SA78T4 - ในความสัมพันธ์ ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นหรือ
การพูดต่อสาธารณชน ครั้งที่ 4
เมืองซาเน็น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
16 กรกฏาคม 1
0:07  | ในความสัมพันธ์ |
ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นหรือ | |
0:33  | (เสียงรบกวน) |
นี่แหละที่เราต้องการ | |
0:47  | เช้านี้อาจจะมีคนมาใหม่ |
0:53  | ที่ตั้งใจมาในวันอาทิตย์ |
0:56  | ผมหวังว่าพวกเขาคงไม่ทำให้ |
การมาที่นี่เป็นความบันเทิง | |
1:02  | หรือเป็นเรื่องทางความคิด |
ที่เพ้อผันไร้สาระจากตะวันออก | |
1:15  | นี่เป็นการประชุมชนที่จริงจัง |
อย่างน้อยก็สำหรับบางคน | |
1:25  | ที่มอบจิตมอบใจ |
1:32  | พยายามร่วมกันค้นหา |
วิถีทางใหม่ในการดำเนินชีวิต | |
1:45  | ชีวิตที่ไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อ |
ที่เป็นอุดมคติ | |
1:50  | ไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจเหนือ |
กับข้อสรุปที่คาดการณ์ไว้แล้ว ฯลฯ | |
2:03  | เราสนทนากันเมื่อวันก่อน ว่าเราสนใจ |
2:08  | ในอิสรภาพ |
2:14  | เราชี้ให้เห็นด้วยว่า เราตกอยู่ใต้อิทธิพล |
2:23  | เราถูกหล่อหลอม ถูกควบคุมโดยสภาพแวดล้อม |
2:35  | โดยสถาบัน โดยอุดมคติ |
2:46  | โดยความเชื่อ และข้อสรุปมากมาย |
2:51  | ในการพบกันสามครั้งที่ผ่านมา |
เราพูดคุยกันด้วยว่า | |
3:00  | เราถูกขับเคลื่อนด้วยภาษา |
3:04  | และเรื่องนี้สำคัญที่ต้องเข้าใจ |
3:07  | ว่าภาษา ถ้อยคำ ควบคุมเรา |
หล่อหลอมเรา ขับเคลื่อนเรา | |
3:20  | ซึ่งเราได้พิจารณาลึกพอสมควรแล้ว |
3:24  | จึงขออภัยที่เราจะไม่พูดซ้ำอีก |
3:29  | เราสนทนากันด้วยว่า เมื่อใดมีการผนึกตน |
3:35  | ไม่เพียงกับครอบครัว กับความเชื่อ |
3:39  | กับประเทศชาติ กับกลุ่มก๊ก |
3:43  | หรือผนึกตนเข้ากับสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยเฉพาะ |
3:51  | ไม่ว่าสิ่งนั้นจะประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือ |
หรือคิดขึ้นด้วยจิต | |
3:57  | การยึดติดผูกพัน การผนึกตน |
เข้ากับสิ่งเหล่านี้ | |
4:07  | ย่อมขวางกั้นอิสรภาพอันสมบูรณ์ |
4:10  | ดังที่เราได้ชี้ให้เห็นในการสอบสวนร่วมกัน |
4:22  | ว่าเมื่อปราศจากอิสรภาพ |
4:29  | ซึ่งไม่ใช่อิสรภาพในการทำสิ่งที่เราชอบ |
4:35  | ไม่ใช่การเติมเต็มความปรารถนาของเราเอง |
4:40  | แต่จำเป็นต้องเป็นอิสระ |
จากสิ่งทั้งปวงที่พันธนาการเรา | |
4:48  | เช่น ความริษยา ความกลัว |
ความสุขเพลิดเพลิน ความเชื่อ | |
4:53  | การผนึกตนเข้ากับกลุ่มหรือแนวคิดใดโดยเฉพาะ |
4:57  | กับคุรุและอุดมคติ กับการฝึกปฏิบัติ ฯลฯ |
5:03  | นั่นคือเรื่องที่เราสนทนากันพอสมควรแล้ว |
5:08  | ในการพบกันสามครั้งที่ผ่านมา |
5:15  | ผมคิดว่า เช้านี้เราควรพิจารณา |
5:23  | ในเรื่องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง |
ที่เราสนทนากันมาแล้ว | |
5:30  | เราส่วนใหญ่กลัวที่จะใช้เหตุผล |
5:40  | ที่จะคิดอย่างแจ่มชัด ไม่อคติ |
ไม่ลำเอียง ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ | |
5:51  | ไม่ใช่คิดจากศูนย์กลางใดโดยเฉพาะ |
5:56  | ไม่ใช่ทั้งศูนย์กลางภายนอกหรือภายใน |
6:03  | การคิดอย่างแจ่มชัดหมายถึง |
ในการคิดของคุณนั้น | |
6:07  | ไม่มีศูนย์กลางที่คุณคิด ที่คุณทำออกไป |
6:14  | ผมคิดว่าเราควรพิจารณาปัญหานี้ให้ลุ่มลึก |
6:22  | เราส่วนใหญ่คิดไปตามแนวทางเฉพาะ |
6:33  | ถ้าเรามีความชำนาญพิเศษ |
เราก็คิดไปตามร่องรางนั้น | |
6:42  | ถ้าคุณอุทิศตนให้กับศาสนาหนึ่งใดโดยเฉพาะ |
6:47  | กับโครงสร้างที่เป็นอุดมคติ |
6:53  | การคิดของคุณก็ย่อมถูกกำหนดโดยสิ่งเหล่านั้น |
7:02  | เราจึงเริ่มสูญเสียความสามารถในการใช้เหตุผล |
7:11  | เหตุผลแสดงถึง |
คุณสมบัติที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ รู้จักสงสัย | |
7:20  | ไม่ยอมรับสิ่งใดง่ายๆ |
7:26  | ไม่ว่าจะมาจากนักจิตวิทยา ศาสตราจารย์ |
7:31  | หรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ |
ไม่มีหรอกคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ | |
7:35  | มีแต่หนังสือที่พิมพ์ขึ้น เหมือนหนังสืออื่นๆ |
7:39  | ทว่าเราให้ความสำคัญ |
เพราะมันบังเอิญเก่าแก่ | |
7:47  | ผู้คนพูดกันว่าเป็นคำที่กล่าว |
โดยนักบุญหรือปรมาจารย์ | |
7:54  | เราจึงให้ความสำคัญอย่างมหาศาล |
แก่ถ้อยคำที่พิมพ์สลักไว้ | |
8:02  | ซึ่งก็คือ การที่เราถูกขับเคลื่อนโดยภาษา |
8:10  | ฉะนั้น เมื่อใดที่ภาษาขับเคลื่อนเรา |
8:15  | เราก็ไม่สามารถใช้เหตุผล |
ได้อย่างเหมาะสม อย่างเป็นปกติ | |
8:21  | หรือเป็นไปไม่ได้ที่เราจะใช้เหตุผล |
อย่างเป็นตรรกะ | |
8:27  | ถ้าหากคุณมอบตนให้กับความเชื่อ |
หรืออุดมคติหนึ่ง | |
8:36  | เพราะถ้าคุณมอบตน |
หรือผนึกตนเช่นนั้นแล้ว | |
8:39  | คุณก็หมุนวนอยู่รอบวงนั้น |
8:41  | คิดวนเวียนอยู่ในอุดมคติ |
หรือความเชื่อเฉพาะนั้น | |
8:44  | คุณจะไม่คิดอย่างลุ่มลึก |
อย่างสมบูรณ์ เป็นทั้งหมด | |
8:56  | ดังนั้น เราคิดว่าเหตุผลเป็นเรื่องทางความคิด |
9:02  | สิ่งใดที่เป็นเรื่องทางความคิด |
เราจะโยนมันทิ้ง | |
9:06  | นี่เป็นเทรนด์ล่าสุด |
9:11  | แต่ทว่า เราจำเป็นต้องมี |
ความสามารถในการใช้เหตุผล | |
9:16  | ซึ่งหมายถึงมีความสงสัย |
ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ | |
9:23  | มีอิสรภาพจากอำนาจเหนือทุกรูปแบบ |
9:28  | โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำนาจเหนือของผู้พูด |
9:36  | เพราะผู้พูดเข้มข้นจริงจังกับเรื่องเหล่านี้ |
9:45  | ดังนั้น คุณอาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลนั้น |
9:48  | อย่าเป็นอย่างนั้น |
9:51  | แต่คิดให้กระจ่างด้วยตัวคุณเอง |
9:55  | การที่จะคิดให้กระจ่าง คุณต้องไม่มีแรงจูงใจ |
10:02  | ไม่มีเป้าหมายปลายทาง ไม่มีทิศทาง |
