Krishnamurti Subtitles

SA79T3 - ความมั่นคงปลอดภัยในทางจิตใจมีหรือ

พูดกับสาธารณชนที่ซาแนน สวิสเซอร์แลนด์ ครั้งที่ 3
วันที่ 12 กรกฎาคม 1979



1:01  เช้าวันนี้ผมเกือบจะมาพูดไม่ได้
 
1:04  ผมเป็นไข้หวัดอย่างหนัก
 
1:16  เราจะคุยกันต่อในเรื่อง
ที่เราได้คุยกันไว้เมื่อวานซืนดีไหม...
  
1:19  ว่าอย่างไรครับ
 
1:25  สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่า...
 
1:28  พวกเราไม่เคยคิดไตร่ตรอง
โดยถ่องแท้อย่างจริงจัง
  
1:39  เราทำเพียงครึ่งๆ กลางๆ
แล้วก็ล้มเลิก
  
1:47  ผมคิดว่าเรายังไม่จริงจังเพียงพอ
ที่จะสืบค้นในสิ่งเหล่านี้
  
1:55   
 
1:58  ผมอยากสนทนาหรือพูดคุยกับพวกคุณ
ถ้าคุณเห็นด้วย...
  
2:03  ...ไม่ใช่พูดเพียงในเรื่อง
ที่เราได้พูดกันแล้ว...
  
2:08  ...และร่วมคิดด้วยกันแล้วเท่านั้น
 
2:12  แต่ทว่าอยากจะพูดถึง
ปัญหาของความมั่นคงปลอดภัย...
  
2:18  ...ว่าเหตุใดมนุษย์ทั่วโลกต่างเสาะหา
ความมั่นคงปลอดภัยทางจิตใจ
  
2:25   
 
2:29  คนเราต้องการ
ความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพ
  
2:33  เราต้องมีอาหารการกิน
มีเครื่องนุ่งห่มและที่อยู่อาศัย
  
2:37  แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลา
หลายพันปีที่ผ่านมา...
  
2:40  ...มนุษย์ไม่สามารถสร้างสังคม...
 
2:41  ...ที่ทุกๆ คนจะมีอาหาร...
 
2:48  ...มีเครื่องนุ่งห่ม
และที่อยู่อาศัยอย่างเพียงพอ
  
2:54  ได้มีการปฏิวัติหลายต่อหลายครั้งมาก
 
2:56  เพื่อจะนำมาซึ่งสังคมเยี่ยงนี้
ไม่ว่าจะเป็นระบอบเผด็จการ...
  
3:01  ...และระบอบอื่นๆ แต่ปรากฏว่า
การปฏิวัติต่างๆ ไม่ประสบความสำเร็จ
  
3:06  หรือเป็นเพราะว่าเราต่างแสวงหา
ความปลอดภัยทางกายภาพ...
  
3:16  ...และความปราถนาความมั่นคง
ปลอดภัยทางกายภาพนั้น...
  
3:21  ...ถูกบงการ ครอบงำ
ด้วยความต้องการทางจิตใจ
  
3:31  คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ
 
3:33  คนเราต้องการ
ความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพ
  
3:38  และนั่นเป็นบทบาทหน้าที่
ของสังคมที่ดี
  
3:42  ซึ่งเราจะพูดถึงต่อไปนี้
ว่าสังคมที่ดีคืออะไร
  
3:50  ทำไมมนุษย์เรา
จึงไม่มีความสามารถที่จะจัดการ...
  
3:58  ...ทั้งๆ ที่มีสมรรถวิสัย
และพลังงานพอตัว...
  
4:00  ...ที่จะจัดการให้มนุษย์ทุกคนมีอาหาร
 
4:03  เครื่องนุ่งห่มและที่อยู่อาศัย
อย่างเพียงพอ
  
4:08  นั่นคือปัญหาหนึ่ง
 
4:10  ส่วนอีกปัญหา คือ มนุษย์แต่ละคน
เสาะแสวงหาความมั่นคงทางจิตใจ...
  
4:16   
 
4:27  ...ความปลอดภัยภายในจิตใจ
มนุษย์พึ่งพิงความเชื่อ...
  
4:34  ...ยึดถือและคาดหวัง...
 
4:36  ...ว่าจะได้พบความมั่นคงปลอดภัย...
 
4:40  ...ในความเชื่อ ในอุดมคติ
ในตัวบุคคล ในแนวความคิด...
  
4:46  ...หรือในประสบการณ์
 
5:00  แล้วเขาจะได้พบความมั่นคงปลอดภัย
ในสิ่งเหล่านั้นหรือ
  
5:04  คุณเข้าใจคำถามของผมหรือเปล่า
 
5:06  ถ้าเขาไม่พบ
ความมั่นคงปลอดภัยนั้น...
  
5:07  ...ทำไมเขาจึงยังยึดสิ่งเหล่านั้นไว้
 
5:14  คุณเข้าใจคำถามของผมหรือไม่
 
5:21  ขอให้เราคิดค้นปัญหานี้ร่วมกันเถิด
 
5:27  หมายความว่าถ้าคุณเต็มใจ
นั่นคือคุณละทิ้งความทะนงตน...
  
5:32  ...ละทิ้งอคติของคุณ...
 
5:39  ...รวมทั้งข้อสรุปต่างๆ ของคุณ...
 
5:44  ...แล้วเรามาพิจารณาปัญหานี้ร่วมกัน
 
5:48  นั่นหมายความว่าคุณไม่ยอมรับ
ในสิ่งที่ผู้พูดกำลังพูดถึง...
  
5:53  ...และไม่ยอมรับข้อสรุปต่างๆ
ของคุณเอง...
  
5:56  ...เมื่อคุณไม่มีข้อสรุปใดๆ
เพราะว่าคุณได้วางมันหมดแล้ว
  
5:59  ดังนั้นขอให้้เราพินิจพิจารณาสิ่งนี้
 
6:02  ด้วยความรอบคอบถี่ถ้วนอย่างยิ่ง...
 
6:09  ...บางทีนี่อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง
ที่คนเราหวาดกลัวเหลือเกิน
  
6:24  ทำไมจิตจึงยึดเหนี่ยวความทรงจำ
 
6:35  หรือประสบการณ์
อย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้...
  
6:39  ...ยึดถือความเชื่อเอาไว้
 
6:45  ทั้งๆ ที่มันไม่มีความหมายใดๆ
แล้วก็ตาม ...ทำไมหรือ...
  
6:49  ขอให้เรามาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกัน
 
6:54  เป็นเพราะเขาไม่สามารถมองเห็น
ข้อเท็จจริงต่างๆ ...
  
7:04  ...หรือไม่เขาก็นิยมชมชอบ
ที่จะมีชีวิตอยู่ในมายา...
  
7:11  ...อยู่ในความเชื่อที่จัดรวบรวมขึ้น
ซึ่งไม่มีอะไรเลย...
  
7:13  ...ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง
ที่เป็นอยู่จริงๆ...
  
7:19  ...สิ่งที่เป็นอยู่จริงหมายถึง
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้
  
7:21  หรือเขาแยกแยะตัวประสบการณ์...
 
7:31  ...แนวความคิด อุดมการณ์
และความเชื่อ...
  
7:43  ...ว่ามันไม่ถูกต้อง
แต่ก็ยังยึดถีอมันไว้
  
7:45   
 
7:47  ...เพราะเขาไม่มีความสามารถ
ที่จะไต่สวนได้
  
7:54  คุณตามทันไหม
 
7:56  จากตรงนี้เราจะดำเนินไปทีละขั้นตอน
 
8:00  คุณยังยึดถือความเชื่อใดอยู่อีกบ้าง
 
8:10  และหากว่าคุณยังยึดถือความเชื่อ
ใดๆ อยู่ ความเชื่อนั้นคืออะไร
  
8:15  มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
 
8:18  มันเกิดขึ้นจากการเผยแพร่
โฆษณาชวนเชื่อมานับหลายศตวรรษ
  
8:24  อย่างที่ศาสนาส่วนมากได้ทำกันมา...
 
