ ด้วยตนเองในกระจกนั้น |
31:11  | เพราะไม่มีใครจะตอบคำถามให้คุณได้ |
31:17  | แล้วคุณอาจถามว่า “เรามาที่นี่เพื่ออะไร” |
31:21  | หากคุณไม่ตอบคำถามนี้ เช่นเดียวกับผู้พูด |
31:25  | แล้วผมจะมานั่งรอผีสางเทวดาที่ไหน |
31:33  | ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติ |
31:39  | แต่ดังที่เราพูดว่า เราเป็นมนุษย์ |
31:47  | และมีปัญหามหึมาที่เราเผชิญอยู่ |
31:52  | มีวิกฤติ ภยันตราย การทำลายล้าง |
32:00  | ที่คนมีเหตุผล มีปกติวิสัย มีสุขภาวะ |
คนที่จริงจัง เขาต้องตอบคำถามนี้ | |
32:06  | ค้นหาทางออกจากปัญหาทั้งหมดนี้ |
32:13  | เมื่อมองดูในกระจก ซึ่งในนั้นไม่มีผู้พูด |
32:19  | คุณถามว่า มันเป็นไปได้หรือ |
32:25  | ที่จะออกไปจากโครงข่ายของความเคยชิน |
32:31  | ที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองตลอดเวลา |
ซึ่งดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงล้มล้างไม่ได้ | |
32:40  | ใช่ไหม |
32:47  | คุณมองดูในกระจกอยู่ไหม |
32:50  | หรือมองดูความคิด |
ที่คิดว่าคุณมีกระจกอยู่ตรงหน้า | |
32:56  | คุณเห็นความแตกต่างไหม เห็นไหม |
33:02  | แนวคิดไม่ใช่ความเป็นจริง |
33:07  | แนวคิดเป็นเพียงนามธรรมที่เลื่อนลอย |
ของความเป็นจริง | |
33:12  | เป็นการเคลื่อนห่างออกไปจากความเป็นจริง |
33:16  | ฉะนั้น จึงสำคัญยิ่ง |
ที่คุณจะค้นให้พบคำตอบ | |
33:25  | โดยด่วนและจริงจัง |
33:30  | จากนั้นแนวคิดจะไม่มีบทบาท |
คุณจึงมองดูอยู่จริงๆ | |
33:40  | แล้วอะไรจะเกิดขึ้น |
33:57  | ปัญหาที่แตกต่างที่เกิดขึ้นคือ |
34:02  | คุณมองดูในฐานะเป็นคนนอก |
34:09  | หรือคุณอยู่ในนั้น |
ไม่ใช่อยู่ข้างนอกแล้วมองเข้ามา | |
34:16  | นั่นคือ คุณกำลังมองดู |
34:24  | ประหนึ่งคุณแตกต่างจากสิ่งที่คุณเห็นหรือ |
34:30  | เข้าใจไหม |
34:34  | เรื่องนี้ไม่ยุ่งยาก ไม่ใช่หรือ |
34:42  | ผมจะเริ่มสืบค้นในมุมมองที่แตกต่างออกไป |
34:47  | คือ เมื่อคุณอิจฉา ละโมบ โกรธ หรือรุนแรง |
34:55  | คุณแตกต่างจากความรุนแรง |
ความโลภ ความอิจฉา ความโกรธนั้นหรือ | |
35:05  | คุณแตกต่างจากมันไหม |
35:07  | หรือคุณคือความโกรธ |
ความโลภ ความรุนแรงนั้น | |
35:27  | คุณสังเกตตัวคุณเองในกระจก ได้ไหม |
35:32  | ไม่ใช่ในฐานะผู้สังเกต |
แต่มีเพียงสิ่งที่ถูกสังเกตเท่านั้น | |
35:39  | ซึ่งปราศจากผู้สังเกต |
35:46  | เรื่องนี้ค่อนข้างยากหรือเปล่า |
35:55  | หรือนี่เป็นเรื่องหมวกใบเก่า |
ที่คุณได้ยินได้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วน | |
