Krishnamurti Subtitles

SD72CCTR - สมาธิคืออะไร

สนทนากับโชเกรียม ตรุงปา ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1972



0:20  K:คุณทราบไหมครับ ในทุกศาสนา
ในศาสนาที่จัดตั้งเป็นระบบ...
  
0:24   
 
0:29  ...พร้อมด้วยหลักเกณฑ์ที่ไม่มี
ข้อพิสูจน์ ความเชื่อ...
  
0:32  ...จารีตประเพณี และอื่นๆ
ของศาสนาจัดตั้งทั้งหมด...
  
0:37  ...ประสบการณ์ส่วนตัว
ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ
  
0:46  ตัวบุคคลกลายเป็นสิ่งสำคัญพิเศษ...
 
0:52  ...สิ่งสำคัญไม่ใช่คำสอน
ไม่ใช่ความเป็นจริง...
  
0:56  ...แต่ไปเน้นที่ตัวบุคคล
 
1:00  และคนส่วนใหญ่ก็แสวงหา
ประสบการณ์ส่วนตัว...
  
1:20  ...และถ้ามันเป็นประสบการณ์
ส่วนตนของคนคนหนึ่ง...
  
1:25  ...มันจะมีความถูกต้องน้อยมาก
เพราะว่าประสบการณ์นั้น...
  
1:29  ...บางทีก็เป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้น
จากความปรารถนาของตนเอง...
  
1:32  ...ความกลัว ความหวังและอื่นๆ
 
1:37   
 
1:41  ดังนั้นในเรื่องของศาสนา...
 
1:46  ...ประสบการณ์ส่วนตัว
จึงมีความถูกต้องมีเหตุผลน้อยมาก
  
1:51  แต่กระนั้นมนุษย์ทั่วทั้งโลก
ก็ยังให้ความสำคัญกับตัวบุคคล
  
1:56   
 
2:01  เพราะสำหรับมนุษย์
ตัวบุคคลแสดงถึงจารีต...
  
2:04  ...อำนาจและวิถีของชีวิต...
 
2:16  ...มนุษย์หวังว่าจะบรรลุหรือเข้าถึง
ก็โดยอาศัย 'ตัวบุคคล'...
  
2:19  ...การตรัสรู้ หรือสวรรค์
หรืออื่นๆ ในทำนองนั้น
  
2:26  เมื่อเกี่ยวข้องกับสัจจะ
ประสบการณ์ส่วนตัวไม่มีคุณค่าใดๆ เลย
  
2:32   
 
2:42  ดังนั้นการปฎิเสธประสบการณ์ส่วนตัว
คือการปฎิเสธ "ตัวฉัน"...
  
2:56  ...เพราะว่า "ตัวฉัน" เป็นเนื้อแท้
ของประสบการณ์ทั้งปวง ซึ่งก็เป็นอดีต
  
3:01   
 
3:05  และเมื่อศาสนิกชน
เดินทางไปเผยแพร่ศาสนา...
  
3:12  ...หรือจากอินเดียมายังประเทศนี้
หรือที่อื่นๆ...
  
3:15  ...สิ่งที่พวกเขาทำจริงๆ ก็คือ
การโฆษณาชวนเชื่อ...
  
3:20  ...และการโฆษณาชวนเชื่อก็ไม่มี
ความหมายอะไรเลยเมื่อเกี่ยวข้องกับสัจจะ...
  
3:24  ...เพราะจากนั้น
มันจะกลายเป็นเรื่องเท็จ...
  
3:36  ดังนั้น ถ้าเราวางประสบการณ์ทั้งหมด
ของมนุษย์โดยสิ้นเชิง...
  
3:42   
 
3:49  ...รวมทั้งละวางระบบ การฝึกฝน
พิธีกรรมทางศาสนา...
  
3:52  ...อีกทั้งหลักเกณฑ์ที่ไร้ข้อพิสูจน์
และแนวความคิดต่างๆ ด้วย...
  
3:57  ...นั่นคือ ถ้าคุณสามารถทำได้จริง...
 
4:00  ...ไม่ใช่เข้าใจแต่ทฤษฎี...
 
4:10  ...แต่พูดได้จริงๆ ว่า
ทิ้งมันไปหมดแล้ว...
  
4:18  ...จากนั้นคุณภาพของจิต...
 
4:22  ...ที่ไม่ได้ติดจมอยู่ในร่องรอย
ของประสบการณ์จะเป็นอย่างไร
  
4:31   
 
4:39  เพราะสัจจะไม่ใช่สิ่งที่
คุณจะเอาเป็นประสบการณ์ได้...
  
4:46  ...สัจจะไม่ใช่สิ่งที่จะไปถึงได้
โดยคุณค่อยๆ พัฒนาให้ก้าวหน้า...
  
4:48  ...มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเข้าถึงได้
โดยการฝึกฝนวันแล้ววันเล่า...
  
4:57  ...หรือโดยการเสียสละที่ไม่สิ้นสุด...
 
5:03  ...โดยการควบคุมหรือโดยวินัย
 
5:05   
 
5:09  ถ้าคุณทำเช่นนั้น
มันก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัว...
  
5:13  ...และเมื่อมันเป็น
ประสบการณ์ส่วนตัว...
  
5:15   
 
5:19  ...เมื่อนั้น จะมีการแบ่งแยก
ระหว่าง "ตัวฉัน" หรือ ตัวบุคคล...
  
5:22  ...กับสิ่งที่คุณประสบ...
 
5:25  ...แม้คุณจะพยายามยึดเอา
ประสบการณ์นั้น สิ่งนั้น เป็นของคุณ...
  