10:06  | ถ้าคุณมีแรงจูงใจ มันจะควบคุมการคิดของคุณ |
10:09  | ถ้าคุณมีเป้าหมาย มีจุดประสงค์ |
มีทิศทาง มันจะควบคุมการคิดของคุณ | |
10:13  | |
10:16  | คุณอาจจะคิดอย่างมีตรรกะ |
มีเหตุมีผล ไปตามเส้นทางเหล่านั้น | |
10:22  | แต่มันเป็นการคิดที่ถูกอิทธิพลกำหนด |
เป็นการคิดที่จำกัดคับแคบ | |
10:27  | เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว |
10:31  | ดังที่เราพูดเมื่อวันก่อน |
ว่าที่นี่ไม่มีผู้พูด | |
10:39  | เรากำลังมองดูตัวเราเองในกระจก |
ดูการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเรา | |
10:44  | ทั้งความเชื่อ ความกลัว |
ความสุขเพลิดเพลิน | |
10:46  | และปัญหาทั้งหมดของชีวิต |
10:53  | กระจกสะท้อนตรงไปตรงมา |
มันไม่อคติหรือลำเอียง | |
10:58  | เมื่อคุณเผชิญกับมันอย่างชัดเจน |
ตามที่มันเป็น | |
11:02  | มันก็สะท้อนใบหน้าของคุณตามที่เป็นอยู่จริงๆ |
ถ้ามันเป็นกระจกชั้นดี | |
11:08  | โดยทำนองเดียวกัน เรามาสำรวจร่วมกัน |
11:18  | สืบค้นเข้าไปในเรื่องทั้งหมดร่วมกัน |
11:21  | เหมือนที่เราทำในการพูดครั้งก่อนๆ |
11:25  | สืบค้นในปัญหาของมนุษย์ |
ปัญหาปกติธรรมดาในแต่ละวัน | |
11:33  | เพราะถ้าเรื่องเหล่านั้นยังไม่ชัดเจน |
11:39  | ยังไม่เข้าใจลึกพอ เราก็ก้าวต่อไปไม่ได้ |
11:49  | เหมือนการสร้างบ้านบนดินทราย |
11:58  | ดังที่เราพูดว่า เราสนทนากับตัวเราเอง |
12:10  | เราตั้งคำถามต่อตัวเราเอง |
12:14  | ว่าเราคิดอย่างเป็นตรรกะ |
เป็นเหตุเป็นผล ดังนั้นจึงเป็นปกติ | |
12:21  | หรือว่าการคิดของเราเป็นมายาลวง |
12:25  | คิดอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ |
แนวคิด อุดมคติบางอย่าง | |
12:31  | หรือประสบการณ์ในอดีต |
12:35  | หากการคิดของเราเป็นเช่นนั้น |
คุณก็ไม่อาจค้นพบสิ่งใหม่ได้ | |
12:45  | เมื่อวันก่อนเราพูดด้วยว่า |
12:53  | การเคลื่อนไหว การกิจทั้งหมดของเรา |
อยู่บนฐานความคิด | |
13:01  | ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาคารที่แสนอัศจรรย์ |
13:06  | หรือความก้าวหน้าอันเลอเลิศทางเทคโนโลยี |
13:12  | หรือในความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น |
ก็เป็นการคิด | |
13:19  | ทุกๆ การกระทำอยู่บนฐานของความคิด |
13:24  | เราพูดว่าความคิดจำกัดเสมอในทุกสภาพการณ์ |
13:33  | เราสืบค้นกันถี่ถ้วนแล้วว่า |
เหตุใดมันจึงถูกจำกัด | |
13:40  | เพราะว่าความคิดเกิดจากความรู้ ซึ่งเป็นอดีต |
13:48  | ความคิดจึงผูกติดอยู่กับกาลเวลา |
13:53  | เราใช้ภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วๆ ไป |
ในชีวิตประจำวัน | |
13:58  | ไม่ใช่ศัพท์พิเศษ |
14:04  | ดังนั้น ความคิดจึงผูกติดอยู่กับกาลเวลา |
14:09  | กาลเวลาคืออดีต และความคิดเป็นผลที่ตามมา |
14:17  | เป็นการตอบสนองของความรู้ |
ความจำที่สั่งสมอยู่ในสมอง | |
14:26  | เรื่องนี้เห็นได้ชัด |
14:27  | ถ้าคุณคิดด้วยตัวคุณเอง |
สังเกตด้วยตัวคุณเอง มันจะเห็นได้ชัด | |
14:33  | เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางสมอง |
14:36  | แต่เราเห็นได้ว่า |
สมองเป็นเครื่องมือโบราณดึกดำบรรพ์ | |
14:43  | แสนจะเก่าแก่ ถูกอิทธิพลกำหนด |
จากการบันทึกเกี่ยวกับอันตราย | |
14:56  | บันทึกความสุขเพลิดเพลิน |
บันทึกความกลัว ฯลฯ | |
15:02  | ความคิดจึงเป็นกระแสของกาลเวลา |
15:08  | และความคิดเป็นการเทียบวัด |
เช่นวัดว่า "ฉันจะดีขึ้น | |
15:17  | ฉันคิดว่าฉันเป็นอย่างนี้ |
แต่พรุ่งนี้ ฉันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น" | |
15:23  | เหล่านี้เป็นเรื่องของการเทียบวัด |
15:28  | วัดว่า มากกว่า น้อยกว่า |
วัดความลึก ความสูง แนวราบ แนวตั้ง | |
15:38  | ทั้งหมดนี้เป็นการเคลื่อนไหว |
ของความคิดในการเทียบวัด | |
15:45  | การเทียบวัดแสดงถึงการเปรียบเทียบ |
15:53  | เราส่วนใหญ่เปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่นๆ |
15:58  | เปรียบเทียบกับคนที่มีบางสิ่งมากยิ่งกว่าเสมอ |
ไม่ใช่กับคนที่ต่ำต้อยด้อยกว่า | |
16:03  | แต่คนที่สูงส่งยิ่งกว่า |
มีเชาว์ปัญญามากกว่า ฯลฯ | |
16:09  | ดังนั้น ความคิดเป็นสิ่งจำกัด |
ในทุกสภาพ ทุกโอกาส | |
16:18  | ความคิดจึงไม่เคยเป็นอิสระ |
16:22  | ความคิดเป็นการเคลื่อนไปในการเทียบวัด |
16:29  | คำถามที่เราถามตัวเราเองเมื่อวันก่อน คือ |
16:33  | ในเมื่อการกระทำทั้งหมดของเรา |
อยู่บนฐานการเทียบวัด | |
16:40  | เทียบวัดว่า เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต |
เพราะฉะนั้นมันจึงจำกัด | |
16:46  | และการกระทำใดก็ตามที่จำกัด |
ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ | |
16:48  | ที่จะก่อให้เกิดความทุกข์โศกอันใหญ่หลวง |
ความขัดแย้งอันโกลาหล | |
16:55  | อีกทั้งความเหนื่อยยาก |
ความวิตกกังวล ความกลัว ฯลฯ | |
17:00  | เราถามตัวเราเองว่ามีหรือ การกระทำ |
ที่ไม่อยู่บนฐานของความคิด | |
17:09  | บางที พวกคุณไม่มีใครเลยที่ถามคำถามนี้ |
17:15  | บางคนอาจจะถามก็แค่ผิวเผิน |
17:20  | เมื่อตัวคุณเองมองเห็น |
17:25  | ว่าความคิดทำให้เกิดปัญหายุ่งยาก |
เกิดความกลัว | |
17:28  | คุณก็จะเริ่มตั้งคำถาม |
แต่คุณไม่ได้พิจารณาให้ลึกลงไป | |
17:32  | คุณบอกว่า "ใช่ มีหรือการเคลื่อนไหว |
มีหรือสภาวะจิต | |
17:35  | |
17:40  | ซึ่งบทบาทของความคิดที่เป็นการเทียบวัด |
เป็นกาลเวลา ไม่ทำงาน" | |
17:46  | เข้าใจไหม |
17:47  | เราพิจารณาเรื่องนั้นอย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว |
17:51  | เราบอกว่ามีการกระทำ |
ที่ไม่อยู่บนฐานความจำ | |
18:02  | ไม่อยู่บนฐานความรู้ |
18:06  | ไม่ใช่ผลของการเติมเต็ม |
ความปรารถนาบางอย่าง | |
18:12  | แต่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเข้าใจ |
ธรรมชาติของความคิด | |
