Krishnamurti Subtitles

SA79T6 - สติปัญญา ความรักและความเมตตา

พูดกับสาธารณชนที่ซาแนน สวิสเซอร์แลนด์ ครั้งที่ 6
วันที่ 19 กรกฎาคม 1979



1:04  ผมสงสัยว่าเราจะลืมเรื่องทั้งหมด
ที่ได้พูดคุยกันมา...
  
1:09   
 
1:13  ...ในช่วง 5 วัน
ที่เรามาร่วมพบกันที่นี่ได้ไหม…
  
1:20  …แล้วเริ่มต้นใหม่ประหนึ่ง
เราเพิ่งมาพบพูดคุยกันเป็นครั้งแรก
  
1:33  และยังไม่เคยได้ฟังสิ่งที่พูด
เราเริ่มต้นกันใหม่จริงๆ…
  
1:41   
 
1:50  …เริ่มอย่างสดใหม่ แล้วบางที
เราอาจจะค้นหาทางออก…
  
1:59   
 
2:07  …จากปัญหาอันซับซ้อนทั้งปวงของเรา
ได้อย่างแท้จริงตลอดกาล
  
2:28  อะไรคือปัญหาหลัก ซึ่งถ้าเราสืบค้น
อย่างระมัดระวัง เอาจริงเอาจัง…
  
2:34   
 
2:46  …ไม่ด่วนสรุป เราก็จะเข้าถึงปัญหาหลัก
ซึ่งจะสลายความทุกข์โศกทั้งปวงได้…
  
2:51   
 
3:01  …ความโทมนัส ความวิตกกังกล
ความเศร้าหมอง ความล้มเหลวของเรา…
  
3:06  …การตอบสนองต่อความอยาก
ความท้อแท้คับข้องใจ และอื่นๆ ทั้งหมด
  
3:11  มีหรือทางแก้ไข
หรือการสังเกตเพียงหนึ่งเดียว…
  
3:19  …การหยั่งเห็นที่เป็น
ความเข้าใจอันถ่องแท้เพียงหนึ่งเดียว…
  
3:23   
 
3:33  …ที่จะทำให้เกิดการปฏิวัติ
ภายในจิตใจทุกคนอย่างสิ้นเชิง
  
3:42  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
3:45  คำตอบอันเป็นที่สุดเพียงหนึ่งเดียว
ที่ไม่หวนกลับคืน…
  
3:56  …ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งใด
แต่สมบูรณ์เป็นทั้งหมด
  
4:04  …ยั่งยืนตลอดไปและไร้กาลเวลา
 
4:11  ทางออกเช่นนั้นมีไหม
 
4:22  ถ้าเราแต่ละคน
ถามคำถามนี้ต่อตนเอง…
  
4:32  เราจะตอบคำถามนี้
ไปตามความพึงพอใจของเราไหม…
  
4:38  …ตอบตามประสบการณ์
ตามความรู้ของเราเองหรือไม่
  
4:47   
 
4:54  หรือว่าถ้าเราจริงจัง
ไม่ทำเป็นเรื่องเล่นๆ…
  
5:05  …เราจะสามารถสืบค้นร่วมกัน
เพื่อค้นหาทางออก…
  
5:14   
 
5:25  …ทางออกที่จะเป็นแสงสว่าง
ให้จิตและใจของเราได้ไหม
  
5:38  เราสามารถมองชีวิตอย่างเป็นทั้งหมด
ไม่มองแบบแยกส่วนได้ไหม…
  
5:45   
 
5:50  ไม่มองเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือมองลักษณะพิเศษเพียงอย่างเดียว…
  
5:55   
 
6:03  แล้วพยายามค้นหาคำตอบแบบแยกส่วน
ทั้งทางการเมืองทางเศรษฐกิจ …
  
6:09   
 
6:17  หรือทางศาสนาและอื่นๆ
ผมใช้คำว่า "ศาสนา" อย่างกังขา
  
6:21  เราจะมองการแบ่งแยกทั้งหมด
ที่มนุษย์ทำให้เกิดขึ้น...
  
6:25  อย่างเป็นกระบวนการเดียวกัน
ได้ไหม
  
6:37  มองโลกภายนอกตัวเรา
ที่เต็มไปด้วยการแบ่งแยกอันมหาศาล…
  
6:41   
 
6:46  ...และภายในจิตใจ
เราก็แตกแยกออกเป็นส่วนๆ
  
6:56   
 
7:03  แล้วเราก็ถามตนเองว่า…
 
7:09  เป็นไปได้ไหม ที่จะมองให้เห็น
ทั้งภายนอกและภายใน…
  
7:18  …อย่างเป็นกระแสเดียวกันทั้งหมด
ไม่แบ่งแยก…
  
7:26   
 
7:31  ...แยกออกจากกันไม่ได้ มองดูกระบวนการ
ของความคิดอย่างเป็นทั้งหมด
  
7:41  การมองเช่นนั้น เป็นไปได้ไหม
 
7:44  หรือว่าจิตของเราแตกแยกเป็นส่วนๆ
ถูกแบ่งแยกจนเราไม่สามารถ…
  
7:53   
 
7:59   
 
8:07  ที่จะมองเห็นการเคลื่อนไหวอันเป็นทั้งหมด
ของชีวิต อย่างเป็นกระแสเดียวกัน
  
8:14  คุณเข้าใจไหมครับ
 
8:17  ผมขอย้ำสิ่งที่เราพูดวันก่อน…
 
8:25  ว่าเรากำลังคิดร่วมกัน ใคร่ครวญปัญหานี้
ร่วมกัน…
  
8:31   
 
8:35  มิใช่ผู้พูดเท่านั้นที่สืบค้น
ส่วนคุณเป็นผู้ฟัง…
  
8:42   
 
8:51  …แต่ทั้งคุณและผู้พูดร่วมกัน
ค้นหาด้วยตัวเราเอง…
  
9:00  ...ว่ามีหรือ วิถีแห่งการดำรงชีวิต
ที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง…
  