36:02  | คุณจึงพูดว่า “ก็ขอให้พูดต่อไป” |
36:07  | เรื่องนี้สำคัญมากที่ต้องเข้าใจ |
36:09  | เพราะตราบใดที่ยังมีการแบ่งแยก |
36:16  | ระหว่างผู้สังเกตและสิ่งที่ถูกสังเกต |
36:22  | ย่อมต้องมีความขัดแย้ง |
ต้องมีความพยายาม | |
36:29  | ต้องมีความรู้สึกที่จะเอาชนะอยู่เหนือมัน |
36:32  | หรือไม่ก็กดข่มหรือหลีกเลี่ยงมัน |
36:37  | ดังนั้น เพื่อขจัดความพยายามทั้งหลาย |
โดยสิ้นเชิง | |
36:46  | ต้องไม่มีการแบ่งแยก ใช่ไหม |
36:50  | ถ้าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างยิวกับอาหรับ |
เรื่องมันก็จบ | |
36:59  | หรือระหว่างไอร์แลนด์เหนือและไอร์แลนด์ใต้ |
ทุกอย่างก็ยุติ | |
37:05  | แต่ในตัวเราเอง มีการแบ่งแยกนี้อยู่ |
37:09  | แบ่งแยกเป็นผู้สังเกตและสิ่งที่ถูกสังเกต |
แบ่งแยกเป็นสองขั้ว | |
37:17  | คุณเข้าใจไหม |
37:20  | และเราก็ถูกอิทธิพลกำหนดโดยการศึกษา |
โดยวัฒนธรรม | |
37:27  | และอื่นๆ อีกมากมาย |
37:28  | โดยศาสนา หรือสิ่งที่เรียกกันว่าศาสนา |
37:32  | อิทธิพลกำหนดให้คงการแบ่งแยกนี้ไว้ |
ให้แสวงหาพระเจ้า | |
37:42  | คุณไม่ได้เป็นอะไรเลย |
คุณเข้าใจไหม | |
37:44  | การแบ่งแยกทั้งหมดนี้ เป็นหนทาง |
ที่ไม่เคยบรรจบกันของคู่ตรงข้าม | |
37:50  | เมื่อมีวิถีของคู่ตรงข้าม |
37:53  | ก็ย่อมมีความขัดแย้ง ความพยายาม การฝึกฝน |
38:02  | ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างแท้จริง |
ที่ต้องเข้าใจ | |
38:10  | ว่ามีแต่เพียงการสังเกต |
38:15  | ไม่ได้มีผู้สังเกต |
ที่พยายามควบคุมการสังเกต | |
38:19  | ควบคุมสิ่งที่ถูกสังเกต |
38:21  | ชัดเจนไหม คุณทำได้ไหม |
38:27  | คุณอาจเคยได้ยินเรื่องที่พูดนี้ |
38:28  | คุณอาจพูดว่า |
“ฉันมองเห็นจุดสำคัญของมัน | |
38:36  | ฉันเข้าใจ |
ฉันคิดว่า สิ่งที่คุณพูดนั้นจริง” | |
38:37  | แต่มันหลบเลี่ยง หลบหนีคุณไป |
38:43  | ทว่ามันเป็นความเข้าใจของคุณ |
คุณต้องค้นหา | |
38:49  | ซึ่งหมายถึง ในเมื่อไม่มีการแบ่งแยก |
ระหว่างคุณกับความโกรธ | |
38:56  | คุณก็คือความโกรธ ใช่ไหม |
38:59  | ในขณะที่คุณโกรธนั้น ไม่มีผู้สังเกต |
39:04  | ขณะนั้น คุณคือความโกรธ |
39:06  | ต่อจากนั้น คุณพูดว่า “ฉันโกรธ” |
39:12  | แล้วก็พูดว่า “ฉันไม่ควรโกรธ” |
39:15  | หรือคุณให้เหตุผล |
ให้คำอธิบายถึงการที่คุณโกรธ | |
39:19  | หรือคุณกดข่มความโกรธ |
39:23  | ในชั่วขณะของความโกรธ ความโลภ |
ความรุนแรง ขณะนั้นไม่มีการแบ่งแยก | |
39:32  | นี่คือความเป็นจริง |
