Krishnamurti Subtitles

SA78T3 - ความจำกัดของความคิด

การพูดต่อสาธารณชน ครั้งที่ 3
เมืองซาเน็น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
13 กรกฏาคม 1



0:07  ความจำกัดของความคิด
 
0:21  ผมดีใจที่วันนี้อากาศดี
 
0:25  เราน่าจะเข้าไปในป่ากัน
 
0:45  เมื่อสองครั้งที่แล้วที่เราพบกันที่นี่
เราพูดคุยกันไม่ใช่หรือ
  
0:57  ว่าการผนึกตน กับร่างกายของเรา
 
1:04  กับประสบการณ์ กับบ้านเรือน
กับครอบครัวของเรา
  
1:09  กับประเทศชาติ กับแนวคิด
หรือความเชื่อบางอย่าง
  
1:15  การผนึกตนเป็นการเน้นย้ำความเป็นตัวตน
“ตัวฉัน” ความเป็นฉัน
  
1:27  การทำเช่นนั้น บ่มเพาะแนวคิดขึ้น
 
1:38  ผมใช้คำว่า “แนวคิด” ตามความหมายของคำ
 
1:43  บ่มเพาะแนวคิดที่ว่า
มีความเป็นบุคคลที่เป็นเอกเทศ
  
1:49  ที่ว่า มนุษย์เป็นบุคคลที่แยกแตกต่าง
 
1:55  แยกออกจากคนอื่นๆ
 
2:00  การเน้นความเป็นบุคคลนี้
ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นอันตราย
  
2:09  มันทำลายครอบครัว
 
2:15  ผมไม่ทราบว่า คุณตระหนักถึงเรื่องนี้ไหม
 
2:18  แนวคิดนี้ก่อให้เกิดความสำเร็จ
และเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม
  
2:33  เกิดความรู้สึกบากบั่นพยายามอันสูงสุด
 
2:39  ในมนุษย์เพียงบางคนเท่านั้น
 
2:44  ในบุคคล บุคคลที่เป็นผู้บุกเบิก
 
2:49  ตรงข้ามกับแนวคิดนี้
มีอุดมการณ์ของระบบเผด็จการ
  
2:57  ดังนั้น เรามีสองขั้วตรงกันข้ามนี้
 
3:05  ขั้วหนึ่งคือ สิ่งที่เรียกกันว่าอิสรภาพ
 
3:11  ส่วนอีกขั้วหนึ่ง ไม่มีอิสรภาพเลย
ยกเว้นเพียงบางคนเท่านั้น
  
3:26  หากเราสังเกตดูทั่วโลก
 
3:31  ความยอดเยี่ยมของบุคคล
 
3:36  ได้ก่อให้เกิดผลบางอย่างที่เป็นประโยชน์
 
3:43  ไม่เพียงในโลกเทคโนโลยีเท่านั้น
แต่ในโลกของศิลปะด้วย
  
4:01  แม้บุคคลจะคิดว่าเขาเป็นอิสระ
 
4:10  จริงๆ แล้วเขาเป็นอิสระหรือ
 
4:16  ส่วนอีกด้านหนึ่ง เป็นระบบเผด็จการ
 
4:26  ซึ่งไม่มีอิสรภาพใดๆ เลย
ยกเว้นเพียงไม่กี่คน
  
4:37  แล้วอะไรคือความจริงในเรื่องนี้
 
4:47  เห็นได้ชัดว่าต้องมีอิสรภาพ
 
4:54  คำว่า “อิสรภาพ” เราหมายถึงอะไร
 
5:01  ขอให้เราชัดเจนอีกเช่นกัน
 
5:06  ว่าเราถามคำถามนี้ต่อตัวเราเอง
 
5:16  คุณถาม ไม่ใช่ผู้พูดถาม
 
5:24  เราพูดแล้วว่า ที่นี่ไม่มีผู้พูด
 
5:30  คุณและผมเป็นผู้พูด
 
5:36  คุณและผม บุคคลผู้นี้กำลังพูด
 
5:43  กำลังสืบค้นเข้าสู่คำถามนี้ร่วมกัน
 
5:49  ด้านหนึ่งเราให้ความสำคัญอย่างมหาศาลกับบุคคล
 
5:56  กับการผนึกตนเข้ากับประเทศชาติ บ้าน ครอบครัว
 
6:03  ผนึกกับทุนนิยมและสังคมนิยม หรืออะไรก็ตาม
 
6:06  ส่วนอีกด้านหนึ่ง
ผนึกตนเข้ากับสังคมในอุดมการณ์
  
6:15  สังคมกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
โดยการปกครองของคนไม่กี่คน
  
6:24  ในการสืบค้นเรื่องนี้
ก่อนอื่นเราต้องถามว่า
  
6:31  มนุษย์เรากำลังพยายามทำอะไร
 
6:39  อะไรหรือที่มนุษย์เรา
ไม่ใช่ชายหรือหญิง หรือคนนั้นคนนี้
  
6:46  แต่เราในฐานะมนุษย์ ผู้ปราศจากป้ายยี่ห้อ
 
6:49  ปราศจากสัญชาติ ปราศจากสิ่งไร้ค่าทั้งหมด
 
6:53  สิ่งที่เราถูกบังคับให้กล้ำกลืนโดยผู้อื่น
 
6:58  เช่นเดียวกับที่เราบังคับยัดเยียดให้ผู้อื่น
 
7:05  มนุษย์เราพยายามทำอะไรกันอยู่ในโลกนี้
 
7:18  อะไรหรือที่เราแสวงหา ที่เราเสาะหา
 
7:23  อะไรหรือที่เราโหยหา
 
7:28  คำถามหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ
อิสรภาพคืออะไร
  
7:39  เราคิดว่า เราเป็นอิสระ
เพราะเราสามารถเดินทาง
  
7:46  ไปอเมริกา หรือไปที่อื่นๆ
ได้ตามที่ต้องการ
  
7:48  ถ้าคุณมีเงิน และคุณชอบเดินทาง
 
7:52  อีกด้านหนึ่ง คุณไม่สามารถเดินทางได้
 
7:56  คุณไม่สามารถออกนอกพรมแดนซึ่งถูกควบคุมไว้
 
8:02  แล้วอิสรภาพคืออะไร
 
8:07  บางที เราส่วนใหญ่
 
8:11  อย่างน้อยผู้ที่จริงจัง
ผู้ที่ไตร่ตรอง ผู้ที่ตระหนัก
  
8:21  ต้องถามคำถามนี้ว่า อิสรภาพคืออะไร
 
8:31  อิสรภาพคือ การทำสิ่งที่คุณชอบ
ในฐานะบุคคลคนหนึ่งหรือ
  
8:45  อิสรภาพคือ การทำกิจกรรมได้ตามอำเภอใจหรือ
 
8:52  นั่นหมายถึง แต่ละคน
ต้องการทำในสิ่งที่เขาต้องการ
  
9:02  หากเขาต้องการเชื่อในพระเจ้า
เขาก็เชื่อในพระเจ้า
  
9:09  หากเขาต้องการเสพยา เสพกาม
หรืออะไรพวกนั้น เขาก็ทำได้ตามใจ
  
9:14  หากเขามีเงินและความชอบ และอื่นๆ
 
9:18  ที่จะทำไปตามนั้น
 
9:21  เราถือว่าการทำเช่นนี้ คืออิสรภาพ
 
9:27  อิสระที่จะทำสิ่งที่เราชอบ
สิ่งที่เราต้องการ
  
9:35  สิ่งที่เราต้องการเติมเต็ม
 
9:41  หรือพยายามค้นหาเอกลักษณ์ผ่านอิสรภาพ
 
9:49  เรื่องทั้งหมดนี้คุณก็รู้ดี
 
9:52  นี่คืออิสรภาพหรือ
 
9:57  หรืออิสรภาพเป็นสิ่งที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง
 