18:17  | เข้าใจโครงสร้างของการเคลื่อนไหว |
ของความคิดทั้งหมด | |
18:22  | ไม่ใช่เข้าใจโดยใช้ปัญญาทางความคิด |
แต่เข้าใจโดยเห็นความเป็นจริง | |
18:26  | ว่าความคิดมีที่ทาง |
มีบทบาทที่ถูกต้องเหมาะสม | |
18:30  | เช่น เมื่อคุณต้องการเดินทางกลับบ้าน |
เมื่อคุณต้องการขับรถ | |
18:35  | เมื่อคุณเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเทคนิค |
18:40  | ในเรื่องเหล่านั้น ความคิดจำเป็น |
18:43  | แต่ในความสัมพันธ์ของมนุษย์ |
ความคิดจำเป็นหรือ | |
18:49  | คุณเข้าใจคำถามไหม |
18:58  | เราจะถามเดี๋ยวนี้ว่า |
19:01  | ในความสัมพันธ์กันและกันของเรา |
มีความคิดอยู่หรือ | |
19:07  | ความสัมพันธ์ของชายหญิง |
ที่ใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิด | |
19:13  | ในความสัมพันธ์นั้น ความคิดมีบทบาทอะไร |
19:20  | หรือว่าความคิดไม่มีบทบาทอะไรเลย |
19:29  | เราจะถามค้นในเรื่องนี้ จะค้นให้พบร่วมกัน |
ไม่ใช่โดยการคิดคาดเดา | |
19:39  | แต่สืบค้นตามความเป็นจริง |
ที่เป็นอยู่จริงๆ ในชีวิตแต่ละวัน | |
19:54  | เราจะถามค้นเข้าสู่ความสัมพันธ์ |
20:02  | ในการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น |
20:06  | ความสัมพันธ์เป็นกระบวนการผนึกตน |
เป็นหนึ่งเดียวกับอะไรบางอย่างหรือ | |
20:15  | คุณเข้าใจไหม |
20:18  | ผมถามคำถามนี้ให้คุณ |
20:24  | คุณต้องตอบด้วยตัวคุณเอง |
20:28  | คุณสัมพันธ์กับใครบางคน |
20:33  | ไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้ |
โดยปราศจากความสัมพันธ์ | |
20:40  | ความสัมพันธ์ของคุณกับภรรยา หรือกับแฟนสาว |
20:45  | กับแฟนหนุ่ม หรือใครก็ตาม |
20:49  | ความสัมพันธ์นั้นอยู่บนฐานความคิดหรือ |
20:55  | คุณบอกว่า "ไม่ มันไม่อยู่บนฐานความคิด |
มันอยู่บนฐานของความรัก" | |
21:02  | นั่นเป็นคำพูดหลอกลวงที่สุดที่เราใช้กัน |
21:09  | เพราะเราหลบหลีกโดยอาศัยคำว่า "รัก" |
ที่เราให้ความหมายไว้มากมาย | |
21:16  | เราไม่เคยเผชิญความเป็นจริง |
21:20  | ความเป็นจริงคือ |
21:22  | ในความสัมพันธ์กันและกัน |
จะใกล้ชิดหรือไม่ก็ตาม | |
21:30  | ความคิดก่อความสัมพันธ์ขึ้นหรือ |
21:37  | ถ้าไม่ใช่ความคิด |
21:39  | มันเป็นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสหรือ |
ที่ก่อความสัมพันธ์ | |
21:42  | รับรู้ถึงความรู้สึกทางเพศ รับรู้ความรู้สึก |
21:48  | ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสในการอยู่ร่วมกัน |
ในความเป็นเพื่อนกัน ฯลฯ | |
21:55  | ทั้งหมดนั้นอยู่บนฐานความคิด |
21:59  | ประสาทรับรู้สัมผัส |
กลายเป็นเครื่องมือของความคิด | |
22:04  | แล้วความคิดก็ผนึกตัวมันกับการรับรู้สัมผัส |
22:11  | ถูกไหม |
22:16  | อย่าเพิ่งหลับ อย่าทำสมาธิ |
22:24  | คุณไม่รู้หรอกว่าคำนั้นหมายถึงอะไร |
เราจะพิจารณากัน | |
22:29  | คุณสอบสวน คุณสำรวจ |
22:32  | คุณค้นหาเพื่อให้พบคำตอบในเรื่องนี้ |
22:38  | คุณจะหลุดเข้าไปในสภาวะฟุ้งฝันไม่ได้ |
22:45  | เพราะชีวิตทั้งหมดของเรา |
อยู่บนฐานของความสัมพันธ์ | |
22:49  | ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะใกล้ชิดหรือห่างไกล |
23:16  | ผมจึงขอร้องคุณ |
23:22  | ผมไม่ได้ห้าม ผมแค่ขอร้องคุณ |
23:29  | ถ้าคุณจดบันทึก |
คุณก็ไม่สามารถใส่ใจต่อสิ่งที่กำลังพูด | |
23:43  | นั่นชัดเจน |
23:45  | สิ่งที่สำคัญคือคุณฟัง |
ฟังอย่างกระตือรือร้น เข้มข้นแรงกล้า | |
23:54  | ขอให้ค้นหา ขอให้ฟัง |
24:01  | เมื่อคุณต้องการค้นหา |
จึงไม่มีคุรุ ไม่มีระบบปฏิบัติ | |
24:05  | คุณต้องโยนทั้งหมดนั้นทิ้งไป เพื่อที่จะค้นหา |
24:13  | ซึ่งหมายถึง คุณต้องค้นหาว่า |
ความสัมพันธ์ของคุณอยู่บนพื้นฐานอะไร | |
24:25  | ถ้าความสัมพันธ์ของคุณอยู่บนฐานความคิด |
24:30  | ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเช่นนั้น |
ถ้าคุณสืบค้นให้ลุ่มลึก | |
24:35  | ในเมื่อความคิดเป็นสิ่งที่ถูกจำกัด |
24:41  | ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น |
ก็ย่อมถูกจำกัดด้วย | |
24:46  | ดังนั้น สองสัมพันธ์ที่จำกัด |
ย่อมก่อให้เกิดความขัดแย้ง | |
24:59  | คุณไม่ทราบหรือ ในความสัมพันธ์ทั้งปวง |
25:01  | เราอยู่ในความขัดแย้งกันและกัน ไม่ใช่หรือ |
25:08  | ไม่ว่าภรรยาหรือสามี |
หญิงสาวหรือชายหนุ่ม ฯลฯ | |
25:17  | ในการค้นหาว่าความสัมพันธ์เป็นเช่นไร |
25:23  | เราไม่เพียงต้องถามค้น |
เข้าสู่สภาพที่เป็นอยู่จริงๆ | |
25:31  | ซึ่งอยู่บนฐานของความคิด |
ความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้ง | |
25:35  | ความริษยา ความกลัว |
การข่มอยู่เหนือ | |
25:38  | การครองครองเป็นเจ้าของ |
การผนึกตน และอื่นๆ | |
25:43  | เราไม่เพียงต้องค้นให้พบ |
ต้องตระหนักรู้ทั้งหมดนั้น | |
25:49  | แต่เราต้องถามค้นด้วย |
25:54  | ว่าเป็นไปได้หรือ ที่จะเป็นอิสระ |
จากทั้งหมดนั้นในความสัมพันธ์ | |
26:02  | คุณเข้าใจคำถามไหม |
26:06  | ขอร้องเถิด ผมไม่ได้พูดอยู่กับตัวผมเอง |
26:13  | แต่เราทำด้วยกัน |
เราหมายความว่าด้วยกันจริงๆ | |
26:18  | มันเป็นชีวิตคุณ |
26:22  | เราพยายามค้นหาร่วมกัน |
–ไม่ใช่พยายาม– | |
26:27  | เรากำลังค้นหา ไม่มี "การพยายาม" |
26:32  | นั่นเป็นอีกคำหนึ่งที่บ่งบอกว่าเกียจคร้าน |
26:38  | ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด |
ซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย | |
26:47  | แต่เราต้องค้นให้พบ |
26:52  | ว่ามีหรือ ความสัมพันธ์ |
ที่ไม่อยู่บนฐานความคิด | |
26:57  | ความคิดคือความทรงจำ |
27:01  | ผมจำได้ว่า คุณทำให้ผมเจ็บปวด |
27:07  | คุณทำให้ผมมีความสุขเพลิดเพลิน |
สุขทางเพศหรืออื่นๆ | |
27:11  | ผมจำได้ |
27:14  | ผมจำได้ด้วยว่า คุณทำให้ผมเจ็บปวด |
หรือคุณยกยอปอปั้นผม | |