39:36  | ในทำนองเดียวกัน มีผู้สังเกตหรือ |
39:50  | ขอให้มอบความสนใจ ความตั้งใจ |
39:54  | ความรัก ความใส่ใจของคุณ |
ในการทำความเข้าใจเรื่องนี้ | |
39:58  | เพราะเราจะขจัดความขัดแย้งได้สมบูรณ์สิ้นเชิง |
40:03  | หากคุณเข้าใจเรื่องนี้ |
40:06  | เราจะมีชีวิตอยู่ |
โดยไม่มีแม้แต่เงาของความขัดแย้ง | |
40:14  | ไม่เพียงภายในตัวคุณเท่านั้น |
แต่ภายนอกด้วย | |
40:20  | เรื่องนี้สำคัญอย่างใหญ่หลวงที่ต้องเข้าใจ |
40:27  | ดังที่เราพูดแล้ว |
ลักษณะการสังเกตของคุณในกระจก | |
40:40  | จริงๆ แล้วไม่มีกระจก |
แต่คุณกำลังดูตัวคุณเอง | |
40:44  | เราประดิษฐ์กระจกขึ้นมาชั่วครู่ |
40:52  | ใครหรือที่เป็นผู้สังเกต |
40:58  | คุณเข้าใจไหม |
41:00  | เมื่อคุณพูดว่า “ฉันสังเกตต้นไม้ ลำธาร” |
41:08  | “ฉันสังเกตเธอ และฉันสังเกตตัวฉันเอง” |
ใครที่เป็นผู้สังเกต | |
41:18  | สำคัญมากจริงๆ |
ที่ต้องเข้าใจตรงนี้ | |
41:20  | ก่อนที่เราจะเริ่มเข้าใจสิ่งที่ถูกสังเกต |
41:24  | เราเข้าใจไปด้วยกันไหม |
41:33  | เราสื่อถึงกันไหม |
41:37  | คุณหลับกันหมดแล้วหรือ |
ช่วยบอกหน่อยว่า “สื่อถึงกัน” หรือ “ไม่ถึง” | |
41:53  | ใครที่เป็นผู้สังเกต |
42:03  | เมื่อคุณพูดว่า “ฉันโกรธ” |
42:09  | หรือ “ฉันก้าวร้าวรุนแรง” |
42:13  | ใครคือผู้ที่พูดว่า “ฉันเป็นนั่นเป็นนี่” |
42:20  | ใครคนนั้นคือผู้สังเกต ไม่ใช่หรือ |
42:23  | คือคนที่พูดว่า “ใช่แล้ว ฉันโกรธ” |
42:29  | ผู้สังเกตคืออดีต |
ที่พูดว่า “ฉันโกรธ” ไม่ใช่หรือ | |
42:39  | ไม่เพียงในทันทีที่เขาพูด |
42:40  | ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาสังเกต |
42:46  | การสังเกตทั้งหมดเป็นการเคลื่อนไหวของอดีต |
42:54  | ฉันสังเกตคนฝรั่งเศสคนหนึ่ง |
42:57  | เพราะมีคนบอกฉันว่า |
เขาเป็นคนฝรั่งเศส | |
43:00  | การสังเกตจึงมีเงื่อนไข มีอดีต |
มีความรู้กำหนดอยู่ | |
43:04  | กระบวนการทั้งหมดในการสังเกต |
จึงเกิดจากอดีต | |
43:13  | ใช่ไหม |
43:14  | ดังนั้น โดยแก่นแท้แล้ว |
ผู้สังเกตก็คืออดีต | |
43:23  | ถูกไหม |
43:25  | อย่ายอมรับสิ่งที่ผมพูด |
43:29  | จงมองดูในกระจกที่ไม่มีผู้พูด |
มันเป็นความจริง | |
43:35  | เพราะคุณกำลังตั้งคำถาม อย่างจริงจัง |
43:39  | คุณถามคำถามนี้อย่างกระวนกระวาย |
มุ่งมั่นแรงกล้า | |
43:46  | ผมหวังว่าคุณทำเช่นนั้น |
43:54  | ผู้สังเกตคืออดีต |
43:58  | คือความทรงจำในอดีต |
ประสบการณ์ในอดีต ความรู้ในอดีต | |
44:05  | ด้วยอดีตเหล่านั้น |