5:26  ...การแบ่งแยกก็ยังมีอยู่
 
5:31  จากสิ่งเหล่านี้จะเห็นว่า...
 
5:35  ...ศาสนาที่เป็นระบบได้ทำลาย
สัจจะไปแล้วจริงๆ อย่างไร...
  
5:43  ...เช่น ทำให้มนุษย์ประพฤติตน
ตามเรื่องปรัมปราที่พิสดารไร้สาระ...
  
5:54  ...เมื่อเห็นสิ่งทั้งหมดนี้ และหาก
คุณได้วางสิ่งทั้งหมดนั้นลงแล้วด้วย...
  
5:57   
 
6:02  ...สมาธิจะยังมีบทบาทอะไร
ในสิ่งทั้งหมดนี้อีก
  
6:11  ผู้ชี้นำ คุรุ ผู้ไถ่บาป นักบวช
ยังมีบทบาทอยู่ตรงไหน
  
6:24  เมื่อกี้นี้ตรงทางเดินผมสังเกตเห็น
ใครบางคนที่มาจากอินเดีย...
  
6:28   
 
6:36  ...เขากำลังเทศน์ สอนสมาธิ
ที่ว่าเหนือพ้นธรรมชาติ...
  
6:39  ...และเมื่อเรียนกับเขา
หากคุณฝึกปฏิบัติทุกวัน...
  
6:42  ...คุณก็จะมีพลังมากขึ้น...
 
6:45  ...ในที่สุดก็เข้าถึงบางสิ่งบางอย่าง
ที่เป็นประสบการณ์เหนือพ้นธรรมชาติ
  
6:53  จริงๆ นะมันช่าง...
ผมไม่สามารถพูดให้แรงมากไปกว่านี้...
  
6:56  ... เมื่อสิ่งเหล่านั้น
เกิดขึ้นกับผู้คน...
  
7:03  ...มันเป็นความหายนะที่ใหญ่ยิ่งจริงๆ
 
7:11  เมื่อผู้สอนพวกนั้นมาจากอินเดีย
จีนหรือญี่ปุ่น...
  
7:16  ...เพื่อสอนสมาธิให้กับผู้คน
เขาแค่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
  
7:22   
 
7:25  สมาธิเป็นสิ่งซึ่ง
คุณต้องฝึกปฏิบัติทุกวันหรือ...
  
7:34   
 
7:41  ...การฝึกฝน หมายถึง การทำตามแบบแผน
การเลียนแบบ หรือการกดข่ม...
  
7:46   
 
7:54  ...คุณรู้ไหมว่าการทำตาม
มีนัยอะไรแฝงอยู่
  
7:59  การทำตาม ไม่ว่าจะทำตาม
รูปแบบใด นั่นไม่สำคัญ...
  
8:01  ...แต่การทำตามนั้นจะทำให้
คุณเข้าถึงสัจจะได้จริงหรือ
  
8:05  ไม่ได้แน่นอน
 
8:15  ถ้าอย่างนั้นสมาธิคืออะไร...
 
8:17  ...ถ้าปฏิบัติตามระบบ ไม่ว่าจะ
แหวกแนวหรือสูงส่งเพียงใดก็ตาม...
  
8:26  ...หรือฝึกฝน
สิ่งที่พากันเรียกว่าสมาธิ...
  
8:29  ...ที่นำไปสู่ประสบการณ์
เหนือธรรมชาติ...
  
8:39  ...ถ้าคุณเห็นความไม่ถูกต้องของมัน
เห็นจริงๆ ว่าเป็นสิ่งปลอมๆ...
  
8:42  ...ไม่ใช่เห็นตามทฤษฎี...
 
8:45  ...แต่เห็นจริงๆ ว่า
มันไม่มีความหมายอะไรเลย...
  
8:47  ...เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว
สมาธิคืออะไร
  
8:52  ก่อนอื่น สมาธิที่ปฏิบัติตามๆ กันมา
จนเป็นจารีตคืออะไร...
  
8:59  ...ไม่ว่าจะเป็นการทำสมาธิ
แบบคริสเตียน ฮินดู พุทธ ทิเบตหรือเซน...
  
9:02   
 
9:07  ...คุณก็รู้ว่ามีการทำสมาธิหลายๆ แบบ
รวมทั้งต้นสังกัดของมันทั้งหมดด้วย
  
9:15  สำหรับผมทั้งหมดนั้นไม่ใช่สมาธิเลย
 
9:24  ดังนั้นอะไรคือสมาธิ
 
9:26  เราจะสนทนาในเรื่องนั้นกันได้ไหม
 
9:30  C:ได้ครับ
 
9:36  K:ทำไมเราจะต้องทำให้สมาธิเป็นปัญหา
 
9:43  มนุษย์เรามีปัญหามากพออยู่แล้ว
ทั้งทางด้านกายภาพและในจิตใจ...
  
9:47   
 
9:49  ...ทำไมจะต้องเพิ่มปัญหา
เรื่องสมาธิเข้าไปอีก
  
9:55  คุณเข้าใจไหมว่าผมหมายถึงอะไร
 
9:59  ในเมื่อมนุษย์มีปัญหา
เป็นพันเรื่องอยู่แล้ว...
  
10:03  ...ทำไมถึงสร้างปัญหาพิเศษให้เขาอีก
 
10:11  หรือการทำสมาธิเป็นหนทางหนึ่ง
ที่เขาจะหนีจากปัญหาของเขา...
  
10:19  ...หลีกหนีจากความเป็นจริง...
 
10:23  ...เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่สมาธิแลย
 
10:27  หรือว่าสมาธิ คือการเข้าใจ
ปัญหาของการมีชีวิตอยู่
  
10:42  โดยไม่หลีกหนีปัญหาของชีวิต
ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
  
10:44  ถ้าหากไม่เข้าใจประเด็นนี้...
 