8:27  ...นั่นเป็นการลงทุน
เป็นวิชาชีพของพวกเขาเลยทีเดียว
  
8:33  ความเชื่อถูกสร้างขึ้น
เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว
  
8:38  และโดยธรรมชาติเราย่อมยอมรับ
ความเชื่อนั้นมาตั้งแต่วัยเด็ก...
  
8:45  ...และมันก็ง่ายกว่าที่จะคอยทำตาม
จารีตประเพณีที่สืบทอดกันมา...
  
8:52  ...แทนที่จะฟันฝ่า
เพื่อออกจากจารีตนั้น
  
8:55  คุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไหม
 
8:59  ถ้าคุณไม่มีความเชื่อ
หรืออุดมคติใดๆ
  
9:09  ผมคิดว่า คำว่า "แนวความคิด"
มาจากภาษากรีก...
  
9:15  ...ซึ่งหมายความถึง
การดู การสังเกต
  
9:21  คุณเข้าใจไหม
 
9:23  มิใช่ว่าสังเกตแล้วสร้างข้อสรุป
 
9:29  จากการสังเกตซึ่งกลายเป็นแนวความคิด
 
9:32  คำว่า "แนวความคิด" จริงๆ แล้ว
หมายถึงการสังเกต
  
9:41  พวกเรามีอุดมคติต่างๆ
ซึ่งหมายถึงมีอนาคตกาลหรือไม่
  
9:49   
 
9:55  ซึ่งอนาคตกาลคือ
การที่จะต้องบรรลุ ต้องไปให้ถึง
  
10:06  อุดมคติเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจาก
ประสบการณ์ต่างๆ แห่งห้วงอดีต...
  
10:15  ...จากบทสรุปทั้งหลายที่รวบรวม
สั่งสมเอาไว้ และจากสิ่งเหล่านี้...
  
10:19  ...คุณสร้างอุดมคติ
ทั้งเรื่องทางประวัติศาสตร์
  
10:25  เรื่องทางโลกหรือเรื่องส่วนตัว
 
10:29  ใช่หรือไม่
 
10:32  นั่นคืออดีตสร้างแนวความคิด
ขึ้นเป็นอุดมการณ์...
  
10:40  ...ซึ่งอยู่ในอนาคตกาล
 
10:43  และปรับตัวตามอนาคตกาล
ตามอุดมการณ์ที่วาดเอาไว้นั้น
  
10:48  มันเป็นกระบวนการ
ที่มาจากห้วงอดีตเช่นเดียวกัน...
  
10:52  ...อดีตที่ถูกดัดแปลงภายในปัจจุบัน
และสู่อนาคต
  
10:56  ใช่หรือไม่
นั่นเป็นสิ่งที่ชัดเจนใช่ไหม
  
10:59  เมื่อคุณหยั่งเห็นอย่างนั้น
ว่าตราบใดที่คุณมีอุดมคติอยู่...
  
11:03  ...ตราบนั้นต้องมี
ความขัดแย้งเกิดขึ้น...
  
11:05  ...ในการดำรงชีวิต
แต่ละวันของคุณ...
  
11:11  ...เพราะว่าอุดมคตินั้น
เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่จริง
  
11:15  ไม่มีมูลความจริง
ใช่ไหม
  
11:16   
 
11:21  ทว่าความเป็นจริง
เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง
  
11:25  ดังนั้นจึงเกิดความขัดแย้งขึ้น...
 
11:31  ...เพราะมีการปรับเปลี่ยน
มีการเลียนแบบ ซึ่งคือการแบ่งแยก
  
11:36  ดังนั้นเราจึงต้องคอยปรับ
คอยเทียบเคียงอยู่ตลอดเวลา...
  
11:38  ...เพื่อให้การกระทำของเรา
เป็นไปตามสิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง
  
11:44  ผมสงสัยว่า
คุณเห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่
  
11:48  นั่นเป็นมายาภาพ
และนี่คือความเป็นจริง
  
11:56  เมื่อได้อธิบายมาอย่างช้าๆ
และถี่ถ้วนอย่างยิ่ง
  
11:58  เราก็สามารถจะสืบค้น
เข้าไปในรายละเอียดได้มากขึ้น
  
12:02  คุณมองเห็นความจริงนี้จริงๆ หรือยัง
 
12:07  หรือคุณทำให้มันเป็นแนวความคิด
ไปเรียบร้อยแล้ว
  
12:16  คุณตามทันใช่ไหมครับ
 
12:18  กรุณาสังเกตดูตัวคุณเองไปด้วย
 
12:22  ถ้าคุณมีอุดมคติ...
 
12:28  ...และคุณหยั่งเห็นความเป็นมา
ของอุดมคติว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
  
12:36  ผู้ที่นิยมแนวคิดของเลนิน
เหมา เจอ ตุง...
  
12:46  ...หรือเหล่ามาร์กซิส
ล้วนมีอุดมคติ...
  
12:48  ...จากการศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว
ได้มาซึ่งบทสรุปเฉพาะของตนเอง...
  
12:53  ...ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
แล้วก็สร้างแนวคิดต่างๆ ขึ้นมา...
  
12:55  ...และพยายามทำให้มนุษย์
ต้องปฏิบัติตามแนวคิดนั้น
  
13:06  ดังนั้นตัวคุณเอง
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
  
13:09  ได้พินิจพิจารณาปัจจัยนี้
อย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้วหรือยัง...
  
13:12  ...คุณเห็นความไม่ถูกต้องของอุดมคติ
แล้วละทิ้งมันไปแล้วหรือยัง
  
13:15  หรือคุณยังรู้สึกว่า
หากคุณมีอุดมคติแล้ว...
  
13:26  ...คุณก็กำลังทำอะไรบางอย่าง...
 
13:32  ...คุณกระตือรือร้นอยู่
คุณกำลังได้รับความสำเร็จ...
  
13:35  ...เติมเต็มความปรารถนา
ในอุดมคติของคุณ
  
13:40  ซึ่งนั่นทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ
ทะนงตนอย่างมาก
  
13:43  รู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมาย
 
13:49  คุณตามทันไหม
 
13:51  ดังนั้นจากการพูดคุยด้วยกัน
ร่วมกัน คุณละทิ้งอุดมคติได้ไหม
  
13:58   
 
14:09  หากคุณทิ้งไปได้ คุณจะถามว่า...
 
14:14  ...เป็นไปได้หรือที่จะเผชิญกับ
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ
  
14:21  มิใช่เปรียบเทียบ
ให้เห็นความผิดแผกกันกับอุดมคติ
  
14:24  และก็ประเมินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น...
 
14:28  ...ตามอุดมคตินั้น
 
14:29  ทว่ามีความสามารถที่จะเผชิญ
กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ
  
14:37  ในการสังเกตสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
อยู่จริงๆ นั้น...
  
14:42  ...จักไม่มีความขัดแย้ง
ทว่าคุณกำลังสังเกตอยู่
  
14:47  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจสิ่งนี้หรือไม่
 
14:50  เราเข้าใจตรงกันไหม หรือว่าผม...
 
14:57  กรุณาระลึกอยู่เสมอว่า
เรากำลังพินิจพิจารณาร่วมกัน
  
15:06  มันสำคัญอย่างยิ่ง
 
15:14  ที่เราไม่เพียงแค่เรียนรู้
ที่จะฟังอย่างถูกต้องเท่านั้น...
  
15:19  ...แต่เราต้องมีความสามารถ
 
15:26  ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หากคุณมีความสนใจจริง...
  
15:31  ...เป็นความสามารถที่จะหยั่งเห็น
ความไม่ถูกต้องและมันก็ยุติ
  
15:40  ผมจะวางความเห็นของผม
ผมจะไม่ให้ความเห็นเข้ามาสอดแทรก
  
15:49  เราสามารถจะละทิ้งอุดมคติต่างๆ
ทั้งหมดของเราได้หรือไม่
  
16:05  เพราะเรากำลังตรึกตรอง
สิ่งเหล่านี้ร่วมกันอยู่...
  