27:21  | คุณให้ความสบายใจ อบอุ่นใจแก่ผม |
27:23  | ทั้งหมดนี้สะสมเป็นความจำ |
และความคิดก็เกิดขึ้นจากความจำนั้น | |
27:31  | แล้วผมก็บอกว่า ผมสัมพันธ์กับคุณ |
27:35  | นี่เป็นชีวิตตามปกติแต่ละวัน |
27:45  | แต่เราถามว่า คุณนั่นแหละถาม |
27:51  | ว่ามีหรือวิถีการดำเนินชีวิต ที่ความคิด |
27:59  | มีบทบาทตามธรรมชาติของมัน |
แม้แต่ในความสัมพันธ์ | |
28:04  | แต่ในความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จริงๆ |
ที่ความคิดหมดสิ้นไป มีหรือ | |
28:09  | |
28:17  | นั่นคือเรื่องที่เราจะค้นให้พบ คุณเข้าใจไหม |
28:21  | ผมหวังว่า แต่ละคนเข้าใจคำถามได้ชัดเจน |
28:29  | นั่นคือส่วนใหญ่ที่เราสัมพันธ์กัน |
28:39  | เป็นความสัมพันธ์ของความเจ็บปวด |
ความวิตกกังวล | |
28:46  | เป็นการผนึกตนเองกับบุคคล |
28:51  | การทะเลาะเบาะแว้ง การจู้จี้ประชดประชัน |
ความริษยา การรบกวนกัน | |
28:57  | นั่นคือความเป็นจริงสามัญ |
ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่ละวัน | |
29:04  | ถ้าเราตระหนักรู้ถึงสภาพนั้น |
กระจ่างชัด ไม่หลบหลีกจากมัน | |
29:10  | เราจึงจะถามได้ว่า |
มีหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น | |
29:17  | ที่ไม่อยู่บนฐานความคิด |
ไม่ขึ้นกับความทรงจำ | |
29:28  | คุณกำลังทำอยู่ด้วยไหม |
29:34  | ไม่ใช่ทำเล่นๆ ทำผิวเผิน |
29:38  | คุณทำจนเหงื่อหยด |
29:48  | การที่จะตอบคำถามนั้น |
29:51  | คุณต้องสอบสวนว่า |
เหตุใดสมองจึงบันทึกจดจำ | |
30:04  | นั่นคือ ด้วยความรำคาญใจ |
คุณพูดอะไรบางอย่างกับลูกชายหรือลูกสาว | |
30:10  | กับสามีหรือภรรยา คุณใช้ถ้อยคำที่น่าเกลียด |
30:17  | หรือคุณพูดกันด้วยถ้อยคำอันไพเราะ |
30:25  | ถ้อยคำเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ |
30:30  | การบันทึกเป็นกลไกการทำงานของสมอง |
30:38  | เพื่อปกป้องตัวมันเอง |
30:44  | เพราะสมองสามารถทำงานได้ |
ในความมั่นคงปลอดภัยที่สมบูรณ์เท่านั้น | |
30:50  | เมื่อสมองไม่มั่นคงปลอดภัยเท่านั้น |
ที่มันแสดงอาการทางจิตประสาท | |
31:00  | ใช่ไหม |
31:02  | หรือเมื่อรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย |
คุณก็มองหาใครบางคน | |
31:08  | หาคุรุหรือนักบวช หรือนักจิตวิทยา |
31:12  | แล้วยอมรับเขาว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือคุณ |
31:15  | สมองจะพูดว่า "นี่แหละ ปลอดภัยแล้ว" |
31:19  | ตามทันไหม |
31:23  | ขอให้ฟังคำถามนี้ เราถามว่า |
31:29  | ในความสัมพันธ์ระหว่างกันของเรา |
31:33  | ในการกิจต่างๆ ที่เราสัมพันธ์กันแต่ละวัน |
31:38  | เป็นไปได้ไหมที่จะไม่มีการบันทึกจดจำ |
ทั้งการดูหมิ่น และการเยินยอ | |
31:46  | ไม่บันทึกจดจำอะไรเลยทั้งสิ้น |
31:51  | ค้นให้พบ |
31:54  | ถ้าคุณไม่บันทึกจดจำ |
31:57  | ความสัมพันธ์ของคุณ |
จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง | |
32:03  | จริงไหม |
32:06  | นั่นเป็นไปได้ไหม |
32:11  | ฟังดูมันเป็นทฤษฎีที่แสนอัศจรรย์ |
เป็นแนวคิดพิเศษสุด | |
32:22  | เหมือนการพูดว่า |
"ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างนี้ได้ | |
32:25  | ชีวิตก็เป็นเรื่องง่ายมาก" |
32:31  | ขออย่าได้แปลความสิ่งที่พูดนี้ไปเป็นแนวคิด |
32:41  | หรือเป็นภาพทฤษฎี |
ในจินตนาการอันเปี่ยมหวัง สุขสันต์ | |
32:50  | เรากำลังค้นหากันจริงๆ |
32:55  | ว่าเป็นไปได้หรือ ที่จะไม่บันทึก |
ความทรงจำทางกามารมณ์ | |
33:07  | ที่ทำให้คุณยิ่งรู้สึกต้องการทางเพศ |
33:12  | คิดถึงภาพต่างๆ ทำนองนั้น |
ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกามารมณ์ | |
33:14  | |
33:20  | และเรื่องนั้นก็ถูกจดจำ บันทึกสะสมไว้ |
33:26  | แล้วถูกกระตุ้นเร้า |
โดยภาพยนตร์ รูปภาพต่างๆ | |
33:32  | สภาพนี้เกิดขึ้นในโลกตะวันตก |
และแพร่หลายไปทั่วโลก | |
33:38  | ซึ่งกระตุ้นส่งเสริมความจำเช่นนี้ |
34:06  | ในฐานะมนุษย์ |
คุณสามารถค้นหาด้วยตนเองได้ไหม | |
34:15  | ว่าเหตุใดเหตุการณ์ที่เจ็บปวด |
ที่สุขเพลิดเพลินจึงถูกบันทึกไว้ | |
34:27  | จากการบันทึกนั่นเองที่ความคิดเริ่มขึ้น |
คุณเข้าใจไหม | |
34:37  | นั่นเป็นไปได้ไหม |
34:44  | มันจะเป็นไปได้ เมื่อมีความใส่ใจเท่านั้น |
34:53  | ไม่ใช่ "ถ้ามี" แต่ “เมื่อมี” ความใส่ใจ |
35:00  | และไม่มีการผนึกตนกับสิ่งใดในความสัมพันธ์ |
35:08  | ผมอธิบายชัดเจนไหม |
35:14  | เราถือเอาว่าภรรยา ลูกหรือสามี เป็นของตาย |
35:23  | ไม่ใช่หรือ |
35:29  | คุณเคยชินกับมัน มันเป็นส่วนหนึ่งของคุณ |
35:34  | คุณเคยชินกับหลายสิ่งอย่าง |
35:39  | แล้วคุณก็เพิ่มเข้าไปอีกอย่าง |
35:44  | การใส่ใจนั้น |
35:50  | เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคุณไม่มีการผนึกตน |
35:55  | กับหญิงหรือชายคนนั้น |
แล้วบอกว่า "เป็นของฉัน" | |
36:01  | คุณทำได้ไหม |
36:04  | ไม่ผนึกตนเข้ากับคนอื่น |
36:10  | ฉะนั้น จึงเป็นอิสระที่จะใส่ใจ |
36:19  | ไม่ใช่ใส่ใจก่อน |
แล้วจึงเป็นอิสระ จึงไม่ผนึกตน | |
36:24  | แต่ไม่ผนึกตนก่อน |
แล้วความใส่ใจจึงอุบัติขึ้นจากนั้น | |
36:32  | เข้าใจไหม |
36:36  | คุณ เรา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ทำได้ไหม |
36:41  | ที่จะไม่ผนึกตนกับคนอื่น |
36:47  | ไม่ใช่กับคนอื่นเท่านั้น |
แต่ไม่ผนึกตนกับแนวคิดด้วย | |
36:51  | กับกลุ่มก๊ก กับสำนักนิกาย กับคุรุ |
36:54  | กับสิ่งทั้งหลายของมัน |
36:58  | ซึ่งหมายถึง คุณเป็นอิสระ |
37:03  | จากอิสรภาพนั้นเอง ความใส่ใจอุบัติขึ้น |
37:09  | เราจะใส่ใจได้อย่างไร |
ถ้าผมยังผนึกตัวผมเองเข้ากับคุณ | |
37:16  | คุณอาจจะอาทร ใจดีอารีที่สุด |
37:18  | ผมอาจต้องการความเอื้ออารีของคุณ |
เพราะผมอ้างว้าง | |
37:24  | ผมรู้สึกสิ้นหวัง |
ผมจึงผนึกตน คุณส่งเสริมผม | |
37:30  | คุณบอกว่า "เรื่องนั้นไม่มีสาระอะไร |