10:09  เราคิดว่าอิสรภาพคือ
การเป็นอิสระจากบางสิ่งบางอย่าง
  
10:21  อิสระจากความยากจน
 
10:27  จากคนที่คุณแต่งงานด้วย
คนที่คุณไม่ต้องการอีกแล้ว
  
10:28  คุณจึงมีอิสระที่จะหย่าร้าง
 
10:37  อิสระที่จะเลือกว่าจะทำอะไรในโลกธุรกิจ
 
10:47  หรือในโลกทางจิตใจ
 
10:50  อิสระที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการจะเชื่อ
 
10:53  เป็นต้น
 
10:57  เราคิดว่าเราเป็นอิสระ
 
11:01  ที่จะเลือกเป็นคาทอลิก หรือโปรเตสแตนท์
 
11:07  หรือไม่เชื่ออะไรเลย
 
11:11  เรื่องทั้งหมดนี้ คุณก็รู้ดี
 
11:14  นั่นคืออิสรภาพหรือ
 
11:22  ขอให้ถามคำถามนี้ต่อตัวคุณเอง ไม่ใช่ผมถาม
 
11:30  คุณกำลังมองดูตัวคุณอยู่หน้ากระจก
 
11:35  กำลังสืบค้นเข้าสู่
โครงสร้างทั้งหมดทางจิตใจของคุณ
  
11:43  และอิทธิพลกำหนดของเราคือ
ทำสิ่งที่เราต้องการจะทำ
  
11:58  เราไม่เคยเลยที่จะถามค้นว่า
อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นเร้าให้เราทำ
  
12:07  ไม่ว่าจะไปทางซ้าย ทางขวา หรือทางใดก็ตาม
 
12:14  ตราบใดที่ยังมีการผนึกตนเข้ากับประเทศชาติ
 
12:21  กับครอบครัว สามี กับหญิงสาว กับความเชื่อ
กับแนวคิดฝังหัว พิธีกรรม จารีต
  
12:23   
 
12:27  แล้วจะมีอิสรภาพหรือ
 
12:32  คุณตามทันไหม
 
12:36  คุณเป็นผู้ถามคำถามนี้
ผมเพียงสาธยายการสืบค้นของคุณ
  
12:46  เราขอย้ำอีกครั้งว่า
ที่นี่เราไม่มีอำนาจเหนือใคร
  
12:55  ผู้พูดไม่มีความรู้สึกว่ามีอำนาจเหนือ
 
13:00  ไม่มีความรู้สึกว่าเหนือกว่า
 
13:08  ไม่มีการยึดเอาตนเป็นหลัก ไม่มีความเชื่อ
 
13:16  แม้ผู้พูดจะค่อนข้างเน้นย้ำ
 
13:20  แต่นั่นไม่ใช่การแสดงออกที่ยืนยัน
รุกราน ก้าวร้าว
  
13:27  มันเป็นธรรมชาติของเขา
 
13:32  เราถามค้นว่า มีหรืออิสรภาพ
ในความหมายที่เป็นทั้งหมด
  
13:41  ไม่ใช่เป็นอิสระจากสิ่งนี้
แล้วเป็นอิสระจากสิ่งนั้น
  
13:46  หรือไม่ใช่เป็นอิสระจากสิ่งหนึ่ง
แล้วไปติดในสิ่งอื่น
  
13:51  เราถามค้นเข้าสู่
ความรู้สึกอิสระที่เป็นทั้งหมด
  
13:57  สภาวะเช่นนั้นมีอยู่หรือ
 
14:01  ตราบเท่าที่จิตใจ ความคิด
ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส อารมณ์
  
14:10  ผนึกตัวมันเข้ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
 
14:17  ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ บุคคล
ความเชื่อ แล้วจะมีอิสรภาพหรือ
  
14:27  ชัดเจนว่าไม่มี
 
14:31  ในทันทีที่คุณผนึกตนเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง
 
14:40  คุณก็ปฏิเสธอิสรภาพ
 
14:45  ใช่ไหม
 
14:53  ถ้าหากผมชอบแนวคิดที่ว่า
 
15:03  มีสภาวะสูงสุด หรืออื่นๆ
 
15:08  และผมผนึกตนเข้ากับสภาวะนั้น
 
15:14  ผมสวดอ้อนวอนบูชาสภาวะนั้น
 
15:21  ผมมีอิสรภาพจริงหรือ
 
15:25  เราค้นพบว่า ไม่มีอิสรภาพ
 
15:31  ตราบใดที่กระบวนการผนึกตนยังดำเนินอยู่
 
15:40  ใช่ไหม
 
15:46  ถ้อยคำเป็นอันตราย
 
16:03  ผมขอแนะนำว่า
 
16:05  อย่าได้แปลความสิ่งที่พูดให้เป็นถ้อยคำของคุณ
 
16:13  เป็นภาษาของคุณ เป็นความเห็นของคุณ
 
16:22  แต่ขอให้ฟังจริงๆ ฟังถ้อยคำที่เราใช้อยู่นี้
 
16:27  เพราะเราจะได้สื่อถึงกันโดยตรง
 
16:33  ผมขอพูดอย่างนี้ว่า
 
16:35  ภาษาซึ่งคือการใช้ถ้อยคำ ความหมายของคำ
 
16:41  มีคำกริยา มีรูปแบบโครงสร้างของภาษา
ภาษาขับเคลื่อนเราส่วนใหญ่
  
16:48  ใช่ไหม
 
16:52  เมื่อคุณบอกว่า
“ผมเป็นชาวฝรั่งเศส”
  
16:54  ถ้อยคำจะมีพลังบังคับเรา
ให้เข้าไปสู่แบบแผนบางอย่าง
  
17:00  ภาษาจึงใช้เรา ใช่ไหม
 
17:08  ผมไม่ทราบว่าคุณเคยสังเกตไหม
 
17:12  เมื่อคุณใช้คำว่า “คอมมิวนิสต์”
“สังคมนิยม” หรือ “ทุนนิยม”
  
17:16  หรือคาทอลิก โปรเตสแตนท์ ฮินดู ยิว ฯลฯ
 
17:20  ถ้อยคำเหล่านี้มีผลต่อเรา
 
17:25  บังคับเราให้คิดในวิถีทางเฉพาะ
 
17:30  ภาษาจึงขับเคลื่อนเรา ใช้เรา
 
17:38  ผมไม่ทราบว่าคุณรู้ตัวถึงเรื่องนี้ไหม
 
17:42  แต่ถ้าเราใช้ภาษา
แล้วภาษาไม่ได้ขับเคลื่อนเรา
  
17:49  เราก็จะใช้ภาษาโดยปราศจากเรื่องราวทางอารมณ์
 
17:58  แล้วจึงเป็นไปได้ ที่จะสื่อถึงกันอย่างแม่นยำ
 
18:05  เราเข้าใจบางสิ่งบางอย่างด้วยกันบ้างไหม
 
18:12  ขอให้เข้าใจเรื่องนี้ เพราะเราจะสืบค้น
 
18:16  ในเรื่องซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจนัก
ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
  