16:09  ...เพราะว่าเรากำลังสืบค้นเข้าไป
 
16:12  ในปมปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัย
 
16:15  เราคิดว่าเรามั่นคงปลอดภัย
เมื่อเราทำตามอุดมคติ...
  
16:25  ...ไม่ว่ามันจะไม่ถูกต้อง
หรือไม่เป็นจริงเพียงใดก็ตาม...
  
16:29  ...มันไม่มีมูลความจริง
 
16:31  มันเพียงให้ความรู้สึก
ถึงการมีเป้าหมายที่แน่นอน
  
16:36  และความรู้สึกว่า
มีเป้าหมายนั่นเอง...
  
16:38  ...ที่ให้ความรู้สึกพึงพอใจ
 
16:43  มีความมั่นใจ
ให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
  
16:47  ใช่หรือไม่
 
16:49  เราเข้าใจกันไหม
 
16:52  มิใช่เข้าใจแค่ถ้อยคำ
 
16:54  แต่เข้าใจจริงๆ คุณละทิ้งอุดมคติ
ทั้งหลายของคุณแล้วจริงๆ
  
16:56  ทีนี้เรามาสืบค้นเข้าไปในปมปัญหา
ความมั่นคงปลอดภัย
  
17:05  ทำไมมนุษย์ทุกคนทั่วโลก
จึงยึดติดอยู่กับประสบการณ์
  
17:16  กรุณาถามตัวคุณเอง
 
17:21  ไม่เพียงแต่ประสบการณ์
ทางกาย ในเพศรส...
  
17:26  ...แต่รวมถึงที่เรียกกันว่า
ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ...
  
17:30  ...ซึ่งมีอันตรายกว่ามากนัก
 
17:37  เช่นคุณเดินอยู่เพียงลำพัง
หรือเดินไปกับคนอื่นๆ...
  
17:41  ...ทันใดนั้น
คุณรู้สึกถึงปิติสุขบางอย่าง...
  
17:45  ...เป็นความอิ่มเอิบบางอย่าง...
 
17:48  ...และคุณก็เก็บ
จำประสบการณ์นั้นไว้ ยึดมันไว้
  
17:57  ประสบการณ์นั้นมันจบไปแล้วใช่ไหม
มีแต่เพียงความทรงจำ...
  
18:02  ...แต่เรายังยึดความทรงจำนั้นเอาไว้
ซึ่งเราเรียกว่า ประสบการณ์
  
18:06  คำว่าประสบการณ์แท้จริงแล้ว
หมายความว่า...
  
18:14  ..."ประสบพบแล้วผ่านพ้นไป"
 
18:22  ประสบพบ ผ่านแล้วผ่านเลย
จบเพียงแค่นั้น...
  
18:25  ...ไม่แบกพาสิ่งที่เกิดขึ้น
และจบไปแล้ว...
  
18:28  ...เอาไว้ในความทรงจำของคุณอีก
 
18:31  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกกันว่า
ประสบการณ์ทางจิตใจ...
  
18:40  ...หรือประสบการณ์ทางศาสนา
 
18:44  ซึ่งการเกิดขึ้นของประสบการณ์
ละเอียดอ่อนยิ่ง...
  
18:52  ...จิตมนุษย์หลงใหลรู้สึกปิติยินดี
ในบางอย่างที่ไม่สามัญธรรมดา
  
19:02  ความเป็นสามัญธรรมดาหมายถึง...
 
19:05  ...สิ่งทั่วไปที่เกิดขึ้น
เป็นประจำอยู่ทุกวัน
  
19:13  และสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในทันทีทันใด
 
19:20  หรือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่
เพียรพยายามมาโดยไม่รู้ตัว...
  
19:23  ...และมันก็เกิดขึ้น...
 
19:30  ...และคุณก็ยึดประสบการณ์นั้นเอาไว้
เพราะอะไรหรือ คุณตามทันไหม
  
19:33   
 
19:37  เป็นเพราะมันทำให้เรารู้สึก
ถึงการได้มีประสบการณ์
  
19:40  การได้ล่วงรู้
กระนั้นหรือ
  
19:52  เหตุการณ์นั้นที่ไม่ธรรมดา
ที่ให้ความปลื้มปิติ...
  
19:55  ...ให้ความเพลิดเพลินใจอย่างยิ่ง
และในประสบการณ์นั้น...
  
19:59  ...มีความรู้สึกถึงความมั่นคง
ปลอดภัยอยู่ระดับหนึ่ง...
  
20:08  ...เพราะว่าคุณมีประสบการณ์บางอย่าง
 
20:11  ที่แตกต่างไปจาก
"สิ่งที่เป็นอยู่จริง" อย่างสิ้นเชิง
  
20:15  ...คุณเข้าใจทั้งหมดนี้หรือไม่
 
20:20  แล้วความเชื่อ อุดมคติ ประสบการณ์
และความทรงจำทั้งหลาย...
  
20:26  ...ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึก
มั่นคงปลอดภัยแก่เราหรือ
  
20:30  ความมั่นคงปลอดภัยจริงๆ...
 
20:34  ...เช่นเดียวกับความมั่นคง
ปลอดภัยทางกายภาพ
  
20:39  คุณเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้หรือไม่
 
20:44  หรือว่าจิตใจชอบที่จะมีชีวิต
อยู่ในขอบเขตของมายา
  
20:59  ได้โปรดเถิด...เรากำลังตรึกตรอง
สิ่งเหล่านี้ร่วมกัน...
  
21:04  ...เราไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ
 
21:05  ไม่ได้พยายามที่จะโน้มน้าว
ให้คุณเชื่ออะไรทั้งสิ้น
  
21:12  ...แต่เราพยายามจะค้นหาร่วมกัน...
 
21:16  ...ว่าเหตุใดมนุษย์
จึงยึดเหนี่ยวมายาภาพเอาไว้
  
21:24  ทั้งๆ ที่ความเป็นมายานั้น
ปรากฏชัดอยู่สำหรับอีกคนหนึ่ง
  
21:33  มันเป็นเพราะว่ามายาภาพ
 
21:37  ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่า
ตนเองเหนือกว่าผู้อื่นอย่างยิ่ง
  
21:41  อา...ฉันมีอะไรบางอย่าง
ที่คุณทั้งหลายยังไม่เคยมี
  
21:45  นี่คือ "ที่มา"
ของเหล่าคุรุทั้งหลาย...
  
21:50  ...คุณก็รู้ที่ว่า
"ฉันรู้แต่คุณไม่รู้"
  
21:54   
 
22:00  ทำไมมนุษย์ทั้งหลาย
จึงดำรงอยู่ด้วยวิถีทางเช่นนี้
  
22:08  เหตุใดคุณ หรือนาย "ก"
จึงใช้ชีวิตเยี่ยงนี้
  
22:14  กรุณาพิจารณาให้ถี่ถ้วน
 
22:16  เรามาไตร่ตรองร่วมกัน
 
22:19  เพราะประสบการณ์ของคุณ
เป็นเรื่องราวส่วนตัวล้อมรอบตัวคุณ...
  
22:25  ...มีตัวคุณเองเป็นศูนย์กลาง
 
22:30  ส่วนของคนอื่นๆ ก็แบบเดียวกัน
 
22:33  ดังนั้นจึงมีประสบการณ์ของคุณ
ที่แตกต่างจากของผม
  
22:36  หรือของผู้อื่นอยู่เสมอ...
 
22:38  ...และประสบการณ์ของผม
ดีกว่าของคุณ
  
22:41  จึงมีการแบ่งแยก
เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
  
22:48  ในการไตร่ตรองร่วมกันครั้งนี้
เรายังยึดเหนี่ยวประสบการณ์...
  