พรุ่งนี้เธอก็จะผ่านพ้นมันไป | |
37:33  | ไปให้พ้นมันสิ เพื่อนยาก" |
37:37  | คุณให้ความอุ่นใจ คุณให้เพศรสแก่ผม |
37:39  | ผมจึงผนึกตนเข้ากับคุณตามสัญชาตญาณ |
37:46  | ในทันทีที่คุณผนึกตนเข้ากับผู้อื่น |
37:50  | คุณก็สร้างการแบ่งแยกขึ้น |
37:57  | นี่ชัดเจน |
38:01  | เมื่อใดที่มีการแบ่งแยก ต้องมีความขัดแย้ง |
38:06  | ใช่ไหม |
38:09  | โอ คุณพระ เช้านี้มีรถไฟหลายขบวนจริงๆ |
38:19  | คุณค้นพบไหม |
38:24  | ค้นพบเดี๋ยวนี้ ขณะนั่งอยู่ที่นี่ |
ไม่ใช่พรุ่งนี้ ไม่ใช่เมื่อคุณกลับไปบ้าน | |
38:27  | ค้นให้พบจริงๆ เดี๋ยวนี้เลย |
38:32  | ว่าคุณผนึกตนเข้ากับเธอหรือเขาหรือเปล่า |
38:39  | และแผ่ขยายการผนึกตนนั้น |
ออกไปอย่างกว้างขวาง | |
38:44  | ผนึกตนกับแนวคิด ความเชื่อ |
หลักศาสนา พระเยซู พระพุทธเจ้า | |
38:51  | สิ่งนี้หรือสิ่งนั้น หรือกับอุดมคติ |
กับประเทศชาติ ฯลฯ | |
38:56  | เริ่มจากที่ใกล้ที่สุด แล้วแผ่ขยายออกไป |
39:04  | เรามักจะเริ่มอย่างกว้างไกล ไม่เริ่มที่ใกล้ๆ |
39:13  | ดังนั้น คุณค้นหาได้ไหม |
ว่าคุณผนึกตนกับคนอื่นหรือเปล่า | |
39:21  | ทันที่ที่คุณใช้คำว่า "ลูกสาวของฉัน" |
หรือ "ลูกชายของฉัน" คุณก็ติดกับ | |
39:30  | คำว่า "ภรรยาฉัน" "ลูกสาวฉัน" "สามีฉัน" |
39:34  | คำเหล่านี้ขับเคลื่อนคุณ |
39:38  | เพราะคำเหล่านี้ล้นท้นด้วยอารมณ์ความรู้สึก |
39:50  | คุณจึงถูกขับเคลื่อนด้วยถ้อยคำ |
39:54  | แต่ถ้าคุณเป็นอิสระจากการผนึกตน |
40:00  | ฉะนั้น จึงเป็นอิสระจากเนื้อหาทางอารมณ์ |
ในความเป็นภรรยา "ของฉัน" | |
40:04  | สามี "ของฉัน" ลูกสาวหรือลูกชาย "ของฉัน" |
40:07  | คุณก็จะใช้คำได้อย่างเป็นปกติ |
ไม่เจือด้วยอารมณ์ มีสุขภาวะจิต | |
40:13  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจเรื่องเหล่านี้ไหม |
40:19  | เราไม่ผนึกตนได้ไหม |
40:25  | แล้วเหตุใดคุณจึงผนึกตน |
40:34  | คุณเข้าใจคำถามไหม เพราะเหตุใด |
40:37  | เป็นเพราะในการผนึกตนกับผู้อื่น |
40:43  | คุณหลบหลีกจากตัวคุณเอง ใช่ไหม |
40:51  | ขอให้ไตร่ตรองในเรื่องนี้ |
คุณเป็นอย่างนั้นไหม | |
40:58  | หรือคุณอาจจะผนึกตนกับผู้อื่น |
เพราะคุณอ้างว้างเดียวดาย | |
41:12  | หรือคุณหวาดกลัวที่จะไม่มี ไม่เป็นอะไรเลย |
41:24  | คุณเข้าใจไหม |
41:27  | หวาดกลัวที่จะว่างลงทางจิตใจโดยบริบูรณ์ |
41:32  | ผมไม่ได้หมายถึงทางชีวภาพหรืออาหาร |
41:39  | ด้วยเหตุเหล่านี้ |
ทำให้คุณไม่เคยถามคำถามนี้ | |
41:51  | และถ้าคุณถาม มันเป็นเพราะคุณหวาดกลัว |
41:54  | ที่จะเผชิญกับตัวเองอย่างที่คุณเป็นจริงๆ |
ใช่ไหม | |
42:02  | ฉะนั้น การผนึกตนกับผู้อื่น |
42:04  | จึงเป็นทางหนีจากสิ่งที่คุณเป็นอยู่จริง |
42:12  | แล้วคุณก็ถามว่า คุณคืออะไร |
42:22  | แน่นอน คุณคือชื่อของคุณ รูปลักษณ์ของคุณ |
42:26  | คือร่างกาย ทั้งองคาพยพ และใบหน้า |
42:29  | แต่นั่นเป็นธรรมชาติทางชีวภาพ ทางสรีระ |
42:41  | แต่คุณคืออะไร |
42:51  | คุณเป็นผลของโครงสร้างและกระบวนการ |
ของความคิดทั้งหมด ไม่ใช่หรือ | |
42:55  | |
43:00  | อย่าพูดว่า "ฉันเป็นตัวตนที่สูงส่งกว่า" |
43:05  | ถ้าคุณพูดอย่างนั้น |
นั่นก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการคิด | |
43:10  | หรือถ้าคุณพูดว่า "ภายในฉันสูงส่ง |
ถูกปิดคลุมด้วยโคลนตม" | |
43:16  | นั่นก็เป็นการคิดเช่นกัน |
43:21  | ดังนั้น นอกจากใบหน้าและผมหยักศก |
43:25  | ผิวสีน้ำตาลเข้ม ดำหรือม่วง ฯลฯ |
43:29  | นอกจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว |
เมื่อปลดเปลื้องถ้อยคำออกจากตัวคุณ | |
43:39  | คุณไม่ได้เป็นผลของถ้อยคำหรือ |
43:45  | ฉันเป็นคนอังกฤษ หรือฝรั่งเศส |
43:49  | ฉันเป็นคนรัสเซีย "ฉันเป็นคาทอลิก" |
43:56  | ฉันติดตามผู้รู้ท่านนี้ |
44:03  | คุณเป็นผลของความคิดไม่ใช่หรือ |
44:14  | เราพูดว่า ความคิดนั้นจำกัด |
44:21  | สิ่งที่เป็นคุณจึงจำกัดอย่างยิ่ง |
44:28  | ตัวตน บุคคลที่จำกัดนั้นพูดว่า |
"ฉันเป็นอย่างนี้ ฉันเป็นอย่างนั้น | |
44:32  | ฉันมีเงินหลายล้านดอลลาร์ |
ฉันมีชีวิตที่สุขสันต์ดี | |
44:35  | ฉันมีชีวิตที่ระทมขมขื่น ฉันเป็นนั่น เป็นนี่" |
44:39  | มันก็ยังอยู่ในพื้นที่อันจำกัดแคบของความคิด |
44:53  | ชาวฮินดูโบราณ |
สร้างสิ่งประเสริฐไว้อย่างหนึ่ง | |
44:59  | พวกเขาเรียกสิ่งนั้นว่าอาตมัน |
ตันตนที่สูงส่งกว่า สิ่งอันสูงสุด | |
45:04  | สิ่งอันสูงสุดนั้นก็ยังเกิดจากความคิด |
45:11  | แต่ผู้คนกลับหลงเชื่อง่ายๆ ไม่มีเหตุผล |
45:16  | ชอบใช้ชีวิตในมายาลวง |
ในความเชื่อที่สร้างขึ้น | |
45:20  | พวกเขายอมรับเรื่องเหล่านั้น |
45:26  | ดังนั้น เราจึงพูดว่า |
เมื่อคุณปลดเปลื้องจากข้อสรุปของคุณ | |
45:34  | จากถ้อยคำของคุณ จากประสบการณ์ของคุณ |
แล้วคุณคืออะไร คุณก็ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น | |
45:36  | |
45:44  | คุณว่างเปล่า |
45:47  | จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม |
45:52  | ความรู้สึกว่าคุณไม่เป็นอะไรเลย |
ทำให้คุณหวาดกลัว | |
45:58  | คุณจึงเริ่มที่จะผนึกตน |
46:02  | คุณเติมใส่ความว่างเปล่านั้น |
46:07  | อย่างน้อยคุณก็คิด |
ว่าคุณเติมใส่ความว่างเปล่านั้นได้ | |
46:09  | ด้วยแนวคิดและด้วยความสัมพันธ์มากมาย |
46:12  | ด้วยความรู้มากมาย ฯลฯ |
46:20  | คุณทำได้ไหม ความคิดสามารถทำได้ไหม |
46:23  | จิตใจสามารถสังเกตความว่างนั้น |
โดยไม่เคลื่อนออกจากมัน ได้ไหม | |
46:32  | คุณเข้าใจคำถามไหม |
46:39  | เราต้องเข้าใจอะไรบางอย่างตรงนี้ |
46:43  | คุณเหนื่อยแล้วหรือยัง |
46:49  | ถ้าคุณเหนื่อย ก็ไม่เป็นไร |
46:55  | ตรงนี้เราต้องสืบค้นเข้าสู่เรื่องอื่นอีก |
46:58  | นั่นคือ เราส่วนใหญ่คุ้นชินอยู่กับจารีต |
47:03  | |
47:07  | คุ้นชินกับอิทธิพลที่กำหนดให้เคลื่อนไหว |