10:51  ...ถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ถูกจัดไว้
ถูกที่ถูกทางในชีวิต...
  
10:58  ...ผมหมายความว่า
ผมอาจจะไปนั่งมุมใดมุมหนึ่ง...
  
11:01  ...แล้วทำตามใครบางคนซึ่งจะสอนสมาธิ
เหนือธรรมชาติ หรือสมาธิเหลวไหล...
  
11:05  ...มันก็จะไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น
 
11:10  ใช่ไหมครับ
 
11:16  สำหรับคุณ การทำสมาธิคืออะไร
 
11:22  มันหมายถึงอะไร
 
11:27  ผมหวังว่าผมคงไม่ได้ทำให้มันยากเกินไป
สำหรับคุณที่จะตอบคำถามนี้...
  
11:30  ...เพราะว่าผมปฏิเสธวิธีทำสมาธิ
ทำนองนั้นทั้งหมด...
  
11:33  ...ไม่ว่าการฝึกฝนปฏิบัติ
หรือท่องคำซ้ำๆ...
  
11:37  ...อย่างที่เขาทำกันในอินเดีย
และในทิเบต...
  
11:45  ...หรืออย่างที่เขา
ทำกันทั่วทั้งโลก...
  
11:46   
 
11:48  ...สวดคำว่าอีฟมาเรีย
หรือคำอื่นๆ ในทำนองนั้น...
  
11:51  ...ท่องบ่น ซ้ำๆ ซากๆ
มันไม่มีความหมายอะไรเลย
  
11:53  คุณทำให้จิตคุณโง่วิตถาร
และพิกลพิการมากขึ้น
  
12:00  ดังนั้นผมจะขอให้เรา
เข้าไปสืบค้นคำถามนี้ด้วยกัน
  
12:10  ว่ามันเป็นเพราะจารีต
ซึ่งมีรากฐานอันยาวนาน...
  
12:15   
 
12:19  ...บอกว่าคุณจะต้องทำสมาธิ
เราจึงทำสมาธิกันใช่ไหม
  
12:24  เมื่อผมเป็นเด็ก
เด็กวรรณะพราหมณ์คนหนึ่ง...
  
12:28  ...ตอนนั้นผมยังเล็ก
ผมพอจำได้คลับคล้ายคลับคลา...
  
12:32  ...การเป็นพราหมณ์
เราต้องเข้าพิธีกรรมอย่างหนึ่ง...
  
12:35  ...ในช่วงนั้นมีคนบอกให้เรา
นั่งเงียบๆ หลับตา ทำสมาธิ...
  
12:41   
 
12:43  ...คิดเกี่ยวกับนั่นนี่
แล้วสิ่งทั้งหมดถูกจัดไว้ให้ทำตาม
  
12:52  ดังนั้นถ้าเราสามารถสืบค้นไปด้วยกัน
และช่วยกันดูว่าสมาธิคืออะไร...
  
12:57  ...นัยสำคัญของมันมีอะไรบ้าง...
 
13:05  ...ทำไมเราควรจะทำสมาธิด้วย
 
13:21  ถ้าหากมันเป็นปัญหา
 
13:25  คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม
 
13:28  ถ้าคุณทำให้สมาธิ
เป็นอีกปัญหาหนึ่งแล้วล่ะก็...
  
13:32  ...เพื่อเห็นแก่พระเจ้า
อย่าทำสมาธิเลย!
  
13:33  คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม
 
13:35  เพราะมนุษย์มีปัญหา
เป็นพันๆ อยู่แล้ว...
  
13:36  ...ทำไมจะต้องเพิ่มเข้าไป
อีกปัญหาหนึ่งด้วย
  
13:43  ดังนั้นเราจะเข้าไปสืบค้น
เรื่องนี้ด้วยกัน มีส่วนร่วมกันได้ไหม
  
13:53  เมื่อเห็นวิธีการที่เป็นจารีต
และเห็นความเหลวไหลเหล่านั้น
  
14:00   
 
14:05  เพราะคุณเห็นว่า นอกเสียจากว่า
มนุษย์จะเป็นแสงสว่างให้กับตัวเองแล้ว...
  
14:11   
 
14:19  ...เรื่องอื่น ๆ ไม่สำคัญเลย
เพราะว่าถ้าคุณยังพึ่งพิงคนอื่น...
  
14:25   
 
14:29  ...คุณก็จะตกอยู่ใน
ความวิตกกังวลตลอดเวลา
  
14:38  ดังนั้นเราจะสืบค้น
เรื่องที่เป็นจารีตด้วยกันก่อนได้ไหม
  
14:45  ทำไมเราจะต้องทำสมาธิด้วย
 
14:51  C:คุณไม่คิดหรือว่า
ในสภาพการณ์ที่มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่...
  
14:56  ...การทำสมาธิเกิดขึ้น
เป็นส่วนหนึ่งของสภาพการดำรงชีวิต
  
15:06  K:คุณครับ มนุษย์มีปัญหามากมาย
นับไม่ถ้วนใช่ไหม
  
15:14  เขาจะต้องแก้ปัญหาเหล่านั้นก่อน
ไม่ใช่หรือ
  
15:18  เขาต้องจัดระเบียบในบ้าน
ซึ่งเขาอาศัยอยู่ก่อน...
  
15:24   
 
15:28  ...ซึ่งบ้านก็คือ "ตัวฉัน"
ความคิดของฉัน ความรู้สึกของฉัน...
  
15:33  ...ความวิตกกังวลของฉัน ความรู้สึกว่า
ฉันผิด ความเศร้าโศกของฉัน...
  