9:07   
 
9:13  ...เป็นทั้งหมด
ซึ่งไม่ใช่เป็นวิถีของคุณหรือของผู้พูด…
  
9:18   
 
9:24  แต่ชีวิตอันเป็นกระแส
ที่ปราศจากการเริ่มต้นและการสิ้นสุด
  
9:33   
 
9:43  การค้นหาชีวิตเช่นนี้
ผมขอชี้ให้เห็นว่า…
  
9:47   
 
9:51  ...มันสำคัญที่เราจะต้องรู้ตัว
ถึงการมองแบบแยกส่วนของเราเอง…
  
10:06  คุณอาจจะเป็นนักจิตวิทยา
หรือนักจิตบำบัด ที่ผ่านการฝึก…
  
10:11   
 
10:16  …อบรมมาเฉพาะด้าน ดังนั้นสมอง
และอิทธิพลกำหนดของคุณ…
  
10:23  …ถูกหล่อหลอมมาแล้ว
ทำให้คุณไม่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้…
  
10:27   
 
10:32  หรือคุณอาจเป็นนักธุรกิจ
ก็ยังเป็นปรากฏการณ์เดียวกัน
  
10:35   
 
10:40  หรือถ้าคุณเป็นนักการเมือง
ก็เป็นเคราะห์ร้ายของคุณ
  
10:48  หรือถ้าคุณเป็นผู้มีจิตแห่งศาสนา
ฝักใฝ่ทางศาสนา…
  
10:57  …ไม่ยอมรับลัทธิคัมภีร์ หลักความเชื่อ
พิธีกรรมใดๆ ทั้งหมดนั้น…
  
11:10  หรือแม้มนุษย์ธรรมดาสามัญ
ทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนี้…
  
11:18   
 
11:24  ที่มีทั้งความวิตกกังวล ความทุกข์โศก
ความสุขเพลิดเพลินและความกลัว…
  
11:30   
 
11:34  …มีการแก่งแย่งชิงดี การเปรียบเทียบ
เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และ…
  
11:44   
 
11:54  ...พยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมายบางอย่าง
ที่เขาคิดขึ้นและหวังจะได้พบ
  
12:00  เราทุกคนตระหนักถึง…
 
12:10  การแบ่งแยกออกเป็นส่วนๆ
ของตนเองไหม รู้ตัวอย่างแท้จริงหรือเปล่า
  
12:13  มิใช่เพียงจินตนาการว่าคุณแตกแยกเป็นส่วนๆ
แล้วคิดเอาเองว่าคุณเป็นอย่างนั้น
  
12:20  ตามทันไหมครับ
 
12:22  ถ้าแนวคิดแบบแยกส่วนแข็งแกร่งมาก
จนแนวคิดนั้นได้หล่อหลอมการคิดของเรา…
  
12:27   
 
12:33  ...คุณจึงคิดว่าตัวคุณถูกแยกเป็นส่วนๆ
หรือไม่คุณก็สังเกต…
  
12:37   
 
12:44  สภาวะจิตที่เป็นอยู่จริง ซึ่งถูกแบ่งแยก
ออกเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจาย คับแคบ
  
12:53  จิตเช่นนั้นจะสามารถสังเกตเห็น
กระแสอันซับซ้อนเหนือธรรมดานี้…
  
12:57   
 
13:06  ...ที่ทั้งงดงามและล้ำลึกยิ่ง
สังเกตเห็นกระแสนี้อย่างสมบูรณ์ได้ไหม
  
13:13   
 
13:18  คุณเข้าใจคำถามของผมไหม
 
13:30  พวกคุณไม่ได้มาเพื่อฟังผมนะครับ
 
13:34  ผมเพียงบังเอิญนั่งอยู่บนเวทีนี้
ก็เพื่อความสะดวกของคุณ…
  
13:38   
 
13:43  ...เพื่อทุกคนจะได้มองเห็น
แต่ผู้พูดไม่ได้มีอำนาจเหนือคุณ
  
13:48   
 
13:52  ในเรื่องทางจิตวิญญาณ
เรื่องทางจิตใจ…
  
13:56  เรื่องการสืบค้นนั้นต้องไม่มีอำนาจเหนือ
ไม่มีคุรุ เรื่องนี้ต้องชัดเจน
  
14:07   
 
14:10  นั่นคือ ถ้าคุณยังคงแบกความรู้ของคนอื่น
ซึ่งบางทีความรู้ทั้งหมด…
  
14:13   
 
14:19   
 
14:28  …อาจเป็นผลมาจากคนอื่นๆ
แล้วผนวกความรู้เฉพาะของคุณเอง…
  
14:32  …เข้ากับความรู้ที่สั่งสมอยู่แล้ว
ในสมองของคุณ แล้วค้นหาว่า…
  
14:43   
 
14:50  มีหรือการกระทำหนึ่งเดียว…
 
14:56  …หรือสภาวะจิตหนึ่งเดียว
ที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งปวงของเราได้
  
15:01   
 
15:06  คุณเข้าใจสิ่งที่เรากำลังพูดไหมครับ
 
15:08  เราเข้าใจในปัญหาตรงกันไหม
 
15:25  ความโง่เขลาเป็นส่วนหนึ่งของความรู้
 
15:33  ใช่ไหมครับ
 
15:42  ผมสงสัยว่าคุณเห็นเช่นนั้นไหม
 
15:44  คุณก็รู้ถึงความคิดทั้งหมด
ที่เกี่ยวกับนักบวช คุรุ ผู้รู้…
  
15:54  …แนวความคิดหรือความเชื่อนั้น
เชื่อตามกันมาว่ามีผู้เห็นแจ้ง รู้ชัด…
  
16:01   
 
16:11  …และสามารถช่วยผู้อื่นให้เป็นอิสระ
จากความโง่เขลาได้
  
16:23  แต่โดยทั่วไป และบ่อยครั้ง
หาได้ยากยิ่ง…
  
16:31  …ผู้มีอำนาจเหนือ ผู้มีความรู้…
 
16:38  …พยายามที่จะปัดเป่า
ความโง่เขลาของคนอื่น…
  
16:43  แต่ความรู้ของผู้รู้เอง
ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของความโง่เขลา
  