18:19  ในขณะที่เราถามค้นเข้าสู่อิสรภาพ
เราอาจจะค้นพบ
  
18:25  จากการตระหนักรู้
ว่าการรผนึกตนจะทำลายอิสรภาพ
  
18:33  บั่นทอนอิสรภาพ จำกัดอิสรภาพ
 
18:38  หากคุณพอใจในอิสรภาพที่จำกัดนั้น
 
18:46  คุณต้องตระหนักถึงผลที่ตามมาของมันด้วย
 
18:55  ซึ่งคือการแบ่งแยก
คือการขาดความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
  
19:05  มีทั้งความพยายาม สงคราม
ความรุนแรง และอื่นๆ
  
19:14  ในการถามค้นเข้าสู่ตัวเราเอง
 
19:23  เราต้องตระหนักอย่างชัดเจนด้วย
ว่าภาษาไม่ได้ขับเคลื่อนเราอยู่
  
19:33  เมื่อเราใช้คำว่า “คอมมิวนิสต์”
 
19:35  ดูเหมือนเราถอนตัวออกห่างจากมัน
ในทางอารมณ์ความรู้สึก
  
19:41  หรือหากคุณมีแนวโน้มทางสังคม
 
19:44  แบบโลกทุนนิยมอย่างอเมริกา หรืออื่นๆ
 
19:50  เราต้องตระหนักรู้อย่างจริงจัง
 
19:55  หากคุณต้องการสืบค้นในเรื่องทั้งหมดนี้จริงๆ
 
19:59  ซึ่งผมไม่ได้กระตุ้นเร้าให้คุณทำ
 
20:03  ก็ขอให้ตระหนักว่า
ภาษาขับเคลื่อนเราอยู่หรือเปล่า
  
20:09  แล้วจากนั้น เราก็ใช้ถ้อยคำได้ง่ายๆ
ตรงไปตรงมา
  
20:16  ตามความหมายของคำ
โดยปราศจากเนื้อหาทางอารมณ์ความรู้สึก
  
20:22  จากนั้น
คุณและผมก็สื่อถึงกันได้อย่างต่อเนื่อง
  
20:28  คุณทำได้ไหม
 
20:34  ทำตอนนี้เลย ไม่ใช่พรุ่งนี้
 
20:38  แล้วเราก็สามารถเคลื่อนต่อไปด้วยกันได้
 
20:41  ไม่ใช่ไปอย่างช้าๆ แต่ควบตะบึงไปด้วยกัน
 
20:56  ดังนั้น ถ้าอิสรภาพไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นเลย
 
20:59  นั่นหมายถึง อิสรภาพจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ
 
21:03  ไม่มีการผนึกตนกับสิ่งใดทั้งสิ้น
 
21:17  ไม่ว่าจะเป็นศาสนา พระเจ้า
ความเชื่อ หรือรูปเคารพ
  
21:20  คุณตามทันไหม ไม่ผนึกตนกับอะไรทั้งสิ้น
 
21:26  แล้วในฐานะมนุษย์ เราคืออะไร
คุณเข้าใจคำถามไหม
  
21:36  ผมจะสืบค้นในเรื่องนี้
 
21:42  (ร้อนจริงๆ)
 
21:57  ถ้าเราไม่ผูกพันกับอะไรเลยจริงๆ
 
22:01  เราก็ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใด
 
22:11  ภายใต้แรงกดดันใด
 
22:16  แล้วการดำรงอยู่ทั้งหมดจะมีความหมายอะไร
 
22:23  ผมสงสัยว่า คุณตามทันหรือเปล่า
 
22:27  คุณเข้าใจหรือเปล่า
 
22:29  มีใครเข้าใจไหม ว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร
 
22:37  ผมขอโทษด้วย
ถ้าคุณเป็นชาวสเปน อิตาลี หรือฝรั่งเศส
  
22:41  ถ้าหากคุณไม่เข้าใจสิ่งที่พูดในภาษาอังกฤษ
 
22:45  บางที บ่ายวันนี้ หรือพรุ่งนี้
 
22:48  จะมีการแปลเป็นภาษาของคุณ
 
22:52  ขอให้อดทนด้วย
 
23:04  เราใส่ความคิดสารพัดไว้ในจิตใจ
ว่าเราเป็นอย่างไร
  
23:14  ว่าเราประเสริฐ สูงส่ง ต่ำทราม
 
23:18  หรือเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เราเติมใส่ให้ตัวเราเอง
  
23:25  การยอมรับว่าเราเป็นอย่างไรนั้น
 
23:31  เป็นผลจากการทำงานของความคิด
 
23:40  ใช่ไหม
 
23:44  ผมควรจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
 
23:50  หากคุณสังเกตดู ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เราทำ
 
23:58  ที่เราปฏิบัติ จะด้วยอารมณ์หรือไม่ก็ตาม
 
24:05  การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเรา
อยู่บนพื้นฐานของความคิด
  
24:35  ความคิดเป็นสิ่งจำกัด
 
24:43  ผมไม่ทราบว่าคุณยอมรับเรื่องนี้
หรือว่าคุณตระหนักรู้
  
24:50  เพราะเหตุใดความคิดจึงถูกจำกัด
 
24:52  เราคิดว่า ความคิดสามารถทำได้ทุกอย่าง
 
24:58  จะปีนยอดเขาเอเวอร์เรสต์
จะไปดวงจันทร์ ไปก้นทะเลลึก
  
25:06  ความคิดเป็นสิ่งที่ทำงานตลอดเวลา
เป็นสิ่งสำคัญจำเป็นที่สุดของชีวิตเรา
  
25:20  การศึกษาทั้งหมดของเราก็เพื่อปลูกฝังความรู้
 
25:24  เพื่อเสริมสร้างความคิดให้ชัดเจน ถ้าคุณทำได้
 
25:34  แล้วกระทำการจากความคิดนั้น
 
25:42  ความคิดสรรสร้าง
ไม่เพียงโลกทางเทคโนโลยีเท่านั้น
  
25:50  แต่ความคิดสร้างสงครามด้วย
 
25:56  ความคิด
ไม่เพียงทำให้มีการผ่าตัดอันน่าอัศจรรย์
  
26:01  แต่ความคิดสร้างความขัดแย้ง
ระหว่างมนุษย์สองคนด้วย
  
26:09  ขอให้ติดตามความเป็นจริงเหล่านี้
 
26:12  ความคิดทำให้เกิดการขนส่งที่รวดเร็ว
 
26:20  ความคิดยังทำให้
 
26:27  ความสัมพันธ์ทั้งหมดของมนุษย์แตกสลาย
 
26:35  หากว่าเราจริงจัง เราต้องสืบค้นในคำถามนี้
 
26:43  ว่าเหตุใดความคิด
จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด
  
26:52  ขณะที่เราพูดกันอยู่ คุณก็กำลังคิดใช่ไหม
 
26:59  คุณกำลังคิดตามเป็นถ้อยคำ
 
27:03  ดังนั้น ความคิดยังทำงานอยู่
 
27:13  ความคิดพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่พูดนี้
 
27:15  พยายามตัดสินว่ามันถูกหรือผิด
 
27:19  มันมีคุณค่าอะไรบ้างในแต่ละวัน
 
27:22  คุณสืบค้นโดยอาศัยความคิด
เป็นเครื่องมือตลอดเวลา
  
27:32  ความคิดสรรสร้างทั้งสวรรค์และนรก
 
27:37  ไม่เพียงสวรรค์และนรกของโลกคริสเตียนเท่านั้น
 
27:41  แต่นรกและสวรรค์ที่เป็นจริงด้วย
 
27:46  ทั้งความยากจนอันมหาศาล
ความทุกข์ระทม ความสับสน
  
27:53  การดำรงอยู่ที่หาความแน่นอนไม่ได้
 
28:03  ความคิดสร้างปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
 
28:13  และความคิดก็คิดว่า
มันจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
  