15:37  ...ฉันต้องทำให้เกิดระเบียบขึ้นในนั้น
 
15:39  ถ้าไม่มีระเบียบ
ฉันจะก้าวต่อไปได้อย่างไร
  
15:43  C:ปัญหาก็คือ
ถ้าคุณพยายามจะแก้ปัญหา...
  
15:46  ...ถ้าคุณมองหาความเป็นระเบียบ...
 
15:49  ...มันเหมือนกับว่าคุณไม่ได้กำลัง
มองหาความยุ่งเหยิงต่อไปอีกไม่ใช่หรือ
  
15:52  K: เปล่าครับ ผมไม่ได้กำลังมองหา
ความเป็นระเบียบ
  
15:57  ผมกำลังสืบค้นว่า
เมื่อมีความไม่เป็นระเบียบอยู่...
  
16:03  ...และผมต้องการจะรู้ว่า
ทำไมถึงมีความไม่เป็นระเบียบ...
  
16:06  ...ผมไม่ได้ต้องการค้นหา
ความเป็นระเบียบ...
  
16:09  ...เพราะผมจะได้ทั้งคุรุมากมาย
และพ่วงพวกศิษย์ที่ติดมาอีกด้วย
  
16:15  ผมไม่ได้ต้องการความเป็นระเบียบ...
 
16:16  ...ผมเพียงแต่ต้องการจะค้นหาว่า...
 
16:18  ...ทำไมชีวิตคนเราถึงมีแต่
ความยุ่งเหยิงวุ่นวายและสับสนไร้ระเบียบ
  
16:29  มนุษย์ต้องค้นหา ไม่ใช่ถามใครบางคน
ให้บอกเขาว่ามีความสับสนวุ่นวายหรือไม่
  
16:31   
 
16:34  C:แต่คุณไม่สามารถหาคำตอบได้
จากปัญญานึกคิด
  
16:39  K:แต่ปัญญานึกคิดก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของโครงสร้างทั้งหมด...
  
16:42  ...คุณไม่สามารถปฏิเสธปัญญานึกคิดได้
 
16:44  C:แต่คุณไม่สามารถใช้ปัญญานึกคิด
แก้ปัญหาที่เกิดจากความคิดได้
  
16:48  K:คุณไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้น
ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม...
  
16:52  ...ยกเว้นจะแก้ไขอย่างเป็นทั้งหมด
 
16:54  C:ใช่ครับ
 
16:57  K:นั่นคือ การแก้ปัญหา
ความสับสนวุ่นวายของมนุษย์...
  
17:03  ...เรื่องนั้นต้องการสมาธิหรือครับ
 
17:08  ...สมาธิ ในความหมาย
ที่ยอมรับกันตามปกติทั่วไป
  
17:15  C:ผมไม่คิดว่าเป็นสมาธิ
ที่เข้าใจกันตามธรรมเนียม...
  
17:19  ...แต่หมายถึงสมาธิ
ในแง่ที่พิเศษออกไป
  
17:24  K:ผมจะขอถามว่า นั่นคุณหมายถึงอะไร
 
17:27  C:สมาธิที่พิเศษออกไป
คือการพยายามจะค้นหา...
  
17:35  ...หรือการมองเห็นความสับสนวุ่นวาย
ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำสมาธิ
  
17:40  K:ให้เห็นความสับสนวุ่นวาย
 
17:42  C:การเห็นความสับสนวุ่นวาย
ว่าเป็นความมีระเบียบ...
  
17:44  ...ถ้าคุณอยากจะให้พูดอย่างนั้น
 
17:45  K:ไม่ใช่ครับ
 
17:46  C:เห็นความสับสนวุ่นวาย
ว่าเป็นระเบียบ
  
17:47  K:ไม่ใช่ เห็นความสับสนวุ่นวายต่างหาก
 
17:50  C:ถ้าคุณเห็นความสับสนวุ่นวาย
มันก็จะกลายเป็นระเบียบ
  
17:54  K:แต่ผมจะต้องเห็นมันก่อน
 
17:59  C:เห็นมันอย่างชัดเจน
 
18:01  K:ดังนั้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า
คุณสังเกตดูความสับสนวุ่นวายอย่างไร
  
18:08  C:โดยไม่พยายามแก้ไขมัน
 
18:10  K:ใช่ ไม่พยายามแก้ไข
 
18:11  เพราะหากคุณพยายามจะแก้ไข...
 
18:14  ...คุณก็จะแก้ไขมัน
ไปตามแบบแผนที่กำหนดขึ้น...
  
18:18  C:แบบแผนที่สร้างขึ้น
คงรูปคงร่าง
  
18:19  K: ซึ่งเป็นผลมาจาก
ความสับสนวุ่นวายของคุณ...
  
18:23  ...เป็นสิ่งตรงกันข้าม
กับความไม่เป็นระเบียบที่มีอยู่
  
18:26  ดังนั้นถ้าคุณพยายามจะแก้ไข
ความสับสนวุ่นวาย ความไร้ระเบียบ...
  
18:31  ...มันจะทำไปตามแนวความคิด
ที่เชื่อว่าระเบียบควรจะเป็นอย่างไรเสมอ
  
18:37  ซึ่งได้แก่ ระเบียบตามแบบ
ของคริสเตียน ฮินดู...
  
18:41  ...แบบสังคมนิยม หรือแบบคอมมิวนิสต์
หรือแบบใดก็ตาม
  
18:45  แต่หากคุณสังเกตอย่างถ้วนทั่ว
ว่าความสับสนวุ่นวายคืออะไร
  
18:55  ในนั้นจะไม่มีภาวะคู่ตรงข้าม
 
19:00  C:ครับผมเข้าใจ
 
19:01  K:เราจะสังเกตดู
การดำรงชีวิตของมนุษย์...
  