16:51  คุณตามทันไหมครับ
 
16:55  แต่ ณ ที่นี้ ที่เรามาร่วมกันสืบค้น
เป็นเวลา…
  
16:59   
 
17:05  …ถึง 20 ปีแล้ว
ไม่มีอำนาจเหนือใดๆ ทั้งสิ้น
  
17:15  เพราะอำนาจเหนือลักษณะใดก็ตาม
ในเรื่องทางจิตวิญญาณ…
  
17:21  ทำให้คุณกลายเป็นนักโทษภายใต้ระบบ
ความเชื่อ แนวคิดหรือความรู้ของผู้อื่น
  
17:24   
 
17:31  ในสภาพเช่นนั้น ไม่มีอิสรภาพเลย
 
17:38  การค้นหาว่ามีหรือ ทางออกจากปัญหายุ่งเหยิง
อันมากมายของเรา
  
17:47   
 
17:53  คือค้นหาว่ามีหรือ การเห็น
การหยั่งรู้ การสังเกตลักษณะเดียว…
  
18:02  …ที่เป็นอิสระอย่างสิ้นเชิง
จากโครงสร้างนี้
  
18:10  …โครงสร้างทางจิตใจ
ที่มนุษย์ได้ก่อขึ้น
  
18:15   
 
18:17  คุณเข้าใจไหมครับ
เราเข้าใจตรงกันหรือเปล่า
  
18:27  คุณเห็นไหมว่าในการพิจารณาเรื่องนี้
เราต้องนอบน้อมอย่างยิ่ง...
  
18:40  ...แต่ไม่ใช่เป็นการถ่อมตน
ไม่ใช่การประจบประแจง...
  
18:48  ...ไม่ใช่การเกาะชายจีวรผู้ใด
แล้วพูดว่า "ฉันขอนอบน้อม"
  
18:58  คุณลักษณะของความนอบน้อมนี้
ไม่มีความทระนง…
  
19:05  ไม่เคยรู้จักความทระนง
 
19:11  คุณเข้าใจไหม
มิฉะนั้นจะไม่ใช่ความนอบน้อม
  
19:15  ขอให้ใส่ใจพิจารณาเรื่องนี้
 
19:19  ผู้ที่ทระนง หยิ่งยโส
ท่วมท้นไปด้วยความสำคัญตน…
  
19:23   
 
19:27  หลงในความรู้ การตระหนักรู้ของตน
และอื่นๆ …
  
19:35  ...ในความรู้สึกเช่นนั้น
มีความรู้สึกว่าตนเองสำคัญ
  
19:44  แล้วด้วยสภาวะจิตเช่นนั้น
เราพยายามบ่มเพาะความนอบน้อม…
  
19:52  เรื่องเหล่านี้ คุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือ
 
20:01  ดังนั้นจิตที่เต็มไปด้วยความทระนง
ไม่ว่าในทางใด…
  
20:11   
 
20:18  ไม่ว่าทางวิทยาศาสตร์ ศาสนา การเมือง
หรือความรู้สึกว่าตนบรรลุความสำเร็จ…
  
20:20  ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าตนเองสำคัญ
และหยิ่งยโสยิ่ง…
  
20:30  จิตเช่นนั้น ไม่มีวันเข้าใจคุณลักษณะ
ที่เป็นอิสระอย่างสิ้นเชิงจากความยโสโอหัง
  
20:37   
 
20:46  เราเข้าใจทั้งหมดนี้ตรงกันไหม
 
20:52  มนุษย์ได้เพียรพยายาม
มานานหลายพันปี…
  
20:59   
 
21:04  เพื่อค้นหาทางออกอันเป็นที่สุด
ให้แก่ชีวิตของเขาโดยปฏิบัติตนเคร่งครัด
  
21:15  ความเคร่งครัดเป็นความหยาบกระด้าง
ความเข้มงวดและรุนแรง...
  
21:25   
 
21:30  เป็นการยืนหยัดส่งเสียงประกาศตน
ใช่ไหม…
  
21:40   
 
21:41  เป็นความเคร่งครัดเถรตรง เช่นการใส่จีวร
 
21:48   
 
21:50  ขออภัย ผมไม่ได้พูดถึง
สุภาพบุรุษเหล่านั้นที่นี่
  
21:54  การใส่จีวรสารพัดสีทั่วโลก…
 
22:01  ...และจินตนาการว่า
พวกเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างเคร่งครัด
  
22:08  มันเป็นเพียงเสียงอึกทึก
ของความเรียบง่ายของพวกเขา…
  
22:14  ...ที่ขวางกั้นเขา
จากความเป็นผู้เรียบง่ายที่แท้จริง
  
22:20  ถ้าคุณเรียบง่ายจริง
ไม่สำคัญเลยว่าคุณสวมใส่อาภรณ์แบบใด
  
22:24   
 
22:28  แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ได้กลายเป็น
สิ่งสำคัญแสนพิเศษสำหรับโลกนี้ไปแล้ว…
  
22:30   
 
22:34  ...ในโลกศาสนาด้วย
ซึ่งแสดงถึงจารีต…
  
22:37   
 
22:44  ...ที่คุณต่างรับมาปฏิบัติ
ด้วยหวังว่าจะใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
  
22:52  มนุษย์ได้พยายามทำสิ่งต่างๆ มากมาย
ทั้งใช้กลวิธีหลากหลายกับตนเอง…
  
22:56   
 
23:03  ...ถ้าหากพวกเราเอาจริงเอาจัง
ทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถ…
  
23:14  พยายามอย่างสัตย์ซื่อที่จะค้นหา
วิถีการดำเนินชีวิต…
  
23:28  ...อันเป็นวิถีแห่งปฏิบัติการ
ซึ่งเกิดจากความเข้าใจชัดแจ้ง…
  
23:34   
 
23:39  ...จากการหยั่งเห็น
ถึงทางออกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
  