28:18  ใช่ไหม
 
28:20  นักการเมืองทั้งหลาย พยายามแก้ปัญหาของมนุษย์
 
28:28  โดยใช้ความคิด ไม่ว่าจะด้วยเล่ห์ลวง
ด้วยความโง่เขลา ความชั่วร้าย ความไม่ซื่อสัตย์
  
28:35  ซึ่งก็ยังเป็นความคิด
 
28:43  ความคิดแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือ
ปัญหาซึ่งความคิดสร้างขึ้นเอง
  
28:52  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
29:01  เราจึงต้องถาม ว่าอะไรคือความหมายของการคิด
 
29:12  แหล่งต้นตอของความคิดทั้งปวงคืออะไร
 
29:20  ไม่เพียงความคิดของคุณ ของผม หรือของใคร
 
29:23  แต่รากเหง้าของความคิดคืออะไร
 
29:29  หากว่ารากเหง้านั้นถูกจำกัด
 
29:34  สิ่งที่เกิดจากมันย่อมจำกัดด้วย
 
29:40  ใช่ไหม
 
29:43  คุณไม่อาจคิด
ว่าความคิดจะทำสิ่งที่เหนือธรรมดา
  
29:49  ถ้ารากเหง้าของมันจำกัด
กิจทั้งหมดของมันก็ย่อมจำกัด
  
29:57  ใช่ไหม
 
30:01  อะไรที่เป็นรากเหง้า เป็นต้นตอของความคิด
 
30:14  ค้นให้พบ
 
30:16  ผมถามคำถาม อย่ารอให้ผมตอบ
 
30:21  เพราะนั่นเป็นการยอมรับสิ่งที่ผมพูด
นั่นคือหายนะ
  
30:29  แต่ถ้าคุณรู้สึกแรงกล้าจริงๆ
 
30:32  เรียกร้องอย่างเร่งด่วนที่จะค้นให้พบจริงๆ
 
30:35  คุณจะค้นพบ
 
30:41  ว่าอะไรคือแก่น คือจุดเริ่มต้นของความคิด
 
30:55  ผมจะชี้ให้เห็น แต่อย่ายอมรับ
 
31:05  จุดเริ่มต้นของความคิด
คือการบันทึกจดจำของสมอง
  
31:14  จดจำว่าอันตรายหรือไม่อันตราย
 
31:27  จดจำว่าเป็นความสุขเพลิดเพลินและความกลัว
 
31:34  มนุษย์ดึกดำบรรพ์หรือลิงใหญ่
เป็นบรรพบุรุษของเรา
  
31:40  เรามาจากต้นกำเนิดนั้น
 
31:47  สมองนั้นเก่าแก่ ดึกดำบรรพ์เหนือคำบรรยาย
 
31:59  มันต้องบันทึกอันตราย ความตาย
ความกลัว ความมั่นคงปลอดภัยเอาไว้
  
32:10  ดังนั้น ต้นกำเนิดของความคิด
คือกระบวนการบันทึกจดจำ
  
32:20  ซึ่งคือความทรงจำ
 
32:26  เราไม่ได้พูดเรื่องประหลาดพิสดาร
มันเป็นความจริง
  
32:43  สิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้คือความรู้
 
32:49  ความรู้ถึงสิ่งที่เป็นอันตราย
เป็นความสุขเพลิดเพลิน
  
32:56  ความรู้ที่เป็นความกลัวระหว่างสองสิ่ง
 
33:08  กระบวนการสั่งสมความรู้นี้
 
33:13  ซึ่งคือการบันทึกจดจำอยู่ตลอดเวลา
วันแล้ววันเล่า
  
33:20  ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า ที่มีการบันทึกจดจำ
 
33:23  ซึ่งเป็นการสั่งสมความรู้นั่นเอง
 
33:28  ความรู้นั้นอยู่ในสมอง
 
33:31  ความรู้นั้นเป็นความทรงจำ
 
33:36  ความคิดเกิดขึ้นจากความทรงจำนั้น
 
33:41  ใช่ไหม
 
33:51  ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผม ก็ไม่เป็นไร
 
33:59  อย่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
เราไม่ได้โต้แย้งกัน
  
34:08  ไม่ได้อวดว่าใครฉลาดกว่ากัน
 
34:12  เราเพียงแต่ถามค้น เราไม่ได้ยืนยันอะไรเลย
 
34:24  ความทรงจำ ความรู้ เป็นผลของอดีต
 
34:36  ใช่ไหม
 
34:39  อดีตนั้นถูกจำกัด ความรู้ก็ย่อมจำกัดด้วย
 
34:48  คุณอาจจะมีความรู้มากขึ้นๆ
แต่มันก็ยังจำกัดเสมอ
  
34:57  มีผู้คนกล่าวว่า มนุษย์จะเจริญรุ่งเรือง
 
35:09  ก้าวหน้าได้ยิ่งๆ ขึ้น
ก็โดยอาศัยความรู้เท่านั้น
  
35:14  นักปรัชญา หรือนักคิดคาดการณ์ผู้ฝันเฟื่อง
 
35:22  บอกว่าความรู้คือ ปัจจัยสำคัญของความก้าวหน้า
 
35:40  นั่นหมายถึง อดีตจะคงอยู่สืบไป
 
35:48  การสั่งสมของอดีต คือวิวัฒนาการ
 
35:57  เหมือนเมล็ดพืชกระจ้อยร่อย
 
36:01  เติบโตเป็นต้นโอ๊คมหึมา น่าอัศจรรย์
 
36:04  แล้วทัศนคติเดียวกันนั้น
แบบอย่างเดียวกันนั้น
  
36:12  ได้เคลื่อนเข้าไปในการสั่งสมความรู้นี้
 
36:17  ความรู้จะเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
 
36:23  เราไม่เคยถามเลย ว่าความรู้มีความจำกัดไหม
 
36:31  ความรู้จะจบลงและมีสิ่งอื่นเกิดขึ้นได้ไหม
คุณเข้าใจคำถามหรือเปล่า
  
36:42  ความคิดที่เกิดจากความทรงจำหรือความรู้
ย่อมจำกัดเสมอ
  
36:57  ฉะนั้น บทบาทของเราจึงจำกัดเสมอ
เพราะขึ้นอยู่กับความคิด
  
37:08  ใช่ไหม
 
37:11  นี่ไม่ใช่ข้อโต้แย้งของผม
 
37:14  ไม่ใช่สิ่งที่ผมยอมรับเป็นหลักการ
แล้วเริ่มจากตรงนั้น
  
37:19  แต่ถ้าคุณสืบค้นด้วยตนเอง
ไม่ใช่ตามอาจารย์นักวิชาการ
  
37:26  ไม่ใช่ตามนักทฤษฎี นักจิตวิทยา
 
37:33  ถ้าคุณทำเช่นนั้น คุณก็เป็นมนุษย์มือสอง
ซึ่งเราเป็นกันอยู่
  
37:36   
 
37:38  แต่ถ้าคุณมองดูเข้าไปในตัวคุณให้ถึงที่สุด
 
37:48  ผ่าตัดมัน ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก
 
37:54  แล้วคุณจะค้นพบว่าความคิดนั้น
 
37:59  สร้างปัญหาทั้งหมดขึ้น เพราะความจำกัดของมัน
 
38:08  ใช่ไหม
 
38:11  เรื่องนี้ชัดเจนไหม ตัวคุณชัดเจนไหม
 
38:15  ไม่ใช่ระหว่างคุณกับผม
 
38:24  คัมภีร์ทั้งหลาย กวีนิพนธ์ วรรณกรรม พิธีกรรม
 
38:29  เทพเจ้า รูปเคารพ ทุกสรรพสิ่ง
เป็นผลผลิตของความคิด
  
38:37  มันเป็นแนวคิดที่น่าสะพรึงกลัวไม่ใช่หรือ
เมื่อคุณตระหนักเช่นนั้น
  
38:46  เมื่อใดที่มีการผนึกตนเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง
 