19:08  ...ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
  
19:17  เมื่อคุณดูโทรทัศน์ ดูโฆษณาต่างๆ
จะเห็นความรุนแรงที่น่าใจหาย...
  
19:20   
 
19:23  ...ความเหลวไหลต่างๆ...
 
19:25  ...แล้วจะเห็นว่าการดำรงอยู่ของมนุษย์
เน้นความสับสนที่แท้จริง...
  
19:29  ...มีการประหัตประหาร ความรุนแรง
แต่ในขณะเดียวกันก็พูดถึงสันติภาพ
  
19:33   
 
19:41  จากนั้นเราก็มาถึงคำถามว่า
จะทำอย่างไรใช่ไหม
  
19:48  การสังเกตดูความสับสนวุ่นวายคืออะไร
 
19:56  คุณสังเกตเห็นความสับสนวุ่นวาย
จากมุมมองของ "ตัวฉัน"...
  
20:05  ...ซึ่งแยกตัวออกจาก
ความสับสนวุ่นวายหรือเปล่า
  
20:10  C:นั่นก็คือความสับสนวุ่นวาย
 
20:13  K: ใช่ไหมครับ! ดังนั้น ผมมองดู
ความสับสนวุ่นวายด้วยสายตาที่มีอคติ...
  
20:19  ...มีความคิดเห็นของผม การสรุป
รวบยอดของผม ตามแนวความคิดของผม...
  
20:23  ...ซึ่งเป็นไปตามการถูกชวนเชื่อ
มานับพันปีหรือเปล่า...
  
20:26  ...ซึ่งก็คือ "ตัวฉัน"
คุณเข้าใจไหม
  
20:30  ดังนั้นผมมองดูความสับสนวุ่นวาย
โดยไม่มี "ตัวฉัน" หรือเปล่า
  
20:38  และนั่นจะเป็นไปได้ไหม
 
20:42  เพราะนั่นแหละคือสมาธิ
คุณตามทันไหม
  
20:45  ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลต่างๆ
ทั้งหมดนั้น ที่พวกเขาพูดกัน
  
20:52  เป็นการสังเกตดู
โดยไม่มีการแบ่งแยก...
  
20:58  ...สังเกตโดยไม่มี "ตัวฉัน"
ซึ่งเป็นเนื้อแท้แห่งอดีต...
  
21:06  ..."ตัวฉัน" ที่พูดว่า
"ฉันควร" "ฉันไม่ควร"...
  
21:09  ... "ฉันต้อง" "ฉันต้องไม่"
 
21:13  "ตัวฉัน" ที่พูดว่า
"ฉันจะต้องทำให้สำเร็จ"
  
21:15  "ฉันจะต้องเข้าถึงพระเจ้า"
หรืออะไรก็ตาม
  
21:20  ดังนั้น การสังเกตโดยไม่มี
"ตัวฉัน" จะเกิดขึ้นได้ไหม
  
21:29  คุณรู้ไหมถ้าตั้งคำถามนั้น
กับนักปฏิบัติพวกอนุรักษ์นิยม...
  
21:38  ...เขาก็จะพูดว่า "เป็นไปไม่ได้
เพราะว่ายังมี "ตัวฉัน" อยู่
  
21:41  ดังนั้น ฉันจะต้องกำจัด "ตัวฉัน"...
 
21:43  ...และการจะกำจัด "ตัวฉัน"
ฉันจะต้องฝึกฝนปฏิบัติ...
  
21:48  ...ซึ่งหมายความว่าฉันกำลังตอกย้ำ
ความเป็น "ตัวฉัน" ให้แรงขึ้น
  
21:56  โดยอาศัยการปฏิบัติ
ฉันหวังจะเลิกละการปฏิบัติ...
  
22:01  ...โดยอาศัยการปฏิบัติ ฉันหวังจะ
กำจัดผลของการปฏิบัตินั้นให้สิ้นซาก...
  
22:05  ...ซึ่งนั่นก็ยังคือ "ตัวฉัน"...
 
22:07  ...ดังนั้นคุณจึงติดอยู่ในวงจร
อันเลวร้ายนี้
  
22:16  ฉะนั้นโดยวิถีทางจารีตเท่าที่ผมเห็น
ตามที่ผมสังเกตเห็น...
  
22:19   
 
22:21  ...ไม่ใช่ตามที่ผมเห็น
แต่ตามที่ผมได้สังเกตเห็นมา...
  
22:25  ...โลกนี้ให้ความสำคัญกับ
"ตัวฉัน" ในวิธีที่แยบยลมาก...
  
22:31  ...ซึ่งทำให้ "ตัวฉัน"
แกร่งแรงขึ้น...
  
22:37  ..."ตัวฉัน" ที่กำลังจะไปนั่ง
เคียงข้างพระเจ้า
  
22:40  ดูความเหลวแหลกของมันสิครับ
 
22:43  "ตัวฉัน" คือผู้ที่จะเข้าถึงนิพพาน
หรือการหลุดพ้น...
  
22:46  ...หรือขึ้นสวรรค์ หรือตรัสรู้
นั่นไม่มีความหมายอะไรเลย
  
22:56  ดังนั้น เราจะเห็นว่า
วิธีการแนวอนุรักษ์นิยม...
  
23:01  ...จริงๆ แล้วกำลังกักขังมนุษย์
ไว้ในคุกแห่งอดีต...
  