22:54   
 
22:56  ...ความเชื่อ อุดมคติและข้อสรุป
ทั้งหลายของเรา อยู่หรือไม่...
  
23:00  ...ทั้งๆ ที่รู้ว่า สิ่งเหล่านั้น...
 
23:04  ...เป็นเพียงโครงสร้าง
ที่สร้างขึ้นโดยถ้อยคำ...
  
23:07  ...ทั้งๆ ที่รู้ว่า
มันเป็นเพียงสิ่งที่จบแล้ว
  
23:12  และล่วงพ้นเป็นอดีตไปแล้ว
กระนั้นหรือ
  
23:17  ทำไมเราจึงยังยึดมันไว้
 
23:21  หรือว่าเราต้องการมีชีวิต
อยู่ในมายาภาพ
  
23:31  แหล่งซึ่งเราหลงใหลในความสุข
 
23:42  ทว่าในมายาภาพ
มีความมั่นคงปลอดภัยอยู่หรือ
  
23:56  เห็นได้ชัดว่าผู้คนในโลกส่วนใหญ่
ชอบที่จะมีชีวิตอยู่ในมายาภาพ...
  
23:59   
 
24:02  ...ไม่ว่าจะเป็นมายาภาพ
ทางวิทยาศาสตร์...
  
24:07  ...ทางศาสนา ทางเศรษฐกิจ
หรือมายาภาพแห่งชาตินิยม
  
24:12  ดูเหมือนพวกเขาจะนิยมชมชอบมัน
 
24:22  บางทีพวกเราที่จริงจัง
ไม่ต้องการแค่เพียงสนุกสนานไปวันๆ...
  
24:28  ...เราเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง
ต่อความเป็นไปของสังคม
  
24:35  ซึ่งก่อให้เกิดความหายนะ
ที่เป็นอันตราย...
  
24:39  และพวกเราในฐานะมนุษย์บอกว่า...
 
24:43  ...เราต้องนำมาซึ่งลักษณะของจิตใจ
และสังคมที่แตกต่างออกไป
  
24:53  เราจึงถามว่าเหตุใดเราถึงเสาะหา
ความมั่นคงปลอดภัยในมายาภาพ
  
24:56   
 
25:04  ขอให้สืบค้นดูเถิด
 
25:09  และด้วยเหตุใดเราจึงไม่สามารถที่จะ
เผชิญกับความเป็นจริงได้เลย
  
25:19  อย่างเช่นความอิจฉาริษยา...
 
25:23  ...อันเป็นสิ่งที่มีร่วมกัน
ในหมู่มนุษย์ทุกคน
  
25:30  ใช่หรือไม่
 
25:32  ความอิจฉาริษยาคือ
การเปรียบเทียบ การเทียบวัด
  
25:37  ในสิ่งที่ฉันเป็นกับสิ่งที่คุณเป็น
 
25:41  นี่คือการเปรียบเทียบ การเทียบวัด
 
25:50  ในการพินิจพิจารณาตรึกตรองร่วมกันนี้
 
25:55  ทำไมเราจึงไม่สามารถยุติ
ความอิจฉาริษยาให้หมดสิ้นไป
  
26:00  ผมกำลังถามคุณ
 
26:02  ผมไม่ได้บอกว่า
มันควรจะยุติหรือไม่ควรยุติ
  
26:18  ความเป็นจริงก็คือปฏิกิริยาตอบสนอง
ที่เราเรียกว่า ความอิจฉาริษยา
  
26:27  นั่นคือความเป็นจริง
 
26:29  แต่สิ่งที่ไม่เป็นจริง
คือความคิดที่ว่า "ฉันไม่ควรจะอิจฉา"
  
26:34  ใช่หรือไม่
 
26:36  ประเด็นนี้เราเห็นเหมือนกันไหม
 
26:41  ข้อเท็จจริงคืออาการตอบสนอง
ที่เราเรียกว่าอิจฉา
  
26:45  คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ...
 
26:47  ...แต่จิตได้สร้างแนวความคิด
ขึ้นมาว่า "เราไม่ควรอิจฉา"...
  
26:51  ...ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง
 
26:57  ดังนั้นคุณกำลังดิ้นรน
ที่จะหนีออกจากสิ่งที่เป็นอยู่จริง
  
27:01  ไปสู่สิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง
 
27:05  ผมสงสัยว่าทั้งหมดที่พูดมานี้
คุณมองเห็นหรือเปล่า
  
27:08  เห็นไหมครับ
 
27:10  เราเข้าใจตรงกันไหม
 
27:13  แทนที่จะเผชิญกับสิ่งที่เป็นจริง
โดยปราศจากสิ่งที่ไม่เป็นจริง
  
27:24  เราเข้าใจตรงกันหรือไม่
ผมไม่รู้นะ
  
27:29  คุณทั้งหมดอ่อนล้ากันหรือยัง
 
27:35  พวกเราได้รับการฝึกฝนอบรมสั่งสอน
ให้ยอมในสิ่งที่ไม่เป็นจริง...
  
27:41  ...ให้ความสำคัญมากกว่า
สิ่งที่เป็นจริง
  
27:49  และเราคิดว่าเราจะพบความมั่นคง
ปลอดภัยในสิ่งที่ไม่เป็นจริงนั้น
  
27:57  ใช่ไหม
 
28:01  เมื่อคุณได้ยินได้ฟังที่พูดมาแล้ว
 
28:06  มันเป็นเพียงแนวความคิด
เป็นหลักการสำหรับคุณหรือไม่...
  
28:11   
 
28:14  ...หรือคุณสดับฟังอย่างถ่องแท้
 
28:19  คุณจึงเห็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง
และยุติมันเสีย
  
28:24  ผมสงสัยว่าคุณตระหนักหรือไม่
 
28:25  ดังนั้นเราจึงต้องเข้าไป
สู่คำถามที่ว่า...
  
28:36  ...การสดับฟังหมายถึงอะไร
 
28:40  คุณฟังมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
 
28:50  คุณได้ฟังสิ่งที่พูดมา
ตลอดครึ่งชั่วโมงนี้
  
28:54  อย่างแท้จริงหรือไม่...
 
28:57  ...ซึ่งหมายถึง
ฟังสิ่งที่คุณพูดต่อตัวคุณเอง...
  
28:59  ...ไม่ใช่สิ่งที่ผู้พูดกำลังพูด
 
29:02  ใช่ไหม
 
29:04  คุณสดับฟังอย่างถ่องแท้
หมดจดหรือไม่
  
29:09  คุณเห็นมายาภาพ
อย่างถ่องแท้หรือไม่...
  
29:12  ...คุณตระหนักเห็นความเหลวไหล
ของการใช้ชีวิตอยู่ในมายา...
  
29:18  ...แล้วยุติมันเสียหรือไม่
 
29:25  ซึ่งหมายความว่า
เราจะอยู่กับสิ่งที่เป็นจริง
  
29:31  และไม่ข้องเกี่ยว
กับสิ่งที่ไม่เป็นจริงได้หรือไม่
  
29:41  เพราะว่าจิตของเรา
ซึ่งเราพูดมาแล้ว
  
29:44  ว่าถูกกำหนดเงื่อนไข
ด้วยสิ่งที่ไม่เป็นจริง
  
29:46  ลองมองดูสิ่งที่เราได้ทำกันมา
 
29:54  วันก่อนมีคนบอกผมว่า...
 
30:00  ..."ฉันไม่สามารถฝังศพบุตรชาย
ของฉันในสุสานแคมโบ ซานโต"...
  
30:05  ...เพราะว่าบุตรชายของเขา
ยังไม่ได้ทำพิธีชำระบาป
  
30:10   
 
30:14  คุณเข้าใจไหม
 
30:17  คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรือยัง
 
30:21  ยังไม่ได้รับการชำระบาป
 
30:23  คุณก็รู้ถึงการที่จะต้องผ่าน
เรื่องไร้สาระทั้งหมดนั้นมา
  
30:28  เขาจึงรู้สึกหวาดวิตก
ทุกข์ระทม ไร้ความสุข...
  