23:49  ใช่ไหมครับ
เราเข้าใจตรงกันไหม
  
23:58  โปรดอย่าโกรธเคืองผมเลย
พวกคุณที่ใส่จีวรแบบต่างๆ…
  
24:01   
 
24:07  ...หรือทำสิ่งอื่นๆ
เราได้ใคร่ครวญเรื่องทั้งหมดนั้นมาแล้ว
  
24:14  ว่ามันไม่มีความหมายอะไรเลย
 
24:20  ครั้งหนึ่งผมเคยติดตามกลุ่มนักบวช
ไปตามแถบเทือกเขาหิมาลัย
  
24:33  ดินแดนอันงดงาม
ด้วยดอกกุหลาบพันปี ดอกลิลลี่…
  
24:36   
 
24:44  หมู่ดอกไม้แห่งเทือกเขาสูงระดับนั้น
ต้นสนใหญ่อลังการ…
  
24:48   
 
24:55  ...สูงเสียดฟ้าสีคราม
อีกหมู่นกก็ส่งเสียงร้องขับขาน
  
25:00  มันช่างเป็นวันที่งดงาม
 
25:02  แต่นักบวชเหล่านั้นไม่เคยแหงนมอง
ไม่เคยมองดูพรรณพฤกษา…
  
25:07   
 
25:13  มวลดอกไม้ ท้องฟ้า และความอัศจรรย์
น่าพิศวงของโลก เพราะว่าพวกเขา…
  
25:16   
 
25:25  ...มัวหมกมุ่นอยู่กับพิธีกรรม
และการท่องบ่นมนตรา
  
25:31  พวกเขาคิดว่าจะได้พบสรวงสวรรค์
ด้วยวีถีทางนั้น
  
25:52  แต่ ณ ที่นี้ เราขออธิบาย
ความหมายของคำว่า "มนตรา"
  
25:57   
 
26:01  ซึ่งพวกคุณอาจจะรู้แล้ว
 
26:07  มนตรา เป็นคำภาษาสันสกฤต
ซึ่งหมายถึง…
  
26:13  การพิจารณา การทำสมาธิ การพินิจ
ใคร่ครวญถึงการไม่มีไม่เป็นอะไรเลย…
  
26:25  ...และยังหมายถึงการปลดเปลื้องจาก
การเอาตนเองเป็นศูนย์กลางความสำคัญ
  
26:34  "มนตรา" หมายความเช่นนั้น
 
26:39  การพิจารณาใคร่ครวญในความอยากมี
อยากเป็นของตัวคุณ และการละทิ้ง…
  
26:43   
 
26:47  ...ความเห็นแก่ตัวทุกรูปแบบ
นั่นคือความหมายที่แท้จริงของคำนี้
  
26:53  ดูสิ พวกโยคีทั้งหลาย
ได้ทำอะไรกับคำคำนั้น!
  
26:59  คุณเข้าใจไหมครับ
 
27:12  การเห็นถึงทั้งหมดนี้
เห็นการทรมานกายลักษณะต่างๆ…
  
27:16   
 
27:21  ...เพื่อการหลุดพ้น เห็นพิธีกรรม
การสวมใส่จีวรแบบต่างๆ…
  
27:25   
 
27:31  การทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำๆ ซากๆ
ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมนุษย์…
  
27:34   
 
27:38  ...และความสัมพันธ์ของเขา
สังคมใหม่ที่ดีงามจึงไม่เคยเกิดขึ้น
  
27:46  คำว่า "ดี" ไม่ได้มีความหมาย
แบบเพลงกล่อมเด็กว่า "จงเป็นเด็กดี"
  
27:51   
 
28:01  ดี ไม่ได้หมายถึงความน่าเคารพนับถือ
ไม่ใช่คำที่คุณจะพูดได้ว่า…
  
28:08   
 
28:10  "นั่นเป็นเรื่องโบราณคร่ำครึ
ทิ้งมันไปเสีย"…
  
28:15  แต่คำว่า "ดี" นั้น
มีความหมาย มีนัยสำคัญที่ดีเลิศ…
  
28:18   
 
28:26  แม้มนุษย์พากเพียรทำสิ่งเหล่านี้
ก็ยังไม่เคยก่อให้เกิดสังคมที่ดีได้…
  
28:31   
 
28:36  ...สังคมที่ผู้คนดำรงอยู่ด้วยความสุข
ปราศจากความขัดแย้ง ความรุนแรง…
  
28:39   
 
28:43  ...เปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ
ความใส่ใจและความรักอันใหญ่หลวง
  
28:49   
 
28:53  นี่คือความหมายที่แท้จริง
ของคำว่า "ดี"
  
28:57  มนุษย์ยังไม่สามารถ
สร้างสังคมที่ดีเช่นนั้นได้
  
29:05  เหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความน่าเกลียด
ขึ้นในโลก คือเราทุกคน…
  
29:12   
 
29:16  …คือมนุษย์ส่วนใหญ่ อาจจะ 99%
แตกแยกออกเป็นส่วนๆ
  
29:20   
 
29:26  เมื่อเราตระหนัก
ว่าเราอยู่ในสภาพที่แตกแยก…
  
29:31   
 
29:42  เมื่อเรารับรู้ รู้ตัวถึงสภาพนี้
โดยปราศจากการเลือก...
  