23:11  ...ด้วยการให้ความสำคัญ
แก่ประสบการณ์ส่วนตัวของเขา
  
23:19  ความจริงแท้ๆ ไม่ใช่เป็น
ประสบการณ์ส่วนตัว
  
23:22  คุณไม่อาจมีประสบการณ์
ที่เป็นส่วนตัว...
  
23:25  ...ถึงความกว้างใหญ่
ไพศาลแห่งท้องทะเล...
  
23:26  ...ทะเลมีอยู่ตรงนั้นเพื่อคุณจะได้
มองดู แต่มันไม่ใช่ทะเลของคุณ
  
23:35  ดังนั้น หากคุณวางประสบการณ์
เหล่านั้นลง...
  
23:42  ...คำถามก็เกิดตามมาว่า..
 
23:43  ...เป็นไปได้หรือไม่
ที่จะเฝ้ามองโดยไม่มี "ตัวฉัน"...
  
23:51  ...เฝ้าสังเกตความสับสน
วุ่นวายทั้งหมดของมนุษย์นี้...
  
23:57  ...ดูชีวิตของเขา
เฝ้าดูวิถีชีวิตของเขา...
  
23:59  ...เป็นไปได้ไหมที่จะสังเกตดู
โดยไม่มีการแบ่งแยก
  
24:12  เพราะว่าการแบ่งแยกแสดงถึงความขัดแย้ง
เฉกเช่น อินเดียและปากีสถาน...
  
24:19  ...ดังเช่น จีน อเมริกาและรัสเซีย
 
24:21  เรื่องเหล่านี้คุณรู้อยู่แล้ว
 
24:22  การแบ่งแยกทางการเมือง
นำไปสู่ความโกลาหล อลหม่าน...
  
24:26  ...การแบ่งแยกในจิตใจ
นำไปสู่ความขัดแย้งอันไม่สิ้นสุด...
  
24:30  ...ทั้งภายในและภายนอก
 
24:34  เพื่อให้ความขัดแย้งนี้ยุติ
ก็คือการสังเกตโดยไม่มี "ฉัน"
  
24:45  C:ผมจะไม่พูดด้วยซ้ำว่าสังเกต
 
24:49  K:ขอให้สังเกต "สิ่งที่เป็นอยู่จริง"
 
24:51  C:ถ้าอย่างนั้นเวลาคุณสังเกต
คุณกำลังพิพากษาตัดสิน
  
24:58  K:ไม่ใช่ ผมหมายความว่า...
 
25:02  คุณสามารถสังเกต
ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ การประเมินค่า
  
25:09  C:แต่การสังเกตที่สมบูรณ์เป็นทั้งหมด
 
25:11  K:แต่นั่นเป็นเพียงแค่
การสังเกตที่แบ่งแยกเป็นส่วนๆ
  
25:12  การสังเกตที่สมบูรณ์เป็นทั้งหมด
จะไม่มีการตีค่าใดๆ เลย
  
25:17  C:ไม่มีทั้งผู้สังเกตด้วย
 
25:18  K:ถ้าอย่างนั้น สมาธิ คืออะไร
 
25:22  C:นั่นแหละคือสมาธิ
 
25:25  K:นั่นคือสมาธิ
 
25:29  ดังนั้นในการสังเกตดู
ความสับสนวุ่นวาย...
  
25:35  ...ซึ่งแท้ที่จริงก็คือ
สมาธินั่นเอง...
  
25:40  ...ในการสังเกตนั้น
มีความเป็นระเบียบเกิดขึ้น...
  
25:44  ...ซึ่งไม่ใช่ระเบียบ
ที่ปัญญาทางความคิดสร้างขึ้น
  
25:52  ดังนั้นสมาธิจึงไม่ใช่การค้นหา
ที่เป็นเรื่องส่วนตัว...
  
25:53  ...เพื่อเป็นประสบการณ์ส่วนตัว
 
26:01  ใช่ไหม
 
26:03  สมาธิไม่ใช่การแสวงหา
ประสบการณ์เหนือธรรมชาติ...
  
26:12  ...ที่จะให้พลังมหาศาลแก่คุณ
ให้คุณพระพฤติผิดยิ่งขึ้นไปอีก
  
26:19  สมาธิไม่ใช่ความสำเร็จส่วนตัว
ที่จะได้นั่งเคียงข้างพระเจ้า
  
26:23   
 
26:29  สมาธิคือสภาวะของจิตที่ไม่มี "ฉัน"...
 
26:34   
 
26:39  ...และเพราะฉะนั้นการไม่มี "ฉัน"
นั่นเองนำไปสู่ความเป็นระเบียบ
  
26:48  และก่อนที่จะก้าวต่อไป
ความเป็นระเบียบนั้นจะต้องเกิดขึ้น
  
26:56  คุณเข้าใจไหมครับ
 
26:58  เมื่อปราศจากระเบียบ
สรรพสิ่งกลายเป็นเรื่องเหลวไหล
  
27:04  เหมือนกับคนเหล่านี้
ที่เต้นไปทั่วๆ...
  
27:07  ...สวดมนต์และเอ่ยชื่อ
"กฤษณะ" ซ้ำๆ...
  
27:12  ...รวมทั้งเรื่องเหลวไหลทั้งหมดนั้น
นั่นไม่ใช่ระเบียบ
  
27:16  พวกเขากำลังสร้าง
ความสับสนอลหม่านอย่างใหญ่หลวง
  
27:20  เหมือนที่ชาวคริสต์สร้างความสับสน
วุ่นวายอย่างใหญ่หลวง...
  
27:24  ...ชาวฮินดูและชาวพุทธก็เช่นกัน
 
27:26   
 
27:29  ตราบเท่าที่คุณยังยึดถือในแบบแผน
คุณต้องสร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นในโลก
  
27:32  ขณะที่คุณพูดว่า
"อเมริกาจะต้องเป็นมหาอำนาจ"...
  