30:32  ...ที่ไม่สามารถฝังร่างบุตรชาย
ไว้ ณ ที่แห่งนั้น
  
30:35  ที่เขาเรียกว่า
"ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์"
  
30:38  คุณตามทันไหม
 
30:39   
 
30:42  คุณครับ นี่เป็นเรื่อง
ที่จริงจังอย่างยิ่ง
  
30:44  คุณอาจจะหัวเราะ
 
30:46  คุณอาจจะไม่สนใจแล้วทิ้งไป
เพราะคุณเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ...
  
30:48  ...ทว่าคุณเอง
ก็มีเรื่องไร้สาระของคุณ
  
30:54  ดังนั้นเราจะสดับฟัง
สังเกตด้วยความใส่ใจ...
  
31:02  ...อย่างใกล้ชิดได้ไหม...
 
31:06  ...ให้ความใส่ใจทั้งหมดกับสิ่งนี้
ดังนั้นมายาทั้งหมดจึงหมดไป
  
31:18  มายานี้เป็นส่วนหนึ่ง
ของเงื่อนไขกำหนดของเรา
  
31:24  ถ้าคุณเป็นชาวคาธอลิก
จงมองดูมายาภาพทั้งหลายที่คุณมี...
  
31:33  ...หรือจะเป็นชาวฮินดู
หรืออื่นๆ
  
31:35  เราไม่จำเป็นต้องเข้าไป
ในรายละเอียดเหล่านั้น
  
31:38  เมื่อจิตที่เสาะหาความมั่นคงปลอดภัย
 
31:40  ในสิ่งที่ไม่เป็นจริง
ได้ละทิ้งการเสาะหานั้น...
  
31:49  ...ได้ค้นพบแล้วว่า
ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยตรงนั้น...
  
31:53  ...กรุณาติดตามในเรื่องนี้...
 
31:54  ...สภาวะของจิต
ที่สังเกตสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น...
  
31:57  ...สิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ เป็นอย่างไร
 
32:04  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
32:07  คำถามของผมชัดเจนไหม
 
32:11  ได้โปรดเถิด
 
32:16  เอาล่ะ
 
32:18  สมมุติว่าผมไม่มี
ไม่ใช่สมมุติสิ มันจบลงแล้ว
  
32:21  ผมไม่มีมายาลวงแล้ว
 
32:24  ซึ่งไม่ได้หมายความว่า
ผมเป็นคนชอบเยาะเย้ยถากถาง
  
32:28  หรือเป็นคนไม่สนใจใยดีต่อสิ่งใด
 
32:30  หรือกลายเป็นคนขมขื่น
 
32:33  ทว่ามายาทั้งหลายมิได้มีบทบาทอะไร
ในชีวิตของผมอีกต่อไป
  
32:38  จากนั้นผมถามตนเองว่า
คุณลักษณะของจิต
  
32:40  จิตของคุณที่ร่วมกันค้นหาอยู่
เป็นอย่างไร...
  
32:47  ...คุณสมบัติของจิตเรา
 
32:50  ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ
ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นอย่างไร
  
32:58  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
33:00  เข้าใจคำถามที่ผมถามไหมครับ
 
33:05  สภาวะของจิตคุณที่เป็นอิสระ
จากมายาลวงทั้งปวงเป็นอย่างไร
  
33:08   
 
33:18  อิสระจากมายาในเรื่องของชาติ
มายาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
  
33:23  และแน่นอนมายาอันไร้สาระทั้งหลาย
ทางศาสนาด้วย...
  
33:25  ...รวมทั้งมายาลวงที่คุณยึดถือ...
 
33:35  ...ว่าเป็นประสบการณ์ของคุณเอง
 
33:44  ใช่ไหม
 
33:45  ลักษณะของจิตที่เป็นอิสระ
เป็นอย่างไร
  
33:53  จิตเยี่ยงนี้เท่านั้น
ที่สามารถสังเกต...
  
33:55  ...สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  
34:00  คุณตามทันไหม
 
34:04  คำถามต่อไปก็คือ...
 
34:07  ...จิตกำลังเสาะหาความมั่นคง
ปลอดภัยอยู่ใช่หรือไม่
  
34:12  จิตต้องการความมั่นคง
 
34:15  และจิตไม่เคยพบความมั่นคงปลอดภัย
ในมายาใดๆ เลย ใช่หรือไม่
  
34:24  ...ทว่าจิตก็ยังคงบอกว่า...
 
34:26  ..."ฉันต้องมีความมั่นคงปลอดภัย"
อยู่นั่นเอง
  
34:28  ผมสงสัยว่าคุณตามทัน
ทั้งหมดหรือเปล่า
  
34:36  ดังนั้นจิตจึงบอกว่า "ฉันต้องหา
ความมั่นคงในสัมพันธภาพของฉัน"
  
34:43  อันนี้เห็นได้ชัด
 
34:44  ฉันปล่อยวางความเชื่อ
อุดมคติทั้งหลาย
  
34:48  โอย...ฉันเหนื่อย...(หัวเราะ)
 
34:51  ...ปลดปล่อยทั้งประสบการณ์
ความทรงจำทั้งหลาย...
  
34:53  ...รวมทั้งความเป็นชาตินิยม
อันไร้สาระ...
  
34:57  ...ทั้งหมดนั้นสิ้นไปแล้ว
 
35:00  แต่จิตเรายังไม่เป็นอิสระจากความคิด
เรื่องความมั่นคงปลอดภัย
  
35:10  และจากตรงนั้นเองอาจจะเป็น
จุดเริ่มต้นของความกลัวทั้งหมด
  
35:19  ดังนั้นจิตจึงบอกว่า
 
35:23  "ในความสัมพันธ์ของฉันกับคนอื่น
จะมีความมั่นคงหรือไม่"
  
35:30  ลองสืบค้นต่อ
 
35:32  เพราะพวกคุณคือผู้ที่ติดอยู่
ในการแสวงหาความมั่งคงปลอดภัยนี้
  
35:35  ในมโนภาพมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่หรือ…
 
35:40  ...มโนภาพที่ฉันสร้างขึ้นเกี่ยวกับ
ภรรยา หรือสามี หรือคู่รักของฉัน
  
35:45  เห็นได้ชัดว่าไม่มีความมั่นคงใดๆ เลย
 
35:48  เพราะมโนภาพนั้น คือสิ่งที่คิดออกไป
จากประสบการณ์เก่าในอดีต
  
35:54  ใช่หรือไม่
 
35:56  ประสบการณ์ในอดีต
ได้นำมาซึ่งมโนภาพนี้...
  
36:03  ...แล้วฉันก็ประพฤติ
ปฏิบัติไปตามมโนภาพนั้น
  
36:06  ซึ่งก็คือการสร้างอนาคตกาลขึ้นมา
 
36:09  ใช่หรือไม่
 
36:11  ผมทำให้เรื่องนี้ยากเกินไปหรือเปล่า
 
36:18  ตอนนี้จิตจึงบอกว่า
 
36:21  ไม่มีความมั่นคงปลอดภัย
อยู่ในมโนภาพ ไม่ว่าในลักษณะใดๆ
  
36:32  ถูกต้องไหม
 
36:34  ไม่ใช่ความปลอดภัยในสัมพันธภาพ...
 
36:37  ...แต่ในการมีมโนภาพ
ไม่ว่าในลักษณะใด...
  
36:40  ...มโนภาพที่ความคิดได้สร้างขึ้น
จากประสบการณ์ในอดีต
  
36:53  ใช่หรือไม่
 
36:58  ฉะนั้นถ้าคุณไม่มีมโนภาพเลย...
 
37:03  ...ความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร
ในเมื่อจิตยังคงเสาะหาความมั่นคงอยู่
  
37:07   
 
37:11  ใช่ไหม
 
37:15  ค้นหาสิครับ
 
37:24  ระหว่างคนสองคน
จะมีความสัมพันธ์กันหรือ...
  