เขาสังเกตตนเองในกระจก | |
44:11  | ถูกต้องไหม |
44:14  | คุณก่อให้เกิดการแบ่งแยกขึ้น |
ระหว่างสิ่งที่คุณเห็นขณะนี้ | |
44:21  | กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว |
44:25  | ดังนั้น จึงเกิดการแบ่งแยกระหว่างผู้สังเกต |
และสิ่งที่ถูกสังเกต | |
44:30  | คุณเข้าใจตรงนี้ไหม |
44:34  | ความขัดแย้งจึงเริ่มขึ้น |
44:42  | ในการหมกมุ่นวุ่นอยู่กับตัวคุณเอง |
44:47  | คุณไม่มีความขัดแย้งกับคนอื่นหรอกหรือ |
44:51  | ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณ |
จะใกล้ชิดสนิทกันเพียงใดก็ตาม | |
44:59  | ดังนั้น เพื่อขจัดความขัดแย้งโดยสิ้นเชิง |
45:06  | อย่างถาวรและยั่งยืน |
45:09  | คุณต้องเข้าใจ ธรรมชาติของผู้สังเกต |
45:15  | ใช่ไหม |
45:16  | เมื่อคุณสังเกต ถามค้น และเรียนรู้ |
45:24  | จะเห็นว่า ผู้สังเกตคืออดีต |
อดีตจึงแบ่งแยกเสมอ | |
45:32  | ใช่ไหม |
45:36  | ผมเป็นคนยิว ส่วนคุณเป็นคนอาหรับ |
45:38  | ความเป็นยิวคือจารีต |
คือการชวนเชื่อ เป็นความเชื่อ | |
45:46  | เป็นรูปแบบที่แน่นอนของชีวิต |
และอื่นๆ อีกมากมาย | |
45:49  | คนอาหรับก็มีรูปแบบชีวิตของเขาเอง ใช่ไหม |
45:54  | ที่ใดก็ตามที่มีการแบ่งแยก |
ที่นั่นย่อมมีความขัดแย้ง | |
46:01  | ไม่เพียงภายนอก แต่ภายในด้วย |
46:05  | เรื่องนี้ชัดเจน ใช่ไหม |
46:09  | นั่นคือ หากคุณจริงจัง |
46:12  | หากคุณต้องการมีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ |
ปราศจากความย้อนแย้ง ปราศจากความพยายาม | |
46:22  | มีชีวิตอยู่อย่างสันติ |
46:29  | มีชีวิตอยู่ในความรัก และความเมตตาการุญ |
46:32  | หากจะมีชีวิตเช่นนั้น |
คุณต้องขจัดการแบ่งแยก | |
46:34  | |
46:39  | ทั้งภายในตนเอง |
และภายนอกให้สิ้นเชิง เข้าใจไหม | |
46:44  | นี่ไม่ใช่แนวคิด หรือหลักการทางปัญญานึกคิด |
แต่คือความเป็นจริง | |
46:53  | ดังนั้น คุณจะมองดูตัวคุณเองในกระจก |
โดยไม่มีผู้สังเกต ได้ไหม | |
47:04  | นี่คือปัญหาที่แท้จริง |
47:13  | เมื่อการผนึกตนยุติ การแบ่งแยกก็ยุติด้วย |
47:20  | คุณเข้าใจไหม |
47:21  | ที่ใดไม่มีการผนึกตน ย่อมไม่มีการแบ่งแยก |
47:33  | คุณสามารถสังเกตความโกรธของคุณ |
ความรุนแรงของคุณ | |
47:41  | ความเจ็บปวดของคุณ และอื่นๆ |
47:46  | โดยไม่นำเอาความทรงจำในอดีต |
47:50  | ความรู้ในอดีต |
การต่อสู้ดิ้นรนในอดีตเข้ามา ได้ไหม | |
47:58  | แค่สังเกตโดยปราศจากผู้สังเกต |
48:06  | แล้วอะไรจะเกิดขึ้น |
48:10  | ผมไม่ได้ถามคำถามนี้ คุณกำลังถามตัวคุณเอง |