ให้ทำบางสิ่งบางอย่าง | |
47:15  | ใช่ไหม |
47:19  | เราคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าการกระทำเชิงบวก |
47:25  | สิ่งใดที่ไม่ใช่การกระทำเชิงบวก |
ก็เรียกว่าการกระทำเชิงลบ | |
47:31  | คุณตามทันไหม |
47:38  | สมองเรา จิตใจเรา นิสัยเคยชินของเรา |
47:47  | ปฏิบัติตามการกระทำเชิงบวกนี้ |
คือจะทำบางสิ่งบางอย่าง | |
47:52  | เมื่อผมกลัว ผมก็ต้องควบคุมมัน |
47:57  | เมื่อผมโลภ ผมก็เติมเต็มหรือไม่ก็ควบคุมมัน |
48:05  | ส่วนใหญ่เราถูกฝึกให้ทำ ซึ่งเรียกว่าเชิงบวก |
48:16  | แต่ในการกระทำเชิงบวกนั้น |
48:21  | มีการกระทำเชิงลบอยู่ด้วย |
คือการไม่ทำอะไรเกี่ยวกับมันเลย | |
48:23  | หลับใหลเสีย หรือปกปิดมันไว้ |
หรือวิ่งหนีจากมัน | |
48:30  | แต่ยังมีการกระทำอีกแบบหนึ่ง |
48:34  | ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการกระทำเชิงบวก |
48:42  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม |
48:46  | ไม่มีการกระทำใดๆ เลย |
48:53  | เข้าใจไหม |
48:55  | แบบหนึ่งคือมีการกระทำ |
49:01  | ฉันขี้เกียจ ฉันต้องตื่น ต้องบังคับตัวเอง |
49:09  | ฉันต้องเล่นโยคะ |
49:14  | เช้านี้ ฉันไม่อยากทำ |
แต่ฉันต้องทำ เพราะมันดีสำหรับฉัน | |
49:21  | คำว่า "โยคะ" |
49:24  | ผมจะไม่พูดถึงตอนนี้ |
เราจะพูดถึงในโอกาสอื่น | |
49:31  | โยคะกลายเป็นเรื่องการหาประโยชน์ หาเงิน |
49:40  | เป็นอย่างนั้น |
49:42  | เราถูกฝึกฝน กล่อมเกลา |
จนเป็นนิสัยเคยชิน เป็นจารีต | |
49:47  | เป็นอิทธิพลกำหนดของเรา |
ที่ต้องทำอะไรบางอย่างกับความรู้สึก | |
49:57  | และในการกระทำเชิงบวกนั้น |
50:01  | มีการกระทำเชิงลบ |
ที่จะไม่ทำอะไรกับความรู้สึกนั้นเลย | |
50:03  | แค่ปล่อยมันไว้หรือหนีห่างจากมัน |
50:08  | เราเสนอว่า ขอให้ถามค้นในเรื่องนี้ |
50:10  | ขออย่าได้ยอมรับ |
50:14  | เรากล่าวว่า มีการกระทำแบบอื่น |
50:18  | ที่ไม่เกี่ยวกับการกระทำเชิงบวก |
คือไม่กระทำ | |
50:24  | อีกสักครู่ เราจะพิจารณาเรื่องนี้ |
50:29  | คุณเข้าใจไหม |
50:31  | การไม่กระทำ ไม่ใช่คู่ตรงข้ามกับการกระทำ |
50:37  | การกระทำที่เป็นคู่ตรงข้ามนั้นจำกัด |
เพราะมันอยู่บนฐานความคิด | |
50:45  | แต่ทว่า การไม่กระทำ |
ไม่เกี่ยวข้องกันเลยกับการกระทำเชิงบวก | |
50:49  | มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง |
เราจะถามค้นเข้าสู่เรื่องนี้ | |
50:58  | ขณะนี้ คำถามของเราคือ |
51:04  | เราได้ยิน ถ้าเราให้ความใส่ใจ |
51:08  | เราได้ยินแล้วว่า การผนึกตนกับผู้อื่น |
51:15  | ทำให้เกิดความแบ่งแยก |
51:19  | เพราะการผนึกตนกับผู้อื่น |
51:22  | อยู่บนความว่างเปล่า |
ความอ้างว้างเดียวดายของคุณเอง | |
51:27  | ความอยากของคุณ ที่จะหลบหนีจากตัวคุณเอง |
51:32  | แต่ในการหลบหนีจากตัวคุณ |
51:36  | ความอ้างว้างเดียวดายของคุณ |
ก็ยังอยู่ตรงนั้นเสมอ | |
51:40  | มันอยู่ตรงนั้นเสมอ |
51:41  | คุณอาจผนึกตนกับผู้อื่น |
แต่ความอ้างว้างก็อยู่ที่นั่น | |
51:45  | การผนึกตนจึงสร้างการแบ่งแยก |
คุณเข้าใจไหม | |
51:53  | แล้วการทะเลาะวิวาท |
และเรื่องอื่นๆ ก็ตามมา | |
51:58  | มีการหย่าร้าง |
และการดิ้นรนไม่จบสิ้นในความสัมพันธ์ | |
52:06  | คุณสามารถสังเกต |
กระบวนการผนึกตนนี้ได้ไหม | |
52:14  | สังเกตสาเหตุของการผนึกตน |
โดยปราศจากการกระทำใดๆ ในเชิงบวก | |
52:24  | ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับมันเลย |
52:29  | คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม |
52:35  | ผมขอสืบค้นต่อถ้ามีเวลา นี่กี่โมงแล้ว |
52:43  | มีเวลาเหลือเฟือ ผมจะสืบค้นเรื่องนี้ |
52:52  | ถ้าคุณฟังอย่างใส่ใจ คุณจะรับรู้ |
52:59  | ว่าคุณผนึกตนอยู่ นั่นคือสิ่งที่เป็นจริง |
53:05  | สิ่งที่เป็นจริงคือ คุณผนึกตน |
53:09  | เพราะคุณหวาดกลัว |
คุณอ้างว้าง คุณว่างเปล่า | |
53:15  | คุณรู้สึกกระวนกระวาย คุณจึงผนึกตน |
53:19  | คุณสามารถสังเกตการเคลื่อนไหวนั้น |
โดยไม่ทำอะไรเลย ได้ไหม | |
53:26  | เพียงแค่สังเกตมัน |
53:30  | เหมือนที่คุณสังเกตความอลังการของขุนเขา |
สายน้ำที่ไหลหลาก | |
53:40  | เพียงแค่สังเกตเท่านั้น |
53:45  | ฉะนั้น เมื่อคุณสังเกตจริงๆ |
ซึ่งเป็นการไม่กระทำ | |
53:53  | สิ่งที่คุณสังเกตอยู่นั้น |
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากฐาน | |
54:05  | เมื่อเรากระทำเชิงบวกกับมันเท่านั้น |
54:11  | ที่เรากระทำโดยเป็นบุคคลที่แยกแตกต่าง |
ฉะนั้นจึงขัดแย้ง | |
54:17  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม |
54:24  | ขอให้เราพิจารณาเรื่องอื่นอีก |
54:31  | นั่นคือ เราส่วนใหญ่ อาจจะทุกคน |
54:37  | เราหวาดกลัวไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่ง |
54:48  | ชีวิตของเราไม่แน่นอนอย่างยิ่ง |
โดยเฉพาะขณะนี้ | |
54:59  | มีความไม่แน่นอนในการหาเลี้ยงชีพ |
ความไม่แน่นอนจากสงคราม | |
55:05  | ความไม่แน่นอนที่เกิดจากแรงกดดันของโลก |
55:09  | ความมหันต์ของสองขั้วมหาอำนาจ |
อะไรจะเกิดขึ้นจากสภาพนี้ | |
55:13  | และอื่นๆ อีกสารพัด ทางการเมือง |
55:17  | เรากระวนกระวาย นั่นหมายถึงเราหวาดกลัว |
55:23  | กลัวว่าคุณอาจจะตกงาน |
55:28  | กลัวว่าคุณอาจจะเจ็บป่วยทางกาย |
เช่นเดียวกับทางชีวภาพ | |
55:36  | ก็มีความกลัวอีกเช่นกัน |
55:39  | และในทางจิตใจ ภายใน |
เรากลัวความอ้างว้างเดียวดาย | |
55:46  | กลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ |
กลัวจะไม่เป็นที่รัก ไม่ว่าจะหมายถึงอะไรก็ตาม | |
55:53  | กลัวความมืด |
55:59  | ความกลัว รวมทั้งกิ่งก้านสาขามากมาย |
56:04  | |
56:08  | ถ้าคุณไม่กลัว |
56:12  | ก็จะไม่มีผู้นำทางจิตวิญญาณ |
ไม่มีอำนาจเหนือ ไม่มีการแสวงหา | |
56:16  | คุณก็เป็นมนุษย์มหัศจรรย์ |
56:23  | เรากำลังจะค้นหา |