37:29  ...ในเมื่อเขาไม่ได้มีการคิดร่วมกัน
อย่างแท้จริง
  
37:40  ในการคิดร่วมกัน
จะมีความมั่นคงปลอดภัยอันสมบูรณ์
  
37:47  ใช่หรือไม่
 
37:52  นั่นก็คือคนหนึ่งได้สลัดทิ้ง
ความคิดเห็นส่วนตัว
  
37:55   
 
37:58  การตัดสินและประสบการณ์
ทั้งหลายของเขาแล้ว...
  
38:01  ...ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
และอีกคนก็สลัดทิ้งเช่นกัน
  
38:03  ดังนั้นเขาจึงสามารถคิดร่วมกันได้
 
38:06  ใช่ไหม
 
38:08  นั่นคือความสัมพันธ์ที่แท้จริง...
 
38:12  ...ที่ไร้การแบ่งแยกเป็นความคิด
ส่วนตัวของฉันและของคุณ
  
38:25  ใช่ไหม
 
38:27  ฉะนั้นเราจึงบอกว่าความมั่นคง
ปลอดภัยทางจิตใจจะเกิดขึ้น...
  
38:31  ...เป็นความมั่นคงที่สมบูรณ์ทั้งหมด
 
38:38  เมื่อจิตเป็นอิสระจากมายาทั้งปวง...
 
38:46  ...และจิตไม่เสาะหาความมั่นคง
 
38:50  โดยการสร้างความผูกพันมั่นหมาย
ขึ้นในความสัมพันธ์ไม่ว่ารูบแบบใดๆ
  
38:56  ใช่ไหม
 
38:58  เพราะการผูกพันยึดมั่น
คือมายาอย่างหนึ่ง...
  
39:06  ...ที่ซึ่งเราคิดว่า
เราจะพบความมั่นคงปลอดภัยในนั้น
  
39:11  ผมผูกพันอยู่กับคุณ
 
39:13  หรือผูกพัน ติดพัน
อยู่กับผู้ฟังทั้งหลาย
  
39:17  ผมมาที่นี่ ผู้พูดมาที่แห่งนี้
และต้องการจะพูด ต้องการแสดงออก...
  
39:21  ...เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตน
 
39:31  เขาจึงรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
ในระดับหนึ่ง
  
39:37  นั่นคือผู้พูดกำลังใช้คุณ
เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเขาเอง
  
39:51  แต่ในเมื่อผู้พูดมีความซื่อตรง
และดีพอ เขาก็บอกว่า...
  
39:54  ...ช่างเหลวไหลสิ้นดี...
 
39:57  ...และเขาก็เคลื่อนออกไป
จากเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น
  
40:03  เห็นได้ว่าในการผูกพันยึดมั่น
เราต้องการความมั่นคงปลอดภัย
  
40:11  และเมื่อคุณไม่รู้สึกว่ามีความมั่นคง
ปลอดภัยในความผูกพันอันนั้น...
  
40:15  ...คุณก็พยายามที่จะหามัน
ในความผูกพันอื่น
  
40:22  คนๆ หนึ่งแต่งงาน
อยู่กินกับอีกคนมาเป็นเวลา 20 ปี
  
40:26  และเมื่อคุณรู้สึกเบื่อ...
 
40:30  ...คุณก็วิ่งไปหาอีกคนในทันที
(หัวเราะ...)
  
40:32  ...ซึ่งเป็นสภาพที่เกิดอยู่
ในสังคมทุกวันนี้...
  
40:38  ...และคุณก็หวังว่าคุณจะพบ
ความมั่นคงปลอดภัยบางอย่างที่นั่น
  
40:42  พบความตื่นเต้นเร้าใจ เพศรส
และอะไรอื่นๆ
  
40:45  เห็นไหมว่าเรากำลังทำอะไรกัน
 
40:49  หรือเมื่อคุณผูกพันอยู่กับผู้หญิง
หรือผู้ชายของคุณคนนี้
  
40:55  และรู้สึกพึงพอใจ...
 
40:58  ...ใช่ไหมครับ ซึ่งก็เป็น
ความมั่นคงปลอดภัยอีกนั่นเอง
  
41:06  ผมไม่ทราบว่าคุณมองเห็น
ทั้งหมดนี้หรือไม่
  
41:09  ผมไม่ทราบคุณมองเห็นหรือไม่ว่า
 
41:10  จิตของคุณกำลังหลอกล่อ
ตัวคุณเองอยู่ตลอดเวลา
  
41:18  และคุณคิดว่านั่นคือ ความรัก
 
41:27  ฉะนั้นเราถึงถามว่า
 
41:31  ความมั่นคงปลอดภัย
ในด้านจิตใจมีหรือ
  
41:39  มองให้เห็นด้วยตัวคุณเอง
 
41:40  เพราะคนเราอยากให้มีความมั่นคง
ปลอดภัยทางจิตใจ
  
41:44  เราจึงศรัทธาในความเชื่อ...
 
41:50  ...ในอุดมคติ ประสบการณ์
ความทรงจำ...
  
41:57  ...ในความผูกพัน
รวมทั้งศรัทธาในพระเจ้า และอื่นๆ อีก
  
42:04  แล้วจะมีความมั่นคงปลอดภัย
ที่ต้องการหรือ
  
42:08  หรือมันเป็นมายาทั้งสิ้น
 
42:14  ผมหมายถึงเป็นไปได้
ที่เราจะมีความอุ่นใจอันเหลือล้น...
  
42:17  ...อยู่ในมายาประเภทใดก็ได้...
 
42:20  ...เช่นพระเยซูคริสต์
จะช่วยคุณให้รอดพ้น ช่างประเสริฐแท้
  
42:24  ตราบใดที่ความอบอุ่นใจนี้
ช่วยคุณให้รอดพ้นจากอะไรต่อมิอะไร
  
42:26  คุณก็รู้สึกว่ายังไม่เป็นไร
 
42:29  มีสิ่งลวงๆ ที่ให้ความอบอุ่นใจ
ทำนองนั้นมากมาย
  
42:31  ชาวฮินดู ชาวพุทธ
ต่างก็มีสิ่งที่เป็นมายา...
  
42:33  ...ผู้คนทั่วทั้งโลก
ใช้ชีวิตอยู่ในรูบแบบที่เหมือนๆ กัน
  
42:38  นั่นหมายถึง เราไม่เคย
เผชิญกับความเป็นจริง
  
42:43  แต่กลับมีชีวิตอยู่ในสิ่งไม่จริง
เสียมากกว่า
  
42:51  และเมื่อเราใช้ชีวิตเยี่ยงนั้น...
 
42:55  ...จิตใจเราก็ถูกฉีกกระชาก
ออกเป็นเสี่ยงๆ
  
43:00  ใช่รึเปล่า
 
43:02  เรากลายเป็นคนโหดร้าย
ป่าเถื่อนอย่างยิ่ง เราคิดว่า...
  
43:08  ...ความขัดแย้งคือสิ่งที่หลีกเลี่ยง
ไม่ได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
  
43:16  ในเมื่อคุณจะละวาง
สิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
  
43:21  คุณจะวางทั้งหมดนั้นได้อย่างไร
 
43:26  นั่นคือประเด็นหลัก
 
43:28  คุณเข้าใจไหม
 
43:29  คุณฟังมาร่วม 45 นาทีแล้ว...
 
43:41  ...ถ้าคุณค้นพบมายา
อันเฉพาะเจาะจงของคุณแล้ว...
  