29:48  ...เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
 
29:57  ไม่ใช่ผู้พูดยัดเยียดเรื่องนี้ให้คุณ
แต่มันเป็นจริง
  
30:00   
 
30:12  แล้วจิตเช่นนั้น
ซึ่งถูกแบ่งแยกเป็นส่วนๆ…
  
30:17  …จิตใจซึ่งหมกหมุ่น
ติดอยู่ในความเพ้อฝันต่างๆ…
  
30:20   
 
30:25  …ความหลอกลวงอันเหลวไหล
ไร้สาระทั้งทางอารมณ์ความรู้สึก…
  
30:33  …จิตนั้นจะมาถึงจุดนี้ไหม
 
30:37  …เพื่อที่จะค้นหาทางออก
ที่จริงแท้และยั่งยืนตลอดไป
  
30:44  คุณเข้าใจคำถามไหม
 
30:47  เข้าใจไหมครับ
 
31:03  เราจะค้นหาอย่างไร
 
31:11  การค้นหาขึ้นอยู่กับคนอื่น
อย่างนั้นหรือ
  
31:18  ขอให้ติดตาม
ด้วยความใส่ใจจริงๆ
  
31:21  ผู้อื่นแม้เขาจะคิดว่าเขาเป็นผู้รู้
ที่ทรงอำนาจเพียงใดก็ตาม…
  
31:25   
 
31:31  ...หรือเขาเป็นนั่น เป็นนี่ เขาจะสามารถ
นำพาหรือช่วยคุณให้พบทางออกได้หรือ
  
31:42  ช่วยได้หรือเปล่า
 
31:43  โปรดถามคำถามนี้ต่อตัวคุณเอง
 
31:50  มีกลุ่มใด ประชาคมใด…
 
31:57   
 
32:04  ...แนวความคิด หรือข้อสรุปชุดใด
ที่จะช่วยคุณให้เข้าถึงสภาวะนั้นได้
  
32:11  หรือเราต้องเป็นแสงสว่างแห่งตน
 
32:21  ไม่ใช่แสงสว่างจากตะเกียง จากเปลวเทียน
หรือเปลวไฟ ที่ผู้อื่นจุดให้
  
32:28   
 
32:33  ตามทันไหมครับ
 
32:35  โปรดทุ่มเทหัวใจคุณ
เพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้
  
32:42  ซึ่งหมายถึงไม่เพียงหัวใจคุณเท่านั้น
แต่รวมถึงจิตและสมองของคุณด้วย
  
32:57  อิสรภาพไม่ใช่การประพฤติตามอำเภอใจ
 
33:09  ซึ่งเป็นความไม่ประสีประสา
ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก…
  
33:14   
 
33:17  ...เพราะว่าทุกคนต่างทำ
ในสิ่งที่ตนเองต้องการ…
  
33:25  และการขัดขวางยับยั้งไม่ให้ทำ
ถือว่าไม่ให้เติมเต็มความปรารถนา
  
33:28   
 
33:34  ฉะนั้น การทำตามอำเภอใจ
ในทุกๆ ทาง…
  
33:37   
 
33:42  ทั้งทางศาสนา สังคม
และศีลธรรม จึงถูกกระตุ้นเสริม
  
33:54  และการทำตามใจตนเอง ซึ่งเป็นการทำ
ในสิ่งที่แต่ละคนชอบ หรือการพูดว่า…
  
33:56   
 
33:59   
 
34:05  "มันถูกใจฉัน ฉันรู้สึกดีกับมัน"
เช่นนั้นเป็นการปฏิเสธอิสรภาพ
  
34:18  เรากำลังพูดถึงอิสระทางจิตใจ
ไม่ใช่อิสรภาพทางกฎหมาย…
  
34:21   
 
34:27  ไม่ใช่อิสรภาพจากตำรวจ จากการจ่ายภาษีอากร
แต่เป็นอิสรภาพที่…
  
34:32   
 
34:41  …พ้นจากการพึ่งพาผู้อื่นทางจิตใจ
เพราะผู้อื่นเมื่อเขาสอนคุณ…
  
34:43   
 
34:48  เขาสอนทั้งจากความรู้
จากตำแหน่งและสถานภาพของเขา…
  
34:52   
 
34:57  ความรู้นั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของความไม่รู้
เพราะความรู้ไม่เคยสมบูรณ์
  
35:02  ดังนั้นความรู้จึงเป็นส่วนหนึ่ง
ของความไม่รู้หรือความโง่เขลาเสมอ
  
35:07  ใช่ไหมครับ
 
35:10  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจไหม
 
35:15  แน่นอนความรู้ไม่เคยเป็นทั้งหมด
ไม่เคยสมบูรณ์ครบถ้วน
  
35:18   
 
35:23  ดังนั้นในความรู้
จึงมีความไม่รู้ ความโง่เขลาอยู่ด้วย
  
35:29  เมื่อคุณตระหนักเห็นเช่นนั้น
เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพิง…
  
35:33   
 
35:39  …ในเรื่องทางจิตวิญญาณ ทางจิตใจ…
 
35:44  …หรือเรื่องการสืบค้นใคร่ครวญ
ทางศาสนาอย่างลึกซึ้ง
  
35:50  เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะพึ่งพิงใคร
นั่นคืออิสรภาพ…
  
35:59  …ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดชอบ
ที่จะเป็นแสงสว่างแห่งตน
  
36:01   
 
36:09  ตามทันไหมครับ
เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
  
36:15  เพราะว่าเรากำลังร่วมกันค้นหา
โปรดค้นหาด้วยตัวคุณเอง…
  
36:20   
 
36:27  ไม่ใช่อยู่ในโอวาทหรือคำสั่งของผู้อื่น
ไม่ใช่ถูกกระตุ้นโดยคนอื่น…
  
36:32   
 
36:37  ไม่ใช่คนอื่นส่งเสริมให้กำลังใจ แต่ค้นหา
ด้วยตัวเราเองทั้งหมดอย่างแท้จริง…
  
36:40   
 
36:45  ซึ่งไม่ใช่การยึดตนเป็นสำคัญ
เราจึงจะเป็นแสงสว่างแห่งตนได้
  
36:51   
 
36:58  ใช่ไหมครับ
 
37:05  เราเข้าใจเรื่องนี้ด้วยกันไหม
 
37:07  ไม่ใช่การเห็นด้วย
หรือถูกต้อนให้จนมุม
  
37:16  ฉะนั้นคุณ
ไม่ได้ถูกบังคับให้เห็นด้วย
  
37:25  ไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยความจริงจังของผู้พูด
 
37:36  ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเพียงเปลวไฟ
ที่จะดับมืดลงด้วยแรงลม
  
37:41   
 
37:57  จากสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้
จิตของคุณ จิตซึ่งคือสมอง…
  
38:00   
 
38:04   
 
38:09  …ประสาทสัมผัส
คุณภาพของการคิดของคุณ...
  