56:26  | ถามค้นร่วมกัน ไม่ใช่ผมคนเดียว |
56:33  | ค้นหาว่าเป็นไปได้หรือ ที่จะไม่มีความกลัว |
ไม่ว่ากลัวอะไรก็ตาม | |
56:38  | ทั้งทางร่างกาย เช่นเดียวกับทางจิตใจ |
56:48  | คุณสนใจในเรื่องนี้ไหม |
56:54  | อย่าสนับสนุนส่งเสริม |
ผมไม่ได้ขอการสนับสนุน | |
57:03  | เพราะการมีชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัว |
เป็นสิ่งน่ากลัวที่สุด | |
57:09  | เป็นการมีชีวิตอยู่ในความมืดมิด |
57:14  | มันทำให้หดตัว ปลีกแยกโดดเดี่ยว |
57:21  | คุณไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ คุณจึงถอนตัว |
57:27  | และจากการถอนตัวนั้น ความกลัวก็เกิดขึ้น |
57:29  | อีกทั้งการกระทำที่วิปลาสทั้งหลาย |
สุขภาพที่ทรุดโทรม | |
57:34  | มันเป็นปฏิกิริยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ |
ที่ทำให้เกิดความกลัว | |
57:39  | ดังนั้น ถ้าคุณจริงจังจริงๆ |
คุณต้องสืบค้นในเรื่องนี้ให้ลุ่มลึกอย่างยิ่ง | |
57:44  | คุณต้องค้นให้พบด้วยตัวคุณเอง |
ว่าความกลัวจะจบลงได้ไหม | |
58:02  | ถ้าเราถามว่า คุณรับรู้ถึงความกลัวของคุณไหม |
58:06  | แต่นี่ไม่ใช่กลุ่มจิตบำบัด คุณเข้าใจนะ |
58:11  | แต่ละคนสืบค้นด้วยตนเอง |
58:17  | ไม่ใช่กลุ่มที่สืบค้น นั่นไร้ความหมายเกินไป |
58:21  | ผมถามคุณว่า |
คุณรับรู้ถึงความกลัวของคุณไหม | |
58:31  | ถ้าคุณรับรู้ คุณเห็นสิ่งที่ตามมาไหม |
58:46  | เห็นการวิ่งหนีจากมัน การให้เหตุผลแก่มัน |
58:54  | การกดข่มมัน การหลีกเลี่ยงจากมัน |
58:58  | และการผนึกตนก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นและมากขึ้น |
59:09  | อะไรคือรากเหง้าของความกลัว คุณเข้าใจไหม |
59:16  | ไม่ใช่ผมกลัวบางสิ่ง |
หรือเพราะว่าบางอย่างทำให้ผมกลัว | |
59:25  | ไม่ใช่ผมกลัวว่าคุณจะทำบางสิ่งบางอย่าง |
59:33  | ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น |
แต่เป็นรากเหง้าของความกลัว | |
59:50  | คุณต้องการค้นหารากเหง้าของมันไหม |
หรือคุณกำลังรอคอยคำตอบ | |
59:53  | |
59:58  | ผมตอบก็ได้ แต่ทว่าจะเกิดอะไรขึ้น |
1:00:03  | คุณอาจจะพูดว่า "ใช่ มันเป็นอย่างนั้น" |
1:00:08  | คุณยอมรับ และมันก็กลายเป็นแนวคิด |
1:00:15  | แล้วคุณก็หลุดออกไปจากความเป็นจริง |
1:00:19  | ดังนั้น คุณต้องถามคำถามนี้ด้วยตัวคุณเอง |
1:00:26  | อะไรคือรากเหง้าของความรู้สึกทั้งหมด |
ของความกลัวอันใหญ่หลวงนี้ | |
1:00:33  | ในความสัมพันธ์ของเรา |
ในกิจกรรมของเรา ในการงานของเรา | |
1:00:37  | ชีวิตในอนาคตของเรา |
คุณก็ทราบ เรื่องต่างๆ ทั้งหมดนี้ | |
1:00:54  | คุณถามหรือเปล่า ถามคำถาม |
1:01:07  | คำถามที่จะตัดรากเหง้าโดยสิ้นเชิง |
1:01:19  | หรือคุณถามเพียงเป็นเรื่องทางความคิด |
1:01:28  | ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม |
ผมจะอธิบายว่าผมหมายถึงอะไร | |
1:01:31  | ผมต้องการค้นหาว่าเพราะเหตุใดผมจึงกลัว |
1:01:39  | ผมสามารถค้นหาสาเหตุได้สารพัด |
ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ | |
1:01:42  | |
1:01:46  | ผมกลัวเพราะผมได้ทำสิ่งที่ผมไม่ควรทำ |
1:01:50  | และคุณอาจจะรู้ว่าผมทำ ผมจึงกลัว |
1:01:53  | หรือผมกลัวว่าผมอาจตกงาน |
ผมต้องการงานที่ดีกว่านี้ ฯลฯ | |
1:01:56  | |
1:01:58  | หรือผมผูกพันกับภรรยาของผมมาก |
1:02:03  | ผมรู้สึกว่าเธออาจทอดทิ้งผมไปเมื่อใดก็ได้ |
1:02:06  | ผมจึงกลัว |
1:02:08  | เรื่องราวทั้งหมดของความกลัว |
1:02:13  | ผมสัมผัสความกลัวได้จริงๆ หรือ |
1:02:19  | หรือว่าผมเพียงสัมผัสกับ |
ความคิดเกี่ยวกับความกลัว | |
1:02:24  | คุณเข้าใจไหม |
1:02:27  | อย่างไหนที่คุณสัมผัส |
1:02:29  | ความคิดเกี่ยวกับความกลัว |
หรือว่าตัวความกลัวจริงๆ | |
1:02:38  | ใครก็ได้ช่วยตอบที |
1:02:40  | คุณผู้หญิง อย่ามัวเขียนโน้ตเลย |
1:02:55  | ถ้าคุณเขียนโน้ต คุณก็ฟังไม่ได้ |
มันเป็นปัญหาของคุณ | |
1:02:59  | การจดบันทึกไม่สำคัญในขณะนี้ |
การค้นหาต่างหากที่สำคัญ | |
1:03:19  | ผมสามารถที่จะสอบสวน วิเคราะห์ถึงสาเหตุ |
1:03:27  | สาเหตุและสิ่งที่ตามมา |
ผมสามารถวิเคราะห์มันได้ | |
1:03:35  | แต่การวิเคราะห์ไม่ได้แก้ปัญหา |
1:03:40  | คุณต้องรู้แล้ว |
1:03:43  | เพราะผู้วิเคราะห์คิดว่า |
เขาแยกแตกต่างจากสิ่งที่ถูกวิเคราะห์ | |
1:03:51  | ถูกไหม |
1:03:53  | คุณอาจเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว |
ก็อย่าเพิ่งเบื่อ | |
1:03:57  | หรือยิ้มแล้วบอกว่า "ใช่แล้ว |
เขากลับไปพูดเรื่องเดิมๆ" | |
1:04:00  | แต่คุณต้องเข้าใจเรื่องนี้ |
1:04:01  | ถ้าคุณเข้าใจ ถ้าคุณเห็นความจริงของมัน |
1:04:04  | คุณก็จะทำอะไรบางอย่าง |
1:04:08  | เราไม่ได้วิเคราะห์ แต่สังเกตอยู่ |
1:04:17  | การวิเคราะห์แตกต่างจากการสังเกตโดยสิ้นเชิง |
1:04:22  | ใช่ไหม |
1:04:26  | การสังเกตบ่งบอกว่า |
ปราศจากผู้สังเกตที่มองดู | |
1:04:33  | แต่ถ้าคุณวิเคราะห์ถึงสาเหตุ |
1:04:36  | ว่าเหตุใด แล้วก็หาเหตุผลต่างๆ |
1:04:40  | แล้ววิเคราะห์ วิเคราะห์ต่อไป |
ซึ่งแสดงถึงหลายสิ่งหลายอย่าง | |
1:04:42  | |
1:04:45  | คือ มีผู้วิเคราะห์ที่คิดว่าเขาแตกต่าง |
จากสิ่งที่ถูกวิเคราะห์ | |
1:04:49  | และนั่นเกี่ยวข้องกับกาลเวลา |
1:04:54  | เป็นกระบวนการวิเคราะห์ |
วิเคราะห์ วิเคราะห์ ที่ไม่จบสิ้น | |
1:04:57  | เมื่อถึงจุดจบของชีวิต |
คุณก็ยังวิเคราะห์อยู่อีก | |
1:05:04  | โดยไม่ได้ก่อให้เกิด |
การเปลี่ยนแปลงใหม่จากรากฐาน | |
1:05:10  | แต่ถ้าคุณสังเกต เพียงแค่สังเกตเท่านั้น |
1:05:18  | นั่นคือปราศจากการวิเคราะห์ แค่มองดู |
1:05:24  | ซึ่งเป็นการกระทำเชิงลบ |
1:05:29  | การกระทำเชิงบวกคือการมองดู การวิเคราะห์ |
คือการทำบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับมัน | |
1:05:37  | ในขณะที่การกระทำเชิงลบ |