43:44   
 
43:49  ...คุณจะละวางมายานั้น
ในลักษณะใด ด้วยวิธีใดหรือ
  
43:55  คุณเข้าใจหรือไม่
 
43:59  โปรดเข้าใจในประเด็นนี้
 
44:09  เป็นการละวางที่ตั้งใจ
กำหนดไว้แน่นอนล่วงหน้าหรือ
  
44:18  หรือเป็นการกระทำจากการเลือก
 
44:21  พอเห็นว่าสิ่งนี้เป็นมายา
ฉันจึงเลือกไปทำสิ่งโน้น
  
44:25  หรือคุณจะปล่อยวาง
 
44:31  เพราะทำตามแนวความคิด
ของใครบางคนที่ยัดเยียดให้คุณ
  
44:38  หรือมันเป็นความเข้าใจแจ่มแจ้ง
จากการสังเกตของคุณเอง
  
44:52  นั่นคือคุณตระหนักรู้
คุณเห็นด้วยตัวคุณเอง
  
44:58  แล้วคำถามก็ตามมาอีกว่า
คุณเห็นได้อย่างไร
  
45:05  คุณตามทั้งหมดนี้ทันไหม
คุณยังไม่อ่อนล้าใช่ไหม
  
45:14  เราเห็นว่า เราจมติดอยู่
ในปลักแห่งอุดมคติ ในมายา
  
45:21  คุณเห็นปรากฏการณ์ที่ว่านี้
อย่างไรหรือ
  
45:26  มันเป็นบทสรุป
จากการคิดให้เหตุผลหรือ
  
45:32  หรือว่าเป็นความชัดเจน
ที่เกิดจากการอธิบายด้วยถ้อยคำ
  
45:38  หรือเป็นเพราะว่าคุณกำลังถูกชักจูง
โน้มน้าวด้วยทักษะอันเชี่ยวชาญ
  
45:46  หรือว่าคุณหยั่งเห็นความจริงนี้
ด้วยตัวคุณเอง
  
45:55  เราถามว่าคุณมองเห็นสิ่งเหล่านี้
ได้อย่างไร
  
46:02  คุณเห็นจากการมองเห็น
ข้อเท็จจริงทั้งหลายในโลกนี้เท่านั้น...
  
46:08   
 
46:10  ...ดังนั้นจากการรับรู้ ด้วยการ
มองเห็นก็ดี หรือการอ่านหนังสือ...
  
46:14  ...จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร
และการอภิปรายกันก็ดี...
  
46:20  ...คุณก็เกิดการตระหนักว่า...
 
46:23  ...อุดมคติทั้งหลาย
เป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
  
46:27  การมองเห็นเยี่ยงนั้น
เป็นเพียงกระบวนการขบคิดเชิงเหตุผล
  
46:33  ดังนั้นยังเป็นเพียงการมีชีวิต...
 
46:35  ...อยู่ในแนวความคิด
 
46:39  ฉะนั้นจึงไม่ใช่ความเป็นจริง...
 
46:42  ...ไม่ว่าคุณจะสังเกตเห็น
อย่างถูกหลักการ...
  
46:44  ...สมเหตุสมผล หรือมีเหตุผลมาก
จนบอกว่า...
  
46:51  ..."ฉันจะละทิ้งมันเสีย" ก็ตามที
 
46:57  ทว่าการละทิ้งมันนั้น
มิใช่การละทิ้งอย่างแท้จริง...
  
47:02  ...เพราะว่าคุณยังมีมายาอย่างอื่น
แฝงเร้นอยู่อีก
  
47:08  กรุณาตั้งใจฟังสิ่งต่อไปนี้ให้ดี...
 
47:14  ...เราพูดว่าหากการสังเกตของคุณ...
 
47:21  ...เป็นการสังเกตที่ปราศจาก
ความทรงจำใดๆ เข้ามาสอดแทรก...
  
47:29  ...ผมจำต้องพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน
มิเช่นนั้น คุณจะคิดว่าผมบ้า
  
47:46  เรากำลังพูดกันเกี่ยวกับปัญหา
เรื่องการมองเห็น การเข้าใจ...
  
47:55  ...ว่าคุณได้ตั้งข้อสรุป
ขึ้นมาหรือไม่...
  
47:58  ...ว่ามายาทั้งหลาย
เป็นเรื่องเหลวไหล
  
48:00  คุณจึงไม่เข้าไปข้องเกี่ยว
กับสิ่งเหล่านั้น
  
48:08  หรือว่าคุณได้เห็นแจ้ง
ในกระบวนการทั้งหมดแห่งมายา
  
48:14   
 
48:20  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
48:24  เราสามารถนำเอามายา
ชนิดใดชนิดหนึ่งมาตรวจสอบ...
  
48:29  เช่นตรวจสอบความเชื่อ
สืบค้นถึงนัยของมัน
  
48:34  แล้วบอกว่า
"เอาล่ะพอกันทีกับความเชื่อ"
  
48:38  ต่อจากนั้นก็ตรวจสอบ
อุดมคติต่างๆ ของคุณ
  
48:39  และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
เรื่องแล้วเรื่องเล่า
  
48:44  การกระทำเยี่ยงนั้น
 
48:46  ไม่ได้ปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระ
อย่างแท้จริง ไม่ใช่หรือ
  
48:49  การตรวจสอบสิ่งเหล่านั้นจะทำให้
คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริงหรือ...
  
48:51  ...แม้เมื่อคุณพิจารณา
ตรวจสอบมายาลักษณะต่างๆ
  
48:57  ด้วยหลักเหตุผล
มีความสมเหตุสมผล ด้วยมีจิตปรกติ
  
49:03  ซึ่งหมายถึงว่า
คุณสำรวจตรวจสอบอย่างไร
  
49:07  คุณพิจารณาตรวจสอบ
โดยอาศัยความคิด
  
49:12  ใช่หรือไม่
 
49:16  ความคิดสร้างมายาเหล่านี้ขึ้นมา...
 
49:19  ...และคุณตรวจสอบมายาเหล่านี้
ด้วยความคิดเช่นกัน
  
49:25  คุณก็กำลังเล่นเล่ห์อยู่อีกนั่นแหละ
 
49:31  ดังนั้นความคิดสามารถสร้างมายาอื่น
ขึ้นมาได้อีกแล้วบอกว่า...
  
49:34  ..."ฉันจะไม่มีมีมายาเหล่านี้อีกแล้ว"
 
49:39  ทว่าความคิดยังไม่มีความเข้าใจ
ถึงธรรมชาติแท้ของมายา...
  
49:42  ...และยังไม่เข้าใจ
ผู้สร้างมายาอีกด้วย
  
49:50  ทีนี้หากคุณมองเห็นว่า
ความคิดนี่เองคือ ผู้สร้างมายา...
  
49:55  คุณตามทันไหม
เมื่อจิตเองมองเห็นว่า...
  
50:08   
 
50:11  ...ความคิดนั่นเองคือผู้สร้างมายา...
 
50:17  ...คุณได้เห็นแจ้งทะลุปรุโปร่ง
ถึงธรรมชาติทั้งหมดของมายา
  
50:25  การเห็นแจ้งนั่นเอง
ที่ทำให้มายาทั้งปวงสลายลง
  
50:30  ผมอยากรู้ว่าคุณเข้าใจทั้งหมดนี้ไหม
 
50:34  เราควรจะคุยกันถึงประเด็นคำถาม
เรื่องการเห็นแจ้งไหม
  
50:43  เรามีเวลาอีกประมาณ 7 นาที
 
50:56  คุณครับการเห็นแจ้งไม่ใช่สัญชาตญาณ
 
51:05  สัญชาตญาณอาจเป็นลักษณะหนึ่ง
ของความอยากที่ประณีต
  
51:16  อย่ายอมรับในสิ่งที่ผู้พูด
กำลังพูดอยู่นี้ แต่จงตรวจสอบมัน
  
51:26  สัญชาตญาณ
หรือการที่จิตรู้สึกขึ้นมา
  
51:31  อาจจะเป็น
สิ่งที่จิตไร้สำนึกสร้างขึ้น...
  
51:39  ...แล้วเรารู้สึกราวกับว่า
มันเป็นบางสิ่งบางอย่าง...
  
51:43  ...ที่เป็นจริงเป็นพิเศษ
เกินกว่าเรื่องธรรมดาๆ
  
51:47  ใช่ไหม
 
51:49  ทว่าเราบอกว่า การเห็นแจ้ง...
 