38:17   
 
38:22  …โดยที่รู้ดีถึงข้อจำกัดของมัน…
 
38:28  …พร้อมไหม ไม่ใช่การเตรียมพร้อม
ผมจะไม่ใช้คำว่า "เตรียมพร้อม"…
  
38:32   
 
38:34  …เพราะการเตรียมพร้อมหมายถึงกาลเวลา
ซึ่งเป็นทฤษฎีโปรดของคุณ…
  
38:37   
 
38:41  …ที่เราต้องใช้เวลา
ในการเป็นแสงสว่างแห่งตน
  
39:00  เมื่อจิตของเราได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
แม้ว่าคุณเพิ่งฟังเป็นครั้งแรก
  
39:05   
 
39:13  และเมื่อคุณฟัง
อย่างเป็นครั้งแรกจริงๆ เท่านั้น…
  
39:16  ถ้าคุณใส่ใจฟังอย่างแท้จริงเท่านั้น
 
39:21  คุณรู้ไหม มันคล้ายกับการมองดู
ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือลาลับ…
  
39:30  ...ความงามและแสงอันพิเศษสุด
ไม่เคยเหมือนเดิมเลย
  
39:39  คุณดูมันได้วันแล้ววันเล่า
เดือนแล้วเดือนเล่า…
  
39:45  …คุณไม่เคยพูดว่า
"ฉันเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่ง มันก็พอแล้ว"
  
39:56  หากเราใส่ใจฟังในสิ่งที่ได้พูดมา
และสิ่งที่กำลังพูดอยู่นี้
  
40:00   
 
40:03  มันก็ไม่เป็นสิ่งซ้ำซาก
 
40:11  ความงามไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น
เหมือนเดิมตลอดไป แต่มันใหม่เสมอ
  
40:23   
 
40:28  เมื่อคุณดูภาพเขียนคลาสสิค
อันน่าพิศวง…
  
40:34  ...หรือคุณฟังดนตรี
มันใหม่ตลอดกาล
  
40:38   
 
40:45  แต่จิตของเรา
ถูกทำให้ทื่อทึบด้วยถ้อยคำ…
  
40:53  เมื่อเราฟังคำพูดซ้ำๆ
เราก็บอกว่า "ฉันเบื่อแล้ว…
  
40:56  …คุณเคยพูดเรื่องทั้งหมดนั้นมาแล้ว"
 
41:04  แต่ถ้าคุณฟัง
ก็มีอะไรบางอย่างใหม่อยู่เสมอ…
  
41:07   
 
41:12  ...เฉกเช่นอาทิตย์ยามตกดิน
ดวงดาวยามย่ำค่ำ และน้ำในแม่น้ำ
  
41:15   
 
41:19  (avoir le temps)
 
41:37  เรายังมีเวลาเหลืออยู่อีก
 
41:52  เราขอถามคุณว่า
จิตรวมทั้งหัวใจ ทั้งหมดของชีวิตเรา…
  
41:56   
 
42:00   
 
42:04   
 
42:12  ทั้งภาวะของประสาทสัมผัสที่ไม่ถูกแบ่งแยก
คุณเข้าใจไหม เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด…
  
42:19   
 
42:21   
 
42:33  อีกทั้งความคิดและการคิด
ที่รู้ว่ามันถูกจำกัด แยกออกเป็นส่วนๆ…
  
42:40   
 
42:44  …ติดอยู่ในกาลเวลาเสมอ
และสมองอันเป็นผลพวงของ…
  
42:48   
 
42:55  ...การถูกกำหนดมานานหลายพันปี…
 
43:00  …เต็มไปด้วยความทรงจำ ความรู้
ประสบการณ์ เหมือนกับคอมพิวเตอร์
  
43:07   
 
43:09  แต่แน่นอน สมองมีความสามารถ
เหนือกว่าคอมพิวเตอร์
  
43:12   
 
43:17  สมองได้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ แต่สมอง
ก็ทำงานตลอดเวลาเหมือนกับคอมพิวเตอร์
  
43:24  เราจึงถามว่า
เราสามารถใคร่ครวญ…
  
43:29  …สืบค้นเรื่องทั้งหมดนี้
ด้วยจิตลักษณะนี้ได้ไหม
  
43:37  หรือว่าจิตเพียงอยู่ในภาวะการสังเกต
ที่สังเกตโดยปราศจากผู้สังเกต
  
43:47   
 
43:55  เพราะผู้สังเกตคืออดีต ผู้สังเกตคือผลของ
ประสบการณ์ทั้งหมด ของประสาทสัมผัส
  
43:58   
 
44:04   
 
44:09  การตอบสนอง ปฏิกิริยา
ความทรงจำทั้งปวง ผู้สังเกตคือทั้งหมดนั้น
  
44:12  การสังเกตโดยไร้ผู้สังเกต…
 
44:23  จึงมีเพียงการสังเกตที่บริสุทธิ์เท่านั้น
ไม่มีการบิดเบือน ไม่เคลื่อนคิดออกไป
  
44:30   
 
44:39  ไม่ใช่ผลของการเลือก ชอบหรือไม่ชอบ
เพียงแต่สังเกตเท่านั้น
  
44:49  ในภาวะการสังเกตที่บริสุทธิ์
มีปฏิบัติการเพียงหนึ่งเดียวไหม…
  
44:55   
 
45:10  การรับรู้ที่เป็นทั้งหมดเพียงหนึ่งเดียว
ที่จะแก้ปัญหาทั้งปวงได้สิ้นเชิงมีไหม
  
45:18   
 
45:23  คุณเข้าใจไหมครับ
 
45:32  มีครับ…
 
45:37  ฟังให้ดีนะครับ!
 