1:05:40  | ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการกระทำเชิงบวก |
คือการสังเกต | |
1:05:48  | ถูกไหม |
1:05:49  | การสังเกตเช่นนั้นไม่เพียงบอกถึง |
เรื่องราวของสิ่งที่ถูกสังเกต | |
1:05:59  | มันบอกเรื่องราวของสิ่งที่กำลังถูกสังเกต |
1:06:02  | และตัวการสังเกตนั้นเอง |
ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว | |
1:06:07  | ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น |
ในสิ่งที่ถูกสังเกต | |
1:06:12  | ขอให้เข้าใจเรื่องนี้ให้ได้ |
1:06:19  | แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ |
1:06:21  | ก็เห็นด้วยกับเรื่องที่เราพูด |
ดังนั้นคุณสบายใจได้ | |
1:06:29  | เมื่อคุณมองดูเซลล์ผ่านกล้องจุลทรรศน์ |
1:06:38  | ถ้าคุณมองดูโดยมีข้อสรุปอยู่ก่อน |
1:06:42  | มองดูด้วยความต้องการที่จะใช้มัน |
เพื่อวัตถุประสงค์ขั้นต่อไป | |
1:06:47  | และเพื่อหาเงิน หรืออะไรก็ตาม |
1:06:50  | คุณก็จะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหว |
ของเซลล์ที่เปลี่ยนแปลง | |
1:06:58  | คุณเข้าใจไหม |
1:07:00  | การที่จะสังเกตโดยปราศจาก |
การเคลื่อนไหวของความคิด | |
1:07:08  | ปราศจากการเคลื่อนไหวใดๆ ที่พยายามเปลี่ยนมัน |
การเคลื่อนไหวที่จะไปพ้นมัน | |
1:07:16  | เพียงแค่สังเกต |
1:07:18  | เมื่อคุณมองดูอย่างใกล้ชิดจริงๆ |
1:07:22  | โดยปราศจากทิศทาง ปราศจากแรงจูงใจ |
1:07:26  | สิ่งที่คุณกำลังสังเกตนั้น |
1:07:28  | ตัวมันเองเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรากฐาน |
แค่นั้น | |
1:07:35  | คุณกำลังทำอยู่ไหม ไม่ใช่เห็นด้วยกับผม |
1:07:42  | คุณมองดูความกลัวของคุณ |
ในลักษณะนี้ ได้ไหม | |
1:07:49  | มันไม่จำเป็นต้องฝึกฝน |
1:07:52  | นั่นมันทฤษฎีหลอกเด็ก |
1:07:58  | ถ้าคุณสนใจ ถ้าคุณใฝ่ใจ |
ในการเป็นอิสระจากความกลัว | |
1:08:07  | คุณจะสังเกต |
1:08:10  | และการสังเกตนั้นแรงกล้า |
1:08:12  | ไม่ใช่เป็นการสังเกตผ่านความคิดที่ผิวเผิน |
1:08:20  | คุณสังเกตความกลัว |
สังเกตรากเหง้าของมัน ได้ไหม | |
1:08:26  | อีกสักครู่เราจะพิจารณาถึง |
รากเหง้าของความกลัว | |
1:08:29  | โดยปราศจากการวิเคราะห์ใดๆ |
1:08:32  | รากเหง้าของความกลัว |
คืออะไร ความกลัวทั้งหมด | |
1:08:42  | คุณคิดว่ามันคืออะไร |
1:08:50  | คือกาลเวลา ใช่ไหม |
1:08:57  | ผมอาจจะเจ็บป่วย |
1:08:59  | ผมอาจตกงาน |
1:09:02  | ผมอาจค้นพบสิ่งผิดพลาดที่ผมทำลงไป |
1:09:10  | ผมกลัวความตาย ซึ่งยังอยู่อีกไกล |
1:09:21  | ผมกลัวว่า ภรรยาผมอาจจะโกรธ อาจจะ |
1:09:27  | เพียงมองดูมัน |
ผมไม่ได้ขอให้คุณยอมรับเรื่องนี้ | |
1:09:31  | แค่สังเกต |
1:09:35  | ก่อนอื่น ใช้เหตุผล ใช้ตรรกะ |
ไม่ทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว | |
1:09:41  | ด้วยประการฉะนี้ จึงมองดู |
1:09:44  | ความกลัวคือการเคลื่อนไหว |
ของกาลเวลา ไม่ใช่หรือ | |
1:09:56  | การเคลื่อนไหวหมายถึง |
กาลเวลาจากที่นี่ไปยังที่นั่น | |
1:10:04  | จากอดีตไปยังปัจจุบัน |
จากปัจจุบันไปสู่อนาคต | |
1:10:09  | ทั้งหมดนั้นคือกระแสที่เรียกว่ากาลเวลา |
1:10:17  | กระแสของกาลเวลาคือความคิด ไม่ใช่หรือ |
1:10:28  | ผมคิดว่าผมอาจตกงาน |
1:10:33  | ผมคิดว่าภรรยาของผมอาจจะโกรธ |
1:10:37  | หรือภรรยาของผมอาจจับได้ว่า |
ผมลอบมองผู้หญิงคนอื่น | |
1:10:42  | และต่างๆ นานา |
1:10:57  | คุณสามารถสังเกตกระแสของเวลา |
1:11:07  | ซึ่งก็คือความคิด คือรากเหง้าของความกลัว |
1:11:12  | สังเกตมัน โดยไม่พยายามทำอะไรกับมัน |
ได้ไหม | |
1:11:21  | เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ |
มองดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ | |
1:11:27  | ถ้าเขาคิดไว้ล่วงหน้าว่ามันควรเป็นเช่นไร |
คิดว่ามันอาจจะเป็นอย่างไร | |
1:11:33  | มันก็จะคงอยู่ในสภาพเดิม |
เพราะเขาบงการว่ามันควรเป็นอะไร | |
1:11:42  | แต่ถ้าเขาไม่ได้บงการ |
ถ้าเขาไม่มีสมมติฐานเลย | |
1:11:45  | เขาเพียงแค่สังเกต |
1:11:46  | สิ่งนั้นที่เขากำลังมองดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ |
1:11:51  | เริ่มที่จะเปลี่ยน เริ่มที่จะเคลื่อนไหว |
1:11:55  | คุณเข้าใจไหม คุณกำลังทำอยู่ไหม |
1:12:05  | ซึ่งหมายถึง |
การสังเกตแสดงถึงผู้สังเกตหายไป | |
1:12:15  | ผู้สังเกตเป็นอดีต |
เป็นผู้มีทฤษฎีและข้อสรุปมากมาย | |
1:12:18  | มีความหวัง มีความกลัว มีทิศทาง ฯลฯ |
1:12:23  | การที่จะมองดู โดยปราศจากผู้สังเกต |
1:12:27  | ไม่จำเป็นต้องมีแนวปฏิบัติ |
ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกฝน | |
1:12:31  | เพียงแค่มองดู โดยที่ไม่มี |
ความต้องการอะไรบางอย่างจากการดู | |
1:12:41  | ถ้าคุณมองดูเช่นนั้นได้จริงๆ คุณก็จะเห็น |
1:12:48  | ว่ารากเหง้าของความกลัว |
เริ่มเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ | |
1:12:55  | แล้วรากเหง้านั้น... |
1:13:04  | ในการสังเกตอย่างใส่ใจ |
อย่างตื่นรู้ ด้วยความรู้สึกแรงกล้า | |
1:13:07  | รากเหง้านั้นเริ่มสลายหายไป |
1:13:11  | ซึ่งเป็นการกระทำเชิงลบ คุณเข้าใจไหม |
1:13:18  | คุณเข้าใจอะไรบ้างไหม |
1:13:23  | คุณรู้ไหม นี่เป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ |
1:13:36  | สมาธิไม่ใช่การท่องถ้อยคำซ้ำๆ |
1:13:39  | ไม่ใช่การนั่งขัดสมาธิเงียบๆ |
20 นาที ในตอนเช้า | |
1:13:43  | 20 นาที... ไร้สาระทั้งนั้น |
1:13:47  | จิตใจจะทำสมาธิได้หรือ |
ถ้ามันเต็มไปด้วยความกลัว | |
1:13:56  | หรือจิตผูกติดอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง |
1:14:00  | การทำความเข้าใจและอิสรภาพจากความกลัว |
เป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ | |
1:14:09  | สมาธิเกี่ยวข้องกับ |
ชีวิตแต่ละวันทั้งหมดทั้งสิ้น | |