48:20  | แล้วอะไรที่เกิดขึ้น |
เมื่อคุณมองดูความเป็นจริง | |
48:31  | ไม่ใช่มองด้วยความทรงจำ |
ที่เกี่ยวกับความเป็นจริงนั้น | |
48:35  | แล้วเกิดอะไรขึ้น |
48:39  | มันเป็นไปได้ไหม |
48:43  | คุณทำได้ไหม |
48:47  | หากคุณทำไม่ได้ เราก็ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ |
48:55  | เพราะนี่คือประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่ง |
49:05  | มนุษย์มีชีวิตมาหลายล้านปีแล้ว |
49:12  | ต่อสู้กับตนเองมาอย่างยืดเยื้อ ไม่สิ้นสุด |
49:16  | ต่อสู้กับความชั่วร้ายและพระเจ้า |
กับตัวตนฝ่ายต่ำและฝ่ายสูงกว่า | |
49:24  | คุณเข้าใจไหม การต่อสู้นี้ ความขัดแย้งนี้ |
49:27  | คุณเห็นได้จากรูปภาพ ภาพวาดโบราณทั้งหลาย |
49:33  | การแบ่งแยกระหว่างสิ่งที่เป็นความดีงาม |
และความชั่วร้าย | |
49:39  | มีการต่อสู้มาโดยตลอด |
49:50  | แล้วทำไมเราต้องใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ |
49:58  | เราจะถามค้น และหาคำตอบ |
50:01  | ว่าเป็นไปได้ไหม |
ที่จะมีชีวิตแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง | |
50:08  | ถ้าหากคุณจริงจัง |
50:16  | คุณเห็นความจริงไหม |
ไม่ใช่แนวคิด แต่เป็นความจริงแท้ | |
50:25  | ความเป็นจริง สภาพที่เป็นจริง |
ว่าผู้สังเกตคืออดีต | |
50:32  | คือความทรงจำ |
และความรู้ที่สั่งสมไว้ | |
50:36  | อดีตจึงไม่มีวันรับรู้ปัจจุบัน |
50:44  | การที่จะรับรู้ปัจจุบัน |
อดีตต้องไม่ปรากฏ นั่นชัดเจน | |
50:51  | ไม่มีความพยายามเข้ามาเกี่ยวข้อง |
50:59  | ในการปลดเปลื้องหรือละทิ้งผู้สังเกต |
51:02  | เพราะคุณเห็นว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น |
คุณเข้าใจไหม | |
51:16  | หรือพูดอีกนัยหนึ่ง |
51:22  | ความรักเป็นความทรงจำหรือ |
51:32  | คุณจะตอบว่าอย่างไร |
51:35  | ความรักเป็นสิ่งที่คุณจดจำไว้ |
51:38  | แล้วคุณก็พูดว่า “ฉันรักคุณ” อย่างนั้นหรือ |
51:50  | หากมันคือความทรงจำ คือสิ่งที่เป็นอดีต |
51:57  | มันก็เป็นเพียงความสุขเพลิดเพลิน |
52:02  | และความสุขเพลิดเพลินนั้น |
ก็พูดว่า “ฉันรักคุณ” | |
52:06  | เพราะมันต้องการความสุขเพลิดเพลินนั้นอีก |
52:10  | นั่นคือความรักหรือ |
52:19  | ผู้พูดไม่ได้อยู่ที่นี่ |
คุณถามคำถามนี้ต่อตัวคุณเอง | |
52:23  | คุณต้องตอบคำถามเอง |
52:25  | คุณนั่งอยู่ตรงนั้น |
แล้วเอาแต่คิดไตร่ตรองไม่ได้ | |
52:28  | คุณต้องตอบคำถาม |
52:41  | คุณสังเกตการหมกมุ่นกับตนเอง |
ที่แปลกประหลาดและยืนยงนี้ได้ไหม | |