45:41  ผู้พูดบอกว่ามีครับ
 
45:45  เป็นธรรมดา
ที่คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
  
45:48  เพราะถ้าคุณตระหนักรู้ถึงมัน
คุณก็ไม่มาที่นี่
  
45:59  โปรดฟังให้ดีนะครับ
ผู้พูดบอกว่า …
  
46:05  ปฏิบัติการนั้นไม่ใช่อำนาจเหนือ
ไม่ใช่ผลของประสบการณ์…
  
46:13   
 
46:19  ...ไม่ใช่ผลของความรู้ที่สั่งสมมา
ไม่ใช่ทั้งหมดนั้น
  
46:24   
 
46:26   
 
46:32  ผู้พูดบอกว่า มีคำตอบ
มีทางออกจากสิ่งทั้งปวงนี้…
  
46:37  ...ออกจากความสับสน ความทุกข์ระทม
ความกลัว ความทรมาน ความสยดสยอง
  
46:44  ใช่ไหมครับ
 
46:47  อย่าได้ยอมรับที่พูดมานี้
 
46:55  เมื่อสืบค้นถึงจุดนี้
คุณอยู่ตรงไหน
  
47:02  ได้โปรดเถิดครับ
ผู้พูดถามด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง
  
47:04   
 
47:09  เราได้พูดคุยกันมา 20 นาที
หนึ่งชั่วโมง 40, 50 นาทีแล้ว…
  
47:17  …เมื่อมาถึงจุดจบแล้ว
คุณสมบัติของจิตคุณที่สามารถ…
  
47:22   
 
47:25  โปรดฟังให้ดี
จิตที่สามารถรองรับอะไรบางอย่างได้
  
47:29  คุณตอบว่า "ใช่" ที่ว่า "ใช่" นั้น
เป็นการค้นพบด้วยตัวคุณเอง
  
47:31  เป็นแสงสว่างของตัวคุณเอง
 
47:42  เป็นความใส่ใจอันสมบูรณ์ของตัวคุณ
ที่คุณเองทุ่มเทให้แก่การค้นหา
  
47:46   
 
48:13  ผมจะสืบค้นต่อไป
อย่างระมัดระวัง
  
48:21  เราต้องมีปัญญา
 
48:30  ปัญญาแตกต่างจากความรู้
 
48:37  เราได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า
ในความรู้ยังมีความโง่เขลา
  
48:43   
 
48:47  ใช่ไหมครับ
 
48:50  แต่ทว่าปัญญา
เป็นอิสระจากความโง่เขลา...
  
48:59  ดังนั้นจึงเป็นอิสระจากสิ่งลวง
 
49:06  และปัญญา
ไม่ใช่ผลจากความรู้ที่สั่งสมมา
  
49:12   
 
49:15   
 
49:21  คุณสมบัติแห่งปัญญาจะเกิดขึ้น
เมื่อมีการหยั่งเห็นและมีปฏิบัติการ
  
49:31  นั่นคือเกิดการหยั่งเห็นและไม่มีช่องว่าง
ระหว่างการหยั่งเห็นกับปฏิบัติการ
  
49:34   
 
49:42  การเห็นนั่นแหละคือปฏิบัติการ
 
49:47  ผมสงสัยว่าคุณเข้าใจเรื่องนี้ไหม
 
49:54  คุณตามทันไหมครับ
 
49:59  เมื่อคุณเห็นอันตราย
เช่น หน้าผาสูงชัน
  
50:06  การหยั่งเห็นนั่นเองคือปฏิบัติการ
ที่คุณถอยห่างในทันที
  
50:11   
 
50:13  นั่นคือปัญญา
นั่นคือส่วนหนึ่งของปัญญานั้น
  
50:16  เมื่อคุณเห็นงูที่อันตราย
ปฏิบัติการก็เกิดขึ้นทันที
  
50:22  ใช่ไหมครับ
 
50:24  ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย เพราะมัน
เป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางกาย
  
50:27   
 
50:35  การตอบสนองทางกาย
เป็นการป้องกันตนเอง ซึ่งก็คือปัญญา
  
50:41   
 
50:42  ผู้ไม่มีปัญญา เห็นอันตรายแล้ว
ยังปล่อยให้มันเกิดขึ้น
  
50:51  คุณเข้าใจไหมครับ
 
50:54  ปัญญา คือการหยั่งเห็นอันตราย…
 
50:56   
 
51:02  ...เห็นถึงอันตรายทางจิตใจ
แล้วปฏิบัติการก็เกิดขึ้นทันที
  
51:05  นั่นคือปัญญา
 
51:13  การพึ่งพาผู้อื่นในทางจิตใจ
เป็นอันตราย …
  
51:25  พึ่งพิงเพื่อความอาทร
ความรัก ความอบอุ่นใจ…
  
51:28  และพึ่งพิงเพื่อการเห็นแจ้ง เป็นอันตราย
เพราะทำให้คุณไม่เป็นอิสระ
  
51:33   
 
51:42  ดังนั้น
การหยั่งเห็นถึงอันตราย…
  
51:46  และปฏิบัติการของการหยั่งเห็นนั่นเอง
คือปัญญา
  
51:53  ใช่ไหมครับ
 
51:58  เราต้องมีคุณภาวะแห่งปัญญานั้น
 
52:09  ปัญญานั้นจะไม่เกิดขึ้น
ถ้าคุณยอมทำตาม เลียนแบบ…
  
52:16  …ปรับตัวตามแบบแผน
ที่วางไว้โดยคุรุ…
  
52:19   
 
52:26  ...หรือใครก็ตามที่งี่เง่า
 
52:37  ดังนั้น มีอุดมคติและมีปฏิบัติการ
ซึ่งแตกต่างจากอุดมคติ…
  
52:44   
 
52:47  …หรือการสยบยอมทำตาม
หรือการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับอุดมคติ
  