51:51  ...ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์
กับความอยากไม่ว่าในลักษณะใดๆ
  
52:02  "ฉันต้องการที่จะเข้าใจ...
 
52:05  ...ฉันจำต้องสืบค้นเข้าไป
ในเรื่องนี้ให้ได้"
  
52:10  แรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังคือความอยาก
ความต้องการที่จะเข้าใจ
  
52:16  ใช่ไหม
 
52:19  "ความอยาก" ที่บอกว่า
"ฉันต้องค้นเรื่องนี้ให้เข้าใจให้จงได้
  
52:23  ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะสืบค้น
เรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
  
52:25  ระมัดระวังยิ่งแล้วละก็…
 
52:27  ...การเห็นแจ้งมิใช่ภารกิจของความอยาก
 
52:33  การเห็นแจ้งมิใช่มโนภาพ
ที่สร้างขึ้นจากประสบการณ์ในอดีต
  
52:44  การเห็นแจ้ง
มิใช่การกระทำที่จดจำเอาไว้ได้
  
52:52  ผมจะชี้แจงอะไรบางอย่าง
ให้คุณเข้าใจ
  
52:55  นั่นคือเมื่อคุณตระหนักเห็น
อย่างทันทีทันใด
  
52:58  เกี่ยวกับองค์กรศาสนาทั้งหลาย
เป็นการตระหนักเห็นทันที...
  
53:00  ...มิใช่การสำรวจโดยเหตุผล
เป็นขั้นเป็นตอน
  
53:04  ซึ่งคุณอาจจะทำอย่างนั้นได้
ในภายหลัง...
  
53:06  ...หากคุณเห็นว่าองค์กรศาสนาทั้งหมด
ล้วนมีมูลฐานมาจากความคิด...
  
53:12  ...จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง
กับความเป็นจริงเลย...
  
53:17  ...ไม่เกี่ยวข้อง
กับภาวะอันศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนา
  
53:20  คุณได้เห็นแจ้งถึงสภาพที่พูดมานั้น
 
53:23  คุณเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่
 
53:27  ทีนี้ปฏิบัติการของคุณ
ที่เกี่ยวกับการมองเห็นมายานั้น...
  
53:32  ...เป็นสิ่งที่เกิดจาก
การเห็นแจ้งหรือเปล่า
  
53:36  คุณเข้าใจคำถามของผมใช่ไหม
 
53:38  หรือคุณยังคงวิเคราะห์แยกแยะ
ด้วยเหตุผลอยู่อีก
  
53:42  คุณยังใช้สมอง ใช้ความคิด
ในการสำรวจอยู่อีกหรือ
  
53:51  หรือว่าคุณเห็นโดยฉับพลัน
ถึงลักษณะของมายาและยุติมันลง
  
53:59  คุณมองเห็นความแตกต่างหรือไม่
 
54:02  อย่างหนึ่งคือการตัดสินใจ
ไว้แน่นอน-คือการเลือก
  
54:08  ซึ่งเป็นรูปแบบที่แยบยล
ของการสรุป แล้วก็กระทำ
  
54:14  ดังนั้นการกระทำยังอาศัยช่วงเวลา
มีช่วงห่างของเวลา
  
54:22  ส่วนอีกอย่างเราบอกว่า...
 
54:25  ...ในการเห็นแจ้ง มีการสัมผัสรับรู้
และการกระทำในทันทีทันใด...
  
54:29  ...ซึ่งไม่มีการย้อนกลับ หรือเสียใจ
ภายหลัง มันเป็นอย่างนั้นจริง
  
54:39  คุณเข้าใจแล้วหรือยัง
 
54:43  คุณครับ หากคุณต้องการ
ที่จะสืบค้นในเรื่องนี้...
  
54:47  ...คุณต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
ที่คุณจะไม่หลงหลอกลวงตนเอง...
  
54:53  ...เพราะเหตุว่า จิตของเรา
มีความสามารถที่จะหลอกตัวเอง...
  
54:57  ...ได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน
 
55:02  ฉันอาจพูดได้ว่า
"ใช่แล้ว ฉันเห็นแจ้งในเรื่องนี้แล้ว
  
55:09  แล้วจากการเห็นแจ้งนั้น
คุณก็กระทำ...
  
55:13  ...หลังจากนั้นคุณพบว่า
"ฉันรู้สึกเสียใจที่ทำสิ่งนั้นลงไป"
  
55:18  มีความเสียใจรวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้น
ตามมาทั้งหมด คุณตามทันไหม
  
55:22  ทว่าการเห็นแจ้งเป็นอะไรบางอย่าง
ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
  
55:28  ไม่มีช่วงห่างของเวลา
ระหว่างการเห็นแจ้งและการกระทำ...
  
55:33  ...มันไปด้วยกัน
 
55:39  ทีนี้หลังจากที่
ผมอธิบายทั้งหมดนี้ไป...
  
55:43  ...ซึ่งเป็นการสื่อสาร
โดยถ้อยคำลักษณะหนึ่ง...
  
55:51  ...คุณฟังอย่างตั้งใจจริง...
 
55:55  ...จนเห็นถึงกระบวนการทั้งหมด
ของมายาในทันทีทันใดหรือเปล่า
  
56:06  นั่นแหละคือปัญญา
 
56:13  ใช่ไหมครับ
 
56:19  เราเคลื่อนกันไปได้หรือยัง
 
56:42  คุณครับ
เมื่อเรานั่งอยู่ร่วมกันแบบนี้...
  
56:47  ...นั่งฟังอย่างนิ่งเงียบเช่นนี้
ความเงียบนี้จงใจทำให้เกิดขึ้นหรือ
  
56:54   
 
56:57   
 
57:02  หรือคุณมีความใส่ใจอย่างยิ่ง...
 
57:07  ...โดยมิใช่ใส่ใจ
เพื่อแก้ปัญหาส่วนตัวของคุณ
  
57:12  ซึ่งปัญหานี้จะหมดสิ้นไปเอง
โดยปริยาย...
  
57:17  ...เมื่อคุณเกิดความเข้าใจ
 
57:21  ในปฏิบัติการแห่งการฟัง
และปฏิบัติการแห่งการสังเกต
  
57:28  ในปฏิบัติการแห่งการฟัง
ไม่มีความอยาก
  
57:32  มีเพียงการสดับฟังเท่านั้น
 
57:39  แต่ถ้าคุณฟังโมซาร์ท แล้วพูดว่า
"โอ้..ช่างไพเราะเสียจริง…"
  
57:46  "ฉันมีความสุขเมื่อเย็นวันก่อน
ที่ได้ฟังดนตรีไพเราะ"...
  
57:50  ...''และฉันอยากจะเปิดฟัง
ดนตรีนั้นอีก"
  
57:52  นั่นหมายความว่า
คุณสูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว
  
57:57  แต่หากว่าคุณฟัง
อย่างสมบูรณ์เต็มที่แล้วละก็
  
58:01  การฟังเยี่ยงนั้น
เป็นเสมือนเมล็ดพันธุ์...
  
58:02  ...ที่หว่านไว้บนผืนดิน
มันจะงอกเงยงดงาม
  
58:09  โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่าง
 
58:14  ในทำนองเดียวกัน
หากคุณสังเกตอย่างใกล้ชิด
  
58:19  ซึ่งเป็นการสังเกต ที่เพียงสังเกต...
 
58:24  ...เพียงแค่สังเกตเท่านั้น
ไม่มีผู้สังเกตที่บอกว่า "ฉันจะสังเกต"
  
58:30  ในการสังเกตและสดับฟังเยี่ยงนั้น...
 
58:33  มีการใส่ใจที่มีคุณลักษณ์ที่แปลกล้ำ
ซึ่งคือการเห็นแจ้ง
  
58:40  ใช่ไหมครับ
 
58:43  ถูกไหม
 
58:45  พอแล้วหรือยังครับ