38:54  กระบวนการผนึกตนนี้ คือความคิด
 
38:58  ฉะนั้น การผนึกตนจึงจำกัด มันจำกัดพลังงาน
 
39:08  พลังงานนั้นถูกใช้ไปในความเป็นบุคคล
 
39:18  ความเป็นบุคคลจึงจำกัดยิ่งๆ ขึ้น
 
39:26  บทบาทของเขาก็จะถูกจำกัด อย่างเห็นได้ชัด
 
39:30  ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
 
39:32  ประเทศอังกฤษอยู่ฝั่งหนึ่ง
ยุโรปอยู่อีกฝั่ง
  
39:35  อเมริกากับรัสเซีย ไม่ว่าจะด้านเชื้อชาติ
ด้านการเมือง หรือศาสนา
  
39:39  ทั้งหมดทุกๆ ด้านนั้นเกิดจากความคิด
 
39:55  แล้วมีหรือบทบาท การกระทำ
 
39:59  ขอให้ถามค้นร่วมกัน
 
40:02  มีหรือการกระทำที่ไม่ขึ้นกับความคิด
 
40:08  ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกจำกัด
ไม่ถูกจำกัดขอบเขต
  
40:15  ซึ่งหมายถึง
มีหรือการกระทำที่ไม่ขึ้นกับความรู้
  
40:22  กับความจำ ความทรงจำ
 
40:27  อย่าบอกว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “เป็นไปได้”
 
40:33  เราไม่รู้ เรากำลังถามค้น กำลังถาม
 
40:43  เพราะการกระทำที่จำกัดคับแคบ
 
40:46  ย่อมมีความเสียใจ ความผิดพลาด
ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล
  
40:59  ไม่ว่าคุณทำสิ่งที่ถูก หรือผิดก็ตาม
 
41:06  สิ่งเหล่านั้นจะตามมาจากการกระทำที่จำกัด
 
41:12  ซึ่งเราเรียกว่า “ความเป็นบุคคล”
 
41:18  ความเป็นบุคคลนั้นจำกัด
แต่เขากลับแสวงหาสภาวะอันไร้ขอบเขต
  
41:26  โดยทฤษฎี เขายืนกรานได้
ว่ามีสภาวะอันไร้ขอบเขต
  
41:32  แต่การที่จะค้นให้พบ
พบสภาวะอันไร้ขอบเขตโดยบังเอิญ
  
41:36  สภาวะซึ่งไม่อาจหยั่งวัดได้
 
41:40  เราต้องสืบค้นส่วนที่ลึกอย่างยิ่งของความคิด
 
41:47  เป็นไปได้ไหม
ที่จะมีปฏิบัติการที่ปราศจากการบันทึก
  
41:55  เข้าใจนะ
 
42:00  เข้าใจไหม
 
42:02  คุณบอกอะไรบางอย่างกับผม
 
42:07  คุณใช้ถ้อยคำที่โหดร้าย คุณให้ฉายาผม
 
42:16  แล้วผมรู้สึกเจ็บปวด
 
42:24  มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกเจ็บปวด
 
42:29  ไม่เฉพาะทางกาย แต่เจ็บปวดทางจิตใจยิ่งกว่า
 
42:39  คุณก็เจ็บปวด ไม่ใช่หรือ
 
42:46  ด้วยความเจ็บปวดนั่นเอง เราทำสารพัดสิ่ง
 
42:52  เราต่อต้าน ถอยหนี หวาดกลัว
รุนแรง ขมขื่น และอีกสารพัด
  
43:04  ความเจ็บปวดนี้ ถ้าคุณตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
 
43:10  มันเป็นกระบวนการสร้างมโนภาพของความคิด
 
43:21  ใช่ไหม
 
43:23  ความคิดสร้างมโนภาพเกี่ยวกับตัวเรา
 
43:29  ว่าคุณสวยงาม คุณฉลาดปราดเปรื่อง
 
43:32  คุณอย่างนั้นอย่างนี้
 
43:36  เมื่อคุณใช้คำพูดน่าเกลียดด้วยความโกรธ
เพื่อบอกบางสิ่งบางอย่าง
  
43:46  มโนภาพนั้นจะรู้สึกเจ็บปวด
ซึ่งคือความคิด ขอให้เข้าใจด้วย
  
43:48   
 
43:53  ความคิดนั้นสร้างมโนภาพเกี่ยวกับตัวมันเอง
 
43:59  มโนภาพนั้นรู้สึกเจ็บปวด
 
44:01  คุณจะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย
 
44:10  แม้สักครั้ง
ไปจนตลอดชีวิตได้ไหม
  
44:16  เมื่อนั้นจึงจะมีอิสรภาพ มีความเป็นปกติสุข
 
44:27  ขอให้ผมพูดเรื่องนี้ให้จบก่อน
 
44:29  คุณยังมีเวลา สัปดาห์หน้าและสัปดาห์ถัดไป
 
44:32  ที่คุณสามารถสนทนากับผมได้
 
44:39  ตลอดการพูดนี้ และอีกสี่ครั้ง
 
44:44  หากคุณไม่ว่ากระไร
 
44:50  ขอให้เราสนทนาร่วมกัน
 
44:54  เมื่อการพูดสิ้นสุดแล้ว
จะมีการถามตอบหรือเสวนา
  
45:03  ถึงเวลานั้น เราจะกระหน่ำโต้กันก็ได้
 
45:19  เป็นไปได้หรือที่จะไม่บันทึกความเจ็บปวด
 
45:28  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
45:31  เพราะสมองเราบันทึกตลอดเวลา
 
45:43  หากคุณพูดสิ่งที่น่ารังเกียจกับคนอื่น
 
45:50  มันจะถูกบันทึก นั่นคือความเจ็บปวด
 
45:58  แล้วเป็นไปได้ไหม
ที่จะไม่มีการบันทึกอะไรทั้งสิ้น
  
46:08  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
46:16  ฉะนั้น เราต้องสืบค้นเข้าสู่คำถาม
 
46:20  ว่าเหตุใดสมองจึงบันทึกบางสิ่งบางอย่าง
 
46:30  และหลีกเลี่ยงที่จะบันทึกสิ่งอื่นๆ
 
46:37  มันไม่เคยเลยที่จะหลีกเลี่ยงมโนทัศน์ มโนภาพ
โครงสร้าง และแนวคิด ของความเป็นบุคคล
  
46:52  ชัดเจนว่า เราต้องบันทึก หากคุณต้องการขับรถ
 
47:06  ต้องการใช้ทักษะบางอย่าง คุณต้องบันทึกจดจำ
 
47:12  ถ้าคุณต้องการเป็นช่างเทคนิคฝีมือดี
 
47:15  คุณต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากมาย
 
47:19  สั่งสมไว้ในสมอง ซึ่งเป็นกระบวนการบันทึกจดจำ
 
47:25  ใช่ไหม
 
47:27  ดังนั้นความรู้ที่เป็นกระบวนการบันทึกจดจำ
 
47:32  ในบางเรื่อง มีความจำเป็นอย่างแน่นอน
 
47:38  นั่นชัดเจน
 
47:44  แล้วเหตุใดจึงต้องมีการบันทึกในลักษณะอื่น
 
47:59  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
48:02  ผมผนึกตนกับตัวผม กับมโนภาพของผม
 