52:51   
 
52:56  …ซึ่งเป็นการขาดการหยั่งเห็น
ขาดการเห็นกระบวนการนี้ตามความเป็นจริง
  
53:01  เมื่อเกิดการหยั่งเห็น
อุดมคติ การเลียนแบบ…
  
53:06  …การสยบยอม การทำตาม
ทั้งหมดนั้นก็จบสิ้นลง นั่นคือปัญญา
  
53:09   
 
53:13  คุณตามทันไหมครับ ผมไม่ได้
ให้คำจำกัดความของปัญญานะครับ
  
53:14  แต่มันเป็นเช่นนั้น
 
53:18  คนผิดปกติทางจิตเท่านั้น
ที่เห็นอันตรายแล้วยังดำเนินชีวิตดังเดิม
  
53:27  คนจิตผิดปกติ คนโง่เขลา
คนไร้ความคิดทั้งหลาย…
  
53:31  คนที่หลงไปตาม
ความแปลกพิกลของตนเอง…
  
53:39  …ความสุขเพลิดเพลินของตน
แล้วให้ความหมายที่สมเหตุสมผลแก่มัน
  
53:44  ดังนั้นเราต้องมี
คุณภาวะแห่งปัญญานี้
  
53:52  ด้วยปัญญาเช่นนี้…
 
54:01  …จะเกิดสภาวะอันเป็นกระแส
หรือคุณจะเรียกว่าอะไรก็ตาม…
  
54:07   
 
54:13  ...ภาวะที่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้ง
และความทุกข์ระทมทั้งปวงจะเกิดขึ้นไหม
  
54:20  คุณตามทันไหมครับ
 
54:23  จิตที่เปี่ยมด้วยปัญญา
 
54:31  จิตนั้นสืบค้นใคร่ครวญอยู่เสมอ
 
54:40  ถาม: ฟังดูเหมือนจะรุนแรงนะครับ
จิตลักษณะนี้ไม่ควรจะรุนแรง
  
54:44   
 
54:48  ผมขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่
 
54:51  กฤษณมูรติ: คุณครับ ผมขอชี้ให้เห็น
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง…
  
54:55  Q: คุณไม่อาจนิยาม "ปัญญา"
ในลักษณะที่รุนแรงเช่นนั้น…
  
55:01  ผลที่ตามมาของการทำเช่นนั้น
เป็นความรุนแรง…
  
55:06  รุนแรงต่อตัวคุณเอง
รุนแรงต่อเพื่อนมนุษย์
  
55:08   
 
55:12  เป็นความสัตย์จริงครับ
 
55:15  K: ในช่วงอีก 5 วัน
จะมีการสนทนาถามตอบ
  
55:27  ขอให้ถามคำถามเหล่านี้ในช่วงนั้น
 
55:34  ผู้พูดไม่ได้ห้ามคุณไม่ให้ถาม…
 
55:38  ไม่ได้ห้ามไม่ให้สงสัยในสิ่งที่เขาพูด
หรือตั้งคำถามต่อทุกสิ่งที่เขาพูด
  
55:41   
 
55:48  แต่ไม่ใช่โอกาสนี้
 
55:55  โปรดอดใจรอ
และนึกถึงคนอื่นด้วยครับ
  
56:11  ด้วยปัญญาดังกล่าว เราค้นหาว่ามีหรือ…
 
56:20   
 
56:27  …ซึ่งอาจจะไม่มีปฏิบัติการนั้น…
 
56:35  …สภาวะหรือคุณลักษณะนั้น
ที่จะคลี่คลายทุกปัญหาของชีวิตเราได้
  
56:39   
 
56:52  มีแน่นอน
แต่ผมลังเล เพราะว่า…
  
56:57   
 
57:06  …เราต้องใช้คำพูด
ที่ใช้กันจนผิดความหมาย
  
57:11  ...เราต้องใช้คำ
ที่สูญเสียความหมายของมันไปแล้ว
  
57:25  เช่นคำว่า "รัก" ได้กลายเป็น
เรื่องทางเพศ ทางประสาทสัมผัส
  
57:31  เป็นเรื่องความรู้สึกทางกาย
ซึ่งแฝงอยู่ด้วยความสุขเพลิดเพลิน…
  
57:43  …ความกลัว ความวิตกกังวล การพึ่งพิง…
 
57:54  รวมถึงความน่าเกลียดทั้งหลาย
ที่เกิดขึ้นในสิ่งที่เรียกว่าความสัมพันธ์
  
57:58   
 
58:04  ดังนั้นเราใช้คำๆ นี้ด้วยความกังขายิ่ง
 
58:31  ความรักไม่เกี่ยวข้องกันเลย
กับความริษยา ความกลัว หรือความทุกข์โศก
  
58:38   
 
58:46  ความรักคือความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่ใช่ต่อคนใกล้ตัวเท่านั้น…
  
58:52   
 
58:54   
 
58:59  แต่รับผิดชอบต่อชีวิตทั้งมวล ไม่ใช่เพียง
ชีวิตคุณเองเท่านั้น แต่ชีวิตอื่นๆ ด้วย
  
59:05  ผมขอบอกว่า
ความรักคือคำตอบต่อทั้งหมด
  
59:15  หากปราศจากความรัก
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม
  
59:21  …จะยืนด้วยศีรษะไปจนตลอดชีวิต…
 
59:26  …จะนั่งในท่าดอกบัว หรืออะไรก็ตาม
 
59:38  ด้วยปัญญาเช่นนี้
สภาวะอื่นก็เกิดขึ้น
  
59:44  คุณเข้าใจไหมครับ
 
59:47  หากปราศจากปัญญา
คุณไม่สามารถมีอีกสภาวะหนึ่ง
  
59:56  ปัญญาและความรัก
ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
  
1:00:00  และด้วยเหตุนี้ความเมตตา
จึงมีคุณภาวะแห่งปัญญาอันยิ่งใหญ่
  
1:00:02  และนั่นคือคำตอบ
ที่จะสลายปัญหาของเราได้ทั้งหมด
  
1:00:12  แค่นี้ครับ
 
1:00:15  ผมขอตัวนะครับ
 
1:00:23  Можно мне уйти?
 
1:00:40  Posso andare?