27:35  ...คุณก็กำลังสร้าง
ความสับสนวุ่นวายขึ้น
  
27:44  ดังนั้นจากสิ่งที่เกิดขึ้น
ทำให้จำเป็นจะต้องสืบค้น...
  
27:50   
 
27:56  ...จึงมีคำถามต่อไปว่า จิตสามารถ
สังเกตการณ์โดยปราศจากกาลเวลา...
  
28:03  ...ปราศจากความทรงจำ
ซึ่งเป็นเนื้อหาสาระของจิตได้ไหม
  
28:08  ความทรงจำและกาลเวลา
เป็นวัตถุดิบของจิต
  
28:13  จิตสามารถสังเกตดู
โดยปราศจากทั้งสองขั้วนั้น...
  
28:17  ...คือกาลเวลาและความทรงจำได้ไหม
 
28:24  เพราะว่าถ้าจิตสังเกตด้วยความทรงจำ...
 
28:27  ...ความทรงจำคือศูนย์กลาง คือ "ฉัน"
 
28:33  ใช่ไหม
 
28:34  และกาลเวลาก็คือ "ฉัน" ด้วย...
 
28:37  กาลเวลาคือวิวัฒนาการ
ของเซลสมองที่วิวัฒน์ขึ้นๆ...
  
28:43  ...วิวัฒน์คือภาวะที่จะต้องมี
ต้องเป็นอะไรบางอย่าง
  
28:47  ฉะนั้น จิตสามารถสังเกตดู
โดยปราศจากความทรงจำและกาลเวลาได้ไหม
  
28:58  ซึ่งจะเป็นไปได้ต่อเมื่อ
จิตนั้นนิ่งเงียบอย่างแท้จริง
  
29:09  และคนที่ทำตามจารีต
ก็รู้ว่าจิตต้องเงียบ...
  
29:13  ...ดังนั้น เขาจึงพูดว่า
"เราจะต้องฝึกฝนปฏิบัติเพื่อจิตจะได้เงียบ"
  
29:24  ดังนั้นคุณก็บังคับจิตคุณ
คุณก็รู้กลอุบายที่เขาเล่นกันอยู่
  
29:32  C:ผมไม่เห็นความสำคัญอะไรเลย
ในการเน้นให้จิตนิ่งเงียบ...
  
29:34   
 
29:38  ...เพราะว่าถ้าเราสามารถ
มองดูสถานภาพ...
  
29:41  ...โดยไม่ติดอยู่ใน
วิถีของคู่ตรงข้าม...
  
29:43  ...แล้วคุณก็จะมีพลัง
ที่จะเลื่อนไหลต่อไป
  
29:47  K:คุณจะมีพลังที่จะเลื่อนไหลต่อไป
มากขึ้น มีพละกำลังมากยิ่งกว่าเดิม...
  
29:50  ...เมื่อจิตสงบเงียบเท่านั้น
นั่นชัดเจน
  
29:53  C:แต่การไปเน้นความสำคัญ
เรื่องความนิ่งเงียบ...
  
29:55  K:ไม่ใช่ครับ
 
29:58  ในการสังเกตดูความสับสนวุ่นวาย...
 
30:06  ...เราพูดว่า จะต้องไม่มี "ตัวฉัน"...
 
30:11  ...พร้อมทั้งความทรงจำ
และโครงสร้างเรื่องกาลเวลาของมัน...
  
30:17  ...ด้วยคุณภาพจิตเช่นนั้นเอง
จิตจะเงียบและพร้อมจะสังเกต
  
30:20   
 
30:25  ความนิ่งเงียบนั้น
ไม่ใช่ได้มาจากการปฏิบัติฝึกฝน...
  
30:33  ...มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
เมื่อคุณมีระเบียบ
  
30:49  คุณเห็นไหม ในที่สุด
เท่าที่เราสามารถทำได้ก็คือ...
  
30:54   
 
31:00  ...ชี้ให้เห็นและช่วยพา
คนไปให้ถึงประตู...
  
31:03  ...คุณไม่สามารถ
ทำอะไรได้มากไปกว่านั้น...
  
31:07  ...การเปิดประตูเป็นเรื่องของเขา
 
31:11  และเรื่องความคิดทั้งหมด
ที่ต้องการจะช่วยผู้คน ต้องการจะ...
  
31:14   
 
31:23  ...คุณก็รู้ คุณจึงกลายเป็นคนดี
 
31:26  และคนดีก็ยังไม่ใช่ศาสนิกเลย
 
31:41  เราสืบค้นเรื่องนี้กันต่อดีไหม
 
31:42  C:ดีครับ
 
31:48  เรื่องต่อไปที่จะต้องพูดให้ชัดเจน...
 
31:52  ...เมื่อคุณให้ความสำคัญ
กับเรื่องความสงบสุขที่สมบูรณ์
  
31:59  K:เออ! ผมพูดแล้วว่า
ระเบียบอันสมบูรณ์...
  
32:02  ...คือความเงียบที่สมบูรณ์ของจิต
 
32:09  จิตที่เงียบ คือ จิตที่ว่องไวที่สุด
 
32:18  C:นั่นแหละที่ผมต้องการให้คุณพูด
 
32:19  K:จิตเป็นสิ่งที่มีพลวัตที่สุด
มันไม่ใช่สิ่งที่ตายแล้ว
  
32:24  C:คนฟังอาจจะเข้าใจผิด
 
32:26  K:เพราะพวกเขาเคยชิน
อยู่กับการปฏิบัติเท่านั้น...
  