52:52  | สังเกตมันโดยไม่มีผู้สังเกต |
คุณเข้าใจหรือเปล่า | |
52:58  | แล้วยังมีการหมกมุ่นอยู่กับตัวเองอีกไหม |
53:02  | ผมสงสัยว่า คุณเข้าใจหรือเปล่า |
53:10  | การหมกมุ่นกับตัวคุณเอง |
เป็นการเคลื่อนไหวของอดีต | |
53:20  | “ฉันเคยเป็นอย่างนั้น |
ฉันต้องแตกต่างจากที่ฉันเคยเป็น | |
53:24  | ฉันเป็นคนล้มเหลว |
ฉันต้องประสบความสำเร็จ | |
53:29  | ฉันหดหู่ซึมเศร้า ฉันต้องมีความสุข |
53:33  | ฉันไม่ใช่คนดี แต่ฉันจะเป็นคนดี |
53:40  | ฉันไม่เคยมีคุณธรรม แต่ฉันจะมีคุณธรรม |
53:46  | ฉันจะเข้าใจ” คุณตามทันไหม |
53:49  | ทั้งหมดนี้คือกระแสของการผนึกตน |
และการหมกมุ่นกับตนเอง | |
53:55  | ที่เกิดจากอดีต |
54:01  | เพราะถ้าคุณไม่ผนึกตนเอง |
กับอะไรบางอย่าง | |
54:06  | กับมนุษย์ กับแนวคิด กับประเทศ |
54:09  | กับครอบครัว กับอะไรบางอย่าง |
กับก้อนหินสักก้อน | |
54:13  | แล้วคุณจะเป็นอะไร |
54:20  | ความกลัวที่จะไม่เป็นอะไรเลย |
ทำให้คุณผนึกตน | |
54:30  | ทำให้คุณหมกมุ่น |
54:36  | เข้าใจไหม |
54:38  | เผชิญกับมัน นั่นคือสภาพที่เป็นจริง |
ไม่ใช่โครงสร้างทางความคิด | |
54:50  | หากคุณไม่ผนึกตนกับประเทศชาติของคุณ |
54:53  | กับร่างกายของคุณ พระเจ้าของคุณ |
ความรู้ของคุณ | |
54:57  | กับภรรยาหรือแฟนสาว หรือแฟนหนุ่มของคุณ |
55:02  | คุณก็ว่างเปล่า ไม่ใช่หรือ |
55:09  | จริงไหม |
55:12  | ถ้าคุณว่างเปล่า |
ในความว่างนั้นมีพลังงานมหาศาล | |
55:21  | แต่เรากลัวความว่างเปล่านี้อย่างยิ่ง |
55:26  | ความว่างที่ไม่มีอะไรเลยในตัวเราเอง |
55:32  | และเพื่อหลีกเลี่ยงความว่างเปล่านั้น |
เราจึงหมกมุ่นอยู่กับพระเจ้า | |
55:40  | วุ่นวายกับสังคม กับความดีของเรา |
คุณตามทันไหม | |
55:48  | คำถามคือ คุณกำลังฟังกระจกอยู่ไหม |
55:59  | กระจกซึ่งบอกคุณว่า ไม่มีผู้สังเกต |
56:10  | ผู้สังเกตนั้นคืออดีต |
และเราส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ในอดีต | |
56:20  | “ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันช่างน่ารักเหลือเกิน |
56:27  | ตอนเป็นเด็ก ฉันเดินได้เร็วมาก |
56:31  | ฉันมีช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกิน |
ฉันกินมาก สนุกสนานมาก” | |
56:38  | คุณเห็นไหม อดีตกลับมามีชีวิต |
มีชีวิตอยู่ในอดีต | |
56:47  | นั่นแหละคือผู้สังเกต |
56:49  | ผู้สังเกตนั่นเองที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยก |
56:58  | แล้วความขัดแย้งทั้งหมดก็เริ่มขึ้น |