48:09  มโนภาพนั้นประกอบกันขึ้นโดยความคิด
 
48:14  โดยความคิดของผู้อื่น
ของพ่อแม่ หรือการศึกษา
  
48:17  โดยสังคม โดยวัฒนธรรม หรืออะไรก็ตาม
 
48:21  มโนภาพที่ประกอบกันขึ้นโดยความคิด
 
48:26  ซึ่งเป็นกระบวนการบันทึกอย่างต่อเนื่อง
 
48:37  กระบวนการนั้นจำเป็นหรือ
 
48:42  คุณเข้าใจคำถามไหม มันเป็นคำถามของคุณ
 
48:52  เหตุใดทางด้านจิตใจ ด้านใน
 
48:57  กระบวนการสั่งสมจึงเกิดขึ้น
รอบศูนย์กลางตลอดเวลา
  
49:12  ศูนย์กลางคือความเป็นฉัน ใช่ไหม
 
49:16  ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งจำกัด
 
49:22  เป็นสิ่งที่บ่มเพาะขึ้นโดยความคิด
ฉะนั้นโดยพื้นฐานมันจึงจำกัด
  
49:29  เมื่อผมคิดเกี่ยวกับการหมกมุ่นของตนเอง
 
49:32  ว่าผมต้องมีความสุข
ผมต้องประสบความสำเร็จอย่างไร
  
49:35  ผมต้องเป็นอย่างนี้ ผมต้องเป็นอย่างนั้น
ทั้งหมดนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของความคิด
  
49:40  ที่ทำให้เกิดความจำกัดคับแคบอย่างต่อเนื่อง
 
49:47  บีบให้แคบลง เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “บุคคล”
 
49:53  เป็นธรรมดาที่บุคคลนั่นเองเคลื่อนไหว
ทำการกิจ
  
49:58  กิจเหล่านั้นจริงๆ แล้วเป็นภัย
เพราะมันจำกัด
  
50:10  เราถามว่า การรู้โดยตรรกะ
โดยเหตุผล เป็นขั้นเป็นตอน
  
50:21  ว่าการบันทึกลักษณะใดก็ตาม
ยกเว้นการบันทึกสิ่งที่จำเป็น
  
50:28  บันทึกความรู้ทางเทคโนโลยี เป็นต้น
 
50:31  การบันทึกลักษณะอื่นๆ ทั้งหมด
จำกัดบทบาทการกระทำ
  
50:42  และด้วยบทบาทอันจำกัดนั้น
ความทุกข์แสนสาหัสจึงเกิดขึ้น
  
50:51  และความคิดอันจำกัดนั้นบอกว่า
“ฉันจะทำสมาธิ
  
50:57  ฉันจะค่อยๆ ฝึกฝน ฉันจะค้นหาพระเจ้า”
 
51:01  หรือคุณจะเรียกว่าอะไรก็ตาม
 
51:04  คุณอาจจะเรียกสิ่งนั้นว่า “dog” ก็ค่าเท่ากัน
 
51:13  ความคิดเป็นการบันทึกเหตุการณ์ อุบัติการณ์
 
51:27  สิ่งใดที่ถูกบันทึกไว้ สิ่งนั้นย่อมจำกัด
 
51:33  ความจำกัดนั้น ในการกระทำของมัน
ย่อมสร้างภัยอันตรายมากมาย
  
51:41  เราจึงถามว่า เป็นไปได้ไหมที่จะไม่บันทึก
 
51:47  ไม่บันทึกอะไรเลย นอกจากเรื่องที่จำเป็น
 
51:54  นี่คือสมาธิที่แท้จริง คุณเข้าใจไหม
 
51:57  นอกจากนั้นไม่ใช่สมาธิ
 
52:04  เพราะเมื่อไม่มีการบันทึก
 
52:10  ตัวเซลล์สมองทั้งหมด
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่สภาวะใหม่
  
52:20  มันไม่ใช่เซลล์สมองที่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่มีสิ่งใหม่อุบัติขึ้น
  
52:26  เพราะไม่จำเป็นต้องบันทึกอีกต่อไป
คุณเข้าใจไหม
  
52:34   
 
52:47  ความคิดเป็นสิ่งที่วัดได้
 
52:48  ความคิดเป็นผลของกาลเวลา
 
52:54  ซึ่งคือความทรงจำ
ที่สั่งสมมาห้าล้านหรือสิบล้านปี
  
53:01  หรือหลายศตวรรษ จะกี่ปีก็ตาม
 
53:04  ความคิดเป็นผลของกาลเวลา
 
53:09  ดังนั้น ความคิดคือกาลเวลา
 
53:15  เวลาเป็นสิ่งจำกัด เห็นได้ชัดเจน
 
53:19  นั่นคือ มีเมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้
 
53:25  ความคิดบอกว่า “มีไกลออกไปอีก”
 
53:28  แต่มันก็ยังเป็นการเคลื่อนไหว
ของความคิดในกาลเวลา
  
53:35  ใช่ไหม
 
53:38  เราจึงถามว่า
 
53:44  เป็นไปได้หรือ
ที่จะไม่มีการบันทึกจดจำใดๆ ทั้งสิ้น
  
53:53  นอกจากเรื่องที่จำเป็น
 
53:58  คุณจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร
 
54:05  คุณเข้าใจไหม นี่เป็นคำถามที่สำคัญยิ่งนัก
 
54:09  อย่าได้ปัดมันทิ้งไป
 
54:11  เหมือนการขบคิดเรื่องอื่นๆ บางเรื่อง
เรื่องนั้น หรือเรื่องนี้
  
54:16  เพราะจนบัดนี้ เราก็ยังดำเนินชีวิตในบทบาท
 
54:23  ที่นำมาแต่ความทุกข์โศก
ความทุกข์ยาก ความสับสน
  
54:28  ความไม่แน่นอน ความกลัว
ความเสียใจ มาโดยตลอด
  
54:37  เราดำเนินชีวิตมาอย่างนั้น
 
54:40  มันสืบทอดมาในพันธุกรรม
มันเป็นอิทธิพลกำหนดของเรา
  
54:51  แล้วเป็นไปได้หรือ
 
54:59  ที่จะไม่บันทึกจดจำเลย
ฉะนั้นจึงไม่มีการผนึกตนกับสิ่งใดเลย
  
55:05  เข้าใจไหม
 
55:08  ในทันทีที่ความคิดผนึกตนกับสิ่งใด
 
55:12  กับเครื่องเรือน กับเสื้อเชิ้ตสักตัว กับบ้าน
 
55:17  กับภรรยา สามี หญิงสาว ฯลฯ
 
55:24  การผนึกตนนั้นจำกัดความคิด
 
55:26  ความจำกัดคับแคบจึงเกิดจากการบันทึกจดจำ
 
55:32  นั่นคือ ตราบใดที่คุณยังเป็นคาทอลิก
คุณก็ถูกจำกัด
  
55:39  ตราบใดที่คุณบอกว่า “ฉันเป็นชาวอินเดีย”
หรือฉันเป็นนี่ ฉันเป็นนั่น คุณก็ถูกจำกัด
  