32:29  ...ซึ่งจะช่วยทำให้เขามี ให้เขาเป็น
อะไรบางอย่าง นั่นคือความตาย
  
32:33  แต่จิตที่สืบค้นเข้าไป
ในเรื่องทั้งหมดนี้ อย่างนี้...
  
32:37  ...กลับมีความตื่นตัวฉับไว
มากเป็นพิเศษ และด้วยเหตุนั้นจึงเงียบสงบ
  
32:40  C:ใช่ครับ ผมหมายถึงอย่างนั้นล่ะ
 
32:43  K:มันเหมือนไดนาโมตัวใหญ่
 
32:45  C:ใช่ครับ
 
32:46  K:ยิ่งความเร็วสูงมากเท่าใด
ความตื่นตัวมีชีวิตชีวาก็มากเท่านั้น
  
32:58  แน่นอนมนุษย์แสวงหาพลังงานมากขึ้น
 
33:10  เขาต้องการพลังมากขึ้น
เพื่อจะไปยังดวงจันทร์...
  
33:12  ...หรือไปอาศัยอยู่ใต้ทะเล
คุณเข้าใจไหม
  
33:15  เขาดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มากขึ้น
มากขึ้นและมากขึ้น
  
33:21  และผมคิดว่าการแสวงหาเพื่อให้ได้
มากขึ้น นำมาซึ่งความสับสนวุ่นวาย
  
33:33  สังคมบริโภคคือสังคมที่สับสนวุ่นวาย
 
33:41  วันก่อนที่ไหนสักแห่ง
ผมเห็นกระดาษชำระ...
  
33:49  ...ยี่ห้อคลีเน๊กซ์
มีลวดลายสวยงามไปหมด
  
33:53  คุณตามทันไหม
 
34:00  ดังนั้นคำถามของเราก็คือ
 
34:04  การสังเกตสิ่งที่สับสนวุ่นวาย
นำมาซึ่งระเบียบหรือไม่
  
34:14  เป็นจุดสำคัญอย่างยิ่ง
 
34:17  เพราะว่าสำหรับเรา
สำหรับคนส่วนใหญ่...
  
34:25  ...ยังต้องใช้ความพยายาม
เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ...
  
34:32  ...เพราะมนุษย์เคยชิน
กับการใช้ความพยายาม...
  
34:40  ...การดิ้นรน ต่อสู้ กดข่ม
และบังคับตนเอง
  
34:48  ซึ่งทั้งหมดนั้นนำไปสู่
ความสับสนวุ่นวาย...
  
34:51  ...ทั้งทางด้านสังคม ภายนอกและภายใน
 
34:57  ใช่ไหม
 
35:05  และสิ่งที่ยากสำหรับมนุษย์คือ
เขาไม่เคยสังเกต...
  
35:12   
 
35:18  ...เขาไม่เคยสังเกตดูต้นไม้ ดูนก
โดยไม่แบ่งแยก
  
35:23   
 
35:30  เพราะเขาไม่เคยสังเกตดูต้นไม้สักต้น
หรือนกสักตัวอย่างเต็มที่...
  
35:36  ...เขาจึงไม่สามารถสังเกตตัวเขาเอง
ได้อย่างสมบูรณ์ทั้งหมด
  
35:43  เขาไม่อาจมองเห็นความสับสนวุ่นวาย
ทั้งหมดในการดำรงอยู่ของเขา...
  
35:48  ...เพราะเขามีความคิด
อยู่อย่างหนึ่งตลอดเวลา...
  
35:51  ...ว่ามีบางส่วนในตัวเขา
ที่มีระเบียบอยู่แล้ว...
  
35:53  ...และระเบียบนี้กำลังมองมาที่
ความสับสนวุ่นวาย
  
35:56  คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม
 
36:02  เขาจึงสร้างตัวตน
ที่เหนือกว่าขึ้นมา...
  
36:07   
 
36:10  ...ซึ่งจะนำความเป็นระเบียบ
เข้ามาสู่ความสับสนวุ่นวาย...
  
36:14  ...มีพระเจ้าอยู่ในตัวคุณ...
 
36:22  ...และเมื่อสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า
พระเจ้าจะนำมาซึ่งระเบียบ
  
36:28  จึงมีความพยายามเช่นนี้เสมอมา
 
36:30  ทว่าเราบอกว่า ที่ไหนมี "ฉัน"
ที่นั่นจะต้องมีความสับสนวุ่นวาย
  
36:40  และถ้าฉันมองดูโลกผ่าน "ตัวฉัน"...
 
36:46  ...ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอก
หรือโลกภายใน...
  
36:50   
 
36:53  ...ไม่เฉพาะการแบ่งแยก
ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งเท่านั้น...
  
36:55  ...แต่การแบ่งแยกนั้นยังสร้าง
ความโกลาหลยุ่งเหยิงให้แก่โลก...
  
36:59  ...สร้างความไม่เป็นระเบียบ
ให้โลกอีกด้วย
  
37:03  ทีนี้การสังเกตสิ่งทั้งหมดนั้น
อย่างถ้วนทั่วสมบูรณ์...
  
37:11  ...การสังเกตที่ไม่มีการแบ่งแยก
การสังเกตนี้เองคือสมาธิ
  
37:14   
 
37:22  เมื่อเป็นเช่นนั้น
คุณจึงไม่ต้องฝึกฝนปฏิบัติ...
  
37:25  ...แต่ทั้งหมดที่คุณจะต้องทำ
คือรู้สึกตัว...
  
37:29  ...ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่จริงๆ
ทั้งภายในและภายนอก...
  
37:31  ...เพียงแค่รู้สึกตัว
 
37:56  เท่านี้ก็พอแล้ว ใช่ไหมครับ