57:02  | คุณเห็นความเป็นจริง หรือยัง |
57:06  | ไม่ใช่เห็นถ้อยคำเกี่ยวกับมัน |
ไม่ใช่ความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น | |
57:09  | แต่เห็นความเป็นจริงของมัน |
57:15  | ถ้าคุณไม่เห็น ทำไมคุณจึงยังไม่เห็น |
57:22  | เป็นเพราะคุณไม่มีความสามารถที่จะคิด |
ที่จะสังเกต ที่จะมองดู ใช่ไหม | |
57:31  | หรือเป็นเพราะสมองของคุณแก่เกินไป |
จึงทำไม่ได้ | |
57:35  | หรือเป็นเพราะคุณไม่สนใจใยดี |
57:47  | คุณมองไม่เห็นความจริงนี้ จริงๆ หรือ |
57:57  | ว่าผู้สังเกตก่อให้เกิดการแบ่งแยก |
ซึ่งก็คืออดีต | |
58:03  | แบ่งแยกยิวและอาหรับ ฮินดูและมุสลิม |
58:06  | แคทอลิคและโปรเตสแตนท์ คุณเข้าใจไหม |
58:08  | อดีตก่อให้เกิดการแบ่งแยก |
และความขัดแย้งนี้ | |
58:15  | ทั้งภายในและภายนอก |
58:22  | คุณเห็นอันตรายที่จะเกิดกับมนุษยชาติไหม |
58:26  | กับคุณ ลูกๆของคุณ และคนอื่นๆ |
58:39  | ฉะนั้น เมื่อไม่มีผู้สังเกต |
ย่อมมีแต่การสังเกตเท่านั้น | |
58:49  | การสังเกตประสาทสัมผัสทั้งหลาย |
58:55  | โดยไม่มีการผนึกตน |
กับประสาทสัมผัสเหล่านั้น | |
58:59  | คุณเข้าใจไหม |
59:01  | คุณสามารถสังเกตโดยไม่มีการผนึกตน |
กับประสาทสัมผัส ได้ไหม | |
59:08  | คุณสามารถสังเกตการเคลื่อนไหว |
การทำงานของประสาทสัมผัส ได้ไหม | |
59:24  | ไม่ว่ามันจะเป็นสัมผัสทางกามารมณ์ |
รสชาติ กลิ่น และอื่นๆ | |
59:31  | การทำงานของประสาทสัมผัส |
59:34  | คำถามที่เกิดจากการสังเกตนี้คือ |
59:38  | มีการสังเกตถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมด |
ของประสาทสัมผัสไหม | |
59:45  | ไม่ใช่ประสาทสัมผัสส่วนใดโดยเฉพาะ |
คุณตามทันไหม | |
59:57  | เมื่อมีการสังเกตการเคลื่อนไหวทั้งหมด |
ของประสาทสัมผัส | |
1:00:05  | จะไม่มีศูนย์กลาง |
ที่ผนึกตัวมันเองกับประสาทสัมผัส | |
1:00:14  | ผมกำลังพูดกับตัวเองอยู่หรือเปล่า |
1:00:21  | ถ้าผมพูดอยู่กับตัวเอง ผมจะกลับห้องของผม |
1:00:27  | แต่ผมไม่ได้พูดกับตัวเอง |
คุณกำลังพูดกับตัวคุณเอง | |
1:00:32  | เพราะไม่มีผู้พูด |
1:00:40  | เรื่องนี้ไม่ต้องการวินัย |
ไม่ต้องการการฝึกฝน | |
1:00:47  | ใช่ไหม |
1:00:48  | เมื่อคุณฝึกฝน การแบ่งแยกย่อมเกิดขึ้นอีก |
1:00:52  | ถูกต้องไหม |
1:00:58  | แต่การมองให้เห็นความเป็นจริง |
เห็นความจริงในทันที เป็นการเห็นแจ้ง | |
1:01:07  | เมื่อเช้านี้ |
เราเริ่มพูดเกี่ยวกับการเห็นแจ้ง | |
1:01:14  | มีการเห็นแจ้งในการเคลื่อนไหวทั้งหมด |
ของการผนึกตน | |