55:40   
 
55:44  บทบาทใดๆ บทบาทของความรัก
บทบาททั้งหลาย ย่อมถูกจำกัด
  
55:55  ถ้าคุณจริงจัง คุณจะถามคำถามพื้นฐานนี้
 
56:00  คำถามที่เป็นรากเหง้า ที่คุณต้องตอบ
 
56:05  ว่าเป็นไปได้หรือ ที่จะไม่บันทึกเลย
 
56:29  นั่นคือ
มีหรือปฏิบัติการที่ไม่ได้เกิดจากความคิด
  
56:40  คุณเข้าใจคำถามนี้ไหม
 
56:42  บทบาททั้งหมดของเรามีฐานอยู่บนความคิด
และมีผลตามมา
  
56:49  เราถามว่า มีหรือปฏิบัติการ
 
56:52  มีหรือวิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
 
56:57  ที่ความคิดไม่ทำงาน
 
57:04  คุณเข้าใจไหม นี่เป็นคำถามที่จริงจังมาก
 
57:06  มันไม่ใช่คำถาม ที่ถามเพื่อพูดคุยอภิปรายกัน
 
57:09  เพื่อให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
 
57:11  แต่ถามเพื่อค้นให้พบ
 
57:15  นั่นหมายถึง
คุณต้องให้ความรู้สึกแรงกล้าแก่มัน
  
57:18  ให้พลังชีวิต ให้พลังงานเพื่อการค้นหา
 
57:22  ผู้ที่ทำวิจัย วิจัยทางวิทยาศาสตร์
หรือทางเทคโนโลยี
  
57:31  เขารักมัน มันเป็นชีวิตของเขา
 
57:35  เป็นเลือดเนื้อ เป็นการดำรงชีพ
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตเขา
  
57:40  แล้วภรรยา ครอบครัวของเขามาเป็นที่สอง
 
57:48  เราถามด้วยความรู้สึกแรงกล้า ทำนองเดียวกัน
 
57:57  ว่าเป็นไปได้หรือ
 
58:03  ผมบอกว่าได้ ผมจะแสดงให้คุณดู
 
58:08  แต่ขออย่าได้ยอมรับมัน
เพราะคุณไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
  
58:14  ดังนั้น อย่าด่วนสรุป
 
58:17  อย่าแปลความสิ่งที่จะพูด
ให้เป็นศัพท์แสงของคุณเอง
  
58:24  ไม่เช่นนั้นคุณจะหลงทาง
 
58:28  คุณจะถูกผลักดันโดยภาษาที่คุณคุ้นเคย
 
58:35  คุณจึงกลายเป็นทาสของภาษา
 
58:39  แต่เราใช้ภาษา
 
58:42  โดยไม่เป็นข้อสรุปของคุณ
ไม่เป็นข้อสรุปของผมหรือของเขา
  
58:45  เราแค่ใช้ถ้อยคำ โดยปราศจากการแต่งเติมสีสัน
 
58:52  แล้วเราจึงจะสามารถสื่อถึงกันได้
อย่างมีความสุขและง่ายดาย
  
59:00  มีปฏิบัติการที่เป็นทั้งหมด บริสุทธิ์
สมบูรณ์ ไม่แบ่งแยกเป็นส่วนๆ
  
59:11  ปฏิบัติการซึ่งความคิดไม่เข้ามารบกวนเลย
 
59:21  คุณรอให้ผมบอกใช่ไหม
 
59:27  ทำอย่างนั้นมันไร้ค่า
 
59:34  ผมทำทั้งหมด ผู้พูดทำทั้งหมด
 
59:37  ส่วนคุณเพียงแค่ฟัง และพูดว่า
“ใช่ เรื่องนั้นผมเห็นด้วย”
  
59:41  แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
 
59:45  แต่ถ้าหากคุณต้องการจะค้นหา
 
59:49  ปรารถนาสุดชีวิตจริงๆ
 
59:55  เหมือนคนที่ไม่มีความสุข
คนที่กำลังจะจมน้ำ
  
59:58  เขาต้องการหาที่ยึดเกาะโดยไม่คิดชีวิต
 
1:00:05  เพื่อเขาจะได้ปลอดภัย
 
1:00:09  เขาจึงทุ่มเทพลังงานให้ทั้งหมด
 
1:00:18  นั่นเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่
 
1:00:30  ก่อนอื่น เราเห็นชัดเจนไหม
 
1:00:38  เราแต่ละคน ไม่ว่าเราจะอยู่แห่งหนใด
สถานการณ์ใดก็ตาม
  
1:00:44  ไม่ว่าอิทธิพลกำหนดของเราจะเป็นอย่างไร
เราจะประสาทเพียงใด ส่วนใหญ่เราผิดเพี้ยน
  
1:00:51  เราเห็นชัดเจนไหม
 
1:00:53  ว่าความคิดเป็นสิ่งจำกัด ภายใต้ทุกสถานการณ์
 
1:01:04  นี่ไม่ใช่การยอมรับทางถ้อยคำ
แต่มันคือความเป็นจริง
  
1:01:13  ซึ่งคุณมองเห็นเสมือนอยู่ในเลือดเนื้อของคุณ
อย่างไม่อาจลบล้างได้
  
1:01:27  ถ้าคุณเห็นเช่นนั้น
 
1:01:34  ไม่ใช่เป็นเพียงแนวคิด ไม่ใช่เป็นข้อสรุป
ไม่ใช่เป็นการคิดด้วยเหตุผล
  
1:01:41  แต่มันเป็นอย่างนั้น
 
1:01:44  ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มันก็ยังเป็นความคิด
 
1:01:51  เมื่อคุณตระหนักว่า ความคิดเป็นสิ่งจำกัด
อย่างแท้จริงโดยทั้งหมด
  
1:02:00  จากความจำกัดนั้น
กิจทั้งหลายทั้งปวงก็ย่อมจำกัด
  
1:02:07  มันจึงก่อให้เกิดความยุ่งเหยิง
ความทุกข์ระทม ในความสัมพันธ์ของมนุษย์
  
1:02:15  จากการตระหนักเช่นนั้น คุณถามคำถาม
 
1:02:18  ถ้าคุณไม่ได้ทำทั้งหมดที่พูดมา
คุณจะไม่ตระหนัก
  
1:02:22  คุณสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ในทันที
ไม่ต้องใช้เวลา เป็นเดือน เป็นปี
  
1:02:32  แล้วคุณจึงจะถามได้
 
1:02:38  ว่ามีหรือ การหยั่งเห็นที่ปราศจากความทรงจำ
 
1:02:50  ปราศจากความทรงจำ แยกขาดจากอดีตโดยสิ้นเชิง
 
1:02:59  การสังเกตเช่นนั้นเกิดขึ้นไหม
 
1:03:03  และจากการสังเกตนั้น ปฏิบัติการเกิดขึ้น
 
1:03:08  คุณตามสิ่งที่พูดนี้ทันไหม
 
1:03:13  คุณดูงุนงง
 
1:03:18  ผมจะอธิบายใหม่อีกครั้ง
 
1:03:25  บทบาทของเรามีฐานอยู่บนความทรงจำ
 
1:03:30  ทั้งความทรงจำที่เป็นอุดมคติ เป็นสังคมอุดมคติ
 
1:03:40  หรือความทรงจำเกี่ยวกับการกระทำในอดีต
ที่ทิ้งร่องรอยไว้ในสมอง
  
1:03:50  การเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้น
ย่อมต้องบ่อนทำลายอย่างต่อเนื่อง
  
1:03:59  ในความสัมพันธ์ของมนุษย์
 
1:04:05  ถ้าผมรักคุณ เพราะคุณให้ความเพลิดเพลินแก่ผม
 
1:04:11  คุณให้บางอย่างแก่ผม
ด้านกามารมณ์ ด้านนี้ หรือด้านนั้น
  
1:04:16  จากความทรงจำนั้น
พร้อมด้วยความสุขเพลิดเพลินของมัน
  
1:04:22  ผมจึงพูดว่า “ผมรักคุณ”
 