1:01:26  | ตอนนี้กี่โมงแล้ว |
1:01:30  | Q: ผู้ฟัง: 11.30 น. |
1:01:38  | K: เมื่อเช้านี้ |
ไม่มีการประกาศแจ้งเรื่องต่างๆ | |
1:01:43  | แต่ครั้งที่แล้วมีการประกาศ |
ผมจึงใช้เวลาต่ออีก 5 นาที | |
1:01:45  | |
1:01:47  | ขณะนี้ 11.30 น. แล้ว |
แต่ผมขอพูดต่ออีกเล็กน้อย | |
1:02:06  | ผมพูดถึงไหนแล้ว |
1:02:12  | Q: ผู้ถาม: การที่จะสังเกตการเคลื่อนไหวทั้งหมด |
ของประสาทสัมผัส | |
1:02:16  | K: กฤษณมูรติ: ใช่ สังเกต |
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของประสาทสัมผัส | |
1:02:21  | โดยปราศจากการผนึกตน |
1:02:24  | ซึ่งหมายถึง เป็นไปได้ไหมที่จะสังเกต |
โดยปราศจากการบังคับตัวคุณเอง | |
1:02:34  | ปราศจากการใช้วินัยฝึกตัวคุณ |
ให้ดู ให้ปฏิบัติ | |
1:02:40  | เพราะเมื่อคุณทำอย่างนั้น |
ก็อีกนั่นแหละ | |
1:02:42  | คุณทำให้เกิดความพยายาม |
ที่เป็นการต่อสู้ของขั้วตรงข้าม | |
1:02:52  | คุณไม่เชื่อมโยงได้ไหม |
1:02:56  | จิตจะไม่เชื่อมโยงกับจารีตของมัน ได้ไหม |
1:03:00  | ไม่เชื่อมโยงกับอิทธิพลที่กำหนดให้ผนึกตน |
1:03:05  | ที่ก่อให้เกิดคู่ตรงข้ามได้ไหม |
คุณเข้าใจไหม | |
1:03:11  | ลงมือทำเลย |
1:03:16  | คุณไม่เชื่อมโยง และไม่ผนึกตน |
เป็นหนึ่งเดียวกับแฟนสาว ได้ไหม | |
1:03:35  | คุณเป็นอิสระจากความผูกพัน |
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคือการผนึกตน ได้ไหม | |
1:03:46  | การยึดพันอยู่กับประเทศของคุณ |
กับพวกพ้องของคุณ | |
1:03:49  | กับครอบครัวของคุณ ลูกๆ ของคุณ |
คุณเข้าใจนะ | |
1:03:53  | การผูกพัน การยึดเกาะเอาไว้ |
1:03:57  | ยึดชื่อของคุณ แนวคิดของคุณ |
ข้อสรุปของคุณ | |
1:04:10  | การไม่ผนึกตนกับคนอื่นนั้น |
1:04:17  | มันจบลงในการปลีกตัวโดดเดี่ยวหรือ |
มันทำให้ความจริงของความรักจบลงหรือ | |
1:04:25  | คุณเข้าใจคำถามของผมหรือเปล่า |
1:04:30  | เรารู้ไหมว่า ความรักคืออะไร |
1:04:33  | ไม่ใช่รู้ด้วยปัญญานึกคิด หรือรู้ทางถ้อยคำ |
1:04:37  | มีหนังสือมากมาย |
ที่เขียนเกี่ยวกับความรักว่าคืออะไร | |
1:04:46  | ด้วยการมองในกระจก |
เราถามคำถามพื้นฐานเหล่านี้ได้ไหม | |
1:04:57  | เมื่อไม่มีการผนึกตน |
หรือไม่มีการผูกพันกับผู้อื่น | |
1:05:07  | มันหมายถึง การหมดสิ้นความอาทรหรือ |
1:05:12  | หมดสิ้นความอ่อนโยน |
จบสิ้นความรักหรือ | |
1:05:18  | เพราะขณะนี้ที่เรายังผูกพันกันอยู่ |
เราพูดว่า “ฉันรักคุณ” | |
1:05:29  | คุณต้องมองดูมัน |
ต้องตอบคำถาม | |
1:05:39  | สำหรับวันนี้คงพอแล้ว |