1:04:28  มีหรือความรัก ที่ไม่ได้เกิดจากความทรงจำ
 
1:04:36  รักที่ไม่ใช่ผลของการให้และการรับ
 
1:04:43  รักที่ไม่ใช่ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
 
1:04:53  แน่นอน มันต้องมี ควรจะมี
 
1:04:58  หรือเรารู้จักแต่ความรักที่เป็นความทรงจำ
 
1:05:03  สิ่งที่เราเรียกกันว่าความรัก คือทั้งหมดนั้น
 
1:05:09  และความรักนั้นก่อให้เกิดความริษยา
ความวิตกกังวล
  
1:05:13  ความเป็นเจ้าของ ความผูกพันมั่นหมาย
 
1:05:18  จากทั้งหมดนั้น
ความทุกข์ระทมอันใหญ่หลวงก็เกิดขี้น
  
1:05:23  ความทุกข์ระทมนั้นเป็นความรักหรือ
 
1:05:27  อย่าบอกว่า “ไม่ใช่” หรือ “ใช่”
 
1:05:36  หากมันไม่ใช่ความรัก
 
1:05:39  และคุณได้ทิ้งความริษยา ความโกรธ
ทิ้งทั้งหมดโดยสิ้นเชิง
  
1:05:45  สิ่งที่เหลืออยู่ คือความรักใช่ไหม
 
1:05:54  ในทำนองเดียวกัน
 
1:06:00  ในทำนองเดียวกัน
 
1:06:03  ถ้าคุณเข้าใจการเคลื่อนไหวทั้งหมดของความคิด
ว่าเป็นสิ่งที่วัดได้ เป็นกาลเวลา
  
1:06:15  และเกิดขึ้นจากอดีต
 
1:06:18  ดังนั้น จึงจำกัด มีขอบเขต และคับแคบไม่จบสิ้น
 
1:06:28  เมื่อคุณเห็นเช่นนั้นอย่างชัดเจน แล้วละทิ้งมัน
 
1:06:35  คุณก็จะมีสิ่งที่เราอาจเรียกว่า การเห็นแจ้ง
 
1:06:43  ผมจะพิจารณาเรื่องนี้ไปช้าๆ
 
1:06:45  การเห็นแจ้ง คำๆ นี้ตามพจนานุกรมเราหมายถึง
 
1:06:54  เกิดการเห็นเข้าไปในอะไรบางอย่าง
 
1:07:00  เกิดการหยั่งเห็นความจริง
ในสิ่งที่กำลังพูดถึงโดยฉับพลัน
  
1:07:12  คุณได้สนทนากับผมถึงความจำกัดของความคิด
 
1:07:20  คุณสนทนากับผม
 
1:07:22  ผมรับฟังคุณ ด้วยพลังงานทั้งหมดของผม
 
1:07:28  บางทีอาจจะมีวิถีใหม่ในการดำรงชีวิต
วิถีใหม่ในการกระทำ
  
1:07:35  และผมตระหนักว่า บทบาทการกระทำของผม
 
1:07:39  นำความทุกข์โศก ความสับสน
ความทุกข์ระทม เข้ามาเสมอ
  
1:07:45  ผมได้ฟังคุณ
 
1:07:48  และคุณถามผมว่า
 
1:07:56  “คุณเห็นความจริงว่าความคิดนั้นจำกัด จริงหรือ”
 
1:08:05  เห็นความจริงของมัน ไม่ใช่แนวคิดเกี่ยวกับมัน
 
1:08:09  การเห็นความจริงในเรื่องนี้ เป็นการเห็นแจ้ง
 
1:08:16  คุณเข้าใจไหม
 
1:08:17  การเห็นแจ้งนี้ไม่ใช่ความจำ ไม่ใช่แนวคิด
 
1:08:24  ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากอดีต
 
1:08:28  คุณเห็นความจริงโดยตรงทันที
 
1:08:31  จากการเห็นนั้น ปฏิบัติการที่สมบูรณ์ก็เกิดขึ้น
 
1:08:44  ดังนั้น คุณในฐานะมนุษย์
 
1:08:49  คุณเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ
 
1:08:56  คุณคือโลก
 
1:08:59  หากคุณเห็นความจริงที่ว่านี้
ความจริงนั้นจะปฏิบัติการในโลก
  
1:09:12  คุณไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติการ
 
1:09:19  ตอนนี้กี่โมงแล้ว
 
1:09:24  Q: เที่ยงแล้ว
 
1:09:35  K: เราได้เห็นอันตรายของความคิดที่จำกัด
 
1:09:41  ที่ก่อให้เกิดความเป็นบุคคล
 
1:09:47  ก่อให้เกิดคู่ตรงข้ามที่ไม่ใช่ความเป็นบุคคล
ซึ่งคือเผด็จการเบ็ดเสร็จ
  
1:09:53  คือผู้มีอำนาจเหนือ และอื่นๆ
 
1:09:55  เราเห็นแล้วว่าความคิด
 
1:10:00  ถูกเก็บสั่งสมอยู่ในสมองเป็นความทรงจำ
เป็นความรู้
  
1:10:05  เซลล์สมองเหล่านั้นจึงถูกจำกัด
 
1:10:08  ขอให้เข้าใจเรื่องนี้
 
1:10:15  แน่นอน มันเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจน
 
1:10:19  แต่เมื่อคุณมีการเห็นแจ้งในเรื่องทั้งหมดนี้
 
1:10:23  ตัวเซลล์สมองจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป
 
1:10:27  เซลล์สมองจะทำงานแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
 
1:10:35  ทำเลย ขอให้ทำ
อย่าพูดว่า “ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน”
  
1:10:42  “ช่างเป็นสุนทรพจน์ที่วิเศษยิ่ง”
 
1:10:46  ซึ่งล้วนแต่เป็นการแสดงออกทางอารมณ์
ที่เพ้อฝันไร้สาระ
  
1:10:49  ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
 
1:10:57  คุณมองเห็นความจริงนี้ไหม
 
1:11:05  ว่าความรู้มีบทบาททางเทคโนโลยี
 
1:11:10  แต่ในทางจิตใจ ความรู้ไม่มีบทบาทใดๆ
 
1:11:15  ไม่มีบทบาทที่จำเป็นต้องบันทึก
 
1:11:19  เมื่อคุณเห็นความจริงว่าการบันทึก
เช่น บันทึกความเจ็บปวด
  
1:11:30  นำไปสู่บทบาทที่คับแคบ ที่จำกัด
 
1:11:33  ซึ่งเป็นที่มาของความเกลียดชัง
และความรุนแรง ฯลฯ
  
1:11:36  เมื่อคุณเห็นความจริงนี้ คุณจะมีการเห็นแจ้ง
 
1:11:52  คุณจะเห็นแจ้งในกระบวนการทั้งหมดของความคิด
 
1:11:59  ฉะนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ความคิดซึ่งจำกัด
โดยตัวมันเอง จะคงอยู่ในความจำกัดนั้น
  
1:12:07  คุณไม่ต้องพูดว่า “ฉันต้องหยุดคิด” ซึ่งไร้สาระ
 
1:12:16  เมื่อคุณเข้าใจว่า ความคิดเป็นการเทียบวัด
 
1:12:19  การวัดเป็นการเปรียบเทียบ และทั้งหมดนั้น
 
1:12:25  ถึงเวลาที่ผมต้องหยุด
 
1:12:31  ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว
วันอาทิตย์เราจะสนทนากันเรื่องอื่น